ไร่พรรณิภา
พ่อเลี้ยงพัฒน์ธนาพาคริมามาที่ไร่พรรณิภา ชื่อไร่มาจากชื่อของภรรยาที่ล่วงลับของเขานั่นเอง เดิมทีพ่อเลี้ยงเป็นคนกรุงเทพฯ ได้มีโอกาสมาเที่ยวเชียงใหม่และได้มาพบรักกับพรรณิภาสาวเมืองเหนือ ทั้งสองแต่งงานกัน ลงหลักปักฐานอยู่ที่เชียงใหม่ พ่อเลี้ยงซื้อที่เพื่อทำไร่ส้ม จากนั้นก็ขยับขยายพื้นที่ออกไปจนปัจจุบันมีหลายพันไร่ นอกจากส้มแล้วยังมีผลไม้อื่นๆ อีกมากมาย เช่น องุ่น ลำไย ลิ้นจี่ ซึ่งล้วนแต่ให้ผลผลิตที่งดงามตลอดทุกปี และผลไม้จากไร่แห่งนี้กลายเป็นวัตถุดิบหลักในการผลิตน้ำผลไม้แบรนด์ดังซึ่งเป็นบริษัทของเทวินทร์ ลูกเขยของพ่อเลี้ยง พ่อของเทวินทร์เป็นเพื่อนรักกับเขา ซึ่งหลังจากที่เขาย้ายมาอยู่เชียงใหม่ เขาได้พาเพื่อนและครอบครัวมาเที่ยวที่ไร่ นั่นคือจุดเริ่มต้นของความสัมพันธ์ของเทวินทร์ ลูกชายของเพื่อนรักและพิมพิกา ลูกสาวของเขา ที่นำมาสู่การแต่งงาน “หนูครีมอยู่ที่นี่ได้ตามสบายเลยนะ..ไม่ต้องเกรงใจ ทำใจให้สบายดูแลตัวเองกับลูกในท้องให้ดี” พ่อเลี้ยงบอกกับหญิงสาวหลังจากที่เขาพาเธอมาที่บ้านไม้สักหลังเล็กกะทัดรัด เขาสร้างบ้านหลังนี้ตอนที่เขาแต่งงานกับพรรณิภา และใช้ชีวิตร่วมกันที่บ้านหลังนี้ แต่ตอนนี้เขาเอาไว้พักผ่อนหย่อนใจในยามค่ำคืน เพราะพื้นที่ตรงนี้เป็นพื้นที่ที่สามารถมองเห็นทิวทัศน์ทั้งหมดของไร่เพราะบ้านถูกสร้างอยู่บนเนินเขา สามารถมองเห็นดาวบนท้องฟ้าได้ชัดเจนที่สุด บ้านหลังนี้อยู่ห่างจากบ้านใหญ่ที่ชายชราอาศัยอยู่ประมาณสองกิโลเมตร “ขอบคุณมากๆ นะคะ พ่อเลี้ยง ถ้าครีมไม่เจอพ่อเลี้ยง ครีมก็ไม่รู้ว่าชีวิตครีมจะเป็นอย่างไร” “ไม่ต้องคิดมาก พักผ่อนเถอะ เดี๋ยวฉันต้องรีบไปดูท้ายไร่ที่เกิดเพลิงไหม้ก่อน” “ค่ะ” จากนั้นพ่อเลี้ยงพัฒน์ธนาก็เดินทางไปยังท้ายไร่ ส่วนคริมาก็จัดเสื้อผ้าใส่ตู้ ก่อนจะไปอาบน้ำและนอนหลับพักผ่อน สามเดือนผ่านไป คริมาเริ่มปรับตัวเข้ากับไร่พรรณิภาได้ หน้าท้องของเธอนูนขึ้นอย่างเห็นได้ชัดด้วยอายุครรภ์ยี่สิบสี่สัปดาห์แล้ว หญิงสาวเข้าไปช่วยงานพ่อเลี้ยงด้านการทำเอกสารต่างๆ เช่น งานบัญชี หรือเอกสารการจ่ายค่าแรงคนงาน ในส่วนของคนงานในไร่นั้นทุกคนต่างก็รักและเอ็นดูคริมาเหมือนลูกเหมือนหลาน แต่ก็ยังมีบางส่วนที่เข้าใจว่าคริมาเป็นเมียลับของพ่อเลี้ยง คริมาไม่ได้สนใจที่จะแก้ต่าง เธอคิดว่าพ่อเลี้ยงเป็นผู้มีพระคุณ เธออยากทำงานตอบแทนบุญคุณของพ่อเลี้ยงถึงแม้ว่าเธอจะทำอะไรได้ไม่มากก็ตาม เพราะเธอเองก็ยังเรียนไม่จบปริญญาตรี เธอมีแค่วุฒิมัธยมศึกษาตอนปลายเท่านั้น แต่หญิงสาวก็พยายามเรียนรู้ ใฝ่หาความรู้ใส่ตัวอยู่เสมอ และศึกษางานในไร่ทั้งหมด ตั้งแต่การเตรียมดิน การเพาะปลูก การดูแล การบำรุงรักษา การเก็บเกี่ยวผลไม้ต่างๆ รวมไปถึงการขนส่ง ทางด้านอนาคิน หลังจากที่ชายหนุ่มเรียนจบปริญญาตรีแล้ว เขาเดินทางไปเรียนต่อปริญญาโทที่ประเทศอังกฤษทันที ส่วนพวกเพื่อนๆ ในกลุ่มต่างก็แยกย้ายกันไปเรียนคนละประเทศ แต่ก็ยังติดต่อกันอยู่เสมอ มีนัดเจอกันบ้างถ้ามีโอกาส วันเวลาผ่านไปจนกระทั่ง คริมาใกล้ถึงกำหนดคลอด หญิงสาวตื่นเต้นไม่น้อยที่จะได้เห็นหน้าลูกสาว เธอรอคอยวันที่ลูกสาวของเธอจะได้ลืมตามาดูโลกด้วยความตื่นเต้นบวกกับความกลัว เพราะเธอยังไม่เคยคลอดลูก แต่พวกพี่ป้าน้าอาที่อยู่ในไร่ ต่างบอกเป็นเสียงเดียวกันว่า มันเป็นความเจ็บปวดที่สุดในชีวิตของลูกผู้หญิง แต่มันเป็นความเจ็บปวดที่งดงาม เธอเองก็อยากสัมผัสความเจ็บปวดนั้นแล้วเหมือนกัน อยากรู้ว่ามันจะเจ็บจวนจะขาดใจเหมือนกับที่พ่อของลูกเธอทำให้เธอเจ็บปวดหรือไม่ และแล้ววันที่คริมารอคอยก็มาถึง เช้านี้เธอตื่นขึ้นมาพร้อมกับความรู้สึกเจ็บที่ท้องแล้วก็หายไป ทิ้งห่างไปประมาณสิบนาทีเธอก็รู้สึกเจ็บขึ้นมาอีกครั้ง คริมารีบโทรหาพ่อเลี้ยงพัฒน์ธนา และไปหยิบตะกร้าสำหรับเตรียมคลอดที่เธอจัดเตรียมไว้แล้วก่อนหน้านี้ ไม่นานนักพ่อเลี้ยงพัฒน์ธนากับนายนพก็ขับรถมาจอดที่หน้าบ้านพักของเธอ ใช้เวลาประมาณครึ่งชั่วโมงพวกเขาก็มาถึงโรงพยาบาลประจำจังหวัดเชียงใหม่ ระหว่างทาง คริมาร่ำร้องออกมาด้วยความเจ็บปวดมาตลอดทาง คริมาถูกส่งตัวเข้าห้องคลอดทันที หญิงสาวรู้สึกได้ถึงความเจ็บปวด ความกลัว ความอ้างว้างโดดเดี่ยว เธอเคยเห็นในละครที่นางเอกคลอดลูกและมีพระเอกอยู่ด้วยคอยจับมือนางเอก แต่เธอไม่มีใครเลย แม้กระทั่งพ่อ แม่ หรือญาติพี่น้อง เธอได้แต่ภาวนาให้ลูกน้อยของเธอคลอดออกมาอย่างปลอดภัย ในที่สุดเธอก็คลอดลูกน้อยออกมาได้สำเร็จ วินาทีแรกที่พยาบาลนำลูกของเธอมาแนบกับอกของเธอ ความรู้สึกรักและหวงแหนเกิดขึ้นโดยอัตโนมัติ น้ำตาแห่งความปีติยินดีของเธอไหลออกมาอย่างไม่รู้ตัว เธอรับรู้ได้ถึงความเจ็บปวดจนเจียนตายว่ามันเป็นอย่างไร แต่ทว่า..เธอดีใจได้ไม่นานนักหลังจากที่พยาบาลนำลูกของเธอไปที่ห้องพักสำหรับเด็กแรกคลอด ทั้งหมอและพยาบาลที่ทำคลอดให้เธอต่างก็วิ่งวุ่น เพียงชั่วครู่สติของเธอก็วูบดับไป โดยไม่รู้ว่าวินาทีแห่งความเป็นความตายได้เกิดขึ้นกับตัวเอง “ใครเป็นญาติของคุณคริมาครับ?” เสียงของสูตินรีแพทย์เอ่ยขึ้นหลังจากที่เดินออกมาจากห้องคลอด “ผมครับ” พ่อเลี้ยงพัฒน์ธนาบอกออกไป “ตอนนี้คนไข้คลอดแล้วนะครับ เด็กปลอดภัย แต่ว่าแม่มีอาการตกเลือดหลังคลอดระยะเฉียบพลัน ซึ่งอาจจะเกิดอันตรายถึงชีวิตได้ ตอนนี้หมอกำลังพยายามอย่างเต็มที่เพื่อช่วยชีวิตคนไข้” “หมอต้องช่วยให้ได้นะครับ..หมอ ผมขอร้องจะเสียเงินเท่าไหร่ผมก็ยอม” พ่อเลี้ยงพัฒน์ธนาบอกกับหมอ ชายชรารู้สึกสงสารหญิงสาวยิ่งนัก อายุยังน้อยแถมต้องมาเจอกับเรื่องที่เลวร้ายไม่รู้กี่เรื่องต่อกี่เรื่อง ไหนจะลูกน้อยที่พึ่งจะลืมตามาดูโลกอีก ช่างน่าส่งสารเสียจริง “หมอจะทำให้เต็มที่ที่สุดครับ ขอตัวก่อนนะครับ” พูดจบหมอก็รีบกลับเข้าไปในห้องทำคลอดทันที ในที่สุดคริมาก็ผ่านวิกฤตินี้ไปได้อย่างปลอดภัย พ่อเลี้ยงพัฒน์ธนาถึงกับต้องกล่าวขอบคุณสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลายที่ดลบันดาลให้หญิงสาวปลอดภัยและช่วยให้หลานสาวตัวน้อยไม่ต้องกลายเป็นเด็กกำพร้าตั้งแต่วันแรกที่ลืมตามาดูโลก หลังจากที่คริมาพักฟื้นที่โรงพยาบาลจนหายดีแล้ว หมอก็อนุญาตให้แม่และลูกกลับบ้านได้ เธอตั้งชื่อลูกสาวตัวน้อยว่า น้องเค้ก ส่วนชื่อจริงนั้นคริมาให้พ่อเลี้ยง พัฒน์ธนาตั้งให้ ชื่อว่า เด็กหญิงอนาลิน มันช่างบังเอิญคล้ายกับชื่อของผู้ชายเลวๆ คนนั้น แต่ก็ดีเหมือนกัน เวลาที่เธอเรียกชื่อจริงของลูกเธอจะได้ไม่ลืมเรื่องเลวร้ายที่ผู้ชายคนนั้นทำกับเธอ คริมาได้รับการสอนวิธีการเลี้ยงลูกจากคนงานในไร่ และเธอก็ค้นหาข้อมูลจากอินเทอร์เน็ตมากพอสมควร เธอไม่ใช่ผู้หญิงสมัยใหม่ที่ไม่สนใจวิธีการเลี้ยงลูกแบบโบราณ คำสอนไหนที่เชื่อถือได้หรือสมเหตุสมผลเธอก็ปฏิบัติตาม ส่วนคำสอนไหนที่เธอเห็นว่ามันไม่สมควรเธอก็ละเว้นการปฏิบัติ ลูกสาวของเธอเลี้ยงง่าย อารมณ์ดี ไม่งอแง ร้องไห้บ้างตามประสาเด็ก ที่สำคัญน้องเค้กเป็นที่รักของคนในไร่ด้วยหน้าตาที่น่ารักเหมือนกับตุ๊กตา ผิวขาวอมชมพู ตากลมโต จมูกรั้นนิดๆ ส่วนคุณตาพัฒน์ธนานั้นหลงหลานสาวหัวปักหัวปำ ชีวิตต่อจากนี้ของคริมาถือว่าเป็นชีวิตใหม่ที่พ่อเลี้ยงพัฒน์ธนามอบให้กับเธอและลูกน้อยสามปีต่อมา“น้องเค้ก อย่าวิ่งสิลูก เดี๋ยวจะหกล้มนะคะ” คริมาบอกกับลูกสาวตัวน้อยวัยสามขวบที่กำลังวิ่งไปหาพ่อเลี้ยงพัฒน์ธนา“น้อนเค้กจะหาคุงตาค่า” เสียงน้อยๆ น่ารักบอกกับผู้เป็นมารดาเด็กหญิงอนาลิน หรือ น้องเค้ก เรียนอยู่ที่ศูนย์พัฒนาเด็กเล็กประจำตำบล ทุกเช้าก่อนไปโรงเรียนคริมาจะต้องพาเด็กหญิงมาสวัสดีคุณตาก่อนไปเรียน“มาแล้วหลานรักของตา วันนี้มาแต่เช้าเชียว” พ่อเลี้ยงอุ้มเด็กหญิงเค้กขึ้นมาไว้ในอ้อมแขนก่อนจะหอมแก้มซ้ายขวา จนเด็กหญิงหัวเราจะคิกคักเพราะจั๊กจี้หนวดของคุณตา“พอรู้ว่าวันนี้เป็นวันศุกร์ได้ไปโรงเรียนอีกวันเดียวน้องเค้กดีใจใหญ่ก็เลยรีบตื่นแต่เช้าค่ะ..พ่อเลี้ยง”“อ๋อ..ที่แท้คนสวยของตาก็ไม่อยากไปโรงเรียนนี่เอง” เสียงคุณตาเอ่ยแซวหลานสาวตัวน้อย“สวัสดีค่ะ..คุณตาก่อนสิลูก เดี๋ยวไปสายนะคะ”“ซาหวัดดีค่า” เด็กหญิงเค้กพนมมือไหว้ด้วยท่าทางน่ารักน่าเอ็นดู“ตั้งใจเรียนนะลูก” พ่อเลี้ยงพัฒน์ธนาวางเด็กหญิงลงก่อนจะลูบหัวเบาๆ จากนั้นคริมาก็พาเด็กหญิงเค้กซ้อนมอเตอร์ไซค์ขับออกไปเกือบสี่ปีแล้วสินะ..ที่คริมาอาศัยอยู่ที่นี่ เขาคิดไม่ผิดที่ช่วยเหลือหญิงสาวไว้ในตอนนั้น ถ้าเขาไม่พาเธอมาอยู่ที่นี่ก็ไม่รู
โรงพยาบาลเอกชนชื่อดังหลังจากที่คุณเทวินทร์กับคุณหญิงพิมพิกา และอนามิกา ได้รับแจ้งข่าวร้ายจากทางโรงพยาบาลว่า อนาคินประสบอุบัติเหตุ ทั้งสามคนจึงรีบมาโรงพยาบาลทันที“คุณหมอคะ..ลูกชายดิฉันเป็นอย่างไรบ้างคะ” คุณหญิงพิมพิกาถามออกไปด้วยน้ำเสียงสะอึกสะอื้นเพราะร้องไห้อย่างหนักด้วยความเป็นห่วงลูกชาย เมื่อเห็นว่ามีหมอเปิดประตูห้องฉุกเฉินออกมา“เนื่องจากศีรษะของคนไข้ได้รับการกระแทกอย่างรุนแรงทำให้เซลล์สมองและหลอดเลือดได้รับความเสียหาย ตอนนี้ต้องรอดูอาการอย่างใกล้ชิด ถ้ามีอะไรคืบหน้าหมอจะแจ้งอีกทีนะครับ” สิ้นเสียงของหมอ อนามิกาจึงเอ่ยถามออกมาเสียงสั่น“เค้าจะไม่เป็นอะไร..ใช่มั้ยคะหมอ?”“ตอนนี้หมอยังตอบไม่ได้ครับ แต่อาการของคนไข้ถือว่าอยู่ในขั้นวิกฤติ หมอจะพยายามอย่างสุดความสามารถ ญาติไม่ต้องห่วงนะครับ”“ช่วยลูกชายผมด้วยนะครับคุณหมอ..อย่าให้เค้าเป็นอะไร” ครานี้เป็นเสียงของคุณเทวินทร์“ครับ หมอจะทำให้เต็มที่ครับ เดี๋ยวหมอขอตัวก่อนนะครับ” พูดจบหมอก็กลับเข้าไปในห้องฉุกเฉินสองแม่ลูกกอดกันร้องไห้ออกมาจนคุณเทวินทร์ต้องเข้ามาปลอบ“ตาคินต้องไม่เป็นอะไร หมอที่นี่เก่ง ตาคินจะต้องปลอดภัย” คุณเทวินทร์
เขาจำเธอไม่ได้..สายตาที่เขามองเธอเหมือนกับคนไม่เคยรู้จักกัน..ก็ดีเหมือนกัน..ในเมื่อเขาทำเป็นไม่รู้จักเธอ เธอก็ไม่ต้องกลัวว่าเขาจะรู้เรื่องของ…“หนูครีม..หนูครีม” เสียงของป้าสายเรียกสติของหญิงสาวกลับมาอีกครั้ง“จ่ะป้า”“เปิ้ลขึ้นบ้านไปกั๋นหมดแล้ว มะไดอีน้องจะไปสักเตี่ย” เขาขึ้นบ้านไปกันหมดแล้ว เมื่อไหร่หนูจะไปสักที“ครีมจะไปเดี๋ยวนี้แหละค่ะป้า” จากนั้นคริมาก็จูงมือเด็กหญิงเค้กเดินตามเข้าไปในบ้านใหญ่คริมานำน้ำกับผลไม้ของที่ไร่มาเสิร์ฟให้กับผู้เป็นเจ้านายทั้งหลาย ก่อนจะเดินออกไปจากห้อง เสียงของพ่อเลี้ยงพัฒน์ธนาดังขึ้นมา“หนูครีม..อย่าพึ่งไป ฉันมีเรื่องจะคุยกับหนู”“ค่ะ..พ่อเลี้ยง” คริมานั่งลงที่พื้นติดกับโซฟา“เดี๋ยวฉันจะแนะนำให้หนูครีมรู้จักกับทุกคนนะ นี่พิมพิกา ลูกสาวของฉันเอง ผู้ชายที่นั่งข้างๆ คือ เทวินทร์ ลูกเขยของฉัน และนั่น อนามิกา กับ อนาคิน หลานสาวกับหลานชายของฉันเอง”“สวัสดีค่ะ” คริมายกมือไหว้ทุกคนอีกครั้งพร้อมกับส่งยิ้มน้อยๆ“นี่คือหนูครีม เป็นผู้ช่วยของพ่อเอง” พ่อเลี้ยง พัฒน์ธนาแนะนำหญิงสาวให้ทุกคนได้รู้จักก่อนจะพูดเรื่องสำคัญออกมา“หนูครีม ฉันมีเรื่องจะรบกวนหนู คืออย่างนี
“วันนี้คุณไม่ไปส่งลูกที่โรงเรียนเหรอ?” อนาคินเอ่ยถามเมื่อเห็นว่าหญิงสาวที่มาดูแลเขาไม่ไปส่งลูกสาวที่โรงเรียนเหมือนทุกวันและไม่เห็นเด็กหญิงตัวน้อยๆ มาด้วยเช่นทุกครั้ง“วันนี้วันเสาร์ โรงเรียนหยุดค่ะ” หญิงสาวตอบเรียบๆ อนาคินพยักหน้ารับรู้“เดี๋ยวตาเข้าไปในไร่ก่อนนะคิน อยากได้อะไรบอกหนูครีมได้เลยนะ” ผู้เป็นตาบอกกับหลานชาย“ครับ”“แล้วนี่ลูกของคุณไปไหน?”“อยู่กับป้าสายในครัวค่ะ..คุณคินอยากได้อะไรอีกมั้ยคะ?” หญิงสาวตอบพร้อมกับถามออกไปด้วยน้ำเสียงเรียบๆ“คุณอยู่ที่นี่มานานหรือยัง?” ชายหนุ่มไม่ตอบคำถามหญิงสาวแต่เป็นฝ่ายถามเธอแทน“เกือบสี่ปีได้ค่ะ”“แล้วสามีของคุณอยู่ที่ไหน?” ชายหนุ่มยังคงถามเธอไม่หยุด แต่คำถามนี้กลับแทงใจดำเธอเสียนี่กระไร“ตายไปแล้วค่ะ” หญิงสาวถอนหายใจออกมาเบาๆ ก่อนจะพูดออกมาด้วยน้ำเสียงห้วนๆทันใดนั้นอนาคินรู้สึกปวดศีรษะขึ้นมา ภาพหลายภาพทับซ้อนกันขึ้นมาจนชายหนุ่มปวดมากขึ้นไปอีกหลายเท่าตัว“โอ้ย!”“คุณคินเป็นอะไรคะ?”“ปวดหัว โอ้ย!” ชายหนุ่มร้องโอดโอยออกมาอีกครั้ง“คุณคินไปนอนพักก่อนนะคะ..เดี๋ยวฉันพาไป” พูดจบคริมาก็ประคองชายหนุ่มไปนอนตรงโซฟาตัวใหญ่“เป็นอย่างไรบ้างคะ ยังปวดอย
ตอนกลางคืนคริมาอาสามาเฝ้าไข้ชายหนุ่มเพราะคิดว่าเป็นความผิดของตัวเองที่พาเขาไปตากแดดจนเป็นไข้ เธอพาเด็กหญิวเค้กมานอนที่ห้องของอนาคินด้วย หญิงสาวปูที่นอนให้ลูกสาวตัวน้อยนอนที่พื้น ส่วนเธอก็คอยเช็ดตัวให้ชายหนุ่มตอนไข้ขึ้นและคอยเอายาให้เขาทานทุกสี่ชั่วโมง จนใกล้รุ่งสาง หญิงสาวที่ไม่ได้นอนมาทั้งคืนรู้สึกเพลียจึงผล็อยหลับไปบนเก้าอี้ที่วางอยู่ข้างเตียงของชายหนุ่มทางด้านอนาคินรู้สึกตัวลืมตาขึ้นมา เขาเห็นหญิงสาวนั่งหลับอยู่บนเก้าอี้ ส่วนพื้นข้างล่างก็มีเด็กหญิงตัวน้อยนอนหลับอยู่เช่นกันสองแม่ลูกมานอนเฝ้าเขาทั้งคืนเลยเหรอ..ตอนนี้ใกล้จะตีห้าแล้ว..จากนั้นอนาคินจึงลงจากเตียง เขาอุ้มหญิงสาวไปนอนบนเตียงก่อนจะลงไปอุ้มเด็กหญิงเค้กที่นอนอยู่ที่พื้นข้างล่างมานอนข้างๆ มารดาของเธอ เอาผ้าห่ม ห่มให้สองแม่ลูก ก่อนที่เขาจะออกไปยืนรับลมตรงระเบียงคริมาสะดุ้งตื่นขึ้นมาเมื่อแสงแดดสาดส่องผ่านผ้าม่านเข้ามาในตอนเช้านี่มันห้องคุณคิน..แล้วนี่ก็เตียงของคุณคิน..เธอกับลูกมานอนบนเตียงได้อย่างไรกัน..“ตื่นแล้วเหรอ?” อนาคินเอ่ยถามเมื่อเขาเดินกลับเข้ามาในห้อง“คุณคินอาการดีขึ้นแล้วเหรอคะ?” หญิงสาวถามออกไป“ผมดีขึ้นแล้
หลังจากวันนั้น อนาคินก็ตามคริมาเข้าไปในไร่ทุกวัน เพื่อเรียนรู้งานในไร่ เขารู้สึกชอบงานในไร่มากกว่าที่ต้องไปนั่งที่โต๊ะทำงาน ตอนนี้ความทรงจำบางส่วนของเขาเริ่มจะกลับมาบ้างแล้ว เขาพอจะจำได้แล้วว่าใครเป็นใคร โดยเฉพาะคนในครอบครัว เเละเพื่อนๆ เวลาที่เขาปวดศีรษะทีไรความทรงจำจะค่อยๆ กลับคืนมาทีละนิดๆ “ผมได้ข่าวว่าที่ท้ายไร่มีน้ำตกเหรอ?” ชายหนุ่มถามคริมาขณะที่เขานั่งซ้อนท้ายมอเตอร์ไซค์หล่อน“ใช่ค่ะ..สวยมากด้วย คุณคินอยากเห็นเหรอคะ?”“อืม..พาไปหน่อยสิ” “ได้ค่ะ”จากนั้นคริมาก็เปลี่ยนทิศทางจากคราแรกจะเข้าไปในไร่ลิ้นจี่ หญิงสาวเปลี่ยนเส้นทางไปยังท้ายไร่เพื่อพาชายหนุ่มไปยังน้ำตก คริมาจำได้ว่าระหว่างทางไปน้ำตกกลางทางจะมีหลุมใหญ่อยู่หลุมหนึ่ง เธอไม่แน่ใจว่าน้าเบิ้มให้คนงานเอาดินมาถมหรือยัง หญิงสาวพยายามดูเพื่อที่จะได้หลบหลุมทัน แต่ทว่า..เธอหลบไม่ทัน รถมอเตอร์ไซค์ตกลงไปในหลุม คริมาพยายามจับแฮนด์มอเตอร์ไซค์ไว้ให้แน่นที่สุดประคับประคองไม่ให้รถล้ม ในขณะที่อนาคินตกใจ เขาเอามือทั้งสองข้างกอดไปที่เอวของหญิงสาว และในจังหวะที่รถลงไปในหลุมใหญ่ ความแนบชิดของเขาและเธอแทบไม่มีช่องว่างเหลืออยู่เลย ถ้าคนอื่นเห็นอ
หนึ่งเดือนผ่านไปความสัมพันธ์ในฐานะเพื่อนร่วมงานของเขาและเธอดีขึ้นมาก คริมาและอนาคินทำงานเข้าขากันได้ดีทีเดียว ส่วนความสัมพันธ์ของเด็กหญิงเค้กกับลุงคินก็พัฒนาไปมากเช่นกัน จนหญิงสาวรู้สึกเจ็บปวดทุกครั้งที่ได้เห็นความใกล้ชิดของลูกสาวของเธอกับเขา ถ้าวันหนึ่งเขารู้ว่าเด็กหญิงตัวน้อยที่เขารักและเอ็นดูเป็นเลือดเนื้อเชื้อไขของเขาเอง เขาจะยังรู้สึกรักลูกของเธออยู่ไหม..หรือว่าเขาจะเกลียดลูกที่เกิดจากความสนุกของตัวเอง ลูกที่เขาไม่เคยรู้ว่ามีตัวตนอยู่บนโลกใบนี้..“น้องเค้กคะ..ไปเที่ยวในเมืองกับลุงมั้ยคะ ลุงจะพาไปกินไอติม” “ปายค่า..น้อนเค้กอยากกิงอายติม” เด็กหญิงรีบตอบอย่างไวพร้อมกับชูแขนทั้งสองข้างให้ชายหนุ่มอุ้ม“แม่ว่าน้องเค้กจะไปกวนคุณลุงเปล่าๆ นะคะ” “ม่ายกวงค่า น้อนเค้กเป็งเด็กดี” “เอาน่าคุณ..ให้น้องเค้กไปเปิดหูเปิดตาบ้าง อยู่แต่ในไร่น่าเบื่อจะตาย..ใช่มั้ยครับคนสวยของลุง” “ช่ายค่า..แม่ต๋าให้น้อนเค้กปายนะค้า” “ก็ได้จ่ะ..สัญญากับแม่นะคะว่าน้องเค้กจะไม่ดื้อไม่ซน” “สังญาค่า” เด็กหญิงพูดพร้อมกับยกนิ้วก้อยขึ้นมา“แล้วคุณไม่ไปด้วยกันเหรอ?” อนาคินหันมาถามหญิงสาว“ไม่ดีกว่าค่ะ..ฉันต้องเคลียร์เอ
เสียงเรียกชื่อทำให้หญิงสาวลืมตาตื่นขึ้นมา เธอยิ้มดีใจที่เห็นเขาฟื้นแล้ว“คุณคิน..เมื่อกี้คุณคินเรียกชื่อฉันเหรอคะ?” คริมาเอ่ยถามด้วยความแปลกใจ พ่อเลี้ยงพัฒน์ธนาได้ยินเสียงของหญิงสาว ชายชราสะดุ้งตื่นขึ้นมา “ตาคิน..ฟื้นแล้วเหรอลูก เดี๋ยวตาเรียกหมอก่อนนะ” หลังจากนั้นหมอกับพยาบาลก็เข้ามาตรวจอาการเบื้องต้นของชายหนุ่ม “ตอนนี้อาการยังไม่มีอะไรน่าเป็นห่วงนะครับ แต่หมอจะขอสแกนสมองของคนไข้อีกครั้งนะครับ” “ได้ครับคุณหมอ..ขอบคุณมากๆ นะครับ” ชายชราเอ่ยขอบคุณหมอที่รักษาหลานชายจนปลอดภัยเมื่อหมอและพยาบาลออกจากห้องไปแล้ว อนาคินยังคงมองคริมาด้วยสายตาที่แปลกออกไป คำถามมากมายอยู่ในหัว ทำไมคริมาถึงอยู่ที่นี่..เธอไม่โกรธเขาหรืออย่างไรกันกับเรื่องที่เขาเคยทำกับเธอ..เธอถึงได้พูดดีกับเขาหรืออาจจะเป็นเพราะว่า..เขาความจำเสื่อมและเขาจำเธอไม่ได้อนาคินจะยังไม่บอกกับทุกคนว่าเขาจำทุกอย่างได้แล้ว เขาอยากรู้เรื่องราวของคริมา ว่าเกิดอะไรขึ้นกับเธอกันแน่..“ผมเป็นอะไรเหรอครับ?” ชายหนุ่มแกล้งถามออกไป มือของชายหนุ่มลูบไปที่ศีรษะของตัวเองที่มีผ้าพันอยู่รอบศีรษะ“คุณคินพาน้องเค้กมาเที่ยวในตัวเมืองค่ะ ขากลับเกิดอุบั
สองปีต่อมาคริมาท้องอีกครั้ง เธอตั้งใจว่าหลังจากคลอดลูกคนนี้แล้วเธอจะทำหมัน เพราะมีลูกสามคนก็เพียงพอแล้วสำหรับเธอ แต่อนาคินอยากมีลูกสี่คน ในที่สุดสวรรค์ก็เข้าข้างชายหนุ่มใช่! เธอท้องลูกแฝดและเป็นฝาแฝดชายหญิงเสียด้วยอนาคินดีอกดีใจจนออกนอกหน้า ส่วนคริมานั้นก็ดีใจ แต่ลึกๆ เธอก็กังวลเล็กน้อย เพราะแค่เลี้ยงลูกน้อยคนเดียวก็เหนื่อยแล้ว นี่เธอต้องเหนื่อยคูณสอง แต่เธอก็ไม่กลัวเพราะมีอนาคินคอยช่วยเลี้ยง ในเมื่อเขาอยากได้ลูกมากนักเธอก็จะให้เขาเลี้ยงซะให้เข็ด จะได้รู้ว่าเลี้ยงลูกไม่ได้สบายอย่างที่ผู้ชายหลายๆ คนคิดหลังจากที่คริมาคลอดลูกแฝดแล้ว อนาคินก็พาครอบครัวย้ายถิ่นฐานมาอาศัยอยู่ที่ไร่พรรณิภา เพราะพ่อเลี้ยงพัฒน์ธนานั้นตอนนี้ก็แก่ชรามากแล้ว ไม่สามารถดูแลไร่ได้เหมือนเดิม เขาจึงตกเป็นผู้สืบทอดกิจการของพ่อเลี้ยงไปโดยปริยาย ส่วนอนามิกา พี่สาวของเขานั้นก็ดูแลในส่วนของบริษัทผลิตเครื่องดื่มแบรนด์ดังที่สุดทั้งในประเทศและต่างประเทศ และแน่นอนว่าไวน์ที่อนาคินคิดค้นผลิตขึ้นมานั้นกลายเป็นไวน์แบรนด์ดังที่ขายดิบขายดีเป็นเทน้ำเทท่า เพราะรสชาติของไวน์ที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว ไม่เหมือนกับไวน์ทั่วๆ ไป ส่งผลให้อ
หนึ่งปีต่อมาวันนี้อนาคินพาคริมาและลูกน้อยทั้งสองคนมาเที่ยวพักผ่อนที่ไร่พรรณิภา คนงานในไร่ต่างพากันดีอกดีใจที่ได้เจอคริมากับลูกของเธออีกครั้ง และโดยเฉพาะพ่อเลี้ยงพัฒน์ธนาที่ตอนนี้กลายเป็นคุณปู่ทวดไปแล้ว ชายชราดีใจที่ลูกหลานมาเยี่ยมเยือน พ่อเลี้ยงจึงสั่งให้มีการจัดงานเลี้ยงพิเศษขึ้นในค่ำคืนนี้ และให้คนงานทุกคนมาร่วมดื่มกินสังสรรค์กันให้เต็มที่เพราะพรุ่งนี้เป็นวันหยุด“พ่อเลี้ยงไม่บอกก่อน ครีมไม่มีชุดสวยๆ ติดมาเลยค่ะ” คริมายังคงเรียกคุณตาของอนาคินว่าพ่อเลี้ยง เพราะความเคยชิน“ไม่ต้องห่วง..พี่เตรียมไว้ให้หมดแล้ว ทั้งของครีมกับของลูกๆ”“จริงเหรอคะ..พี่คินไปเตรียมตอนไหน ครีมไม่เห็นรู้เลย”“ไม่บอก..แต่พี่รับรองว่าครีมต้องชอบแน่ๆ”“พี่คินคิดจะทำอะไรกันแน่ บอกครีมมาเดี๋ยวนี้เลยนะ” คริมาหันไปทำเสียงดุใส่สามี“เปล่า..ไม่ได้จะทำอะไร ก็พอดีพี่บอกกับคุณตาว่าพวกเราจะมา คุณตาก็เลยจะจัดงานเลี้ยงต้อนรับพวกเรา เพียงแต่พี่ไม่ได้บอกครีมเท่านั้นเอง”“จริงนะคะ”“จริงที่สุดครับ” อนาคินยิ้มอย่างมีเลศนัยและในค่ำคืนที่ทุกคนรอคอยก็มาถึง อนาคินส่งตัวลูกสาวกับลูกชายให้ป้าสายช่วยจัดการอาบน้ำแต่งตัวให้ และเขาก็บอก
สามวันผ่านไปอนาคินออกจากโรงพยาบาลหลังจากที่อาการดีขึ้นมากแล้ว เพราะได้พยาบาลส่วนตัวดูแลเป็นอย่างดี รวมไปถึงกำลังใจจากคนรอบข้าง ทำให้เขาแข็งแรงขึ้นในเร็ววัน“ครีมมีนัดตรวจครรภ์อีกเมื่อไหร่” อนาคินเอ่ยถามคนรักในขณะที่เขากำลังนั่งเอามือลูบท้องของเธออยู่“วันอาทิตย์ที่จะถึงนี้ค่ะ..อุ้ย!” คริมาคลี่ยิ้มก่อนจะอุทานออกมาเพราะลูกน้อยในท้องดิ้นแรงเหลือเกิน“ลูกดิ้นเหรอ?” อนาคินถามเพราะเขาก็รู้สึกได้ว่าลูกน้อยกำลังดิ้น“ค่ะ”“เราจะได้รู้แล้วใช่มั้ยว่าจะได้ลูกสาวหรือลูกชาย”“จริงๆ รู้ได้ตั้งแต่เดือนก่อนแล้วค่ะ แต่ลูกคงจะอายหนีบไว้ไม่ยอมให้เห็น”“พี่ตื่นเต้นจัง..อยากรู้ว่าได้ผู้หญิงหรือผู้ชาย”“วันอาทิตย์นี้น่าจะรู้นะคะ..ถ้าลูกไม่แอบอีก”“เรานอนกันเถอะครับ..ดึกแล้ว”“ค่ะ..ฝันดีนะคะ”“ฝันดีเหมือนกันครับ” จากนั้นทั้งสองก็นอนหลับอยู่ในอ้อมกอดของกันและกันจนถึงเช้าวันอาทิตย์วันที่คริมากับอนาคินรอคอยก็มาถึง เมื่อเขาพาเธอมาหาหมอเพื่อตรวจครรภ์ตามนัด อนาคินตื่นเต้นที่ได้เห็นลูกน้อยบนหน้าจอเป็นครั้งแรก ภาพของลูกน้อยที่ดิ้นอยู่ในครรภ์ทำให้เขาน้ำตาซึมออกมา มันเป็นความรู้สึกตื้นตันใจอย่างบอกไม่ถูก เขาพลาดโอ
อนาคินที่แกล้งนอนหลับ อมยิ้มออกมาอย่างห้ามไม่อยู่เมื่อได้ยินคริมาพูดความในใจกับเขา คริมานั่งบนเก้าอี้เธอจับมือข้างหนึ่งของเขามาแนบกับแก้มของเธอ เธอพูดออกมาพร้อมกับน้ำตาที่ไหลรินลดมือเขา อนาคินอดใจไม่ไหวอยากจะดึงเธอเข้ามากอดปลอบเสียเดี๋ยวนี้เขาพึ่งรู้ว่าการเกิดอุบัติเหตุในครั้งนี้มันช่างดีเหลือเกิน เพราะมันทำให้คริมาหายโกรธเขาและให้โอกาสเขาอีกครั้ง เหมือนเป็นการพลิกวิกฤติให้เป็นโอกาส และครั้งนี้เขาจะไม่ทำให้เธอต้องเสียใจอีกเด็ดขาด อนาคินสัญญากับตัวเอง เขาจะดูแลคริมากับลูกให้ดีที่สุด เขาจะทำให้เธอเป็นผู้หญิงที่โชคดีที่สุดในที่สุดอนาคินก็ทนไม่ไหว ลืมตาขึ้นมา“ครีมพูดจริงใช่ไหม?” เขาถามออกไปพร้อมยิ้มอย่างดีใจ“จริงค่ะ ครีมพูดจริงๆ” คริมาตอบก่อนจะตกใจที่ได้ยินเสียงของเขา เธอเงยหน้ามองเขา อนาคินฟื้นเเล้ว แถมยังยิ้มหน้าแป้นใส่เธออีกนี่เธอโดนเขาหลอกอีกแล้วเหรอ..“นี่พี่คินฟื้นแล้วเหรอคะ? แล้วไม่เห็นมีใครบอกครีมเลย” คริมาหันมาถามเพื่อนๆ ของเขาเธอดีใจที่เขาฟื้น..แต่ก็เสียใจที่โดนหลอก“ก็น้องครีมไม่ได้ถามนี่นา..” เป็นเสียงของธาวินทร์เอ่ยออกมาเบาๆ“ต้องโทษไอ้คีเลย มันเป็นคนวางแผนทั้งหมด” อาทิ
หลังจากที่อนาคินขับรถออกมาจากบ้านของคีตะได้สักพัก เขามุ่งหน้าไปยังผับแห่งหนึ่ง ตอนนี้เขาต้องการตัวช่วยให้ตัวเองหายเครียดอนาคินนั่งดื่มเหล้าอยู่คนเดียวโดยไม่สนสายตาของใครต่อใครที่มองเข้ามา โดยเฉพาะสาวๆ ที่ต่างก็อยากจะเข้ามาทักทายเขา แต่หลังจากที่สาวๆ เหล่านั้นเห็นสายตาที่แข็งกร้าวของเขา พวกหล่อนต่างก็พากันล่าถอยไม่ย่างกรายมาใกล้เขาอีกเลยในขณะที่เขานั่งดื่มอยู่ประมาณหนึ่งชั่วโมงผ่านไปแล้ว ใบหน้าเล็กๆ น่ารักเหมือนตุ๊กตาก็ลอยเข้ามาในหัว ใช่! ลูกสาวของเขาเอง ป่านนี้ลูกคงจะรอเขาไปอ่านนิทานให้ฟังก่อนนอนเป็นแน่..ตอนนี้ลูกสาวติดเขามากจนเขาไม่สามารถจะไปไหนได้เลย อนาคินคิดได้ดังนั้นจึงลุกขึ้นและก้าวเท้ายาวๆ ออกจากผับไปทันทีสติสัมปชัญญะของเขาตอนนี้อาจจะไม่เต็มร้อยนัก แต่เขารู้ตัวว่าตัวเองไม่ได้เมาถึงขนาดขับรถไม่ได้ เขาแค่รู้สึกมึนๆ นิดหน่อย ในระหว่างทางกลับบ้านซึ่งเป็นถนนสี่เลน เขาเห็นรถสิบล้อคันหนึ่งพุ่งข้ามฝั่งมาทางที่เขากำลังขับรถ อนาคินเห็นท่าไม่ดีรีบหักหลบรถสิบล้อคันนั้น ก่อนที่รถของเขาจะเสียหลักไปพุ่งชนกับเสาไฟฟ้าข้างทางโครม!จากแรงกระแทกอย่างแรงของการขับไปชนเสาไฟฟ้าทำให้สติของเขาดับไปใ
คริมาลืมตาตื่นขึ้นมาในช่วงเย็นของวันนั้น เธอพยายามนึกถึงเรื่องราวที่เกิดขึ้น“เป็นยังไงบ้างครีม” คีตะเอ่ยถามเมื่อเห็นว่าคริมาฟื้นแล้ว“ลูก..พี่คี ลูกของครีมล่ะคะ?” คริมาถามออกไปด้วยความกลัว“ลูกของครีมปลอดภัย แต่ครีมต้องนอนอยู่บนเตียงห้ามขยับจนกว่าหมอจะอนุญาต”“ลูกครีมไม่เป็นอะไรจริงๆ ใช่มั้ยคะ?”“จริงสิ..ไม่ต้องกังวล เดี๋ยวพี่เรียกหมอก่อนนะ”จากนั้นหมอและพยาบาลก็เข้ามาตรวจอาการของหญิงสาว เบื้องต้นไม่มีอะไรผิดปกติ คุณหมอบอกให้เธอพักผ่อนให้มากๆ“พี่คีคะ..แล้ว เอ่อ”“ไอ้คินมันไม่อยู่หรอก พอดีน้องเค้กไม่สบาย มันก็เลยต้องรีบกลับไปดูลูก”“ตายจริง! แล้วน้องเค้กเป็นอะไรมากหรือเปล่าคะ?” คริมาอุทานออกมาด้วยความตกใจ“เห็นบอกว่าตัวร้อน แต่ครีมไม่ต้องเป็นห่วงนะ ไอ้คินมันพาน้องเค้กไปโรงพยาบาลแล้ว ตอนนี้ครีมต้องทำใจให้สบาย อย่าเครียด เดี๋ยวจะส่งผลถึงเจ้าตัวเล็กที่อยู่ในท้อง”“ค่ะ”ค่ำคืนนั้นกว่าคริมาจะหลับลงก็กินเวลาไปเกือบเที่ยงคืน เพราะเป็นห่วงลูกสาวเช้าวันต่อมา / โรงพยาบาลเอกชนชื่อดังในกรุงเทพฯตั้งแต่เมื่อคืนจนถึงตอนนี้อนาคินยังไม่ได้นอน เมื่อวานเขาพาเด็กหญิงเค้กมาหาหมอที่โรงพยาบาล หมอบอกว่าติ
“มีความสุขกันจริงๆ เลยนะ..ไอ้คี” สิ้นเสียงของ อนาคิน ทั้งคีตะและคริมาที่กำลังนั่งคุยกันใต้ร่มไม้ต่างก็ตกใจหันไปมองอนาคินที่กำลังยืนอยู่ใกล้ๆ พวกเขา“ไอ้คิน..มึงมาได้ยังไง” คีตะมีสติก่อนจึงถามออกไป“กูก็ตามมึงมาไง..ถ้ากูไม่ตามมึงมากูก็คงไม่รู้สินะว่ากูมันเป็นแค่ไอ้งั่งตัวหนึ่งเท่านั้น”“มึงฟังกูอธิบายก่อนนะ..ไอ้คิน”“ฟังเหรอ? มึงจะให้กูฟังอะไร เพื่อนรักกับเมียกูแอบคบชู้กันอย่างนั้นเหรอ” อนาคินตะโกนเสียงดัง“นี่คุณ..มันจะมากไปแล้วนะ” เสียงของคริมาปรี้ดขึ้นมา“มากเหรอ สำหรับผู้หญิงชั่วๆ อย่างเธอมันไม่มากไปหรอก ทิ้งลูกทิ้งเต้าเพื่อมาอยู่กับชู้ แถมยังมีลูกกับมันอีก เธอทำได้ยังไงครีม เธอทำแบบนี้ได้ยังไง ลูกร้องไห้หาเธอทุกวัน เธอไม่รู้บ้างเลยเหรอ เธอไม่รักลูกเลยใช่มั้ยถึงทำตัวทุเรสแบบนี้ ทำไมฮะ? ที่ฉันเอาเธออยู่ทุกวันมันไม่พอหรือยังไง ถึงต้องมาให้ไอ้คินมันเอาต่อจากฉัน?” เขาระเบิดอารมณ์ใส่เธอไม่ยั้งทันใดนั้นกำปั้นของคีตะก็พุ่งเข้ามาใส่มุมปาก ของอนาคินทันทีผลัวะ! ผลัวะ!เสียงต่อยตีกันเป็นพัลวันระหว่างคีตะกับอนาคิน ไม่รู้ใครเป็นใคร คริมาตกใจกับภาพตรงหน้า เธอพยายามเข้าไปดึงแขนของอนาคินให้หย
ทางด้านคริมา หลังจากที่เธอได้มาอยู่ที่บ้านของ คีตะได้หนึ่งเดือนแล้ว หญิงสาวเริ่มจะปรับตัวได้แล้ว คีตะจ้างแม่บ้านให้มาอยู่เป็นเพื่อนเธอ เขาพาเธอไปฝากครรภ์ที่โรงพยาบาลเอกชนใกล้ๆ นี้ ตอนนี้อายุครรภ์ของเธอยังอยู่ในไตรมาสแรก หมอจึงนัดเดือนละหนึ่งครั้งและแน่นอนว่าคีตะจะเป็นคนพาเธอไปหาหมอเอง และทุกสัปดาห์เขาจะมาเยี่ยมเธอพร้อมกับซื้อของบำรุงครรภ์มาให้เธอ จนเธอรู้สึกเกรงใจแต่ก็มิอาจห้ามปรามได้ เพราะถึงเธอจะห้ามแต่เขาก็ไม่ฟังอยู่ดี“ครีมอยู่ที่นี่เป็นยังไงบ้าง? โอเคหรือเปล่า?”“โอเคค่ะ..พี่คี ครีมอยู่ได้สบายมากค่ะ”“ขอบคุณพี่คีมากๆ นะคะ สำหรับทุกๆ อย่าง”“ไม่เป็นไร..พี่เต็มใจ”“พี่คินทานข้าวมาหรือยังคะ..วันนี้ครีมทำกับข้าวหลายอย่างเลยค่ะ”“ยังเลย กำลังหิวพอดีเลย แหะ แหะ” คีตะยกมือเกาหัวเมื่อเสียงท้องร้องดังขึ้นมาอับอายขายหน้าชะมัดเลย..มาร้องอะไรตอนนี้ก็ไม่รู้ คีตะคิดในใจก่อนจะหันไปยิ้มแหยๆ ให้เธอ“งั้นเราไปทานข้าวกันดีกว่าค่ะ”จากนั้นทั้งสองคนก็รับประทานอาหารอย่างเอร็ดอร่อย คีตะเติมข้าวถึงสองครั้งด้วยกัน เขาอิ่มจนพุงกาง“ครีมทำอาหารอร่อยนะ..ดูสิ พี่กินซะเยอะเชียว” คีตะเอ่ยชม ฝีมือการทำอาหารขอ
อนาคินหัวเสียเป็นอย่างมาก เมื่อตื่นมาแล้วพบว่าคริมาไปจากที่นี่แล้ว หลังจากที่เขาร่วมรักกับเธอและเธอเองก็ตอบสนองเขาอย่างถึงพริกถึงขิงจนเขาคิดว่าเธอจะเปลี่ยนใจยอมเป็นนางบำเรอให้เขาต่อ แต่เธอกลับหนีหายไป..ทิ้งลูกให้ร้องไห้หาแม่คริมาเป็นผู้หญิงที่ใจร้ายมาก.. ไม่สงสารลูกเลยหรือยังไงกัน..ตั้งแต่ที่คริมาจากไป บ้านนี้ก็แทบไม่ได้ยินเสียงหัวเราะของเด็กหญิงเค้กเลย มีแต่เสียงร้องไห้หาแม่ จนผู้เป็นบิดาทนไม่ไหว เขาตัดสินใจตามหาคริมาอนาคินขับรถตระเวนหาหญิงสาวไปทั่วกรุงเทพฯ หวังว่าจะเจอเธอที่ใดที่หนึ่ง เขาใช้เวลาอยู่ประมาณหนึ่งสัปดาห์ แต่ก็ไม่มีแม้แต่เงาเขาไม่คิดว่าเธอจะกลับไปที่ไร่พรรณิภาอีก แต่เขาก็ไม่มั่นใจ เขาไม่อยากโทรไปถามคุณตา เพราะกลัวว่าคุณตาจะช่วยคริมาปิดบังเขา อนาคินจึงเดินทางไปที่ไร่พรรณิภาด้วยตัวเอง“อ้าวคืน..มาคนเดียวเหรอลูก แล้วหนูครีมกับน้องเค้กไม่ได้มาด้วยเหรอ?” พ่อเลี้ยงพัฒน์ธนาถามออกไปเมื่อเห็นหน้าหลานชายแต่ไม่เห็นคริมากับเด็กหญิงเค้ก“ครีมไม่ได้อยู่ที่นี่เหรอครับคุณตา?” อนาคินไม่ตอบหากแต่เป็นฝ่ายถามกลับ“หนูครีมจะมาอยู่ที่นี่ได้อย่างไร..คินก็ถามแปลกๆ หรือว่าเกิดอะไรขึ้น บอกตา