ยามนี้ใบหน้าของหลีหลินว่านเปราะเปื้อนไปด้วยคราบน้ำตาที่ไหลอาบแก้มนวลมองดูแล้วช่างน่าสงสารไม่น้อย แต่นัยน์ตาเมล็ดซิ่งกับแข็งกร้าวไม่ยอมโอนอ่อน มือทั้งสองข้างกำเข้าหากันแน่ด้วยความโกรธ ร่างทั้งร่างสั่นทึ่มด้วยความโกรธ“ข้าจะถามท่านอีกคราซ่งเสวี่ยน!” น้ำเสียงของนางดังก้อง “ระหว่างข้ากับหลีหนิงหนิงท่านจะเลือกผู้ใด”ซ่งเสวี่ยนมองสตรีตรงหน้าด้วยสายตานิ่งเฉย ทว่ามีกลิ่นอายสังหารแผ่ซ่านจนอึดอัดไม่น้อยที่ผ่านมาราวกับนางไม่มีใช่หลีหลินว่านที่เขารู้จัก“เจ้ากลับไปก่อนเถอะหลีหลินว่าน” หลีหนิงหนิงเอ่ย สถานการณ์เริ่มย้ำแย่กว่าคิดไว้นางเพียงเกรงว่าซ่งเสวี่ยนจะพลั้งลงมือทำร้ายจริง ๆ เมื่อหลีหลินว่านยังคงพร่ำพูดพรรณาไม่หยุดราวกับเรื่องทั้งหมดมิใช่ความผิดของนางเอง“เจ้าตบหน้าข้า! ทำร้ายข้า! คิดว่าข้าจะปล่อยเจ้าไปง่าย ๆ งั้นหรือหลีหนิงหนิง”เอาความผิดของคนเองมาโยนใช่ผู้อื่น ช่างเป็นวิธีที่โง่เขลาที่สุดหลีหนิงหนิงขมวดคิ้วมุ่นใบหน้าไม่สู้ดีนัก สตรีตรงหร้าเสียสติเป็นบ้าไปแล้ว “ออกไปก่อนที่ข้าจะทำร้ายเจ้าไปมากกว่านี้” นางกัดฟันพูดท่าทางเกรี้ยวกราด“ได้ยินหรือไม่ซ่งเสวี่ยน! ว่าหลีหนิงหนิงนั้นร้ายกาจเพียงใด
หลีหนิงหนิงชะโชกหน้ามองออกไปนอกหน้าต่างไม่เงาของผู้ใดทั้งสิ้นซ้ำทั่วทั้งจวนมีเพียงแค่ห้องนอนเท่านั้นที่จุดตะเกียงแม้เวลาจะล่วงเลยเข้าสู่ปลายยามไฮ่ (21.00-23.00) แต่ทั้งนางและซ่งเสวี่ยนต่างไม่มีผู้ใดข่มตานอนหลับได้ หลีหนิงหนิงกับมานั่งเหยียดหลังพิงหัวเตียงดังเดิม สายตาทอดมองบุรุษที่นั่งอยู่ปลายเตียงเงียบ ๆ ผู้เดียว“พอแล้ว” น้ำเสียงแผ่วเบาเอ่ยขึ้นทว่าซ่งเสวี่ยนยังคงไม่หยุด เขายังคงนำผ้าชุบน้ำอุ่นผืนหนึ่งมาประคบขาของหลีหนิงหนิงตรงที่บาดเจ็บไม่มีที่ท่าว่าจะหยุด“หากยังไม่หยุดขาของข้าคงกลายเป็นไก่ย่างแล้ว”บรรยากาศที่กระอักกระอ่วนยิ่งน่ำแย่เข้าไปอีก ซ่งเสวี่ยนหยุดการกระทำซ้ำ ๆ ลงแล้วแต่กลับนั่งนิ่งเฉยไม่ยอมขยับกายหนีหรือแม้แต่หันมาสบตานางหลีหนิงหนิงเห็นแล้วปวดใจนักภายในใจของซ่งเสวี่ยนคงจะเต็มไปด้วยบาดแผลเหวอะวะไม่น้อย เขาถนุถนอมหลีหลินว่านมากับมือแต่กลับเป็นผู้ลงมือทำร้ายเสียเองเหตุผลข้อนี้หลีหนิงหนิงเข้าใจได้“ขยับให้ใกล้ข้าหน่อย” หลีหนิงหนิงออกคำสั่งสายตาเมล็ดชิ่งมองบุรุษหนุ่มตรงหน้าตาปริบ ๆ ฉายแววความห่วงใย หลีหนิงหนิงตัดสินใจเป็นฝ่ายขยับกายเข้ามาแทนแม้จะรู้สึกปวดระบมที่ข้อเท้าจ
ขณะนี้เป็นเวลาส่งตัวเข้าหอของคู่บ่าวสาวยามนี้เป็นเวลาที่แสงจันทร์ทราสาดส่องลงมา บ่งบอกได้ว่าวันนี้ช่างเป็นวันที่เหน็ดเหนื่อยและยาวนานเหลือเกินหลีหนิงหนิงมองผ่านผ้าสีแดงพื้นบางทะลุออกไปข้างนอก ทว่ากับเลือนรางจนมองไม่ออกว่าใครคือผู้ใด ผู้คนมากมายที่ครึกครื้นมาห้อมล้อมด้านหน้าประตูเตรียมดูความสนุกของคู่บ่าวสาวที่ร้องคล้องแขกแลกสุราในคืนแรกเรื่องพรรค์นี้เป็นเรื่องส่วนตัวยิ่งนักผ่านมาแล้วราวสองวันแต่สำหรับหลีหนิงหนิงเวลาช่างเชื่องช้าราวกับผ่านพ้นไปแล้วสองปีสวรรค์สติฟั่นเฟือนไปแล้วหรือ!หลีหนิงหนิงคร่ำครวญในใจอดีตบรรณาธิการสาวที่กำลังแปลนิยายจีนทำงานอยู่ดี ๆ แต่กับต้องตายเพียงเพราะหัวใจวาย ทว่ากับคาดไม่ถึงเธอนึกว่าจะได้ขึ้นสวรรค์หรือลงนรกแล้วไปเกิดใหม่ซะอีกแต่ความซวยดันเกิดขึ้น เมื่อเธอตายแล้วได้ทะลุมิติเข้ามาในนิยายเรื่องดังที่กำลังแปลอยู่ซ้ำยังมาตายก่อนที่จะได้รู้เนื้อเรื่องทั้งหมดและก่อนที่เธอจะได้รู้ว่าตัวเองนั้นได้รับบทตัวประกอบที่ต้องคู่กับพระรองตัวร้าย!บัดซบเถอะ! เรื่องราวแปลกประหลาดแบบนี้มันไม่ควรจะเกิดขึ้นกับหลีหนิงหนิงเลนด้วยซ้ำอะไรคือจุดเริ่มต้นของเรื่องแปลกประหลาดนี้แล
พอวันรุ่งขึ้นพิสูจน์แล้วว่าหลีหนิงหนิงยังไม่ตายถึงแม้ ตามบทแล้วตัวละครจะดำเนินไปเช่นนั้น แต่ความร้ายกาจของพระรองผู้ร้ายกายก็ทำให้นางอดหวั่นใจหวาดกลัวไม่ได้ทว่าที่ย้ำแย่ไม่กว่านั้นคือการที่ต้องตื่นเช้าตรู่เพื่อยกจอกน้ำชาให้แม่สามีหากว่ากันตามตรงแล้ว สตรีผู้นั้นคือแม่เลี้ยงใจร้ายผู้หนึ่งก็ว่าได้หลีหนิงหนิงยังคงจดจำบทหนึ่งในนิยายได้อย่างดีซ่งเสวี่ยนในวัยสามขวบ ตอนนี้เขายังเป็เด็กน้อยที่น่ารัก น่าชังผู้หนึ่งแต่กับทอดถูกทิ้งไว้นอกเรือนท่ามกลางหิมะที่โปรยปรายไม่หยุดนางถอนหายใจเฮือกใหญ่จนซ่งเสวี่ยนที่นั่งอยู่ข้างกายปรายตามองครู่หนึ่ง เหตุใดถึงน่าเห็นใจนัก“อย่าทำตัวให้วุ่นวาย” ซ่งเสวี่ยนเอ่ยขึ้นอย่างน่ารำคาญจังหวะเดียวกันนั้นเองภายในห้องโถงพลันเกิดความเงียบ“ไปพบเจ้าค่ะฮูหยินใหญ่”ก่อนที่ชั่วพริบตาจะพลันเกิดเสียงซุบซิบนินทาว่าร้ายพร้อมกับสายตาดูเคลนมองมาที่นางหลีหนิงหนิงพลันเบิกตาด้วยความตกใจแย่แล้ว!ในนิยายไม่ได้กล่าวรายละเอียดถึงบทตัวประกอบเช่น นางมากนัก ทว่าวันนี้พอตกค่ำนางก็พลันนอนอิดโรยเจ็บปวดอยู่บนเตียงเป็นเพราะถูกทำโทษจากแม่เลี้ยงใจร้ายทว่าเรื่องอันใดหลีหนิงหนิงไม่อาจคาดเดาได้
โรงเตี๊ยมแห่งนี้ตั้งอยู่บนถนนเส้นหลักใหญ่โตโอ่อ่าหลีหนิงหนิงเงยหน้าไล่ขึ้นมามองชั้นที่สอง…ชั้นที่สามขึ้นไปเรื่อย ๆ ก่อนจะหยุดอยู่ที่ชั้นสุดท้ายคือชั้นที่ห้ารังรักของซ่งเสวี่ยนและแม่ดอกบัวขาวทุกอย่างจะมิใช่เรื่องแปลกหากซ่งเสวี่ยนนั้นไม่มีภรรยา“ดูท่าคงไปพลอดรักกัน ท่านคงชืมไปแล้วกระมังว่ายามนี้ตนมีภรรยาแล้ว” หลิหนิงหนิงพูดไล่หลังซ่งเสวี่ยที่เดินจากไปไม่เหลียวมองไม่รู้เพราะเหตุใดซ่งเสวี่ยนถึงไม่ตัดใจจากแม่ดอกบัวขาวเสียที ว่ากันตามตรงนั้นในบทที่ฉากที่พระรองตัวร้ายนัดหมายกับนางเอกออกมาเพื่อขอร้องอ้อนวอนให้นางอยู่ข้างกายเช่นเดิมแต่แม่ดอกบัวขาวนั้นทำทีเป็นบัวที่ตัดเยื่อยังเหลือใยเพราะแท้จริงแล้วอยากเก็บไว้ทั้งพระเอกและพระรองของนาง“ช่างเแสแสร้งเสียจริง” นางคร้านจะใส่ใจจึงปล่อยไปหลังจากซ่งเสวี่ยนปล่อยนางทิ้งไว้หน้าโรงเตี๊ยมแล้วเดินเข้าไปผู้เดียวนั้น เหอะ! เห็นนางเป็นตัวอะไรกันและคิดว่าหลีหนิงหนิงมีหรือจะวิ่งตามบุรุษอยากได้ก็เอาไปเถอะ!หลีหนิงหนิงพูดขึ้นกับตนเอง “เช่นนั้นข้าจะไปตามทาง ของข้า” ก่อนจะทอดถอนหายใจเหนื่อยหน่ายหากอยู่เดียวที่จวนนางก็โดนโบยเจียนตายทว่าหากอยู่กับซ่งเสวี่ยนก็
น่าเสียดายที่ตอนนี้ยังคงเป็นฤดูร้อน ทว่าหลีหนิงหนิงพลันรู้สึกไอเย็นที่แพร่กระจายรอบตัวหลีหนิงหนิงจูงมือซ่งเสวี่ยนมาจนกระทั่งหยุดอยู่ท้ายตลาดก่อนจะเริ่มรู้สึกได้ว่ามือที่จับกุมอยู่เริ่มบีบแน่นขึ้นเรื่อย ๆ ราวกับกระดูกกำลังจะแตกออกเป็นเสี่ยง ๆนางสบัดมือทันทีหัวคิ้วของหลีหนิงหนิงขมวดมุ่นมองไม่พอใจ “ข้าเจ็บ”“สมควร” ทั้งน้ำเสียงเย็นชาและสีหน้าเคร่งขรึมของ ซ่งเสวี่ยนเต็มไปด้วยความโกรธเกรี้ยวทั้งสิ้น“ข้ากำลังช่วยท่านอยู่นะซ่งเสวี่ยน”นี่เป็นเรื่องบุญคุณแต่เขากับกระทำรุนแรงกับนางเช่นนี้ หลีหนิงหนิงเห็นว่านางควรปล่อยเขาให้ถูกพระเอกแทงจนกระอักเลือดจุกอกไปซะดีกว่าอารมณ์ของซ่งเสวี่ยนไม่สมควรให้นางต่อว่าเลยสักนิดซ่งเสวี่ยนตอบ “หากเจ้ายังสอดมือยุ่งเรื่องของข้าเช่นนั่นข้าจะฆ่าเจ้าทิ้งซะ” แล้วมีเหตุอันใดสตรีตรงหน้าถึงกล้าสอดมือเข้ามาช่วยเหลือ “รักษาชีวิตของเจ้าไว้ให้ดีเถอะหลีหนิงหนิง”หลีหนิงหนิงกำมือแน่น เม้มปากเป็นเช่นตรง พระรองผู้นี้หากเขาคิดจะทำเรื่องอันใดแล้วล้วนทำให้สำเร็จทั้งเรื่องสังหารนางก็เช่นกันหากเมื่อใดนางทำตัววุ่นวายเมื่อนั้นคือความตายมาเยือนทว่าคิดว่าคนอย่างหลีหนิงหนิงจะหวาดกล
ครบสามวันหลังแต่งงามสมควรเยี่ยมเยือนบ้านเดิมจวนหลีตั้งอยู่ไม่ไกลนักห่างออกไปเพียงสองสามซอยเท่านั้นหลีหนิงหนิงลงจากรถม้าด้วยความระมัดระวัง บาดแผดที่หลังจากการโดนฟาดเพียงผ่านพ้นมาหนึ่งค่ำคืนเท่านั้นจะหายได้อย่างไร ซ้ำวันนี้มันยังออกรู้สึกเจ็บปวดจนนางระบมไปทั่วร่าง“ไม่อยู่แล้วข้าอยากกลับจวน”ในตอนนี้หลีหนิงหนิงไม่มีอารมณ์จะพูดคุยกับผู้ใดทั้งนั้น นางเหนื่อยล้าเหลือเกิน เกรงว่าคงใกล้ตายเต็มทีแล้วดวงตาเมล็ดซิ่งเริ่มปรือลงมาอย่างง่วงงุน“อย่าได้ทำตัวยุ่งยาก” ซ่งเสวี่ยนเอ่ยเสียงเรียบ สายตามองสตรีเบื้องหน้านิ่งเฉย นางเพียงโดนฟาดไปสองสามไม้ไฉนจะเจ็บปวดจนไร้เรี่ยวแรงเช่นนี้ซ่งเสวี่ยนพลางดูเคลนในใจเมื่อหลีหนิงหนิงได้ยินประโยคนี้ นางจึงแค่นเสียงในใจ “เป็นข้าหรือที่อยากมา….ข้ามิใช่ท่านต้องการพบหลีหลินว่าน”เพียงหลับตาหลีหนิงหนิงก็รู้ว่าซ่งเสวี่ยนคิดอันใดอยู่ใบหน้าของคนงามเริ่มร้อนผ่าวซีดเซียวอย่างเห็นได้ชัด ยามที่ขยับเขยื้อนกายเดินหลีหนิงหนิงพลันโอนเอนเล็กน้อย นางพยายามตั้งสติไม่ให้ล้มคะมำขายหน้าอยู่ตรงนี้“จะไปไม่ใช่หรือ” หลีหนิงหนิงพลันทักท้วง เมื่อซ่งเสวี่ยนเอาแต่นิ่งเฉย“ช่างอวดดี” ซ่งเส
ปกติแล้วซ่งเสวี่ยนนิ่งเฉยต่อทุกเรื่องราวเสมอมา แต่พอสตรีผู้นั้นล้มป่วยเขากลับรู้สึกได้ถึงอาการกระวนกระวายอย่างไม่เคยเป็นหรือแท้จริงแล้วอาจจะเพราะว่านางเป็นของสิ่งแรกที่ครอบครองได้หากหลุดมือแล้วก็คงหาไม่พบ…ค่ำคืนนี้ผ่านไปอย่างเชื่องช้า ซ่งเสวี่ยนหลับไม่ได้เต็มตาเพียงเพราะมักจะสะดุ้งตัวตื่นอย่างหวาดระแวงแต่หาใช่เพราะความกลัวมันเป็นเพียงสตรีบนเตียงที่จับไข้ซ่งเสวี่ยนสูดลมหายใจก่อนจะคลายออกช้า ๆ“เจ้ามันตัววุ่นวาย” ถึงแม้ปากจะพร่ำบ่นแล้วอย่างไร สตรีบนเตียงยังคงนอนหลับไม่ตอบโต้และซ้ำซ่งเสวี่ยนยังคงนำผ้าชุบน้ำเช็ดตามทตัวทุกชั่วยาม“อื้อ….” หลีหนิงหนิงส่งเสียงเมื่อถูกรบกวนซ่งเสวี่ยนแค่นเสียง มุมปากยกขึ้นคล้ายยิ้มแต่ไม่ยิ้มยามหลับก็ดูเป็นเพียงสตรีที่เปลือกนอกแข็งแกร่งแต่ภายในกลับอ่อนแอผู้หนึ่ง ทว่าตอนได้สบตากับนางนั้น…ความกล้าอวดดีที่มีเขาอยากจะบดขยี้ให้แหลก“ซ่งเสวี่ยน…” น้ำเสียงแผ่วราวกับกับกระซิบดังขึ้นดึกดื่นปานนี้และยังมีเรื่องร้อนรนในใจผู้ใดจะหลับหลีหลินว่าน ๆ เปิดประตูเดินเข้ามาก่อนจะปิดลงอย่าง เบามือ ใบหน้าคนงามสะท้อนแสงจากตะเกียงดูผุดผ่อง เรือนผมยาวที่ปล่อยสยายถึงกลางหลังและอ
หลีหนิงหนิงชะโชกหน้ามองออกไปนอกหน้าต่างไม่เงาของผู้ใดทั้งสิ้นซ้ำทั่วทั้งจวนมีเพียงแค่ห้องนอนเท่านั้นที่จุดตะเกียงแม้เวลาจะล่วงเลยเข้าสู่ปลายยามไฮ่ (21.00-23.00) แต่ทั้งนางและซ่งเสวี่ยนต่างไม่มีผู้ใดข่มตานอนหลับได้ หลีหนิงหนิงกับมานั่งเหยียดหลังพิงหัวเตียงดังเดิม สายตาทอดมองบุรุษที่นั่งอยู่ปลายเตียงเงียบ ๆ ผู้เดียว“พอแล้ว” น้ำเสียงแผ่วเบาเอ่ยขึ้นทว่าซ่งเสวี่ยนยังคงไม่หยุด เขายังคงนำผ้าชุบน้ำอุ่นผืนหนึ่งมาประคบขาของหลีหนิงหนิงตรงที่บาดเจ็บไม่มีที่ท่าว่าจะหยุด“หากยังไม่หยุดขาของข้าคงกลายเป็นไก่ย่างแล้ว”บรรยากาศที่กระอักกระอ่วนยิ่งน่ำแย่เข้าไปอีก ซ่งเสวี่ยนหยุดการกระทำซ้ำ ๆ ลงแล้วแต่กลับนั่งนิ่งเฉยไม่ยอมขยับกายหนีหรือแม้แต่หันมาสบตานางหลีหนิงหนิงเห็นแล้วปวดใจนักภายในใจของซ่งเสวี่ยนคงจะเต็มไปด้วยบาดแผลเหวอะวะไม่น้อย เขาถนุถนอมหลีหลินว่านมากับมือแต่กลับเป็นผู้ลงมือทำร้ายเสียเองเหตุผลข้อนี้หลีหนิงหนิงเข้าใจได้“ขยับให้ใกล้ข้าหน่อย” หลีหนิงหนิงออกคำสั่งสายตาเมล็ดชิ่งมองบุรุษหนุ่มตรงหน้าตาปริบ ๆ ฉายแววความห่วงใย หลีหนิงหนิงตัดสินใจเป็นฝ่ายขยับกายเข้ามาแทนแม้จะรู้สึกปวดระบมที่ข้อเท้าจ
ยามนี้ใบหน้าของหลีหลินว่านเปราะเปื้อนไปด้วยคราบน้ำตาที่ไหลอาบแก้มนวลมองดูแล้วช่างน่าสงสารไม่น้อย แต่นัยน์ตาเมล็ดซิ่งกับแข็งกร้าวไม่ยอมโอนอ่อน มือทั้งสองข้างกำเข้าหากันแน่ด้วยความโกรธ ร่างทั้งร่างสั่นทึ่มด้วยความโกรธ“ข้าจะถามท่านอีกคราซ่งเสวี่ยน!” น้ำเสียงของนางดังก้อง “ระหว่างข้ากับหลีหนิงหนิงท่านจะเลือกผู้ใด”ซ่งเสวี่ยนมองสตรีตรงหน้าด้วยสายตานิ่งเฉย ทว่ามีกลิ่นอายสังหารแผ่ซ่านจนอึดอัดไม่น้อยที่ผ่านมาราวกับนางไม่มีใช่หลีหลินว่านที่เขารู้จัก“เจ้ากลับไปก่อนเถอะหลีหลินว่าน” หลีหนิงหนิงเอ่ย สถานการณ์เริ่มย้ำแย่กว่าคิดไว้นางเพียงเกรงว่าซ่งเสวี่ยนจะพลั้งลงมือทำร้ายจริง ๆ เมื่อหลีหลินว่านยังคงพร่ำพูดพรรณาไม่หยุดราวกับเรื่องทั้งหมดมิใช่ความผิดของนางเอง“เจ้าตบหน้าข้า! ทำร้ายข้า! คิดว่าข้าจะปล่อยเจ้าไปง่าย ๆ งั้นหรือหลีหนิงหนิง”เอาความผิดของคนเองมาโยนใช่ผู้อื่น ช่างเป็นวิธีที่โง่เขลาที่สุดหลีหนิงหนิงขมวดคิ้วมุ่นใบหน้าไม่สู้ดีนัก สตรีตรงหร้าเสียสติเป็นบ้าไปแล้ว “ออกไปก่อนที่ข้าจะทำร้ายเจ้าไปมากกว่านี้” นางกัดฟันพูดท่าทางเกรี้ยวกราด“ได้ยินหรือไม่ซ่งเสวี่ยน! ว่าหลีหนิงหนิงนั้นร้ายกาจเพียงใด
พอยามพลบค่ำหลีหลินว่าพลันยืนอยู่หน้าจวนหลังหนึ่ง เสียแล้ว ดวงตาเมล็ดซิ่งสอดส่องไปทั่วจวนแต่กลับมืดมิดไร้แสงเทียนส่องไสวจนอดคิดไม่ได้ว่าถูกเซินฮูหยินหลอกลวงเข้าแล้วแต่ถึงแบบนั้นนางก็มิอาจปล่อยให้ซ่งเสวี่ยนอยู่ร่วมกับหลีหนิงหนิงได้ อีกต่อไปไม่มีทางที่ซ่งเสวี่ยนจะไม่เลือกนางและเฉยชาต่อนาง ตลอดระยะเวลาหลายปีที่ผ่านมานี้ ข้างหลังนางหนึ่งก้าวมีซ่งเสวี่ยนเสมอมาเรื่องที่ซ่งเสวี่ยนมีใจต่อหลีหนิงหนิงญาติผู้น้อง หลีหลินว่านจึงเกียจชังไม่ยอมรับ เขาสมควรคะนึงหานางผู้เดียวเท่านั้น!หลีหลินว่านตั้งสติให้สงบจิตใจลงเมื่อเจอหน้าแล้วค่อยพูดคุยอย่างใจเย็น ซ้ำยังพร่ำบอกตนเอง ที่นางลงมือทำเช่นนี้เป็นเพียงเพราะหวังดีกับซ่งเสวี่ยนหาได้ไม่ชมชอบที่เขามีภรรยาช่วงตลอดทั้งวันนี้ท้องฟ้าอึ้มครึ้มพลันฝนตกกระหน่ำไม่หยุดสักที กว่าจะได้กลับจวนก็ยามพลบค่ำแล้วโชคดีนักที่จวนหลังนี้และโรงเตี๊ยมอยู่ไม่ห่างกันมากนัก หลีหนิงหนิงจึงเดินกลับมาแต่เพียงผู้เดียวเท่านั้น ส่วนซ่งเสวี่ยนบุรุษผู้นั้นหรือ…ไม่รู้เพราะเหตุใดจึงต้องการพูดคุยกับจื่อรุ่ยหยางเพียงสองคนเท่านั้นนางเองก็เหน็ดเหนื่อยมาทั้งวันแล้ว หลีหนิงหนิงจึงไม่รอ“หลีหนิ
จื่อรุ่ยหยางยกน้ำแกงขึ้นมาดื่มจดหมด ใบหน้าฉายแววเหนื่อยล้าเต็มส่วนพลันดีขึ้นเล็กน้อย อาการเมามายสุราจาก เมื่อวานยังคงอยู่ทำเอาแทบแย่หลังจากตื่นนอนทว่ายังโชคดีที่ได้น้ำแกงแก้สางเมาอุ่น ๆ ช่วยไว้ “นางเคี่ยวเองหรอกหรือ” สายตาจ้องมองบุรุษตรงหน้าที่ยืนเอามือไพล่หลังอยู่“เหตุใดนางต้องทำเช่นนั้นเพื่อเจ้า” ซ่งเสวี่ยนย้อนถามกลับ จากนั้นจึงหันหลังมามองสายตาเต็มไปด้วยความเย็นชาจื่อรุ่ยหยางได้ยินแล้วจึงไม่เข้าใจ “ก็นางเป็นสหายข้าอย่างไรเล่า” ว่ากันตามตรงแล้วเขาเพียงอยากเอ่ยขอบคุณเท่านั้น“นางเป็นภรรยาของข้าหาใช่สหายรักของเจ้า” ซ่งเสวี่ยนกัดฟันกรอด ถึงอย่างไรบุรุษและสตรีจะนับถือกันเป็นสหายได้อย่างไรเรื่องนี้เขาไม่เห็นด้วย!จื่อรุ่ยหยางขมวดคิ้ว แค่นเสียงในใจ บุรุษผู้นี้เป็นอันใดไปแล้วหรือ…เมื่อวันเขายังดื่มสุรายกไหชนจอกกับนาง พูดคุยถูกปากถูกคอเช่นนี้หาไม่นับเป็นสหายจะเป็นอันใดไปได้“ฮูหยินของเจ้าจะเป็นสหายข้าไม่ได้เช่นนั้นหรือ”“ไม่มีทาง!” เขาคัดค้านไม่เห็นด้วยซ่งเสวี่ยนขมวดคิ้วมุ่น ใบหน้าหล่อคมคายเต็มไปด้วยอารมณ์ไม่สู้ดี เมื่อลองคิดดูแล้วหากมีบุรุษอื่นมาข้องเกี่ยวกับ หลีหนิงหนิงเขาคงพลั้งคงมื
ซ่งเสวี่ยนเดินออกมาจากโรงเตี๊ยม ทว่าสายตาพลันเห็นว่า มีสตรีผู้หนึ่งยืนรออยู่ มุมปากหนายกยิ้มขึ้นอย่างไม่รู้ตัวจากนั้นจึงเดินไปหา“ข้าบอกให้กลับจวนไป”หลีหนิงหนิงมามองยังต้นเสียงก่อนจะยิ้มแย้มอารมณ์ดี นัยน์ตาเมล็ดซิ่งหวานเยิ้มเล็กน้อยถือว่ายังโชคดีนักว่านี้นางดื่มไปเพียงหนึ่งไหเท่านั้น“บอกแล้วอย่างไรว่าจะรอ” หลีหนิงหนิงยืนกราดซ่งเสวี่ยนแค้นเสียงทีหนึ่งก่อนหมุนตัวกลับเดินออกไปจากหน้าโรงเตี๊ยม “กลับจวนกันเถอะ” ชายบหนุ่มพลันรู้สึกแปลก ๆ ไม่น้อย นี่เป็นคราแรกที่เขาชวนผูเอื่นกลับบ้าน“รอข้าด้วย” หลีหนิงหนิงยังคงยิ้มกว้าง รีบสาวเท้าเดินตามให้ทันจากนั้นนางจึงสอดแขนตนเองคล้องเกี่ยวกับบุรุษข้างกาย“ข้ากลัว” แต่แท้จริงแล้วไม่ทีอันใดน่ากลัวไปกว่าพระรองผู้นี้อีกแล้วซ่งเสวี่ยนยังไม่ทันได้เอ่ยอันใดนางก็พลันอธิบายแล้ว สายตาดุดันปรายมองเล็กน้อย เห็นศีรษะของนางค่อย ๆ โอนเอนซบลงยังไหล่ของเขา“เดินดี ๆ”หลีหนิงหนิงได้ยินเสียงออกคำสั่งเช่นนั้นจึงยิ่งเกาะแน่นมากขึ้น “ไม่!”“จื่อรุ่ยหยางเขาเป็นอย่างไรบ้าง” นางพูดเสียงเบาสถานการณ์แบบนี้แล้วเหตุใดหลีหลินว่านถึงไม่โผล่มาให้เห็นกันนะ แม่ดอกบัวขาวที่ทำร้ายผ
สำหรับหลีหนิงหนิงแล้วนางต้องการคำอธิบายมากที่สุด เรื่องของหลีหลินว่านยังไม่ทันผ่านพ้นข้ามวัน พระรองตัวร้ายผู้นี้กับมีสตรีมาเกาะติดอีกแล้วอย่างงั้นหรือ“พบกันที่ใด” หลีหนิงหนิงถามเสียงแข็งไตร่สวน“โรงเตี๊ยมเจ้าค่ะ” นางตอบออกมาชัดเจนโดนไร้ความกังวลจากนั้นจึงปรายสายตามองซ่งเสวี่ยนด้วยความไม่เข้าใจโรงเตี๊ยมอีกแล้วหรือ?หลีหนิงหนิงหันขวับไปมองบุรุษข้างกายที่แท้แล้วท่านเปิดโรงเตี๊ยมไว้เพียงสิ่งใดกันหาเงินหรือลอบพบสตรีกันแน่!เมื่อคืนที่ผ่านมายังจุมพิตกับนางแล้วพอวันรุ่งขึ้นก็ทำท่าทีเฉยเมยราวกับหาใช่เรื่องแปลก แท้จริงแล้วหลีหนิงหนิงมีน้ำหนักในใจมากเพียงใดกันแน่ “ซ่งเสวี่ยนท่านเป็นคนเช่นไรกันแน่”“ได้โปรดคุณชายซ่งตา ข้ามาเถอะ”ซ่งเสวี่ยนยื่นอยู่ด้านหลัง สีหน้าเต็มไปด้วยความเบื่อหน่าย สายตาปรายมองสตรีข้างกายและสตรีหน้าจวนสลับกันครู่หนึ่ง จากนั้นเขาจึงตัดสินใจคว้ามือหลีหนิงหนิงมากอบกุมไว้“ตามข้ามา”ท่าทางของนางสตรีข้างกายคุณชายซ่งดูไม่ดีเอาเสียเลย มิใช่ว่าตอนนี้คงไม่ได้หึงหวงนางกับคุณชายซ่งหรอกหรือสตรีมาใหม่มองตามแผ่นหลังคนทั้งคู่ที่เดินจากไป ก่อนจะตัดสินใจเอ่ยขึ้น “คารวะฮูหยิน ข้าน้อยเพ่ยห
หลีหนิงหนิงนั่งเท้าคางเหม่อลอยอยู่โต๊ะน้ำชาที่ตั้งอยู่ลานกลางจวน สายตาเหมือบลองเห็นซ่งเสวี่ยนอยู่บ่อยครั้งทว่ายามที่ชายหนุ่มหันมานั้นนางพลันหันหนีไม่กล้าสบตาเหตุการณ์แสนโง่งมของนางยังคงจำได้ไม่ลืมไฉนถึงหาเรื่องใส่ตัว!ทว่าดูท่าแล้วซ่งเสวี่ยนนั้นกลับนิ่งเฉยประหนึ่งว่าเรื่องราวเมื่อคืนไม่เคยเกิดขึ้น หลีหนิงหนิงพลันถอนหายใจหนักอึ้งเมื่อค่ำคืนที่ผ่านมา“อย่าขยับ” น้ำเสียงทุ้มของซ่งเสวี่ยนออกคำสั่ง เมื่อคนเมามายเอาแต่ดีดดิ้นไม่หยุด แขนแกร่งพลันโอบรัดนางแน่นขึ้นหลีหนิงหนิงถลึงตาใส่ พยายามขยับกายให้อยู่ห่างไว้ “ท่านต่างห่างอยู่นิ่ง ๆ อาเสวี่ยน” นางจะไม่พลาดท่าให้บุรุษตรงหน้าจุมพิตอีกซ้ำยังไม่ใช่ตัวแทนของผู้ใดซ่งเสวี่ยนไม่ยอมปล่อย ยิ่งนางดีดดิ้นเขายิ่งกอดรัดแน่นจากนั้นนางจึงออกแรงกระชากสาบคอเสื้อของซ่งเสวี่ยนให้โน้มใบหน้าเข้าใกล้ “ข้าหลีหนิงหนิงภรรยาของท่านจำเอาไว้!” ก่อนที่นางนั้นจะเป็นฝ่ายรุกล้ำเสียเอง ริมฝีปากที่ประทับลงลิ้มรสหวานหลีหนิงหนิงหลับตาพริ้มเคลิบเคลิ้มซ่งเสวี่ยนขมวดคิ้ว ก่อนจะเป็นฝ่ายผละออก “เจ้า!” พร้อมทั้งตาดุดันที่ปรายมองอย่างเอาเรื่องนางเป็นสตรีประเภทใดกัน!“หวานนัก
ในตอนนี้เองหลีหนิงหนิงถอนหายใจครั้งแล้วครั้งเล่าด้วยความเบื่อหน่ายเต็มทน สายตาทอดมองหยาดเม็ดฝนที่โปรยปรายโหมกระหน่ำแรงขึ้นเรื่อย ๆ ก่อนจะยกไหสุราขึ้นมาดื่มนัยน์ตาคนงามเริ่มหวานเยิ้ม “มารดาเบื่อนัก!!”ไม่แน่ว่าฤทธิ์ของสุราที่ดื่มเข้าไปอาจจะช่วยผ่อนคลายให้ลืมเรื่องน่าเบื่อเหล่านี้ไปได้เปรี้ยงง!!ซ่าาา~~ ซ่าาเสียงท้องฟ้าที่ดังเปรี้ยงปร้างพร้อมกับแสงสีขาววาบที่เด่นอยู่บนท้องฟ้าเป็นเส้นยาวลงมา มุมปากยกยิ้มเล็กน้อย “สวรรค์!” นางพลันตะโกนก้องแข่งกับเสียงฟ้าร้องและฝนกระหน่ำลงมา“มาสิ! ท่านจะให้ตายอีกครั้งหรือทะลุไปที่ใดอีก”หลีหนิงหนิงในยามนี้เริ่มเมามายเล็กน้อยแม้แต่ความหวาดกลัวย่อมไม่ปรากฏให้เห็นราวกับเป็นการท้ายท้ายสวรรค์เบื้องสูงเพียงชั่วพริบตาพลันเกิดฟ้าร้องกระหึ่มคำรามอย่างน่ากลัวจากนั้นจึงเกิดฟ้าผ่าลงเป็นลำแสงสีขาวจนสั่นสะเทือนไปทั่วบริเวณเปรี้ยงง! เปรี้ยงง!!ครืดด..ซ่าา! เปรี้ยงง!หลีหนิงหนิงสะดุ้งโหยงด้วยความตกใจวาบจนลึก ๆ รู้สึกที่จะอดหวาดกลัวไม่ได้ ลมที่โหมแรงขึ้นเรื่อย ๆ พร้อมกับเสียงของต้นไม้ที่พัดเสียดสีกันของกลิ่นไม้ เปลวเทียนที่พลิ้วไสวตามสายลมซ่าา! ซ่าาาาา“อึก! อึก! อึ
จื่อรุ่ยหยางยืนแน่นิ่งตัดสินใจอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะเดินหันหลังกลับไปยังโรงเตี๊ยมที่เดินจากมาอยู่ไม่ไกลนักจนกระทั่งตอนนี้ยืนอยู่ข้างหน้าร้าน นัยน์ตาฉายแววความสบประหม่าเล็กน้อยก่อนจะหายไปในครู่ต่อมาเป็นนางจริง ๆ และข้างกายนั้นคือซ่งเสวี่ยนท่าทางเบิกบานใจยิ่งกว่าเมื่อวันก่อนที่อยู่กับเขาเสียอีก ทั้งที่พูดคุยกับบุรุษที่มีภรรยาแต่มารยาทกับไม่สำรวมเลย“ซ่งเสวี่ยนไม่ได้โกรธข้าจริงหรือ”“…..”“ถึงอย่างไรข้าและท่านก็ยังคงสามารถพบเจอกันได้ไม่มีวันแปรเปลี่ยนเป็นอื่นแน่”แน่นอนว่าหลีหลินว่านเคยเป็นคนผู้หนึ่งที่ดีต่อเขามาก แต่ทว่ายามนี้ซ่งเสวี่ยนคิดว่าหากยังสนิทสนมกันมากกว่านี้ เกรงว่าจะไม่เหมาะสม“ขออภัยคุณหนูหลี ข้าส่งท่านได้เพียงเท่านี้”หลีหลินว่ายิ่งพยายามเข้าใกล้แต่บุรุษผู้นี้กับยิ่งถอยออกห่างเสมอ เห็นได้ชัดว่าเขายังโกรธเรื่องที่จื่อรุ่นหยางส่งแม่สื่อมา ทามทาบอยู่เป็นแน่นางยิ้มจนตาหยี ประหนึ่งลูกแมวน้อยที่กำลังจะออดอ้อน“ซ่งเสวี่ยน” นางเอ่ยขึ้นพร้อมกับจับมือของชายหนุ่ม เงยหน้าขึ้นสบตาแววตาแน่วแน่“ถึงอย่างไรท่านก็ยังอยู่ข้างกายข้าเสมอ”คำพูดและสายตาที่หวานล้ำมิใช่เขาผู้เดียวที่ได้รับสถานก