หน้าหลัก / แฟนตาซี / พระจันทร์หวามรักข้ามมิติ / ตอนที่ 8 : เหตุการณ์ระทึกใจ(18+)

แชร์

ตอนที่ 8 : เหตุการณ์ระทึกใจ(18+)

ผู้เขียน: บุปผารัญจวน
last update ปรับปรุงล่าสุด: 2025-03-14 04:33:02

อินทุภาลืมตาตื่น ไม่แน่ใจว่าตื่นเพราะอะไร ฟ้าก็ยังไม่สว่าง เธอลืมตาแบบสะลึมสะลือ พยายามโฟกัสให้ชัดขึ้น พลันเห็นคนที่หลับอยู่ข้างๆ ก็หน้าร้อนวาบ เพราะนอนหันหน้าเข้าหากันกระชั้นชิดมาก

เธอตกใจขยับตัวถอยออกห่าง แล้วหันไปมองคนที่ยังหลับอยู่อีกครั้ง ขนตาของเขาตกลงมาทาบผิวแก้ม สั้นแต่ดกหนา เวลาหลับอย่างนี้เครื่องหน้าเขาดูละมุน หน้าอ่อนคล้ายๆ เด็กน้อย

หยางหมิงอวี้ขยับนอนหงาย ตัวเลยออกไปนอกผ้าห่ม เพราะตอนที่อินทุภาถอยหลังออกห่าง ผ้าห่มเลยรั้งตามมาด้วย เธอเห็นเขายังหลับอยู่ เลยมองลงไปเรื่อยๆ ตามประสาคนอยากรู้ ซึ่งไม่เคยคุ้นกับสรีระของผู้ชาย

เสื้อตัวในของเขารัดกระชับตัว ทำให้เห็นลอนกล้ามของอกกว้างและช่วงแขนที่มีกล้ามนูนสวย ถ้าแต่งตัวปกติจะดูสูงเพรียว ไม่เห็นชัดเหมือนตอนนี้

อินทุภาคิดว่า เขามีมาดพระเอกอยู่ในตัว ถ้าเขาไปอยู่ในโลกปัจจุบันของเธอ คงเป็นพระเอกซีรี่ย์ได้สบายๆ

หุ่นพระเอกแท้ๆ ไม่มีผู้ร้ายปนสักนิด

เธอมองระเรื่อยไปตามแผงอก เอว และหน้าท้องตึงเรียบ ไหนๆ มองลงมาถึงเพียงนี้แล้ว เธอก็มองเลยลงไปอีกหน่อย จับตานิ่งอยู่เป็นครู่ บอกตัวเองว่า ตอนนี้ดูไม่น่าตกใจเหมือนตอนที่กอดรัดกระชับชิดตอนนั้น ซึ่งนูนแข็งจนน่ากลัว

กำลังมองเพลินๆ ความเปลี่ยนแปลงก็เกิดขึ้นต่อหน้าต่อตา เธอห่อปากด้วยความตกใจ เหลือบตาขวับขึ้นมาสบตาเขาพอดี ไม่รู้ว่าเขาตื่นมามองเธออยู่นานเท่าไหร่แล้ว แต่คงนานพอที่จะเร้าอารมณ์เขาได้

ให้ตายเถอะ!! นี่มันน่าอายเกินไปแล้ว!!

อินทุภาขยับตัวลุกออกจากเตียงทันที แต่เขาคว้าเอวเธอเอาไว้

“อุ๊ย! ปล่อยเพคะ!”

“จะไปไหน! หันมาทางนี้!” เขาดึงตัวกดลงบนที่นอน ตรึงไว้ไม่ให้เธอขยับหนี

แค่คำกระซิบเท่านั้น เธอก็ขนลุกแล้ว เขาจูบเบาๆ ที่มุมปาก จูบแก้ม เลื่อนไปที่ติ่งหูเม้มเบาๆ

“ฝ่าบาท!” อินทุภารู้สึกสยิว พยายามยันอกเขาไว้

เขาเลื่อนจุมพิตมาที่ปากอย่างหนักหน่วง บังคับให้เธอเผยอรับปลายลิ้นของเขาที่ดุนเบาๆ กับปลายลิ้นของเธอ อินทุภาอ่อนใจ เผยอปากให้เขาจุมพิตตามแบบของเขา

อะไรที่เขาทำกับเธอ เขาก็ให้ทำกับเขาอย่างนั้น ถ้าเขาใช้ลิ้นดุนลิ้นของเธอ เขาก็หัดให้ใช้ลิ้นดุนลิ้นของเขาบ้าง อินทุภาเพลินไปกับบทเรียนที่เขาสอนให้ จนลืมกระดากอาย และลืมที่จะต่อต้าน เมื่อเขาก้มลงไซร้ที่ซอกคอ เธอก็ลูบผมลูบไหล่เขา พอเขาจูบระลงมาถึงโคนลำคอ ปลายลิ้นแตะนิดๆ ตรงจุดชีพจรเต้น เธอก็หงายหน้าขึ้นหายใจระรัว

เขาจูบที่ทรวงอก ปลายลิ้นไล้เบาๆ ที่ยอดอกผ่านเสื้อผ้าเนื้อบาง เธอแทบจะร้องออกมาดังๆ ด้วยความวาบหวามซาบซ่าน มีความรู้สึกว่า เป็นความทรมานที่สุมรุมอยู่ในอกจนแทบจะระเบิด

อินทุภาจิกผมเขา พยายามจะดึงขึ้น แต่เขาหัวเราะเบาๆ และยังซุกไซร้ต่อ ทำให้เธอสยิวไปทั้งตัว เขาถอดเสื้อตัวบน และบราตัวจิ๋วออกไปตอนไหนไม่ทราบได้ รู้สึกนิ้วหัวแม่มือของเขาสัมผัสกับเนื้อแท้ไล้เบาๆ เป็นจังหวะ จนยอดอกของเธอตื่นตัว ริมฝีปากระเรื่อยลงมาแล้วซบตาม ใช้ฟันงับที่ยอดอกสีแดงระเรื่อ  หญิงสาวรู้สึกวาบหวิว จนต้องครางออกมาเบาๆ ด้วยความสุขที่ไม่เคยพบมาก่อน

เขาถอดเสื้อผ้าตัวเองเร็วมาก ก่อนจะกลับมากอดประคองอินทุภาไว้อีก เมื่อเขาเริ่มลูบไล้ต่อ เธอก็หลับตาเบียดตัวเข้าชิดอย่างไม่รู้ตัว แล้วลูบไล้แผ่นหลังกว้างนั้นบ้างเต็มฝ่ามือ ลูบเลยมาที่แขนแข็งแรงตึงด้วยกล้ามที่เป็นลอน สัมผัสที่ผิวเนื้อแน่นและอบอุ่น

หยางหมิงอวี้ซุกหน้าคลุกเคล้าเนินอก มือลูบเรื่อยลงมาถึงหน้าท้อง เอว สะโพก แล้วรั้งขอบกางเกงชั้นใน รูดไปตามขาแล้วโยนทิ้ง มือของเขาแตะส่วนสงวนที่ลี้ลับที่สุด ปลายนิ้วค่อยๆ แหวกแต่เบามือ เธอสะดุ้งแล้วพยายามรั้งมือเขาไว้ เขาเอาไหล่ดันมือออกแล้วจูบระจากอกลงมาถึงต้นขา จูบเลยไปถึงเข่า น่อง แล้ววนมาประทับจุมพิตหนักหน่วง ตรงเนินสวาทของเธอ

หยางหมิงอวี้ได้ยินเสียงหายใจเข้าแรงเหมือนจะตกใจ แต่ก็ยอมรับจุมพิตนั้น ไม่ผละหนีหรือผลักไสเขา จากนั้นก็กอดเขาไว้แน่น ไม่ยอมให้ผละออก นิ้วเรียวจิกแรงลงแผ่นหลังของเขา

“ฝะ..ฝ่าบาท!” เสียงครางครวญของหญิงสาวอ่อนระทวยปานจะขาดใจ

 เขาจับโคนขาให้แยกออก แลบลิ้นไล้เลียรอยแยก แล้วตวัดลิ้นไปยังสองกลีบด้านนอก พลางวกกลับมาด้านใน แทรกเรียวลิ้นอุ่นดุนดันเข้าไปในร่องนั้น ทำเช่นนี้ซ้ำๆ จนน้ำรักไหลออกมาตามรอยแยกจนเปียกชุ่ม ปลายลิ้นร้ายตวัดปลายเลียน้ำรักรสหวาน แล้ววนขึ้นมาเลียเม็ดน้อย ที่ไวต่อความรู้สึกของหญิงสาว อย่างอ่อนโยน ยิ่งใช้ลิ้นกดลงบนเม็ดนุ่มมากเท่าไหร่ น้ำสีใสก็ไหลออกมาเรื่อยๆ ราวกับบ่อน้ำที่ไม่มีวันเหือดแห้ง เขาประกบปากทั้งดูดและขบเม้ม ใช้ปลายลิ้นดุนติ่งเสียวนั้นให้ไล้วนอยู่ในปาก

"อาา!..ดะ..ดี..เหลือเกิน" หญิงสาวครวญคราง มือกำผ้าปูเตียงแน่น ลำตัวแอ่นขึ้น บิดกายไปมาด้วยความเสียวซ่าน

เขาขยับตัวกลับขึ้นมากอดไว้กระชับ หญิงสาวหายใจแรงรัวเนื้อตัวสะท้านด้วยอารมณ์ปรารถนา เขาเองก็อารมณ์แรงเต็มที่ จนแทบจะระงับไม่อยู่แล้ว เขาขยับตัวขึ้นมา โน้มลงกระซิบที่ข้างหู

“เป่าเป้ย์ คิดถึงเหลือเกิน อยากได้เหลือเกิน” 

อินทุภาไม่คิดจะปฏิเสธเลย เธอพอจะรู้ว่าเป็นการประพฤติผิด แต่เวลาเขาอยู่ใกล้ตัวแบบนี้แล้ว เธอนึกอะไรไม่ออกเอาจริงๆ

 หยางหมิงอวี้จับใต้พับเข่าขาเรียว ของอินทุภาให้แยกออก โน้มตัวลงไปเล็กน้อยเตรียมจะสอดใส่ หญิงสาวปรือตาขึ้นมองด้วยอารมณ์ที่วาบหวาม 

เฮ้ย..นั่น!!

“ฝ่า-บาท!!” อินทุภากรีดร้องเสียงลั่น

นัยน์ตากลมโตเบิกโพลง อย่างตกใจสุดขีด ประสาททุกส่วนตื่นตัว เมื่อเห็นไอ้โม่งชุดดำยืนถือมีดสั้น เงื้อมือเตรียมจะแทงข้างหลังหยางหมิงอวี้

ร่างที่คร่อมอยู่บนตัว ทำให้เธอไม่สามารถใช้มือได้ทัน แต่ด้วยสัญชาตญาณที่เร็วกว่าความคิด จึงเหวี่ยงเท้าข้างหนึ่งเตะขึ้นไปอย่างแรงที่ข้อมือของผู้ร้าย ทำให้มีดในมือมันกระเด็นหลุดปลิวไปไกล จนเกือบถึงมุมห้อง

จากนั้นก็ใช้มือข้างหนึ่ง ผลักไหล่ของชายหนุ่มออกไปด้านข้าง ใช้แขนของเขาเป็นหลักในการโหนตัวขึ้นอย่างรวดเร็ว พร้อมกับเหวี่ยงเท้าอีกข้าง ถีบยันเข้าที่หน้าอกของผู้ร้ายจนมันถอยห่างออกไป 

เธอพลิกตัวตีลังกากลับมาอย่างคล่องแคล่ว ม้วนตัวออกจากเตียงไปยังพื้นด้านล่าง พร้อมกับคว้าผ้าห่มติดมือมาเพื่อพันรอบตัว ปกปิดร่างกายที่ไม่อาจให้คนนอกได้เห็น ก่อนจะยืนขึ้นในท่าเตรียมพร้อม กำหมัดแน่น สายตาเยือกเย็นจับจ้องไปที่ผู้ร้าย พร้อมรับมือกับการโจมตีครั้งต่อไป

หยางหมิงอวี้ตั้งหลักได้ พุ่งเข้าหาคนร้ายที่กำลังทรงตัวยืน ขาขวาของเขาลอยขึ้นสูงโดยอัตโนมัติ วาดเท้าเข้าตบกกหูของคนชุดดำ ซึ่งเข่าทรุดทั้งยืน มันทำท่างง แต่แล้วก็ยันตัวลุกขึ้นยืนเต็มความสูง กำหมัดเหวี่ยงมาทั้งไวและแรง หยางหมิงอวี้ก้มหลบแล้ววาดเท้าเข้าที่ก้านคอของมันอีกครั้ง แต่มันก็ตะเกียกตะกายลุกขึ้นมาอีก เพราะร่างที่ใหญ่และแข็งแรง จึงเอาลงไม่ได้ง่ายๆ

คนชุดดำแผดเสียงร้องลั่น คงจะโกรธมากที่ถูกเตะทรุดถึงสองครั้งโดยหนุ่มหน้าสำอาง ซึ่งไม่น่าจะเก่งกาจอะไรเลย ความเจ็บทำให้มันคลั่ง บุกตะลุยเข้ามาบีบคอหยางหมิงอวี้โดยที่อีกฝ่ายไม่ทันระวัง

หยางหมิงอวี้เสียหลักและหายใจไม่ออก เขารวบรวมแรงฮึดระเบิดขึ้นโดยแรง จนเหมือนเขาลืมทุกอย่าง เตะซ้ายป่ายขวาอย่างบ้าคลั่ง มารู้สึกตัวอีกทีก็เห็นคนร้ายนอนสลบเหมือดอยู่แทบเท้า

“พอแล้ว! พอแล้วเพคะ!” อินทุภาเข้าไปรั้งแขนเขาเอาไว้ด้วยมือหนึ่ง อีกมือก็กำผ้าไว้แน่น

“แต่งตัว! เราต้องไปถึงชุมชนก่อนค่ำ” เขาพูดทั้งๆ ที่ยังหอบหายใจแรง

……………………….

“พวกมันเป็นใครเพคะ ทำไมต้องลอบทำร้ายเรา” อินทุภาถาม หลังจากที่เขาอุ้มเธอขึ้นหลังม้าแล้ว

“ไม่แน่ใจ กำลังให้คนสืบอยู่เหมือนกัน อาจจะเกี่ยวข้องกับหมู่บ้านที่เรากำลังจะไปนี่ก็ได้”

“มีเงื่อนงำอะไรหรือเพคะ?”

“เมื่อสองเดือนก่อน ข้าจะไปตรวจที่ชุมชนก็โดนลอบทำร้ายแบบนี้เหมือนกัน เลยส่งสายสืบเข้าไป คงจะได้เรื่องเร็วๆ นี้หรอก”

หยางหมิงอวี้ส่งมีดสั้นมาให้อินทุภา หลังจากที่เธอเห็นเขาค้นอะไรกุกกักในถุงผ้าที่พาดอยู่บนหลังม้า

“เอาติดตัวไว้ จากนี้เราจะต้องระวังตัวตลอดเวลา” เขาเตือน

อินทุภารับมาถือไว้ ตาก็มองหาที่จะเก็บซ่อนไว้กับตัว เขาเห็นท่าก้มๆ เงยๆ ของเธอ ก็อมยิ้มเล็กน้อย จากนั้นตลบชายกระโปรงพาดเข่า ดึงขากางเกงเธอขึ้น แล้วหยิบมีดสั้นที่มืออินทุภา ไปเสียบไว้ที่ถุงเท้ายาวสีขาวครึ่งหน้าแข้งของเธอ

อินทุภาไม่ได้สวมรองเท้าที่ลักษณะเป็นบูทยาวเหมือนของที่นี่ แต่สวมถุงเท้าครึ่งหน้าแข้งที่นำติดตัวมาด้วย กับรองเท้าผ้าใบสีขาว ปิดไว้ด้วยกางเกงขายาวกระชับตัว คลุมด้วยประโปรงยาวชั้นนอกที่ยาวลงมาบังรองเท้าไว้ได้พอดี

“ขอบพระทัยเพคะ” เธอยิ้มอายๆ

“เกือบไปแล้วไหมล่ะ ถ้าไม่มีอะไรมาขัดจะหวะเสียก่อนล่ะก็..” เขาพูดทิ้งท้าย ปากยิ้มน้อยๆ นัยน์ตาโหยหารสพิศวาสหวาม บอกให้รู้เป็นนัยๆว่า เขาหมายถึงเหตุการณ์ระทึกใจ มากกว่าเหตุการณ์ระทึกขวัญ

อินทุภาหน้าแดงถึงคอ หันหน้าหนี กระตุ้นม้าออกเดิน เธอก็ไม่รู้ว่าควรจะโล่งใจหรือเสียดายกันแน่ มันสับสนปนเปกันไปหมด ที่รู้แน่ๆ คือ เขากับเธออยู่ใกล้กันก็เหมือนไฟกับน้ำมัน คอยแต่จะเผาไหม้กันอยู่ตลอดเวลา

หยางหมิงอวี้กระตุ้นม้า ให้เดินมาเคียงกับซิงเหม่ย

“การพบเจ้าครั้งนี้ มีอะไรหลายๆ อย่าง ที่ทำให้ข้าประหลาดใจยิ่งนัก”

“อย่างเช่นอะไรเพคะ?”

“ที่เห็นตอนนี้ก็เรื่องขี่ม้า ทักษะการต่อสู้ ดูเหมือนอารมณ์ร้อนจะน้อยลงไปด้วย แล้วก็คงจะมีอะไรตามมาอีกแน่ๆ”

อินทุภาอมยิ้ม แต่ไม่ตอบคำถาม

“แล้วท่านเยว่คนนั้นเล่าเพคะ ขี่ม้าไม่เป็นรึ?”

“ส่วนใหญ่จะใช้รถเทียมม้าตลอด ไม่เคยเห็นขึ้นหลังม้าสักที เอ..หรือว่าทักษะส่วนตัวยังไม่มีโอกาสได้แสดงออกมา เพราะช่วงเวลานั้นไม่เคยมีศัตรูในที่ลับแบบนี้”

“เล่นกันถึงตายเลยเชียว แสดงว่าผลประโยชน์ที่ได้คงจะมหาศาลน่าดู” อินทุภาตั้งข้อสังเกต

“ไปถึงแล้วคงจะได้รู้อะไรบ้างหรอก” หยางหมิงอวี้พูด แล้วก็กระตุ้นม้าให้ออกควบเต็มฝีเท้า รีบเร่งเดินทางโดยมีอินทุภาตามไปติดๆ ซึ่งขนาดรีบเร่งเดินทางไม่ได้หยุดพัก ก็ยังมาถึงที่หมายเกือบจะโพล้เพล้เต็มที อินทุภากะเวลาว่าน่าจะประมาณยามเหม่า หรือช่วงห้าถึงหกโมงเย็นของเมืองไทย

หยางหมิงอวี้ชะลอความเร็ว รอให้อินทุภามาเดินเคียง

“แถวนี้เต็มไปด้วยภูเขาสลับซับซ้อน เราสำรวจเจอทองกับอัญมณีที่นี่ เลยตั้งชุมชนทำเหมืองกับอัญมณีขึ้น ซึ่งชุมชนนี้เจ้าเคยพูดว่าอยากทำมาก แต่มาก่อตั้งทีหลัง ข้างหน้านี่แหละถึงแล้ว”

หยางหมิงอวี้พูดแล้วกระตุ้นม้าให้วิ่งเหยาะเร็วขึ้นอีกนิด

“แต่ชาวบ้านในชุมชน มีคนต่างถิ่นปะปนอยู่มาก ไม่ใช่คนเขตเหนือทั้งหมด เราหาผู้เชี่ยวชาญในแต่ละด้านเข้ามาสอน เพื่อสร้างอาชีพ และคนต่างถิ่นที่เชี่ยวชาญด้านนี้ก็อพยพขอเข้ามาอาศัยอยู่ด้วยอีก ก็เลยกลายเป็นหมู่บ้านใหญ่”

คนต่างถิ่นพวกนี้ มาเพราะผลประโยชน์มหาศาลที่ได้จากเหมืองทองและอัญมณีนี่สินะ?

อ่านหนังสือเล่มนี้ต่อได้ฟรี
สแกนรหัสเพื่อดาวน์โหลดแอป

บทที่เกี่ยวข้อง

  • พระจันทร์หวามรักข้ามมิติ   ตอนที่ 9 : หายเมาหรือยัง? เลิกแกล้งได้แล้ว(nc นิดๆ)

    “มากันแล้วๆ ขอต้อนรับท่านอ๋องด้วยความยินดีพ่ะย่ะค่ะ”ชายวัยประมาณหกสิบปี มีหนวดเรียวเล็กบนริมฝีปาก ไว้เคราเล็กแหลมที่ปลายคาง แต่งกายภูมิฐาน ยืนรอต้อนรับ มีชายฉกรรจ์ประมาณเจ็ดถึงแปดคน พกดาบไว้ที่เอว ยืนเรียงสองแถวอยู่ด้านหลัง“อิงอิงนี่คือท่านหงส์จิ่ว หัวหน้าหมู่บ้าน เคยเป็นครูสอนหนังสือมาก่อนจะมาอยู่ที่นี่ .. ท่านหงส์ นี่เยว่อิง ผู้เชี่ยวชาญเรื่องเครื่องประดับและอัญมณี”“คารวะท่านหงส์” อินทุภากำมือคำนับ น้อมศีรษะให้ความเคารพผู้สูงวัยกว่า“ไม่ต้องเกรงใจๆ .. เชิญเสด็จท่านอ๋อง พวกเราเตรียมงานเลี้ยงเล็กๆ รอต้อนรับด้วยกระหม่อม”หยางหมิงอวี้และอินทุภาเดินตามหัวหน้าหมู่บ้าน ไปยังศาลาทรงกลมขนาดใหญ่ ซึ่งจัดเตรียมไว้อย่างอลังการณ์เพื่อต้อนรับโดยเฉพาะอินทุภากวาดตามองสถานที่ไปโดยรอบ มีโต๊ะเตี้ยและเบาะนั่งกับพื้น เป็นแนวสามชั้นวางเรียงตามระยะของพื้นที่ทรงกลม แต่ละโต๊ะมีสาวงามผิวขาวผ่อง อยู่ในชุดเกาะอกปาดครึ่งเต้า คลุมไหล่ด้วยผ้าซีทรูเนื้อบาง ตัวกระโปรงผ่าข้างจนถึงขาอ่อน บางคนเดินเห็นเรียวขาขาวรำไรอย่างน่าดู บางคนนั่งประจำอยู่ที่โต๊ะคอยบริการรินเหล้าและตักอาหารอื้อหือ..อลังการงานสร้าง!! “เชิญเสด็

    ปรับปรุงล่าสุด : 2025-03-14
  • พระจันทร์หวามรักข้ามมิติ   ตอนที่ 10 : หงส์เฒ่า

    เสียงกุกกักหน้าประตู ทำให้หยางหมิงอวี้ตัวแข็งเกร็ง หมุนตัวลงจากเตียง คว้าผ้าห่มมาคลุมร่างหญิงสาวไว้อินทุภาซึ่งนอนงงอยู่ครู่หนึ่ง ก็รีบก้มลงหยิบมีดสั้นที่ซ่อนไว้เตรียมพร้อมในทันที หยางหมิงอวี้ยกนิ้วชี้แนบที่ปากของเขา ทำสัญญาณให้เธออยู่นิ่งๆ ห้ามส่งเสียงใดๆ“ใครอยู่ข้างนอก!?” เขาถามด้วยเสียงแข็งกร้าว พร้อมตั้งท่าตั้งรับสถานการณ์“เอ่อ... หม่อมฉันเองเพคะ เสียว... เสียวหมี่” เสียงจากด้านนอกสั่นเครือเล็กน้อย ราวกับทั้งกลัวและเกรงใจหยางหมิงอวี้เหลือบมองอินทุภาแล้วเลิกคิ้ว เธอพยักหน้าให้เขาเปิดประตู เขารอให้อินทุภาใส่เสื้อให้เรียบร้อยก่อน แล้วจึงเดินไปเปิด“เอ่อ... หม่อมฉันเห็นว่าท่านอ๋องไม่ได้เสด็จไปที่ห้อง ก็เลย... ลองมาดูที่นี่ เผื่อว่าท่านเยว่จะเป็นอะไรไหม” เสียงของเสียวมี่ตะกุกตะกัก ราวกับไม่ใช่ความตั้งใจที่อยากทำเช่นนี้“เข้ามาก่อนเถอะ” หยางหมิงอวี้ถอยห่างจากประตู พร้อมเปิดทางให้เธอเข้ามาเสียวมี่ทำตาโตเมื่อก้าวเข้ามาในห้อง เมื่อเห็นคนเมาเมื่อตอนหัวค่ำ กำลังนั่งพิงพนักหัวเตียงอย่างสงบ ไม่มีอาการเมามาย เหมือนตอนที่เธอมาส่งก่อนหน้านี้เลยสักนิด“ไฮ! เบบี้เกิร์ล เจอกันอีกแล้วนะ!” อินทุภาย

    ปรับปรุงล่าสุด : 2025-03-14
  • พระจันทร์หวามรักข้ามมิติ   ตอนที่ 11 : ฆ่าคนตายครั้งแรก!! (1)

    ขณะนี้ดึกมากแล้ว อินทุภากำลังรอฟังข่าวจากเสียวมี่ จึงยังไม่ได้เข้านอน สักพักเธอก็ได้ยินเสียงนกฮูกร้องแว่วๆ สามครั้ง เธอรีบเดินไปเคาะหน้าต่าง เพื่อส่งสัญญาณให้อีกฝ่ายรับรู้ ตามที่เคยเห็นท่านอ๋องทำ ไม่นานคนด้านนอกก็ค่อยๆ แง้มบานหน้าต่างและสอดตัวลอดเข้ามา“ข้าน้อยเองขอรับ” หยางติงเข้ามายืนเต็มตัว ทำความเคารพอินทุภาแล้วดึงผ้าปิดปากออก“มีข่าวของท่านอ๋องไหม?” อินทุภารีบถามด้วยความกังวล“ท่านอ๋องถูกลอบทำร้าย ระหว่างทางที่จะไปเหมืองขอรับ พวกมันวางระเบิดหน้าผาทำให้หินถล่มลงมา หินพลาดจากท่านอ๋องไปถูกม้าทรงทรุดทั้งยืน เลยทำให้ฝ่าบาทพระเศียรกระแทกพื้นสลบ ตอนนี้ยังไม่ฟื้นเลยขอรับ!”“ตายจริง! แล้วตอนนี้พระองค์อยู่ที่ไหน?”“ซ่อนอยู่ในถ้ำขอรับ มีทหารรักษาการณ์คอยดูแลความปลอดภัยเอาไว้”“น้ำ อาหารและยาล่ะ? มีพอสำหรับทุกคนหรือเปล่า?”“ข้าน้อยเตรียมพร้อมเรียบร้อยแล้วขอรับ ก่อนจะมาส่งข่าวที่นี่”“ฉันจะไปกับนายด้วย คืนนี้พวกมันคงออกตามล่าแน่ ในขณะที่พวกนายคอยระวังป้องกัน ฉันจะดูแลท่านอ๋องเอง!” อินทุภาตัดสินใจอย่างเด็ดขาด หยางติงพยักหน้ารับอินทุภารีบเก็บของ โกยขนมอบแห้งลงห่อกระดาษ แล้วยัดใส่กระเป๋าผ้าใบเล็

    ปรับปรุงล่าสุด : 2025-03-14
  • พระจันทร์หวามรักข้ามมิติ   ตอนที่ 12 : ฆ่าคนตายครั้งแรก!! (2)

    หยางติงหอบหญ้าแห้งกอใหญ่เข้ามาพอดี ตามด้วยทหารที่หอบหญ้ามาอีกกอหนึ่ง“ช่วยกันจับหญ้าพันให้เป็นรูปคนเร็วเข้า!” อินทุภาสั่ง แล้วลงมือทำด้วยตัวเอง ไม่นานก็ได้รูปโครงคล้ายหุ่นไล่กาเธอจัดแจงสวมเสื้อผ้าให้หุ่น ตามด้วยผ้าคลุมที่คลุมตั้งแต่ศีรษะ แล้วผูกตรงคอให้ดูเหมือนศีรษะคนหญิงสาวสั่งการให้ทหารแปดคนรออยู่ที่นี่ โดยให้เอาหุ่นปลอมของท่านอ๋องขึ้นม้าและผูกไว้ด้านหลัง เมื่อศัตรูเข้ามาใกล้ ให้ทหารลาดตระเวนทำเสียงโวยวาย แล้ววิ่งออกไปล่อให้พวกมันไล่ตามส่วนกลุ่มของอินทุภาจะมีทหารสองนายที่เหลือ หยางติง เสียวมี่ และท่านอ๋อง ซึ่งจะออกเดินทางทันทีที่ท่านอ๋องพอจะทรงตัวได้“ไปเถอะ! ข้าพอไหว” หยางหมิงอวี้พูด พร้อมพยุงตัวพยายามลุกขึ้นอินทุภาพยักหน้าให้หยางติงช่วยพยุง แล้วพาท่านอ๋องเดินออกไปด้านนอก เพื่อเตรียมออกเดินทาง""ฝ่าบาท... ไปกับหม่อมฉัน!" อินทุภากระซิบเสียงหนัก รีบพยักหน้าให้หยางติงและนายทหารช่วยกันพยุงท่านอ๋องขึ้นหลังม้า เธอกระโดดขึ้นตามไปนั่งซ้อนหน้า ดึงชายผ้าคลุมมาผูกรัดตัวเองกับหยางหมิงอวี้ไว้แน่น ตอนนี้ไม่มีที่ว่างให้ความลังเล มีแต่ทางรอดเท่านั้น! "เราต้องรีบพาท่านอ๋องกลับค่าย ที่นั่นปลอ

    ปรับปรุงล่าสุด : 2025-03-14
  • พระจันทร์หวามรักข้ามมิติ   ตอนที่ 13 :  ยั่วเก่งนักนะ! จะให้ลืมตัวให้ได้เลยใช่ไหม! (18+)

    อินทุภาทายาที่แผลบนศีรษะเสร็จแล้ว ก็ถอยมานั่งอยู่ข้างเตียง มองคนป่วยที่กำลังหลับใหลด้วยฤทธิ์ยานอนหลับ หลังจากที่หมอเข้ามาดูอาการ ได้เขียนเทียบยาไว้หลายอย่าง ทั้งยากินและยาทา พวกยาสมุนไพรทั้งก่อนและหลังอาหาร เธอเตรียมไว้ให้เรียบร้อยแล้ว เหลือแต่ที่ต้องทายาพวกแผลเล็กแผลน้อยที่อยู่ภายใต้เสื้อผ้าเท่านั้น ซึ่งก็คงต้องรอให้หยางติงมาจัดการ “ฝ่าบาท!!” หยางติงวิ่งเข้ามาในกระโจมอย่างกระหืดกระหอบ“ท่านเยว่! ท่านอ๋องเป็นอย่างไรบ้างขอรับ?”“กระดูกไม่หัก ไม่มีบาดเจ็บภายใน มีแต่แผลที่ศีรษะ กับอาการปวดระบมตามเนื้อตัว และมีแผลภายนอกนิดหน่อย พักฟื้นสักระยะก็ดีขึ้น แต่นายต้องคอยดูแลทายาให้พระองค์ด้วย” เธอพูดเสร็จก็หยิบกระปุกยาส่งให้หยางติงไม่ได้รับยาไป แต่ยกมือประสานคำนับและคุกเข่าลงข้างหนึ่งกับพื้น“อภัยให้ข้าน้อยด้วย! ที่ดูแลท่านเยว่กับท่านอ๋องได้ไม่ดี”“ไม่เป็นไร มันเป็นเหตุสุดวิสัย แล้วท่านอ๋องก็ปลอดภัยแล้ว” เธอพูดพร้อมดึงตัวให้เขาลุกขึ้น“พวกเราพยายามช่วยกันออกตามหา เจอดักซุ่มโจมตีหลายแห่ง จนมาพบกันจนได้” เขายิ้มจนตาหยี “ข้าน้อยมาทันได้เห็นธนูดอกสุดท้ายปักอกพวกมันร่วงจากหลังม้า ยังมีอีกสองสามคน น

    ปรับปรุงล่าสุด : 2025-03-14
  • พระจันทร์หวามรักข้ามมิติ   ตอนที่ 14 :  คำบอกรักในอารมณ์พิศวาส..จะมีความหมายสักแค่ไหนกัน?

    อินทุภาตัวอ่อนอยู่ในอ้อมแขนของเขา หยางหมิงอวี้เองก็ยังไม่อยากเคลื่อนไหว หัวใจเขาเต้นแรง หายใจแรงจนหอบ สักพักก็พลิกตัวนอนหงาย รั้งร่างโปร่งบางให้พลิกตามลงมานอนตะแคงก่ายเกยอยู่ครึ่งๆ บนร่างของเขา ขาของเธอเบียดชิดจนเขารู้สึกอบอุ่นและชุ่มชื้นในซอกลี้ลับ เขาลูบหลัง เลยมาถึงต้นขา ลูบไปมาเป็นจังหวะ ปลอบโยนให้เธอหายอ่อนเพลีย“เป่าเป้ย์” เขาพึมพำ “น่ารักไปทั้งเนื้อทั้งตัว ตั้งแต่หัวจดเท้า เนื้อนุ่มหอม แล้วก็หวาน” หยางหมิงอวี้จูบเบาๆ ที่หน้าผาก ระเรื่อยมาที่ขมับ แล้วขยับผ้าห่มมาคลี่คลุมตัว ถ้าเหงื่อแห้งอาจตัวเย็น สะท้านและไม่สบายได้หญิงสาวซุกตัวเข้าแอบอกเขา สักครู่ก็ได้ยินเสียงหายใจสม่ำเสมอเป็นจังหวะ แสดงว่าหลับไปแล้ว เขายิ้มคนเดียวในความมืด ตัวนิดเดียวแค่นี้ แต่ให้ความสุขแก่เขาได้อย่างมากมายเหลือเกิน สะโพกของเธอเพรียวและตึง ดูว่าเล็กกะทัดรัดแต่ก็รับน้ำหนักของเขาไว้ได้อย่างมั่นคง ความกระชับแน่นของกล้ามเนื้อทำให้เขารู้สึกเสียวซ่านอยู่ตลอดเวลามือของเขาลูบไล้แผ่นหลังอยู่ไปมานั้น เลยไปถึงสะโพกกลมมน รู้สึกรักทุกอย่างที่ประกอบกันเป็นตัวเธอ เขาไม่มีวันปล่อยให้หนีหายไปจากเขาอีกแล้ว อินทุภาจะเป็นผู้ห

    ปรับปรุงล่าสุด : 2025-03-14
  • พระจันทร์หวามรักข้ามมิติ   ตอนที่ 15 : มะ..แมวพูดได้!!

    “อินทุภา!”“หือ?”“เยว่อิง!” “ใครเรียกเนี่ย? จะเล่นซ่อนแอบกับฉันเหรอ?” อินทุภาพยายามชะเง้อมองรอบตัว แต่ก็เห็นแค่หมอกหนาทึบเต็มไปหมด“ยัยจอมลวงโลก! ทำผิดสัญญา!”“เฮ้! นายเป็นใคร? จู่ๆ ก็มากล่าวหาว่าโกหกเลยเหรอ? ฉันไปสัญญาอะไรกับเธอตั้งแต่เมื่อไหร่กัน?”“ก็บอกว่าจะช่วยฉันกลับบ้านไง! ลืมอีกแล้วเหรอ? ยัยคนเบี้ยวสัญญา! จอมโกหก!”“ฉันเนี่ยนะ? ไปสัญญาตอนไหน? หลักฐานไม่มีอย่ามาใส่ร้ายกันนะ! แน่จริงก็ออกมาคุยกันซึ่งๆ หน้าสิ!” อินทุภาเริ่มหงุดหงิด หมุนตัวไปมาแต่ก็ยังไม่เห็นใคร “โอเคๆ ยอมแล้วจ้า... สรุปต้องทำไง เธอถึงจะออกมา? มีอะไรให้ช่วยก็บอกมาดีๆ เถอะน่า” อินทุภาถอนหายใจ หมุนมองไปรอบตัวอีกครั้ง หมอกเริ่มจางลง แต่ก็ยังไร้เงาของเสียงประหลาดนั่น“อยู่ตรงนี้ไง ยัยทึ่ม!” อินทุภาสะดุ้ง หันขวับไปมอง แต่ก็ยังว่างเปล่า ได้ยินแต่เสียงถอนหายใจอย่างเหนื่อยหน่ายดังชัดเจน“ตรงนี้! มองลงมาข้างล่าง!” อินทุภาเลยก้มลงมอง แล้วก็ต้องอ้าปากค้าง แมวดำตัวจิ๋วตาโตเหมือนใส่บิ๊กอายส์สีเหลืองทองกำลังจ้องเธออยู่“มะ... แมวพูดได้!” อินทุภาชี้หน้าแมวน้อยอย่างตกใจ“แหม! ข้ามเวลายังทำได้เลย กะอีแค่แมวพูดได้ต้องตกใจขนาดน

    ปรับปรุงล่าสุด : 2025-03-14
  • พระจันทร์หวามรักข้ามมิติ   ตอนที่ 16 : ชายผู้มากับฟ้าฝน (1)

    เปรี้ยงงง!! เปรี้ยงงง!! ครืนนน!!"กรี๊ดดด!!" หญิงสาวกำลังอยู่ในภวังค์ความคิด จู่ๆ ฟ้าก็ฟาดลงมาอีก เสียงดังสนั่นกว่าเดิม ราวกับว่าอยู่ใกล้ๆ รถม้านี่เองเอ๊ะ! เสียงหายไปไหน?หญิงสาวร้องจนสุดเสียง แต่กลับไม่ได้ยินเสียงตัวเอง เธอลองตะโกนอีกครั้ง แต่ก็ไม่มีเสียงออกมาเช่นเดิมอะไรกันนี่!?! น่ากลัวกว่าฟ้าอีกตอนนี้! เกิดอะไรขึ้นกับฉันกันแน่!?! ตั้งแต่ถูกวางยา ถูกจับมาอย่างไม่รู้ตัว แล้วนี่เสียงก็หายไปอีก!!ผ้าม่านที่บังไว้ครึ่งๆ ถูกตวัดให้เปิดออกโดยมือของคนผู้หนึ่ง เขาชะโงกหน้าเข้ามามองใกล้ๆ แล้วก็ทำหน้าตื่นตะลึง ดวงตาเบิกกว้าง เมื่อเห็นคนด้านในชัดเจน จากนั้นก็ถอยหลังออกไป เสียงสั่งการปนเปกับเสียงฝน ฟังไม่ออกว่ากำลังพูดอะไรกันสักพักใหญ่ๆ รถม้าก็มีความเคลื่อนไหว เหมือนมีคนกำลังพยายามช่วยกันจับพลิกให้รถม้าตั้งขึ้นจากภายนอก แต่พอตั้งตรงได้เพียงชั่วครู่ ก็โยกโคลงเคลงพร้อมกับเลื่อนตัวลงเอียงไปข้างหนึ่งเสียงผู้คนภายนอกเอะอะ ตะโกนกันวุ่นวาย แล้วผ้าม่านก็เปิดออกอีกครั้งหนึ่ง“ไม่ไหว! รถม้าคันนี้ใช้งานไม่ได้แล้ว เจ้าคงต้องเปียกเสียแล้วล่ะ ออกมาเถอะ! พวกเราจะไปกันแล้ว!” เขาพูดแล้วออกไปเธอพยายามจะบอกเ

    ปรับปรุงล่าสุด : 2025-03-14

บทล่าสุด

  • พระจันทร์หวามรักข้ามมิติ   ตอนที่ 66 : ตอนจบ (1)

    สมรภูมิรบด้านนอกเมืองเงียบสงบลงแล้ว เหลือเพียงทหารกลุ่มหนึ่ง ที่กำลังค้นหาผู้รอดชีวิต มูลากำลังทำแผลที่หัวไหล่ให้อินทุภา ขณะที่เธอก็กำลังนั่งรอรับโทษทัณฑ์จากสามีอยู่ที่ห้องโถง "ไม่ต้องห่วงเรื่องแผลที่หัวไหล่ เป็นคนอื่นคงนอนหยอดน้ำข้าวต้มหลายวัน แต่มีพวกเราอยู่อีกสามวันก็ดีขึ้นแล้ว!" มูลาพูดขณะพันแผลเสร็จเรียบร้อย"ตอนต่อสู้กับองค์ชายซุน ฉันน่ะลุ้นสุดตัว! ภาวนาขอให้นายท่านกลับมาเร็วๆ มีเพียงพลังธาตุข่มในตัวเขาเท่านั้น ที่จะสยบองค์ชายซุนได้!" ลูน่ากล่าว"แล้วพลังเวทย์ของพวกเธอช่วยฉันไม่ได้เลยหรือ?" อินทุภาสงสัย"ราชาดาวนิลมีพลังเวทย์ที่แข็งแกร่งมาก แม้แต่พวกเรายังสู้ไม่ได้ แล้วท่านจะไหวได้อย่างไร!" เรกิพูดขึ้นมาบ้าง"นายท่านมาแล้ว!!" เอกิลเตือน ทุกคนหันไปมองประตู แล้วเลือนหายไปประตูถูกเปิดออกอย่างแรง คนที่กำลังเดินผ่านประตูเข้ามามีสีหน้าราวกับพยัพฝน คงทำความสะอาดเนื้อตัวมาแล้ว จึงเหลือแต่เสื้อตัวใน เขาเดินมาหยุดยืนตรงหน้าแล้วนั่งลงข้างๆ แววตาที่เคยสุภาพอบอุ่น ตอนนี้กลับเต็มไปด้วยความคมกล้า จ้องมองเขม็งอย่างเอาเรื่องเต็มที่ จนทำให้เธอไม่กล้าแม้จะสบตาตรงๆ ทางเดียวที่ทำได้ตอนนี้ คงต้องแก

  • พระจันทร์หวามรักข้ามมิติ   ตอนที่ 65 : ลั่นกลองรบ!

    ตอนนี้ยามซื่อแล้ว(09.00-10.59น.) ท้องฟ้าถูกปกคลุมด้วยเมฆดำทะมึน ราวกับธรรมชาติ กำลังสำแดงอำนาจข่มขวัญโลกมนุษย์ ฝนยังคงกระหน่ำลงมาไม่ขาดสาย สลับกับสายลมกระโชกแรง อินทุภายืนอยู่บนกำแพงเมือง สายตาจับจ้องไปยังขอบฟ้า รอคอยสถานการณ์ที่ไม่อาจหลีกเลี่ยงได้อย่างสงบ เธอไม่อยากปกป้องตนเอง ด้วยการทำลายชีวิตของผู้อื่น แม้ว่าวิวัฒนาการจากโลกอนาคต จะทำให้เธอโกงความตายได้ ทว่าหลังแนวกำแพงนี้ มีประชาชนหยางซื่อนับหมื่นชีวิต ฝากความหวังไว้กับเธอเพียงผู้เดียว พวกเขาเชื่อมั่นว่า เธอจะปกป้องครอบครัวของพวกเขา จากความโหดร้ายของศัตรูได้ สายตาทุกคู่ จับจ้องไปยังแผ่นหลัง ของหญิงสาวในชุดเกราะ เธอไม่มีปิ่นปักผมล้ำค่า หรืออัญมณีงดงาม เหมือนสตรีทั่วไป แต่กลับใช้เพียงเชือกสีดำ มัดรวบมวยผมไว้อย่างเรียบง่าย แม้ภายนอกจะดูบอบบาง แต่ภายในกลับแข็งแกร่ง ดุจนักรบที่ผ่านสมรภูมิมาแล้วนับร้อยครั้ง"ทัพเชี่ยอยู่ห่างออกไปห้าหลี่แล้วขอรับ!" ทหารรายงานพลางยื่นกล้องส่องทางไกลให้ อินทุภารับมา และเพ่งมองออกไปเบื้องหน้า ความทะเยอทะยานอันเห็นแก่ตัวขององค์ชายซุนจ่งซาน ได้ลากกองทหารที่อ่อนล้า และตรากตรำจากภัยธรรมชาติ ให้มาหยุดยืนอยู

  • พระจันทร์หวามรักข้ามมิติ   ตอนที่ 64 :  ความลับที่มาพร้อมกับเรกิ!!

    "เสี่ยวจื่อเด็กดี! เจ้าไม่กินไม่นอน ข้าทุกข์ใจยิ่ง!" ฮ่องเต้ดูจะชมชอบการเปลื่ยนชื่อเรียกหญิงสาว ถ้าไม่เสี่ยวจื่อ ก็เป็นเสี่ยวซา"ก็หม่อมฉันเป็นห่วงเสด็จพ่อกับท่านแม่นี่นา แล้วยังมีพี่ชายทั้งสามที่ต้องรบอยู่แนวหน้าอีก!" จือซาทำหน้าเศร้า"เจ้าอย่ากังวลไปเลย มีแม่ทัพหยางอยู่ทั้งคน เขาเก่งกล้าสามารถเพียงใดเจ้าก็รู้ ทุกคนจะปลอดภัยจากสงครามครั้งนี้! ข้ารับรอง!""อืม" หญิงสาวรับคำ พร้อมกับซุกหน้าลงไปที่อกกว้าง"ถ้างั้น! ดื่มซุปไก่นี่สักหน่อย ข้าลงครัวด้วยตัวเองเชียวนะ!" เขาพูดอย่างภาคภูมิใจฮ่องเต้ตักชิ้นไก่ตุ๋นเนื้อนุ่มพอดีคำใส่ไว้ในช้อน ส่งถ้วยให้เธอถือ แล้วเดินไปรินน้ำชา จือซามองถ้วยซุปด้วยความซึ้งใจ ในมุมอ่อนโยนของเขา ซึ่งมักจะทำให้เธอรู้สึกว่า ตัวเองเป็นคนพิเศษอยู่ตลอดเวลา หญิงสาวยิ้มบางๆ พลางยกช้อนขึ้นใส่ปาก"อื๋ออ..เค็ม!!" เธอพูดแล้วชะงักกึก รีบเงยหน้ามองฮ่องเต้กลัวเขาจะน้อยใจ ซึ่งเขาก็หันมาทันที ที่ได้ยินเสียงเธออุทานออกมา"อื้อหือ!..ขะ..เข้ม!..เข้มข้นมาก! นับว่าเปิดหูเปิดตาหม่อมฉันแล้ว!" เสียงพูดจืดเจื่อนเพราะรู้สึกขมไปตลอดช่องคอ พยายามปรับสีหน้าให้อยู่ในระดับปกติ ฮ่องเต้หนุ่มยิ้ม น

  • พระจันทร์หวามรักข้ามมิติ   ตอนที่ 63 :   หินอาเกต..ไม่ใช่หินแห่งการเยียวยาหรอกรึ?

    ภายใต้การวางแผนยุทธศาสตร์ขององค์ชายซุน และการบัญชาการโดยตรงของฮ่องเต้ซุนตี้ชุน สงครามครั้งใหญ่ซึ่งไม่เคยปรากฏมาก่อน บัดนี้ได้กลายเป็นการประหัตประหารอย่างโหดเหี้ยม กองทัพมหึมาของแคว้นซ่ง แคว้นคัง และแคว้นเป่ยเหลียง ต่างพ่ายแพ้ย่อยยับ ทหารนับไม่ถ้วนล้มตายเกลื่อนกลาด ผู้ที่รอดชีวิตมีไม่ถึงหนึ่งในสิบ อำนาจของแคว้นเชี่ยแผ่ขยายรวดเร็วจนน่าตระหนก เกินกว่าที่ใครจะคาดคิด เหล่าแม่ทัพและทหารแคว้นเชี่ยไม่เคยคิดเลยว่า การพิชิตแคว้นหนึ่งจะง่ายดายถึงเพียงนี้ กลิ่นคาวเลือดแห่งชัยชนะ ปลุกโหมกำลังใจให้ลุกโชนดั่งเปลวเพลิง ธงของแคว้นเชี่ยสะบัดพลิ้วอยู่เบื้องหน้ากองทัพเสมอ ดั่งสัญลักษณ์แห่งชัยชนะอันมิอาจต้านทาน ฮ่องเต้ซุนตี้ชุนและองค์ชายซุน ได้กลายเป็นวีรบุรุษสงครามในสายตาทหารหาญทุกผู้คน ท่ามกลางความตระหนกหวาดกลัวทั่วหล้า แผ่นดินถูกย้อมแดงด้วยโลหิตสุดลูกหูลูกตา เงาทมิฬแห่งสงครามแผ่ขยายไปทั่วทุกทิศ โดยมีแคว้นเชี่ยเป็นศูนย์กลาง กองทัพเดินหน้าขยายอาณาเขตอย่างไม่หยุดยั้ง ไม่มีผู้ใดคาดคิดเลยว่า แผนยุทธการขององค์ชายซุน จะนำพาแคว้นเชี่ยสู่ชัยชนะได้ในเวลาอันสั้นเพียงนี้ สองฟากถนนเต็มไปด้วยซากศพและโครงกระดูก

  • พระจันทร์หวามรักข้ามมิติ   ตอนที่ 62 :  ศึกที่มิอาจเลี่ยง

    ก่อนที่อินทุภาจะไปวังหลวงคราวก่อน ช่วงที่ซ่อมกำแพงเมือง ได้สั่งให้ช่างทำห้องใต้ดินใต้คลังเสบียงไว้ด้วย จึงได้ใช้ในช่วงเวลาที่มีศึกสงครามเช่นนี้ เธอทำเสบียงลวงไว้ชั้นบน แต่เก็บเสบียงทั้งหมดไว้ชั้นใต้ดิน เพื่อป้องกันศัตรูบุกเผาทำลาย และทำทีว่าป้องกันหละหลวมสร้างอุบายลวง แต่ทุกจุดสำคัญของเมือง มีทหารสอดแนมของกองทหารพิเศษคอยจับตาอยู่หยางติงเข้ามารายงานข่าวจากทหารสอดแนม ว่ากองทัพเชี่ยมีกำลังพลประมาณสองแสนสามหมื่น แต่ได้แบ่งออกเป็นสามทัพดังที่อินทุภาคาดไว้ แต่ทั้งสามทัพนี้ มิได้ยกมาพร้อมกัน และเดินทัพทิ้งระยะห่างกันมาก โดยที่ทัพหน้ามีกำลังพลประมาณสามหมื่น ซึ่งทัพหน้านี้คงจะเป็นการบุกแบบหยั่งเชิงคู่ต่อสู้ อีกสองทัพแบ่งเป็นทัพละหนึ่งแสน ทัพสองแน่นอนว่าใช้ตัดกำลัง และทัพสามคงจะมุ่งหวังโจมตีเต็มที่อินทุภาเลยคิดแผน จากการที่ศัตรูเดินทัพ ทิ้งระยะห่างกันเกินไปนี้ มาใช้ประโยชน์ โดยจะใช้กลยุทธ์ในตำราพิชัยสงครามเจ็ดตำนานชื่อว่า..’ลับลวงพราง’โดยให้หยางติง นำทัพแรกกำลังพลหนึ่งหมื่นนาย ประกอบไปด้วยกองปืนคาบศิลา พลธนู กองทะลวงฟัน หรือกองทหารพิเศษเคลื่อนที่เร็ว ไปดักซุ่มโจมตีทัพหน้า โดยต้องรีบออกเดินทา

  • พระจันทร์หวามรักข้ามมิติ   ตอนที่ 61 : ศึกรักก่อนศึกรบ (18+)

    พอลับสายตาจากภายนอก เขาก็สอดมือรั้งท้ายทอยหญิงสาวเข้าชิด แล้วจู่โจมริมฝีปากอวบอิ่มแทบจะในเสี้ยววินาที อย่างเร่าร้อนหนักหน่วง ราวกับว่าเธอคือลมหายใจสุดท้าย ที่เขาโหยหามาตลอดชีวิต มือข้างหนึ่งกอดเอวบอบบางไว้แน่น อีกข้างจับท้ายทอยให้ขยับมุมตามริมฝีปากของเขา อินทุภาตกใจเพราะไม่ทันได้ตั้งตัว แต่สุดท้ายก็หลับตาพริ้ม จูบตอบจุมพิตที่แสนรัญจวนใจนี้ด้วยความยินยอม มือไม้เผลอไผลเกาะลำคอเขาไว้แน่น ลืมทุกสิ่งทุกอย่างรอบตัวไปจนหมด"ฝ่าบาท.." อินทุภาครางเมื่อริมฝีปากเป็นอิสระชั่วครู่ ก่อนจะจุมพิตเขาด้วยความโหยหาไม่ต่างกัน ปลายลิ้นของเธอถูกเขาดึงดูดเข้าหาราวกับมีแรงดึงดูดมหาศาล เขาถอนริมฝีปากมาซุกไซ้ที่ซอกคอ เธอเลยกัดที่คอเขาเบาๆ แล้วเลื่อนมากัดที่ปลายคาง ขบเม้มดูดดุนไปทั่วซอกคอ ในขณะที่อีกมือค่อยๆ ดึงสายรัดเอวของเขา แหวกสาบเสื้อให้เปิดออกกว้าง"เมียรัก.." เขาพูดเสียงเบาเหมือนคนละเมออินทุภาแลบปลายลิ้นเลียลิ้มชิมรสยอดอกสีชมพูคล้ำ สองนิ้วเค้นเขี่ยเม็ดตุ่มสีสวยอีกข้าง เรียกเสียงครางครวญจากอีกฝ่ายให้หอบหนักขึ้น ตามอารมณ์ที่กำลังไต่ระดับขึ้นไปเรื่อยๆ ขณะที่อีกมือก็ค่อยๆ คลายสายรัด จนทำให้ขอบกางเกงขยายออ

  • พระจันทร์หวามรักข้ามมิติ   ตอนที่ 60 : กองทะลวงฟัน-ดาบสองมือ (2)

    “ท่านอ๋อง! ท่านเยว่! มีสาส์นด่วนจากวังหลวงขอรับ!” อินทุภาหยิบมาให้หยางหมิงอวี้ แล้วพยักหน้าให้ทหารส่งสาส์นออกไปได้“ฝ่าบาทมีคำสั่ง ให้นำทัพฉิวซีหนึ่งแสน ไปช่วยแคว้นฉินต้านกองทัพเชี่ย!” หยางหมิงอวี้อ่านสาร์นให้ฟัง“โอ้ว มาย!! อุบายตีใกล้แสร้งไกลสินะ!” มุมปากอินทุภาเชิดเล็กน้อย‘กลยุทธ์ตีใกล้แสร้งไกล’ คือ การทำให้ศัตรูเข้าใจผิดว่าเป้าหมายของเราคือที่ไกล แต่แท้จริงแล้วเป้าหมายที่แท้จริงคือมุ่งโจมตีจุดที่อยู่ใกล้ โดยใช้กลลวงหรือเบี่ยงเบนความสนใจ เพื่อให้ศัตรูตัดสินใจผิดพลาด และเปิดช่องโหว่ให้เราจู่โจมได้สำเร็จ“ใช่! ทำลวงประชิดแคว้นซ่ง แต่ตั้งใจโจมตีแคว้นฉิน! ด้วยทหารหนึ่งแสนห้าหมื่น แต่ดูจากข้อมูลล่าสุด แคว้นเชี่ยมีทหารประมาณสี่แสนกว่า แต่แบ่งกำลังไปเพียงแสนห้า เกรงว่าจะมีแผนซ้อนแผนแน่แล้ว!”"เหมือนกับกลยุทธ์ล้อมเวยช่วยจ้าวใช่ไหมเพคะ?"“คิดเหมือนกัน! เขาวางแผนยิงธนูดอกเดียวได้เหยี่ยวสองตัว ลวงว่าจะตีแคว้นฉินแต่จริงๆ แล้วจะอ้อมหลังบุกต้าฉิวซี และเพื่อให้ฉิวซีส่งกำลังไปช่วย ซึ่งแน่นอนว่าข้าต้องเป็นผู้บัญชาการทัพ หยางซื่อก็จะร้างผู้นำ พอเหมาะพอดีสำหรับทัพอีกสองแสนที่เหลือจะบุกโจมตี!”‘ล้อมเ

  • พระจันทร์หวามรักข้ามมิติ   ตอนที่ 59 : กองทะลวงฟัน-ดาบสองมือ (1)

    เมื่อใกล้ถึงตำหนักจื่อเว่ยเฉิง ที่ประทับของฮ่องเต้ จือซาก็ก้าวเดินให้เร็วขึ้นด้วยความโมโห หมายจะเล่นงานตัวต้นเหตุให้หายหงุดหงิดในใจ จนหนิวกงกงต้องเปลี่ยนจากเดินเป็นวิ่งตามเร่งข้ากลับวังงั้นรึ! ถ้าไม่มีเหตุดีๆ มาอธิบายล่ะก็ ได้เห็นดีกันแน่!!"ว้าย!!" จือซาร้องออกมาด้วยความตกใจ เมื่อเดินเข้าประตูตำหนักแล้วอยู่ๆ คนร่างใหญ่ก็จับตัวเธออุ้มลอยขึ้นพาดบ่า"ไม่เรียกไม่ต้องเข้ามา!" ฮ่องเต้หันไปสั่งหนิวกงกง ซึ่งน้อมรับคำสั่งแล้วรีบปิดประตูทันที"ท่าน!!..ปล่อยข้า!! ให้ข้าลงเดี๋ยวนี้!!" หญิงสาวตะโกนลั่น ดิ้นขลุกขลักด้วยความโมโหเขาวางหญิงสาวลงบนเตียง แล้วโถมกอดไว้แน่นไม่ให้ดิ้นหนี"ดิ้นอะไรนักนะ!!" เขาปราม"ก็ท่านทำบ้าอะไรอยู่เล่า! ทั้งเร่งข้ากลับวัง แล้วนี่ก็มาจับพาดบ่าอีก!"คนปกติดีๆ ที่ไหนเขาทำกัน!!"ก็ข้าคิดถึง!" เขาทำเสียงอ้อน"คิดถึงบ้าอะไร! เพิ่งจะห่างกันไม่กี่ชั่วยาม!!" เธอค้อนปะหลับปะเหลือก กับความหน้ามึนของเขา"ไม่กี่เค่อก็คิดถึงแล้ว อย่างอนเลยนะเด็กดี ถ้าไม่ทำแบบนี้ มีหวังว่ากว่าจะได้เห็นหน้าเจ้า ก็คงจะล่วงเลยไปเป็นเดือน หรืออาจจะเป็นปีถัดไป ข้าคงตรอมใจเพราะโรคคิดถึง อาจถึงขั้นป่วยจนตรอ

  • พระจันทร์หวามรักข้ามมิติ   ตอนที่ 58 : วันมงคลสมรส (2) 

    จือซาลืมตาตื่นก็เห็นร่างของบุรุษนอนอยู่เคียงกัน เธอขยับตัวไม่ได้เพราะถูกแขนของเขาพาดทับตัวไว้ หญิงสาวรีบสำรวจตนเอง แล้วก็ถอนใจออกมาอย่างโล่งอกที่ยังอยู่ในสภาพเสื้อผ้าปกปิดมิดชิด จึงค่อยๆ ยกแขนเขาขึ้นแล้วขยับตัวออก พยายามดึงชายกระโปรงออกจากร่างของเขา ที่นอนทับอยู่แต่ไม่สำเร็จ เขายังนอนนิ่งไม่ไหวติง ราวกับอดหลับอดนอนมาหลายวันเอ.. หรือที่หนิวกงกงเล่าจะเป็นเรื่องจริง!หนิวกงกงบอกว่าตั้งแต่ฮองเฮาสิ้นพระชนม์ ฝ่าบาทก็เป็นโรคนอนไม่หลับ เคยบรรทมนานสุดแค่สองชั่วยามต่อวันเท่านั้นแต่ดูตอนนี้สิ!..นัยน์ตาแววหวานอ่อนโยนลง เธอขยับตัวเล็กน้อย เพื่อให้นอนมองหน้าอีกคนได้ชัดเจนขึ้น พร้อมอมยิ้มบางๆ กับท่าทางการนอนหลับปุ๋ยเหมือนเด็กน้อยของเขา มือเรียวบางลูบกลุ่มผมเด็กน้อยตรงหน้าเบาๆ พลางสงสัยว่าเขานอนคว่ำแบบนี้จะหลับสบายหรือเปล่า"ฝ่าบาท!" หนิวกงกงเรียกตรงหน้าประตูด้านในจือซารีบหันไปมองที่ประตูห้อง ส่งสายตาดุไปให้หนิวกงกง พร้อมทำท่านิ้วชี้ปิดปากเป็นสัญญาณว่าห้ามส่งเสียงดัง หนิวกงกงพยักหน้าว่าเข้าใจ ค่อยๆ ละจากหน้าประตูมาหยุดอยู่ใกล้ที่บรรทม "แม่นางจือซา! ได้เวลาเสวยพระกระยาหารเย็นแล้ว ไม่ทราบว่าจะปล

สำรวจและอ่านนวนิยายดีๆ ได้ฟรี
เข้าถึงนวนิยายดีๆ จำนวนมากได้ฟรีบนแอป GoodNovel ดาวน์โหลดหนังสือที่คุณชอบและอ่านได้ทุกที่ทุกเวลา
อ่านหนังสือฟรีบนแอป
สแกนรหัสเพื่ออ่านบนแอป
DMCA.com Protection Status