อ้อมแขนแข็งแรงของชายหนุ่มช้อนร่างบางขึ้นมาไว้ในอ้อมกอด เขาพาเธอไปยังห้องนอนก่อนจะค่อยๆ วางร่างบางบนที่นอนนุ่ม ทันทีที่หลังของเธอสัมผัสกับที่นอน ดวงตาของเธอเบิกกว้าง ก่อนจะขยับหนีตามสัญชาตญาณ แต่เขาไม่ปล่อยให้เธอได้ทำเช่นนั้น เขาโน้มตัวลงมาทาบทับร่างบางเอาไว้จนเธอรู้สึกหายใจไม่ออก
ดวงตาสวยคู่นั้นมองมาที่ริมฝีปากเคลื่อนเข้ามาใกล้ๆ รู้ตัวอีกทีเธอก็หลับตาลงอัตโนมัติก่อนจะสัมผัสถึงรสจูบ ลิ้นอุ่นเซาะซอนไปตามแนวฟัน แรงกระตุ้นดังกล่าวทำให้ร่างกายเกร็งเขม็งขึ้นมาทันตา จูบที่เริ่มต้นช้าๆ ปลุกเร้าความต้องการด้วยลิ้นที่แทรกเข้ามา ยิ่งเขาเพิ่มน้ำหนักในรสจูบ เธอก็ยิ่งกำแขนเสื้อเชิ้ตของอีกฝ่ายเอาไว้แน่น มือข้างหนึ่งของเขาล้วงเข้าไปในเสื้อแล้วลูบไล้ตามผิวเนียนอย่างช้าๆ เขาถอนริมฝีปากออกอย่างเสียดาย ก่อนจะค่อยๆ ปลดเปลื้องอาภรณ์ออกจากร่างบาง ลมหายใจของเขาติดขัดเมื่อเห็นร่างงามตรงหน้า ภายนอกเธอดูรูปร่างบาง แต่ภายในนั้น อกเป็นอก เอวเป็นเอว สะโพกผายกลมกลึง หุ่นของเธอเรียกได้ว่าซ่อนรูปจริงๆ เขากลืนน้ำลายลงคอดังเอื้อก “ครีม..สวยมากเลยรู้ตัวมั้ย?” มือของเขาลูบไล้ไปตามส่วนต่างๆ ของร่างกาย ผม ไหล่ แขน ท้อง ต้นขา เว้นแต่ส่วนกลางหว่างขาที่เหมือนจะแกล้งให้ปั่นป่วน แรงกระตุ้นจากฝ่ามือที่ลูบไล้ส่งผลทุกส่วนกับร่างกาย เขารีบปลดเสื้อผ้าของตัวเองออกอย่างรวดเร็ว ก่อนที่ปลายลิ้นอุ่นจะสัมผัสโลมเลียไปทั่วร่างงาม ความนุ่มนวลและความเร่าร้อนของผิวอันเปลือยเปล่าที่ได้สัมผัสกันครั้งแรกปลุกเร้าความรู้สึกซาบซ่านขึ้นมา เนื้อตัวทุกตารางนิ้วที่เขาก้าวผ่านไปบนร่างกายของเธอเป็นเหมือนการผจญภัยที่น่าตื่นเต้น สองมือขย้ำหน้าอกขาวนวลของเธออย่างไม่สงวนท่าทีอีกต่อไป ปลายนิ้วสะกิดเขี่ยจุกสีชมพูหวานทำเอาสะท้านกาย ยอดอกแข็งชันถูกลิ้นตวัดเลีย ปลุกอารมณ์ซาบซ่านจนลมหายใจหอบถี่กระชั้น “อ๊ะ..อ๊าา” เขาผละจากดอกบัวคู่สวย ก่อนจะลากลิ้นลงมาจนถึงจุดเล็กๆ ตรงกลาง และเคลื่อนต่ำลงไปยังกลีบกุหลาบ นิ้วมือของอีกฝ่ายค่อยๆ เปิดร่างกายของเธออย่างอ่อนโยน แต่แฝงไปด้วยความรุ่มร้อน ส่วนคับแคบถูกคลี่ขยายอย่างระมัดระวังและทะนุถนอม นิ้วยาวๆ แทรกเข้ามาตรงช่องทางคับแคบ พร้อมกับความรู้สึกแปลกปลอมที่ไม่คุ้นเคย นี่เป็นครั้งแรกที่ส่วนลึกของร่างกายถูกคนอื่นสำรวจจนต้องส่งเสียงออกมา “อ๊ะ! เจ็บ” คริมาทำหน้าเหยเย ช่องทางคับแคบเปียกชื้นทักทายกับสิ่งแปลกปลอมที่พึ่งเจอกันครั้งแรก นิ้วที่สอดค้างอยู่ตรงนั้นเริ่มขยับเข้าออกอย่างช้าๆ และเร็วแรงขึ้น “อ๊าาา” เขาถอนนิ้วออกและแทรกลิ้นเข้ามาช้าๆ ปลายลิ้นขยับเข้าออกอย่างระมัดระวัง ขณะที่สะโพกชาวาบจากสัมผัสอ่อนนุ่มต่างจากความแข็งของนิ้ว เขาไม่เคยทำแบบนี้ให้ใคร เธอเป็นผู้หญิงคนแรกที่เขาปรนเปรอด้วยปากและลิ้น เสียงเฉอะแฉะดังขึ้น พร้อมๆ กับความเคลื่อนไหวของลิ้นตรงปากทางเข้าสีชมพูเรื่อ ไม่นานนักน้ำหวานก็ไหลเยิ้มออกมาราวกับดอกไม้ถูกกระตุ้น เขาดื่มกินจนไม่เหลือสักหยด “อืม..อ่าาา” ความเป็นชายแข็งตัวราวกับเลือดทั้งหมดไหลไปรวมกันอยู่ตรงนั้น ความบริสุทธิ์ของเธอทำให้เขาหลงลืมเครื่องป้องกันไปเสียสนิท เขาจับความเป็นชายสัมผัสกับจุดที่อ่อนไหวของเธอ ก่อนจะค่อยๆ ดันเข้าไปในช่องทางที่คับแคบ “โอ้ย!” เธอกรีดร้องออกมาด้วยความเจ็บปวดเมื่อเยื่อพรหมจรรย์ขาดออกจากกัน น้ำตาไหลรินออกมาอย่างห้ามไม่อยู่ “โอ้ว! แน่นชิบ” ชายหนุ่มสถบออกมา “ทนเจ็บหน่อยนะครับ..คนดีของพี่” เขาพูดปลอบโยนเธอพร้อมกับดันสะโพกเข้าไปใหม่อีกครั้งจนสุดลำ “อ๊ะ อ๊าาาา” ร่างกายสั่นเทิ้มกับรสสัมผัสที่ไม่เคยเจอมาก่อน ช่องทางรักบีบรัดความเป็นชายที่แนบสนิทคล้ายจะทำให้ละลาย ช่องทางที่คับแคบทำเอาต้องกัดฟันแน่นระงับความรู้สึกรุนแรงจนแทบจะทำให้ปลดปล่อยทันที เมื่อเห็นว่าเธอเริ่มปรับตัวกับความใหญ่โตมโหฬารของเขาได้แล้ว ความเป็นชายแทรกลึกเข้ามา ก่อนจะถูกดึงออกเพื่อรอเวลากลับเข้ามายังส่วนลึกอีกครั้ง ความเจ็บแปรเปลี่ยนเป็นความเสียวซ่านขึ้นมาแทนที่ และแม้จะกลั้นเสียงสุดกำลัง แต่มันกลับหลุดรอดผ่านมาจากลำคอ “ปล่อยมันออกมาครีม อย่ากลั้นไว้” เขาบอกด้วยเสียงแหบพร่า เพราะเขาเองก็ทนไม่ไหวเหมือนกัน ช่องทางรักของเธอบีบรัดเขาแน่นจนเขาอยากจะปลดปล่อย “อ๊าาาา” เสียงครางประสานกับลมหายใจหอบกระเส่า การทำรักของเขาเริ่มต้นอย่างนุ่มนวลไม่ต่างจากคลื่นทะเลยามสงบ แต่จากนั้นลมทะเลก็ค่อยๆ โหมแรงขึ้นเรื่อยๆ ตามความหฤหรรษ์ที่โอบล้อมราวกับโดนคลื่นซัดเป็นระลอก เรียวปากแดงก่ำเผยอส่งเสียงครางกระสันครั้งแล้วครั้งเล่า ร่างกายสะท้านวาบด้วยแรงกระตุ้นอันหนักหน่วงราวกับมีกระแสไฟฟ้าแล่นไปทั่วร่าง “อ๊าาา” เธอกรีดร้องเสียงหลง เธอถึงจุดสูงสุดในพริบตา สะโพกสั่นกระตุกไม่หยุดอย่างควบคุมไม่ได้ เนื้อตัวชาวาบด้วยความสุขจากการได้ปลดปล่อย เมื่อเขาส่งเธอไปถึงสรวงสวรรค์ก่อนแล้วจึงเร่งเครื่องตามไปติดๆ แผ่นอกกระเพื่อมน้อยๆ หน้าท้องเกร็งเมื่อบางอย่างกำลังจะพุ่งทะยานออกมา ร่างกายเกร็งกระตุกก่อนปลดปล่อยสายน้ำสีขาวพวยพุ่งออกมาใส่ช่องทางรักที่คับแคบจนหมดสิ้น “โอ้ววว” ร่างกายทาบทับลงมาราวกับหมดแรงถึงขีดสุด ก่อนที่พวกเขาจะกอดกัน หลับตาฟังเสียงหอบหายใจ ไม่นานนักหญิงสาวก็ผล็อยหลับไปด้วยความเพลีย อนาคินเมื่อเห็นหญิงสาวในอ้อมกอดหลับใหลไปแล้ว เขาชั่งใจอยู่ชั่วครู่ ก่อนจะหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาถ่ายรูปหญิงสาวนอนกอดเขาภายใต้ผ้าห่มผืนใหญ่ในสภาพท่อนบนเปลือยเปล่าตั้งแต่ช่วงไหล่ขึ้นมา เขาใช้เวลาสักพักกว่าจะตัดสินใจส่งรูปนั้นเข้าไลน์กลุ่ม ซัน : เฮ้ย! จริงดิ วินทร์ : ว้าวๆ สุดยอดเลยมึงไอ้คิน คี : กูขอยอมแพ้ คี : (สลิปโอนเงินหนึ่งล้านบาท) คิน : @คี ขอบใจ เช้าวันต่อมา “ตื่นแล้วเหรอ..มาทานข้าวต้มกุ้งเร็ว กำลังร้อนๆ เลย” อนาคินเอ่ยขึ้นเมื่อเห็นคริมาค่อยๆ เดินมาที่โต๊ะอาหาร “ค่ะ” เขามาช่วยพยุงเธอนั่งบนเก้าอี้ “เจ็บมากมั้ย?” สิ้นเสียงของอนาคิน หญิงสาวหน้าแดงขึ้นมาทันที “เอ่อ ก็..พอทนได้ค่ะ” คริมาตอบด้วยความเขินอาย “ทานข้าวต้มเสร็จแล้วก็กินยาพารานะ จะได้หายไวๆ” เขาบอกเหมือนจะเป็นห่วง “ค่ะ” “ขอบคุณนะครับ..สำหรับของขวัญวันเกิดของพี่ “ค่ะ” คริมายิ้มออกมาอย่างเหนียมอาย หลังจากที่ทั้งคู่ทานอาหารเช้าเสร็จ อนาคินก็ชวนหญิงสาวไปเดินเล่นที่ชายทะเล ก่อนจะพาเธอกลับในช่วงบ่ายของวันนั้น คริมาไม่มีทางรู้เลยว่า หลังจากที่เขาไปส่งเธอที่บ้านแล้ว ทุกสิ่งทุกอย่างจะเปลี่ยนแปลงไป และไม่มีอะไรเหมือนเดิมอีกต่อไป…คำกล่าวที่ว่า..ผู้ชายรักผู้หญิงจากร้อยไปศูนย์ และ ผู้หญิงรักผู้ชายจากศูนย์ไปร้อย คงจะจริงสินะ..คริมารู้สึกได้ว่าตั้งแต่ที่กลับมาจากไปเที่ยวทะเล อนาคินดูเปลี่ยนไป เขาไม่ค่อยโทรหา หรือส่งข้อความมา และไม่มารับส่งเธอเหมือนแต่ก่อน มีแต่เธอที่เป็นฝ่ายโทรหาเขา ส่งข้อความไปบางทีเขาก็ไม่อ่าน หรืออ่านแล้วก็ตอบแบบขอไปที ร้ายกว่านั้นคืออ่านแล้วไม่ตอบ ความกังวลและความหวาดกลัวทั้งหมดพลันถาโถมเข้ามาในพริบตาครีม : พี่คินคะ ทำอะไรอยู่ กินข้าวหรือยังคะครีม : ทำไมเดี๋ยวนี้พี่คินไม่โทรมาหาครีมเลยล่ะคะครีม : ครีมทำอะไรให้พี่คินโกรธหรือเปล่าคะครีม : พี่คินตอบครีมหน่อยสิคะ อย่าเงียบไปแบบนี้พี่คิน : พี่ไม่ค่อยว่าง พอดีช่วงนี้พี่ต้องทำทีสิส อีกไม่กี่เดือนพี่ก็จะเรียนจบแล้ว ครีมอย่าโกรธพี่นะที่พี่ไม่ค่อยมีเวลาให้ครีมครีม : ไม่เป็นไรค่ะ ครีมเข้าใจ ขอแค่พี่คินอย่าหายไปก็พอค่ะครีม : ครีมรักพี่คินนะคะพี่คิน : สติ๊กเกอร์ยิ้มคริมาถอนหายใจอย่างโล่งอก อย่างน้อยเธอก็ไม่ได้คิดไปเอง เขาแค่ไม่ว่างเพราะช่วงนี้ต้องทำทีสิสสำหรับคนที่กำลังเรียนอยู่ปีสี่ ปีสุดท้ายของช่วงชีวิตในรั้วมหาวิทยาลัย“นี่แก ฉันได้ข่าวว่ายัย
อุ๊บ! โอ๊กกกก! แหวะเสียงอาเจียนของคริมาดังอยู่ในห้องน้ำชั้นล่างของตัวบ้าน สัปดาห์นี้เป็นสัปดาห์สุดท้ายของการสอบแล้วหลังจากนั้นก็ปิดเทอม จู่ๆ เธอก็รู้สึกหน้ามืดขึ้นมาหลังจากที่ตื่นนอนตอนเช้า จากนั้นเริ่มรู้สึกเวียนหัวและอยากจะอาเจียน จนสุดท้ายทนไม่ไหวต้องลุกไปอาเจียนในห้องน้ำสงสัยจะเครียดเรื่องสอบมากไปหน่อย ช่วงนี้เธอเองก็ทานข้าวไม่ค่อยตรงเวลา บวกกับมีเรื่องของอนาคินให้คิดเมื่อเห็นว่าชายหนุ่มห่างหาย ขาดการติดต่อไปโดยปริยาย หลังจากออกมาจากห้องน้ำ เธอหาข้อมูลในอินเทอร์เน็ตเกี่ยวกับอาการที่เธอเป็น ยิ่งอ่านหัวใจของเธอยิ่งสั่นไหว เพราะอาการที่เธอเป็นนั้นบ่งบอกว่าเธออาจจะกำลังตั้งครรภ์ มันก็อาจจะเป็นไปได้ วันนั้นที่ทะเล เธอจำได้ว่าอนาคินไม่ได้สวมถุงยางอนามัยเพื่อป้องกัน และเธอก็ลืมเรื่องนี้ไปสนิท ไม่รอช้า คริมารีบอาบน้ำแต่งตัวไปสอบที่มหาวิทยาลัย วันนี้เธอมีสอบแค่วิชาเดียวในช่วงเช้า หลังจากสอบเสร็จ หญิงสาวตรงไปโรงพยาบาลเพื่อตรวจให้แน่ใจว่าเธอป่วยเป็นอะไรกันแน่โรงพยาบาลเอกชนแห่งหนึ่ง“ขอแสดงความยินดีด้วยนะคะ..คนไข้กำลังตั้งครรภ์ได้สิบสองสัปดาห์แล้วค่ะ คนไข้จะฝากครรภ์เลยมั้ยคะ?” สิ้นเสียงของ
คริมาไม่รู้ว่าเธอพาร่างกายอันบอบช้ำของเธอมาถึงบ้านได้อย่างไร เมื่อมาถึงห้องนอนหญิงสาวก็ปิดประตู ล้มตัวนอนลงบนเตียงแคบ ร้องไห้สะอึกสะอื้นจนตัวสั่นเทาไปทั้งตัว เธอผล็อยหลับไปทั้งที่น้ำตายังไหลอาบหน้า“วดี” สุชาดาเรียกบุตรสาวคนที่สองที่กำลังนอนกระดิกเท้าบนโซฟาในห้องรับแขกพร้อมกับมือที่ถือโทรศัพท์อยู่ตลอดเวลา“เรียกทำไมแม่” สุชาวดีทำน้ำเสียงหงุดหงิดที่โดนก่อกวนเวลาที่เธอกำลังเล่นเกมอยู่“ไปดูยัยครีมให้แม่ทีสิ..ไม่รู้ว่ามันเป็นอะไรหรือเปล่า มันกลับมาก็หมกตัวอยู่แต่ในห้อง งานบ้านมันยังไม่ได้ทำเลย เดี๋ยวพ่อแกก็จะกลับมาแล้วเนี่ย” สุชาดาพูดด้วยน้ำเสียงเป็นกังวล เพราะงานบ้านทุกอย่างคริมาต้องเป็นคนทำให้เสร็จก่อนที่สามีของเธอจะกลับมา และยกความดีความชอบให้กับลูกสาวทั้งสองคนของเธอที่ตัวจริงขี้เกียจตัวเป็นขน“แม่ก็ไปดูมันเองสิ หนูเล่นเกมอยู่ ไม่ว่าง”“แกนั่นแหละไปดู แม่ทำกับข้าวอยู่แกไม่เห็นหรือยังไง”“เออๆ ไปดูให้ก็ได้” จากนั้นสุชาวดีก็เดินไปที่ห้องเก็บของ เธอเปิดประตูเข้าไปโดยไม่ขออนุญาตเจ้าของห้อง สุชาวดีเห็นคริมานอนหลับอยู่บนเตียง กำลังจะปลุกแต่สายตาของเธอเหลือบไปเห็นถุงบางอย่างวางอยู่บนโต๊ะ ด้ว
หลังจากที่คริมาออกมาจากบ้าน เธอเดินไปเรื่อยๆ อย่างไม่มีจุดหมายปลายทาง น้ำตาที่ไหลรินตอนนี้เหือดแห้งไปเหลือแต่คราบน้ำตาที่เปรอะเปื้อนอยู่เต็มหน้า ตอนนี้ก็ดึกมากแล้วเธอนั่งอยู่ป้ายรถเมล์มาร่วมสองชั่วโมง ด้วยไม่รู้ว่าจะขึ้นรถไปลงที่ไหน และตอนนี้รถเมล์ก็หยุดวิ่งไปแล้ว ค่ำคืนนี้เธอคงตอนนอนที่ป้ายรถเมล์ไปก่อนเพราะน่าจะปลอดภัยที่สุดแล้วคฤหาสน์สุดหรูแห่งหนึ่ง“กลับบ้านได้ด้วยเหรอ..คิน” เสียงของคุณหญิงพิมพิกาดังขึ้นเมื่อเห็นลูกชายหัวแก้วหัวแหวนกลับมาบ้าน ปกติลูกชายจะพักที่คอนโดมิเนียมใกล้กับมหาวิทยาลัย ถ้าไม่บอกให้มาหาลูกชายของเธอก็ไม่ค่อยจะกลับบ้าน“ก็คุณตามานี่ครับแม่ ผมก็ต้องมาหาคุณตาสิครับ” อนาคินตอบมารดาก่อนจะหันไปยกมือไหว้พ่อเลี้ยงพัฒน์ธนา คุณตาของเขาที่มีไร่ผลไม้อยู่ทางภาคเหนือหลายพันไร่ บริษัทผลิตเครื่องดื่มแบรนด์ดังของคุณเทวินทร์บิดาของเขาก็ได้วัตถุดิบหลักจากไร่ของพ่อเลี้ยงพัฒน์ธนานี่แหละที่ใช้ในการผลิตเครื่องดื่มที่เป็นผลไม้“สวัสดีครับคุณตา คินคิดถึงคุณตาที่สุดเลยครับ คุณตาสบายดีนะครับ”“สบายดีลูก..แล้วนี่คินว่างเหรอถึงมาหาตาได้ ไม่ไปเที่ยวกับสาวๆ หรือยังไง?”“โถ่! คุณตาสำคัญกว่าสา
ไร่พรรณิภาพ่อเลี้ยงพัฒน์ธนาพาคริมามาที่ไร่พรรณิภา ชื่อไร่มาจากชื่อของภรรยาที่ล่วงลับของเขานั่นเอง เดิมทีพ่อเลี้ยงเป็นคนกรุงเทพฯ ได้มีโอกาสมาเที่ยวเชียงใหม่และได้มาพบรักกับพรรณิภาสาวเมืองเหนือ ทั้งสองแต่งงานกัน ลงหลักปักฐานอยู่ที่เชียงใหม่ พ่อเลี้ยงซื้อที่เพื่อทำไร่ส้ม จากนั้นก็ขยับขยายพื้นที่ออกไปจนปัจจุบันมีหลายพันไร่ นอกจากส้มแล้วยังมีผลไม้อื่นๆ อีกมากมาย เช่น องุ่น ลำไย ลิ้นจี่ ซึ่งล้วนแต่ให้ผลผลิตที่งดงามตลอดทุกปี และผลไม้จากไร่แห่งนี้กลายเป็นวัตถุดิบหลักในการผลิตน้ำผลไม้แบรนด์ดังซึ่งเป็นบริษัทของเทวินทร์ ลูกเขยของพ่อเลี้ยง พ่อของเทวินทร์เป็นเพื่อนรักกับเขา ซึ่งหลังจากที่เขาย้ายมาอยู่เชียงใหม่ เขาได้พาเพื่อนและครอบครัวมาเที่ยวที่ไร่ นั่นคือจุดเริ่มต้นของความสัมพันธ์ของเทวินทร์ ลูกชายของเพื่อนรักและพิมพิกา ลูกสาวของเขา ที่นำมาสู่การแต่งงาน“หนูครีมอยู่ที่นี่ได้ตามสบายเลยนะ..ไม่ต้องเกรงใจ ทำใจให้สบายดูแลตัวเองกับลูกในท้องให้ดี” พ่อเลี้ยงบอกกับหญิงสาวหลังจากที่เขาพาเธอมาที่บ้านไม้สักหลังเล็กกะทัดรัด เขาสร้างบ้านหลังนี้ตอนที่เขาแต่งงานกับพรรณิภา และใช้ชีวิตร่วมกันที่บ้านหลังนี้ แต่ตอ
สามปีต่อมา“น้องเค้ก อย่าวิ่งสิลูก เดี๋ยวจะหกล้มนะคะ” คริมาบอกกับลูกสาวตัวน้อยวัยสามขวบที่กำลังวิ่งไปหาพ่อเลี้ยงพัฒน์ธนา“น้อนเค้กจะหาคุงตาค่า” เสียงน้อยๆ น่ารักบอกกับผู้เป็นมารดาเด็กหญิงอนาลิน หรือ น้องเค้ก เรียนอยู่ที่ศูนย์พัฒนาเด็กเล็กประจำตำบล ทุกเช้าก่อนไปโรงเรียนคริมาจะต้องพาเด็กหญิงมาสวัสดีคุณตาก่อนไปเรียน“มาแล้วหลานรักของตา วันนี้มาแต่เช้าเชียว” พ่อเลี้ยงอุ้มเด็กหญิงเค้กขึ้นมาไว้ในอ้อมแขนก่อนจะหอมแก้มซ้ายขวา จนเด็กหญิงหัวเราจะคิกคักเพราะจั๊กจี้หนวดของคุณตา“พอรู้ว่าวันนี้เป็นวันศุกร์ได้ไปโรงเรียนอีกวันเดียวน้องเค้กดีใจใหญ่ก็เลยรีบตื่นแต่เช้าค่ะ..พ่อเลี้ยง”“อ๋อ..ที่แท้คนสวยของตาก็ไม่อยากไปโรงเรียนนี่เอง” เสียงคุณตาเอ่ยแซวหลานสาวตัวน้อย“สวัสดีค่ะ..คุณตาก่อนสิลูก เดี๋ยวไปสายนะคะ”“ซาหวัดดีค่า” เด็กหญิงเค้กพนมมือไหว้ด้วยท่าทางน่ารักน่าเอ็นดู“ตั้งใจเรียนนะลูก” พ่อเลี้ยงพัฒน์ธนาวางเด็กหญิงลงก่อนจะลูบหัวเบาๆ จากนั้นคริมาก็พาเด็กหญิงเค้กซ้อนมอเตอร์ไซค์ขับออกไปเกือบสี่ปีแล้วสินะ..ที่คริมาอาศัยอยู่ที่นี่ เขาคิดไม่ผิดที่ช่วยเหลือหญิงสาวไว้ในตอนนั้น ถ้าเขาไม่พาเธอมาอยู่ที่นี่ก็ไม่รู
โรงพยาบาลเอกชนชื่อดังหลังจากที่คุณเทวินทร์กับคุณหญิงพิมพิกา และอนามิกา ได้รับแจ้งข่าวร้ายจากทางโรงพยาบาลว่า อนาคินประสบอุบัติเหตุ ทั้งสามคนจึงรีบมาโรงพยาบาลทันที“คุณหมอคะ..ลูกชายดิฉันเป็นอย่างไรบ้างคะ” คุณหญิงพิมพิกาถามออกไปด้วยน้ำเสียงสะอึกสะอื้นเพราะร้องไห้อย่างหนักด้วยความเป็นห่วงลูกชาย เมื่อเห็นว่ามีหมอเปิดประตูห้องฉุกเฉินออกมา“เนื่องจากศีรษะของคนไข้ได้รับการกระแทกอย่างรุนแรงทำให้เซลล์สมองและหลอดเลือดได้รับความเสียหาย ตอนนี้ต้องรอดูอาการอย่างใกล้ชิด ถ้ามีอะไรคืบหน้าหมอจะแจ้งอีกทีนะครับ” สิ้นเสียงของหมอ อนามิกาจึงเอ่ยถามออกมาเสียงสั่น“เค้าจะไม่เป็นอะไร..ใช่มั้ยคะหมอ?”“ตอนนี้หมอยังตอบไม่ได้ครับ แต่อาการของคนไข้ถือว่าอยู่ในขั้นวิกฤติ หมอจะพยายามอย่างสุดความสามารถ ญาติไม่ต้องห่วงนะครับ”“ช่วยลูกชายผมด้วยนะครับคุณหมอ..อย่าให้เค้าเป็นอะไร” ครานี้เป็นเสียงของคุณเทวินทร์“ครับ หมอจะทำให้เต็มที่ครับ เดี๋ยวหมอขอตัวก่อนนะครับ” พูดจบหมอก็กลับเข้าไปในห้องฉุกเฉินสองแม่ลูกกอดกันร้องไห้ออกมาจนคุณเทวินทร์ต้องเข้ามาปลอบ“ตาคินต้องไม่เป็นอะไร หมอที่นี่เก่ง ตาคินจะต้องปลอดภัย” คุณเทวินทร์
เขาจำเธอไม่ได้..สายตาที่เขามองเธอเหมือนกับคนไม่เคยรู้จักกัน..ก็ดีเหมือนกัน..ในเมื่อเขาทำเป็นไม่รู้จักเธอ เธอก็ไม่ต้องกลัวว่าเขาจะรู้เรื่องของ…“หนูครีม..หนูครีม” เสียงของป้าสายเรียกสติของหญิงสาวกลับมาอีกครั้ง“จ่ะป้า”“เปิ้ลขึ้นบ้านไปกั๋นหมดแล้ว มะไดอีน้องจะไปสักเตี่ย” เขาขึ้นบ้านไปกันหมดแล้ว เมื่อไหร่หนูจะไปสักที“ครีมจะไปเดี๋ยวนี้แหละค่ะป้า” จากนั้นคริมาก็จูงมือเด็กหญิงเค้กเดินตามเข้าไปในบ้านใหญ่คริมานำน้ำกับผลไม้ของที่ไร่มาเสิร์ฟให้กับผู้เป็นเจ้านายทั้งหลาย ก่อนจะเดินออกไปจากห้อง เสียงของพ่อเลี้ยงพัฒน์ธนาดังขึ้นมา“หนูครีม..อย่าพึ่งไป ฉันมีเรื่องจะคุยกับหนู”“ค่ะ..พ่อเลี้ยง” คริมานั่งลงที่พื้นติดกับโซฟา“เดี๋ยวฉันจะแนะนำให้หนูครีมรู้จักกับทุกคนนะ นี่พิมพิกา ลูกสาวของฉันเอง ผู้ชายที่นั่งข้างๆ คือ เทวินทร์ ลูกเขยของฉัน และนั่น อนามิกา กับ อนาคิน หลานสาวกับหลานชายของฉันเอง”“สวัสดีค่ะ” คริมายกมือไหว้ทุกคนอีกครั้งพร้อมกับส่งยิ้มน้อยๆ“นี่คือหนูครีม เป็นผู้ช่วยของพ่อเอง” พ่อเลี้ยง พัฒน์ธนาแนะนำหญิงสาวให้ทุกคนได้รู้จักก่อนจะพูดเรื่องสำคัญออกมา“หนูครีม ฉันมีเรื่องจะรบกวนหนู คืออย่างนี
สองปีต่อมาคริมาท้องอีกครั้ง เธอตั้งใจว่าหลังจากคลอดลูกคนนี้แล้วเธอจะทำหมัน เพราะมีลูกสามคนก็เพียงพอแล้วสำหรับเธอ แต่อนาคินอยากมีลูกสี่คน ในที่สุดสวรรค์ก็เข้าข้างชายหนุ่มใช่! เธอท้องลูกแฝดและเป็นฝาแฝดชายหญิงเสียด้วยอนาคินดีอกดีใจจนออกนอกหน้า ส่วนคริมานั้นก็ดีใจ แต่ลึกๆ เธอก็กังวลเล็กน้อย เพราะแค่เลี้ยงลูกน้อยคนเดียวก็เหนื่อยแล้ว นี่เธอต้องเหนื่อยคูณสอง แต่เธอก็ไม่กลัวเพราะมีอนาคินคอยช่วยเลี้ยง ในเมื่อเขาอยากได้ลูกมากนักเธอก็จะให้เขาเลี้ยงซะให้เข็ด จะได้รู้ว่าเลี้ยงลูกไม่ได้สบายอย่างที่ผู้ชายหลายๆ คนคิดหลังจากที่คริมาคลอดลูกแฝดแล้ว อนาคินก็พาครอบครัวย้ายถิ่นฐานมาอาศัยอยู่ที่ไร่พรรณิภา เพราะพ่อเลี้ยงพัฒน์ธนานั้นตอนนี้ก็แก่ชรามากแล้ว ไม่สามารถดูแลไร่ได้เหมือนเดิม เขาจึงตกเป็นผู้สืบทอดกิจการของพ่อเลี้ยงไปโดยปริยาย ส่วนอนามิกา พี่สาวของเขานั้นก็ดูแลในส่วนของบริษัทผลิตเครื่องดื่มแบรนด์ดังที่สุดทั้งในประเทศและต่างประเทศ และแน่นอนว่าไวน์ที่อนาคินคิดค้นผลิตขึ้นมานั้นกลายเป็นไวน์แบรนด์ดังที่ขายดิบขายดีเป็นเทน้ำเทท่า เพราะรสชาติของไวน์ที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว ไม่เหมือนกับไวน์ทั่วๆ ไป ส่งผลให้อ
หนึ่งปีต่อมาวันนี้อนาคินพาคริมาและลูกน้อยทั้งสองคนมาเที่ยวพักผ่อนที่ไร่พรรณิภา คนงานในไร่ต่างพากันดีอกดีใจที่ได้เจอคริมากับลูกของเธออีกครั้ง และโดยเฉพาะพ่อเลี้ยงพัฒน์ธนาที่ตอนนี้กลายเป็นคุณปู่ทวดไปแล้ว ชายชราดีใจที่ลูกหลานมาเยี่ยมเยือน พ่อเลี้ยงจึงสั่งให้มีการจัดงานเลี้ยงพิเศษขึ้นในค่ำคืนนี้ และให้คนงานทุกคนมาร่วมดื่มกินสังสรรค์กันให้เต็มที่เพราะพรุ่งนี้เป็นวันหยุด“พ่อเลี้ยงไม่บอกก่อน ครีมไม่มีชุดสวยๆ ติดมาเลยค่ะ” คริมายังคงเรียกคุณตาของอนาคินว่าพ่อเลี้ยง เพราะความเคยชิน“ไม่ต้องห่วง..พี่เตรียมไว้ให้หมดแล้ว ทั้งของครีมกับของลูกๆ”“จริงเหรอคะ..พี่คินไปเตรียมตอนไหน ครีมไม่เห็นรู้เลย”“ไม่บอก..แต่พี่รับรองว่าครีมต้องชอบแน่ๆ”“พี่คินคิดจะทำอะไรกันแน่ บอกครีมมาเดี๋ยวนี้เลยนะ” คริมาหันไปทำเสียงดุใส่สามี“เปล่า..ไม่ได้จะทำอะไร ก็พอดีพี่บอกกับคุณตาว่าพวกเราจะมา คุณตาก็เลยจะจัดงานเลี้ยงต้อนรับพวกเรา เพียงแต่พี่ไม่ได้บอกครีมเท่านั้นเอง”“จริงนะคะ”“จริงที่สุดครับ” อนาคินยิ้มอย่างมีเลศนัยและในค่ำคืนที่ทุกคนรอคอยก็มาถึง อนาคินส่งตัวลูกสาวกับลูกชายให้ป้าสายช่วยจัดการอาบน้ำแต่งตัวให้ และเขาก็บอก
สามวันผ่านไปอนาคินออกจากโรงพยาบาลหลังจากที่อาการดีขึ้นมากแล้ว เพราะได้พยาบาลส่วนตัวดูแลเป็นอย่างดี รวมไปถึงกำลังใจจากคนรอบข้าง ทำให้เขาแข็งแรงขึ้นในเร็ววัน“ครีมมีนัดตรวจครรภ์อีกเมื่อไหร่” อนาคินเอ่ยถามคนรักในขณะที่เขากำลังนั่งเอามือลูบท้องของเธออยู่“วันอาทิตย์ที่จะถึงนี้ค่ะ..อุ้ย!” คริมาคลี่ยิ้มก่อนจะอุทานออกมาเพราะลูกน้อยในท้องดิ้นแรงเหลือเกิน“ลูกดิ้นเหรอ?” อนาคินถามเพราะเขาก็รู้สึกได้ว่าลูกน้อยกำลังดิ้น“ค่ะ”“เราจะได้รู้แล้วใช่มั้ยว่าจะได้ลูกสาวหรือลูกชาย”“จริงๆ รู้ได้ตั้งแต่เดือนก่อนแล้วค่ะ แต่ลูกคงจะอายหนีบไว้ไม่ยอมให้เห็น”“พี่ตื่นเต้นจัง..อยากรู้ว่าได้ผู้หญิงหรือผู้ชาย”“วันอาทิตย์นี้น่าจะรู้นะคะ..ถ้าลูกไม่แอบอีก”“เรานอนกันเถอะครับ..ดึกแล้ว”“ค่ะ..ฝันดีนะคะ”“ฝันดีเหมือนกันครับ” จากนั้นทั้งสองก็นอนหลับอยู่ในอ้อมกอดของกันและกันจนถึงเช้าวันอาทิตย์วันที่คริมากับอนาคินรอคอยก็มาถึง เมื่อเขาพาเธอมาหาหมอเพื่อตรวจครรภ์ตามนัด อนาคินตื่นเต้นที่ได้เห็นลูกน้อยบนหน้าจอเป็นครั้งแรก ภาพของลูกน้อยที่ดิ้นอยู่ในครรภ์ทำให้เขาน้ำตาซึมออกมา มันเป็นความรู้สึกตื้นตันใจอย่างบอกไม่ถูก เขาพลาดโอ
อนาคินที่แกล้งนอนหลับ อมยิ้มออกมาอย่างห้ามไม่อยู่เมื่อได้ยินคริมาพูดความในใจกับเขา คริมานั่งบนเก้าอี้เธอจับมือข้างหนึ่งของเขามาแนบกับแก้มของเธอ เธอพูดออกมาพร้อมกับน้ำตาที่ไหลรินลดมือเขา อนาคินอดใจไม่ไหวอยากจะดึงเธอเข้ามากอดปลอบเสียเดี๋ยวนี้เขาพึ่งรู้ว่าการเกิดอุบัติเหตุในครั้งนี้มันช่างดีเหลือเกิน เพราะมันทำให้คริมาหายโกรธเขาและให้โอกาสเขาอีกครั้ง เหมือนเป็นการพลิกวิกฤติให้เป็นโอกาส และครั้งนี้เขาจะไม่ทำให้เธอต้องเสียใจอีกเด็ดขาด อนาคินสัญญากับตัวเอง เขาจะดูแลคริมากับลูกให้ดีที่สุด เขาจะทำให้เธอเป็นผู้หญิงที่โชคดีที่สุดในที่สุดอนาคินก็ทนไม่ไหว ลืมตาขึ้นมา“ครีมพูดจริงใช่ไหม?” เขาถามออกไปพร้อมยิ้มอย่างดีใจ“จริงค่ะ ครีมพูดจริงๆ” คริมาตอบก่อนจะตกใจที่ได้ยินเสียงของเขา เธอเงยหน้ามองเขา อนาคินฟื้นเเล้ว แถมยังยิ้มหน้าแป้นใส่เธออีกนี่เธอโดนเขาหลอกอีกแล้วเหรอ..“นี่พี่คินฟื้นแล้วเหรอคะ? แล้วไม่เห็นมีใครบอกครีมเลย” คริมาหันมาถามเพื่อนๆ ของเขาเธอดีใจที่เขาฟื้น..แต่ก็เสียใจที่โดนหลอก“ก็น้องครีมไม่ได้ถามนี่นา..” เป็นเสียงของธาวินทร์เอ่ยออกมาเบาๆ“ต้องโทษไอ้คีเลย มันเป็นคนวางแผนทั้งหมด” อาทิ
หลังจากที่อนาคินขับรถออกมาจากบ้านของคีตะได้สักพัก เขามุ่งหน้าไปยังผับแห่งหนึ่ง ตอนนี้เขาต้องการตัวช่วยให้ตัวเองหายเครียดอนาคินนั่งดื่มเหล้าอยู่คนเดียวโดยไม่สนสายตาของใครต่อใครที่มองเข้ามา โดยเฉพาะสาวๆ ที่ต่างก็อยากจะเข้ามาทักทายเขา แต่หลังจากที่สาวๆ เหล่านั้นเห็นสายตาที่แข็งกร้าวของเขา พวกหล่อนต่างก็พากันล่าถอยไม่ย่างกรายมาใกล้เขาอีกเลยในขณะที่เขานั่งดื่มอยู่ประมาณหนึ่งชั่วโมงผ่านไปแล้ว ใบหน้าเล็กๆ น่ารักเหมือนตุ๊กตาก็ลอยเข้ามาในหัว ใช่! ลูกสาวของเขาเอง ป่านนี้ลูกคงจะรอเขาไปอ่านนิทานให้ฟังก่อนนอนเป็นแน่..ตอนนี้ลูกสาวติดเขามากจนเขาไม่สามารถจะไปไหนได้เลย อนาคินคิดได้ดังนั้นจึงลุกขึ้นและก้าวเท้ายาวๆ ออกจากผับไปทันทีสติสัมปชัญญะของเขาตอนนี้อาจจะไม่เต็มร้อยนัก แต่เขารู้ตัวว่าตัวเองไม่ได้เมาถึงขนาดขับรถไม่ได้ เขาแค่รู้สึกมึนๆ นิดหน่อย ในระหว่างทางกลับบ้านซึ่งเป็นถนนสี่เลน เขาเห็นรถสิบล้อคันหนึ่งพุ่งข้ามฝั่งมาทางที่เขากำลังขับรถ อนาคินเห็นท่าไม่ดีรีบหักหลบรถสิบล้อคันนั้น ก่อนที่รถของเขาจะเสียหลักไปพุ่งชนกับเสาไฟฟ้าข้างทางโครม!จากแรงกระแทกอย่างแรงของการขับไปชนเสาไฟฟ้าทำให้สติของเขาดับไปใ
คริมาลืมตาตื่นขึ้นมาในช่วงเย็นของวันนั้น เธอพยายามนึกถึงเรื่องราวที่เกิดขึ้น“เป็นยังไงบ้างครีม” คีตะเอ่ยถามเมื่อเห็นว่าคริมาฟื้นแล้ว“ลูก..พี่คี ลูกของครีมล่ะคะ?” คริมาถามออกไปด้วยความกลัว“ลูกของครีมปลอดภัย แต่ครีมต้องนอนอยู่บนเตียงห้ามขยับจนกว่าหมอจะอนุญาต”“ลูกครีมไม่เป็นอะไรจริงๆ ใช่มั้ยคะ?”“จริงสิ..ไม่ต้องกังวล เดี๋ยวพี่เรียกหมอก่อนนะ”จากนั้นหมอและพยาบาลก็เข้ามาตรวจอาการของหญิงสาว เบื้องต้นไม่มีอะไรผิดปกติ คุณหมอบอกให้เธอพักผ่อนให้มากๆ“พี่คีคะ..แล้ว เอ่อ”“ไอ้คินมันไม่อยู่หรอก พอดีน้องเค้กไม่สบาย มันก็เลยต้องรีบกลับไปดูลูก”“ตายจริง! แล้วน้องเค้กเป็นอะไรมากหรือเปล่าคะ?” คริมาอุทานออกมาด้วยความตกใจ“เห็นบอกว่าตัวร้อน แต่ครีมไม่ต้องเป็นห่วงนะ ไอ้คินมันพาน้องเค้กไปโรงพยาบาลแล้ว ตอนนี้ครีมต้องทำใจให้สบาย อย่าเครียด เดี๋ยวจะส่งผลถึงเจ้าตัวเล็กที่อยู่ในท้อง”“ค่ะ”ค่ำคืนนั้นกว่าคริมาจะหลับลงก็กินเวลาไปเกือบเที่ยงคืน เพราะเป็นห่วงลูกสาวเช้าวันต่อมา / โรงพยาบาลเอกชนชื่อดังในกรุงเทพฯตั้งแต่เมื่อคืนจนถึงตอนนี้อนาคินยังไม่ได้นอน เมื่อวานเขาพาเด็กหญิงเค้กมาหาหมอที่โรงพยาบาล หมอบอกว่าติ
“มีความสุขกันจริงๆ เลยนะ..ไอ้คี” สิ้นเสียงของ อนาคิน ทั้งคีตะและคริมาที่กำลังนั่งคุยกันใต้ร่มไม้ต่างก็ตกใจหันไปมองอนาคินที่กำลังยืนอยู่ใกล้ๆ พวกเขา“ไอ้คิน..มึงมาได้ยังไง” คีตะมีสติก่อนจึงถามออกไป“กูก็ตามมึงมาไง..ถ้ากูไม่ตามมึงมากูก็คงไม่รู้สินะว่ากูมันเป็นแค่ไอ้งั่งตัวหนึ่งเท่านั้น”“มึงฟังกูอธิบายก่อนนะ..ไอ้คิน”“ฟังเหรอ? มึงจะให้กูฟังอะไร เพื่อนรักกับเมียกูแอบคบชู้กันอย่างนั้นเหรอ” อนาคินตะโกนเสียงดัง“นี่คุณ..มันจะมากไปแล้วนะ” เสียงของคริมาปรี้ดขึ้นมา“มากเหรอ สำหรับผู้หญิงชั่วๆ อย่างเธอมันไม่มากไปหรอก ทิ้งลูกทิ้งเต้าเพื่อมาอยู่กับชู้ แถมยังมีลูกกับมันอีก เธอทำได้ยังไงครีม เธอทำแบบนี้ได้ยังไง ลูกร้องไห้หาเธอทุกวัน เธอไม่รู้บ้างเลยเหรอ เธอไม่รักลูกเลยใช่มั้ยถึงทำตัวทุเรสแบบนี้ ทำไมฮะ? ที่ฉันเอาเธออยู่ทุกวันมันไม่พอหรือยังไง ถึงต้องมาให้ไอ้คินมันเอาต่อจากฉัน?” เขาระเบิดอารมณ์ใส่เธอไม่ยั้งทันใดนั้นกำปั้นของคีตะก็พุ่งเข้ามาใส่มุมปาก ของอนาคินทันทีผลัวะ! ผลัวะ!เสียงต่อยตีกันเป็นพัลวันระหว่างคีตะกับอนาคิน ไม่รู้ใครเป็นใคร คริมาตกใจกับภาพตรงหน้า เธอพยายามเข้าไปดึงแขนของอนาคินให้หย
ทางด้านคริมา หลังจากที่เธอได้มาอยู่ที่บ้านของ คีตะได้หนึ่งเดือนแล้ว หญิงสาวเริ่มจะปรับตัวได้แล้ว คีตะจ้างแม่บ้านให้มาอยู่เป็นเพื่อนเธอ เขาพาเธอไปฝากครรภ์ที่โรงพยาบาลเอกชนใกล้ๆ นี้ ตอนนี้อายุครรภ์ของเธอยังอยู่ในไตรมาสแรก หมอจึงนัดเดือนละหนึ่งครั้งและแน่นอนว่าคีตะจะเป็นคนพาเธอไปหาหมอเอง และทุกสัปดาห์เขาจะมาเยี่ยมเธอพร้อมกับซื้อของบำรุงครรภ์มาให้เธอ จนเธอรู้สึกเกรงใจแต่ก็มิอาจห้ามปรามได้ เพราะถึงเธอจะห้ามแต่เขาก็ไม่ฟังอยู่ดี“ครีมอยู่ที่นี่เป็นยังไงบ้าง? โอเคหรือเปล่า?”“โอเคค่ะ..พี่คี ครีมอยู่ได้สบายมากค่ะ”“ขอบคุณพี่คีมากๆ นะคะ สำหรับทุกๆ อย่าง”“ไม่เป็นไร..พี่เต็มใจ”“พี่คินทานข้าวมาหรือยังคะ..วันนี้ครีมทำกับข้าวหลายอย่างเลยค่ะ”“ยังเลย กำลังหิวพอดีเลย แหะ แหะ” คีตะยกมือเกาหัวเมื่อเสียงท้องร้องดังขึ้นมาอับอายขายหน้าชะมัดเลย..มาร้องอะไรตอนนี้ก็ไม่รู้ คีตะคิดในใจก่อนจะหันไปยิ้มแหยๆ ให้เธอ“งั้นเราไปทานข้าวกันดีกว่าค่ะ”จากนั้นทั้งสองคนก็รับประทานอาหารอย่างเอร็ดอร่อย คีตะเติมข้าวถึงสองครั้งด้วยกัน เขาอิ่มจนพุงกาง“ครีมทำอาหารอร่อยนะ..ดูสิ พี่กินซะเยอะเชียว” คีตะเอ่ยชม ฝีมือการทำอาหารขอ
อนาคินหัวเสียเป็นอย่างมาก เมื่อตื่นมาแล้วพบว่าคริมาไปจากที่นี่แล้ว หลังจากที่เขาร่วมรักกับเธอและเธอเองก็ตอบสนองเขาอย่างถึงพริกถึงขิงจนเขาคิดว่าเธอจะเปลี่ยนใจยอมเป็นนางบำเรอให้เขาต่อ แต่เธอกลับหนีหายไป..ทิ้งลูกให้ร้องไห้หาแม่คริมาเป็นผู้หญิงที่ใจร้ายมาก.. ไม่สงสารลูกเลยหรือยังไงกัน..ตั้งแต่ที่คริมาจากไป บ้านนี้ก็แทบไม่ได้ยินเสียงหัวเราะของเด็กหญิงเค้กเลย มีแต่เสียงร้องไห้หาแม่ จนผู้เป็นบิดาทนไม่ไหว เขาตัดสินใจตามหาคริมาอนาคินขับรถตระเวนหาหญิงสาวไปทั่วกรุงเทพฯ หวังว่าจะเจอเธอที่ใดที่หนึ่ง เขาใช้เวลาอยู่ประมาณหนึ่งสัปดาห์ แต่ก็ไม่มีแม้แต่เงาเขาไม่คิดว่าเธอจะกลับไปที่ไร่พรรณิภาอีก แต่เขาก็ไม่มั่นใจ เขาไม่อยากโทรไปถามคุณตา เพราะกลัวว่าคุณตาจะช่วยคริมาปิดบังเขา อนาคินจึงเดินทางไปที่ไร่พรรณิภาด้วยตัวเอง“อ้าวคืน..มาคนเดียวเหรอลูก แล้วหนูครีมกับน้องเค้กไม่ได้มาด้วยเหรอ?” พ่อเลี้ยงพัฒน์ธนาถามออกไปเมื่อเห็นหน้าหลานชายแต่ไม่เห็นคริมากับเด็กหญิงเค้ก“ครีมไม่ได้อยู่ที่นี่เหรอครับคุณตา?” อนาคินไม่ตอบหากแต่เป็นฝ่ายถามกลับ“หนูครีมจะมาอยู่ที่นี่ได้อย่างไร..คินก็ถามแปลกๆ หรือว่าเกิดอะไรขึ้น บอกตา