เหลือเพียงนางและรอยยิ้มของนางเท่านั้นไม่นานนัก บ่าวรับใช้ก็พบทั้งสองและช่วยพาขึ้นฝั่งภายในห้อง เฉียวเนี่ยนนั่งอยู่หน้าโต๊ะ มือประคองถ้วยน้ำขิงที่หนิงซวงยัดเยียดให้นาง"ถึงจะเป็นหน้าร้อน แต่ถ้าตกน้ำก็ยังมีโอกาสเป็นหวัดอยู่ดี เพราะฉะนั้นต้องดื่มนะเจ้าคะ!" หนิงซวงกล่าว พลางอ้อมไปด้านหลัง ค่อย ๆ ใช้ผ้าขนหนูซับผมของเฉียวเนี่ยนที่ยังแห้งไม่สนิทนางเหลือบมองออกไปด้านนอกแวบหนึ่ง ก่อนจะลดเสียงลง เอ่ยอย่างระแวดระวัง "คุณหนู อีกเดี๋ยวฮูหยินเซียวคงจะมาหาเรา หรือไม่… ให้บ่าวปิดประตู แล้วบอกไปว่าคุณหนูไม่สบายและเข้านอนแล้วดีหรือไม่เจ้าคะ?"เฉียวเนี่ยนจิบชาไปหนึ่งอึก ก่อนจะเลิกคิ้วถามอย่างฉงน "ทำไมรึ?"แม่เซียวจะมา ก็ปล่อยให้นางมาเถิด เหตุใดหนิงซวงจึงดูต่อต้านถึงเพียงนี้?หนิงซวงขมวดคิ้วเล็กน้อย ก่อนจะเอ่ยตามตรง "บ่าวได้ยินข่าวลือบางอย่างในตลาดวันนี้ พูดกันว่าคุณหนูมีดวงพิฆาตสามี แล้ววันนี้คุณชายใหญ่ก็บังเอิญตกน้ำเข้าเสียอีก… บ่าวคิดว่าฮูหยินเซียวคงต้องโทษคุณหนูแน่ ๆ!"ได้ยินเช่นนั้น เฉียวเนี่ยนก็อดไม่ได้ที่จะหันไปมองหนิงซวงสีหน้าของอีกฝ่ายเคร่งเครียดนัก เมื่อเฉียวเนี่ยนเห็นดังนั้น ก็อดคิ
ขณะที่กำลังคิดอยู่นั้น เซียวเหอก็หันมามองทางนี้อย่างกะทันหันสายตาทั้งคู่สบกัน เฉียวเนี่ยนก็มีแต่ถ้อยคำที่เซียวเหอกล่าวไว้ริมทะเลสาบในวันนี้วนเวียนอยู่เต็มหัว ใจกลางอกพลันสั่นไหวอย่างควบคุมไม่อยู่เซียวเหอกำลังเดินตรงมาทางนางนางตกใจและก้าวถอยหลังไปครึ่งก้าวโดยไม่รู้ตัวฝีเท้าของเซียวเหอก็ชะงักลงเมื่ออยู่ห่างจากประตูห้องของนางสามก้าว เขาก็หยุดลง แล้วยกมุมปากยิ้มเล็กน้อยพลางกล่าวว่า "พักผ่อนเถอะ"เฉียวเนี่ยนรีบพยักหน้า "เจ้าค่ะ ท่านพี่เซียวก็เช่นกัน""อืม" เขาพยักหน้า แล้วจึงหันหลังกลับเข้าห้องไปพอประตูห้องปิดลง สีหน้าของเซียวเหอก็หม่นหมองลงในทันทีท่าทางที่เฉียวเนี่ยนถอยหลังไปครึ่งก้าวเมื่อครู่ เขาเห็นชัดเจนดี และก็รู้ว่าวันนี้นางก็ยังคงตกใจกลัวอยู่ดีหรือว่าเขาจะตรงไปตรงมาเกินไปหน่อยหว่างคิ้วขมวดเล็กน้อย แต่ในหัวกลับปรากฏภาพรอยยิ้มสดใสของเฉียวเนี่ยนขึ้นมาอีกครั้ง มุมปากก็อดไม่ได้ที่จะยกยิ้มบาง ๆ ตามไปด้วยเขาคิดว่า ดูเหมือนเรื่องราวก็ไม่ได้เลวร้ายถึงเพียงนั้นพูดออกไปแล้วก็ดี อย่างน้อยจากนี้ความดีของเขาที่มีต่อนาง ก็จะไม่ถูกเข้าใจผิดว่าเป็นความรักแบบพี่น้องอีกต่อไปส่
ตกดึกเฉียวเนี่ยนนอนพลิกตัวไปมาอยู่บนเตียง หลับไม่ลงเลยไม่รู้เพราะอะไร พอหลับตาลงในวันนี้ ภาพใบหน้าของเซียวเหอก็ลอยเข้ามาให้เห็นทันทีบางเรื่อง หากไม่พูดถึงก็จะไม่เผลอนึกถึงแต่พอถูกเอ่ยขึ้นมาเมื่อใด ก็จะไหลบ่าราวกับกระแสน้ำเชี่ยวกราก ไม่อาจขวางกั้นได้ ยิ่งพยายามไม่ใส่ใจ ก็ยิ่งห้ามความคิดไม่ให้ย้อนกลับไปไม่ได้!ถึงอย่างไรก็หลับไม่ลงอยู่ดีเฉียวเนี่ยนลุกขึ้นนั่ง หยิบเสื้อคลุมมาสวม แล้วเปิดประตูออกไปข้างนอกเดิมทีตั้งใจจะไปนั่งใต้ชิงช้า ชมจันทร์ รับลม คลายความกังวลแต่พอเพิ่งก้าวออกจากประตู นางก็เงยหน้ามองไปยังต้นอู๋ถงโดยไม่รู้ตัวกิ่งใบหนาแน่น มองไม่ออกในทันทีว่ามีใครอยู่หรือไม่แต่นางก็ยังคงระมัดระวัง ขณะเดินไปใต้ต้นไม้ก็มองขึ้นไปบนต้นอู๋ถงไปด้วยจนกระทั่งแน่ใจว่าบนต้นอู๋ถงนั้นไม่มีใครอยู่จริง ๆ เฉียวเนี่ยนถึงได้นั่งลงอย่างวางใจชิงช้าแกว่งเบา ๆ พระจันทร์กลมสวยก็โผล่ให้เห็นเป็นระยะจากเบื้องหลังเงาไม้เฉียวเนี่ยนคิดในใจว่าหากตอนนี้มีเหล้าบ๊วยอยู่ในมือสักไห ก็คงเข้ากับบรรยากาศไม่น้อยแต่แล้วก็มีใบไม้จากต้นอู๋ถงใบหนึ่งค่อย ๆ ร่วงหล่นลงมาตรงหน้าเพิ่งจะต้นฤดูร้อน ทำไมถึงมีใ
ก่อนหน้านี้ หญิงชราคนนี้ก็เคยบรรยายลักษณะของคนที่สั่งให้นางทำเช่นนี้จี้เยว่ฟังจากคำบรรยายแล้วพบว่าคล้ายกับเซียวเหิงไม่น้อย จึงพานางมาหาเซียวเหอ เพื่อให้เซียวเหอเป็นคนตัดสินเพียงแต่ เขาไม่ได้หวังว่าหญิงชรานี้จะกล้าชี้ตัวเซียวเหิงต่อหน้าทุกคน ขอแค่นางเหลือบมองเซียวเหิงหลาย ๆ ครั้งก็พอแล้วและตอนนี้ ดวงตาของหญิงชราคู่นั้น ก็พลันหันไปมองเซียวเหิงอยู่เรื่อย ๆ แม้ปากจะไม่ได้เอ่ยอะไร ทว่ากลับทำให้ทุกคนเข้าใจได้ทันที ว่าผู้ที่อยู่เบื้องหลังเรื่องนี้ก็คือเซียวเหิง!เฉียวเนี่ยนหันไปมองเซียวเหิงโดยไม่รู้ตัว นางเองก็ไม่คิดเหมือนกันว่าข่าวลือทั้งหลายนอกเรือนนั้น จะเป็นฝีมือของเซียวเหิงแต่พอคิดอีกที กลับไม่รู้สึกแปลกใจเลยแผนการแปลก ๆ ของเซียวเหิงมีอยู่มากมายมาแต่ไหนแต่ไร สมัยเด็ก ๆ ตอนที่พาไปล้างแค้น ส่วนใหญ่ก็มาจากแผนของเซียวเหิงทั้งนั้นกลอุบายพวกนี้ หากใช้ในสนามรบ ก็คงเรียกว่าเฉลียวฉลาดมากแต่พอเอามาใช้กับนางแล้ว อย่างไรก็รู้สึกว่าออกจะต่ำช้าไปหน่อยสีหน้าของพ่อเซียวกับแม่เซียวตอนนี้ก็ดูจะอึมครึมถึงขีดสุด สายตาที่มองไปยังเซียวเหิงก็เต็มไปด้วยความตำหนิแม้แต่เซียวชิงหน่วนก็อดไม่ได้ที
นอกจากนี้ ยังมีคำพูดบางประการที่กล่าวใส่ร้ายเฉียวเนี่ยนแต่ที่น่าสังเกตคือ ลายมือของคนเขียน...พ่อเซียวเผลอถลึงตาใส่เซียวเหิงเด็กนี่ไม่โง่ เขียนด้วยมือซ้าย เป็นเพียงเขาคนเดียวที่เป็นพ่อจะรู้ได้ทันใดนั้นเขาก็เก็บจดหมายไว้ แล้วถามต่อไปว่า "ทำไมคนนั้นถึงมาหาเจ้า? เจ้ามีเรื่องอะไรกับสะใภ้ใหญ่ของตระกูลข้าหรือ?"หญิงชราตกใจจนรีบปฏิเสธ "ไม่มี ไม่มีเรื่องอะไรเลยเจ้าค่ะ ข้าน้อยเป็นแค่คนธรรมดา จะมีเรื่องอะไรกับนายหญิงน้อยใหญ่ได้เล่า? แค่... "หญิงชรากำลังจะพูด แต่กลับหยุดคำพูดไว้เซียวชิงหน่วนที่มีนิสัยร้อนรนอยู่แล้ว เมื่อเห็นหญิงชราพูดติดอ่าง จึงโกรธจัดจนไม่สามารถทนได้ "อย่ามัวแต่พูดอ้อมค้อม รีบพูดมาให้จบ!"หญิงชราจึงพูดด้วยเสียงอ่อน ๆ อีกครั้ง "แค่... ข้าน้อยชอบพูดคุยกับผู้คน ไปมาหาสู่กับพวกหญิงสาวหลายคนตามปกติ ก็เลย..."คำพูดถัดไปไม่จำเป็นต้องพูดต่อ ทุกคนก็น่าจะเดากันได้ว่า นี่คือหญิงชราที่มีชื่อเสียงเรื่องปากเปราะในเมืองหลวง!แต่อย่างไรก็ตาม ผู้หญิงที่ปากพล่อยพวกนี้โดยปกติจะไม่ค่อยได้ติดต่อกับชนชั้นสูงเท่าไหร่ จึงไม่มีใครในตระกูลเซียวที่จำนางได้ทว่าทหารในกองทัพของเซียวเหิงส่วนใ
เซียวเหิงหยุดฝีเท้าที่กำลังจะก้าวออกจากห้องโถง ศีรษะของเขาเอียงไปเล็กน้อย เพียงแค่มองดูแผ่นหลังนั้นก็สามารถทำให้คนรู้สึกถึงความหงุดหงิดที่เขากำลังมีในขณะนี้เขาไม่ได้หันกลับมา ยังคงหันหลังให้กับทุกคนพ่อเซียวตวาดเสียงดัง "ไอ้ลูกเวร อย่าได้ทำเรื่องโง่ ๆ แบบนี้อีก ไม่เช่นนั้นข้าจะไม่ให้อภัยเจ้าแน่!"คำขู่นั้นไม่ได้สร้างความเจ็บปวดอะไร เซียวเหิงไม่แม้แต่จะตอบรับ เพียงแค่ยกเท้าเดินออกไปจากธรณีประตูพ่อเซียวโกรธจนแทบคลั่ง และลุกขึ้นเหมือนจะตามไป แต่กลับถูกแม่เซียวขวางไว้จนในที่สุด ความโกรธของพ่อเซียวก็ตกไประบายที่แม่เซียวแทน "ดูเจ้าซิ สอนลูกประสาอะไร!"ในขณะที่พ่อเซียวกำลังโกรธ แน่นอนว่าแม่เซียวไม่อาจโต้เถียงอะไรได้ จึงเพียงแต่ปลอบโยนว่า "พอได้แล้วเจ้าค่ะ เดี๋ยวข้าจะสั่งสอนเขาเอง อย่าให้ตัวเองเครียดจนเสียสุขภาพนะเจ้าคะ หน่วนหน่วน พาท่านพ่อเจ้าไปนั่งพักผ่อนหน่อย"พ่อเซียวรักและเอ็นดูเซียวชิงหน่วนมากที่สุด การที่เซียวชิงหน่วนมาเป็นคนปลอบประโลมจึงเหมาะสมที่สุดเซียวชิงหน่วนตอบรับทันที แล้วก้าวไปประคองแขนพ่อเซียว "ท่านพ่อ ให้หน่วนหน่วนเล่นหมากรุกกับท่านพ่อดีหรือไม่เจ้าคะ?"ความโกรธของ
แม้ว่านางจะพูดไว้ว่าสามปี แต่เขาก็เคยพูดไว้ว่าหากนางอยากจะไปเมื่อไหร่ก็ย่อมได้เขารู้ดีว่าความรักนั้นไม่สามารถบังคับกันได้เขาชอบนางมากจริง ๆ ดังนั้นเขาจึงต้องพยายามเอาชนะใจนางให้ได้แต่หากนางไม่ชอบเขา เขาก็ไม่มีทางไปบังคับนางได้นิสัยของเขาต่างจากเซียวเหิงโดยสิ้นเชิงนึกถึงตรงนี้ ในใจของเซียวเหอก็รู้สึกหนักอึ้งขึ้น นึกถึงเซียวเหิงที่มีนิสัยแบบนั้น ดวงตาของเขาก็หมองลงไปทันใดนั้น เขาก็หันไปพูดกับเฉียวเนี่ยน "หรือไม่ก็... ให้ข้าไปจากเมืองหลวงด้วยกันกับเจ้าก็ได้"ได้ยินคำนี้ เฉียวเนี่ยนเงยหน้าขึ้นมองเซียวเหอทันที ดวงตาของนางเต็มไปด้วยความตกใจเขาจะคิดที่จะออกจากเมืองหลวงไปกับนางได้อย่างไร?เมื่อเห็นการตอบสนองของนางที่ตกใจขนาดนี้ เซียวเหอก็รู้ทันทีว่าเขาคงพูดสิ่งที่ตรงใจนางไปแล้ว เขาจึงยิ้มเล็กน้อย "ข้ารู้ว่าเจ้ากังวลเกี่ยวกับเหิงเอ๋อร์ ดังนั้น ข้าจึงอยากบอกเจ้าไว้ เจ้าไม่ต้องกังวล ข้าสามารถจัดการทุกอย่างได้"เขาไม่จับเป็นต้องรับภาระอะไรของตระกูลเซียวอีกต่อไปแล้ว ดังนั้นเขาจึงสามารถไปกับนางโดยไม่ต้องกังวลอะไร ออกไปชมภูเขาและแม่น้ำที่ไม่เคยเห็น และสัมผัสกับวัฒนธรรมที่ไม่เคยได้พบ
เซียวเหิงมิได้ปฏิเสธและก็มิได้เอ่ยวาจาใดเพียงยกมือสะบัดเบา ๆ ก็เห็นชายฉกรรจ์กว่าสิบคนโผล่ออกมาจากตรอกซอยรอบด้านดูออกว่าแต่ละคนล้วนเป็นยอดฝีมือในกองทัพสีหน้าเซียวเหอยิ่งอึมครึม สองดวงตาจับจ้องเซียวเหิงแน่นิ่ง "เจ้าคิดจะทำสิ่งใดกันแน่?"เซียวเหิงจึงล้วงออกมาจากอกเสื้อ หยิบยาขึ้นมาหนึ่งเม็ด "นี่คือยาที่ข้าไปขอจากสำนักราชาโอสถมา สามารถเสริมสร้างร่างกาย บำรุงกล้ามเนื้อ ฟื้นฟูโลหิต เหมาะสำหรับพี่ใหญ่ที่สุด"ขาของเซียวเหอที่มิได้ใช้มาห้าปี กล้ามเนื้อย่อมหดลีบไปไม่น้อยยานี้สามารถช่วยให้เขาฟื้นตัวได้โดยเร็วแต่ยาที่ดูเหมือนดีต่อเขาถึงเพียงนี้ เหตุใดจึงต้องหลอกล่อให้ออกจากจวนก่อนจึงค่อยยื่นให้?เซียวเหอมิได้ตอบ เพียงรอฟังเซียวเหิงพูดต่อเป็นดังคาด เซียวเหิงหลุบตาลง คล้ายไม่กล้าสบตาเซียวเหอ "เพียงแต่ยานี้มีผลข้างเคียงหนึ่ง หลังกินเข้าไป จะทำให้หลับไหลถึงสิบสองชั่วยาม"สิบสองชั่วยาม เพียงพอให้เขาทำเรื่องต่าง ๆ ได้มากมายระหว่างที่หว่างคิ้วของเซียวเหอขมวดต่ำลง เขาก็เข้าใจแล้วว่าเซียวเหิงตั้งใจจะทำสิ่งใดกันแน่สายตาของเขากวาดมองชายฉกรรจ์ที่ล้อมอยู่อย่างช้า ๆ หัวใจก็พลันจมดิ่งถึงก้น
"ว่ากันตามจริงแล้ว ข้าควรขอบคุณแม่ทัพเซียวที่ยังจดจําความสัมพันธ์ระหว่างข้ากับท่านได้ ไม่เช่นนั้นตอนนี้ ข้าคงยังเป็นทาสอยู่ในกรมซักล้าง ข้าขอขอบคุณแม่ทัพเซียวสําหรับความเมตตาของท่าน! แต่ขอเพียงท่านอย่าเลือกตัวเลือกนี้หลังจากชั่งน้ำหนักครั้งแล้วครั้งเล่า บอกว่าเป็นการืำเพื่อข้าอีก"“ข้ารับไม่ไหว”คําสี่คําสุดท้ายนั้น ราวกับค้อนหนักทุบลงบนใจของเซียวเหิงอย่างแรงเซียวเหิงถอยหลังไปก้าวหนึ่ง กลับถูกม้านั่งสะดุดขา โซเซจนเกือบล้มไปข้างหลังอาจเป็นเพราะเสียงนี้ดังไปหน่อย เฉียวเอ๋อร์และฮุ่ยเอ๋อร์ที่อยู่นอกห้องจึงรีบวิ่งเข้ามาเซียวเหิงตวาดเสียงเข้มทันที "ใครให้พวกเจ้าเข้ามา! ออกไป!"แต่ไม่คิดว่า เฉียวเอ๋อร์และฮุ่ยเอ๋อร์จะคุกเข่าลงพร้อมกัน"ฮูหยิน ท่านให้อภัยท่านแม่ทัพเซียวเถอะ! ท่านแม่ทัพเซียวใส่ใจท่านจริงๆ! เขาได้ยินว่าท่านต้องการพบเขา ก็มาโดยไม่คํานึงถึงอาการบาดเจ็บหนัก!""ใครอนุญาตให้พวกเจ้าพูดมาก? ไสหัวไป!"เซียวเหิงตวาดเสียงเข้มอีกครั้งเฉียวเอ๋อร์กับฮุ่ยเอ๋อร์ยังอยากจะเกลี้ยกล่อมอีก พวกนางทนเห็นผู้มีพระคุณที่ช่วยชีวิตตัวเองน่าเวทนาเช่นนี้ไม่ได้ แต่เมื่อสบเข้ากับดวงตาคู่นั้นของเซ
แผลเป็นเหล่านั้นราวกับกำลังเป็นพยานให้กับเซียวเหิง ว่าตลอดเวลาที่ผ่านมา เขาใส่ใจนางเพียงใดน้ำตาก็เอ่อล้นขึ้นมาในดวงตาของเฉียวเนี่ยนโดยไม่รู้ตัวนางยื่นมือออกไป ลูบเบา ๆ ลงบนแผลเป็นบริเวณอกของเขา ปลายนิ้วของนางเย็นเฉียบราวกับอาวุธอยู่ ๆ นางก็เอ่ยขึ้นมาเสียงเบา "เจ็บไหม?"คิ้วของเซียวเหิงกระตุกขึ้นมาโดยไม่ทันตั้งตัวเจ็บไหม?สองพยางค์นี้ นางเคยถามจิ่งเหยียนมาก่อนเขาเห็นกับตาว่าหลังจากนั้น นางกับจิ่งเหยียนโอบกอดกันแนบแน่นเพียงใด เพราะเหตุนี้ เวลานี้จึงมีอารมณ์บางอย่างที่ไม่อาจเอ่ยออกมาจุกอยู่กลางอก จนไม่อาจเปล่งถ้อยคำใดออกมาได้เลยแม้แต่คำเดียวแต่แล้วก็เห็นนางเงยหน้าขึ้นมามองเขากะทันหัน ท้ายที่สุดน้ำตาในดวงตาก็ไหลรินลงมาเสียงเบา ๆ อ่อนโยนนั้นเอ่ยว่า "จิ่งเหยียน… ต้องเจ็บมากแน่ ๆ เลย"เพราะนางเห็นกับตา ว่าบนร่างของจิ่งเหยียนตรงตำแหน่งนี้ มีรูขนาดใหญ่ทะลุเป็นโพรงเหล่าทหารกล่าวว่า นั่นคือบาดแผลจากดาบที่จิ่งเหยียนรับไว้แทนเซียวเหิง แทงทะลุผ่านร่างกายนางคิดว่า ตอนนั้นจิ่งเหยียนคงเจ็บมาก เจ็บมากจริง ๆเซียวเหิงไม่เคยคาดคิดเลยว่า เวลานี้ เวลาที่นางกำลังมองแผลเป็นทั่วร่างของเขา
"..."เฉียวเนี่ยนไม่รู้ว่าเฉียวเอ๋อร์กับฮุ่ยเอ๋อร์ไปพูดสิ่งใดกับเซียวเหิง แต่เห็นได้ชัดว่าเซียวเหิงกำลังเข้าใจผิดคิ้วเรียวงามของนางขมวดแน่น เฉียวเนี่ยนเอ่ยเสียงขรึม "ท่านต้องการอะไรกันแน่? เหตุใดต้องกักข้าทิ้งไว้ที่นี่?"รอยยิ้มบนใบหน้าของเซียวเหิงชะงักไปชั่วขณะ แต่ยังคงฝืนรักษารอยยิ้มอ่อนโยนไว้ ดวงตาสีเข้มลึกฉายแสงจากเปลวเทียน แวววาวนัก"นี่มิใช่การกักขัง ข้าเพียงแค่… อยากให้เราสองคน… มีโอกาสอีกครั้ง"โอกาสที่จะเริ่มต้นใหม่อีกครั้งหนึ่งแต่ว่าดวงตาของเฉียวเนี่ยนกลับยิ่งหม่นมัว นางมองเซียวเหิง ปากยกยิ้มเย้ยหยัน "โอกาสหรือ? เมื่อสามปีก่อน แม่ทัพเซียวก็หาได้เคยให้โอกาสข้าไม่"เมื่อสามปีก่อน พวกเขาทั้งหมดต่างยืนอยู่ข้างหลินยวน กระทั่งคำแก้ตัวของนาง ก็ยังถูกสายตาอันดุดันของเขาบีบให้กลืนกลับลงไปหากสามปีก่อนเขาไม่ต้องการนางแล้ว เช่นนั้นเหตุใดสามปีให้หลังยังจะมากักนางไว้อีก!เมื่อได้ยินนางพูดถึงเรื่องในอดีตเมื่อสามปีก่อน หัวใจของเซียวเหิงก็เจ็บปวดราวกับถูกกรีดด้วยมีดเขาก้าวเข้าไปใกล้นาง แต่ก็เห็นนางถอยกรูดไปสามก้าวทันที มือที่กำปิ่นปักผมไว้แน่นก็ยกขึ้นเตรียมป้องกันตัวเขาจึงหยุด
สามวันต่อมาเฉียวเนี่ยนนั่งอยู่ใต้ชายคา ข้างซ้ายมีสาวใช้กำลังแกะเมล็ดแตงให้กับนาง ข้างขวามีสาวใช้อีกคนกำลังหั่นแตงโมให้นางสามวันแล้ว แต่นางกลับยังไม่ได้พบกับเซียวเหิงเลยกลับกัน ตอนนี้นางกลับคุ้นเคยกับสองสาวพี่น้องคู่นี้เป็นอย่างดีทั้งสองเป็นลูกพี่ลูกน้องกัน ฝั่งซ้ายชื่อเฉียวเอ๋อร์ ฝั่งขวาชื่อฮุ่ยเอ๋อร์สองนางมิใช่คนเมืองหลวง บ้านเกิดอยู่ไกลถึงชายแดนเมื่อครั้งอดีต เซียวเหิงช่วยชีวิตสองนางจากสนามรบ ญาติพี่น้องทั้งหมดล้วนเสียชีวิตเพราะสงคราม สองนางจึงติดตามเซียวเหิงกลับเมืองหลวงสำหรับสองนาง เซียวเหิงคือผู้มีพระคุณช่วยชีวิต จึงเชื่อฟังเซียวเหิงทุกถ้อยคำแน่นอนว่าย่อมเคารพนบนอบต่อเฉียวเนี่ยนด้วยตลอดสามวันที่ผ่านมา ทั้งสองดูแลนางอย่างสุดความสามารถ ว่านอนสอนง่ายเป็นพิเศษ เพียงแต่ไม่ยอมบอกนางว่าที่นี่คือที่ใดหากเซียวเหิงไม่อนุญาต พวกนางจะไม่เปิดเผยข้อมูลใด ๆ ที่เกี่ยวข้องกับที่แห่งนี้แม้แต่น้อยไม่ใช่เฉียวเนี่ยนไม่เคยลองใช้วิธีอื่น สามวันมานี้นางเดินสำรวจทั่วทั้งจวน ทว่ากลับไม่พบเบาะแสที่เป็นประโยชน์เลยแม้แต่น้อยไม่ว่าจะเป็นประตูหน้าหรือประตูหลัง ล้วนถูกผนึกไว้อย่างแน่นหนา
แต่แล้วก็เห็นว่า ร่างของเซียวเหิงเอียงวูบไปด้านข้าง นอนแน่นิ่งไป เขาหมดสติไปแล้วแม่เซียวตกใจสุดขีด รีบร้องลั่น "เร็วเข้า! รีบไปตามหมอมา! เหิงเอ๋อร์ เหิงเอ๋อร์! อย่าทำให้แม่ตกใจแบบนี้นะ เหิงเอ๋อร์!"เด็กรับใช้ข้างนอกรีบเข้ามา แล้วช่วยกันหามร่างของเซียวเหิงออกไปทันทีแม่เซียวก็ร้องไห้ตามออกไปทั้งน้ำตาพ่อเซียวมองดูรอยเลือดที่ยังติดอยู่บนแส้ ในใจพลันปวดร้าว สายตาหันไปมองหนิงซวงที่ยืนอยู่ข้าง ๆ แล้วก็ทำได้แค่ถอนหายใจ "ไม่ใช่ว่าข้าไม่คิดจะช่วยเรื่องนี้ เพียงแต่เมื่อครู่ เจ้าก็เห็นกับตาแล้ว... เจ้ากลับไปก่อนเถอะ!"พูดจบ พ่อเซียวก็เดินจากไปทิ้งไว้เพียงหนิงซวงที่ยังยืนร้องไห้อยู่กับที่อย่างไร้ที่พึ่งนางไม่คิดเลยว่าแม่ทัพเซียวจะปากแข็งถึงเพียงนี้ ถึงขนาดยอมถูกตีจวนตายก็ไม่ยอมเอ่ยถึงเบาะแสของคุณหนูเลยสักคำแต่ถ้าคนที่พาตัวคุณหนูไปคือแม่ทัพเซียว เช่นนั้นคุณหนูของนางก็คงยังไม่มีอันตรายถึงชีวิตใช่ไหม?หากนายท่านเองยังไม่มีวิธีจัดการแม่ทัพเซียว เช่นนั้น บางทีคุณชายใหญ่อาจจะทำอะไรได้บ้างก็เป็นได้?หนิงซวงตัดสินใจว่าจะรอให้คุณชายใหญ่ฟื้นก่อนค่อยมาถาม……เฉียวเนี่ยนลืมตาขึ้นช้า ๆ สิ่งแรก
หนิงซวงก็เห็นรอยขีดข่วนบนลำต้นไม้เช่นกันนางรีบลุกขึ้นยืน คว้าชายแขนเสื้อของหวังเอ้อไว้แน่น "ต้นเหมยแดงต้นนี้รองแม่ทัพจิ่งเป็นคนปลูกเอาไว้ คุณหนูไม่มีทางทำร้ายมันเด็ดขาด! หวังเอ้อ ทำยังไงดี! คุณหนูต้องถูกใครจับตัวไปแน่ ๆ !"รอยขีดนี้ ต้องเป็นรอยที่คุณหนูทิ้งไว้ตอนดิ้นรนขัดขืนแน่ ๆ !หวังเอ้อเองก็ร้อนใจเช่นกัน แต่ก็ตั้งสติได้อย่างรวดเร็ว "เจ้าจงไปแจ้งข่าวให้ตระกูลเซียว ข้าจะไปหาท่านโหวน้อยที่จวนโหว!"แม้ว่าคุณหนูจะตัดขาดความสัมพันธ์กับจวนโหวแล้ว แต่เมื่อเกิดเหตุการณ์เช่นนี้ เขาเชื่อว่าท่านโหวน้อยต้องยื่นมือเข้าช่วยแน่ส่วนตระกูลเซียว แม้ว่าคุณหนูของนางจะหย่าขาดกับคุณชายใหญ่ไปแล้ว ทว่าเพิ่งจะกลับมาได้ไม่นาน คิดว่าตระกูลเซียวคงไม่เพิกเฉยแน่นอนไม่อย่างนั้นแล้ว ลำพังเขากับหนิงซวงแค่สองคน จะไปช่วยคุณหนูได้อย่างไรกัน?เมื่อได้ฟังเช่นนั้น หนิงซวงก็พยักหน้ารัว ๆ แล้วรีบปาดน้ำตา ก่อนจะวิ่งออกจากจวนไปอย่างเร่งรีบไม่นานนัก นางก็วิ่งไปถึงตระกูลเซียว พอเห็นพ่อเซียวกับแม่เซียว ก็ทรุดลงคุกเข่าในทันที "นายท่าน ฮูหยิน ได้โปรดช่วยคุณหนูของข้าด้วยเถิด! คุณหนูของข้าถูกคนจับตัวไปแล้ว!"เมื่อได้ยิ
เขาไม่คาดคิดเลยว่าตนเองจะได้รับความไว้วางใจจากคุณหนูใหญ่ถึงเพียงนี้จึงพยักหน้าแรง ๆ หลายครั้ง "เช่นนั้นบ่าวจะไปเตรียมการเดี๋ยวนี้ คุณหนูวางใจได้ ภายในสามวันเรื่องนี้ต้องแล้วเสร็จแน่นอน จะไม่ขาดไปแม้แต่ตำลึงเดียวขอรับ"เมื่อได้ยินดังนั้น เฉียวเนี่ยนจึงยิ้มแย้มอย่างงดงาม "ดี"หวังเอ้อจึงคำนับแล้วถอยออกไปขณะเดียวกันใจของเฉียวเนี่ยนก็พลันจมดิ่งลงสู่หุบเหวคำพูดของแม่เซียวเมื่อครู่นั้นยังคงก้องอยู่ข้างหูโดยเฉพาะประโยคนั้นที่ว่า 'ดาวกาลกิณีไร้คู่ ไร้วิธีแก้ไข' ช่างราวกับมีดเล่มหนึ่งที่คอยเฉือนนางอย่างไม่หยุดยั้งผู้คนที่นางใกล้ชิดที่สุดต่างทยอยจากนางไปทีละคนแต่แม่เซียวกลับบอกนางว่า ทุกสิ่งล้วนเป็นเพราะตัวนางเองเจ็บปวดราวกับหัวใจถูกฉีกออกเป็นริ้ว ๆเฉียวเนี่ยนกำหมัดแน่น สูดลมหายใจเข้าลึก ๆ ก่อนจะมุ่งหน้าไปยังสวนดอกไม้ต้นเหมยแดงต้นนั้น บัดนี้หาได้เป็นเพียงต้นเปล่าโล้นเช่นก่อนออกเรือนไม่มันแตกหน่อใบเขียวออกมาแล้ว ที่ปลายกิ่งเต็มไปด้วยชีวิตชีวาอันเจิดจ้าจนถึงเวลานี้ ความเจ็บปวดที่แน่นอัดในอกของเฉียวเนี่ยนจึงคล้ายจะทุเลาลงบ้างนางเดินมาหยุดใต้ต้นไม้ ลูบไล้ลำต้นอย่างแผ่วเบา ภ
เฉียวเนี่ยนพูดจบก็เตรียมจะเดินออกไป แต่ไม่คาดคิดว่าแม่เซียวกลับรีบคว้ามือของนางไว้ใบหน้าเต็มไปด้วยความรู้สึก"เนี่ยนเนี่ยน แม่ก็เห็นเจ้ามาตั้งแต่เล็กจนโต... แม่ผิดเอง กำไลนี้..." แม่เซียวพูดพลางยื่นกำไลข้อมือของตัวเองมาให้เฉียวเนี่ยนแต่ยังไม่ทันได้สวมให้เฉียวเนี่ยน ก็ถูกห้ามไว้เสียก่อนเฉียวเนี่ยนจับมือของแม่เซียวไว้ แล้วยิ้มบาง ๆ "ท่านป้าไม่ต้องทำเช่นนี้หรอกเจ้าค่ะ ข้าเองก็จะไปอยู่แล้ว ตอนนี้แค่เร็วกว่าที่คิดไว้เล็กน้อยเท่านั้นเอง สำหรับกำไลนี้ ข้ารับไว้ไม่ได้หรอกเจ้าค่ะ"ยิ่งไปกว่านั้น บนข้อมือของนางเองก็มีกำไลหยกอยู่แล้วแม้มันจะไม่ค่อยสวย แต่สำหรับนางแล้วมันมีค่ามากยิ่งนักนางไม่อาจถอดกำไลนั้นออกมาเพื่อใส่กำไลอีกอันหนึ่งได้เฉียวเนี่ยนค่อย ๆ ดึงมือของตัวเองออก แล้วหมุนตัวกลับไป โดยไม่หยุดแม้แต่นิดเดียวหนิงซวงเห็นเฉียวเนี่ยนเดินออกมา ก็รีบเร่งฝีเท้าตามไปอย่างรวดเร็วทว่าไม่คาดคิดว่าเฉียวเนี่ยนกลับไม่พูดอะไรสักคำ เดินตรงไปข้างหน้าอย่างเงียบงันหนิงซวงจึงไม่ได้กล้าถามอะไรมาก เพียงเร่งฝีเท้าตามหลังอย่างกระชั้นชิดใครจะไปคิดว่า เดินตามไปเรื่อย ๆ สุดท้ายกลับมาหยุดอยู่ที่เร
แม่เซียวกลับค่อย ๆ ลุกขึ้นยืน แล้วทำท่าจะคุกเข่าลงต่อหน้าเฉียวเนี่ยนเฉียวเนี่ยนตกใจยิ่ง รีบเข้าไปประคองไว้ก่อนที่หัวเข่าของแม่เซียวจะแตะพื้น "ท่านแม่จะทำเช่นนี้ไปเพื่อสิ่งใดกันเจ้าคะ?!"แม่เซียวที่ลุกขึ้นยืนแล้ว น้ำตาไหลนองเต็มใบหน้า"เนี่ยนเนี่ยน เป็นตระกูลเซียวของเราที่ล่วงเกินเจ้า แต่ข้าก็จนปัญญาจริง ๆ บอกตามตรงนะ ตอนที่ข้าได้ยินข่าวลือจากข้างนอก ข้าก็นำวันเดือนปีเกิดของเจ้าไปให้มหาเถระฉือเอินที่วัดฝ่าหัวดู เดิมทีก็แค่อยากให้ท่านมหาเถระช่วยชี้แนะหาทางแก้ไข ทว่าในกระดาษพยากรณ์ที่ท่านส่งกลับมา มีเพียงว่า ดาวกาลกิณีไร้คู่ ไม่มีทางแก้ไข!"แม่เซียวทั้งร้องไห้ทั้งพูด เสียงสั่นสะอื้นฟังดูเวทนายิ่งนักส่วนเฉียวเนี่ยนนั้น ถึงกับยืนตะลึงนิ่งงันนางคือดาวกาลกิณีไร้คู่เช่นนั้นหรือ?ถึงได้ทำให้คนรอบตัวที่นางรักต้องจากไปทีละคนเช่นนี้งั้นหรือ?กลางอกปวดร้าวราวกับถูกมีดกรีดแทง ในชั่วขณะนั้น เฉียวเนี่ยนรู้สึกราวกับแม้แต่การหายใจก็เป็นเรื่องยากยิ่งแต่แม่เซียวก็ยังคงสะอื้น พลางปาดน้ำตาไปด้วย "เดิมทีข้าคิดว่า หากเหอเอ๋อร์ไม่เป็นอะไร กระดาษพยากรณ์นี้ก็คงไม่น่าเชื่อถือ แต่ตอนนี้…"เฉียวเนี่ยน