‘ข้าควรต้องระแวงท่านตั้งแต่ที่สั่งให้คนไปจับตัวข้ามาแล้ว’
“รถม้าคันนี้กำลังจะวิ่งไปที่ใดเจ้าคะ”
“พี่ขอย้ายกลับเข้าเมืองหลวง ยามนี้เราสองคนจึงกำลังเดินทางกลับเมืองหลวง เมื่อสนทนากันเสร็จแล้วพี่จะพาเจ้าไปส่งที่จวนเหออย่างปลอดภัยไร้รอยขีดข่วน พี่สัญญา” เขาชี้แจงให้นางฟังด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนแม้จะไม่ค่อยชอบใจท่าทางหวาดกลัวของนางที่มีต่อเขาก็ตาม
หากรถม้าคันนี้กำลังวิ่งไปยังเมืองหลวงจริง เช่นนั้นขอเพียงนางทำตัวว่าง่ายไม่ต่อต้าน คนผู้นี้อาจจะพานางไปส่งที่จวนอย่างปลอดภัยกระมัง
“แต่หากเจ้าไม่ยอมสนทนากับพี่จนกระจ่างแจ้งแก่ใจ พี่คงต้องเชิญเจ้าไปสนทนากันต่อที่จวนของพี่อีกสักเล็กน้อย” กล่าวจบมุมปากก็ปรากฏรอยยิ้มบาง
แต่ท่านรู้หรือไม่พอข้าขึ้นจากน้ำได้ เหรินเสี่ยวเหยาก็สั่งให้ไปตามคนมาช่วยเพิ่ม ก่อนที่ข้าจะหมดสติไป ข้าได้ยินวาจาที่นางเอ่ยชัดเจนว่า ‘จำใส่หัวเอาไว้ ว่าอย่าเข้าใกล้พี่จิ้นฝานอีก มิเช่นนั้นข้าจะฆ่าเจ้าให้ตาย’ และประโยคนี้ก็ทำให้ข้าจำขึ้นใจมาจนถึงทุกวันนี้” “เพราะเหตุนี้เมื่อเจ้าเจอหน้าพี่ เจ้าจึงได้มีท่าทีหวาดกลัว” “ข้าถูกขู่ฆ่าเพราะท่าน และเกือบจะตายไปแล้วจริง ๆ เพราะคนรักของท่านเป็นต้นเหตุ” “เสี่ยวเหยานางไม่ใช่คนรักของพี่ เจ้าเข้าใจผิดแล้ว” ดูเหมือนที่เขาต้องห่างเหินกับสหายในวัยเด็กจะเป็นเพราะเรื่องเข้าใจผิด “ข้าสลบไปนานหลายวัน พอฟื้นขึ้นมาก็เจอนางควงคู่มากับท่าน ทำให้ข้าเข้าใจเรื่องราวทุกอย่างได้ในทันที ว่าเป็นข้าที่ผิดเอง ไปใกล้ชิดสนิทสนมกั
14 ขอปีนเข้าเรือนได้หรือไม่ ด้านคุณชายจวนแม่ทัพที่ห่วงใยสตรีในดวงใจ รีบร้อนควบม้าโดยไม่หยุดพักเพื่อกลับเมืองหลวง เขาใช้เวลาเพียงครึ่งเดียวจากการเดินทางปกติก็สามารถถึงเมืองหลวงได้อย่างปลอดภัย และเพื่อไม่ให้ผู้อาวุโสทั้งสองตื่นตกใจในเรื่องที่เกิดขึ้น การสืบหาเหอซือซือจึงเป็นไปอย่างลับ ๆ เขาสั่งคนให้ลอบเข้าจวนเหอเพื่อไปตรวจสอบว่านางถูกส่งตัวกลับจวนแล้วหรือไม่ ส่วนตนเองก็กลับจวนไปอาบน้ำผลัดอาภรณ์ในระหว่างรอคำตอบ แม้จะร้อนใจเพียงใดแต่เขาก็ไม่อาจผลีผลามได้เพราะจะส่งผลให้ชื่อเสียงของนางเสียหายส่งผลให้คนผู้นั้นต้องรับผิดชอบนาง ซึ่งเขาจะไม่มีทางให้เป็นแบบนั้น สตรีเช่นเหอซือซือไม่ได้ผ่านมาให้เขาพบได้ง่าย ๆ ดังนั้นเขาจะไม่ยอมปล่อยให้ใครแย่งนางไปเด็ดขาด แม้คนผู้นั้นจะเคยมีความสัมพันธ์อันดีกับนางมานานก็ตาม ใช้เวลาเพียงครึ่งเค่อบุรุษชุดดำก็คุกเข่าลงตรงหน้าก่อนจะเอ่ยปากรายงาน “คุณหนูเหอกลับจาก
บทนำ นัยน์ตาคมจ้องมองไปที่ห้องส่วนตัวซึ่งอยู่ฝั่งตรงข้าม ก่อนที่มุมปากจะยกยิ้มคล้ายเยาะเย้ยคนที่อยู่ในห้องแห่งนั้น “วันนี้ท่านจะมาประมูลสิ่งใดหรือเจ้าคะ” “คุณหนูเหรินมาว่าจ้างพี่ให้หากู่ฉินของปรมาจารย์หลี่เต๋อ เห็นว่าเป็นหนึ่งในของที่เข้าประมูลวันนี้” ‘ดูเหมือนเหรินเสี่ยวเหยาจะใช้เรื่องนี้เข้าหาเขาสินะ’ นางชะงักไปเล็กน้อยก่อนจะนิ่งคิด “พี่เพียงทำตามหน้าที่ หวังว่าเจ้าจะเข้าใจ” “ข้าไม่คิดมากหรอกเจ้าค่ะ เราไม่ได้เป็นอันใดกันสักหน่อย ปล่อยข้าได้แล้วเจ้าค่ะ” คนเริ่มมาเยอะแล้วประเดี๋ยวเกิดมีคนรู้จักมาเห็นเข้า ชื่อเสียงของนางคงป่นปี้หมด “ซือซือเจ้ากำลังกินน้ำส้ม[1]ใช่หรือไม่ กลิ่นถึงได้ฉุนจมูกยิ่งนัก” “ข้าไม่ได้...” “เจ้าไม่ต้องห่วงเรื่องที่นางร้ายกาจต่อเจ้าพี่ย่อมเอาคืน วันนี้หากพี่ได้พิณมาในราคาหนึ่งพันตำลึงทอง พี่ก็เพียงไปเก็บเงินนางห้าพันตำลึงทอง แล้วนำส่วนต่างที่ได้เก็บใส่หีบสินสอดเตรียมไว้สู่ขอเจ้า”
1 สหายที่ดีของเจ้าคือข้าเอง เพิ่งจะลองเปิดใจอ่านนิยายเรื่องแรกเพราะการรบเร้าของหลิวอี้หลานเพื่อนรักที่ชอบเพ้อฝันอยากทะลุมิติเข้าไปอยู่ในนิยายและได้กลายเป็นนางเอกของนิยายเรื่องนั้น แต่เหตุใดนางที่เพิ่งอ่านนิยายเล่มนั้นไปได้เล็กน้อย ถึงได้รับสิทธิ์นั้นกันเนี่ย ‘เฮ้อ! นี่ฉันต้องใช้ชีวิตอยู่ในโลกนิยายแห่งนี้จริง ๆ เหรอ’ สุดท้ายก็ได้แต่ทอดถอนในใจตามลำพัง เพราะไม่มีใครรู้ดีไปกว่าตัวเธอเองแล้ว ว่าต่อให้เธอถูกฆ่าตายในโลกแห่งนี้ เธอก็ไม่มีทางจะกลับไปเป็นพนักงานออฟฟิศที่โสดสนิทเพราะการทำโอทีฟรีเกือบทุกวันอย่างเหอซือซือในยุคสองพันยี่สิบสี่ เพราะเธอตายด้วยอุบัติเหตุเครื่องบินตก ไม่มีทางจะไปนอนโคม่าอยู่ในห้องไอซียูเช่นนางเอกบางเรื่องที่เพื่อนชอบมาเล่าให้ฟัง ‘สวรรค์! คนที่อยากทะลุมิติมาอยู่ในนิยาย แก้ไขชะตาชีวิตของตัวละคร เป็นหลิวอี้หรานไม่ใช่ข้า พวกท่านเข้าใจผิดไปหรือไม่’ แม้จะถอนหายใจหรือเงยหน้ามองท้องฟ้าซ้ำ สุดท้ายเธอก็ไม่ได้ร
“ไม่มี เจ้าอย่าได้สนใจสาวใช้พวกนี้เลย เจ้าเป็นสหายข้า ต่อให้ทำเรื่องไม่เหมาะสมข้าก็ไม่ถือสาหรอก” กล่าวจบก็หันไปส่งสายตาดุให้สือหลิวและจี้เอ๋อ ทั้งสองจึงได้แต่ก้มหน้าแสร้งทำไม่เห็นอีก เป็นคุณหนูจวนแม่ทัพ อย่างไรก็มีความเด็ดขาดและกลิ่นอายน่าเกรงขามบางอย่างแฝงอยู่ “แต่เจ้าสามารถบอกหรือตักเตือนข้าได้นะ เราเป็นสหายกันมีเรื่องใดล้วนต้องสนทนากันตามตรง” กล่าวจบนางก็จ้องมองสตรีตรงหน้าอย่างจริงใจ เจียงเซียวเล่อผู้นี้รักสหายเช่นเหอซือซือมากทีเดียว ทั้งที่เพิ่งเจอกันเป็นครั้งที่สอง “เพราะเจ้าเป็นเช่นนี้ ข้าถึงอยากได้เป็นสหายกับเจ้า” ทั่วเมืองหลวงคงมีเพียงคุณหนูเหอผู้นี้กระมังที่ไม่ได้เข้าหานางเพราะพี่ชาย ส่วนคุณหนูคนอื่นน่ะหรือ หึ! อย่าให้กล่าวถึงเลย “ข้าก็ดีใจที่ได้เป็นสหายของเจ้า” “เจ้าไม่อยากดมน้ำมันหอมกลิ่นหมู่ตานแล้วหรือ” “อยากสิ เช่นนั้นข้าต้องขอเสียมารยาทแล้ว” กล่าวจบนางก็ยื่นใบหน้าเข้าใกล้แล้วทำจมูกฟุดฟิดสูดหากลิ่นหอมบริเวณอกเสื้อของสหาย “พอจะได้กลิ่นหรือไม่” “หอมไม่น้อย
“สือหลิว ข้ายิ้มเช่นนี้น่าเอ็นดูหรือไม่” เหอซือซือกระตุกชายอาภรณ์ของสาวใช้ก่อนจะส่งยิ้มให้ดู “ไม่ว่าคุณหนูจะยิ้มเช่นไรก็ล้วนงดงามและน่าเอ็นดูเจ้าค่ะ” สือหลิวกล่าวตามความจริง ดวงหน้าหวานที่มีเครื่องหน้าลงตัว ไม่ว่าจะเป็นใครเมื่อได้สบตากับดวงตาเมล็ดซิ่งของคุณหนู สาวใช้เช่นตนมั่นใจว่าคนผู้นั้นล้วนเอ็นดูคุณหนู “เจ้าเยินยอข้าเช่นนี้ เชื่อได้หรือ” ถามห้าครั้งก็ตอบเช่นนี้ “บ่าวกล่าวตามความจริงเจ้าค่ะ คุณหนูงดงามราวกับตุ๊กตากระเบื้องเคลือบ ไม่ว่าใครพบเจอล้วนอยากทะนุถนอม” “ข้าว่าจะถามเจ้าก็ลืมไปเลย เมื่อวานตอนที่ข้ากำลังสนทนากับเล่อเล่ออยู่ เหตุใดเจ้ากับสาวใช้ของนางถึงได้ดูตกอกตกใจกัน” “แม้คุณหนูเจียงจะเป็นสตรีเช่นเดียวกันแต่อย่างไรการใกล้ชิดเกินไปก็ล้วนไม่เหมาะสม หากเมื่อวานเปลี่ยนเป็นคุณหนูไปทำเช่นนั้นนอกจวนแล้วมีคนมาเห็นเข้าคงเล่าลือกันว่าพวกท่านเป็นตุ้ยสือ[1]” ‘ตุ้ยสือหรือ? ใช่ที่เขาใช้เรียกสตรีที่รักกันหรือไม่’ เหมือนนางจะเคยเห็นในโลกโซเชียล แต่ในโลกเดิมนางกับหลิวอี้หรานที่สนิทกันก็ทำเช่นนี้ มันไม่ใช่เรื่อ
ชาที่นางนั่งจิบยังไม่ทันหายร้อน สือหลิวก็รีบมารายงานว่ารถม้าพร้อมแล้ว ช่างทำงานกันได้รวดเร็วเสียจริง “เจ้าทราบหรือไม่ว่าร้านท่านป้าจางที่ขายเสี่ยวหลงเปาอยู่ที่ใด” “ทราบเจ้าค่ะ แต่ร้านป้าจางเป็นตรอกแคบ รถม้าไม่อาจเข้าไปได้ คุณหนูรออยู่บนรถม้าประเดี๋ยวบ่าวจะลงไปซื้อให้เจ้าค่ะ” “ไม่ได้ เจ้าต้องไปซื้อเกาลัดต้มน้ำตาลที่โรงน้ำชาฉากุ้ยให้ข้า แยกย้ายกันไปซื้อจะได้ไม่ต้องใช้เวลามากประเดี๋ยวไม่ทันเล่อเล่อรับสำรับ” “เจ้าค่ะ” แม้อยากจะโต้แย้งแต่ทว่าก็จนใจด้วยเหตุผล เพราะหากไปด้วยกันคงกินเวลาเกือบหนึ่งชั่วยาม และอาจจะไม่ทันคุณหนูเจียงรับสำรับ เนื่องจากโรงน้ำชาฉากุ้ยถึงก่อน นางจึงสั่งให้รถม้าจอดเพื่อให้สาวใช้คนสนิทลงไปก่อน “เมื่อซื้อเสร็จแล้วเจ้าก็อยู่รอที่นี่ ข้าจะมารับ” “เจ้าค่ะ” สือหลิวจำใจตอบตกลง พอส่งสาวใช้เสร็จแล้วนางก็สั่งรถม้าให้ไปที่ร้านป้าจางต่อ สายป่านนี้แล้วไม่รู้เสี่ยวหลงเปาจะยังมีอยู่หรือไม่ ‘ขอให้ยังมีเสี่ยวหลงเปาขายอยู่เถิด’ เมื่อวานนางได้บอกกล่าวท่านแม่แล้วว่าจะออ
2 การช่วยเหลือ เพราะต้องการเดินไปถึงจวนแม่ทัพเจียงให้เร็วที่สุด นางจึงรีบร้อนเดินเข้าตรอกเพื่อไปขึ้นรถม้าโดยไม่ทันได้ดูว่าตนเองนั้นได้เดินเข้าผิดตรอก กว่าจะรู้ตัวนั้นเท้าของนางก็คล้ายกับก้าวไปเยือนปรโลกข้างหนึ่งแล้ว “ชะ...” นางกำลังจะส่งเสียงร้องเมื่อเห็นคนถือดาบเปื้อนเลือดกำลังวิ่งมาทางนี้ แต่จู่ ๆ ก็มีมือของใครบางคนมาปิดปากแล้วพาตัวนางเข้าไปซ่อนในห้อง ๆ หนึ่งคล้ายกับห้องเก็บฟืน “พวกมันจะฆ่าปิดปากทุกคนที่เห็นหน้า หากเจ้าไม่อยากตายก็ทำตัวให้เงียบที่สุด” เสียงเข้มแฝงข่มขู่ของบุรุษผู้นั้นดังขึ้นก่อนจะทรุดตัวลงนั่งโดยใช้ไม้ที่วางระเกะระกะบังตนเอง เมื่อเห็นดังนั้นนางจึงใช้ฟางที่กองอยู่แถวนั้นคลุมตนเองด้วยเช่นกัน สัญชาตญาณการเอาตัวรอดของนางมีไม่ด้อยกว่าผู้อื่นหรอกนะ ‘ในเมื่อตั้งใจจะมีชีวิตยืนยาว ข้าไม่มีทางยอมตายอยู่ที่นี่หรอก’ ตึกตัก ๆ หัวใจของนางเต้นระรัวด้วยคว
14 ขอปีนเข้าเรือนได้หรือไม่ ด้านคุณชายจวนแม่ทัพที่ห่วงใยสตรีในดวงใจ รีบร้อนควบม้าโดยไม่หยุดพักเพื่อกลับเมืองหลวง เขาใช้เวลาเพียงครึ่งเดียวจากการเดินทางปกติก็สามารถถึงเมืองหลวงได้อย่างปลอดภัย และเพื่อไม่ให้ผู้อาวุโสทั้งสองตื่นตกใจในเรื่องที่เกิดขึ้น การสืบหาเหอซือซือจึงเป็นไปอย่างลับ ๆ เขาสั่งคนให้ลอบเข้าจวนเหอเพื่อไปตรวจสอบว่านางถูกส่งตัวกลับจวนแล้วหรือไม่ ส่วนตนเองก็กลับจวนไปอาบน้ำผลัดอาภรณ์ในระหว่างรอคำตอบ แม้จะร้อนใจเพียงใดแต่เขาก็ไม่อาจผลีผลามได้เพราะจะส่งผลให้ชื่อเสียงของนางเสียหายส่งผลให้คนผู้นั้นต้องรับผิดชอบนาง ซึ่งเขาจะไม่มีทางให้เป็นแบบนั้น สตรีเช่นเหอซือซือไม่ได้ผ่านมาให้เขาพบได้ง่าย ๆ ดังนั้นเขาจะไม่ยอมปล่อยให้ใครแย่งนางไปเด็ดขาด แม้คนผู้นั้นจะเคยมีความสัมพันธ์อันดีกับนางมานานก็ตาม ใช้เวลาเพียงครึ่งเค่อบุรุษชุดดำก็คุกเข่าลงตรงหน้าก่อนจะเอ่ยปากรายงาน “คุณหนูเหอกลับจาก
แต่ท่านรู้หรือไม่พอข้าขึ้นจากน้ำได้ เหรินเสี่ยวเหยาก็สั่งให้ไปตามคนมาช่วยเพิ่ม ก่อนที่ข้าจะหมดสติไป ข้าได้ยินวาจาที่นางเอ่ยชัดเจนว่า ‘จำใส่หัวเอาไว้ ว่าอย่าเข้าใกล้พี่จิ้นฝานอีก มิเช่นนั้นข้าจะฆ่าเจ้าให้ตาย’ และประโยคนี้ก็ทำให้ข้าจำขึ้นใจมาจนถึงทุกวันนี้” “เพราะเหตุนี้เมื่อเจ้าเจอหน้าพี่ เจ้าจึงได้มีท่าทีหวาดกลัว” “ข้าถูกขู่ฆ่าเพราะท่าน และเกือบจะตายไปแล้วจริง ๆ เพราะคนรักของท่านเป็นต้นเหตุ” “เสี่ยวเหยานางไม่ใช่คนรักของพี่ เจ้าเข้าใจผิดแล้ว” ดูเหมือนที่เขาต้องห่างเหินกับสหายในวัยเด็กจะเป็นเพราะเรื่องเข้าใจผิด “ข้าสลบไปนานหลายวัน พอฟื้นขึ้นมาก็เจอนางควงคู่มากับท่าน ทำให้ข้าเข้าใจเรื่องราวทุกอย่างได้ในทันที ว่าเป็นข้าที่ผิดเอง ไปใกล้ชิดสนิทสนมกั
‘ข้าควรต้องระแวงท่านตั้งแต่ที่สั่งให้คนไปจับตัวข้ามาแล้ว’ “รถม้าคันนี้กำลังจะวิ่งไปที่ใดเจ้าคะ” “พี่ขอย้ายกลับเข้าเมืองหลวง ยามนี้เราสองคนจึงกำลังเดินทางกลับเมืองหลวง เมื่อสนทนากันเสร็จแล้วพี่จะพาเจ้าไปส่งที่จวนเหออย่างปลอดภัยไร้รอยขีดข่วน พี่สัญญา” เขาชี้แจงให้นางฟังด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนแม้จะไม่ค่อยชอบใจท่าทางหวาดกลัวของนางที่มีต่อเขาก็ตาม หากรถม้าคันนี้กำลังวิ่งไปยังเมืองหลวงจริง เช่นนั้นขอเพียงนางทำตัวว่าง่ายไม่ต่อต้าน คนผู้นี้อาจจะพานางไปส่งที่จวนอย่างปลอดภัยกระมัง “แต่หากเจ้าไม่ยอมสนทนากับพี่จนกระจ่างแจ้งแก่ใจ พี่คงต้องเชิญเจ้าไปสนทนากันต่อที่จวนของพี่อีกสักเล็กน้อย” กล่าวจบมุมปากก็ปรากฏรอยยิ้มบาง
“เป็นมันจริง ๆ ที่กล้าลักพาตัวสตรีของข้าไป” คุณชายรองจวนแม่ทัพบูรพาสบถออกมาอย่างมีโทสะ เกรงว่าที่ขอย้ายกลับเข้าเมืองหลวงอย่างเร่งด่วนคงคิดจะแย่งนางไปจากเขาสินะ “ข้าไม่เข้าใจเจ้าค่ะ ว่าโหวซื่อจื่อที่เป็นถึงขุนนางใหญ่ จะมาลักพาตัวสหายของข้าให้เสื่อมเสียไปทำไม” เท่าที่นางเคยได้ยิน คนผู้นั้นเป็นบุรุษรูปงามที่เก่งกาจ ไม่เคยมีข่าวเสียหายเรื่องสตรี ประวัติขาวสะอาด ไม่มีเหตุผลใดที่จะทำเช่นนั้นกับสหายของนางเลย “ดูจากสีหน้าของเจ้าแล้ว เกรงว่าการกระทำของหลวนโหวซื่อจื่อผู้นั้นจะกลายเป็นเรื่องหนี้รักใช่หรือไม่” สิ้นเสียงของเผยหลี่จุน เขาก็ตวัดสายตามองอีกฝ่าย ‘อย่างไรเรื่องนี้ข้าต้องถามเอากับซือซือให้ได้’ เจียงเซียวเล่อคิด แม้ในตอนแรกจะไม่อยากให้พี่ชายมาหลอกล่อสหายแต่หากคิดดูดี ๆ แล้ว การได้เหอซือซือมาเป็นพี่สะใภ้ย่อมดีกว่าสตรีดอกบัวขาวที่ดีแต่ลอบกัดผู้อื่น “พี่รอง ท่านรีบควบม้าตามไปเถิดเจ้าค่ะ ท่านต้องรีบช่วยซือซือมาให้ได้นะเจ้าคะ ข้าอยากได้นางมาเป็นพี่สะใภ้รอง” “ได้! หลี่จุนข้าฝากเซียวเล่อด้วย” “อืม! เจ้ารีบไปช่วยคุ
13 เหตุใดระหว่างเราถึงไม่เหมือนเดิม เจียงเซวียนกวาดสายตามองหาร่างบอบบางของสตรีในดวงใจไปทั่วด้วยความรู้สึกร้อนรน ในใจก็ภาวนาว่าขอให้พบเจอนางอยู่ที่ใดสักแห่งในโรงเตี๊ยม เขาถือวิสาสะเปิดห้องส่วนตัวทุกห้องอย่างเสียมารยาทด้วยความหวังว่าจะพบตัวสตรีในดวงใจ แต่ยิ่งค้นหา ความหวังของเขาก็ลดน้อยลงเรื่อย ๆ ‘ไม่เจอ! ซือซือหายไปที่ใด’ เมื่อหาจนทั่วชั้นสองแล้วไม่เจอเขาจึงเดินลงไปด้านล่างด้วยความรู้สึกใจคอไม่ดี “พี่รอง เจอซือซือหรือไม่” เจียงเซียวเล่อที่มีสีหน้าไม่ค่อยดีเช่นกันเอ่ยถาม “ไม่เจอ” “ข้าไปถามผู้ดูแลมาแล้ว โรงเตี๊ยมนี้ทางเข้าออกมีทางเดียว แม้แต่พวกพ่อครัวหรือเสี่ยวเอ้อก็ยังต้องเข้าออกทางประตูด้านหน้าเช่นกัน” เป็นท่านประมุขแห่งปราสาทเมฆาเอ่ย “เซียวเล่อห้องปลดทุกข์ไปทางไหน” คุณชายรองเจียงเอ่ยถามน้องสาว “ข้าจะนำทางไปเองเจ้าค่ะ” ยามนี้นางรู้สึกผิดต่อสหายยิ่งนัก หากนา
“ยังไม่ได้เป็นอันใดกันก็เข้าข้างแล้ว” คุณชายรองเจียงกล่าวก่อนจะรีบเดินตามสองสาวไป คนเยอะเช่นนี้ไม่ควรปล่อยให้พวกนางคาดสายตา หลังจากนั้นบุรุษทั้งสองก็คอยดูแลและจ่ายตำลึงให้สตรีทั้งสองอย่างไม่อิดออด เจียงเซวียนก็ไม่ได้พยายามยื้อแย่งหรือหยอกเย้าสหายของน้องสาวอีก ทำให้เจียงเซียงเล่อไม่ได้หมั่นไส้พี่ชายอีก “ซือซือข้าอยากปลดทุกข์” คุณหนูเจียงกระซิบบอกสหายเสียงเบา “เช่นนั้นเรารีบกลับโรงเตี๊ยมกันเถิด” “คงไม่ทัน ข้าคงทนไม่ไหว” เมื่อเห็นสีหน้าของสหาย นางจึงตัดสินใจหันไปกล่าวกับบุรุษที่ยืนอยู่ข้างกาย “พี่เซวียนเจ้าคะเราเข
“อร่อยจริง ๆ ด้วย ไม่หวานเกินไป ดียิ่งนัก” เจียงเซียวเล่อกล่าวกับสหายก่อนจะต้องตกใจเมื่อสหายของพี่ชายจับยึดมือนางเอาไว้แล้วกัดเซาปิ่งกิน “พี่เห็นด้วยกันเซียวเล่อ” “พี่หลี่จุนท่าน!” ใบหน้าและหูของคุณหนูเจียงเห่อร้อนขึ้นอย่างรวดเร็วก่อนจะรีบก้มหน้าลงเล็กน้อยคล้ายกับไม่กล้าสบตากับเหอซือซือและพี่ชาย คนผู้นี้เหิมเกริมเกินไปแล้ว กล้าหยอกเย้านางต่อหน้าพี่รอง “กำลังโอ้อวดอยู่หรืออย่างไร” เจียงเซวียนกล่าวอย่างรู้สึกหมั่นไส้ “...” ส่วนคุณหนูเหอก็ได้แต่อมยิ้มแล้วกินเซ่าปิ่งของตนต่อไป “ข้าโอ้อวดที่ใดกัน ข้าก็แค่กำลังเกี้ยว
“พี่หลี่จุน!” นางเรียกชื่อเขาเสียงหลง ใบหูนางแดงก่ำขึ้นในทันทีพร้อมกับดวงหน้าหวานที่เห่อร้อนอย่างไม่เคยเป็น “มีอันใด เรียกข้าเสียงหวานเชียว” เผยหลี่จุนกล่าวพลางก้มมองสตรีที่ตนโอบกอดอยู่ด้วยแววตาพราวระยับ “ปล่อยข้าได้แล้วเจ้าค่ะ” “ไม่อยากปล่อย” “ท่าน!” จุ๊บ! จุ๊บ! เขากดริมฝีปากลงบนแก้มเนียนทั้งสองข้าง เต้าหู้ของสตรีที่ตนพึงใจหอมหวานยิ่งนัก “พี่หลี่จุน ท่านกินสิ่งใดผิดสำแดงมาหรือไม่” “ข้ากลืน
นัยน์ตาคมมองนางที่เดินจากไปอย่างพึงพอใจ ก่อนจะสาวเท้าก้าวไปใกล้สหายและคุณหนูเหอเพื่ออาสาจ่ายเงินค่าน้ำมันหอมเอง ดูเหมือนการเจรจากับคุณหนูเหอจะไม่ใช่เรื่องยากอันใด และเมื่อแสดงความจริงใจอีกฝ่ายก็ยินดีที่จะให้ความร่วมมือทันที อาจเพราะเขาพึงใจน้องสาวของสหายมานานหลายปี เขาจึงมีโอกาสได้รับรู้ถึงความชื่นชอบของนางจึงเอ่ยปากชวนนางไปร้านขายภาพวาดแล้วคิดจะซื้อภาพที่นางชอบให้ด้วย “น่าเสียดายนะเจ้าคะที่ซือซือไม่มาด้วย” “ก่อนหน้านี้คุณหนูเหอไม่ค่อยได้ออกจากจวน การตะลอนไปหลายที่ในหนึ่งวันอาจจะทำให้นางรู้สึกเหน็ดเหนื่อยเกินไปก็ได้” “ที่ท่านกล่าวมาก็ถูกต้องไม่น้อย พี่หล