“อย่างที่ท่านทราบว่าวันนี้ข้าเดินทางไปอารามช่างอันเป่าเพื่อไหว้พระกับมารดา แล้วข้าก็บังเอิญเดินหลงกับมารดาได้คุณชายฮุ่ยช่วยเหลือพาไปพบมารดา...” เหอซือซือเอ่ยปากเล่าในเรื่องที่เขาอยากรู้ก่อนจะคิดย้อนกลับไปถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อเช้าย้อนกลับไปก่อนหน้านี้สี่ชั่วยาม นางไม่คิดเลยจริง ๆ ว่าวันนี้ที่อารามช่างอันเป่าซึ่งแสนสงบสุขจะไม่สงบสุขเช่นเคย นั่นเป็นเพราะวันนี้ซูเฟย พระสนมคนโปรดของฮ่องเต้ได้พาองค์ชายมาไหว้พระขอพร แน่นอนว่าพอเรื่องนี้รู้ไปถึงหูขุนนาง ผู้ที่มีใจอยากแสดงความจงรักภักดีจึงพากันสั่งให้ฮูหยินพาบุตรสาวบุตรชายมาไหว้พระที่พระอารามช่างอันเป่า ทำให้ลานกว้างเต็มไปด้วยรถม้าของตระกูลใหญ่ และหนึ่งในคนพวกนั้นก็มีเหอฮูหยินและคุณหนูเหอเช่นนางด้วย แม้แท้จริงจะไม่ได้อยากปร
“ถูกต้อง แต่ไม่คิดว่าจะได้เห็นเยวียนปี๋จวี้ซี[1]กำลังรุมกัดสาวงาม ข้าจึงอดไม่ได้ที่จะเข้ามาช่วยเหลือ เราไปจากที่นี่กันเถิด เมื่อครู่ข้าเห็นกลุ่มฮูหยินย้ายไปนั่งในสวนกลางป่าไผ่” “เจ้าค่ะ” นางตอบรับแต่ก่อนจะเดินจากไปนางอดไม่ได้ที่จะปรายตามองสีหน้าที่เกือบจะเขียวคล้ำของสตรีดีงาม คงเพราะเหรินเสี่ยวเหยายืนใกล้ที่สุดจึงได้ยินวาจาของฮุ่ยหลานซีเข้าไปเป็นแน่ “...” เหรินเสี่ยวเหยายืนเงียบไม่เอ่ยวาจา “อ้อ! ข้าไม่แน่ใจว่าเจ้าทราบแล้วหรือยังว่าบัดนี้พี่จิ้นฝานได้กลับมาทำงานในเมืองหลวงแล้ว หากมีโอกาสเจ้าควรไปเยี่ยมเยียนเขาจะได้สานสัมพันธ์ดี ๆ ในอดีต อย่างไรตอนนี้เขาเป็นถึงผู้ตรวจการแล้ว” กล่าวจบแล้วนางก็หันไปพยักหน้าให้สาวใช้แล้วเดินจากมาไปพร้อมฮุ่ยหลานซี&nb
“ข้าเจอท่านครั้งแรกที่ใดกันนะ...” นางแสร้งทำท่าทางครุ่นคิด คนผู้นี้ขี้อิจฉาจริง ๆ ไม่ยอมขาดทุนแม้เพียงเล็กน้อย “นั่นสิ! ที่ใดกันนะ” “ข้าจำไม่ได้แล้วเจ้าค่ะ” “ให้นึกดี ๆ อีกครั้ง หากจำไม่ได้ คืนนี้พี่จะช่วยเจ้าทบทวนความจำทั้งคืนดีหรือไม่” จะต้อนสตรีเจ้าเล่ห์ต้องแฝงคำข่มขู่ที่แสนหวาน “อ๋อ! ข้านึกออกแล้วเจ้าค่ะ ท่านแย่งซื้อเสี่ยวหลงเปากับข้า” นางกล่าวพลางส่งยิ้มออดอ้อนเขา “น่าเสียดายจริง ๆ พี่ก็นึกว่าจะได้ช่วยเจ้าทบทวนความทรงจำแล้ว” “ท่านจัดการเรื่องของเสี้ยนจู่เหลียงจิ่วเม่ยให้แล้วเสร็จก่อนเถิดเจ้าค่
บทนำ นัยน์ตาคมจ้องมองไปที่ห้องส่วนตัวซึ่งอยู่ฝั่งตรงข้าม ก่อนที่มุมปากจะยกยิ้มคล้ายเยาะเย้ยคนที่อยู่ในห้องแห่งนั้น “วันนี้ท่านจะมาประมูลสิ่งใดหรือเจ้าคะ” “คุณหนูเหรินมาว่าจ้างพี่ให้หากู่ฉินของปรมาจารย์หลี่เต๋อ เห็นว่าเป็นหนึ่งในของที่เข้าประมูลวันนี้” ‘ดูเหมือนเหรินเสี่ยวเหยาจะใช้เรื่องนี้เข้าหาเขาสินะ’ นางชะงักไปเล็กน้อยก่อนจะนิ่งคิด “พี่เพียงทำตามหน้าที่ หวังว่าเจ้าจะเข้าใจ” “ข้าไม่คิดมากหรอกเจ้าค่ะ เราไม่ได้เป็นอันใดกันสักหน่อย ปล่อยข้าได้แล้วเจ้าค่ะ” คนเริ่มมาเยอะแล้วประเดี๋ยวเกิดมีคนรู้จักมาเห็นเข้า ชื่อเสียงของนางคงป่นปี้หมด “ซือซือเจ้ากำลังกินน้ำส้ม[1]ใช่หรือไม่ กลิ่นถึงได้ฉุนจมูกยิ่งนัก” “ข้าไม่ได้...” “เจ้าไม่ต้องห่วงเรื่องที่นางร้ายกาจต่อเจ้าพี่ย่อมเอาคืน วันนี้หากพี่ได้พิณมาในราคาหนึ่งพันตำลึงทอง พี่ก็เพียงไปเก็บเงินนางห้าพันตำลึงทอง แล้วนำส่วนต่างที่ได้เก็บใส่หีบสินสอดเตรียมไว้สู่ขอเจ้า”
1 สหายที่ดีของเจ้าคือข้าเอง เพิ่งจะลองเปิดใจอ่านนิยายเรื่องแรกเพราะการรบเร้าของหลิวอี้หลานเพื่อนรักที่ชอบเพ้อฝันอยากทะลุมิติเข้าไปอยู่ในนิยายและได้กลายเป็นนางเอกของนิยายเรื่องนั้น แต่เหตุใดนางที่เพิ่งอ่านนิยายเล่มนั้นไปได้เล็กน้อย ถึงได้รับสิทธิ์นั้นกันเนี่ย ‘เฮ้อ! นี่ฉันต้องใช้ชีวิตอยู่ในโลกนิยายแห่งนี้จริง ๆ เหรอ’ สุดท้ายก็ได้แต่ทอดถอนในใจตามลำพัง เพราะไม่มีใครรู้ดีไปกว่าตัวเธอเองแล้ว ว่าต่อให้เธอถูกฆ่าตายในโลกแห่งนี้ เธอก็ไม่มีทางจะกลับไปเป็นพนักงานออฟฟิศที่โสดสนิทเพราะการทำโอทีฟรีเกือบทุกวันอย่างเหอซือซือในยุคสองพันยี่สิบสี่ เพราะเธอตายด้วยอุบัติเหตุเครื่องบินตก ไม่มีทางจะไปนอนโคม่าอยู่ในห้องไอซียูเช่นนางเอกบางเรื่องที่เพื่อนชอบมาเล่าให้ฟัง ‘สวรรค์! คนที่อยากทะลุมิติมาอยู่ในนิยาย แก้ไขชะตาชีวิตของตัวละคร เป็นหลิวอี้หรานไม่ใช่ข้า พวกท่านเข้าใจผิดไปหรือไม่’ แม้จะถอนหายใจหรือเงยหน้ามองท้องฟ้าซ้ำ สุดท้ายเธอก็ไม่ได้ร
“ไม่มี เจ้าอย่าได้สนใจสาวใช้พวกนี้เลย เจ้าเป็นสหายข้า ต่อให้ทำเรื่องไม่เหมาะสมข้าก็ไม่ถือสาหรอก” กล่าวจบก็หันไปส่งสายตาดุให้สือหลิวและจี้เอ๋อ ทั้งสองจึงได้แต่ก้มหน้าแสร้งทำไม่เห็นอีก เป็นคุณหนูจวนแม่ทัพ อย่างไรก็มีความเด็ดขาดและกลิ่นอายน่าเกรงขามบางอย่างแฝงอยู่ “แต่เจ้าสามารถบอกหรือตักเตือนข้าได้นะ เราเป็นสหายกันมีเรื่องใดล้วนต้องสนทนากันตามตรง” กล่าวจบนางก็จ้องมองสตรีตรงหน้าอย่างจริงใจ เจียงเซียวเล่อผู้นี้รักสหายเช่นเหอซือซือมากทีเดียว ทั้งที่เพิ่งเจอกันเป็นครั้งที่สอง “เพราะเจ้าเป็นเช่นนี้ ข้าถึงอยากได้เป็นสหายกับเจ้า” ทั่วเมืองหลวงคงมีเพียงคุณหนูเหอผู้นี้กระมังที่ไม่ได้เข้าหานางเพราะพี่ชาย ส่วนคุณหนูคนอื่นน่ะหรือ หึ! อย่าให้กล่าวถึงเลย “ข้าก็ดีใจที่ได้เป็นสหายของเจ้า” “เจ้าไม่อยากดมน้ำมันหอมกลิ่นหมู่ตานแล้วหรือ” “อยากสิ เช่นนั้นข้าต้องขอเสียมารยาทแล้ว” กล่าวจบนางก็ยื่นใบหน้าเข้าใกล้แล้วทำจมูกฟุดฟิดสูดหากลิ่นหอมบริเวณอกเสื้อของสหาย “พอจะได้กลิ่นหรือไม่” “หอมไม่น้อย
“สือหลิว ข้ายิ้มเช่นนี้น่าเอ็นดูหรือไม่” เหอซือซือกระตุกชายอาภรณ์ของสาวใช้ก่อนจะส่งยิ้มให้ดู “ไม่ว่าคุณหนูจะยิ้มเช่นไรก็ล้วนงดงามและน่าเอ็นดูเจ้าค่ะ” สือหลิวกล่าวตามความจริง ดวงหน้าหวานที่มีเครื่องหน้าลงตัว ไม่ว่าจะเป็นใครเมื่อได้สบตากับดวงตาเมล็ดซิ่งของคุณหนู สาวใช้เช่นตนมั่นใจว่าคนผู้นั้นล้วนเอ็นดูคุณหนู “เจ้าเยินยอข้าเช่นนี้ เชื่อได้หรือ” ถามห้าครั้งก็ตอบเช่นนี้ “บ่าวกล่าวตามความจริงเจ้าค่ะ คุณหนูงดงามราวกับตุ๊กตากระเบื้องเคลือบ ไม่ว่าใครพบเจอล้วนอยากทะนุถนอม” “ข้าว่าจะถามเจ้าก็ลืมไปเลย เมื่อวานตอนที่ข้ากำลังสนทนากับเล่อเล่ออยู่ เหตุใดเจ้ากับสาวใช้ของนางถึงได้ดูตกอกตกใจกัน” “แม้คุณหนูเจียงจะเป็นสตรีเช่นเดียวกันแต่อย่างไรการใกล้ชิดเกินไปก็ล้วนไม่เหมาะสม หากเมื่อวานเปลี่ยนเป็นคุณหนูไปทำเช่นนั้นนอกจวนแล้วมีคนมาเห็นเข้าคงเล่าลือกันว่าพวกท่านเป็นตุ้ยสือ[1]” ‘ตุ้ยสือหรือ? ใช่ที่เขาใช้เรียกสตรีที่รักกันหรือไม่’ เหมือนนางจะเคยเห็นในโลกโซเชียล แต่ในโลกเดิมนางกับหลิวอี้หรานที่สนิทกันก็ทำเช่นนี้ มันไม่ใช่เรื่อ
ชาที่นางนั่งจิบยังไม่ทันหายร้อน สือหลิวก็รีบมารายงานว่ารถม้าพร้อมแล้ว ช่างทำงานกันได้รวดเร็วเสียจริง “เจ้าทราบหรือไม่ว่าร้านท่านป้าจางที่ขายเสี่ยวหลงเปาอยู่ที่ใด” “ทราบเจ้าค่ะ แต่ร้านป้าจางเป็นตรอกแคบ รถม้าไม่อาจเข้าไปได้ คุณหนูรออยู่บนรถม้าประเดี๋ยวบ่าวจะลงไปซื้อให้เจ้าค่ะ” “ไม่ได้ เจ้าต้องไปซื้อเกาลัดต้มน้ำตาลที่โรงน้ำชาฉากุ้ยให้ข้า แยกย้ายกันไปซื้อจะได้ไม่ต้องใช้เวลามากประเดี๋ยวไม่ทันเล่อเล่อรับสำรับ” “เจ้าค่ะ” แม้อยากจะโต้แย้งแต่ทว่าก็จนใจด้วยเหตุผล เพราะหากไปด้วยกันคงกินเวลาเกือบหนึ่งชั่วยาม และอาจจะไม่ทันคุณหนูเจียงรับสำรับ เนื่องจากโรงน้ำชาฉากุ้ยถึงก่อน นางจึงสั่งให้รถม้าจอดเพื่อให้สาวใช้คนสนิทลงไปก่อน “เมื่อซื้อเสร็จแล้วเจ้าก็อยู่รอที่นี่ ข้าจะมารับ” “เจ้าค่ะ” สือหลิวจำใจตอบตกลง พอส่งสาวใช้เสร็จแล้วนางก็สั่งรถม้าให้ไปที่ร้านป้าจางต่อ สายป่านนี้แล้วไม่รู้เสี่ยวหลงเปาจะยังมีอยู่หรือไม่ ‘ขอให้ยังมีเสี่ยวหลงเปาขายอยู่เถิด’ เมื่อวานนางได้บอกกล่าวท่านแม่แล้วว่าจะออ
“ข้าเจอท่านครั้งแรกที่ใดกันนะ...” นางแสร้งทำท่าทางครุ่นคิด คนผู้นี้ขี้อิจฉาจริง ๆ ไม่ยอมขาดทุนแม้เพียงเล็กน้อย “นั่นสิ! ที่ใดกันนะ” “ข้าจำไม่ได้แล้วเจ้าค่ะ” “ให้นึกดี ๆ อีกครั้ง หากจำไม่ได้ คืนนี้พี่จะช่วยเจ้าทบทวนความจำทั้งคืนดีหรือไม่” จะต้อนสตรีเจ้าเล่ห์ต้องแฝงคำข่มขู่ที่แสนหวาน “อ๋อ! ข้านึกออกแล้วเจ้าค่ะ ท่านแย่งซื้อเสี่ยวหลงเปากับข้า” นางกล่าวพลางส่งยิ้มออดอ้อนเขา “น่าเสียดายจริง ๆ พี่ก็นึกว่าจะได้ช่วยเจ้าทบทวนความทรงจำแล้ว” “ท่านจัดการเรื่องของเสี้ยนจู่เหลียงจิ่วเม่ยให้แล้วเสร็จก่อนเถิดเจ้าค่
“ถูกต้อง แต่ไม่คิดว่าจะได้เห็นเยวียนปี๋จวี้ซี[1]กำลังรุมกัดสาวงาม ข้าจึงอดไม่ได้ที่จะเข้ามาช่วยเหลือ เราไปจากที่นี่กันเถิด เมื่อครู่ข้าเห็นกลุ่มฮูหยินย้ายไปนั่งในสวนกลางป่าไผ่” “เจ้าค่ะ” นางตอบรับแต่ก่อนจะเดินจากไปนางอดไม่ได้ที่จะปรายตามองสีหน้าที่เกือบจะเขียวคล้ำของสตรีดีงาม คงเพราะเหรินเสี่ยวเหยายืนใกล้ที่สุดจึงได้ยินวาจาของฮุ่ยหลานซีเข้าไปเป็นแน่ “...” เหรินเสี่ยวเหยายืนเงียบไม่เอ่ยวาจา “อ้อ! ข้าไม่แน่ใจว่าเจ้าทราบแล้วหรือยังว่าบัดนี้พี่จิ้นฝานได้กลับมาทำงานในเมืองหลวงแล้ว หากมีโอกาสเจ้าควรไปเยี่ยมเยียนเขาจะได้สานสัมพันธ์ดี ๆ ในอดีต อย่างไรตอนนี้เขาเป็นถึงผู้ตรวจการแล้ว” กล่าวจบแล้วนางก็หันไปพยักหน้าให้สาวใช้แล้วเดินจากมาไปพร้อมฮุ่ยหลานซี&nb
“อย่างที่ท่านทราบว่าวันนี้ข้าเดินทางไปอารามช่างอันเป่าเพื่อไหว้พระกับมารดา แล้วข้าก็บังเอิญเดินหลงกับมารดาได้คุณชายฮุ่ยช่วยเหลือพาไปพบมารดา...” เหอซือซือเอ่ยปากเล่าในเรื่องที่เขาอยากรู้ก่อนจะคิดย้อนกลับไปถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อเช้าย้อนกลับไปก่อนหน้านี้สี่ชั่วยาม นางไม่คิดเลยจริง ๆ ว่าวันนี้ที่อารามช่างอันเป่าซึ่งแสนสงบสุขจะไม่สงบสุขเช่นเคย นั่นเป็นเพราะวันนี้ซูเฟย พระสนมคนโปรดของฮ่องเต้ได้พาองค์ชายมาไหว้พระขอพร แน่นอนว่าพอเรื่องนี้รู้ไปถึงหูขุนนาง ผู้ที่มีใจอยากแสดงความจงรักภักดีจึงพากันสั่งให้ฮูหยินพาบุตรสาวบุตรชายมาไหว้พระที่พระอารามช่างอันเป่า ทำให้ลานกว้างเต็มไปด้วยรถม้าของตระกูลใหญ่ และหนึ่งในคนพวกนั้นก็มีเหอฮูหยินและคุณหนูเหอเช่นนางด้วย แม้แท้จริงจะไม่ได้อยากปร
15 กลิ่นน้ำส้มช่างรุนแรง หลายวันมานี้เรื่องราวร้ายกาจของเสี้ยนจู่จากแดนเหนือดังเข้าหูนางอย่างต่อเนื่อง ทำให้นางเข้าใจอย่างถ่องแท้แล้วว่าเหตุใดเจียงเซวียนถึงเอาแต่ปีนเข้าห้องนางเช่นนี้ “ไม่ได้เจอหน้าเจ้านานพี่คิดถึงยิ่งนัก” จิ้งจอกหนุ่มตรงหน้าเอ่ยขึ้นพลางจับจ้องสตรีตรงหน้าอย่างพิจารณา “วันก่อนท่านก็ปีนหน้าต่างเพื่อมาพบข้าแล้วเจ้าค่ะ” อย่ามาเอ่ยคำหวานล่อลวงนางเพื่อกลบเกลื่อนเลย แท้จริงคงมาเพื่อจะดูว่านางโกรธเคืองเขาหรือไม่เกี่ยวกับข่าวลือที่ถูกแพร่กระจายไปทั่ว “ไม่ได้เจอหน้าเจ้าเพียงหนึ่งชั่วยาม พี่ก็คิดถึงเจ้าจนนอนไม่หลับแล้ว” หยอกเย้าเสร็จก็ยกชาขึ้นจิบ “ท่านกล่าวจุดประสงค์แท้จริงที่ปีนเข้าห้องข้าในวันนี้มาเถิดเจ้าค่ะ” “ปิดบังเจ้าไม่ได้เลยจริง ๆ” เจียงเซวียนมองตรงสตรีตรงหน้าอย่างถูกใจพลางคิดว่าหลังจากกลับมาเมืองหลวงเสน่ห์ของเขาลดน้อยลงใช่หรือไม่ นางถึงไม่คล้อยตามเท่าใดน
‘พวกเจ้าสองพี่น้องช่างดีกับข้าจริง ๆ’ เหอซือซือมองสหายด้วยแววตาซาบซึ้ง ไม่ว่าจะในตอนนี้หรือในเนื้อเรื่องเดิม เจียงเซียวเล่อก็แสนดีไม่เปลี่ยนแปลง หลังจากนั้นคุณหนูเหอก็เปิดปากเล่าเรื่องราวในอดีตที่เกิดขึ้นเช่นที่เคยเล่าให้คุณชายรองเจียงฟัง และคงเพราะเป็นพี่น้องที่สนิทสนมกัน ทั้งสองจึงมีสีหน้าไม่แตกต่างกันเท่าใด แต่สหายของนางกลับเก็บอารมณ์ได้ไม่ดีเท่าพี่ชาย ปัง! มือเรียวของคุณหนูจวนแม่ทัพบูรพาตบลงบนโต๊ะอย่างแรง ดวงหน้าหวานฉายแววโทสะชัดเจน “เหรินเสี่ยวเหยาชั่วช้ายิ่งนัก ข้ามองคนไม่ผิดจริง ๆ” “แท้จริงข้าก็ไม่ได้อยากให้เจ้าต้องโกรธเกลียดนางไปกับข้าหรอก แต่ที่ยอมเล่าให้เจ้าฟังก็เพราะเจ้าเป็นสหายที่ดีที่สุดของข้า” นางกล่าวด้วยสีหน้าเศร้าสร้อยด
“ข้าจะเป็นผู้เฒ่าจันทราช่วยผูกวาสนาด้ายแดงให้เจ้าเอง หลวนจิ้นฝาน” นัยน์ตาคมฉายแววล้ำลึกคนอย่างเจียงเซวียนไม่เคยปล่อยให้คนที่ทำไม่ดีกับตนรอดตัวไปได้ วันต่อมาจวนตระกูลเหอก็ได้ต้อนรับคุณหนูตระกูลเจียงที่มาเยี่ยมเยียนตั้งแต่ต้นยามเฉิน (07.00-08.59) แม้จะเป็นเวลาที่เช้าเกินไป แต่คนตระกูลเหอก็หาได้ถือสาไม่ ทั้งยังเอ่ยปากชักชวนให้เจียงเซียวเล่อร่วมรับสำรับเช้าด้วย “พ่อครัวของตระกูลเหอ ทำอาหารได้ถูกปากข้ามากเลยเจ้าค่ะ” “เจ้าก็เยินยอเกินไปแล้วเล่อเล่อ” เหอซือซือปรามสหายที่ปากหวานเอาใจบิดามารดาของตน “ข้าไม่ได้เยินยอ ข้าว่าอาหารที่จวนเจ้าถูกปากข้าจริง ๆ” คุณหนูเจียงกล่
“เรื่องนั้นเอาไว้ท่านจัดการชะตาดอกท้อของตนเองให้เสร็จสิ้นก่อนเถิดเจ้าค่ะ ข้าได้ยินมาว่าเสี้ยนจู่เหลียงจิ่วเม่ยพร้อมจะทำร้ายสตรีทุกคนที่เข้าใกล้ท่าน แค่เพียงผู้อื่นปรายตามองท่านยังไม่ได้เลย” “เพราะเหตุนี้ ในช่วงหลายวันนี้พี่ขอปีนเข้าห้องเจ้าเช่นนี้ได้หรือไม่ พี่ไม่อยากให้เจ้าได้รับอันตรายเพราะสตรีบ้าและชั่วช้าผู้นั้น” “แล้วเมื่อครู่ที่เข้ามาเหตุใดถึงไม่ขออนุญาตข้าก่อน” “เจ้ากล่าวเช่นนี้ หมายความว่าพี่ไม่ต้องขออนุญาต สามารถมาหาเจ้าได้ทุกเมื่อใช่หรือไม่ เจ้าช่างน่ารักเสียจริง” กล่าวจบก็ยื่นใบหน้าเข้าไปใกล้แล้วจุมพิตแก้มเนียนก่อนจะผละออกอย่างรวดเร็ว “ท่านช่างคิดหลงตนเองจริง ๆ พี่ชาย” นางพึมพำกับตนเองเสียงเบา แต่บุรุษที่นั่งอยู่ใกล้ขนาดนี้มีหรือจะ
14 ขอปีนเข้าเรือนได้หรือไม่ ด้านคุณชายจวนแม่ทัพที่ห่วงใยสตรีในดวงใจ รีบร้อนควบม้าโดยไม่หยุดพักเพื่อกลับเมืองหลวง เขาใช้เวลาเพียงครึ่งเดียวจากการเดินทางปกติก็สามารถถึงเมืองหลวงได้อย่างปลอดภัย และเพื่อไม่ให้ผู้อาวุโสทั้งสองตื่นตกใจในเรื่องที่เกิดขึ้น การสืบหาเหอซือซือจึงเป็นไปอย่างลับ ๆ เขาสั่งคนให้ลอบเข้าจวนเหอเพื่อไปตรวจสอบว่านางถูกส่งตัวกลับจวนแล้วหรือไม่ ส่วนตนเองก็กลับจวนไปอาบน้ำผลัดอาภรณ์ในระหว่างรอคำตอบ แม้จะร้อนใจเพียงใดแต่เขาก็ไม่อาจผลีผลามได้เพราะจะส่งผลให้ชื่อเสียงของนางเสียหายส่งผลให้คนผู้นั้นต้องรับผิดชอบนาง ซึ่งเขาจะไม่มีทางให้เป็นแบบนั้น สตรีเช่นเหอซือซือไม่ได้ผ่านมาให้เขาพบได้ง่าย ๆ ดังนั้นเขาจะไม่ยอมปล่อยให้ใครแย่งนางไปเด็ดขาด แม้คนผู้นั้นจะเคยมีความสัมพันธ์อันดีกับนางมานานก็ตาม ใช้เวลาเพียงครึ่งเค่อบุรุษชุดดำก็คุกเข่าลงตรงหน้าก่อนจะเอ่ยปากรายงาน “คุณหนูเหอกลับจาก
แต่ท่านรู้หรือไม่พอข้าขึ้นจากน้ำได้ เหรินเสี่ยวเหยาก็สั่งให้ไปตามคนมาช่วยเพิ่ม ก่อนที่ข้าจะหมดสติไป ข้าได้ยินวาจาที่นางเอ่ยชัดเจนว่า ‘จำใส่หัวเอาไว้ ว่าอย่าเข้าใกล้พี่จิ้นฝานอีก มิเช่นนั้นข้าจะฆ่าเจ้าให้ตาย’ และประโยคนี้ก็ทำให้ข้าจำขึ้นใจมาจนถึงทุกวันนี้” “เพราะเหตุนี้เมื่อเจ้าเจอหน้าพี่ เจ้าจึงได้มีท่าทีหวาดกลัว” “ข้าถูกขู่ฆ่าเพราะท่าน และเกือบจะตายไปแล้วจริง ๆ เพราะคนรักของท่านเป็นต้นเหตุ” “เสี่ยวเหยานางไม่ใช่คนรักของพี่ เจ้าเข้าใจผิดแล้ว” ดูเหมือนที่เขาต้องห่างเหินกับสหายในวัยเด็กจะเป็นเพราะเรื่องเข้าใจผิด “ข้าสลบไปนานหลายวัน พอฟื้นขึ้นมาก็เจอนางควงคู่มากับท่าน ทำให้ข้าเข้าใจเรื่องราวทุกอย่างได้ในทันที ว่าเป็นข้าที่ผิดเอง ไปใกล้ชิดสนิทสนมกั