ปัง! มือใหญ่ตบลงบนโต๊ะเสียงดัง แววตาของผู้ตรวจการหนุ่มฉายชัดถึงโทสะ
“ตะ ใต้เท้า ข้าน้อยเห็นแม่นางผู้นั้นจริง ๆ นะขอรับ” อู๋ซุนที่ติดตามโหวซื่อจื่อตั้งแต่เริ่มเป็นขุนนางใหม่ ๆ ไม่เคยเห็นผู้เป็นนายของตนมีโทสะเลยสักครั้งแม้จะเจอเรื่องใหญ่ยากจะควบคุมแต่เขาก็สามารถใช้ความเคร่งขรึมและสติปัญญาผ่านมันไปได้ ไหนเลยจะโกรธเคืองจนมีโทสะเช่นตอนนี้
“เหตุใดไม่รีบมารายงานข้า” นี่ก็ยามซวี (19.00-20.59) แล้วไม่รู้ว่าป่านนี้นางเป็นเช่นไร
“ขะ ขออภัยขอรับใต้เท้า ข้าเพียงคิดว่าเป็นแค่สตรีที่มีใบหน้าคล้ายคลึงกัน” เพราะม้วนภาพนี้ถูกส่งมาจากเมืองหลวงทุกปี ตนจึงไม่คิดว่าสตรีในภาพวาดจะมาปรากฏตัวที่เมืองนี้
“รีบไปโรงเตี๊ยมหนิงฟางกับข้า”
&nb
“หึ! หลวนฟูเหรินของจวนโหว สูงส่งที่ใดกัน ถึงได้กล้ามองซือซือของข้าต้อยต่ำ” “ส่วนเรื่องของคุณหนูเหรินก็ไปมาหาสู่กับคุณหนูเหอได้ราวครึ่งปีก่อนจะห่างเหินไปพร้อมกับโหวซื่อจื่อ” “ก็แค่สหายในวัยเด็กสินะ ซือซือคิดเช่นนั้นแต่ดูเหมือนอีกคนจะไม่ได้คิดเช่นเดียวกัน” ทำตัวร้อนรนราวกับมดบนกระทะที่ร้อน หรือเป็นเพราะยังไม่รู้เรื่องจึงคิดเข้าข้างตนเองว่านางน้อยใจกันนะถึงได้พยายามเข้าหาเช่นนี้ “ไปได้ เรื่องของเสี้ยนจู่ หากมีเรื่องใดให้รีบรายงานข้า” “ขอรับ” เมื่อลูกน้องคนสนิทจากไปเขาจึงลอบปีนกลับเข้าไปในห้องของน้องน้อย ก่อนจะนั่งเฝ้ามองนางที่ข้างเตียงคล้ายกับกลัวว่าหากเผลอกะพริบตาชั่วครู่ นางก็อาจจะถูกบุรุษอื่นแย่งไป&n
เมื่อตกลงกันเสร็จแล้วนางก็กลับเข้าห้องของตนก่อนจะนั่งครุ่นคิดถึงเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อวาน พลันมุมปากหยักยกยิ้มเจ้าเล่ห์ย้อนกลับไปเมื่อวาน การได้พบหน้าคนในความทรงจำของร่างนี้ทำให้นางรู้สึกได้แล้วว่าตนเองเป็นเพียงคนตัวเล็ก ๆ ที่ไม่มีอำนาจต่อรองอันใดกับโชคชะตาเลย ทั้งยังมีศัตรูที่เป็นถึงลูกรักของสวรรค์ มีชื่อเสียงดีงามคนที่รักและพร้อมปกป้องรายล้อม ส่วนอีกคนก็มีชาติตระกูลเป็นถึงโหวซื่อจื่อ มีตำแหน่งขุนนางเป็นถึงผู้ตรวจการเรื่องอำนาจไม่ต้องพูดถึง ต่างจากนางที่เป็นสตรีไร้อำนาจ บิดาเป็นเพียงรองเจ้ากรมเล็ก ๆ ไม่มีญาติพี่น้องเป็นเชื้อพระวงศ์ไร้คนปกป้องหนุนหลัง หากถูกอีกฝ่ายบีบให้ตายเกรงว่านางก็คงไม่กล้ามีชีวิตรอด แต่หากนางสามารถเกาะแข้งเกาะขาลูกรักของสวรรค์ที่อย่างไรก็มีชีวิตรอดถึงตอนจบเช่นเจียงเซวียนได้ ชีวิตนางย่อมอยู่รอดปลอดภัยและไม่ต้องตายซ้ำอีกครั้ง
10 ใครหลงใหลใคร ข้าชักไม่แน่ใจ หลังจากได้อาบน้ำเหอซือซือก็รู้สึกสบายตัวขึ้น แต่ยังคงหลงเหลืออาการปวด ใบหน้าจึงยังดูซีดเซียวอยู่บ้าง “ซือซือเจ้ามาแล้ว ข้าสั่งของขึ้นชื่อที่นี่เอาไว้ให้เจ้าสองสามอย่าง หากไม่พอก็ลองดูเถิดว่าอยากกินอะไร” “ขอบคุณเล่อเล่อ เจ้าช่างใส่ใจข้า” “ไม่ต้องมาส่งยิ้มออดอ้อนให้ข้าเลย ดื่มสุราเช่นใดถึงได้เมามายเพียงนั้น ในเมืองที่มีแต่คนแปลกหน้าเช่นนี้ มันอันตรายไม่รู้หรือ” เจียงเซียวเล่อบ่นสหาย “ข้าขอโทษ ข้าเห็นชื่อไพเราะจึงคิดว่าเป็นน้ำชาตำรับพิเศษที่มีขายเฉพาะที่โรงเตี๊ยมนั่น จึงสั่งมาพอจิบไปจิบมาก็ไม่รู้ตัวเสียแล้ว” “สุรานั่นมีนามว่าอะไร เหตุใดเจ้าถึงได้คิดว่ามันคือน้ำชา” “มันมีนามว่า เสียงแว่วหวาน ข้าเห็นคนสั่งมากจึงคิดว่าเป็นน้ำชา ไหนจะยังมีหวนคำนึงอีก แต่ข้าอยากลองจึงสั่งเพียงอย่างเดียว” และเพราะหวนคำนึงอีกนั่นแหละที่ทำให้ภาพทั้งหมดดับวู
นางไม่อยากมองหาสหายคนใหม่หรอกนะ... “ไม่เป็นไร ข้าจะนั่งมองคนเดินผ่านไปมาชั่วครู่ แล้วค่อยขึ้นไปนอน เจ้าไปเที่ยวทุ่งดอกไม้เถิด หากสายกว่านี้แดดจะร้อนเกินไป” “ก็ได้ เจ้านี่นะ” เจียงเซียวเล่อยิ้มก่อนจะเอานิ้วจิ้มแก้มของสหาย “คุณหนูเหอ เช่นนั้นพวกข้าขอตัวก่อน” เผยหลี่จุนกล่าวด้วยยิ้มสมใจ “เชิญตามสบายเจ้าค่ะ” คล้อยหลังเจียงเซียวเล่อและประมุขแห่งปราสาทเมฆาไม่นาน คุณหนูเหอก็หันไปมองบุรุษที่นั่งจิบชาอย่างตั้งใจก่อนจะกุมสองมือไว้บริเวณอกแล้วเอ่ยวาจาออดอ้อน “เมื่อครู่ข้าได้ยินว่าพี่เซวียนจะไปงานประมูลสินค้าหรือเจ้าคะ” “ถูกต้อง” เขาตอบรับพลางปรายตามองสตรีน่าเอ็นดูที่ยามนี้ดูเจ้าเล่ห์ขึ้นมาก “ข้าขอไปด้วยได้หรือไม่” นางอยากเห็นการประมูล “เจ้าปวดหัวอยู่ไม่ใช่หรือ” “ข้าไม่ได้ใช้หัวอันใดในการประมูล ข้าแค่อยากจะไปดูเฉย ๆ เจ้าค่ะ” “เจ้าอยากไปหรือ” “เจ้าค่ะ” นางส่งสายตาอ้อนวอนพลางคิด หากไม่อยากไปจะเอ่ยปากอ้อนวอนเขาหรือ “แต่ที่งานประมูลคนม
“อ้าว! เช่นนั้นหรือที่แท้เป็นพี่จำผิด แล้วที่ทำไปเมื่อครู่พี่ขอคืน” กล่าวจบเขาก็กดจมูกลงบนหน้าผากมนอย่างอารมณ์ดี มุมปากหยักแต่งแต้มรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ ดวงตาที่มองนางพราวระยับอย่างเปิดเผย ‘คนผู้นี้มากเล่ห์ยิ่งนัก’ นี่นางเลือกคนถูกหรือไม่ ที่จะคิดจะทำให้เขาหลงใหลจนยอมช่วยเหลือและปกป้องให้นางรอดพ้นจากอันตรายและคนพวกนั้น “ขอบคุณที่เจ้าย้ำเตือน และหากจะฟ้องเล่อเล่ออย่าลืมฟ้องด้วยว่าพี่ทำเช่นนี้” กล่าวจบเขาก็จับแขนนางขึ้นมาก่อนจะกดจมูกไล่ตั้งแต่มือขึ้นไปหาแขน “พอแล้วเจ้าค่ะ อายคนเขา” ประเดี๋ยวคนที่อยู่ในห้องส่วนตัวห้องอื่นก็เห็นเข้าหรอก “ที่เมืองไห่หยางนี้ คนไม่ค่อยสนใจผู้อื่นหรอก” เขากล่าวก่อนจะเลิกแกล้งนางแล้วใช้มือปัดปอยผมที่ระใบหน้าของนางเอาไว้
อย่างไรเขาก็ไม่เชื่อว่านางจะรักกับบุรุษที่มีสมญานามว่า ‘จิ้งจอกเก้าหาง’ คนมากเล่ห์ผู้นั้นไม่เหมาะสมกับสตรีอ่อนหวานและซื่อตรงเช่นเหอซือซือหรอก เจียงเซวียนประมูลยาถอนพิษปลุกกำหนัดและยาถอนหมื่นพิษมาให้สตรีตัวน้อยที่กำลังหลับอยู่ในอ้อมกอด ยามเขาไม่สนใจของประมูลชิ้นนั้น เขาก็จะก้มมองสตรีที่เอนตัวหลับอยู่ในอ้อมกอดด้วยสายตารักใคร่แล้วจับมือนางขึ้นมาจุมพิตอย่างหลงใหล “การประมูลไปถึงไหนแล้วหรือเจ้าคะ” “การประมูลใกล้จบแล้ว เหลือของที่จะเข้าประมูลอีกสามรายการ” “เหตุใด ท่านไม่ปลุกข้า เกือบอดดูการประมูลแล้วสิเจ้าคะ” “ขออภัยเห็นเจ้ากำลังหลับอย่างเป็นสุข
11 อดีตที่ไม่อยากพูดถึง นัยน์ตาคมจับจ้องไปที่ห้องตรงข้ามพลางส่งยิ้มเย้ยหยันให้ เขาแสดงความเป็นเจ้าของนางถึงเพียงนี้ หวังว่าจะทำให้สหายในวัยเด็กที่คิดไม่ซื่อกับนางรู้ตัวเสียที ว่ายามนี้นางคือว่าที่ฮูหยินของเขา เรื่องราวเก่าก่อนควรจะถูกฝังไปพร้อมกับความหวาดกลัวของนาง “ท่านกินเต้าหู้ข้าอีกแล้วนะเจ้าคะ” “พี่พึงใจเจ้า พี่ย่อมปรารถนาจะตักตวงความอิ่มเอมใจจากเจ้า” ‘ของที่จะมาประมูลชิ้นต่อไปคือกู่ฉินล้ำค่าของปรมาจารย์หลี่เต๋อขอรับ” “หยุดกินเต้าหู้และกล่าวคำหวานข้าก่อนเถิดเจ้าค่ะ กู่ฉินที่ท่านเล็งไว้มาแล้ว” “ขอเพียงเจ้าไม่ปิดกั้นเช่นก่อนหน้านี้ พี่ย่อมมีเวลาเกี้ยวพาและเปลี่ยนให้เจ้ามาลุ่มหลงพี่” กล่าวจบก็กดริมฝีปากลงบนหน้าผากนางเป็นการปิดท้าย ‘หลงใหลข้าเช่นนี้ ข้าไม่ต้องทำสิ่งใดแล้วกระมัง’ นางคิดตอบโต้ในใจ ‘ไม่ได้สิ จิตใจของบุรุษโลเลไม่มั่นคง ข้าควรต้องทำ
‘แต่จวนราชครูหาได้ร่ำรวยเช่นนั้นไม่ จะมีเงินมาจ่ายหรือ’ หากเทียบกัน นางว่าตระกูลเหอของนางที่มีมารดาขยันขันแข็งยังมีเงินถุงเงินถังมากกว่า “เงินแค่สองหมื่นตำลึง ไม่ทำให้ราชครูเหรินสะทกสะท้านหรอก” “ท่านคิดกำไรหนึ่งหมื่นตำลึงหรือเจ้าคะ” นางตาโตด้วยความตกใจ แพงยิ่งนัก “สินสอดของเจ้าจะได้เพิ่มขึ้นเยอะ ๆ ถือว่านางชดเชยความรู้สึกให้เจ้าที่ทำให้เจ้าไม่กล้าออกจากจวนหลายปี แม้พี่คิดว่ามันจะน้อยเกินไปก็เถิด หรือเราเรียกเก็บไปสักห้าหมื่นตำลึงทองดี” “ท่านเป็นพ่อค้านะเจ้าคะ หากเรียกเก็บไปห้าหมื่นตำลึงทองอาจเสื่อมเสียชื่อเสียงของท่านเอาได้ ข้าคิดว่าสองหมื่นตำลึงทองกำลังดีเจ้าค่ะ” หน้าเลือดเกินไปประเดี๋ยวเสื่อมเสียชื่อเสียงวงศ์ตระกูลแล้วจะแย่เอา
“ข้าเจอท่านครั้งแรกที่ใดกันนะ...” นางแสร้งทำท่าทางครุ่นคิด คนผู้นี้ขี้อิจฉาจริง ๆ ไม่ยอมขาดทุนแม้เพียงเล็กน้อย “นั่นสิ! ที่ใดกันนะ” “ข้าจำไม่ได้แล้วเจ้าค่ะ” “ให้นึกดี ๆ อีกครั้ง หากจำไม่ได้ คืนนี้พี่จะช่วยเจ้าทบทวนความจำทั้งคืนดีหรือไม่” จะต้อนสตรีเจ้าเล่ห์ต้องแฝงคำข่มขู่ที่แสนหวาน “อ๋อ! ข้านึกออกแล้วเจ้าค่ะ ท่านแย่งซื้อเสี่ยวหลงเปากับข้า” นางกล่าวพลางส่งยิ้มออดอ้อนเขา “น่าเสียดายจริง ๆ พี่ก็นึกว่าจะได้ช่วยเจ้าทบทวนความทรงจำแล้ว” “ท่านจัดการเรื่องของเสี้ยนจู่เหลียงจิ่วเม่ยให้แล้วเสร็จก่อนเถิดเจ้าค่
“ถูกต้อง แต่ไม่คิดว่าจะได้เห็นเยวียนปี๋จวี้ซี[1]กำลังรุมกัดสาวงาม ข้าจึงอดไม่ได้ที่จะเข้ามาช่วยเหลือ เราไปจากที่นี่กันเถิด เมื่อครู่ข้าเห็นกลุ่มฮูหยินย้ายไปนั่งในสวนกลางป่าไผ่” “เจ้าค่ะ” นางตอบรับแต่ก่อนจะเดินจากไปนางอดไม่ได้ที่จะปรายตามองสีหน้าที่เกือบจะเขียวคล้ำของสตรีดีงาม คงเพราะเหรินเสี่ยวเหยายืนใกล้ที่สุดจึงได้ยินวาจาของฮุ่ยหลานซีเข้าไปเป็นแน่ “...” เหรินเสี่ยวเหยายืนเงียบไม่เอ่ยวาจา “อ้อ! ข้าไม่แน่ใจว่าเจ้าทราบแล้วหรือยังว่าบัดนี้พี่จิ้นฝานได้กลับมาทำงานในเมืองหลวงแล้ว หากมีโอกาสเจ้าควรไปเยี่ยมเยียนเขาจะได้สานสัมพันธ์ดี ๆ ในอดีต อย่างไรตอนนี้เขาเป็นถึงผู้ตรวจการแล้ว” กล่าวจบแล้วนางก็หันไปพยักหน้าให้สาวใช้แล้วเดินจากมาไปพร้อมฮุ่ยหลานซี&nb
“อย่างที่ท่านทราบว่าวันนี้ข้าเดินทางไปอารามช่างอันเป่าเพื่อไหว้พระกับมารดา แล้วข้าก็บังเอิญเดินหลงกับมารดาได้คุณชายฮุ่ยช่วยเหลือพาไปพบมารดา...” เหอซือซือเอ่ยปากเล่าในเรื่องที่เขาอยากรู้ก่อนจะคิดย้อนกลับไปถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อเช้าย้อนกลับไปก่อนหน้านี้สี่ชั่วยาม นางไม่คิดเลยจริง ๆ ว่าวันนี้ที่อารามช่างอันเป่าซึ่งแสนสงบสุขจะไม่สงบสุขเช่นเคย นั่นเป็นเพราะวันนี้ซูเฟย พระสนมคนโปรดของฮ่องเต้ได้พาองค์ชายมาไหว้พระขอพร แน่นอนว่าพอเรื่องนี้รู้ไปถึงหูขุนนาง ผู้ที่มีใจอยากแสดงความจงรักภักดีจึงพากันสั่งให้ฮูหยินพาบุตรสาวบุตรชายมาไหว้พระที่พระอารามช่างอันเป่า ทำให้ลานกว้างเต็มไปด้วยรถม้าของตระกูลใหญ่ และหนึ่งในคนพวกนั้นก็มีเหอฮูหยินและคุณหนูเหอเช่นนางด้วย แม้แท้จริงจะไม่ได้อยากปร
15 กลิ่นน้ำส้มช่างรุนแรง หลายวันมานี้เรื่องราวร้ายกาจของเสี้ยนจู่จากแดนเหนือดังเข้าหูนางอย่างต่อเนื่อง ทำให้นางเข้าใจอย่างถ่องแท้แล้วว่าเหตุใดเจียงเซวียนถึงเอาแต่ปีนเข้าห้องนางเช่นนี้ “ไม่ได้เจอหน้าเจ้านานพี่คิดถึงยิ่งนัก” จิ้งจอกหนุ่มตรงหน้าเอ่ยขึ้นพลางจับจ้องสตรีตรงหน้าอย่างพิจารณา “วันก่อนท่านก็ปีนหน้าต่างเพื่อมาพบข้าแล้วเจ้าค่ะ” อย่ามาเอ่ยคำหวานล่อลวงนางเพื่อกลบเกลื่อนเลย แท้จริงคงมาเพื่อจะดูว่านางโกรธเคืองเขาหรือไม่เกี่ยวกับข่าวลือที่ถูกแพร่กระจายไปทั่ว “ไม่ได้เจอหน้าเจ้าเพียงหนึ่งชั่วยาม พี่ก็คิดถึงเจ้าจนนอนไม่หลับแล้ว” หยอกเย้าเสร็จก็ยกชาขึ้นจิบ “ท่านกล่าวจุดประสงค์แท้จริงที่ปีนเข้าห้องข้าในวันนี้มาเถิดเจ้าค่ะ” “ปิดบังเจ้าไม่ได้เลยจริง ๆ” เจียงเซวียนมองตรงสตรีตรงหน้าอย่างถูกใจพลางคิดว่าหลังจากกลับมาเมืองหลวงเสน่ห์ของเขาลดน้อยลงใช่หรือไม่ นางถึงไม่คล้อยตามเท่าใดน
‘พวกเจ้าสองพี่น้องช่างดีกับข้าจริง ๆ’ เหอซือซือมองสหายด้วยแววตาซาบซึ้ง ไม่ว่าจะในตอนนี้หรือในเนื้อเรื่องเดิม เจียงเซียวเล่อก็แสนดีไม่เปลี่ยนแปลง หลังจากนั้นคุณหนูเหอก็เปิดปากเล่าเรื่องราวในอดีตที่เกิดขึ้นเช่นที่เคยเล่าให้คุณชายรองเจียงฟัง และคงเพราะเป็นพี่น้องที่สนิทสนมกัน ทั้งสองจึงมีสีหน้าไม่แตกต่างกันเท่าใด แต่สหายของนางกลับเก็บอารมณ์ได้ไม่ดีเท่าพี่ชาย ปัง! มือเรียวของคุณหนูจวนแม่ทัพบูรพาตบลงบนโต๊ะอย่างแรง ดวงหน้าหวานฉายแววโทสะชัดเจน “เหรินเสี่ยวเหยาชั่วช้ายิ่งนัก ข้ามองคนไม่ผิดจริง ๆ” “แท้จริงข้าก็ไม่ได้อยากให้เจ้าต้องโกรธเกลียดนางไปกับข้าหรอก แต่ที่ยอมเล่าให้เจ้าฟังก็เพราะเจ้าเป็นสหายที่ดีที่สุดของข้า” นางกล่าวด้วยสีหน้าเศร้าสร้อยด
“ข้าจะเป็นผู้เฒ่าจันทราช่วยผูกวาสนาด้ายแดงให้เจ้าเอง หลวนจิ้นฝาน” นัยน์ตาคมฉายแววล้ำลึกคนอย่างเจียงเซวียนไม่เคยปล่อยให้คนที่ทำไม่ดีกับตนรอดตัวไปได้ วันต่อมาจวนตระกูลเหอก็ได้ต้อนรับคุณหนูตระกูลเจียงที่มาเยี่ยมเยียนตั้งแต่ต้นยามเฉิน (07.00-08.59) แม้จะเป็นเวลาที่เช้าเกินไป แต่คนตระกูลเหอก็หาได้ถือสาไม่ ทั้งยังเอ่ยปากชักชวนให้เจียงเซียวเล่อร่วมรับสำรับเช้าด้วย “พ่อครัวของตระกูลเหอ ทำอาหารได้ถูกปากข้ามากเลยเจ้าค่ะ” “เจ้าก็เยินยอเกินไปแล้วเล่อเล่อ” เหอซือซือปรามสหายที่ปากหวานเอาใจบิดามารดาของตน “ข้าไม่ได้เยินยอ ข้าว่าอาหารที่จวนเจ้าถูกปากข้าจริง ๆ” คุณหนูเจียงกล่
“เรื่องนั้นเอาไว้ท่านจัดการชะตาดอกท้อของตนเองให้เสร็จสิ้นก่อนเถิดเจ้าค่ะ ข้าได้ยินมาว่าเสี้ยนจู่เหลียงจิ่วเม่ยพร้อมจะทำร้ายสตรีทุกคนที่เข้าใกล้ท่าน แค่เพียงผู้อื่นปรายตามองท่านยังไม่ได้เลย” “เพราะเหตุนี้ ในช่วงหลายวันนี้พี่ขอปีนเข้าห้องเจ้าเช่นนี้ได้หรือไม่ พี่ไม่อยากให้เจ้าได้รับอันตรายเพราะสตรีบ้าและชั่วช้าผู้นั้น” “แล้วเมื่อครู่ที่เข้ามาเหตุใดถึงไม่ขออนุญาตข้าก่อน” “เจ้ากล่าวเช่นนี้ หมายความว่าพี่ไม่ต้องขออนุญาต สามารถมาหาเจ้าได้ทุกเมื่อใช่หรือไม่ เจ้าช่างน่ารักเสียจริง” กล่าวจบก็ยื่นใบหน้าเข้าไปใกล้แล้วจุมพิตแก้มเนียนก่อนจะผละออกอย่างรวดเร็ว “ท่านช่างคิดหลงตนเองจริง ๆ พี่ชาย” นางพึมพำกับตนเองเสียงเบา แต่บุรุษที่นั่งอยู่ใกล้ขนาดนี้มีหรือจะ
14 ขอปีนเข้าเรือนได้หรือไม่ ด้านคุณชายจวนแม่ทัพที่ห่วงใยสตรีในดวงใจ รีบร้อนควบม้าโดยไม่หยุดพักเพื่อกลับเมืองหลวง เขาใช้เวลาเพียงครึ่งเดียวจากการเดินทางปกติก็สามารถถึงเมืองหลวงได้อย่างปลอดภัย และเพื่อไม่ให้ผู้อาวุโสทั้งสองตื่นตกใจในเรื่องที่เกิดขึ้น การสืบหาเหอซือซือจึงเป็นไปอย่างลับ ๆ เขาสั่งคนให้ลอบเข้าจวนเหอเพื่อไปตรวจสอบว่านางถูกส่งตัวกลับจวนแล้วหรือไม่ ส่วนตนเองก็กลับจวนไปอาบน้ำผลัดอาภรณ์ในระหว่างรอคำตอบ แม้จะร้อนใจเพียงใดแต่เขาก็ไม่อาจผลีผลามได้เพราะจะส่งผลให้ชื่อเสียงของนางเสียหายส่งผลให้คนผู้นั้นต้องรับผิดชอบนาง ซึ่งเขาจะไม่มีทางให้เป็นแบบนั้น สตรีเช่นเหอซือซือไม่ได้ผ่านมาให้เขาพบได้ง่าย ๆ ดังนั้นเขาจะไม่ยอมปล่อยให้ใครแย่งนางไปเด็ดขาด แม้คนผู้นั้นจะเคยมีความสัมพันธ์อันดีกับนางมานานก็ตาม ใช้เวลาเพียงครึ่งเค่อบุรุษชุดดำก็คุกเข่าลงตรงหน้าก่อนจะเอ่ยปากรายงาน “คุณหนูเหอกลับจาก
แต่ท่านรู้หรือไม่พอข้าขึ้นจากน้ำได้ เหรินเสี่ยวเหยาก็สั่งให้ไปตามคนมาช่วยเพิ่ม ก่อนที่ข้าจะหมดสติไป ข้าได้ยินวาจาที่นางเอ่ยชัดเจนว่า ‘จำใส่หัวเอาไว้ ว่าอย่าเข้าใกล้พี่จิ้นฝานอีก มิเช่นนั้นข้าจะฆ่าเจ้าให้ตาย’ และประโยคนี้ก็ทำให้ข้าจำขึ้นใจมาจนถึงทุกวันนี้” “เพราะเหตุนี้เมื่อเจ้าเจอหน้าพี่ เจ้าจึงได้มีท่าทีหวาดกลัว” “ข้าถูกขู่ฆ่าเพราะท่าน และเกือบจะตายไปแล้วจริง ๆ เพราะคนรักของท่านเป็นต้นเหตุ” “เสี่ยวเหยานางไม่ใช่คนรักของพี่ เจ้าเข้าใจผิดแล้ว” ดูเหมือนที่เขาต้องห่างเหินกับสหายในวัยเด็กจะเป็นเพราะเรื่องเข้าใจผิด “ข้าสลบไปนานหลายวัน พอฟื้นขึ้นมาก็เจอนางควงคู่มากับท่าน ทำให้ข้าเข้าใจเรื่องราวทุกอย่างได้ในทันที ว่าเป็นข้าที่ผิดเอง ไปใกล้ชิดสนิทสนมกั