หนึ่งสัปดาห์ผ่านไปหลังจากที่ทุกคนกลับกรุงเทพฯ กันหมดแล้ว คริมาก็มาดูแล อนาคินเหมือนเดิม แต่ช่วงนี้เธอและชายหนุ่มยังไม่ได้เข้าไปทำงานในไร่ เพราะพ่อเลี้ยงต้องการให้อนาคินพักผ่อนให้หายดีเสียก่อน และวันนี้ก็เป็นวันเสาร์ ลูกสาวของเธอไม่ต้องไปโรงเรียน เด็กหญิงดีใจที่จะได้เล่นกับคุณลุง เด็กน้อยเฝ้ารอวันเวลาให้ถึงเสาร์อาทิตย์ไวๆ เพื่อที่จะได้อยู่กับคุณลุงใจดีที่ตามใจเด็กน้อยหมดทุกอย่าง จน คริมาต้องร้องห้ามเกรงว่าลูกสาวของเธอจะเสียคนเพราะถูกตามใจมากจนเกินไป“คุณคินทานข้าวทานยาเรียบร้อยแล้วใช่มั้ยคะ” “อืม” “วันนี้คุณคินอยากไปไหนหรือเปล่าคะ?” “ปกติเราจะไปที่ไหนกัน!” ชายหนุ่มไม่ตอบแต่ถามคำถามกลับไปจนคนถูกถามทำหน้าแปลกใจ“เอ่อ..ปกติหลังจากที่คุณคินทานอาหารเช้าเรียบร้อยแล้ว เราก็จะเข้าไปในไร่ค่ะ จากนั้นก็ไปทานอาหารกลางวันที่โรงอาหาร และเข้าไร่ต่อค่ะ จากนั้นก็กลับบ้านค่ะ” หญิงสาวอธิบายให้ชายหนุ่มฟังอย่างละเอียด“งั้นเหรอ?” อนาคินพูดคล้ายกับละเมอออกมา“คุณคินจำไม่ได้เหรอคะ?” “เปล่า..แค่ถามดูเฉยๆ” “อ๋อค่ะ” “งั้นวันนี้เราเข้าไปในไร่กันเถอะ” ชายหนุ่มเอ่ยชวน“คุณคินหายดีแล้วเหรอคะ?” หญิงสาวถามออ
หลังจากวันนั้นที่คริมาเห็นลูกสาวร้องไห้เสียใจ เธอจึงไม่พาลูกสาวของเธอไปเจอเขาอีกเลย ส่วนวันเสาร์เธอจะพาลูกสาวไปฝากไว้กับคนงานในไร่แห่งนี้ที่มีลูกอายุรุ่นราวคราวเดียวกันกับลูกสาวของเธอ ซึ่งเด็กๆ ก็จะพากันวิ่งเล่นอยู่ในบริเวณไร่ หรือใกล้ๆ กับที่พ่อแม่ของเด็กๆ ทำงานอยู่วันนี้คริมาอยู่เคลียร์เอกสารค่าเเรงของคนงาน เธอปล่อยให้อนาคินเข้าไปในไร่คนเดียว ตอนนี้ความสัมพันธ์ในฐานะเพื่อนร่วมงานที่ดีของเธอกับอนาคินเริ่มเปลี่ยนไป ระยะห่างระหว่างเขาและเธอมีมากขึ้น เธอไม่ให้ความสนิทสนมกับเขาเหมือนเมื่อก่อน ต่างคนต่างก็ทำตามหน้าที่ของตัวเอง ทุกอย่างที่เกิดขึ้นทำให้เธอรู้สึกอึดอัดยามเมื่อต้องเห็นหน้าเขาทางด้านอนาคินเองก็รู้สึกได้ว่าคริมามีท่าทีที่แปลกไปไม่เหมือนเดิม เธอเว้นช่องว่างระหว่างเขากับเธอให้ห่างมากขึ้น แต่ชายหนุ่มก็พยายามที่จะไม่สนใจ เขาพยายามเรียนรู้งานในไร่ทั้งหมด ในอนาคตเขาอยากจะย้ายมาทำไร่อยู่ที่นี่ เขาไม่ชอบนั่งทำงานบนโต๊ะทำงานที่มีแต่เอกสารกองเท่าหัว เขาชอบงานลุยๆ แบบนี้มากกว่า ถ้าไม่ติดว่าเขาต้องเรียนคณะบริหารตามความต้องการของบิดามารดา ชายหนุ่มคงจะเลือกเรียนทางด้านการเกษตรอย่างแน่นอนต
หลังจากกลับมาจากโรงพยาบาล อนาคินก็คอยทำตัวเป็นนักสืบอยู่ตลอดเวลา ชายหนุ่มแอบติดตามคริมาว่าหนึ่งวันเธอทำอะไร ที่ไหน อย่างไรบ้าง แต่เขาก็ยังไม่พบความผิดปกติใดๆ เช้ามาเธอก็จัดการธุระส่วนตัวของตัวเองกับลูกสาวของเธอ จากนั้นก็พาลูกสาวไปส่งที่โรงเรียน และกลับมาทำงาน พอถึงเวลาเลิกเรียนเธอก็ไปรับลูกสาวและกลับมาทำงานต่อ กิจวัตรประจำวันของเธอก็มีเพียงเท่านี้ ยกเว้นตอนกลางคืนที่เขายังไม่เคยได้รู้ คิดได้ดังนั้น อนาคินจึงหาโอกาสไปที่บ้านบนเนินเขา บ้านที่ใครๆ ต่างก็รู้ว่าพ่อเลี้ยงพัฒน์ธนารักและหวงบ้านไม้หลังนี้มาก นั่นเป็นเพราะว่าบ้านหลังนั้นถูกสร้างเป็นเรือนหอของพ่อเลี้ยงพัฒน์ธนาและคุณพรรณิภา ภรรยาผู้ล่วงลับของพ่อเลี้ยง หรือเรียกง่ายๆ ว่าเป็นบ้านหลังแรกของคุณตากับคุณยายของอนาคินนั่นเองอนาคินค่อยๆ เดินลัดเลาะไปจนถึงบ้านไม้ที่สร้างอยู่บนเนินเขา สถานที่แห่งนี้เป็นจุดสูงสุดของไร่พรรณิภา เป็นจุดที่สวยงามที่สุดของไร่แห่งนี้ เพราะสามารถมองเห็นวิวทิวทัศน์ได้ทั่วไร่ และยิ่งบรรยากาศในตอนกลางคืนที่เงียบสงบ สามารถมองเห็นท้องฟ้ากว้างใหญ่และเหล่าหมู่ดวงดาวแพรวพราวระยิบระยับทั่วท้องฟ้า เมื่อตอน อนาคินยังเด็กๆ เ
หลังจากวันที่อนาคินได้รู้ความจริงเกี่ยวกับคริมาและคุณตาของเขา อนาคินเงียบขรึมผิดปกติจนผู้เป็นตาอดที่จะสงสัยไม่ได้“คินเป็นอะไรหรือเปล่าลูก..ช่วงนี้เงียบๆ ผิดปกตินะ มีอะไรในใจหรือเปล่าลูก” ชายชราเอ่ยถามหลานชายด้วยความเป็นห่วง“เปล่าครับ..ผมไม่ได้เป็นอะไร” อนาคินตอบด้วยน้ำเสียงเรียบๆ“วันนี้คินจะเข้าไปในไร่พร้อมตาเลยมั้ย?”“ผมว่าจะแวะไปที่สำนักงานก่อนครับ พอดีจะไปหาเอกสารนิดหน่อยครับ”“ถ้าอย่างนั้นก็ไปพร้อมหนูครีมเลย เพราะหนูครีมจะเข้าไปทำเอกสารพอดี”“ครับ”จากนั้นพ่อเลี้ยงก็เข้าไปในไร่ ส่วนคริมาก็จอดมอเตอร์ไซค์รอชายหนุ่มอยู่ที่หน้าบ้าน“เดี๋ยวผมขับเอง”“ค่ะ”คริมานั่งซ้อนท้ายชายหนุ่มด้วยความเกร็ง พักหลังมานี้เขาและเธอไม่ค่อยได้พบเจอกันสักเท่าไหร่ อนาคินเข้าไปทำงานในไร่กับพ่อเลี้ยง ส่วนเธอก็ทำงานด้านเอกสาร พอวันนี้ต้องกลับมาใกล้ชิดเขาอีกครั้ง หัวใจของเธอมันเริ่มเต้นแรงจนเธอต้องพยายามควบคุมตัวเองไม่ให้สั่นเวลาอยู่ใกล้เขา มิใช่สั่นเพราะหวั่นไหวแต่อย่างใด แต่ตัวสั่นเทาเพราะความโกรธ ความเกลียด ในตัวของเขาต่างหากนับตั้งแต่วันที่เขาทำให้ลูกสาวที่เป็นดั่งแก้วตาดวงใจของเธอนั้นร้องไห้ เขาจะทำอะไ
“น้องเค้กขา..วันนี้วันหยุดของแม่ น้องเค้กอยากไปเที่ยวที่ไหนมั้ยคะ?” คริมาถามลูกสาวหลังจากที่เด็กน้อยลืมตาตื่นขึ้นมาในตอนเช้า “เย้! แม่ต๋าจะพาน้อนเค้กปายเที่ยวเหรอค้า” “ใช่ค่ะ..น้องเค้กอยากไปที่ไหนคะ?” “น้อนเค้กอยากปายดูพี่ยีราฟค่า” “โอเคค่า..งั้นเดี๋ยวเรารีบอาบน้ำแต่งตัว แล้วไปรอขึ้นรถโดยสารที่หน้าไร่กันนะคะ” “ค่า” หลังจากนั้นสองแม่ลูกก็จัดการธุระส่วนตัวเสร็จเรียบร้อยก่อนที่เธอจะพาลูกสาวตัวน้อยซ้อนมอเตอร์ไซค์ขับไปจอดไว้ที่หน้าทางเข้าไร่ และรอขึ้นรถโดยสารที่จะเข้าไปในเมือง โชคดีที่ทางเข้าไร่เป็นทางผ่านของรถโดยสารซึ่งพวกคนงานก็ใช้บริการเป็นประจำเวลาที่ต้องเข้าไปทำธุระในตัวเมือง ทางด้านอนาคินที่กำลังขับรถเข้าไปในตัวเมือง เมื่อเขาขับมาถึงหน้าปากทางเข้าไร่ เขาเห็นคริมากับลูกสาวของเธอกำลังขึ้นรถโดยสาร สองแม่ลูกกำลังจะไปไหนกัน.. อนาคินขับตามไป..เขาอยากรู้ว่าเธอจะพาลูกของเธอไปที่ไหน จนในที่สุดรถคันดังกล่าวก็มาจอดที่บริเวณหน้าสวนสัตว์ สองแม่ลูกพากันลงจากรถก่อนที่คริมาจะเดินไปจ่ายค่ารถกับคนขับ จากนั้นสองแม่ลูกก็พากันหายเข้าไปในสวนสัตว์ชื่อดังของจังหวัด ถ้าคริมาจะพาลูกมาเที่ยวด้วยตำแหน
อนาคินเดินหน้าหาความจริงใหม่อีกครั้ง..ข้อมูลที่ได้มาครั้งที่แล้วน่าจะมีอะไรผิดพลาดอย่างแน่นอน ชายหนุ่มไปเฝ้าดูสถานการณ์และตามล่าหาความจริงเรื่องของคริมากับลูกสาวของเธออีกครั้ง เขาแอบไปที่บ้านพักของเธอในตอนกลางคืนทุกคืน จนกว่าเขาจะได้รู้ความจริง แต่ทว่า..เขาตามดูเธอมาหนึ่งเดือนแล้วก็ยังไม่พบความผิดปกติใดๆ ตลอดหนึ่งเดือนที่เขามาเฝ้าดูเธอ คุณตาของเขาก็ไม่เคยมาที่นี่อีกเลย อาจเป็นไปได้ว่า คริมากับคุณตาของเขาไม่ได้มีความสัมพันธ์กันเชิงชู้สาว แต่ทำไม หน้าตาของเด็กหญิงเค้กถึงคลับคล้ายคลับคลากับคุณตาของเขาเหลือเกิน คล้ายจนเขาเองก็คิดว่าเด็กน้อยนั้นเป็นลูกของคุณตาของเขา แต่ในใบเกิดของเด็กน้อยก็ยืนยันแล้วว่า ลูกสาวของคริมาไม่มีพ่อ..ถ้าทั้งสองคนไม่ได้มีความสัมพันธ์กันเหมือนกับที่คนงานพูดถึง แล้ววันนั้นที่เขาถามคริมาไปตรงๆ ทำไมเธอถึงไม่ปฏิเสธแต่เธอกลับยอมรับเต็มปากเต็มคำเวลาทำงานในตอนกลางวัน อนาคินมักจะง่วงเหงาหาวนอน เพราะเขาเอาเวลานอนในตอนกลางคืนไปเฝ้าดูคริมานั่นเอง“คิน..ตาว่าช่วงนี้หน้าตาของคินดูโทรมๆ นะลูก เหมือนคนไม่ได้หลับไม่ได้นอน” ตอนทำงานอยู่ในไร่ ชายชราเห็นหลานชายหาวอยู่บ่อยๆ“พอดีช่ว
หลังจากที่อนาคินรู้ความจริงว่าคริมาไม่ได้เป็นเมียลับของพ่อเลี้ยงพัฒน์ธนาและเด็กหญิงเค้กก็ไม่ได้เป็นลูกสาวของพ่อเลี้ยงแต่อย่างใด แต่เขากำลังสงสัยว่าเด็กหญิงเค้กจะเป็นลูกของเขากับคริมา เพราะเขาคือผู้ชายคนแรกของเธอ คริมาไม่เคยมีแฟนหรือมีคนรัก มีความเป็นไปได้ว่าคริมาจะท้องกับเขา..ถ้าหลังจากที่คริมามีความสัมพันธ์กับเขาและเธอไม่ไปมีความสัมพันธ์กับคนอื่นอีก นั่นก็แสดงว่าคริมาท้องกับเขาอย่างแน่นอน แต่ถ้าจะไปถามเธอตรงๆ เธอก็คงจะไม่บอกหรือไม่ยอมรับ เขาคงต้องหาหลักฐานมายืนยัน เธอจะได้ปฏิเสธไม่ได้อนาคินส่งข้อความเข้าไปในไลน์กลุ่มเพื่อนสนิทของเขาคิน : อาทิตย์หน้าพวกมึงว่างกันมั้ยคี : เฮ้ย! ไอ้คินมึงหายความจำเสื่อมแล้วเหรอซัน : จริงด้วย มึงจำพวกกูได้แล้วเหรอวินทร์ : ความจำมึงกลับมาแล้วจริงดิคิน : เออ กูจำได้แล้ว เพียงแต่กูยังไม่ได้บอกใคร กูบอกพวกมึงเป็นคนแรกเลยคี : แล้วมึงถามพวกกูทำไมว่าว่างหรือเปล่าคิน : กูจะชวนพวกมึงมาเที่ยวที่ไร่ของตากูซัน : กูว่าง กูไปได้คี : กูก็ไปได้วินทร์ : แปบนะกูถามเมียก่อนซัน : กูว่าละคิน : กูอยากให้พวกมึงมา กูมีอะไรให้พวกมึงช่วยหน่อยคี : อะไรวะคิน : เอาไว้
หลังจากที่ทุกคนรับประทานอาหารเย็นเสร็จ พ่อเลี้ยงพัฒน์ธนาขอตัวไปเดินออกกำลังกายเพื่อให้อาหารย่อย คริมากำลังเก็บจานชามเข้าไปในครัว“ไม่เจอกันนานเลยนะ..น้องครีม” คริมาตกใจกับคำถามนั้น เธอจึงหันกลับไปข้างหลัง เป็นเสียงของคีตะนั่นเอง“เอ่อ..คุณคีต้องการอะไรหรือเปล่าคะ?” คริมาถามตะกุกตะกัก“ทำไมน้องครีมถึงมาอยู่ที่นี่..แล้วไอ้คิน?”“เรื่องมันยาวค่ะ ส่วนคุณคินเขาความจำเสื่อม เขาคงจำเรื่องเลวๆ ที่เขาทำกับฉันไม่ได้ คุณคีกับคนอื่นๆ อย่าบอกเรื่องนี้กับคุณคินนะคะ..ฉันขอร้อง”“แล้วน้องครีมไม่โกรธไอ้คินมันเหรอ?”“โกรธค่ะ..โกรธมาก แต่ว่าเขาจำไม่ได้ ฉันก็เลยต้องเก็บความโกรธ ความเกลียดเอาไว้ ถ้าวันไหนที่เขาจำได้ขึ้นมา ฉันคงอยู่ที่นี่ไม่ได้”“เรียกพี่เหมือนเดิมเถอะ..อย่าเรียกคุณเลย”“อย่าเลยค่ะ เรียกแบบนี้ดีแล้ว คุณคีกับคนอื่นๆ ทำเหมือนว่าเราไม่เคยรู้จักกันยิ่งดีค่ะ”“ก็ได้..พี่กับเพื่อนๆ จะทำตามคำขอของน้องครีม”“ขอบคุณมากนะคะ” หลังจากจบสิ้นการสนทนา คีตะก็เดินออกจากห้องอาหารไป ส่วนคริมาก็รีบเก็บจานชามที่เหลือเข้าไปในครัววันต่อมา“วันนี้คุณเป็นไกด์พาเพื่อนผมทัวร์ไร่หน่อยสิ คุณชำนาญกว่าผม” อนาคินพูดกับ
สองปีต่อมาคริมาท้องอีกครั้ง เธอตั้งใจว่าหลังจากคลอดลูกคนนี้แล้วเธอจะทำหมัน เพราะมีลูกสามคนก็เพียงพอแล้วสำหรับเธอ แต่อนาคินอยากมีลูกสี่คน ในที่สุดสวรรค์ก็เข้าข้างชายหนุ่มใช่! เธอท้องลูกแฝดและเป็นฝาแฝดชายหญิงเสียด้วยอนาคินดีอกดีใจจนออกนอกหน้า ส่วนคริมานั้นก็ดีใจ แต่ลึกๆ เธอก็กังวลเล็กน้อย เพราะแค่เลี้ยงลูกน้อยคนเดียวก็เหนื่อยแล้ว นี่เธอต้องเหนื่อยคูณสอง แต่เธอก็ไม่กลัวเพราะมีอนาคินคอยช่วยเลี้ยง ในเมื่อเขาอยากได้ลูกมากนักเธอก็จะให้เขาเลี้ยงซะให้เข็ด จะได้รู้ว่าเลี้ยงลูกไม่ได้สบายอย่างที่ผู้ชายหลายๆ คนคิดหลังจากที่คริมาคลอดลูกแฝดแล้ว อนาคินก็พาครอบครัวย้ายถิ่นฐานมาอาศัยอยู่ที่ไร่พรรณิภา เพราะพ่อเลี้ยงพัฒน์ธนานั้นตอนนี้ก็แก่ชรามากแล้ว ไม่สามารถดูแลไร่ได้เหมือนเดิม เขาจึงตกเป็นผู้สืบทอดกิจการของพ่อเลี้ยงไปโดยปริยาย ส่วนอนามิกา พี่สาวของเขานั้นก็ดูแลในส่วนของบริษัทผลิตเครื่องดื่มแบรนด์ดังที่สุดทั้งในประเทศและต่างประเทศ และแน่นอนว่าไวน์ที่อนาคินคิดค้นผลิตขึ้นมานั้นกลายเป็นไวน์แบรนด์ดังที่ขายดิบขายดีเป็นเทน้ำเทท่า เพราะรสชาติของไวน์ที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว ไม่เหมือนกับไวน์ทั่วๆ ไป ส่งผลให้อ
หนึ่งปีต่อมาวันนี้อนาคินพาคริมาและลูกน้อยทั้งสองคนมาเที่ยวพักผ่อนที่ไร่พรรณิภา คนงานในไร่ต่างพากันดีอกดีใจที่ได้เจอคริมากับลูกของเธออีกครั้ง และโดยเฉพาะพ่อเลี้ยงพัฒน์ธนาที่ตอนนี้กลายเป็นคุณปู่ทวดไปแล้ว ชายชราดีใจที่ลูกหลานมาเยี่ยมเยือน พ่อเลี้ยงจึงสั่งให้มีการจัดงานเลี้ยงพิเศษขึ้นในค่ำคืนนี้ และให้คนงานทุกคนมาร่วมดื่มกินสังสรรค์กันให้เต็มที่เพราะพรุ่งนี้เป็นวันหยุด“พ่อเลี้ยงไม่บอกก่อน ครีมไม่มีชุดสวยๆ ติดมาเลยค่ะ” คริมายังคงเรียกคุณตาของอนาคินว่าพ่อเลี้ยง เพราะความเคยชิน“ไม่ต้องห่วง..พี่เตรียมไว้ให้หมดแล้ว ทั้งของครีมกับของลูกๆ”“จริงเหรอคะ..พี่คินไปเตรียมตอนไหน ครีมไม่เห็นรู้เลย”“ไม่บอก..แต่พี่รับรองว่าครีมต้องชอบแน่ๆ”“พี่คินคิดจะทำอะไรกันแน่ บอกครีมมาเดี๋ยวนี้เลยนะ” คริมาหันไปทำเสียงดุใส่สามี“เปล่า..ไม่ได้จะทำอะไร ก็พอดีพี่บอกกับคุณตาว่าพวกเราจะมา คุณตาก็เลยจะจัดงานเลี้ยงต้อนรับพวกเรา เพียงแต่พี่ไม่ได้บอกครีมเท่านั้นเอง”“จริงนะคะ”“จริงที่สุดครับ” อนาคินยิ้มอย่างมีเลศนัยและในค่ำคืนที่ทุกคนรอคอยก็มาถึง อนาคินส่งตัวลูกสาวกับลูกชายให้ป้าสายช่วยจัดการอาบน้ำแต่งตัวให้ และเขาก็บอก
สามวันผ่านไปอนาคินออกจากโรงพยาบาลหลังจากที่อาการดีขึ้นมากแล้ว เพราะได้พยาบาลส่วนตัวดูแลเป็นอย่างดี รวมไปถึงกำลังใจจากคนรอบข้าง ทำให้เขาแข็งแรงขึ้นในเร็ววัน“ครีมมีนัดตรวจครรภ์อีกเมื่อไหร่” อนาคินเอ่ยถามคนรักในขณะที่เขากำลังนั่งเอามือลูบท้องของเธออยู่“วันอาทิตย์ที่จะถึงนี้ค่ะ..อุ้ย!” คริมาคลี่ยิ้มก่อนจะอุทานออกมาเพราะลูกน้อยในท้องดิ้นแรงเหลือเกิน“ลูกดิ้นเหรอ?” อนาคินถามเพราะเขาก็รู้สึกได้ว่าลูกน้อยกำลังดิ้น“ค่ะ”“เราจะได้รู้แล้วใช่มั้ยว่าจะได้ลูกสาวหรือลูกชาย”“จริงๆ รู้ได้ตั้งแต่เดือนก่อนแล้วค่ะ แต่ลูกคงจะอายหนีบไว้ไม่ยอมให้เห็น”“พี่ตื่นเต้นจัง..อยากรู้ว่าได้ผู้หญิงหรือผู้ชาย”“วันอาทิตย์นี้น่าจะรู้นะคะ..ถ้าลูกไม่แอบอีก”“เรานอนกันเถอะครับ..ดึกแล้ว”“ค่ะ..ฝันดีนะคะ”“ฝันดีเหมือนกันครับ” จากนั้นทั้งสองก็นอนหลับอยู่ในอ้อมกอดของกันและกันจนถึงเช้าวันอาทิตย์วันที่คริมากับอนาคินรอคอยก็มาถึง เมื่อเขาพาเธอมาหาหมอเพื่อตรวจครรภ์ตามนัด อนาคินตื่นเต้นที่ได้เห็นลูกน้อยบนหน้าจอเป็นครั้งแรก ภาพของลูกน้อยที่ดิ้นอยู่ในครรภ์ทำให้เขาน้ำตาซึมออกมา มันเป็นความรู้สึกตื้นตันใจอย่างบอกไม่ถูก เขาพลาดโอ
อนาคินที่แกล้งนอนหลับ อมยิ้มออกมาอย่างห้ามไม่อยู่เมื่อได้ยินคริมาพูดความในใจกับเขา คริมานั่งบนเก้าอี้เธอจับมือข้างหนึ่งของเขามาแนบกับแก้มของเธอ เธอพูดออกมาพร้อมกับน้ำตาที่ไหลรินลดมือเขา อนาคินอดใจไม่ไหวอยากจะดึงเธอเข้ามากอดปลอบเสียเดี๋ยวนี้เขาพึ่งรู้ว่าการเกิดอุบัติเหตุในครั้งนี้มันช่างดีเหลือเกิน เพราะมันทำให้คริมาหายโกรธเขาและให้โอกาสเขาอีกครั้ง เหมือนเป็นการพลิกวิกฤติให้เป็นโอกาส และครั้งนี้เขาจะไม่ทำให้เธอต้องเสียใจอีกเด็ดขาด อนาคินสัญญากับตัวเอง เขาจะดูแลคริมากับลูกให้ดีที่สุด เขาจะทำให้เธอเป็นผู้หญิงที่โชคดีที่สุดในที่สุดอนาคินก็ทนไม่ไหว ลืมตาขึ้นมา“ครีมพูดจริงใช่ไหม?” เขาถามออกไปพร้อมยิ้มอย่างดีใจ“จริงค่ะ ครีมพูดจริงๆ” คริมาตอบก่อนจะตกใจที่ได้ยินเสียงของเขา เธอเงยหน้ามองเขา อนาคินฟื้นเเล้ว แถมยังยิ้มหน้าแป้นใส่เธออีกนี่เธอโดนเขาหลอกอีกแล้วเหรอ..“นี่พี่คินฟื้นแล้วเหรอคะ? แล้วไม่เห็นมีใครบอกครีมเลย” คริมาหันมาถามเพื่อนๆ ของเขาเธอดีใจที่เขาฟื้น..แต่ก็เสียใจที่โดนหลอก“ก็น้องครีมไม่ได้ถามนี่นา..” เป็นเสียงของธาวินทร์เอ่ยออกมาเบาๆ“ต้องโทษไอ้คีเลย มันเป็นคนวางแผนทั้งหมด” อาทิ
หลังจากที่อนาคินขับรถออกมาจากบ้านของคีตะได้สักพัก เขามุ่งหน้าไปยังผับแห่งหนึ่ง ตอนนี้เขาต้องการตัวช่วยให้ตัวเองหายเครียดอนาคินนั่งดื่มเหล้าอยู่คนเดียวโดยไม่สนสายตาของใครต่อใครที่มองเข้ามา โดยเฉพาะสาวๆ ที่ต่างก็อยากจะเข้ามาทักทายเขา แต่หลังจากที่สาวๆ เหล่านั้นเห็นสายตาที่แข็งกร้าวของเขา พวกหล่อนต่างก็พากันล่าถอยไม่ย่างกรายมาใกล้เขาอีกเลยในขณะที่เขานั่งดื่มอยู่ประมาณหนึ่งชั่วโมงผ่านไปแล้ว ใบหน้าเล็กๆ น่ารักเหมือนตุ๊กตาก็ลอยเข้ามาในหัว ใช่! ลูกสาวของเขาเอง ป่านนี้ลูกคงจะรอเขาไปอ่านนิทานให้ฟังก่อนนอนเป็นแน่..ตอนนี้ลูกสาวติดเขามากจนเขาไม่สามารถจะไปไหนได้เลย อนาคินคิดได้ดังนั้นจึงลุกขึ้นและก้าวเท้ายาวๆ ออกจากผับไปทันทีสติสัมปชัญญะของเขาตอนนี้อาจจะไม่เต็มร้อยนัก แต่เขารู้ตัวว่าตัวเองไม่ได้เมาถึงขนาดขับรถไม่ได้ เขาแค่รู้สึกมึนๆ นิดหน่อย ในระหว่างทางกลับบ้านซึ่งเป็นถนนสี่เลน เขาเห็นรถสิบล้อคันหนึ่งพุ่งข้ามฝั่งมาทางที่เขากำลังขับรถ อนาคินเห็นท่าไม่ดีรีบหักหลบรถสิบล้อคันนั้น ก่อนที่รถของเขาจะเสียหลักไปพุ่งชนกับเสาไฟฟ้าข้างทางโครม!จากแรงกระแทกอย่างแรงของการขับไปชนเสาไฟฟ้าทำให้สติของเขาดับไปใ
คริมาลืมตาตื่นขึ้นมาในช่วงเย็นของวันนั้น เธอพยายามนึกถึงเรื่องราวที่เกิดขึ้น“เป็นยังไงบ้างครีม” คีตะเอ่ยถามเมื่อเห็นว่าคริมาฟื้นแล้ว“ลูก..พี่คี ลูกของครีมล่ะคะ?” คริมาถามออกไปด้วยความกลัว“ลูกของครีมปลอดภัย แต่ครีมต้องนอนอยู่บนเตียงห้ามขยับจนกว่าหมอจะอนุญาต”“ลูกครีมไม่เป็นอะไรจริงๆ ใช่มั้ยคะ?”“จริงสิ..ไม่ต้องกังวล เดี๋ยวพี่เรียกหมอก่อนนะ”จากนั้นหมอและพยาบาลก็เข้ามาตรวจอาการของหญิงสาว เบื้องต้นไม่มีอะไรผิดปกติ คุณหมอบอกให้เธอพักผ่อนให้มากๆ“พี่คีคะ..แล้ว เอ่อ”“ไอ้คินมันไม่อยู่หรอก พอดีน้องเค้กไม่สบาย มันก็เลยต้องรีบกลับไปดูลูก”“ตายจริง! แล้วน้องเค้กเป็นอะไรมากหรือเปล่าคะ?” คริมาอุทานออกมาด้วยความตกใจ“เห็นบอกว่าตัวร้อน แต่ครีมไม่ต้องเป็นห่วงนะ ไอ้คินมันพาน้องเค้กไปโรงพยาบาลแล้ว ตอนนี้ครีมต้องทำใจให้สบาย อย่าเครียด เดี๋ยวจะส่งผลถึงเจ้าตัวเล็กที่อยู่ในท้อง”“ค่ะ”ค่ำคืนนั้นกว่าคริมาจะหลับลงก็กินเวลาไปเกือบเที่ยงคืน เพราะเป็นห่วงลูกสาวเช้าวันต่อมา / โรงพยาบาลเอกชนชื่อดังในกรุงเทพฯตั้งแต่เมื่อคืนจนถึงตอนนี้อนาคินยังไม่ได้นอน เมื่อวานเขาพาเด็กหญิงเค้กมาหาหมอที่โรงพยาบาล หมอบอกว่าติ
“มีความสุขกันจริงๆ เลยนะ..ไอ้คี” สิ้นเสียงของ อนาคิน ทั้งคีตะและคริมาที่กำลังนั่งคุยกันใต้ร่มไม้ต่างก็ตกใจหันไปมองอนาคินที่กำลังยืนอยู่ใกล้ๆ พวกเขา“ไอ้คิน..มึงมาได้ยังไง” คีตะมีสติก่อนจึงถามออกไป“กูก็ตามมึงมาไง..ถ้ากูไม่ตามมึงมากูก็คงไม่รู้สินะว่ากูมันเป็นแค่ไอ้งั่งตัวหนึ่งเท่านั้น”“มึงฟังกูอธิบายก่อนนะ..ไอ้คิน”“ฟังเหรอ? มึงจะให้กูฟังอะไร เพื่อนรักกับเมียกูแอบคบชู้กันอย่างนั้นเหรอ” อนาคินตะโกนเสียงดัง“นี่คุณ..มันจะมากไปแล้วนะ” เสียงของคริมาปรี้ดขึ้นมา“มากเหรอ สำหรับผู้หญิงชั่วๆ อย่างเธอมันไม่มากไปหรอก ทิ้งลูกทิ้งเต้าเพื่อมาอยู่กับชู้ แถมยังมีลูกกับมันอีก เธอทำได้ยังไงครีม เธอทำแบบนี้ได้ยังไง ลูกร้องไห้หาเธอทุกวัน เธอไม่รู้บ้างเลยเหรอ เธอไม่รักลูกเลยใช่มั้ยถึงทำตัวทุเรสแบบนี้ ทำไมฮะ? ที่ฉันเอาเธออยู่ทุกวันมันไม่พอหรือยังไง ถึงต้องมาให้ไอ้คินมันเอาต่อจากฉัน?” เขาระเบิดอารมณ์ใส่เธอไม่ยั้งทันใดนั้นกำปั้นของคีตะก็พุ่งเข้ามาใส่มุมปาก ของอนาคินทันทีผลัวะ! ผลัวะ!เสียงต่อยตีกันเป็นพัลวันระหว่างคีตะกับอนาคิน ไม่รู้ใครเป็นใคร คริมาตกใจกับภาพตรงหน้า เธอพยายามเข้าไปดึงแขนของอนาคินให้หย
ทางด้านคริมา หลังจากที่เธอได้มาอยู่ที่บ้านของ คีตะได้หนึ่งเดือนแล้ว หญิงสาวเริ่มจะปรับตัวได้แล้ว คีตะจ้างแม่บ้านให้มาอยู่เป็นเพื่อนเธอ เขาพาเธอไปฝากครรภ์ที่โรงพยาบาลเอกชนใกล้ๆ นี้ ตอนนี้อายุครรภ์ของเธอยังอยู่ในไตรมาสแรก หมอจึงนัดเดือนละหนึ่งครั้งและแน่นอนว่าคีตะจะเป็นคนพาเธอไปหาหมอเอง และทุกสัปดาห์เขาจะมาเยี่ยมเธอพร้อมกับซื้อของบำรุงครรภ์มาให้เธอ จนเธอรู้สึกเกรงใจแต่ก็มิอาจห้ามปรามได้ เพราะถึงเธอจะห้ามแต่เขาก็ไม่ฟังอยู่ดี“ครีมอยู่ที่นี่เป็นยังไงบ้าง? โอเคหรือเปล่า?”“โอเคค่ะ..พี่คี ครีมอยู่ได้สบายมากค่ะ”“ขอบคุณพี่คีมากๆ นะคะ สำหรับทุกๆ อย่าง”“ไม่เป็นไร..พี่เต็มใจ”“พี่คินทานข้าวมาหรือยังคะ..วันนี้ครีมทำกับข้าวหลายอย่างเลยค่ะ”“ยังเลย กำลังหิวพอดีเลย แหะ แหะ” คีตะยกมือเกาหัวเมื่อเสียงท้องร้องดังขึ้นมาอับอายขายหน้าชะมัดเลย..มาร้องอะไรตอนนี้ก็ไม่รู้ คีตะคิดในใจก่อนจะหันไปยิ้มแหยๆ ให้เธอ“งั้นเราไปทานข้าวกันดีกว่าค่ะ”จากนั้นทั้งสองคนก็รับประทานอาหารอย่างเอร็ดอร่อย คีตะเติมข้าวถึงสองครั้งด้วยกัน เขาอิ่มจนพุงกาง“ครีมทำอาหารอร่อยนะ..ดูสิ พี่กินซะเยอะเชียว” คีตะเอ่ยชม ฝีมือการทำอาหารขอ
อนาคินหัวเสียเป็นอย่างมาก เมื่อตื่นมาแล้วพบว่าคริมาไปจากที่นี่แล้ว หลังจากที่เขาร่วมรักกับเธอและเธอเองก็ตอบสนองเขาอย่างถึงพริกถึงขิงจนเขาคิดว่าเธอจะเปลี่ยนใจยอมเป็นนางบำเรอให้เขาต่อ แต่เธอกลับหนีหายไป..ทิ้งลูกให้ร้องไห้หาแม่คริมาเป็นผู้หญิงที่ใจร้ายมาก.. ไม่สงสารลูกเลยหรือยังไงกัน..ตั้งแต่ที่คริมาจากไป บ้านนี้ก็แทบไม่ได้ยินเสียงหัวเราะของเด็กหญิงเค้กเลย มีแต่เสียงร้องไห้หาแม่ จนผู้เป็นบิดาทนไม่ไหว เขาตัดสินใจตามหาคริมาอนาคินขับรถตระเวนหาหญิงสาวไปทั่วกรุงเทพฯ หวังว่าจะเจอเธอที่ใดที่หนึ่ง เขาใช้เวลาอยู่ประมาณหนึ่งสัปดาห์ แต่ก็ไม่มีแม้แต่เงาเขาไม่คิดว่าเธอจะกลับไปที่ไร่พรรณิภาอีก แต่เขาก็ไม่มั่นใจ เขาไม่อยากโทรไปถามคุณตา เพราะกลัวว่าคุณตาจะช่วยคริมาปิดบังเขา อนาคินจึงเดินทางไปที่ไร่พรรณิภาด้วยตัวเอง“อ้าวคืน..มาคนเดียวเหรอลูก แล้วหนูครีมกับน้องเค้กไม่ได้มาด้วยเหรอ?” พ่อเลี้ยงพัฒน์ธนาถามออกไปเมื่อเห็นหน้าหลานชายแต่ไม่เห็นคริมากับเด็กหญิงเค้ก“ครีมไม่ได้อยู่ที่นี่เหรอครับคุณตา?” อนาคินไม่ตอบหากแต่เป็นฝ่ายถามกลับ“หนูครีมจะมาอยู่ที่นี่ได้อย่างไร..คินก็ถามแปลกๆ หรือว่าเกิดอะไรขึ้น บอกตา