“พี่หลี่จุน!” นางเรียกชื่อเขาเสียงหลง ใบหูนางแดงก่ำขึ้นในทันทีพร้อมกับดวงหน้าหวานที่เห่อร้อนอย่างไม่เคยเป็น
“มีอันใด เรียกข้าเสียงหวานเชียว” เผยหลี่จุนกล่าวพลางก้มมองสตรีที่ตนโอบกอดอยู่ด้วยแววตาพราวระยับ
“ปล่อยข้าได้แล้วเจ้าค่ะ”
“ไม่อยากปล่อย”
“ท่าน!”
จุ๊บ! จุ๊บ! เขากดริมฝีปากลงบนแก้มเนียนทั้งสองข้าง เต้าหู้ของสตรีที่ตนพึงใจหอมหวานยิ่งนัก
“พี่หลี่จุน ท่านกินสิ่งใดผิดสำแดงมาหรือไม่”
“ข้ากลืน
“อร่อยจริง ๆ ด้วย ไม่หวานเกินไป ดียิ่งนัก” เจียงเซียวเล่อกล่าวกับสหายก่อนจะต้องตกใจเมื่อสหายของพี่ชายจับยึดมือนางเอาไว้แล้วกัดเซาปิ่งกิน “พี่เห็นด้วยกันเซียวเล่อ” “พี่หลี่จุนท่าน!” ใบหน้าและหูของคุณหนูเจียงเห่อร้อนขึ้นอย่างรวดเร็วก่อนจะรีบก้มหน้าลงเล็กน้อยคล้ายกับไม่กล้าสบตากับเหอซือซือและพี่ชาย คนผู้นี้เหิมเกริมเกินไปแล้ว กล้าหยอกเย้านางต่อหน้าพี่รอง “กำลังโอ้อวดอยู่หรืออย่างไร” เจียงเซวียนกล่าวอย่างรู้สึกหมั่นไส้ “...” ส่วนคุณหนูเหอก็ได้แต่อมยิ้มแล้วกินเซ่าปิ่งของตนต่อไป “ข้าโอ้อวดที่ใดกัน ข้าก็แค่กำลังเกี้ยว
“ยังไม่ได้เป็นอันใดกันก็เข้าข้างแล้ว” คุณชายรองเจียงกล่าวก่อนจะรีบเดินตามสองสาวไป คนเยอะเช่นนี้ไม่ควรปล่อยให้พวกนางคาดสายตา หลังจากนั้นบุรุษทั้งสองก็คอยดูแลและจ่ายตำลึงให้สตรีทั้งสองอย่างไม่อิดออด เจียงเซวียนก็ไม่ได้พยายามยื้อแย่งหรือหยอกเย้าสหายของน้องสาวอีก ทำให้เจียงเซียงเล่อไม่ได้หมั่นไส้พี่ชายอีก “ซือซือข้าอยากปลดทุกข์” คุณหนูเจียงกระซิบบอกสหายเสียงเบา “เช่นนั้นเรารีบกลับโรงเตี๊ยมกันเถิด” “คงไม่ทัน ข้าคงทนไม่ไหว” เมื่อเห็นสีหน้าของสหาย นางจึงตัดสินใจหันไปกล่าวกับบุรุษที่ยืนอยู่ข้างกาย “พี่เซวียนเจ้าคะเราเข
13 เหตุใดระหว่างเราถึงไม่เหมือนเดิม เจียงเซวียนกวาดสายตามองหาร่างบอบบางของสตรีในดวงใจไปทั่วด้วยความรู้สึกร้อนรน ในใจก็ภาวนาว่าขอให้พบเจอนางอยู่ที่ใดสักแห่งในโรงเตี๊ยม เขาถือวิสาสะเปิดห้องส่วนตัวทุกห้องอย่างเสียมารยาทด้วยความหวังว่าจะพบตัวสตรีในดวงใจ แต่ยิ่งค้นหา ความหวังของเขาก็ลดน้อยลงเรื่อย ๆ ‘ไม่เจอ! ซือซือหายไปที่ใด’ เมื่อหาจนทั่วชั้นสองแล้วไม่เจอเขาจึงเดินลงไปด้านล่างด้วยความรู้สึกใจคอไม่ดี “พี่รอง เจอซือซือหรือไม่” เจียงเซียวเล่อที่มีสีหน้าไม่ค่อยดีเช่นกันเอ่ยถาม “ไม่เจอ” “ข้าไปถามผู้ดูแลมาแล้ว โรงเตี๊ยมนี้ทางเข้าออกมีทางเดียว แม้แต่พวกพ่อครัวหรือเสี่ยวเอ้อก็ยังต้องเข้าออกทางประตูด้านหน้าเช่นกัน” เป็นท่านประมุขแห่งปราสาทเมฆาเอ่ย “เซียวเล่อห้องปลดทุกข์ไปทางไหน” คุณชายรองเจียงเอ่ยถามน้องสาว “ข้าจะนำทางไปเองเจ้าค่ะ” ยามนี้นางรู้สึกผิดต่อสหายยิ่งนัก หากนา
“เป็นมันจริง ๆ ที่กล้าลักพาตัวสตรีของข้าไป” คุณชายรองจวนแม่ทัพบูรพาสบถออกมาอย่างมีโทสะ เกรงว่าที่ขอย้ายกลับเข้าเมืองหลวงอย่างเร่งด่วนคงคิดจะแย่งนางไปจากเขาสินะ “ข้าไม่เข้าใจเจ้าค่ะ ว่าโหวซื่อจื่อที่เป็นถึงขุนนางใหญ่ จะมาลักพาตัวสหายของข้าให้เสื่อมเสียไปทำไม” เท่าที่นางเคยได้ยิน คนผู้นั้นเป็นบุรุษรูปงามที่เก่งกาจ ไม่เคยมีข่าวเสียหายเรื่องสตรี ประวัติขาวสะอาด ไม่มีเหตุผลใดที่จะทำเช่นนั้นกับสหายของนางเลย “ดูจากสีหน้าของเจ้าแล้ว เกรงว่าการกระทำของหลวนโหวซื่อจื่อผู้นั้นจะกลายเป็นเรื่องหนี้รักใช่หรือไม่” สิ้นเสียงของเผยหลี่จุน เขาก็ตวัดสายตามองอีกฝ่าย ‘อย่างไรเรื่องนี้ข้าต้องถามเอากับซือซือให้ได้’ เจียงเซียวเล่อคิด แม้ในตอนแรกจะไม่อยากให้พี่ชายมาหลอกล่อสหายแต่หากคิดดูดี ๆ แล้ว การได้เหอซือซือมาเป็นพี่สะใภ้ย่อมดีกว่าสตรีดอกบัวขาวที่ดีแต่ลอบกัดผู้อื่น “พี่รอง ท่านรีบควบม้าตามไปเถิดเจ้าค่ะ ท่านต้องรีบช่วยซือซือมาให้ได้นะเจ้าคะ ข้าอยากได้นางมาเป็นพี่สะใภ้รอง” “ได้! หลี่จุนข้าฝากเซียวเล่อด้วย” “อืม! เจ้ารีบไปช่วยคุ
‘ข้าควรต้องระแวงท่านตั้งแต่ที่สั่งให้คนไปจับตัวข้ามาแล้ว’ “รถม้าคันนี้กำลังจะวิ่งไปที่ใดเจ้าคะ” “พี่ขอย้ายกลับเข้าเมืองหลวง ยามนี้เราสองคนจึงกำลังเดินทางกลับเมืองหลวง เมื่อสนทนากันเสร็จแล้วพี่จะพาเจ้าไปส่งที่จวนเหออย่างปลอดภัยไร้รอยขีดข่วน พี่สัญญา” เขาชี้แจงให้นางฟังด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนแม้จะไม่ค่อยชอบใจท่าทางหวาดกลัวของนางที่มีต่อเขาก็ตาม หากรถม้าคันนี้กำลังวิ่งไปยังเมืองหลวงจริง เช่นนั้นขอเพียงนางทำตัวว่าง่ายไม่ต่อต้าน คนผู้นี้อาจจะพานางไปส่งที่จวนอย่างปลอดภัยกระมัง “แต่หากเจ้าไม่ยอมสนทนากับพี่จนกระจ่างแจ้งแก่ใจ พี่คงต้องเชิญเจ้าไปสนทนากันต่อที่จวนของพี่อีกสักเล็กน้อย” กล่าวจบมุมปากก็ปรากฏรอยยิ้มบาง
แต่ท่านรู้หรือไม่พอข้าขึ้นจากน้ำได้ เหรินเสี่ยวเหยาก็สั่งให้ไปตามคนมาช่วยเพิ่ม ก่อนที่ข้าจะหมดสติไป ข้าได้ยินวาจาที่นางเอ่ยชัดเจนว่า ‘จำใส่หัวเอาไว้ ว่าอย่าเข้าใกล้พี่จิ้นฝานอีก มิเช่นนั้นข้าจะฆ่าเจ้าให้ตาย’ และประโยคนี้ก็ทำให้ข้าจำขึ้นใจมาจนถึงทุกวันนี้” “เพราะเหตุนี้เมื่อเจ้าเจอหน้าพี่ เจ้าจึงได้มีท่าทีหวาดกลัว” “ข้าถูกขู่ฆ่าเพราะท่าน และเกือบจะตายไปแล้วจริง ๆ เพราะคนรักของท่านเป็นต้นเหตุ” “เสี่ยวเหยานางไม่ใช่คนรักของพี่ เจ้าเข้าใจผิดแล้ว” ดูเหมือนที่เขาต้องห่างเหินกับสหายในวัยเด็กจะเป็นเพราะเรื่องเข้าใจผิด “ข้าสลบไปนานหลายวัน พอฟื้นขึ้นมาก็เจอนางควงคู่มากับท่าน ทำให้ข้าเข้าใจเรื่องราวทุกอย่างได้ในทันที ว่าเป็นข้าที่ผิดเอง ไปใกล้ชิดสนิทสนมกั
14 ขอปีนเข้าเรือนได้หรือไม่ ด้านคุณชายจวนแม่ทัพที่ห่วงใยสตรีในดวงใจ รีบร้อนควบม้าโดยไม่หยุดพักเพื่อกลับเมืองหลวง เขาใช้เวลาเพียงครึ่งเดียวจากการเดินทางปกติก็สามารถถึงเมืองหลวงได้อย่างปลอดภัย และเพื่อไม่ให้ผู้อาวุโสทั้งสองตื่นตกใจในเรื่องที่เกิดขึ้น การสืบหาเหอซือซือจึงเป็นไปอย่างลับ ๆ เขาสั่งคนให้ลอบเข้าจวนเหอเพื่อไปตรวจสอบว่านางถูกส่งตัวกลับจวนแล้วหรือไม่ ส่วนตนเองก็กลับจวนไปอาบน้ำผลัดอาภรณ์ในระหว่างรอคำตอบ แม้จะร้อนใจเพียงใดแต่เขาก็ไม่อาจผลีผลามได้เพราะจะส่งผลให้ชื่อเสียงของนางเสียหายส่งผลให้คนผู้นั้นต้องรับผิดชอบนาง ซึ่งเขาจะไม่มีทางให้เป็นแบบนั้น สตรีเช่นเหอซือซือไม่ได้ผ่านมาให้เขาพบได้ง่าย ๆ ดังนั้นเขาจะไม่ยอมปล่อยให้ใครแย่งนางไปเด็ดขาด แม้คนผู้นั้นจะเคยมีความสัมพันธ์อันดีกับนางมานานก็ตาม ใช้เวลาเพียงครึ่งเค่อบุรุษชุดดำก็คุกเข่าลงตรงหน้าก่อนจะเอ่ยปากรายงาน “คุณหนูเหอกลับจาก
บทนำ นัยน์ตาคมจ้องมองไปที่ห้องส่วนตัวซึ่งอยู่ฝั่งตรงข้าม ก่อนที่มุมปากจะยกยิ้มคล้ายเยาะเย้ยคนที่อยู่ในห้องแห่งนั้น “วันนี้ท่านจะมาประมูลสิ่งใดหรือเจ้าคะ” “คุณหนูเหรินมาว่าจ้างพี่ให้หากู่ฉินของปรมาจารย์หลี่เต๋อ เห็นว่าเป็นหนึ่งในของที่เข้าประมูลวันนี้” ‘ดูเหมือนเหรินเสี่ยวเหยาจะใช้เรื่องนี้เข้าหาเขาสินะ’ นางชะงักไปเล็กน้อยก่อนจะนิ่งคิด “พี่เพียงทำตามหน้าที่ หวังว่าเจ้าจะเข้าใจ” “ข้าไม่คิดมากหรอกเจ้าค่ะ เราไม่ได้เป็นอันใดกันสักหน่อย ปล่อยข้าได้แล้วเจ้าค่ะ” คนเริ่มมาเยอะแล้วประเดี๋ยวเกิดมีคนรู้จักมาเห็นเข้า ชื่อเสียงของนางคงป่นปี้หมด “ซือซือเจ้ากำลังกินน้ำส้ม[1]ใช่หรือไม่ กลิ่นถึงได้ฉุนจมูกยิ่งนัก” “ข้าไม่ได้...” “เจ้าไม่ต้องห่วงเรื่องที่นางร้ายกาจต่อเจ้าพี่ย่อมเอาคืน วันนี้หากพี่ได้พิณมาในราคาหนึ่งพันตำลึงทอง พี่ก็เพียงไปเก็บเงินนางห้าพันตำลึงทอง แล้วนำส่วนต่างที่ได้เก็บใส่หีบสินสอดเตรียมไว้สู่ขอเจ้า”
14 ขอปีนเข้าเรือนได้หรือไม่ ด้านคุณชายจวนแม่ทัพที่ห่วงใยสตรีในดวงใจ รีบร้อนควบม้าโดยไม่หยุดพักเพื่อกลับเมืองหลวง เขาใช้เวลาเพียงครึ่งเดียวจากการเดินทางปกติก็สามารถถึงเมืองหลวงได้อย่างปลอดภัย และเพื่อไม่ให้ผู้อาวุโสทั้งสองตื่นตกใจในเรื่องที่เกิดขึ้น การสืบหาเหอซือซือจึงเป็นไปอย่างลับ ๆ เขาสั่งคนให้ลอบเข้าจวนเหอเพื่อไปตรวจสอบว่านางถูกส่งตัวกลับจวนแล้วหรือไม่ ส่วนตนเองก็กลับจวนไปอาบน้ำผลัดอาภรณ์ในระหว่างรอคำตอบ แม้จะร้อนใจเพียงใดแต่เขาก็ไม่อาจผลีผลามได้เพราะจะส่งผลให้ชื่อเสียงของนางเสียหายส่งผลให้คนผู้นั้นต้องรับผิดชอบนาง ซึ่งเขาจะไม่มีทางให้เป็นแบบนั้น สตรีเช่นเหอซือซือไม่ได้ผ่านมาให้เขาพบได้ง่าย ๆ ดังนั้นเขาจะไม่ยอมปล่อยให้ใครแย่งนางไปเด็ดขาด แม้คนผู้นั้นจะเคยมีความสัมพันธ์อันดีกับนางมานานก็ตาม ใช้เวลาเพียงครึ่งเค่อบุรุษชุดดำก็คุกเข่าลงตรงหน้าก่อนจะเอ่ยปากรายงาน “คุณหนูเหอกลับจาก
แต่ท่านรู้หรือไม่พอข้าขึ้นจากน้ำได้ เหรินเสี่ยวเหยาก็สั่งให้ไปตามคนมาช่วยเพิ่ม ก่อนที่ข้าจะหมดสติไป ข้าได้ยินวาจาที่นางเอ่ยชัดเจนว่า ‘จำใส่หัวเอาไว้ ว่าอย่าเข้าใกล้พี่จิ้นฝานอีก มิเช่นนั้นข้าจะฆ่าเจ้าให้ตาย’ และประโยคนี้ก็ทำให้ข้าจำขึ้นใจมาจนถึงทุกวันนี้” “เพราะเหตุนี้เมื่อเจ้าเจอหน้าพี่ เจ้าจึงได้มีท่าทีหวาดกลัว” “ข้าถูกขู่ฆ่าเพราะท่าน และเกือบจะตายไปแล้วจริง ๆ เพราะคนรักของท่านเป็นต้นเหตุ” “เสี่ยวเหยานางไม่ใช่คนรักของพี่ เจ้าเข้าใจผิดแล้ว” ดูเหมือนที่เขาต้องห่างเหินกับสหายในวัยเด็กจะเป็นเพราะเรื่องเข้าใจผิด “ข้าสลบไปนานหลายวัน พอฟื้นขึ้นมาก็เจอนางควงคู่มากับท่าน ทำให้ข้าเข้าใจเรื่องราวทุกอย่างได้ในทันที ว่าเป็นข้าที่ผิดเอง ไปใกล้ชิดสนิทสนมกั
‘ข้าควรต้องระแวงท่านตั้งแต่ที่สั่งให้คนไปจับตัวข้ามาแล้ว’ “รถม้าคันนี้กำลังจะวิ่งไปที่ใดเจ้าคะ” “พี่ขอย้ายกลับเข้าเมืองหลวง ยามนี้เราสองคนจึงกำลังเดินทางกลับเมืองหลวง เมื่อสนทนากันเสร็จแล้วพี่จะพาเจ้าไปส่งที่จวนเหออย่างปลอดภัยไร้รอยขีดข่วน พี่สัญญา” เขาชี้แจงให้นางฟังด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนแม้จะไม่ค่อยชอบใจท่าทางหวาดกลัวของนางที่มีต่อเขาก็ตาม หากรถม้าคันนี้กำลังวิ่งไปยังเมืองหลวงจริง เช่นนั้นขอเพียงนางทำตัวว่าง่ายไม่ต่อต้าน คนผู้นี้อาจจะพานางไปส่งที่จวนอย่างปลอดภัยกระมัง “แต่หากเจ้าไม่ยอมสนทนากับพี่จนกระจ่างแจ้งแก่ใจ พี่คงต้องเชิญเจ้าไปสนทนากันต่อที่จวนของพี่อีกสักเล็กน้อย” กล่าวจบมุมปากก็ปรากฏรอยยิ้มบาง
“เป็นมันจริง ๆ ที่กล้าลักพาตัวสตรีของข้าไป” คุณชายรองจวนแม่ทัพบูรพาสบถออกมาอย่างมีโทสะ เกรงว่าที่ขอย้ายกลับเข้าเมืองหลวงอย่างเร่งด่วนคงคิดจะแย่งนางไปจากเขาสินะ “ข้าไม่เข้าใจเจ้าค่ะ ว่าโหวซื่อจื่อที่เป็นถึงขุนนางใหญ่ จะมาลักพาตัวสหายของข้าให้เสื่อมเสียไปทำไม” เท่าที่นางเคยได้ยิน คนผู้นั้นเป็นบุรุษรูปงามที่เก่งกาจ ไม่เคยมีข่าวเสียหายเรื่องสตรี ประวัติขาวสะอาด ไม่มีเหตุผลใดที่จะทำเช่นนั้นกับสหายของนางเลย “ดูจากสีหน้าของเจ้าแล้ว เกรงว่าการกระทำของหลวนโหวซื่อจื่อผู้นั้นจะกลายเป็นเรื่องหนี้รักใช่หรือไม่” สิ้นเสียงของเผยหลี่จุน เขาก็ตวัดสายตามองอีกฝ่าย ‘อย่างไรเรื่องนี้ข้าต้องถามเอากับซือซือให้ได้’ เจียงเซียวเล่อคิด แม้ในตอนแรกจะไม่อยากให้พี่ชายมาหลอกล่อสหายแต่หากคิดดูดี ๆ แล้ว การได้เหอซือซือมาเป็นพี่สะใภ้ย่อมดีกว่าสตรีดอกบัวขาวที่ดีแต่ลอบกัดผู้อื่น “พี่รอง ท่านรีบควบม้าตามไปเถิดเจ้าค่ะ ท่านต้องรีบช่วยซือซือมาให้ได้นะเจ้าคะ ข้าอยากได้นางมาเป็นพี่สะใภ้รอง” “ได้! หลี่จุนข้าฝากเซียวเล่อด้วย” “อืม! เจ้ารีบไปช่วยคุ
13 เหตุใดระหว่างเราถึงไม่เหมือนเดิม เจียงเซวียนกวาดสายตามองหาร่างบอบบางของสตรีในดวงใจไปทั่วด้วยความรู้สึกร้อนรน ในใจก็ภาวนาว่าขอให้พบเจอนางอยู่ที่ใดสักแห่งในโรงเตี๊ยม เขาถือวิสาสะเปิดห้องส่วนตัวทุกห้องอย่างเสียมารยาทด้วยความหวังว่าจะพบตัวสตรีในดวงใจ แต่ยิ่งค้นหา ความหวังของเขาก็ลดน้อยลงเรื่อย ๆ ‘ไม่เจอ! ซือซือหายไปที่ใด’ เมื่อหาจนทั่วชั้นสองแล้วไม่เจอเขาจึงเดินลงไปด้านล่างด้วยความรู้สึกใจคอไม่ดี “พี่รอง เจอซือซือหรือไม่” เจียงเซียวเล่อที่มีสีหน้าไม่ค่อยดีเช่นกันเอ่ยถาม “ไม่เจอ” “ข้าไปถามผู้ดูแลมาแล้ว โรงเตี๊ยมนี้ทางเข้าออกมีทางเดียว แม้แต่พวกพ่อครัวหรือเสี่ยวเอ้อก็ยังต้องเข้าออกทางประตูด้านหน้าเช่นกัน” เป็นท่านประมุขแห่งปราสาทเมฆาเอ่ย “เซียวเล่อห้องปลดทุกข์ไปทางไหน” คุณชายรองเจียงเอ่ยถามน้องสาว “ข้าจะนำทางไปเองเจ้าค่ะ” ยามนี้นางรู้สึกผิดต่อสหายยิ่งนัก หากนา
“ยังไม่ได้เป็นอันใดกันก็เข้าข้างแล้ว” คุณชายรองเจียงกล่าวก่อนจะรีบเดินตามสองสาวไป คนเยอะเช่นนี้ไม่ควรปล่อยให้พวกนางคาดสายตา หลังจากนั้นบุรุษทั้งสองก็คอยดูแลและจ่ายตำลึงให้สตรีทั้งสองอย่างไม่อิดออด เจียงเซวียนก็ไม่ได้พยายามยื้อแย่งหรือหยอกเย้าสหายของน้องสาวอีก ทำให้เจียงเซียงเล่อไม่ได้หมั่นไส้พี่ชายอีก “ซือซือข้าอยากปลดทุกข์” คุณหนูเจียงกระซิบบอกสหายเสียงเบา “เช่นนั้นเรารีบกลับโรงเตี๊ยมกันเถิด” “คงไม่ทัน ข้าคงทนไม่ไหว” เมื่อเห็นสีหน้าของสหาย นางจึงตัดสินใจหันไปกล่าวกับบุรุษที่ยืนอยู่ข้างกาย “พี่เซวียนเจ้าคะเราเข
“อร่อยจริง ๆ ด้วย ไม่หวานเกินไป ดียิ่งนัก” เจียงเซียวเล่อกล่าวกับสหายก่อนจะต้องตกใจเมื่อสหายของพี่ชายจับยึดมือนางเอาไว้แล้วกัดเซาปิ่งกิน “พี่เห็นด้วยกันเซียวเล่อ” “พี่หลี่จุนท่าน!” ใบหน้าและหูของคุณหนูเจียงเห่อร้อนขึ้นอย่างรวดเร็วก่อนจะรีบก้มหน้าลงเล็กน้อยคล้ายกับไม่กล้าสบตากับเหอซือซือและพี่ชาย คนผู้นี้เหิมเกริมเกินไปแล้ว กล้าหยอกเย้านางต่อหน้าพี่รอง “กำลังโอ้อวดอยู่หรืออย่างไร” เจียงเซวียนกล่าวอย่างรู้สึกหมั่นไส้ “...” ส่วนคุณหนูเหอก็ได้แต่อมยิ้มแล้วกินเซ่าปิ่งของตนต่อไป “ข้าโอ้อวดที่ใดกัน ข้าก็แค่กำลังเกี้ยว
“พี่หลี่จุน!” นางเรียกชื่อเขาเสียงหลง ใบหูนางแดงก่ำขึ้นในทันทีพร้อมกับดวงหน้าหวานที่เห่อร้อนอย่างไม่เคยเป็น “มีอันใด เรียกข้าเสียงหวานเชียว” เผยหลี่จุนกล่าวพลางก้มมองสตรีที่ตนโอบกอดอยู่ด้วยแววตาพราวระยับ “ปล่อยข้าได้แล้วเจ้าค่ะ” “ไม่อยากปล่อย” “ท่าน!” จุ๊บ! จุ๊บ! เขากดริมฝีปากลงบนแก้มเนียนทั้งสองข้าง เต้าหู้ของสตรีที่ตนพึงใจหอมหวานยิ่งนัก “พี่หลี่จุน ท่านกินสิ่งใดผิดสำแดงมาหรือไม่” “ข้ากลืน
นัยน์ตาคมมองนางที่เดินจากไปอย่างพึงพอใจ ก่อนจะสาวเท้าก้าวไปใกล้สหายและคุณหนูเหอเพื่ออาสาจ่ายเงินค่าน้ำมันหอมเอง ดูเหมือนการเจรจากับคุณหนูเหอจะไม่ใช่เรื่องยากอันใด และเมื่อแสดงความจริงใจอีกฝ่ายก็ยินดีที่จะให้ความร่วมมือทันที อาจเพราะเขาพึงใจน้องสาวของสหายมานานหลายปี เขาจึงมีโอกาสได้รับรู้ถึงความชื่นชอบของนางจึงเอ่ยปากชวนนางไปร้านขายภาพวาดแล้วคิดจะซื้อภาพที่นางชอบให้ด้วย “น่าเสียดายนะเจ้าคะที่ซือซือไม่มาด้วย” “ก่อนหน้านี้คุณหนูเหอไม่ค่อยได้ออกจากจวน การตะลอนไปหลายที่ในหนึ่งวันอาจจะทำให้นางรู้สึกเหน็ดเหนื่อยเกินไปก็ได้” “ที่ท่านกล่าวมาก็ถูกต้องไม่น้อย พี่หล