ในที่สุดเฉียวเนี่ยนก็ได้พบฮูหยินเฒ่าตอนที่นางมาถึง ฮูหยินเฒ่าก็เพิ่งดื่มยาไปพอดีและกำลังนั่งพิงหัวเตียงอย่างไร้เรี่ยวแรง จนกระทั่งได้ยินเสียงซูมามาบอกว่าเฉียวเนี่ยนมาแล้ว ฮูหยินเฒ่าถึงได้มีท่าทางราวกับว่ามีเรี่ยวมีแรงขึ้นมา และนั่งอย่างปกติ"ท่านย่า!" เฉียวเนี่ยนเดินเข้าไปหาอย่างรวดเร็วก่อนมานางได้บอกกับตัวเองแล้ว ว่าเมื่อพบท่านย่าจะต้องไม่ร้องไห้ ด้วยเกรงว่าท่านย่าจะไม่สบายใจแต่ตอนนี้เมื่อเห็นท่าทีอ่อนแอผอมผ่ายของท่านย่า น้ำตาของนางก็หยดลงมาอย่างห้ามไม่ได้เพิ่งจะผ่านไปไม่ทันไร!เมื่อเทียบกับตอนท่านย่ากลับมาถึงจวนโหวับนางแล้วก็ดูเหมือนเป็นคนละคนบนใบหน้าไร้ซึ่งสีสันใดๆ นอกจากนี้ทั้งตัวยังให้ความรู้สึกราวกับกำลังโรยราเฉียวเนี่ยนมองฮูหยินเฒ่าแค่ปราดเดียวก็รู้สึกใจสลายฮูหยินเฒ่ากลับยิ้ม ยกมือขึ้นปาดน้ำตาของเฉียวเนี่ยน "หลานรักของย่า ลำบากแย่เลย..."ฮูหยินเฒ่าไม่รู้เรื่องที่เฉียวเนี่ยนโดนฮูหยินหลินทุบศีรษะ ที่พูดนั้นหมายถึงเรื่องที่หลินเย่ว์ทำร้ายนางเพื่อที่จะปลอยใจฮูหยินเฒ่า เฉียวเนี่ยนรีบส่ายหน้า "ไม่เลยเจ้าค่ะ หลานหนีออกมาได้แล้ว หลานเก่งจะตายไป!""ดีแล้ว ดีแล้ว!" ฮูห
นัดพบนางอีกแล้วสำหรับการนัดหมายครั้งล่าสุด แม้ว่าสุดท้ายจะไม่ใช่ความผิดของหมิงอ๋อง แต่มันทิ้งรอยแผลไว้ในใจนางจริงๆ และนางก็ไม่อยากตอบรับการนัดหมายเลยแต่เมื่อนึกถึงว่านางไม่ได้พบกับหมิงอ๋องอีกเลยนับตั้งแต่วันนั้น ในฐานะที่เขาเป็นคู่หมั้น ไม่แปลกที่เขาจะเป็นห่วงนางหากไม่ไปก็ดูใจร้ายไปหน่อยขณะที่นางลังเล นางก็ได้ยินหนิงซวงพูดว่า "คุณหนูเจ้าคะ ฤดูใบไม้ผลิกำลังจะมาถึงเร็วๆ นี้ การอยู่ในเรือนฟางเหอตลอดคงไม่ใช่เรื่องดีนัก คุณหนูน่าจะออกไปเดินเล่นพักผ่อนหย่อนใจเสียหน่อยนะเจ้าคะ!"ก็ใช่ อยู่ในเรือนฟางเหอทั้งวัน แม้จะสงบสุข แต่ก็อึดอัดจริงๆจากนั้นนางก็พยักหน้าหมิงอ๋องขอให้นางไปพบที่ข้างทะเลสาบหมิงหูทางตะวันออกของเมืองวันนี้อากาศดี ลมไม่แรง แสงอาทิตย์ที่สาดส่องลงมาบนร่างยังคงมีไออุ่นอยู่บ้างเมื่อมองดูทะเลสาบที่ส่องประกายระยิบระยับและประกายสีมรกตบนฝั่ง เฉียวเนี่ยนก็คิดในใจว่าฤดูใบไม้ผลิกำลังจะเริ่มต้นขึ้นแล้ว"คุณหนู ท่านอ๋องมาแล้วเจ้าค่ะ" หนิงซวงพูดเบาๆเฉียวเนี่ยนจึงหันตัวกลับมา และเห็นรถม้าของหมิงอ๋องกำลังวิ่งเข้ามาจากที่ไกลๆไม่นาน รถม้าก็หยุดลงข้างทะเลสาบหมิงอ๋องกระโดดลง
อันที่จริงเฉียวเนี่ยนเข้าใจสิ่งที่หมิงอ๋องต้องการจะสื่อการแต่งงานของพวกเขามีพื้นฐานมาจากความสัมพันธ์ของพวกเขากับจวนโหวหลินเย่ว์คือผู้สืบทอดจวนโหวในอนาคต หากนางขัดแย้งกับหลินเย่ว์มากจนเกินไป ก็ไม่ใช่เรื่องที่ดีสำหรับหมิงอ๋องนักเพียงแต่เฉียวเนี่ยนไม่สามารถทำสีหน้าให้ดีได้เมื่อเห็นพวกเขา จึงทำได้เพียงหมุนตัวกลับมา และมองไปบนผืนน้ำอีกครั้งที่จริงนอกเหนือจากพี่น้องจากตระกูลหลินและตระกูลเซียวแล้ว ยังมีคุณหนูคุณชายจากตระกูลดีๆ คนอื่นๆ เช่นซ่งไป๋ซวน คุณหนูรองจากจวนเลขาธิการฝ่ายกลาโหม ที่มีความสัมพันธ์อันดีกับเซียวชิงหน่วนพวกเขามาในวันนี้ก็เพียงเพราะเห็นแก่หมิงอ๋องเท่านั้นถ้าจะพูดให้ฟังดูดี ก็เป็นการออกมาเที่ยวในฤดูใบไม้ผลิแต่พูดตรงๆ ก็คือว่าหมิงอ๋องต้องการใช้ฝูงชนเพื่อบรรเทาความสัมพันธ์ระหว่างเฉียวเนี่ยนและหลินเย่ว์แต่ทั้งที่หมิงอ๋องเคยทำให้หลินเย่ว์ได้รับบาดเจ็บสาหัสเพื่อนางมาก่อน...เมื่อมองดูทะเลสาบที่ส่องประกายระยิบระยับ เฉียวเนี่ยนก็รู้สึกหนาวสั่นอยู่ในใจเหล่าคุณชายคุณหนูต่างเข้ามาทำความเคารพหมิงอ๋อง แต่พวกเขาคุยกันแล้วว่าวันนี้เป็นการเดินเล่นในฤดูใบไม้ผลิ ไม่จำเป็นต้อง
เมื่อเห็นว่าเฉียวเนี่ยนยังคงไม่สนใจนาง เซียวชิงหน่วนก็ยิ่งโกรธราวกับว่านางใช้กำลังทั้งหมดของนางเพื่อตีฝ้ายด้วยหมัดของนาง ความรู้สึกไร้พลังก็ขยายความโกรธในใจของนางนางจึงขึ้นเสียงถามว่า "ข้าขอถามได้ไหมว่าแม่นางเฉียวคิดอย่างไรกับพี่ชายของข้ากันแน่? ทั้งๆ ที่หมั้นหมายกับหมิงอ๋องแล้ว และทั้งๆ ที่รู้ว่าพี่ชายข้าจะสู่ขอยวนเอ๋อร์ ทำไมถึงยังเอาแต่ซบลงในอ้อมแขนพี่ชายข้าอยู่ได้?"เมื่อพูดจบ ทุกคนก็ตกตะลึงเหล่าคุณชายคุณหนูที่รออยู่ไม่ไกลเพื่อดูความตื่นเต้นก็แสดงสีหน้าประหลาดใจเช่นกันทันใดนั้นเฉียวเนี่ยนก็หันไปมองที่เซียวชิงหน่วน พร้อมกับคำเตือนที่เข้มงวดในดวงตาของนางแต่เซียวชิงหน่วนยังคงลอยหน้าลอยตาพูดต่อ "แม่นางเฉียวไม่ต้องตกใจไปหรอก นี่น่ะยวนเอ๋อร์ล้วนเห็นเองกับตา วันนี้เจ้าจงใจกัดกันยวนเอ๋อร์ออกไป สุดท้ายนางเดินไปได้ไม่ทันไรเจ้าก็ซบลกในอ้อมแขนพี่ชายข้า อีกอย่างวันนั้นที่ถนนชุนซาน เจ้าก็...""อ๊ะ ระวัง!"เสียงเตือนดังขึ้นกะทันหันขัดจังหวะคำพูดของเซียวชิงหน่วนสิ่งที่ตามมาคือน้ำกาใหญ่ ซึ่งทั้งหมดถูกสาดลงบนใบหน้าของเซียวชิงหน่วน"ว้าย!" เซียวชิงหน่วนร้องเสียงดัง และชี้นิ้วด่าหนิงซวง
เพียงประโยคเดียว หน้าของหลินยวนก็ซีดเผือดนางดูออกว่าเซียวเหิงยังมีใจให้เฉียวเนี่ยนดังนั้น สิ่งที่เห็นในวันนั้น ที่จริงคือเซียวเหิงเป็นฝ่ายกอดเฉียวเนี่ยนเอง?ขณะที่นางกำลังคิดเรื่องนี้ เสียงเสียดสีเบาๆ ก็ดังมาจากด้านข้าง "ใครบ้างจะไม่รู้ว่าเมื่อก่อนแม่นางเฉียวคอยไล่ตามแม่ทัพเซียวมาตลอด วันนี้ทำไมถึงได้กล้าพูดอะไรแบบนี้ออกมา"คนพูดคือซ่งไป๋ซวนที่ทนฟังต่อไปไม่ได้เมื่อนางพูดจบ เหล่าคุณชายคุณหนูก็พากันหัวเราะออกมานั่นสิ เฉียวเนี่ยนคอยตามตื๊อเซียวเหิงมาตลอด ในสายตานางมีเขาเพียงคนเดียวความรักของนางทั้งดุดันและร้อนแรงแค่ไหน ทุกคนรู้ดี!ดังนั้นทุกคนในเมืองหลวงจึงรู้ว่านางชอบเซียวเหิงแต่สามปีต่อมา ความรักของนางก็กลายเป็นเรื่องตลกเสียใจไหม?แน่นอนว่าต้องเสียใจเป็นธรรมดาถ้าตอนนั้นรู้ว่าสักวันความทุ่มเทจะกลายเป็นเรื่องตลกล่ะก็...นางจะไม่มีทางเกี่ยวข้องกับเซียวเหิงแน่นอน!ตอนนี้นางเพียงแค่หัวเราะเบาๆ "ที่แท้แม่นางซ่งก็รู้จักคำว่า 'เมื่อก่อน' ข้าจำได้ว่าเมื่อก่อนตอนที่ไต้เท้าซ่งยังไม่ได้เป็นเลขาธิการฝ่ายกลาโหม ของกำนัลที่แม่นางซ่งส่งมาที่จวนโหวเกือบถูกข้ารับใช้โยนทิ้งไปแล้ว"เ
วันนี้หลินยวนตั้งใจประดับผมด้วยปิ่นสองอัน อันแรกหลินเย่ว์แกะสลักเองกับมือ อีกอันเซียวเหิงให้เป็นของขวัญวันเกิดนางเมื่อปีที่แล้วปิ่นปักผมสองอันนี้เป็นสิ่งที่นางหวงแหนที่สุด แม้ว่าจะไม่เข้ากัน แต่นางก็สวมทั้งสองอันไม่รู้ว่าหลินยวนคิดอะไรอยู่ เมื่อได้ยินที่เซียวชิงหน่วนพูด นางก็เหลือบมองเฉียวเนี่ยนโดยไม่รู้ตัว แต่เมื่อเห็นว่าเฉียวเนี่ยนยังคงมองออกไปนอกเรือ ราวกับว่าไม่ได้ยินที่พวกนางคุยกันเลยแม้แต่น้อยหลินยวนรู้สึกผิดหวังอย่างอธิบายไม่ถูกแต่ก็ได้ยินเซียวชิงหน่วนพูด "มาคิดๆ ดู วันเกิดยวนเอ๋อร์ใกล้มาถึงแล้ว! ไม่รู้ว่าปีนี้พี่ชายข้าจะมอบอะไรให้เจ้า!เมื่อพูดจบ จู่ๆ หมิงอ๋องก็เอ่ยปากขึ้น "ข้าจำได้ว่าวันเกิดของเนี่ยนเนี่ยนกับแม่นางหลินเป็นวันเดือนปีเดียวกัน หากกล่าวเช่นนี้ วันเกิดของเนี่ยนเนี่ยนก็ใกล้มาถึงแล้วเช่นกัน มีอะไรที่อยากได้หรือเปล่า?"น้ำเสียงของหมิงอ๋องอ่อนโยนมากจนเกินพอดี เฉียวเนี่ยนก็ไม่อาจไม่สนใจเขาได้ จึงทำได้เพียงหันหน้ากลับมาและยิ้มบางๆ ให้หมิงอ๋อง "หม่อมฉันไม่ชอบฉลองวันเกิด และไม่มีของขวัญที่อยากได้ ขอบพระทัยท่านอ๋องที่ห่วงใยเพคะ"สิ่งที่นางพูดคือความจริงตอนที่เข
ใช่ นี่คือต่างหูที่เซียวเหิงมอบให้เมื่อสี่ปีที่แล้วนางทำต่างหูคู่นี้หล่นลงทะเลสาบโดยไม่ได้ตั้งใจขณะล่องเรือ นางกระโดดลงน้ำอย่างกระวนกระวายใจและเกือบจะจมน้ำตายแต่นางไม่คาดคิดว่าคนเรือจะเก็บต่างหูที่ควรจมลงก้นทะเลสาบไปจริงๆ!ทุกคนในเรือมีสีหน้าลำบากใจ แต่คนเรือไม่รู้ว่าบรรยากาศรอบตัวเขาเปลี่ยนไปเลย เขายังคงพูดจ่ออย่างประจบประแจง "วันนั้น ข้าน้อยห็นว่าแม่นางใส่ใจต่างหูชิ้นนี้มาก ข้าน้อยคิดว่ามันต้องมีความสำคัญอย่างยิ่ง จีงได้ดำไปที่ก้นทะเลสาบเพื่อค้นหามัน ใช้เวลาสองสามวัน โชคดีที่หาเจอ ไม่คิดเลยว่าหลังจากนั้นจะไม่ได้เจอแม่นางอีกเลย โชคดีที่ในที่สุดวันนี้ต่างหูนี้สามารถกลับไปหาเจ้าของเดิมได้แล้ว!"เฉียวเนี่ยนรู้สึกซาบซึ้งใจมากอย่างแรก นางไม่คิดว่าคนเรือจะใส่ใจเรื่องนี้ขนาดนี้ อย่างที่สอง นางไม่คิดว่าจะมีวันที่ได้เห็นต่างหูชิ้นนี้อีกเมื่อก่อนนางชอบมันมาก เพราะมันคือของขวัญชิ้นแรกที่เซียวเหิงมอบให้นา ของขวัญสำหรับหญิงสาวโดยเฉพาะนางคิดไปว่านั่นเป็นเครื่องพิสูจน์ว่าเซียวเหิงยอมรับนาง นางจึงทะนุถนอมมันมากแต่พอวันนี้ได้มาเห็นมันอีกครั้ง...เฉียวเนี่ยนรู้สึกสับสนในใจ นางขอบคุณคนเรื
เซียวชิงหน่วนดูเหมือนจะรู้สึกผิดหวังเล็กน้อย ทันใดนั้นนางก็นึกบางสิ่งบางอย่างได้และตะโกนเรียกเฉียวเนี่ยน "แม่นางเฉียว มาดูสิ ช่างเป็นปลาตัวใหญ่จริงๆ!"เฉียวเนี่ยนรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย นางไม่คิดว่าเซียวชิงหน่วนจะเรียกหานางแต่ในเมื่อเรียกแล้ว...เฉียวเนี่ยนลุกขึ้น เดินไปทางเซียวชิงหน่วน"ดูสิ ปลาตัวใหญ่ขนาดนี้เชียว!" เซียวชิงหน่วนตะโกนอย่างกระตือรือร้นเฉียวเนี่ยนยืนอยู่ข้างเซียวชิงหน่วน และชะโงกหน้ามองไปยังผืนน้ำ "ไหนปลาล่ะ?""อยู่นั่นไง!" เซียวชิงหน่วนชี้ไปบนผืนน้ำ แต่กลับก้าวไปด้านหลังเฉียวเนี่ยนจากนั้นนางจึงพูดขึ้นเบาๆ "ในเมื่อเจ้ากล้าโยนของที่พี่ชายข้ามอบให้ ข้าจะสั่งสอนให้เจ้าหลาบจำเอง!" พูดจบ นางก็ยื่นมือไปผลักเฉียวเนี่ยนแต่ทว่า เฉียวเนี่ยนเอียงตัวเล็กน้อย และหลบได้อย่างง่ายดายแต่กลับเป็นเซียวชิงหน่วนที่ควบคุมแรงไม่ได้และตกลงไปในทะเลสาบก่อนตกน้ำ นางเห็นอย่างชัดเจนว่าเฉียวเนี่ยนกำลังยิ้ม!เมื่อเห็นเซียวชิงหน่วนกระเด็นลงไปในน้ำ เฉียวเนี่ยนอดไม่ได้ที่จะยิ้มเยาะอยากจะทำร้ายคนอื่นด้วยปัญญาอันน้อยนิดแค่นี้หรือ?เหอะ!เมื่อได้ยินเสียงตกน้ำ ผู้ชายในเรือก็รีบเดินออกมา
"ว่ากันตามจริงแล้ว ข้าควรขอบคุณแม่ทัพเซียวที่ยังจดจําความสัมพันธ์ระหว่างข้ากับท่านได้ ไม่เช่นนั้นตอนนี้ ข้าคงยังเป็นทาสอยู่ในกรมซักล้าง ข้าขอขอบคุณแม่ทัพเซียวสําหรับความเมตตาของท่าน! แต่ขอเพียงท่านอย่าเลือกตัวเลือกนี้หลังจากชั่งน้ำหนักครั้งแล้วครั้งเล่า บอกว่าเป็นการืำเพื่อข้าอีก"“ข้ารับไม่ไหว”คําสี่คําสุดท้ายนั้น ราวกับค้อนหนักทุบลงบนใจของเซียวเหิงอย่างแรงเซียวเหิงถอยหลังไปก้าวหนึ่ง กลับถูกม้านั่งสะดุดขา โซเซจนเกือบล้มไปข้างหลังอาจเป็นเพราะเสียงนี้ดังไปหน่อย เฉียวเอ๋อร์และฮุ่ยเอ๋อร์ที่อยู่นอกห้องจึงรีบวิ่งเข้ามาเซียวเหิงตวาดเสียงเข้มทันที "ใครให้พวกเจ้าเข้ามา! ออกไป!"แต่ไม่คิดว่า เฉียวเอ๋อร์และฮุ่ยเอ๋อร์จะคุกเข่าลงพร้อมกัน"ฮูหยิน ท่านให้อภัยท่านแม่ทัพเซียวเถอะ! ท่านแม่ทัพเซียวใส่ใจท่านจริงๆ! เขาได้ยินว่าท่านต้องการพบเขา ก็มาโดยไม่คํานึงถึงอาการบาดเจ็บหนัก!""ใครอนุญาตให้พวกเจ้าพูดมาก? ไสหัวไป!"เซียวเหิงตวาดเสียงเข้มอีกครั้งเฉียวเอ๋อร์กับฮุ่ยเอ๋อร์ยังอยากจะเกลี้ยกล่อมอีก พวกนางทนเห็นผู้มีพระคุณที่ช่วยชีวิตตัวเองน่าเวทนาเช่นนี้ไม่ได้ แต่เมื่อสบเข้ากับดวงตาคู่นั้นของเซ
แผลเป็นเหล่านั้นราวกับกำลังเป็นพยานให้กับเซียวเหิง ว่าตลอดเวลาที่ผ่านมา เขาใส่ใจนางเพียงใดน้ำตาก็เอ่อล้นขึ้นมาในดวงตาของเฉียวเนี่ยนโดยไม่รู้ตัวนางยื่นมือออกไป ลูบเบา ๆ ลงบนแผลเป็นบริเวณอกของเขา ปลายนิ้วของนางเย็นเฉียบราวกับอาวุธอยู่ ๆ นางก็เอ่ยขึ้นมาเสียงเบา "เจ็บไหม?"คิ้วของเซียวเหิงกระตุกขึ้นมาโดยไม่ทันตั้งตัวเจ็บไหม?สองพยางค์นี้ นางเคยถามจิ่งเหยียนมาก่อนเขาเห็นกับตาว่าหลังจากนั้น นางกับจิ่งเหยียนโอบกอดกันแนบแน่นเพียงใด เพราะเหตุนี้ เวลานี้จึงมีอารมณ์บางอย่างที่ไม่อาจเอ่ยออกมาจุกอยู่กลางอก จนไม่อาจเปล่งถ้อยคำใดออกมาได้เลยแม้แต่คำเดียวแต่แล้วก็เห็นนางเงยหน้าขึ้นมามองเขากะทันหัน ท้ายที่สุดน้ำตาในดวงตาก็ไหลรินลงมาเสียงเบา ๆ อ่อนโยนนั้นเอ่ยว่า "จิ่งเหยียน… ต้องเจ็บมากแน่ ๆ เลย"เพราะนางเห็นกับตา ว่าบนร่างของจิ่งเหยียนตรงตำแหน่งนี้ มีรูขนาดใหญ่ทะลุเป็นโพรงเหล่าทหารกล่าวว่า นั่นคือบาดแผลจากดาบที่จิ่งเหยียนรับไว้แทนเซียวเหิง แทงทะลุผ่านร่างกายนางคิดว่า ตอนนั้นจิ่งเหยียนคงเจ็บมาก เจ็บมากจริง ๆเซียวเหิงไม่เคยคาดคิดเลยว่า เวลานี้ เวลาที่นางกำลังมองแผลเป็นทั่วร่างของเขา
"..."เฉียวเนี่ยนไม่รู้ว่าเฉียวเอ๋อร์กับฮุ่ยเอ๋อร์ไปพูดสิ่งใดกับเซียวเหิง แต่เห็นได้ชัดว่าเซียวเหิงกำลังเข้าใจผิดคิ้วเรียวงามของนางขมวดแน่น เฉียวเนี่ยนเอ่ยเสียงขรึม "ท่านต้องการอะไรกันแน่? เหตุใดต้องกักข้าทิ้งไว้ที่นี่?"รอยยิ้มบนใบหน้าของเซียวเหิงชะงักไปชั่วขณะ แต่ยังคงฝืนรักษารอยยิ้มอ่อนโยนไว้ ดวงตาสีเข้มลึกฉายแสงจากเปลวเทียน แวววาวนัก"นี่มิใช่การกักขัง ข้าเพียงแค่… อยากให้เราสองคน… มีโอกาสอีกครั้ง"โอกาสที่จะเริ่มต้นใหม่อีกครั้งหนึ่งแต่ว่าดวงตาของเฉียวเนี่ยนกลับยิ่งหม่นมัว นางมองเซียวเหิง ปากยกยิ้มเย้ยหยัน "โอกาสหรือ? เมื่อสามปีก่อน แม่ทัพเซียวก็หาได้เคยให้โอกาสข้าไม่"เมื่อสามปีก่อน พวกเขาทั้งหมดต่างยืนอยู่ข้างหลินยวน กระทั่งคำแก้ตัวของนาง ก็ยังถูกสายตาอันดุดันของเขาบีบให้กลืนกลับลงไปหากสามปีก่อนเขาไม่ต้องการนางแล้ว เช่นนั้นเหตุใดสามปีให้หลังยังจะมากักนางไว้อีก!เมื่อได้ยินนางพูดถึงเรื่องในอดีตเมื่อสามปีก่อน หัวใจของเซียวเหิงก็เจ็บปวดราวกับถูกกรีดด้วยมีดเขาก้าวเข้าไปใกล้นาง แต่ก็เห็นนางถอยกรูดไปสามก้าวทันที มือที่กำปิ่นปักผมไว้แน่นก็ยกขึ้นเตรียมป้องกันตัวเขาจึงหยุด
สามวันต่อมาเฉียวเนี่ยนนั่งอยู่ใต้ชายคา ข้างซ้ายมีสาวใช้กำลังแกะเมล็ดแตงให้กับนาง ข้างขวามีสาวใช้อีกคนกำลังหั่นแตงโมให้นางสามวันแล้ว แต่นางกลับยังไม่ได้พบกับเซียวเหิงเลยกลับกัน ตอนนี้นางกลับคุ้นเคยกับสองสาวพี่น้องคู่นี้เป็นอย่างดีทั้งสองเป็นลูกพี่ลูกน้องกัน ฝั่งซ้ายชื่อเฉียวเอ๋อร์ ฝั่งขวาชื่อฮุ่ยเอ๋อร์สองนางมิใช่คนเมืองหลวง บ้านเกิดอยู่ไกลถึงชายแดนเมื่อครั้งอดีต เซียวเหิงช่วยชีวิตสองนางจากสนามรบ ญาติพี่น้องทั้งหมดล้วนเสียชีวิตเพราะสงคราม สองนางจึงติดตามเซียวเหิงกลับเมืองหลวงสำหรับสองนาง เซียวเหิงคือผู้มีพระคุณช่วยชีวิต จึงเชื่อฟังเซียวเหิงทุกถ้อยคำแน่นอนว่าย่อมเคารพนบนอบต่อเฉียวเนี่ยนด้วยตลอดสามวันที่ผ่านมา ทั้งสองดูแลนางอย่างสุดความสามารถ ว่านอนสอนง่ายเป็นพิเศษ เพียงแต่ไม่ยอมบอกนางว่าที่นี่คือที่ใดหากเซียวเหิงไม่อนุญาต พวกนางจะไม่เปิดเผยข้อมูลใด ๆ ที่เกี่ยวข้องกับที่แห่งนี้แม้แต่น้อยไม่ใช่เฉียวเนี่ยนไม่เคยลองใช้วิธีอื่น สามวันมานี้นางเดินสำรวจทั่วทั้งจวน ทว่ากลับไม่พบเบาะแสที่เป็นประโยชน์เลยแม้แต่น้อยไม่ว่าจะเป็นประตูหน้าหรือประตูหลัง ล้วนถูกผนึกไว้อย่างแน่นหนา
แต่แล้วก็เห็นว่า ร่างของเซียวเหิงเอียงวูบไปด้านข้าง นอนแน่นิ่งไป เขาหมดสติไปแล้วแม่เซียวตกใจสุดขีด รีบร้องลั่น "เร็วเข้า! รีบไปตามหมอมา! เหิงเอ๋อร์ เหิงเอ๋อร์! อย่าทำให้แม่ตกใจแบบนี้นะ เหิงเอ๋อร์!"เด็กรับใช้ข้างนอกรีบเข้ามา แล้วช่วยกันหามร่างของเซียวเหิงออกไปทันทีแม่เซียวก็ร้องไห้ตามออกไปทั้งน้ำตาพ่อเซียวมองดูรอยเลือดที่ยังติดอยู่บนแส้ ในใจพลันปวดร้าว สายตาหันไปมองหนิงซวงที่ยืนอยู่ข้าง ๆ แล้วก็ทำได้แค่ถอนหายใจ "ไม่ใช่ว่าข้าไม่คิดจะช่วยเรื่องนี้ เพียงแต่เมื่อครู่ เจ้าก็เห็นกับตาแล้ว... เจ้ากลับไปก่อนเถอะ!"พูดจบ พ่อเซียวก็เดินจากไปทิ้งไว้เพียงหนิงซวงที่ยังยืนร้องไห้อยู่กับที่อย่างไร้ที่พึ่งนางไม่คิดเลยว่าแม่ทัพเซียวจะปากแข็งถึงเพียงนี้ ถึงขนาดยอมถูกตีจวนตายก็ไม่ยอมเอ่ยถึงเบาะแสของคุณหนูเลยสักคำแต่ถ้าคนที่พาตัวคุณหนูไปคือแม่ทัพเซียว เช่นนั้นคุณหนูของนางก็คงยังไม่มีอันตรายถึงชีวิตใช่ไหม?หากนายท่านเองยังไม่มีวิธีจัดการแม่ทัพเซียว เช่นนั้น บางทีคุณชายใหญ่อาจจะทำอะไรได้บ้างก็เป็นได้?หนิงซวงตัดสินใจว่าจะรอให้คุณชายใหญ่ฟื้นก่อนค่อยมาถาม……เฉียวเนี่ยนลืมตาขึ้นช้า ๆ สิ่งแรก
หนิงซวงก็เห็นรอยขีดข่วนบนลำต้นไม้เช่นกันนางรีบลุกขึ้นยืน คว้าชายแขนเสื้อของหวังเอ้อไว้แน่น "ต้นเหมยแดงต้นนี้รองแม่ทัพจิ่งเป็นคนปลูกเอาไว้ คุณหนูไม่มีทางทำร้ายมันเด็ดขาด! หวังเอ้อ ทำยังไงดี! คุณหนูต้องถูกใครจับตัวไปแน่ ๆ !"รอยขีดนี้ ต้องเป็นรอยที่คุณหนูทิ้งไว้ตอนดิ้นรนขัดขืนแน่ ๆ !หวังเอ้อเองก็ร้อนใจเช่นกัน แต่ก็ตั้งสติได้อย่างรวดเร็ว "เจ้าจงไปแจ้งข่าวให้ตระกูลเซียว ข้าจะไปหาท่านโหวน้อยที่จวนโหว!"แม้ว่าคุณหนูจะตัดขาดความสัมพันธ์กับจวนโหวแล้ว แต่เมื่อเกิดเหตุการณ์เช่นนี้ เขาเชื่อว่าท่านโหวน้อยต้องยื่นมือเข้าช่วยแน่ส่วนตระกูลเซียว แม้ว่าคุณหนูของนางจะหย่าขาดกับคุณชายใหญ่ไปแล้ว ทว่าเพิ่งจะกลับมาได้ไม่นาน คิดว่าตระกูลเซียวคงไม่เพิกเฉยแน่นอนไม่อย่างนั้นแล้ว ลำพังเขากับหนิงซวงแค่สองคน จะไปช่วยคุณหนูได้อย่างไรกัน?เมื่อได้ฟังเช่นนั้น หนิงซวงก็พยักหน้ารัว ๆ แล้วรีบปาดน้ำตา ก่อนจะวิ่งออกจากจวนไปอย่างเร่งรีบไม่นานนัก นางก็วิ่งไปถึงตระกูลเซียว พอเห็นพ่อเซียวกับแม่เซียว ก็ทรุดลงคุกเข่าในทันที "นายท่าน ฮูหยิน ได้โปรดช่วยคุณหนูของข้าด้วยเถิด! คุณหนูของข้าถูกคนจับตัวไปแล้ว!"เมื่อได้ยิ
เขาไม่คาดคิดเลยว่าตนเองจะได้รับความไว้วางใจจากคุณหนูใหญ่ถึงเพียงนี้จึงพยักหน้าแรง ๆ หลายครั้ง "เช่นนั้นบ่าวจะไปเตรียมการเดี๋ยวนี้ คุณหนูวางใจได้ ภายในสามวันเรื่องนี้ต้องแล้วเสร็จแน่นอน จะไม่ขาดไปแม้แต่ตำลึงเดียวขอรับ"เมื่อได้ยินดังนั้น เฉียวเนี่ยนจึงยิ้มแย้มอย่างงดงาม "ดี"หวังเอ้อจึงคำนับแล้วถอยออกไปขณะเดียวกันใจของเฉียวเนี่ยนก็พลันจมดิ่งลงสู่หุบเหวคำพูดของแม่เซียวเมื่อครู่นั้นยังคงก้องอยู่ข้างหูโดยเฉพาะประโยคนั้นที่ว่า 'ดาวกาลกิณีไร้คู่ ไร้วิธีแก้ไข' ช่างราวกับมีดเล่มหนึ่งที่คอยเฉือนนางอย่างไม่หยุดยั้งผู้คนที่นางใกล้ชิดที่สุดต่างทยอยจากนางไปทีละคนแต่แม่เซียวกลับบอกนางว่า ทุกสิ่งล้วนเป็นเพราะตัวนางเองเจ็บปวดราวกับหัวใจถูกฉีกออกเป็นริ้ว ๆเฉียวเนี่ยนกำหมัดแน่น สูดลมหายใจเข้าลึก ๆ ก่อนจะมุ่งหน้าไปยังสวนดอกไม้ต้นเหมยแดงต้นนั้น บัดนี้หาได้เป็นเพียงต้นเปล่าโล้นเช่นก่อนออกเรือนไม่มันแตกหน่อใบเขียวออกมาแล้ว ที่ปลายกิ่งเต็มไปด้วยชีวิตชีวาอันเจิดจ้าจนถึงเวลานี้ ความเจ็บปวดที่แน่นอัดในอกของเฉียวเนี่ยนจึงคล้ายจะทุเลาลงบ้างนางเดินมาหยุดใต้ต้นไม้ ลูบไล้ลำต้นอย่างแผ่วเบา ภ
เฉียวเนี่ยนพูดจบก็เตรียมจะเดินออกไป แต่ไม่คาดคิดว่าแม่เซียวกลับรีบคว้ามือของนางไว้ใบหน้าเต็มไปด้วยความรู้สึก"เนี่ยนเนี่ยน แม่ก็เห็นเจ้ามาตั้งแต่เล็กจนโต... แม่ผิดเอง กำไลนี้..." แม่เซียวพูดพลางยื่นกำไลข้อมือของตัวเองมาให้เฉียวเนี่ยนแต่ยังไม่ทันได้สวมให้เฉียวเนี่ยน ก็ถูกห้ามไว้เสียก่อนเฉียวเนี่ยนจับมือของแม่เซียวไว้ แล้วยิ้มบาง ๆ "ท่านป้าไม่ต้องทำเช่นนี้หรอกเจ้าค่ะ ข้าเองก็จะไปอยู่แล้ว ตอนนี้แค่เร็วกว่าที่คิดไว้เล็กน้อยเท่านั้นเอง สำหรับกำไลนี้ ข้ารับไว้ไม่ได้หรอกเจ้าค่ะ"ยิ่งไปกว่านั้น บนข้อมือของนางเองก็มีกำไลหยกอยู่แล้วแม้มันจะไม่ค่อยสวย แต่สำหรับนางแล้วมันมีค่ามากยิ่งนักนางไม่อาจถอดกำไลนั้นออกมาเพื่อใส่กำไลอีกอันหนึ่งได้เฉียวเนี่ยนค่อย ๆ ดึงมือของตัวเองออก แล้วหมุนตัวกลับไป โดยไม่หยุดแม้แต่นิดเดียวหนิงซวงเห็นเฉียวเนี่ยนเดินออกมา ก็รีบเร่งฝีเท้าตามไปอย่างรวดเร็วทว่าไม่คาดคิดว่าเฉียวเนี่ยนกลับไม่พูดอะไรสักคำ เดินตรงไปข้างหน้าอย่างเงียบงันหนิงซวงจึงไม่ได้กล้าถามอะไรมาก เพียงเร่งฝีเท้าตามหลังอย่างกระชั้นชิดใครจะไปคิดว่า เดินตามไปเรื่อย ๆ สุดท้ายกลับมาหยุดอยู่ที่เร
แม่เซียวกลับค่อย ๆ ลุกขึ้นยืน แล้วทำท่าจะคุกเข่าลงต่อหน้าเฉียวเนี่ยนเฉียวเนี่ยนตกใจยิ่ง รีบเข้าไปประคองไว้ก่อนที่หัวเข่าของแม่เซียวจะแตะพื้น "ท่านแม่จะทำเช่นนี้ไปเพื่อสิ่งใดกันเจ้าคะ?!"แม่เซียวที่ลุกขึ้นยืนแล้ว น้ำตาไหลนองเต็มใบหน้า"เนี่ยนเนี่ยน เป็นตระกูลเซียวของเราที่ล่วงเกินเจ้า แต่ข้าก็จนปัญญาจริง ๆ บอกตามตรงนะ ตอนที่ข้าได้ยินข่าวลือจากข้างนอก ข้าก็นำวันเดือนปีเกิดของเจ้าไปให้มหาเถระฉือเอินที่วัดฝ่าหัวดู เดิมทีก็แค่อยากให้ท่านมหาเถระช่วยชี้แนะหาทางแก้ไข ทว่าในกระดาษพยากรณ์ที่ท่านส่งกลับมา มีเพียงว่า ดาวกาลกิณีไร้คู่ ไม่มีทางแก้ไข!"แม่เซียวทั้งร้องไห้ทั้งพูด เสียงสั่นสะอื้นฟังดูเวทนายิ่งนักส่วนเฉียวเนี่ยนนั้น ถึงกับยืนตะลึงนิ่งงันนางคือดาวกาลกิณีไร้คู่เช่นนั้นหรือ?ถึงได้ทำให้คนรอบตัวที่นางรักต้องจากไปทีละคนเช่นนี้งั้นหรือ?กลางอกปวดร้าวราวกับถูกมีดกรีดแทง ในชั่วขณะนั้น เฉียวเนี่ยนรู้สึกราวกับแม้แต่การหายใจก็เป็นเรื่องยากยิ่งแต่แม่เซียวก็ยังคงสะอื้น พลางปาดน้ำตาไปด้วย "เดิมทีข้าคิดว่า หากเหอเอ๋อร์ไม่เป็นอะไร กระดาษพยากรณ์นี้ก็คงไม่น่าเชื่อถือ แต่ตอนนี้…"เฉียวเนี่ยน