“อ้าว! เช่นนั้นหรือที่แท้เป็นพี่จำผิด แล้วที่ทำไปเมื่อครู่พี่ขอคืน” กล่าวจบเขาก็กดจมูกลงบนหน้าผากมนอย่างอารมณ์ดี มุมปากหยักแต่งแต้มรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ ดวงตาที่มองนางพราวระยับอย่างเปิดเผย
‘คนผู้นี้มากเล่ห์ยิ่งนัก’ นี่นางเลือกคนถูกหรือไม่ ที่จะคิดจะทำให้เขาหลงใหลจนยอมช่วยเหลือและปกป้องให้นางรอดพ้นจากอันตรายและคนพวกนั้น
“ขอบคุณที่เจ้าย้ำเตือน และหากจะฟ้องเล่อเล่ออย่าลืมฟ้องด้วยว่าพี่ทำเช่นนี้” กล่าวจบเขาก็จับแขนนางขึ้นมาก่อนจะกดจมูกไล่ตั้งแต่มือขึ้นไปหาแขน
“พอแล้วเจ้าค่ะ อายคนเขา” ประเดี๋ยวคนที่อยู่ในห้องส่วนตัวห้องอื่นก็เห็นเข้าหรอก
“ที่เมืองไห่หยางนี้ คนไม่ค่อยสนใจผู้อื่นหรอก” เขากล่าวก่อนจะเลิกแกล้งนางแล้วใช้มือปัดปอยผมที่ระใบหน้าของนางเอาไว้
อย่างไรเขาก็ไม่เชื่อว่านางจะรักกับบุรุษที่มีสมญานามว่า ‘จิ้งจอกเก้าหาง’ คนมากเล่ห์ผู้นั้นไม่เหมาะสมกับสตรีอ่อนหวานและซื่อตรงเช่นเหอซือซือหรอก เจียงเซวียนประมูลยาถอนพิษปลุกกำหนัดและยาถอนหมื่นพิษมาให้สตรีตัวน้อยที่กำลังหลับอยู่ในอ้อมกอด ยามเขาไม่สนใจของประมูลชิ้นนั้น เขาก็จะก้มมองสตรีที่เอนตัวหลับอยู่ในอ้อมกอดด้วยสายตารักใคร่แล้วจับมือนางขึ้นมาจุมพิตอย่างหลงใหล “การประมูลไปถึงไหนแล้วหรือเจ้าคะ” “การประมูลใกล้จบแล้ว เหลือของที่จะเข้าประมูลอีกสามรายการ” “เหตุใด ท่านไม่ปลุกข้า เกือบอดดูการประมูลแล้วสิเจ้าคะ” “ขออภัยเห็นเจ้ากำลังหลับอย่างเป็นสุข
11 อดีตที่ไม่อยากพูดถึง นัยน์ตาคมจับจ้องไปที่ห้องตรงข้ามพลางส่งยิ้มเย้ยหยันให้ เขาแสดงความเป็นเจ้าของนางถึงเพียงนี้ หวังว่าจะทำให้สหายในวัยเด็กที่คิดไม่ซื่อกับนางรู้ตัวเสียที ว่ายามนี้นางคือว่าที่ฮูหยินของเขา เรื่องราวเก่าก่อนควรจะถูกฝังไปพร้อมกับความหวาดกลัวของนาง “ท่านกินเต้าหู้ข้าอีกแล้วนะเจ้าคะ” “พี่พึงใจเจ้า พี่ย่อมปรารถนาจะตักตวงความอิ่มเอมใจจากเจ้า” ‘ของที่จะมาประมูลชิ้นต่อไปคือกู่ฉินล้ำค่าของปรมาจารย์หลี่เต๋อขอรับ” “หยุดกินเต้าหู้และกล่าวคำหวานข้าก่อนเถิดเจ้าค่ะ กู่ฉินที่ท่านเล็งไว้มาแล้ว” “ขอเพียงเจ้าไม่ปิดกั้นเช่นก่อนหน้านี้ พี่ย่อมมีเวลาเกี้ยวพาและเปลี่ยนให้เจ้ามาลุ่มหลงพี่” กล่าวจบก็กดริมฝีปากลงบนหน้าผากนางเป็นการปิดท้าย ‘หลงใหลข้าเช่นนี้ ข้าไม่ต้องทำสิ่งใดแล้วกระมัง’ นางคิดตอบโต้ในใจ ‘ไม่ได้สิ จิตใจของบุรุษโลเลไม่มั่นคง ข้าควรต้องทำ
‘แต่จวนราชครูหาได้ร่ำรวยเช่นนั้นไม่ จะมีเงินมาจ่ายหรือ’ หากเทียบกัน นางว่าตระกูลเหอของนางที่มีมารดาขยันขันแข็งยังมีเงินถุงเงินถังมากกว่า “เงินแค่สองหมื่นตำลึง ไม่ทำให้ราชครูเหรินสะทกสะท้านหรอก” “ท่านคิดกำไรหนึ่งหมื่นตำลึงหรือเจ้าคะ” นางตาโตด้วยความตกใจ แพงยิ่งนัก “สินสอดของเจ้าจะได้เพิ่มขึ้นเยอะ ๆ ถือว่านางชดเชยความรู้สึกให้เจ้าที่ทำให้เจ้าไม่กล้าออกจากจวนหลายปี แม้พี่คิดว่ามันจะน้อยเกินไปก็เถิด หรือเราเรียกเก็บไปสักห้าหมื่นตำลึงทองดี” “ท่านเป็นพ่อค้านะเจ้าคะ หากเรียกเก็บไปห้าหมื่นตำลึงทองอาจเสื่อมเสียชื่อเสียงของท่านเอาได้ ข้าคิดว่าสองหมื่นตำลึงทองกำลังดีเจ้าค่ะ” หน้าเลือดเกินไปประเดี๋ยวเสื่อมเสียชื่อเสียงวงศ์ตระกูลแล้วจะแย่เอา
“แต่หากเจ้าไม่บอก พี่ก็จะคาใจเช่นนี้ไปตลอด ไม่สู้เราลองมานั่งสนทนากัน เผื่อมีเรื่องใดที่เจ้าเข้าใจพี่ผิดไป พี่จะได้อธิบายให้กระจ่างชัด” ‘มันผ่านไปตั้งห้าปีแล้ว ต่อให้ไม่ได้เป็นเช่นที่คิด แล้วอย่างไร ทุกอย่างมันเปลี่ยนไปตามกาลเวลา’ และนางก็ไม่อยากให้บุรุษที่ตนกำลังพยายามล่อลวงให้หลงใหลเข้าใจผิดด้วย “แต่ข้าไม่อยากมีปัญหากับเสี่ยวเหยาอีก ได้โปรดต่อจากนี้ท่านอย่าได้เข้าใกล้หรือมาสนทนากับข้าเช่นนี้อีกนะเจ้าคะ” หากอยากทราบก็ไปสืบหาเอาเองเถิด บอกใบ้ให้ขนาดนี้แล้ว “พี่จะสนทนากับเจ้า เกี่ยวอันใดกับเสี่ยวเหยาด้วย” “พี่เซวียนเจ้าคะ ข้าไม่อยากกินข้าวที่นี่แล้ว” นางหันไปเอ่ยกับพี่ชายของสหายโดยไม่สนใจบุรุษที่ยืนอยู่&nbs
“พี่ล้อเล่นที่ใดกันเล่า เซียวเล่อทักทายว่าที่พี่สะใภ้เจ้าเสียสิ” คุณชายรองเจียงบอกน้องสาวของตน เขาไม่เคยปกปิดเรื่องนี้ ยามนี้สตรีที่พึงใจก็คล้ายจะตอบรับแต่โดยดี เขาจึงไม่คิดรีรอต่อไป “พี่รอง นี่ท่านกับซือซือ...” เจียงเซียวเล่อตวัดสายตามองพี่ชายกับสหายที่ตนรัก “เซียวเล่อหยุดทำท่าทางโกรธเกรี้ยวได้แล้ว ประเดี๋ยวนางตกใจหนีพี่ไปจะทำเช่นไร” “หากเป็นเช่นนั้นก็ดีเจ้าค่ะ ข้าบอกแล้วอย่างไร ซือซือนางแสนดีเกินกว่าจะเหมาะสมกับคนเจ้าเล่ห์เช่นท่าน” “ขออภัยที่พี่ไม่ได้เถรตรงจนดูซื่อบื้อเช่นหลี่จุนบุรุษของเจ้า” “พี่หลี่จุนหาใช่ของข้าไม่ ท่านอย่าคิดเปลี่ยนเรื่องหน่อยเลย” เจียงเซียว
12 เหอซือซือหายตัวไป เมื่อเวลาที่นัดหมายทั้งสี่คนก็พากันเดินออกจากโรงเตี๊ยมเพื่อไปเที่ยวงานเทศกาลโคมไฟ เพราะเมืองไห่หยางเป็นเมืองท่า ที่มีพ่อค้าหลากหลายมาติดต่อซื้อขายสินค้า จึงเป็นเมืองที่คึกคักแม้จะเป็นยามค่ำคืนก็ตาม “เล่อเล่อ ดูโคมไฟตรงนั้นสิ ใหญ่จัง” “นั่นเป็นโคมไฟของสมาคมพ่อค้าเมืองไห่หยาง ในทุกปีจะมีการคัดเลือกหญิงงามเพื่อเป็นตัวแทนไปปล่อยโคม” เป็นเจียงเซวียนเอ่ยตอบ ‘พี่รอง ท่านมีนามว่าเล่อเล่อตั้งแต่เมื่อใด’ ยามนี้คุณหนูเจียงรู้สึกหมั่นไส้พี่ชายของตนยิ่งนักที่แย่งความสนใจของสหายไปเสียหมด “เช่นนั้นในคืนนี้ก็ต้องมีสาวงามมากมายมารวมตัวกันใช่หรือไม่เจ้าคะ” เหอซือซือกล่าวพลางปรายตามองเจียงเซวียน “เฮ้อ! เช่นนั้นข้าก็ต้องช่วยกีดกันสตรีให้ท่านอีกแล้วหรือพี่รอง” เจียงเซียวเล่อรีบเติมเชื้อไฟทันที “จนใจเพราะความรูปงามของพี่ ที่ผ่านมาจึงดึงดูดสตรีเข้าหามากมาย แต
นัยน์ตาคมมองนางที่เดินจากไปอย่างพึงพอใจ ก่อนจะสาวเท้าก้าวไปใกล้สหายและคุณหนูเหอเพื่ออาสาจ่ายเงินค่าน้ำมันหอมเอง ดูเหมือนการเจรจากับคุณหนูเหอจะไม่ใช่เรื่องยากอันใด และเมื่อแสดงความจริงใจอีกฝ่ายก็ยินดีที่จะให้ความร่วมมือทันที อาจเพราะเขาพึงใจน้องสาวของสหายมานานหลายปี เขาจึงมีโอกาสได้รับรู้ถึงความชื่นชอบของนางจึงเอ่ยปากชวนนางไปร้านขายภาพวาดแล้วคิดจะซื้อภาพที่นางชอบให้ด้วย “น่าเสียดายนะเจ้าคะที่ซือซือไม่มาด้วย” “ก่อนหน้านี้คุณหนูเหอไม่ค่อยได้ออกจากจวน การตะลอนไปหลายที่ในหนึ่งวันอาจจะทำให้นางรู้สึกเหน็ดเหนื่อยเกินไปก็ได้” “ที่ท่านกล่าวมาก็ถูกต้องไม่น้อย พี่หล
“พี่หลี่จุน!” นางเรียกชื่อเขาเสียงหลง ใบหูนางแดงก่ำขึ้นในทันทีพร้อมกับดวงหน้าหวานที่เห่อร้อนอย่างไม่เคยเป็น “มีอันใด เรียกข้าเสียงหวานเชียว” เผยหลี่จุนกล่าวพลางก้มมองสตรีที่ตนโอบกอดอยู่ด้วยแววตาพราวระยับ “ปล่อยข้าได้แล้วเจ้าค่ะ” “ไม่อยากปล่อย” “ท่าน!” จุ๊บ! จุ๊บ! เขากดริมฝีปากลงบนแก้มเนียนทั้งสองข้าง เต้าหู้ของสตรีที่ตนพึงใจหอมหวานยิ่งนัก “พี่หลี่จุน ท่านกินสิ่งใดผิดสำแดงมาหรือไม่” “ข้ากลืน
‘พวกเจ้าสองพี่น้องช่างดีกับข้าจริง ๆ’ เหอซือซือมองสหายด้วยแววตาซาบซึ้ง ไม่ว่าจะในตอนนี้หรือในเนื้อเรื่องเดิม เจียงเซียวเล่อก็แสนดีไม่เปลี่ยนแปลง หลังจากนั้นคุณหนูเหอก็เปิดปากเล่าเรื่องราวในอดีตที่เกิดขึ้นเช่นที่เคยเล่าให้คุณชายรองเจียงฟัง และคงเพราะเป็นพี่น้องที่สนิทสนมกัน ทั้งสองจึงมีสีหน้าไม่แตกต่างกันเท่าใด แต่สหายของนางกลับเก็บอารมณ์ได้ไม่ดีเท่าพี่ชาย ปัง! มือเรียวของคุณหนูจวนแม่ทัพบูรพาตบลงบนโต๊ะอย่างแรง ดวงหน้าหวานฉายแววโทสะชัดเจน “เหรินเสี่ยวเหยาชั่วช้ายิ่งนัก ข้ามองคนไม่ผิดจริง ๆ” “แท้จริงข้าก็ไม่ได้อยากให้เจ้าต้องโกรธเกลียดนางไปกับข้าหรอก แต่ที่ยอมเล่าให้เจ้าฟังก็เพราะเจ้าเป็นสหายที่ดีที่สุดของข้า” นางกล่าวด้วยสีหน้าเศร้าสร้อยด
“ข้าจะเป็นผู้เฒ่าจันทราช่วยผูกวาสนาด้ายแดงให้เจ้าเอง หลวนจิ้นฝาน” นัยน์ตาคมฉายแววล้ำลึกคนอย่างเจียงเซวียนไม่เคยปล่อยให้คนที่ทำไม่ดีกับตนรอดตัวไปได้ วันต่อมาจวนตระกูลเหอก็ได้ต้อนรับคุณหนูตระกูลเจียงที่มาเยี่ยมเยียนตั้งแต่ต้นยามเฉิน (07.00-08.59) แม้จะเป็นเวลาที่เช้าเกินไป แต่คนตระกูลเหอก็หาได้ถือสาไม่ ทั้งยังเอ่ยปากชักชวนให้เจียงเซียวเล่อร่วมรับสำรับเช้าด้วย “พ่อครัวของตระกูลเหอ ทำอาหารได้ถูกปากข้ามากเลยเจ้าค่ะ” “เจ้าก็เยินยอเกินไปแล้วเล่อเล่อ” เหอซือซือปรามสหายที่ปากหวานเอาใจบิดามารดาของตน “ข้าไม่ได้เยินยอ ข้าว่าอาหารที่จวนเจ้าถูกปากข้าจริง ๆ” คุณหนูเจียงกล่
“เรื่องนั้นเอาไว้ท่านจัดการชะตาดอกท้อของตนเองให้เสร็จสิ้นก่อนเถิดเจ้าค่ะ ข้าได้ยินมาว่าเสี้ยนจู่เหลียงจิ่วเม่ยพร้อมจะทำร้ายสตรีทุกคนที่เข้าใกล้ท่าน แค่เพียงผู้อื่นปรายตามองท่านยังไม่ได้เลย” “เพราะเหตุนี้ ในช่วงหลายวันนี้พี่ขอปีนเข้าห้องเจ้าเช่นนี้ได้หรือไม่ พี่ไม่อยากให้เจ้าได้รับอันตรายเพราะสตรีบ้าและชั่วช้าผู้นั้น” “แล้วเมื่อครู่ที่เข้ามาเหตุใดถึงไม่ขออนุญาตข้าก่อน” “เจ้ากล่าวเช่นนี้ หมายความว่าพี่ไม่ต้องขออนุญาต สามารถมาหาเจ้าได้ทุกเมื่อใช่หรือไม่ เจ้าช่างน่ารักเสียจริง” กล่าวจบก็ยื่นใบหน้าเข้าไปใกล้แล้วจุมพิตแก้มเนียนก่อนจะผละออกอย่างรวดเร็ว “ท่านช่างคิดหลงตนเองจริง ๆ พี่ชาย” นางพึมพำกับตนเองเสียงเบา แต่บุรุษที่นั่งอยู่ใกล้ขนาดนี้มีหรือจะ
14 ขอปีนเข้าเรือนได้หรือไม่ ด้านคุณชายจวนแม่ทัพที่ห่วงใยสตรีในดวงใจ รีบร้อนควบม้าโดยไม่หยุดพักเพื่อกลับเมืองหลวง เขาใช้เวลาเพียงครึ่งเดียวจากการเดินทางปกติก็สามารถถึงเมืองหลวงได้อย่างปลอดภัย และเพื่อไม่ให้ผู้อาวุโสทั้งสองตื่นตกใจในเรื่องที่เกิดขึ้น การสืบหาเหอซือซือจึงเป็นไปอย่างลับ ๆ เขาสั่งคนให้ลอบเข้าจวนเหอเพื่อไปตรวจสอบว่านางถูกส่งตัวกลับจวนแล้วหรือไม่ ส่วนตนเองก็กลับจวนไปอาบน้ำผลัดอาภรณ์ในระหว่างรอคำตอบ แม้จะร้อนใจเพียงใดแต่เขาก็ไม่อาจผลีผลามได้เพราะจะส่งผลให้ชื่อเสียงของนางเสียหายส่งผลให้คนผู้นั้นต้องรับผิดชอบนาง ซึ่งเขาจะไม่มีทางให้เป็นแบบนั้น สตรีเช่นเหอซือซือไม่ได้ผ่านมาให้เขาพบได้ง่าย ๆ ดังนั้นเขาจะไม่ยอมปล่อยให้ใครแย่งนางไปเด็ดขาด แม้คนผู้นั้นจะเคยมีความสัมพันธ์อันดีกับนางมานานก็ตาม ใช้เวลาเพียงครึ่งเค่อบุรุษชุดดำก็คุกเข่าลงตรงหน้าก่อนจะเอ่ยปากรายงาน “คุณหนูเหอกลับจาก
แต่ท่านรู้หรือไม่พอข้าขึ้นจากน้ำได้ เหรินเสี่ยวเหยาก็สั่งให้ไปตามคนมาช่วยเพิ่ม ก่อนที่ข้าจะหมดสติไป ข้าได้ยินวาจาที่นางเอ่ยชัดเจนว่า ‘จำใส่หัวเอาไว้ ว่าอย่าเข้าใกล้พี่จิ้นฝานอีก มิเช่นนั้นข้าจะฆ่าเจ้าให้ตาย’ และประโยคนี้ก็ทำให้ข้าจำขึ้นใจมาจนถึงทุกวันนี้” “เพราะเหตุนี้เมื่อเจ้าเจอหน้าพี่ เจ้าจึงได้มีท่าทีหวาดกลัว” “ข้าถูกขู่ฆ่าเพราะท่าน และเกือบจะตายไปแล้วจริง ๆ เพราะคนรักของท่านเป็นต้นเหตุ” “เสี่ยวเหยานางไม่ใช่คนรักของพี่ เจ้าเข้าใจผิดแล้ว” ดูเหมือนที่เขาต้องห่างเหินกับสหายในวัยเด็กจะเป็นเพราะเรื่องเข้าใจผิด “ข้าสลบไปนานหลายวัน พอฟื้นขึ้นมาก็เจอนางควงคู่มากับท่าน ทำให้ข้าเข้าใจเรื่องราวทุกอย่างได้ในทันที ว่าเป็นข้าที่ผิดเอง ไปใกล้ชิดสนิทสนมกั
‘ข้าควรต้องระแวงท่านตั้งแต่ที่สั่งให้คนไปจับตัวข้ามาแล้ว’ “รถม้าคันนี้กำลังจะวิ่งไปที่ใดเจ้าคะ” “พี่ขอย้ายกลับเข้าเมืองหลวง ยามนี้เราสองคนจึงกำลังเดินทางกลับเมืองหลวง เมื่อสนทนากันเสร็จแล้วพี่จะพาเจ้าไปส่งที่จวนเหออย่างปลอดภัยไร้รอยขีดข่วน พี่สัญญา” เขาชี้แจงให้นางฟังด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนแม้จะไม่ค่อยชอบใจท่าทางหวาดกลัวของนางที่มีต่อเขาก็ตาม หากรถม้าคันนี้กำลังวิ่งไปยังเมืองหลวงจริง เช่นนั้นขอเพียงนางทำตัวว่าง่ายไม่ต่อต้าน คนผู้นี้อาจจะพานางไปส่งที่จวนอย่างปลอดภัยกระมัง “แต่หากเจ้าไม่ยอมสนทนากับพี่จนกระจ่างแจ้งแก่ใจ พี่คงต้องเชิญเจ้าไปสนทนากันต่อที่จวนของพี่อีกสักเล็กน้อย” กล่าวจบมุมปากก็ปรากฏรอยยิ้มบาง
“เป็นมันจริง ๆ ที่กล้าลักพาตัวสตรีของข้าไป” คุณชายรองจวนแม่ทัพบูรพาสบถออกมาอย่างมีโทสะ เกรงว่าที่ขอย้ายกลับเข้าเมืองหลวงอย่างเร่งด่วนคงคิดจะแย่งนางไปจากเขาสินะ “ข้าไม่เข้าใจเจ้าค่ะ ว่าโหวซื่อจื่อที่เป็นถึงขุนนางใหญ่ จะมาลักพาตัวสหายของข้าให้เสื่อมเสียไปทำไม” เท่าที่นางเคยได้ยิน คนผู้นั้นเป็นบุรุษรูปงามที่เก่งกาจ ไม่เคยมีข่าวเสียหายเรื่องสตรี ประวัติขาวสะอาด ไม่มีเหตุผลใดที่จะทำเช่นนั้นกับสหายของนางเลย “ดูจากสีหน้าของเจ้าแล้ว เกรงว่าการกระทำของหลวนโหวซื่อจื่อผู้นั้นจะกลายเป็นเรื่องหนี้รักใช่หรือไม่” สิ้นเสียงของเผยหลี่จุน เขาก็ตวัดสายตามองอีกฝ่าย ‘อย่างไรเรื่องนี้ข้าต้องถามเอากับซือซือให้ได้’ เจียงเซียวเล่อคิด แม้ในตอนแรกจะไม่อยากให้พี่ชายมาหลอกล่อสหายแต่หากคิดดูดี ๆ แล้ว การได้เหอซือซือมาเป็นพี่สะใภ้ย่อมดีกว่าสตรีดอกบัวขาวที่ดีแต่ลอบกัดผู้อื่น “พี่รอง ท่านรีบควบม้าตามไปเถิดเจ้าค่ะ ท่านต้องรีบช่วยซือซือมาให้ได้นะเจ้าคะ ข้าอยากได้นางมาเป็นพี่สะใภ้รอง” “ได้! หลี่จุนข้าฝากเซียวเล่อด้วย” “อืม! เจ้ารีบไปช่วยคุ
13 เหตุใดระหว่างเราถึงไม่เหมือนเดิม เจียงเซวียนกวาดสายตามองหาร่างบอบบางของสตรีในดวงใจไปทั่วด้วยความรู้สึกร้อนรน ในใจก็ภาวนาว่าขอให้พบเจอนางอยู่ที่ใดสักแห่งในโรงเตี๊ยม เขาถือวิสาสะเปิดห้องส่วนตัวทุกห้องอย่างเสียมารยาทด้วยความหวังว่าจะพบตัวสตรีในดวงใจ แต่ยิ่งค้นหา ความหวังของเขาก็ลดน้อยลงเรื่อย ๆ ‘ไม่เจอ! ซือซือหายไปที่ใด’ เมื่อหาจนทั่วชั้นสองแล้วไม่เจอเขาจึงเดินลงไปด้านล่างด้วยความรู้สึกใจคอไม่ดี “พี่รอง เจอซือซือหรือไม่” เจียงเซียวเล่อที่มีสีหน้าไม่ค่อยดีเช่นกันเอ่ยถาม “ไม่เจอ” “ข้าไปถามผู้ดูแลมาแล้ว โรงเตี๊ยมนี้ทางเข้าออกมีทางเดียว แม้แต่พวกพ่อครัวหรือเสี่ยวเอ้อก็ยังต้องเข้าออกทางประตูด้านหน้าเช่นกัน” เป็นท่านประมุขแห่งปราสาทเมฆาเอ่ย “เซียวเล่อห้องปลดทุกข์ไปทางไหน” คุณชายรองเจียงเอ่ยถามน้องสาว “ข้าจะนำทางไปเองเจ้าค่ะ” ยามนี้นางรู้สึกผิดต่อสหายยิ่งนัก หากนา
“ยังไม่ได้เป็นอันใดกันก็เข้าข้างแล้ว” คุณชายรองเจียงกล่าวก่อนจะรีบเดินตามสองสาวไป คนเยอะเช่นนี้ไม่ควรปล่อยให้พวกนางคาดสายตา หลังจากนั้นบุรุษทั้งสองก็คอยดูแลและจ่ายตำลึงให้สตรีทั้งสองอย่างไม่อิดออด เจียงเซวียนก็ไม่ได้พยายามยื้อแย่งหรือหยอกเย้าสหายของน้องสาวอีก ทำให้เจียงเซียงเล่อไม่ได้หมั่นไส้พี่ชายอีก “ซือซือข้าอยากปลดทุกข์” คุณหนูเจียงกระซิบบอกสหายเสียงเบา “เช่นนั้นเรารีบกลับโรงเตี๊ยมกันเถิด” “คงไม่ทัน ข้าคงทนไม่ไหว” เมื่อเห็นสีหน้าของสหาย นางจึงตัดสินใจหันไปกล่าวกับบุรุษที่ยืนอยู่ข้างกาย “พี่เซวียนเจ้าคะเราเข