จะเรียกว่าคู่หมั้นคู่หมายก็ไม่เกินจริงต่อเขาจะไม่เคยชอบนางเลย ต่อให้เขาจะไม่เคยเห็นนางอยู่ในสายตาแต่ต่อให้เป็นคนแปลกหน้า?ด้วยนิสัยอย่างเซียวเหิง ย่อมไม่มีทางทำเรื่องสกปรกสมโมเช่นนั้นกับหญิงสาวที่ไม่รู้จักแน่นอน!แต่เหตุใดถึงทำกับนางได้ลงคอเหตุใดพวกเขาถึงได้กล้าทำเรื่องเลวร้ายเช่นนี้กับนางได้!เซียวเหิงถูกตบจนหน้าหัน คราบเลือดไหลซืมออกจากมุมปากหลินเย่ว์ตกใจไม่น้อย เซียวเหิงฉลาดเฉลียวตั้งแต่เด็ก ท่านลุงเซียวจึงไม่ค่อยเฆี่ยนตีเขา แต่คิดไม่ถึงเลยว่าเฉียวเนี่ยนจะเขากลัวว่าเซียวเหิงจะบันดาลโทสะลงไม้ลงมือ จึงรีบเข้ามาขวางเฉียวเนี่ยนเอาไว้"เนี่ยนเนี่ยนเจ้าอย่าโกรธไปเลย ที่พวกข้าทำลงไปก็เพื่อเจ้าทั้งนั้น...""เพื่อข้างั้นหรือ?" เฉียวเนี่ยนเหลียวไปทางหลินเย่ว์ มุมปากยกขึ้นแสยะยิ้มเมื่อเห็นหลินเย่ว์พยักหน้ารัว นางก็หันกลับมาหาเซียวเหิงอีกครั้ง "แม่ทัพเซียวเองก็คิดเช่นนั้นหรือ? หวังดีกับข้าอย่างนั้นหรือ?"เซียวเหิงหน้านิ่ง ไม่เอ่ยคำใดปลายลิ้นกวาดเลีบมุมปากของตัวเอง อดคิดไม่ได้ว่าแม่เด็กนี่แรงเยอะปานนี้ตั้งแต่เมื่อใดหลินเย่ว์รีบเอ่ยในทันใด "แน่นอนอยู่แล้วสิ? ย่อมต้องหวังดีกล
ทุกคนต่างตกตะลึงเซียวเหิงตั้งสติได้คนแรก ขมวดคิ้วถามเสียงเข้ม "ตั้งแต่เมื่อใดกัน?"หยดน้ำยังเกาะอยู่บนขนตาของฮูหยินหลิน ส่ายหน้าไปมา "ข่าวเพิ่งส่งมาจากวังเมื่อครู่ ได้ยินมาว่าเป็นโจรภูเขาจากอำเภอเหอโจวเจิ้น!"เหอโจวเจิ้น?หลินเย่ว์ถามอย่างตกใจ "ระยะทางจากเหอโจวเจิ้นมายังเมืองหลวงใช้เวลาสิบวันเต็มๆ ยิ่งไปว่านั้นหมิงอ๋องเพิ่งออกเดินทางไปสำนักราชาโอสถเมื่อเช้านี้ น่าจะมุ่งลงใต้ จะบังเอิญเจอโจรภูเขาที่อำเภอเหอโจวเจิ้น หยงเป่ยได้อย่างไร?"นั่นไม่ใช่โจรภูเขาธรรมดาด้วย!เมื่อได้ยินดังนั้น หัวใจของเฉียวเนี่ยนก็เต้นถี่รัว "หมิงอ๋องไปสำนักราชาโอสถ? ใกล้แต่งงานเต็มที เขาไปสำนักราชาโอสถทำไม?"สำนักราชาโอสถอยู่ใกล้ชายแดน เดินทางจากเมืองหลวงใช้เวลาหนึ่งเดือนกว่า ต่อให้หมิงอ๋องจะควบเร็วสักเพียงใด ไปกลับเที่ยวหนึ่งก็ต้องใช้เวลาสองเดือนเต็มๆทว่าฮ่องเต้ได้กำหนดเวลามาแล้ว ภายในสองเดือนนี้หมิงอ๋องต้องไปยังเมืองกูเฉิง!เมื่อได้ยินเฉียวเนี่ยนถามดังนั้น หลินเย่ว์กลับพูดไม่ออกท่าทีของเขา อย่าว่าแต่เฉียวเนี่ยนเลย แม้แต่ฮูหยินหลินก็รู้ว่ามีพิรุธนางลากตัวหลินเย่ว์มาอีกทาง เอ่ยถามเสียงกระซิบ "เย่ว์
ประโยคสุดท้าย นางจงใจเน้นเสียงหนัก ยิ่งทำให้หลินยวนหวาดหวั่นใจด้วยเหตุนั้นนางจึงกระตุกแขนเสื้อของฮูหยินหลิน "ท่านแม่ ในเมื่อพี่สาวเหนื่อยนัก เช่นนั้นพวกเราก็กลับกันก่อนเถิด! ในพี่สาวได้พักผ่อน"แล้วก็สงบสติอารมณ์ด้วยนางกลัวว่าหากฮูหยินหลินยังอยู่ต่อไป เฉียวเนี่ยนจะเปิดโปงเรื่องที่นางกรอกเหล้าอีกฝ่ายแม้ว่าสักวันฮูหยินหลินก็ต้องรู้เรื่องนี้ แต่จะให้รู้ตอนนี้ไม่ได้อย่างนั้นก็รอให้เป็นตอนที่พี่ชายอยู่ด้วย...แน่นอนว่าฮูหยินหลินไม่มีทางรู้ความในใจของหลินยวน แต่เมื่อเห็นใบหน้าระเรื่อของเฉียวเนี่ยน นางก็คิดว่ากำลังโมโหหลินเย่ว์ในเมื่อโกรธจนเลือดขึ้นหน้าปานนี้ ย่อมไม่ใช่เวลาที่เหมาะสมแก่การพูด แต่ยิ่งไปกว่านั้นยามนี้นางก็โมโหหลินเย่ว์จนแน่นอกไปหมด ทำได้เพียงพยักหน้าเอ่ย "เช่นนั้น เนี่ยนเนี่ยนก็พักผ่อนให้เต็มที่เถิด วันพรุ่งนี้... อีกสองสามวัน แม่จะเยี่ยมเจ้าใหม่"ว่าจนฮูหยินหลินก็พาหลินยวนเดินออกไปในทันใดทว่าทั้งสองเดินไปได้เพียงไม่กี่ก้าว ก็ได้ยินเสียงเย็นของเฉียวเนี่ยนไล่หลัง "ไปพาตัวเสี่ยวชุ่ยมา"นางพูดว่าพาตัวมาร่างของหลินยวนแข็งทื่ออย่างเห็นได้ชัด หัวใจถูกบีบอย่างรุนแรงอ
"คุณหนู!" หนิงซวงตกใจแทบบ้า รีบพุ่งเข้ามาพยุงร่างของเฉียวเนี่ยน น้ำตาไหลออกมาโดยไม่รู้ตัว "คุณหนู เป็นอะไรไปเจ้าคะ?"ท่านโหวน้อยทำอะไรลงไป เหตุใดถึงได้ทำร้ายคุณหนูของนางถึงเพียงนี้!ร่างทั้งร่างของเฉียวเนี่ยนสั่นเครือ อาการนี้คุ้นเคยยิ่งนัก หัวใจของนางรู้สึกวูบโหวง"ยาออกฤทธิ์น่ะ" น้ำเสียงของนางเลื่อนลอย อดไม่ได้ที่จะนึกถึงภาพตัวเองยามถูกจิ่งเหยียนอุ้มอยู่ในอ้อมอก ยามนั้นนางก็ตัวสั่นงันงกเช่นนี้จากนั้นสติก็พลันแตกกระเจิง จนเกือบจะปลดเชือกกางเกงของจิ่งเหยียน...โชคดีที่จิ่งเหยียนคว้ามือนางไว้ได้ทันเวลา และหลังจากยาสิ้นฤทธิ์ นางก็ได้สติกลับคืนมานางคิดว่าตัวเองรอดจากฤทธิ์ยาแล้วแต่คิดไม่ถึงเลยว่าจะออกฤทธิ์อีกครั้ง!หนิงซวงตื่นกลัว "ทำ...ทำอย่างไรดีเจ้าคะ? ให้ข้าตามหมอประจำจวนหรือไม่?"เฉียวเนี่ยนส่ายหน้าในทันทีจะเรียกหมอประจำจวนมาไม่ได้ภายใต้ฤทธิ์ยา นางไม่อาจควบคุมคำพูดและการกระทำของตัวเองได้ แม้หมอประจำจวนจะมีอายุแล้ว แต่กระนั้นก็ยังเป็นผู้ชายยามนี้ในสายตาของนาง คนที่สามารถนั่งนิ่งโดยไม่หวั่นไหวได้นั้น เกรงว่าจะมีเพียงรองแม่ทัพจิ่งเพียงคนเดียวเท่านั้นเมื่อคิดได้ดังนั้น
ก่อนหน้านางเพิ่งจับจุดชีพจรของหมิงอ๋อง เพื่อมิให้เขาทำร้ายนางอีกในวันหน้า คิดไม่ถึงเลยว่า...ไม่รู้ว่าเป็นเพราะฤทธิ์ยาโจมตีหรือย่างไร หัวสมองของเฉียวเนี่ยนก็พลันหนักอึ้ง สุดท้ายก็ฝืนทนไม่ไหว เป็นลมหมดสติไปยามตื่นขึ้นมาอีกครั้งก็เป็นวันถัดมาแล้วนางนอนอยู่บนเตียว เสื้อผ้าบนกายถูกเปลี่ยนเป็นผืนใหม่แล้ว"คุณหนูฟื้นแล้ว!" หนิงซวงที่อยู่ริมเตียวเห็นแล้วก็ดีใจ ขอบตาอันดำคล้ำของอีกฝ่ายบอกนางว่าเด็กสาวคนนี้อยู่เฝ้านางตลอดทั้งคืน!เฉียวเนี่ยนลุกขึ้นนั่ง รู้สึกเพียงแค่ว่าร่างกายไร้เรี่ยวแรงหนิงซวงพยุงเฉียวเนี่ยนลงจากเตียง สวมเสื้อผ้าให้เฉียวเนี่ยน ก่อนจะเอ่ยต่อ "คุณหนูเจ้าคะ ข้าแอบถามหมอประจำจวนแล้ว เขาบอกว่าต้องตามหาตัวคนวางยาถึงจะปรุงยาถอนได้ ไม่เช่นนั้น เกรงว่าจะยิ่งส่งผลร้ายยิ่งกว่า"เฉียวเนี่ยนขมวดคิ้ว "ท่านโหวน้อยกลับมาแล้วหรือ?"หนิงซวงส่ายหน้า "ยังเจ้าค่ะ เมื่อคืนหลังจากเข้าวังแล้วก็ยังไม่กลับมาที่จวนเลยเจ้าค่ะ"หลินเย่ว์เป็นคนซื้อยา แต่เขาดันไม่ยอมกลับมาที่จวน แล้วจะให้นางไปหายาถอนมาจากไหน?หากไม่มียาถอน ยาจะออกฤทธิ์อีกหรือไม่ เฉียวเนี่ยนเองก็ไม่แน่ใจแต่คาดไม่ถึงว่าจะมีเสี
ดั่งกระแสไฟแล่นปราด สองมือของทั้งคู่ชักกลับในทันใดจิ่งเหยียนถอยหลังไปสองสามก้าวด้วยซ้ำ ใบหน้าสีสำริดนั้นขึ้นสีแดงระเรื่ออย่างเห็นได้ชัดหนิงซวงที่อยู่ไม่ห่าง ตกใจจนลูกตาแทบถลนออกมาส่วนเฉียวเนี่ยนนั้นนึกถึงของตัวเองที่เสียกิริยาเมื่อวาน ก็เขินอายอย่างห้ามไม่ได้ วินาทีนั้นไม่รู้ว่าควรจะพูดอะไรออกไปดีบรรยากาศพลันเงียบสงันขึ้นมาอย่างประหลาด ผ่านไปเพียงไม่กี่ลมหายใจ แต่กลับเนิ่นนานเหมือนชั่วยามอย่างไรอย่างนั้นจิ่งเหยียนเป็นฝ่ายทำลายความเงียบ "ข้า...ข้าน้อยมีธุระต้องจัดการอีก เช่นนั้นขอตัวก่อนนะขอรับ"ขณะพูดจิ่งเหยียนก็ยกมือประสานคำนับเฉียวเนี่ยนเฉียวเนี่ยนเองก็คำนับกลับ มองส่งจิ่งเหยียนจากไปจนลับตาคิดไม่ถึงเลยว่าจู่ๆ หนิงซวงจะเขยิบเข้ามาใกล้ ยิ้มกรุ้มกริ่ม "คุณหนู ท่านเห็นใบหูของรองแม่ทัพจิ่งหรือไม่ แดงแจ๋จนแทบสุกอยู่แล้ว!"แค่โดนมือของคุณหนู ไม่นึกเลยว่าจะใสซื่อปานนี้คิดไปคิดมาหนิงซวงก็ลงความเห็นว่า "เขาต้องชอบคุณหนูแน่นอนเลยเจ้าค่ะ!"เดิมทีเฉียวเนี่ยนยังแอบขำที่จิ่งเหยียนหูแดงเหมือนที่หนิงซวงว่า แต่พอได้ยินหนิงซวงพูดประโยคถัดไป สีหน้าก็พลันบึ้งตึงในทันใด "ห้ามพูดเหลวไหลเ
ว่าจบอีกฝ่ามือหนึ่งก็วาดเข้ามาตบจนเฉียวเนี่ยนโซเซนางกุมหน้าเอาไว้ มองเต๋อกุ้ยเฟยที่สติแตก ความรู้สึกน้อยเนื้อต่ำใจและโกรธเคืองปะทุขึ้นในใจทว่า...เฉียวเนี่ยนกลับหลุบตาลง ค่อยๆ คุกเข่าลงอารมณ์ของเต๋อกุ้ยเฟยไม่ได้ดีขึ้นเลยแม้แต่นิด นางชี้หน้าด่าเฉียวเนี่ยน "เจ้ามันก็แค่นางแพศยาที่หญิงแพยศาให้กำเนิดออกมา! ตอนแรกข้าเห็นเจ้าน่าสงสารถึงได้ฝืนใจให้เจ้าแต่งงานกับเจ๋อเอ๋อร์ แต่เจ้ากลับรังเกียจเขา! นางไม่ใช่เพราะเจ้า เขาจะออกจากเมืองหลวงไปสำนักราชาโอสถอย่างปุบปับเช่นนี้ได้อย่างไร!"เฉียวเนี่ยนขมวดคิ้วแน่น นางรู้ว่าเต๋อกุ้ยเฟยคงรู้เรื่องที่ตัวเองข่มขู่หมิงอ๋องแล้วแต่ที่นางข่มขู่หมิงอ๋องมิใช่เพราะความรังเกีนจ แต่เพื่อป้องกันตนเองเพียงเท่านั้น เพื่อไม่ให้หมิงอ๋องทารุณนางหรือทารุณหญิงอื่นอย่างเลือดเย็นเช่นนั้นอีกนางไม่รู้เลยด้วยซ้ำว่าหลินเย่ว์จะหลอกหมิงอ๋องว่าสำนักราชาโอสถมีวิธีต่ออวัยวะ ทั้งยังคิดไม่ถึงว่าหมิงอ๋องจะถูกโจรภูเขาหยงเป่ยจับตัวไป!แต่นางก็รู้ว่าคำแก้ตัวนางรังแต่จะราดน้ำมันลงบนกองไฟ จึงคุกเข่าลงบนพื้น หลุบตาลง ไม่พูดไม่จาเมื่อเห็นว่านางไม่ตอบโต้ อารมณ์ของเต๋อกุ้ยเฟยก็ค่อ
ตั้งแต่ต้นจนจบ เฉียวเนี่ยนไม่เอ่ยแม้สักคำนางรู้ว่าตอนนี้หมิงอ๋องเป็นตายร้ายดีอย่างไร ไม่มีผู้ใดรู้ คนเป็นแม่อย่างเต๋อกุ้ยเฟย ย่อมสติแตก พาลโมโหคนอื่นยิ่งไปว่านั้น นางเป็นถึงกุ้ยเฟยผู้สูงศักดิ์คนยศตำแหน่งสูงส่งอย่างพวกนาง เดิมทีก็ไม่เห็นชีวิตของคนทั่วไปอยู่ในสายตาอยู่แล้วในสายตาของพวกเขา ชีวิตนางนั้นไร้ค่าหมิงอ๋องเฆี่ยนตีนางปางตาย ก็ปล่อยให้ตีไป ต่อให้ตายแล้วอย่างไรเล่า?ใครใช้ให้นางเกิดมาเป็นลูกของนางแพศยา ชีวิตไร้ค่า!หึ!เฉียวเนี่ยนคุกเข่าอยู่ที่เดิม สีหน้าไม่เปลี่ยนแปลง ทว่าแววตาที่จ้องมองชายกระโปรงของตัวเองกลับเผยอารมณ์หนึ่งที่ยากจะอธิบายแล้วเหตุใดชีวิตนางถึงไร้ค่า?เหตุใดหญิงสาวที่ถูกหมิงอ๋องทรมานจนตาย กลับตายแล้วก็ปล่อยให้ตายไป?วินาทีนั้น ความเกรี้ยวโกรธของเฉียวเนี่ยนก็พุ่งถึงขีดสุดนางคิดว่าหากโจรภูเขาจับตัวหมิงอ๋องไปผ่าท้องมันเสียเลยคงดียิ่งนัก!แต่เมื่อเสียงสะอื้นของเต๋อกุ้ยเฟยค่อยๆ เบาลง ความเดือดดาลของเฉียวเนี่ยนเองก็เริ่มบรรเทาตามสติสัมปชัญญะบอกนางว่า หมิงอ๋องจะตายไม่ได้หมิงอ๋อง คือหนทางเดียวที่จะทำให้นางหลุดพ้นจากจวนโหวได้เร็วที่สุดเมื่อคิดได้ดังน
คำพูดของจิ่งเหยียนทำเอาหลินเย่ว์ชะงักไป ก่อนจะเดือดดาลในทันใด"น้ำหน้าอย่างเจ้า ยังกล้าดีปฎิเสธเนี่ยนเนี่ยนอีกหรือ? คิดว่าเป็นรองแม่ทัพหนุ่มแล้วเก่งนักรึ? ข้าจะบอกอะไรให้นะ อย่างเจ้าไม่คู่ควรแม้แต่จะหิ้วรองเท้าให้เนี่ยนเนี่ยนด้วยซ้ำ!"เดิมคิดว่าหลินเย่ว์ถ้อยคำดูถูกดูแคลนเช่นนี้ต้องทำให้จิ่งเหยียนทั้งแค้นเคืองทั้งอับอายเป็นแน่แต่กลับไม่เป็นเช่นนั้น จิ่งเหยียนกลับตอบเสียงแผ่วเบา "ข้ารู้"ดูแววตาเลื่อนลอย น้ำเสียงนิ่งเรียบของเขาสิ แค้นเคืองหรืออับอายเสียที่ไหน?หลินเย่ว์และเซียวเหิงต่างตกตะลึงกลับกันจิ่งเหยียนเริ่มพร่ำพรรณนา สายตาหยุดอยู่ที่พื้น ราวกลับกำลังนึกย้อนอดีตกาล"แต่ก่อน แม่นางเฉียวคือจันทร์แจ่มบนฟากฟ้า พวกเจ้าทนุถนอมนาง ป้องกันนาง ข้ารู้ว่าฐานะของตัวเองแตกต่างจากนางเพียงใด ได้แต่เฝ้าชะเง้อมองนางจากไกลๆ ไม่กล้าแม้แต่จะคิดเกินเลย แต่หลังจากนั้น โชคชะตาพลิกผัน นางตกจากสวรรค์สู่โคลนดิน พวกเจ้าทุกคนทอดทิ้งนาง!"หลินเย่ว์ขมวดคิ้ว ส่งเสียงฮึดฮัด เอ่ยเย้ยหยัน "เช่นนั้นตอนนี้เจ้าจึงกล้าคิดเกินเลยกับนางอย่างนั้นรึ?"คิดไม่ถึงเลยว่าจิ่งเหยียนจะส่ายหน้า "เขาแค่เห็นใจแม่นางเฉียว"
จิ่งเหยียนหลุบตาลง ลูบมือขวาที่ปล่อยหมัดเมื่อครู่ของตน เอ่ยเสียงเรียบว่า "เช่นนั้นแม่นางเฉียวอาจแค่ชอบท่านแม่ทัพป้อนอาหารนางเท่านั้น ถ้าชอบขนมอบนั่นจริงๆ จะแบ่งให้คนอื่นได้อย่างไร?"ตอนนั้น เขาก็เคยกินขนมที่เฉียวเนี่ยนแบ่งให้ได้ยินดังนั้น หลินเย่ว์ก็พูดอะไรไม่ออกอดคิดไม่ได้ว่าเมื่อก่อนเฉียวเนี่ยนชอบแบ่งขนมให้คนอื่นกินจริงๆเขาคิดว่านางแค่ชอบแบ่งปันแต่อย่างที่จิ่งเหยียนกล่าวไว้ ถ้าชอบกินจริงๆ แล้วจะแบ่งให้คนอื่นได้อย่างไร?ชั่วขณะหนึ่ง เซียวเหิงรู้สึกไม่รู้จะทําอย่างไรดี แม้แต่แรงที่กดจิ่งเหยียนไว้ก็ผ่อนคลายลงเขาคิดเสมอว่านางชอบกินขนมอบของหลี่จี้เมื่อก่อน ตอนที่เขาส่งขนมหวานให้นาง นางมักจะทําท่าทางประหลาดใจมาก สีหน้าดีใจเล็กๆ นั้น ราวกับว่าได้ของล้ําค่าที่สุดในโลกนี้แล้วแต่ต่อมา ขนมที่เขาตั้งใจวางไว้ในรถม้านางก็ไม่ได้แตะต้อง เป็นขนมที่มอบให้นางเองกับมือ นางก็หันมามอบให้หลินยวนเขาแค่คิดว่านางยังคงเกลียดเขา ดังนั้นแม้แต่ของที่เขาให้มาก็ไม่กินแต่ไม่เคยคิดว่านางไม่ชอบกินเลยเขากับนางเป็นเพื่อนเล่นกันมาแต่เด็ก เพราะแก่กว่านางสองปี เขาจึงปกป้องนางทุกหนทุกแห่ง อดทนกับนางเ
ตอนที่หลินเย่ว์มาถึงกองทัพ จิ่งเหยียนกําลังรายงานกิจการทหารกับเซียวเหิงอยู่ในห้องหนังสือประตูห้องถูกคนถีบเปิดออก จากนั้นหลินเย่ว์ก็พุ่งเข้ามา ไม่พูดพร่ำทําเพลง ชกหมัดใส่หน้าจิ่งเหยียนอย่างแรงโชคดีที่ปฏิกิริยาของจิ่งเหยียนไม่ช้า เขาเอนตัวไปข้างหลังและหลบได้อย่างหวุดหวิดแต่หลินเย่ว์ไม่ยอมแพ้และเตะออกไทันทีจิ่งเหยียนยังคงหลบอยู่ แต่ไม่คิดว่าหลินเย่ว์จะโจมตีต่อเมื่อเห็นดังนั้น เซียวเหิงก็ขมวดคิ้ว พลิกตัวจากหลังโต๊ะมาบังกําปั้นของหลินเย่ว์ที่กําลังจะฟาดลงบนใบหน้าของจิ่งเหยียนน้ำเสียงทุ้มต่ำแฝงไปด้วยความโกรธที่สังเกตได้ยาก "บ้าไปแล้วหรือ?"หลินเย่ว์สะบัดมือของเซียวเหิงออก ดวงตาทั้งคู่เต็มไปด้วยความโกรธ จ้องจิ่งเหยียนเขม็ง "เจ้าถามเขาสิ ว่าทําเรื่องอะไรมา!"เซียวเหิงขมวดคิ้วเล็กน้อย แล้วหันไปมองจิ่งเหยียนกลับเห็นจิ่งเหยียนทําท่าทางสง่าผ่าเผย "ข้าน้อยฟังความหมายของท่านโหวน้อยไม่ออก"ก็แค่ส่งอาหารจานหนึ่งให้เฉียวเนี่ยน ทําไมต้องโมโหขนาดนี้ด้วย?เมื่อเห็นท่าทางแบบนี้ของจิ่งเหยียน หลินเย่ว์ก็แทบอยากจะต่อยเขาอีกครั้ง "เช้านี้เจ้าปีนกําแพงออกมาจากเรือนเนี่ยนเนี่ยน องครักษ์ของจวนข้
เมื่อคิดถึงตรงนี้ ความโกรธในใจของหลินเย่ว์ก็ยิ่งรุนแรงมากขึ้น "ไม่ว่ายังไง เจ้าเป็นผู้หญิง ก็ควรให้ความสําคัญกับชื่อเสียงของตัวเอง เจ้าและยวนเอ๋อร์ต่างก็รอที่จะแต่งงานอยู่ หากมีข่าวซุบซิบใดๆ ออกมา มันจะไม่ดีต่อเจ้าและยวนเอ๋อร์เลย"ถ้ามีคนรู้ว่าเฉียวเนี่ยนพบผู้ชายตอนกลางคืนในห้องนอนของตัวเอง คนนอกจะคิดอย่างไรกับนาง จะคิดอย่างไรกับหญิงสาวของจวนโหว?เมื่อถึงเวลานั้น แม้แต่ชื่อเสียงของยวนเอ๋อร์ก็ต้องพลอยเดือดร้อนไปด้วย!และฟังถึงตรงนี้ ในที่สุดเฉียวเนี่ยนก็เข้าใจนางอดยิ้มเย็นไม่ได้ "ข้าก็ว่าแล้ว ท่านโหวน้อยก็จ้างคนมามัดข้า แถมยังวางยาข้าอีก ทําไมจู่ๆ ถึงสนใจชื่อเสียงของข้าขึ้นมา ที่แท้ ก็เพื่อหลินยวนนี่เอง"หลินเย่ว์นิ่งไป ในที่สุดก็จําเรื่องไร้สาระที่เขาเคยทํามาก่อนได้จึงพูดว่า "วันนี้ข้าไม่ได้มาทะเลาะกับเจ้า สรุปแล้ว ท่านย่าลงโทษเจ้าให้ทบทวนความผิดตัวเอง ไม่ใช่เพื่อให้เจ้าแอบนัดพบชายอื่นในจวน เจ้าจงดูแลตัวเองให้ดี"คําพูดนี้เท่ากับตัดสินโทษของเฉียวเนี่ยนหลินเย่ว์พูดจบก็เดินออกไปข้างนอกแต่ไม่คิดเลยว่า จานใบหนึ่งจะโจมตีจากด้านหลัง กระแทกใส่ไหล่ซ้ายของเขาอย่างแม่นยําเกิดอาการ
เฉียวเนี่ยนตกใจจิ่งเหยียนถูกพบแล้ว!หนิงซวงรีบยัดกล่องอาหารที่ยังวางไม่ทันใส่มือของเฉียวเนี่ยน "คุณหนูอย่าใจร้อน บ่าวจะออกไปดูสักหน่อยเจ้าค่ะ"พูดจบก็เดินออกไปอย่างรวดเร็วผ่านไปครู่ใหญ่ หนิงซวงจึงกลับมา "คุณหนู คนที่องค์รักษ์ค้นพบก็คือรองแม่ทัพจิ่ง! แต่ท่านไม่ต้องกังวล รองแม่ทัพจิ่งวิ่งเร็ว ไม่ได้ถูกจับเจ้าค่ะ"เมื่อได้ยินคําพูดนี้ เฉียวเนี่ยนถึงถอนหายใจด้วยความโล่งอกถ้าจิ่งเหยียนเสียชื่อเสียงเพราะนาง แบบนี้นางมิต้องมีบาปติดตัวอย่างหนักเหรอแต่คิดไม่ถึงเลยว่าไม่ถึงครึ่งชั่วยาม ประตูใหญ่ของเรือนฟางเหอก็ถูกคนเคาะเปิดแล้วเป็นหลินเย่ว์นั่นเองตอนที่เขามา เฉียวเนี่ยนเพิ่งกินอาหารเช้าเสร็จเมื่อเห็นเขา สีหน้าของเฉียวเนี่ยนย่อมไม่ค่อยดีนัก จึงพูดทันทีว่า "ในเมื่อท่านย่าลงโทษให้ข้าอยู่ในเรือนฟางเหอเพื่อคิดทบทวนตนเอง ก็ย่อมไม่อยากให้ผู้อื่นมารบกวน และไม่รู้ว่าท่านโหวน้อยมาหาข้าแต่เช้าตรู่เช่นนี้ มีธุระสําคัญอะไรหรือเจ้าคะ?"คําพูดนางเต็มไปด้วยความไม่ต้อนรับหลินเย่ว์จะฟังไม่ออกได้อย่างไร กลับมองไปที่หนิงซวงที่อยู่ข้างๆ แล้วพูดว่า "องครักษ์บอกว่า เช้านี้พบชายคนหนึ่งปีนกําแพงออกมา
ทําสองครั้งแรก มันก็กินยากจริงๆ นั่นแหละดังนั้นเขาจึงจ่ายเงินเรียนซะเลย แต่ไม่คิดว่าไส้ใหญ่หมูแบบนี้นี้ดูเหมือนง่าย แต่การทํามให้อร่อยไม่ใช่เรื่องง่ายเลยเมื่อคืนหลังจากเรียนเสร็จ เขาก็รีบไปซื้อไส้ใหญ่หมูกลับไปอย่างอดใจรอไม่ไหว ไม่ง่ายเลยที่จะทําชามนี้ออกมาได้เขาคิดว่าของแบบนี้เย็นแล้วไม่อร่อย จึงถือโอกาสเอาไปให้เฉียวเนี่ยนตอนร้อนแต่จนกระทั่งเขาเคาะหน้าต่างของเฉียวเนี่ยน เขาถึงได้สติขึ้นมาอย่างกระทันหันฟ้าเพิ่งสว่าง เขาก็มาอย่างอดใจรอไม่ไหวแล้วซ้ำยังปีนกําแพงเข้ามาเพื่อเอาไส้ใหญ่หมูไปให้เฉียวเนี่ยนแค่ไส้ใหญ่หมูจานเดียวเอง!คิดแบบนี้แล้ว ใบหน้าของจิ่งเหยียนก็แดงก่ำจนเลือดแทบจะไหลออกมาแล้วเขารู้สึกว่าตัวเองบุ่มบ่ามเกินไปแล้วแต่ตอนนี้ เขาจากไปก็ไม่ใช่ อยู่ก็ไม่เชิงใบหน้าที่แข็งกระด้างในตอนแรก ตอนนี้เต็มไปด้วยความลําบากใจเฉียวเนี่ยนย่อมคิดไม่ถึงว่าจิ่งเหยียนจะมาส่งไส้ใหญ่หมูเห็นได้ชัดว่าครั้งที่แล้วนางแค่พูดไปอย่างนั้นเอง ผ่านไปนานขนาดนี้ นางก็ลืมไปแล้ว แต่ไม่คิดเลยว่าเขาจะส่งมาแล้วเมื่อเห็นใบหน้าดําคล้ําของจิ่งเหยียนเกือบจะแดงจนยืนไม่อยู่ เฉียวเนี่ยนก็อดยิ้มไม่
คืนนั้น เฉียวเนี่ยนได้ฝันในความฝัน นางย้อนกลับไปเมื่อสามปีก่อน ตอนที่หลินยวนทําถ้วยแก้วแตกเมื่อเผชิญหน้ากับการตําหนิขององค์หญิง เซียวเหิงและหลินเย่ว์ในความฝันก็เข้าไปขวางหน้าองค์หญิงพร้อมกันในขณะที่เฉียวเนี่ยนรู้สึกซาบซึ้งใจกับเรื่องนี้ กลับพบว่าคนที่ถูกพวกเขาปกป้องอยู่ข้างหลังคือหลินยวน ไม่ใช่นางสุดท้าย นางที่อยู่ในความฝันก็ถูกพาไปที่กรมซักล้าง ถูกพวกนางบ่าวร่วมมือกันรังแก ถูกมามาเฆี่ยนตี...ในที่สุดเฉียวเนี่ยนก็ตื่นจากภวังค์ หอบหายใจอย่างหนักหน่วง บนหน้าผากมีเหงื่อเย็นบางๆ ปกคลุมอยู่ หัวใจเต้นรัวเร็วแน่นอนว่าสําหรับนาง กรมซักล้างนั้นเปรียบได้ดั่งนรกคงเพราะได้ยินเสียงเคลื่อนไหว หนิงซวงจึงเดินเข้ามาจากข้างนอก เห็นเฉียวเนี่ยนกําลังนั่งหอบหายใจอยู่บนเตียง จึงอดถามอย่างเป็นห่วงไม่ได้ "คุณหนูฝันร้ายหรือเจ้าคะ?"เฉียวเนี่ยนสูดหายใจเข้าลึกๆ ส่ายหน้าเล็กน้อย "เป็นแค่ฝันร้ายเล็กๆ เท่านั้น ไม่เป็นไรหรอก"นางคิดว่าทุกอย่างที่เกิดขึ้นในกลางวันทําให้นางรู้สึกไม่พอใจเล็กน้อย ดังนั้นนางจึงฝันแบบนั้นแต่ว่า แม้แต่ในความฝัน เซียวเหิงและหลินเย่ว์ก็ไม่ได้ปกป้องนางนางยิ้มอย่างขมขื่นและส
ขณะที่พูด สายตาของฮูหยินเฒ่าก็กวาดผ่านใบหน้าของทุกคนไปทีละคนๆ สุดท้ายจึงไปหยุดอยู่ที่ใบหน้าของท่านโหวหลิน "เจ้าบอกว่าเพราะแม่ลําเอียง แต่พวกเจ้าล่ะ? หัวใจของพวกเจ้าเอนเอียงตั้งนานแล้ว! หากข้าไม่ปกป้องนางสักหน่อย นางจะยังมีชีวิตอยู่ในจวนโหวแห่งนี้ได้หรือ?"เมื่อพูดถึงตรงนี้ ฮูหยินเฒ่าก็ถอนหายใจยาวด้วยความโล่งอก และค่อยๆ เดินออกไปข้างนอก"หัวใจคนนั้นทำมาจากเลือดเนื้อ! ต่อให้ไม่ใช่ลูกแท้ๆ แต่ก็เลี้ยงมาตั้งหลายปี ยังไงก็ต้องมีความรู้สึกบ้างแหละ"ในห้องโถงใหญ่ คนทั้งหลายยืนอยู่ที่เดิม มองแผ่นหลังหลังค่อมของฮูหยินเฒ่าที่ยิ่งเดินยิ่งไกลจนกระทั่งหลังจากหายลับไปจากสายตาของทุกคนแล้ว ท่านโหวหลินจึงอดไม่ได้ที่จะเอ่ยเสียงเบาว่า "เรื่องในวันนี้ ใครเป็นคนเล่าให้ฮูหยินเฒ่าฟัง?"หลินเย่ว์ทําหน้าบึ้งตึงไม่พูดไม่จา ในสมองยังคงมีแต่ตอนที่เฉียวเนี่ยนเรียกพี่ใหญ่อยู่แน่นอนว่าฮูหยินหลินเองก็ไม่รู้เช่นกันมีเพียงหลินยวนที่มองดูคนอื่นแล้วถึงเอ่ยปาก "บางที อาจเป็นเพราะตอนที่สาวใช้ในเรือนข้าไปเอายามาจากหมอประจําทําให้หลุดปากออกมา"ถึงอย่างไรสาวใช้ในเรือนของฮูหยินเฒ่า ทุกวันต้องไปหาหมอถึงสามครั้ง มีความเป
สิ้นเสียงของเฉียวเนี่ยน ทั้งห้องโถงก็ตกอยู่ในความเงียบนอกจากเสียงสะอึกสะอื้นของหลินยวนที่ดังมาเป็นระยะแล้ว คนอื่นๆ ก็ดูเหมือนจะไม่รู้ว่าจะพูดอะไรดีฮูหยินเฒ่าจ้องมองศีรษะของเฉียวเนี่ยนอยู่นาน ในที่สุดก็ถอนหายใจออกมาอย่างอดไม่ได้ “หลานที่น่าสงสารของข้า... แต่เนี่ยนเนี่ยน เจ้ารู้ว่าองค์หญิงต้องการทําร้ายยวนเอ๋อร์และยังยุยงให้นางไปงานเลี้ยง นี่เป็นความผิดของเจ้า เจ้ายอมรับหรือไม่?”ไม่รอให้เฉียวเนี่ยนเอ่ยปาก ท่านโหวหลินที่อยู่ข้างๆ ก็เอ่ยขึ้นว่า “ท่านแม่ เด็กคนนี้ดื้อรั้นตั้งแต่เด็ก นางไม่ยอมรับก็ช่างเถอะ ท่านอย่าโกรธนางเด็ดขาด”เขากังวลว่าฮูหยินเฒ่าจะโกรธเฉียวเนี่ยนจนป่วยแต่เฉียวเนี่ยนจะยอมปล่อยให้ฮูหยินเฒ่าโกรธได้อย่างไรนางพยักหน้าทันที "ข้ายอมรับ"ได้ยินดังนั้น ท่านโหวหลินและหลินเย่ว์ที่อยู่ข้างๆ ต่างก็ตกตะลึงเห็นๆ กันอยู่ว่าเมื่อครู่นางหนูยังทําท่าทางยอมตายแต่ไม่ยอมแพ้ ทําไมตอนนี้...กลับได้ยินเสียงชราของฮูหยินเฒ่าค่อยๆ เอ่ยปากว่า “เช่นนั้น ย่าก็จะลงโทษเจ้าให้กักบริเวณเป็นเวลาหนึ่งเดือน เพื่อสำนึกผิด เจ้าคิดเห็นอย่างไร?”เมื่อได้ยิน'การลงโทษ'แบบนี้ เฉียวเนี่ยนก็อดไม่ได้ท