ในหมู่บ้านกลางหุบเขาครอบครัวที่ติดภูเขาท้ายหมู่บ้าน สาวน้อยเย่วเย่วที่ร่างกายอ่อนแอมาตั้งเกิดซ้ำมาโดนลูกสาวของลุงใหญ่ผลักตกน้ำเพราะไปช่วยมารดาซักผ้าที่ลำธารท้ายหมู่บ้าน หัวของเย่วเย่วกระแทกกับหินในลำธารและสลบไป มารดาอุ้มบุตรสาววิ่งกลับบ้านในคืนนั้นสาวน้อยไข้ขึ้นไม่มีสติเธอคิดว่าตัวเองคงจะไม่รอดชีวิตอยู่กับบิดามารดาต่อไปอีกแน่นอน สาวน้อยตั้งจิตอธิฐานต่อเทพเซียนให้ช่วยส่งคนมาช่วยครอบครัวของเธอให้รอดจากการกดขี่ข่มเห่งของย่ากับลุงใหญ่ป้าสะใภ้ใหญ่ที่เอาเปรียบครอบครัวของเธอมาโดยตลอด ตำลึงทุกบาทหามาได้ย่าก็จะยึดเข้ากองกลางทั้งหมด ข้าวได้กินเพียงน้ำต้มข้าวใสๆใส่ธัญพืชหยาบๆอย่าหวังว่าจะได้กินเนื้อกินไข่ ทั้งที่บิดาล่าสัตว์มาได้กับพี่ชายจะโดนย่ายึดไปขายทั้งหมด เรียกได้ว่าคนหาไม่ได้กินคนกินไม่ได้หากับคำที่ว่ากตัญญูคำเดียวที่ย่าเอามาข่มบิดาให้ไม่กล้าเถียงมารดาของตัวเอง จนทำให้ลูกกับภรรยาลำบากจนถึงทุกวันนี้ พี่ชายของเธอก็ไม่ได้เรียนต้องทำงานงกๆ ต่างกันกับลูกๆของลุงใหญ่ที่ได้กินดีอยู่ดีทุกอย่างเพียงเพราะเกลียดมารดาของนางที่ยากจน และบิดาที่ยอมย่าก็เพราะรับปากว่าจะทำงานทุกอย่างขอเพียงมารดาไม่ขัดที่ท
ในหมู่บ้านกลางหุบเขาครอบครัวที่ติดภูเขาท้ายหมู่บ้าน สาวน้อยเย่วเย่วที่ร่างกายอ่อนแอมาตั้งเกิดซ้ำมาโดนลูกสาวของลุงใหญ่ผลักตกน้ำเพราะไปช่วยมารดาซักผ้าที่ลำธารท้ายหมู่บ้าน หัวของเย่วเย่วกระแทกกับหินในลำธารและสลบไป มารดาอุ้มบุตรสาววิ่งกลับบ้านในคืนนั้นสาวน้อยไข้ขึ้นไม่มีสติเธอคิดว่าตัวเองคงจะไม่รอดชีวิตอยู่กับบิดามารดาต่อไปอีกแน่นอน สาวน้อยตั้งจิตอธิฐานต่อเทพเซียนให้ช่วยส่งคนมาช่วยครอบครัวของเธอให้รอดจากการกดขี่ข่มเห่งของย่ากับลุงใหญ่ป้าสะใภ้ใหญ่ที่เอาเปรียบครอบครัวของเธอมาโดยตลอด ตำลึงทุกบาทหามาได้ย่าก็จะยึดเข้ากองกลางทั้งหมด ข้าวได้กินเพียงน้ำต้มข้าวใสๆใส่ธัญพืชหยาบๆอย่าหวังว่าจะได้กินเนื้อกินไข่ ทั้งที่บิดาล่าสัตว์มาได้กับพี่ชายจะโดนย่ายึดไปขายทั้งหมด เรียกได้ว่าคนหาไม่ได้กินคนกินไม่ได้หากับคำที่ว่ากตัญญูคำเดียวที่ย่าเอามาข่มบิดาให้ไม่กล้าเถียงมารดาของตัวเอง จนทำให้ลูกกับภรรยาลำบากจนถึงทุกวันนี้ พี่ชายของเธอก็ไม่ได้เรียนต้องทำงานงกๆ ต่างกันกับลูกๆของลุงใหญ่ที่ได้กินดีอยู่ดีทุกอย่างเพียงเพราะเกลียดมารดาของนางที่ยากจน และบิดาที่ยอมย่าก็เพราะรับปากว่าจะทำงานทุกอย่างขอเพียงมารดาไม่ขัดที่ท
พอเข้ามาถึงห้องที่บิดานอนพักรักษาตัวได้กลิ่นสมุนไพรอ่อนโชยมานาง มองหน้าบิดาผู้ที่โดนคนเป็นแม่เอาเปรียบมาตลอดที่นางกับพี่ชายเกิดมาด้วยความสงสารคนน่าตาซื่อๆแววตาที่มองมาที่นางดูอบอุ่นและเป็นห่วงในตัวบุตรสาว "เย่วเอ๋อร์ลูกเป็นอย่างไรบ้างพ่อขอโทษที่ไม่สามารถปกป้องลูกของพ่อจากครอบครัวใหญ่ได้ อีกทั้งพ่อยังตกเขาจนได้รับบาดเจ็บหนักจึงพลอยให้โดนขับไล่ตัดขาดจากย่าของลูกอีก" เสียงของบิดาเศร้าสร้อยยิ่งนัก"ข้าหายดีแแล้วเจ้าค่ะท่านพ่ออย่าได้เป็นห่วงต่อจากนี้ถือว่าเราได้กตัญญูต่อพวกเขาจนหมดสิ้นแล้ว คนที่เห็นแก่ตัวขนาดนั้นท่านพ่ออย่าได้ไปใส่ใจห่วงใยพวกเขาอีกเลยเจ้าค่ะ ในเมื่อครอบครัวของเราโดนตัดขาดและไล่ออกมาเหมือนหมูเหมือนหมาแม้แต่ตำลึงยังไม่ให้มารักษาตัวสักอีแปะ ให้แค่ธัญยาพืชหยาบๆมาสามชั่งไม่คิดว่าพวกเราจะอดตายกับผ้าห่มบางๆ เสื้อผ้าติดตัวคนละสามชุดที่มีมาตั้งแต่ข้าโตมาไม่เคยได้มีชุดใหม่เหมือนลูกของครอบครัวของลุงใหญ่ มีปู่ที่ไม่เคยเอ่ยปากห้ามย่าเลยสักครั้งที่พวกเราโดนรังแกจนปางตาย ทั้งที่ครอบครัวของเราทำงานทุกอย่างเยี่ยงทาส ในเมื่อเราหลุดพ้นออกมาแล้วข้าอยากให้ท่านพ่อตรองดูให้ดีว่าที่ข้าพูดมานั
ทุกคนทานข้าวด้วยความสุขพ่อแม่พี่ชายถึงกับน้ำตาไหลที่ผ่านมาตั้งแต่แต่งงานกับมารดาบิดาก็ไม่เคยได้กินเนื้อเต็มปากเต็มคำ ต้องแอบย่างไปให้ภรรยาที่ทุ่งนาบางครั้งที่จับไก่ได้หลายตัวไปให้ แต่มันก็ไม่ใช่จะจับไปบ่อยได้เพราะมารดาจ้องมองครอบครัวของตนตลอดเวลาหาโอกาสช่างยากเย็น แม้คนที่หาเนื้อได้แต่ไม่เคยได้กินอิ่มเลยสักครั้ง เซียวอี้ถังน้ำตาซึมพอคิดถึงสิ่งที่ตัวเองกับลูกทุกคนถูกคนที่เป็นแม่ลำเอียงมาโดยตลอดจนบุตรชายอายุสิบเจ็ด ชีวิตของครอบครัวไม่เคยมีความสุขเหมือนที่ครอบครัวของคนอื่นเลย นางเซียวอี้หลันมองสามีคู่ทุกข์คู่ยากก็เข้าใจนางจับมือสามีและสบตากันด้วยความเข้าใจตลอดเวลาที่แต่งงานกับสามีนางไม่เคยถูกสามีด่าว่าเขาดีกับนางทุกอย่างจนมีลูกสองคนชายหญิงเป็นโซ่คล้องใจ ปัญหาทุกอย่างมันอยู่ที่คนที่สามีเรียกว่าแม่กตัญญูทุกอย่างแต่ที่ได้รับกลับมาคือคำด่าทอทุกวัน ไม่เว้นแม้แต่ลูกทั้งสองที่ไม่เคยได้ใช้ชีวิตของวัยเด็กเหมือนบ้านอื่นเลย แต่ทุกคนก็อดทนกับการกตัญญูโง่ๆ เหมือนที่บุตรสาวบอกกับคนบางคนที่เกลียดเราทำให้ตายเขาก็ไม่เห็นค่าสู้มาทำให้ครอบครัวของเรากินอิ่นนอนหลับและใช้ชีวิตที่เหลือให้มีค่ากับลูกๆทั้งสองคน
หลังจากดีใจจบแล้วพวกนางแม่ลูกจึงเข้าครัวทำมื้อค่ำกันส่วนบิดานางให้นั่งดูทีวีที่ห้องรับแขก พี่ใหญ่เองก็ตื่นเต้นนั่งดูเป็นเพื่อนบิดา นางสอนวิธีเปิดปิดและเปลี่ยนช่องไปดูช่องอื่นๆให้ สองพ่อลูกจึงนั่งติดหน้าจอไม่ห่างนางจึงทำอาหารกับมารดาด้วยผักที่เก็บมากับพี่ใหญ่ ท่านแม่ดีใจมากเพราะเปิดตู้เย็นขนาดใหญ่สองเครื่องของนางเจออาหารมากมายทั้งสำเร็จและจำพวกเนื้อในห้องนอนของนางจะเป็นของกินที่เวฟได้ จำพวกของสดและทำอาหารอื่นๆจะอยู่ในครัวรวมถึงเครื่องดื่มบำรุงร่างกายที่นางนำออกมาจากตู้เย็นในห้องนอนของคอนโด นางชอบตุนเวลาวันหยุดเรียกได้ว่ามีครบทุกอย่างที่บ้านไร่ เวลาที่นางมาจะซื้อจำพวกเนื้อหมูเนื้อปลาเนื้อวัวไว้มีทุกอย่างเพราะนางชอบหลบมาทำหม้อไฟกินกับพี่ชายพี่สะใภ้ในภพเก่า และแม่บ้านของพี่ชายก็จะชอบทำผลไม้แช่เอาไว้จนเต็มตู้เวลาที่นางกลับมาถึงรอบดึกทุกครั้งหลังออกเวรจะมาค้างที่บ้านไร่เดือนละสามสี่ครั้งเป็นอย่างต่ำเรื่อง จำพวกเนื้อจึงไม่เคยขาดตู้เย็นเลยรวมถึงพี่ชายของนางเองจะบอกให้คนงานเติมเต็มเอาไว้ตลอดกลัวน้องสาวจะหิวเวลาทำงาน นางไม่ค่อยกินอะไรมากนักเพราะไม่ค่อยมีเวลาแต่ที่บ้านคือจัดเต็มเพื่อบำรุงตัวเอง
หลังจากที่ทำธุระกันเสร็จหมดทุกอย่างเย่วเย่วจึงพาทุกคนออกจากในมิติมาข้างนอก เป็นเวลายามเหมาปลายแล้วนางจึงให้บิดามารดาอยู่บ้านนางกับพี่ใหญ่สะพายตระกร้าขึ้นเขาพร้อมอาวุธครบมือเพื่อจะไปล่าสัตว์มาว่าจ้างชาวบ้านให้มาช่วยล้อมรั้วบ้านให้ใหม่ รวมทั้งซ่อมแซมหลังคาบ้านตรงไหนชำรุดจะทำใหม่ทั้งหมด แต่จะยังไม่ใช้ตำลึงเดี๋ยวชาวบ้านจะสงสัยเอาได้ว่าพวกนางนำตำลึงมาจากไหน ที่จริงตำลึงของนางในห้องนอนท่านตาเทพทำให้เป็นตำลึงของยุคนี้ใช้ไปทั้งชาติก็ไม่หมด แต่ที่ต้องทำแบบนี้เพราะตอนที่แยกบ้านจากบ้านใหญ่ครอบครัวของนางไม่ได้ตำลึงมาสักก้อน จึงทำให้ค่อยเป็นค่อยไปใช้สิ่งของแลกเปลี่ยนจะสะบายใจกว่าและถ้าพวกบ้านใหญ่รู้ว่าบ้านของนางมีตำลึงต้องมาอ้างบุญคุณกตัญญูจากบิดาที่ซื่อจนโง่นางอีกสองพี่น้องเดินขึ้นเขาก็เจอชาวบ้านบ้างที่ขึ้นมาเก็บผักป่าไปทำอาหารมื้อเช้ากันประปลาย บางคนที่เห็นสองพี่น้องก็ร้องถามอาการของบิดาว่าเป็นอย่างไรบ้างแต่คงได้เพียงถามไถ่เพราะพวกเขาที่เป็นชาวบ้านก็ไม่ได้ร่ำรวยอะไรพอจะไปช่วยเหลือใครได้เหมือนกัน"พี่ใหญ่ที่จริงของกินเยอะแยะเพียงแต่พวกชาวบ้านยังไม่รู้จักเพราะกลัวว่าจะมีพิษจึงพากินเฉพาะที่คนเก่าค
"เอาละทุกคนที่มาช่วยกันชำแหละเนื้อหมูป่าในวันนี้และคนที่ขึ้นไปลากหมูป่าลงจากบนเขาจะได้เนื้อเพิ่มคนละสองชั่ง ครอบครัวเซียวบอกว่าจะแบ่งให้ทุกคนในหมู่บ้านแต่ต้องมาลงชื่อเพื่อจะทำงานให้ครอบครัวเซียวแทนตำลึงเพราะบ้านรองเซียวแยกบ้านออกมาไม่ได้ตำลึงสักอีแปะจากบ้านใหญ่ พวกเขาจะขายเนื้อหมูป่าเอาเงินก็ได้แต่บ้านเซียวบอกจะเอาเนื้อแลกกับการที่ให้คนในครอบครัวของพวกเจ้าที่มารับเอาเนื้อไปกินในครอบครัว ให้มาช่วยทำรั้วล้อมรอบที่ดินหกหมู่กับทำประตูใหม่ทั้งหน้าบ้านกับในบ้านและเปลี่ยนไม้ตัวใหม่ให้แข็งแรง เพราะอีกไม่นานก็จะถึงหน้าหนาวแล้ว ทั้งเซียวอี้ถังยังบาดเจ็บจากการตกเขายังไม่หายดี ครอบครัวเซียวจึงจะเอาหมูป่าทั้งสองตัวนี้แบ่งให้กับทุกบ้านที่ลงชื่อมาทำงานบ้านเซียว จะมากี่คนก็จะแบ่งให้เท่ากันเพราะต้องถางหญ้าพลิกหน้าดินให้บ้านเซียวด้วย" หัวหน้าหมู่บ้านพูดให้ลูกบ้านให้ฟังชาวบ้านมารวมตัวกันแทบจะทุกหลังคาเรียนตั้งแต่ได้ยินว่าบ้านรองเซียวล่าหมูป่ามาได้สองตัวใหญ่ น้ำหนักหมูสองตัวหกร้อยชั่งได้เพราะตัวใหญ่มากไม่คิดว่าเด็กสองคนจะโชคดีเพราะหมูป่าไม่ใช่จะล่าได้ง่ายๆพอได้ยินสิ่งที่หัวหน้าหมู่บ้านบอกเรื่องแลกเปลี
ยามเหมาสี่คนพ่อแม่ลูกทำธุระกินข้าวทุกอย่างในมิติจนเรียบร้อยเรียบร้อยจึงพากันออกจากมิติเพราะหัวหน้าหมู่บ้านจะพาชาวบ้านมาทำงานให้ตามที่ตกลงกันเมื่อวานตอนค่ำ ส่วนท่านพ่อก็จะให้นอนแกล้งเจ็บไปก่อนจนกว่าที่บ้านจถล้อมรั้วบ้านให้เสร็จก่อน ต่อจากนี้เวลาทำอะไรก็จะได้ไม่มีคนมองเห็นมีรั้วกั้นสายตาของคนที่อยากรู้เรื่องของครอบครัวของนางพี่ใหญ่กับท่านพ่อเอาหม้อหมูตุ๋นออกมาตั้งส่งกลิ่นหอมไปจนทั่วหลังบ้าน แต่ใช้ไฟอ่อนๆอุ่นให้ร้อนใช้หม้อที่ใหญ่ที่สุดที่เห็นในบ้านของท่านตาท่านยาย เพราะตอนที่พวกท่านเสียชีวิตมารดากับบิดาเก็บใส่ห้องเก็บของเอาไว้เป็นอย่างดี พอดีท่านตาทำห้องเก็บเสบียงใต้ดินเอาไว้ไม่มีใครรู้จักนอกจากท่านแม่ ครอบครัวใหญ่ที่จ้องจะเอาทุกอย่างจึงผิดหวัง ท่านแม่รีบนำของที่พอจะใช้ได้ไปซ่อนจนหมดจึงเหลือเพียงของที่นำออกมาให้เห็นไม่มากจึงรอดจากท่ายย่าจอมเอาเปรียบไปได้แต่ยังไม่วายพูดจาด่าท่านแม่ว่าที่บ้านเก่าของท่านแม่มีหม้อเก่าๆไม่กี่ใบที่ใกล้แตกจนใช้งานไม่ได้ ส่วนมากชาวบ้านจะช่วยงานกันตามมีตามเกิดไม่มากินเหมือนงานศพในยุคของเขาที่ประเทศบ้านเกิดทุกคนช่วยงานจบก็กลับบ้านใครบ้านมัน หลังจากนำไปฝังในสุสาน
หลังจากแต่งกันกับท่านอ๋องภายในตำหนักในทุกคืนจะมีเสียงครางหวานของคู่สามีข้าวใหม่ปลามันจนนางกำนัลหน้าแดงไปตามๆกัน ท่านอ๋องช่างรักพระชายาเหลือเกินตามใจนางทุกอย่างตลอดที่ใช้เวลาอยู่ด้วยกัน ช่วงก่อนจะถึงวันกลับไปเยี่ยมที่บ้านของพระชายาเขาตักตวงความสุขตั้งแต่ก่อนวันแต่งจนผ่านมาหลายคืนแล้วก็ยังคงหื่นเสมอต้นเสมอปลาย เย่วเย่วคิดในตอนนี้นางนั่งผิงอกแกร่งของพระสวามีกลับหมู่บ้านฉีซานเพื่อจะกลับไปเยี่ยมบ้านเดิมตามประเพณี กว่าจะได้ออกจากห้องแต่ละวันนางนี้ต้องมีนางกำนัลคอยประคองถ้าไม่มีน้ำพุวิเศษนี้นางไม่อย่างจะคิดเลยว่าจะนอนเป็นผักทั้งวันหรือเปล่า"เย่วเอ๋อร์น้องนอนเถอะนะคนดีพอถึงบ้านของพ่อตาแม่ยายพี่จะปลุกน้องเอง"ท่านอ๋องกระชับอ้อมกอดให้ภรรยานั่งพิงอกได้สะดวกตอนกลางวันต้องให้นางนอนพักเอาแรงไว้มากๆหน่อยช่วงกลางคืนคือเวลาของเขา ว่าจะหยุดสักเดือนก่อนจะเดินทางเข้าเมืองหลวงไปหาพี่ชายที่รอจัดงานให้อีกรอบที่ตำหนักอ๋องที่เมืองหลวง แต่จะให้เขาอดใจไหวไม่รังแกภรรยาได้เช่นไรในเมื่อนางน่ารักน่ากินไปทั้งตัว เขาก็ไม่ใช้ผู้หลุดพ้นเสียหน่อย นี้ก็อดทนรอมาตั้งปีเพื่อจะแต่งนางเข้าตำหนักได้แต่ก็ต้องออกศึกไปเป็นปีที่ไ
ท่านอ๋องกว่าจะปลีกตัวจากเหล่าทหารทั้งหลายได้ก็ปาไปเกือบสี่ทุ่มในภพเก่าของนางเย่วเย่วกำลังนั่งหลับพักเอาแรงหลังจากที่มารดามาอวยพรร่ำลากันกลับหมู่บ้านกับบรรดาป้าๆทั้งหลายกลับไปกันจนหมด นางก็อยู่กับนางกำนัลสองคนที่มีอายุสามสิบได้กระมังเย่วเย่วแอบกินนมกับขนมเพราะมีผ้าคลุมหน้านางไม่กลัวนางกำนัลเห็นหรอกนะ คนมันหิวกว่าด้านนอกจะรับแขกและกลับหมดพอดีหิวท้องร้องกันพอดี หยิบของออกมากินจนอิ่มนางก็นั่งหลับไปเลยเอาแรงดีกว่าถ่างตารอไม่ไหวหรอก เพราะเมื่อคืนนี้ท่านอ๋องของรางวัลทั้งคืนถ้านางไม่หลับก่อนคงสว่างคาตาแน่ๆเลย คนอะไรอึดเป็นบ้าขอให้ปล่อยก็ไม่ยอมหยุดจนนางหลับไปตอนไหนก็ไม่รู้ แล้วยังโดนลากมาทำพิธีทั้งวันอีกจนค่ำสองที่พักนอนงีบเอาแรงสักนิดก็ยังดีตัดมาที่ท่านอ๋องที่ตอนนี้กำลังโดนเหล่าทหารคนสนิทมอมเหล้าเพื่อกลั้นแกล้งให้เจ้านายเข้อหอไม่ไหวชนแก้วจอกต่อจอก จนเขาต้องใช้อุบายขอเข้าห้องน้ำพอปลีกตัวออกมาได้ก็เดินตัวปลิวไปที่ห้องหอในตำหนักใหญ่เลยป่านนี้เย่วเย่วคงจะรอแย่แล้ว อ๋องหนุ่มคิดไปยิ้มไปกับความน่ารักของภรรยาหมาดๆที่นางให้รางวัลกับเขาเมื่อคืนนี้จนแทบตายคาอกนาง แต่ใครจะอดใจไหวเล่าภรรยาน่ารักเสียขนาดน
ตอนนี้หัวสมองของสาวน้อยเย่วเย่วขาวโพลนไปหมดกับริมฝีปากหนาของชายคนรักที่ละเลงน้องสาวจนนางครางกระเส่าอย่างไม่อาย ชายหนุ่มนั้นตอนนี้ดูดดึงกุหลาบงามของสาวคนรักอย่างไม่รังเกียจนางสวยไปหมดจนเขาอดใจไม่ไหวอยากกลืนกินทุกอย่างที่เป็นนาง"เย่วเอ๋อร์คนดีร้องดังๆไปเลยพี่ชอบเห็นน้องมีความสุขที่สุุขเสียวไหมที่รัก" ชายหนุ่มเงยหน้ามาพูดกับนางแต่ก็ยังมีนิ้วแทนที่ปากเขาเขี่ยวนตรงปุ่มเสียวของนาง เย่วเย่วยกสะโพกลอยตามนิ้วร้ายของชายหนุ่มที่ละเลงแล้วแหย่เข้าไปที่ละนิ้ว พอถามนางจบเขาไม่คิดจะฟังคำตอบเพราะดูจากการตอบรับของสาวคนรักก็พอใจมากแล้ว ท่านออ๋องหนุ่มก้มหน้าลงฉกชิมกุหลาบงามตรงหน้าต่อจนร่างบอบบางเกร็งกระตุกสุขสมไปก่อนเพื่อเปิดทางให้มังกรตัวเขี่ยงเข้าไปในกุหลาบงาม ชายหนุ่มแยกขาของคู่หมั้นสาวออกจนกว้างก่อนจะชักรูดมังกรตัวเองถูกไถ่ก่อนจะค่อยๆกดเข้าไปทีละน้อย เยว่เยว่หัวขาวโพลนเพราะพึ่งเสร็จสมไปเพราะลิ้นร้ายของท่านอ๋องต้องสะดุ้งเพราะมีสิ่งใหญ่โตกำลังมุดเข้ากุหลาบของนางมาได้แค่ส่วนหัวนางแทบขาดใจทำไมมันใหญ่ขนาดนี้จะเข้าไปในน้องสาวของนางได้จริงๆหรือ"ท่านอ๋องเพคะ" นางเอามือยันหน้าอกแกร่งเอาไว้ก่อน"ท่านพี่เรียก
ตลอดเวลาหนึ่งอาทิตย์มีรถม้ามารับเซียวเย่วเย่วทุกวันในตอนเช้าเพื่อฝึกสาวน้อยที่จะแต่งเข้าตำหนักของท่านอ๋องซงตงหยางในอีกไม่นาน รอเพียงท่านอ๋องเดินทางกลับมาถึงที่อำเภอแห่งนี้ ท่านอ๋องปกครองครอบคลุมไปถึงชายแดนฉีเป่ยที่พึ่งรบจบศึกในตอนนี้นั้นเอง ตลอดเวลาเย่วเย่วก็ตั้งใจเรียนการเดินการนั่งการกินการพูดคุยพิธีการต่างๆที่ชนชั้นสูงต้องมีจนครบสิบวัน นางแทบจะรากเลือดกับสิ่งที่ฝืนกับสิ่งที่ตนเองไม่ถนัดแต่ก็ทำเพื่อหน้าตาของสามีในภายภาคหน้าจะได้ไม่อายใครว่าแต่งชายาบ้านนอกเข้ามาและไม่รู้เรื่องอะไรเลยในตอนค่ำของอีกวันหลังจากที่สามพ่อแม่ลูกกินมื้อค่ำอิ่มแล้วก็เตรียมตัวจะเข้านอนหลังจากที่นั่งย่อยอาหารที่หน้าบ้านเหมือนเช่นทุกวัน จนจะได้เวลาเข้านอนก็ได้ยินเสียงม้าวิ่งมาที่หน้าบ้านพร้อมกับเสียงเคาะประตูหน้าบ้านเสียงดัง"ท่านพ่อท่านแม่ข้ากลับมาแล้วขอรับ" เสียงเรียกที่หน้าบ้านมันเสียงของพี่ชายของนางชัดๆเลย"ท่านพ่อเสียงพี่ใหญ่เจ้าค่ะ" พูดจบนางก็วิ่งลงบ้านไปที่ประตูใหญ่เลยทันที บิดาวิ่งตามลูกสาวไปติดๆหลังจากที่บอกให้ภรรยานั่งรอที่นี้ห้ามวิ่งตามมาสั่งแล้วเขาก็วิ่งตามลูกสาวสาวไปที่หน้าบ้านเหมือนกันเซียวเย่วเย
"เซียวอี้ถังเปิดประตูบ้านเร็วๆเข้า" เสียงลุงผู้ใหญ่บ้านเคาะไม้เรียกเสียงดังลั่นที่ด้านหน้า"ขอรับๆข้ากำลังเปิดอยู่" ส่วนท่านแม่ยืนรอที่หน้าระเบียงบ้านพอเปิดประตูออกก็เห็นคนมากมายเต็มหน้าบ้านของนางไปหมด แม้แต่ท่านนายอำเภอยังมาเลยท่านพ่อกับเย่วเย่วก็ตกใจเหมือนกัน"มีเรื่องอะไรเกิดขึ้นหรือท่านลุงทำไมคนมาบ้านของข้าเยอะขนาดนี้ละ" เซียวอี้ถังถามด้วยความสงสัยเหมือนกันส่วนเย่วเย่วนั้นนางตั้งสติแล้วรอฟังว่าทุกคนมีอะไรจึงมาหน้าบ้านของนางมากมายขนาดนี้มองคร่าวๆที่ด้านหลังนั้นอีกที่ชาวบ้านเดินตามกันมาจนจะหมดดทั้งหมู่บ้านเลยกระมัง นางคิดและมองดูคนที่แต่งตัวเป็นเหมือนขันทีในวังเหมือนในละครทีวีที่นางดูเป็นประจำทหารอีกเป็นร้อยรวมทั้งรถม้าหลายสิบคันที่จอดเรียงกันอย่างเป็นระเบียบเรียบร้อย"มีพระราชโองการจากองค์เหนือหัวถึงคุณหนูเซียวเย่วเย่ว" ทันทีเมื่อคำพูดถึงราชโองการจากผู้เป็นใหญ่เหนือแคว้นเยว่เยว่กับครอบครัวก็รีบคุกเข่ารอรับพระราชโองการทันที ชาวบ้านคนอื่นๆก็รีบยืนสำรวมรอฟัง "เซียวเย่วเย่วรับราชโองการคุณหนูเซียวเย่วเย่วทำความดีส่งเสบียงช่วยเหล่าทหารกล้าที่ไปรบที่ชายแดนกับท่านอ๋องซงตงหยางพระอนุชาของพร
สามพ่อแม่ลูกนั่งคุยกันได้สักพักเสียงร้องของเหยี่ยวที่ท่านอ๋องคอยส่งข่าวก็ร้องขึ้นบริเวณท้องฟ้าเหนือบ้านของนางเสียงดังก่อนที่เจ้าตัวจะบินร่อนลงมาที่หน้าระเบียงบ้านเย่วเย่วร้องตะโกนเสียงดังตั้งแต่ที่ได้ยินเสียงมันร้องตอนยังไม่เห็นตัวลงมาหน้าบ้านด้วยความดีใจ"โอ๊ะเจ้าเหยี่ยวมาแล้วเจ้าค่ะท่านพ่อท่านแม่" ทุกคนยิ้มด้วยความดีใจกับเสียงนกยักษ์ของท่านอ๋องที่มาส่งข่าวหลังจากหายไปนานมันลงมาถึงก็ยกขาให้เย่วเย่วดึงเอาจดหมายที่ผูกมาด้วยเป็นอย่างดีแล้วรับอาหารของตนกินเงียบๆที่ที่ประจำเย่วเย่วเอาจดหมายพี่ชายให้บิดามารดาของนางต่างหากท่านพ่อรีบรับไปอ่านให้ท่านแม่ฟังทันที่'ถึงท่านพ่อท่านแม่น้องเล็กขอโทษที่หายไปนานคงจะทำให้พวกท่านเป็นห่วงตอนนั้นกำลังสู้รบไม่ค่อยมีเวลาตอนนี้ชนะข้าศึกแล้วอีกไม่นานจะได้เดินทางกลับมาบ้านรักและถึงทุกคนขอรับ เซียวอี้เหอ'ท่านแม่ยิ้มแก้มปริพอได้ยินว่าลูกชายกำลังจะกลับมาในอีกไม่ช้า"ท่านพี่ข้าจะไปหาของกินอร่อยๆเอาไว้รอลูกของเราเจ้าค่ะพาข้าไปในห้องเสบียงหน่อยนะเจ้าคะ" นางรีบหันไปหาสามีเพื่อทำอาหารรอบุตรชายที่จากไปนับปี"น้องหญิงอาหารของเร
หลังจากที่จบศึกกับกับทางแคว้นฉีเป่ยแล้วท่านอ๋องก็ยกหน้าที่ให้รองแม่ทัพใหญ่คนสนิทประจำการที่ชายแดนแห่งนี้จัดการต่อ แล้วให้ทหารบางส่วนของพระองค์เอาไว้ให้ฝึกซ้อมยิงธนูและสอนทำธนูเพิ่มเอาไว้ใช้กองทัพทางชายแดนแห่งนี้ด้วย ให้เพียงพอต่อการศึกในครั้งต่อไปดีที่ได้มาหลายพันอันสามารถยิงคู่ต่อสู้ตกตายไปมากมายแถมที่จุ่มน้ำมันจุดไฟพอตกไปที่ศัตรูจึงเกิดไฟกลายเป็นทะเลเพลิงเผ่าไหม้ทหารแคว้นฉีเป่ยตกตายไปในสนามรบที่ผ่านมาตอนนี้ท่านอ๋องกับคนสนิทนับสิบคนเดินทางกลับไปหมู่บ้านฉีซานเรื่องสู่ขอเซียวเย่วเย่วนั้นเขาได้ส่งจดหมายบอกพี่ชายที่วังหลวงเรียบร้อยให้เตรียมงานอภิเษกสมรสได้เลยพอเขารบเสร็จศึกกับมาจะสู่ขอสาวคนรัก และได้เล่าเรื่องเสบียงที่นางช่วยเหลือตอนหิมะตกหนักเสบียงหลวงไปถึงล่าช้าไม่พอแถมยังน้อย จากที่จะมีพอให้ทหารนับแสนกลับมีหนอนในการส่งเสบียง ให้พี่ชายจัดการคนที่มีส่วนร่วมฉ้งโกงเสบียงในครั้งนี้ดีที่เซียวเย่วเย่วส่งเสบียงส่วนตัวของนางไปถึงสี่ครั้งจึงทำให้ทหารมีกินจนเพียงพอฮ้องเต้พอได้รับจดหมายจากน้องชายก็สั่งสอบตรวจสอบขุนนางที่มีหน้าที่ส่งเสบียงไปชายแดนและสำเร็จโทษขุนนางไปหลายคนข้อหาหนัก เพราะต้องการใ
นี้ก็หนาวเข้าเดือนที่สามแล้วข่าวคราวจากชายแดนหายเงียบไปเลยทำให้นางเป็นห่วงพี่ใหญ่กับท่านอ๋องมากเหมือนกัน"ท่านพ่อท่านแม่นี้ถ้าหมดหน้าหนาวลูกจะเดินทางไปที่ชายแดนแคว้นฉีเป่ยเพื่อจะช่วยพี่ชายกับท่านอ๋องได้หรือไม่เจ้าคะ" ไม่รู้ว่าติดปัญหาอันไดอยู่จึงจัดการแม่ทัพฝั่งตรงข้ามไม่ได้สักที"เย่วเอ๋อร์ลูกพูดอะไรเช่นนั้นจะทำให้แม่ใจสลายหรือข่าวจากพี่ชายของเจ้ายังไม่มาถึงเราหลายเดือนแล้ว ยิ่งลูกเป็นผู้หญิงจะเดินทางไปชายแดนได้อย่างไร" มารดาหันมาถามบุตรสาวด้วยความตกใจ"ท่านแม่ข้าก็อยากไปดูที่ชายแดนเหมือนกันว่าตอนนี้พวกเขามีอาหารการกินเพียงพอหรือไม่ ข้าจะนำไปเติมให้ท่านอ๋องกับพี่ใหญ่รวมถึงทหารทุกคนด้วยเจ้าค่ะท่านแม่" นางบอกเหตุผลให้มารดาฟังเผื่อท่านแม่จะใจอ่อนให้นางเย่วเย่วคิดในใจ"ไม่ได้ยังไงแม่ก็ไม่ให้ลูกไปรอไปอีกสักเดือนเถอะนะเย่วเอ๋อร์ไม่ใช่ว่าแม่ไม่เป็นห่วงพี่ใหญ่ของลูก แต่เจ้าเป็นหญิงสาวจะเดินทางไปในที่อันตรายแบบนั้นแม่ย่อมไม่ยินยอม" มารดาตอบเสียงแข็งและหันไปหาสามีให้ช่วยพูดกับบุตรสาวอีกทาง"เย่วเอ๋อร์พ่อว่ารออีกสักเดือนก่อนเถอนะลูกรักทางนั้นคงจะลำบากเหมือนกันกับหน้าหนาว หิมะยังมาตกหนักอีกดีนะท
นับตั้งแต่ที่ได้รับจดหมายจากชายคนรักนี้ก็ผ่านมาหกเดือนแล้ว ตอนนี้ยังไม่ได้รับจดหมายส่งมาอีกเลยนางคิดว่าตอนนี้คงกำลังสู้รบกันแล้ว ตอนนี้บ้านของนางได้เก็บเกี่ยวข้าวที่ปลูกทั้งร้อยหมู่นางได้ส่งไปให้ที่ค่ายทหารของท่านอ๋องทั้งหมดด้วยคนของท่านอ๋องที่อยู่ในอำเภอ สั่งเอาไว้ว่าถ้านางต้องการของฝากของไปให้ คนของท่านอ๋องจึงจัดการทำให้นางส่งเสบียงไปที่ชายแดนแคว้นฉีเป่ยได้กองทัพของท่านอ๋องซงตงหยางอาหารแห้งจำพวกปลาแห้ง เนื้อหมูแห้ง หน่อไม้แห้ง เห็ดแห้งนางส่งไปหลายคันรถม้า รถม้าที่คนของท่านอ๋องส่งมาให้ขนเสบียงไปชายแดนก็มาจากกองขนเสบียงจากค่ายทหารโดยตรง ที่ท่านอ๋องได้จัดการเอาไว้กับคนสนิทเพื่อขนเสบียงไปส่งกองทัพทุกเดือนอยู่แล้ว และนางยังคงปลูกข้าวต่ออีกเพื่อจะส่งไปชายแดนเหมือนเดิมทั้งได้ขอซื้อมูลสัตว์มาใส่ที่นาจากคนในหมู่บ้านและมาช่วยว่านปุ๋ยมูลสัตว์ที่นาข้าวของนาง เย่วเย่วคิดว่าจะปลูกข้าวงวดนี้แล้วจะหวานถั่วเขียวต่อเพื่อบำรุงดินก่อนจะว่านข้าวต่อไปสลับกันจนกว่าจะจบศึกที่ชายแดนแคว้นฉีเป่ยหลังกินมื้อค่ำอิ่มสามพ่อแม่ลูกก็นั่งย่อยอาหารที่หน้าระเบียงบ้าน บางวันก็เดินกันในบริเวณหน้าบ้านหรือก็คือรอเจ้าเหยี