อนาคินเดินหน้าหาความจริงใหม่อีกครั้ง..ข้อมูลที่ได้มาครั้งที่แล้วน่าจะมีอะไรผิดพลาดอย่างแน่นอน ชายหนุ่มไปเฝ้าดูสถานการณ์และตามล่าหาความจริงเรื่องของคริมากับลูกสาวของเธออีกครั้ง เขาแอบไปที่บ้านพักของเธอในตอนกลางคืนทุกคืน จนกว่าเขาจะได้รู้ความจริง แต่ทว่า..เขาตามดูเธอมาหนึ่งเดือนแล้วก็ยังไม่พบความผิดปกติใดๆ ตลอดหนึ่งเดือนที่เขามาเฝ้าดูเธอ คุณตาของเขาก็ไม่เคยมาที่นี่อีกเลย อาจเป็นไปได้ว่า คริมากับคุณตาของเขาไม่ได้มีความสัมพันธ์กันเชิงชู้สาว แต่ทำไม หน้าตาของเด็กหญิงเค้กถึงคลับคล้ายคลับคลากับคุณตาของเขาเหลือเกิน คล้ายจนเขาเองก็คิดว่าเด็กน้อยนั้นเป็นลูกของคุณตาของเขา แต่ในใบเกิดของเด็กน้อยก็ยืนยันแล้วว่า ลูกสาวของคริมาไม่มีพ่อ..ถ้าทั้งสองคนไม่ได้มีความสัมพันธ์กันเหมือนกับที่คนงานพูดถึง แล้ววันนั้นที่เขาถามคริมาไปตรงๆ ทำไมเธอถึงไม่ปฏิเสธแต่เธอกลับยอมรับเต็มปากเต็มคำเวลาทำงานในตอนกลางวัน อนาคินมักจะง่วงเหงาหาวนอน เพราะเขาเอาเวลานอนในตอนกลางคืนไปเฝ้าดูคริมานั่นเอง“คิน..ตาว่าช่วงนี้หน้าตาของคินดูโทรมๆ นะลูก เหมือนคนไม่ได้หลับไม่ได้นอน” ตอนทำงานอยู่ในไร่ ชายชราเห็นหลานชายหาวอยู่บ่อยๆ“พอดีช่ว
หลังจากที่อนาคินรู้ความจริงว่าคริมาไม่ได้เป็นเมียลับของพ่อเลี้ยงพัฒน์ธนาและเด็กหญิงเค้กก็ไม่ได้เป็นลูกสาวของพ่อเลี้ยงแต่อย่างใด แต่เขากำลังสงสัยว่าเด็กหญิงเค้กจะเป็นลูกของเขากับคริมา เพราะเขาคือผู้ชายคนแรกของเธอ คริมาไม่เคยมีแฟนหรือมีคนรัก มีความเป็นไปได้ว่าคริมาจะท้องกับเขา..ถ้าหลังจากที่คริมามีความสัมพันธ์กับเขาและเธอไม่ไปมีความสัมพันธ์กับคนอื่นอีก นั่นก็แสดงว่าคริมาท้องกับเขาอย่างแน่นอน แต่ถ้าจะไปถามเธอตรงๆ เธอก็คงจะไม่บอกหรือไม่ยอมรับ เขาคงต้องหาหลักฐานมายืนยัน เธอจะได้ปฏิเสธไม่ได้อนาคินส่งข้อความเข้าไปในไลน์กลุ่มเพื่อนสนิทของเขาคิน : อาทิตย์หน้าพวกมึงว่างกันมั้ยคี : เฮ้ย! ไอ้คินมึงหายความจำเสื่อมแล้วเหรอซัน : จริงด้วย มึงจำพวกกูได้แล้วเหรอวินทร์ : ความจำมึงกลับมาแล้วจริงดิคิน : เออ กูจำได้แล้ว เพียงแต่กูยังไม่ได้บอกใคร กูบอกพวกมึงเป็นคนแรกเลยคี : แล้วมึงถามพวกกูทำไมว่าว่างหรือเปล่าคิน : กูจะชวนพวกมึงมาเที่ยวที่ไร่ของตากูซัน : กูว่าง กูไปได้คี : กูก็ไปได้วินทร์ : แปบนะกูถามเมียก่อนซัน : กูว่าละคิน : กูอยากให้พวกมึงมา กูมีอะไรให้พวกมึงช่วยหน่อยคี : อะไรวะคิน : เอาไว้
หลังจากที่ทุกคนรับประทานอาหารเย็นเสร็จ พ่อเลี้ยงพัฒน์ธนาขอตัวไปเดินออกกำลังกายเพื่อให้อาหารย่อย คริมากำลังเก็บจานชามเข้าไปในครัว“ไม่เจอกันนานเลยนะ..น้องครีม” คริมาตกใจกับคำถามนั้น เธอจึงหันกลับไปข้างหลัง เป็นเสียงของคีตะนั่นเอง“เอ่อ..คุณคีต้องการอะไรหรือเปล่าคะ?” คริมาถามตะกุกตะกัก“ทำไมน้องครีมถึงมาอยู่ที่นี่..แล้วไอ้คิน?”“เรื่องมันยาวค่ะ ส่วนคุณคินเขาความจำเสื่อม เขาคงจำเรื่องเลวๆ ที่เขาทำกับฉันไม่ได้ คุณคีกับคนอื่นๆ อย่าบอกเรื่องนี้กับคุณคินนะคะ..ฉันขอร้อง”“แล้วน้องครีมไม่โกรธไอ้คินมันเหรอ?”“โกรธค่ะ..โกรธมาก แต่ว่าเขาจำไม่ได้ ฉันก็เลยต้องเก็บความโกรธ ความเกลียดเอาไว้ ถ้าวันไหนที่เขาจำได้ขึ้นมา ฉันคงอยู่ที่นี่ไม่ได้”“เรียกพี่เหมือนเดิมเถอะ..อย่าเรียกคุณเลย”“อย่าเลยค่ะ เรียกแบบนี้ดีแล้ว คุณคีกับคนอื่นๆ ทำเหมือนว่าเราไม่เคยรู้จักกันยิ่งดีค่ะ”“ก็ได้..พี่กับเพื่อนๆ จะทำตามคำขอของน้องครีม”“ขอบคุณมากนะคะ” หลังจากจบสิ้นการสนทนา คีตะก็เดินออกจากห้องอาหารไป ส่วนคริมาก็รีบเก็บจานชามที่เหลือเข้าไปในครัววันต่อมา“วันนี้คุณเป็นไกด์พาเพื่อนผมทัวร์ไร่หน่อยสิ คุณชำนาญกว่าผม” อนาคินพูดกับ
หลังจากที่อนาคินเห็นผลตรวจดีเอ็นเอ เขาแทบอยากจะพุ่งเข้าไปหาคริมาทันที แต่เขาจะใจร้อนวู่วามไม่ได้ แต่ตอนนี้ภายในใจของเขามันร้อนรุ่มเหลือเกิน อนาคินพยายามข่มใจเอาไว้ เขาพ่นลมหายใจออกมาอย่างช้าๆ ความเป็นจริงไม่ต่างจากสิ่งที่เขาคิด..เพียงแต่เขาต้องการความมั่นใจ เขาจึงต้องใช้วิธีนี้ คือตรวจดีเอ็นเอระหว่างเขากับเด็กหญิงเค้ก ลูกสาวของเขาที่พึ่งจะรู้ว่ามีตัวตนอยู่บนโลกใบนี้ เพื่อที่เขาจะได้มีหลักฐานไปยืนยันกับคริมาหากว่าเธอไม่ยอมรับค่ำคืนนี้ท้องฟ้าดูเปล่งประกาย ดวงดาวพราวแสงระยิบระยับ คริมานั่งกอดเข่าอยู่บนเก้าอี้บริเวณชานหน้าบ้านไม้สักหลังนี้ หลังจากที่ลูกสาวนอนหลับแล้ว เธอชอบมานั่งเล่นรับลมที่นี่ ท้องฟ้ายามค่ำคืน ผู้คนพากันหลับใหล มีเพียงแต่คริมาที่ยังคงนั่งมองดูดวงดาวบนท้องฟ้าอันกว้างใหญ่ แต่ภายในใจของเธอกลับเงียบเหงาเหลือเกินตลอดสี่ปีที่ผ่านมา เธอต้องทำตัวให้เข้มแข็งไม่ว่าจะต่อหน้าหรือลับหลัง ทั้งๆ ที่ภายในใจของเธอมันอ่อนแอเสียเหลือเกิน เธอเหนื่อย เธออยากจะร้องไห้ เธออยากจะยอมแพ้ให้กับชีวิต แต่เพราะลูก เธอถึงต้องมีชีวิตอยู่ ลูกคือของขวัญที่มีค่าที่สุดในชีวิตของเธอ เธอคิดว่าตัวเองตัดสินใ
หลังจากที่อนาคินกลับไป คริมายังนั่งร้องไห้อยู่ที่เดิม ภาพเหตุการณ์ต่างๆ หลั่งไหลเข้ามา ทั้งความสุขที่เธอเคยได้รับจากเขาในช่วงเวลาสั้นๆ และความทุกข์แสนสาหัสที่เขาฝากไว้ให้เธอจนถึงทุกวันนี้ ในเมื่อความทรงจำของอนาคินกลับมาแล้ว และเขาก็รู้แล้วว่าอนาลินคือลูกสาวของเขา เธอคงไม่สามารถอยู่ที่ไร่แห่งนี้ได้อีกต่อไป เธอต้องพาลูกหนีไปจากที่นี่ คิดได้ดังนั้น คริมารีบกลับเข้าไปในบ้าน เก็บเสื้อผ้า และของที่จำเป็น เธอต้องพาลูกสาวของเธอไปจากที่นี่ แต่ตอนนี้มันก็ดึกมากแล้ว คงต้องรอให้รุ่งสางก่อน ช่วงนั้นคนน่าจะไม่พลุกพล่าน ลำพังตัวเธอเองคนเดียวเธอไปตั้งนานแล้ว แต่นี่มีลูกสาวตัวน้อยด้วย เธอไม่อยากพาลูกไปลำบากในตอนกลางค่ำกลางคืน เพราะชีวิตของเธอคงไม่โชคดีเป็นครั้งที่สองแน่คริมานั่งรอจนรุ่งสาง เธอปลุกลูกสาวตัวน้อยให้ตื่น เด็กน้อยงัวเงียตื่นขึ้นมาก่อนเสียงเล็กๆ จะเอ่ยถาม“แม่ต๋า จาปายหนายค้า”“เราต้องไปจากที่นี่ลูก..เราอยู่ที่นี่ไม่ได้แล้ว” หญิงสาวตอบลูกสาวแค่นั้น ก่อนจะอุ้มเด็กหญิงเค้กขึ้นมาจากบนเตียงนอนสองแม่ลูกพากันเดินออกจากบ้านไม้ ก่อนที่คริมาและเด็กหญิงเค้กจะเดินไปที่รถมอเตอร์ไซค์ที่จอดอยู่บริเวณหน
สองสัปดาห์ผ่านไปในที่สุดความพยายามของอนาคินก็สิ้นสุดลง ชายหนุ่มทนไม่ไหวอีกต่อไป เขาอยากจะเห็นหน้าลูก อยากกอด อยากหอม นี่ก็ผ่านมาสองสัปดาห์แล้ว คริมาน่าจะใจเย็นลงบ้างแล้ว วันนี้เป็นวันเสาร์ คริมาน่าจะพาเด็กหญิงเค้กไปทำงานด้วยอนาคินไปที่สำนักงานแต่ไม่พบ เขาถามพนักงานที่อยู่ในสำนักงานแจ้งว่า วันนี้คริมาเข้าไปในไร่องุ่นและพาลูกสาวของเธอไปด้วย อนาคินจึงรีบตามไปทันทีเขาเดินตามหาสองแม่ลูกจนเหนื่อยแต่ก็ยังไม่เห็นแม้แต่เงา หรือว่าคริมาจะไม่ได้อยู่ในไร่องุ่นแล้ว ทันใดนั้นเอง เขาเห็นคริมากับเด็กหญิงเค้กยืนอยู่ข้างหน้าห่างออกไปประมาณสองร้อยเมตร ชายหนุ่มเร่งฝีเท้าไปข้างหน้าอย่างรวดเร็ว“ครีม..รอพี่ก่อน” เมื่อเห็นว่าคริมากับเด็กน้อยกำลังจะเดินออกไป เขาจึงรีบเอ่ยออกมาทางด้านคริมาที่ได้ยินเสียงของชายหนุ่มเรียก เธอพ่นลมหายใจออกมาเบาๆ ก่อนจะรีบจูงมือลูกสาวให้เดินอย่างไว“แม่ต๋า..จารีบปายหนายค้า” เด็กหญิงร้องถามเมื่อผู้เป็นมารดาดึงแขนของหนูน้อยให้เดินตาม“คือ..แม่หิวข้าวค่ะ เรารีบไปที่โรงอาหารกันเถอะ พวกคนงานไปกันหมดแล้ว เดี๋ยวไม่เหลือกับข้าวให้เราทานนะคะ” คริมาอธิบายให้เด็กน้อยฟังพร้อมกับรีบเดินอย
“เป็นยังไงบ้างคิน?” ชายชราเอ่ยถามหลานชายในช่วงเย็นหลังจากที่รับประทานอาหารเย็นเสร็จ“ครีมไม่ยอมให้ผมเข้าใกล้ลูกเลยครับ เธอไม่ยอมให้โอกาสผมได้ทำหน้าที่พ่อ”“ภายนอกหนูครีมดูเป็นคนอ่อนโยน แต่ภายในนั้นแข็งแกร่งมากจริงๆ ไม่งั้นหนูครีมคงไม่ผ่านเรื่องร้ายๆ มาได้ขนาดนี้ คินอย่าพึ่งยอมแพ้นะลูก ตาเชื่อว่าสักวันหนูครีมคงจะใจอ่อนยอมให้คินได้ทำหน้าที่พ่อของน้องเค้ก”มันจะมีวันนั้นไหม..ตอนนี่เขายังมองไม่เห็นหนทางเลย ถ้าสุดท้ายแล้วคริมายังยืนยันคำเดิม เขาคงต้องใช้ตัวช่วย ซึ่งจริงๆ แล้วเขาไม่อยากให้ถึงขั้นนั้นเลยด้วยซ้ำ“ครับคุณตา”หลังจากวันนั้น อนาคินก็ไม่ได้เข้าไปยุ่งวุ่นวายกับคริมาอีก ชายหนุ่มเอาเวลาทั้งหมดไปทุ่มเทกับการทำไวน์ตามที่เขาได้ศึกษามา เขามีความตั้งใจที่จะผลิตไวน์ให้ได้รสชาติที่ดี และไม่เหมือนกับยี่ห้ออื่น เขาศึกษาหาข้อมูลจากทุกแหล่ง และตอนนี้กำลังอยู่ในช่วงทดลอง โดยมีคุณตาเป็นผู้ช่วยในตอนกลางวัน อนาคินทำงานอย่างเอาเป็นเอาตาย แต่ในตอนกลางคืน ชายหนุ่มมาแอบดูคริมากับลูกสาวตัวน้อยทุกคืน ไม่ได้เห็นหน้าลูกได้เห็นหลังคาบ้านของลูกก็ยังดีในค่ำคืนหนึ่งขณะที่คริมากำลังยืนมองท้องฟ้าอยู่หน้าบ้าน
และแล้ววันที่คริมาหวั่นกลัวก็มาถึง เมื่อเธอเห็นเอกสารยื่นฟ้องร้องขอเปลี่ยนแปลงอำนาจปกครองบุตร เขายื่นคำร้องต่อศาลเพื่อสิทธิเลี้ยงดูบุตรเขาทำร้ายเธออีกครั้งแล้วสินะ..แค่นี้เธอยังเจ็บปวดไม่พออีกหรือ..ทำไมเขาถึงใจร้ายใจดำกับเธอได้ขนาดนี้..เขาเห็นลูกของเธอเป็นอะไร..เขาถึงจะแย่งไปในเมื่ออนาคินทำถึงขนาดนี้ เธอก็จะสู้ไม่ถอย ไม่ว่าจะแพ้หรือชนะ เธอก็ต้องสู้ สู้เพื่อปกป้องลูกสาวตัวน้อยของเธอ ลูกของเธอทั้งคน เธออุ้มท้องมาตั้งเก้าเดือน เลี้ยงดูฟูมฟักมาอย่างดี แล้วเขาเป็นใครที่จู่ๆ จะมายื้อแย่งลูกของเธอไป ชีวิตที่เหลือของเธอต่อจากนี้คงจะขาดลูกสาวไม่ได้อย่างแน่นอน ถ้าเป็นเช่นนั้น เธอคงจะขาดใจตายเสียก่อนหึ! แล้วเราจะได้เห็นดีกัน..ว่าศาลจะเข้าข้างคนเลวๆ อย่างเขา หรือว่าศาลจะเห็นใจผู้หญิงตัวเล็กๆ อย่างเธอที่ถูกเขาทำร้ายจนแสนสาหัสหนึ่งสัปดาห์ต่อมาวันนี้ถึงกำหนดที่คริมาต้องเดินทางไปศาลแล้ว ในตอนเช้าเธอไปส่งลูกสาวที่โรงเรียน หลังจากนั้น คริมาให้น้าเบิ้มไปส่งเธอที่ศาลประจำจังหวัดเมื่อไปถึงเธอเห็นเขามารออยู่ก่อนแล้ว คริมามองหน้าชายหนุ่มด้วยสายตาเคียดแค้นชิงชัง ในเมื่อเขาทำกับเธอได้ขนาดนี้ เธอก็จะม
สองปีต่อมาคริมาท้องอีกครั้ง เธอตั้งใจว่าหลังจากคลอดลูกคนนี้แล้วเธอจะทำหมัน เพราะมีลูกสามคนก็เพียงพอแล้วสำหรับเธอ แต่อนาคินอยากมีลูกสี่คน ในที่สุดสวรรค์ก็เข้าข้างชายหนุ่มใช่! เธอท้องลูกแฝดและเป็นฝาแฝดชายหญิงเสียด้วยอนาคินดีอกดีใจจนออกนอกหน้า ส่วนคริมานั้นก็ดีใจ แต่ลึกๆ เธอก็กังวลเล็กน้อย เพราะแค่เลี้ยงลูกน้อยคนเดียวก็เหนื่อยแล้ว นี่เธอต้องเหนื่อยคูณสอง แต่เธอก็ไม่กลัวเพราะมีอนาคินคอยช่วยเลี้ยง ในเมื่อเขาอยากได้ลูกมากนักเธอก็จะให้เขาเลี้ยงซะให้เข็ด จะได้รู้ว่าเลี้ยงลูกไม่ได้สบายอย่างที่ผู้ชายหลายๆ คนคิดหลังจากที่คริมาคลอดลูกแฝดแล้ว อนาคินก็พาครอบครัวย้ายถิ่นฐานมาอาศัยอยู่ที่ไร่พรรณิภา เพราะพ่อเลี้ยงพัฒน์ธนานั้นตอนนี้ก็แก่ชรามากแล้ว ไม่สามารถดูแลไร่ได้เหมือนเดิม เขาจึงตกเป็นผู้สืบทอดกิจการของพ่อเลี้ยงไปโดยปริยาย ส่วนอนามิกา พี่สาวของเขานั้นก็ดูแลในส่วนของบริษัทผลิตเครื่องดื่มแบรนด์ดังที่สุดทั้งในประเทศและต่างประเทศ และแน่นอนว่าไวน์ที่อนาคินคิดค้นผลิตขึ้นมานั้นกลายเป็นไวน์แบรนด์ดังที่ขายดิบขายดีเป็นเทน้ำเทท่า เพราะรสชาติของไวน์ที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว ไม่เหมือนกับไวน์ทั่วๆ ไป ส่งผลให้อ
หนึ่งปีต่อมาวันนี้อนาคินพาคริมาและลูกน้อยทั้งสองคนมาเที่ยวพักผ่อนที่ไร่พรรณิภา คนงานในไร่ต่างพากันดีอกดีใจที่ได้เจอคริมากับลูกของเธออีกครั้ง และโดยเฉพาะพ่อเลี้ยงพัฒน์ธนาที่ตอนนี้กลายเป็นคุณปู่ทวดไปแล้ว ชายชราดีใจที่ลูกหลานมาเยี่ยมเยือน พ่อเลี้ยงจึงสั่งให้มีการจัดงานเลี้ยงพิเศษขึ้นในค่ำคืนนี้ และให้คนงานทุกคนมาร่วมดื่มกินสังสรรค์กันให้เต็มที่เพราะพรุ่งนี้เป็นวันหยุด“พ่อเลี้ยงไม่บอกก่อน ครีมไม่มีชุดสวยๆ ติดมาเลยค่ะ” คริมายังคงเรียกคุณตาของอนาคินว่าพ่อเลี้ยง เพราะความเคยชิน“ไม่ต้องห่วง..พี่เตรียมไว้ให้หมดแล้ว ทั้งของครีมกับของลูกๆ”“จริงเหรอคะ..พี่คินไปเตรียมตอนไหน ครีมไม่เห็นรู้เลย”“ไม่บอก..แต่พี่รับรองว่าครีมต้องชอบแน่ๆ”“พี่คินคิดจะทำอะไรกันแน่ บอกครีมมาเดี๋ยวนี้เลยนะ” คริมาหันไปทำเสียงดุใส่สามี“เปล่า..ไม่ได้จะทำอะไร ก็พอดีพี่บอกกับคุณตาว่าพวกเราจะมา คุณตาก็เลยจะจัดงานเลี้ยงต้อนรับพวกเรา เพียงแต่พี่ไม่ได้บอกครีมเท่านั้นเอง”“จริงนะคะ”“จริงที่สุดครับ” อนาคินยิ้มอย่างมีเลศนัยและในค่ำคืนที่ทุกคนรอคอยก็มาถึง อนาคินส่งตัวลูกสาวกับลูกชายให้ป้าสายช่วยจัดการอาบน้ำแต่งตัวให้ และเขาก็บอก
สามวันผ่านไปอนาคินออกจากโรงพยาบาลหลังจากที่อาการดีขึ้นมากแล้ว เพราะได้พยาบาลส่วนตัวดูแลเป็นอย่างดี รวมไปถึงกำลังใจจากคนรอบข้าง ทำให้เขาแข็งแรงขึ้นในเร็ววัน“ครีมมีนัดตรวจครรภ์อีกเมื่อไหร่” อนาคินเอ่ยถามคนรักในขณะที่เขากำลังนั่งเอามือลูบท้องของเธออยู่“วันอาทิตย์ที่จะถึงนี้ค่ะ..อุ้ย!” คริมาคลี่ยิ้มก่อนจะอุทานออกมาเพราะลูกน้อยในท้องดิ้นแรงเหลือเกิน“ลูกดิ้นเหรอ?” อนาคินถามเพราะเขาก็รู้สึกได้ว่าลูกน้อยกำลังดิ้น“ค่ะ”“เราจะได้รู้แล้วใช่มั้ยว่าจะได้ลูกสาวหรือลูกชาย”“จริงๆ รู้ได้ตั้งแต่เดือนก่อนแล้วค่ะ แต่ลูกคงจะอายหนีบไว้ไม่ยอมให้เห็น”“พี่ตื่นเต้นจัง..อยากรู้ว่าได้ผู้หญิงหรือผู้ชาย”“วันอาทิตย์นี้น่าจะรู้นะคะ..ถ้าลูกไม่แอบอีก”“เรานอนกันเถอะครับ..ดึกแล้ว”“ค่ะ..ฝันดีนะคะ”“ฝันดีเหมือนกันครับ” จากนั้นทั้งสองก็นอนหลับอยู่ในอ้อมกอดของกันและกันจนถึงเช้าวันอาทิตย์วันที่คริมากับอนาคินรอคอยก็มาถึง เมื่อเขาพาเธอมาหาหมอเพื่อตรวจครรภ์ตามนัด อนาคินตื่นเต้นที่ได้เห็นลูกน้อยบนหน้าจอเป็นครั้งแรก ภาพของลูกน้อยที่ดิ้นอยู่ในครรภ์ทำให้เขาน้ำตาซึมออกมา มันเป็นความรู้สึกตื้นตันใจอย่างบอกไม่ถูก เขาพลาดโอ
อนาคินที่แกล้งนอนหลับ อมยิ้มออกมาอย่างห้ามไม่อยู่เมื่อได้ยินคริมาพูดความในใจกับเขา คริมานั่งบนเก้าอี้เธอจับมือข้างหนึ่งของเขามาแนบกับแก้มของเธอ เธอพูดออกมาพร้อมกับน้ำตาที่ไหลรินลดมือเขา อนาคินอดใจไม่ไหวอยากจะดึงเธอเข้ามากอดปลอบเสียเดี๋ยวนี้เขาพึ่งรู้ว่าการเกิดอุบัติเหตุในครั้งนี้มันช่างดีเหลือเกิน เพราะมันทำให้คริมาหายโกรธเขาและให้โอกาสเขาอีกครั้ง เหมือนเป็นการพลิกวิกฤติให้เป็นโอกาส และครั้งนี้เขาจะไม่ทำให้เธอต้องเสียใจอีกเด็ดขาด อนาคินสัญญากับตัวเอง เขาจะดูแลคริมากับลูกให้ดีที่สุด เขาจะทำให้เธอเป็นผู้หญิงที่โชคดีที่สุดในที่สุดอนาคินก็ทนไม่ไหว ลืมตาขึ้นมา“ครีมพูดจริงใช่ไหม?” เขาถามออกไปพร้อมยิ้มอย่างดีใจ“จริงค่ะ ครีมพูดจริงๆ” คริมาตอบก่อนจะตกใจที่ได้ยินเสียงของเขา เธอเงยหน้ามองเขา อนาคินฟื้นเเล้ว แถมยังยิ้มหน้าแป้นใส่เธออีกนี่เธอโดนเขาหลอกอีกแล้วเหรอ..“นี่พี่คินฟื้นแล้วเหรอคะ? แล้วไม่เห็นมีใครบอกครีมเลย” คริมาหันมาถามเพื่อนๆ ของเขาเธอดีใจที่เขาฟื้น..แต่ก็เสียใจที่โดนหลอก“ก็น้องครีมไม่ได้ถามนี่นา..” เป็นเสียงของธาวินทร์เอ่ยออกมาเบาๆ“ต้องโทษไอ้คีเลย มันเป็นคนวางแผนทั้งหมด” อาทิ
หลังจากที่อนาคินขับรถออกมาจากบ้านของคีตะได้สักพัก เขามุ่งหน้าไปยังผับแห่งหนึ่ง ตอนนี้เขาต้องการตัวช่วยให้ตัวเองหายเครียดอนาคินนั่งดื่มเหล้าอยู่คนเดียวโดยไม่สนสายตาของใครต่อใครที่มองเข้ามา โดยเฉพาะสาวๆ ที่ต่างก็อยากจะเข้ามาทักทายเขา แต่หลังจากที่สาวๆ เหล่านั้นเห็นสายตาที่แข็งกร้าวของเขา พวกหล่อนต่างก็พากันล่าถอยไม่ย่างกรายมาใกล้เขาอีกเลยในขณะที่เขานั่งดื่มอยู่ประมาณหนึ่งชั่วโมงผ่านไปแล้ว ใบหน้าเล็กๆ น่ารักเหมือนตุ๊กตาก็ลอยเข้ามาในหัว ใช่! ลูกสาวของเขาเอง ป่านนี้ลูกคงจะรอเขาไปอ่านนิทานให้ฟังก่อนนอนเป็นแน่..ตอนนี้ลูกสาวติดเขามากจนเขาไม่สามารถจะไปไหนได้เลย อนาคินคิดได้ดังนั้นจึงลุกขึ้นและก้าวเท้ายาวๆ ออกจากผับไปทันทีสติสัมปชัญญะของเขาตอนนี้อาจจะไม่เต็มร้อยนัก แต่เขารู้ตัวว่าตัวเองไม่ได้เมาถึงขนาดขับรถไม่ได้ เขาแค่รู้สึกมึนๆ นิดหน่อย ในระหว่างทางกลับบ้านซึ่งเป็นถนนสี่เลน เขาเห็นรถสิบล้อคันหนึ่งพุ่งข้ามฝั่งมาทางที่เขากำลังขับรถ อนาคินเห็นท่าไม่ดีรีบหักหลบรถสิบล้อคันนั้น ก่อนที่รถของเขาจะเสียหลักไปพุ่งชนกับเสาไฟฟ้าข้างทางโครม!จากแรงกระแทกอย่างแรงของการขับไปชนเสาไฟฟ้าทำให้สติของเขาดับไปใ
คริมาลืมตาตื่นขึ้นมาในช่วงเย็นของวันนั้น เธอพยายามนึกถึงเรื่องราวที่เกิดขึ้น“เป็นยังไงบ้างครีม” คีตะเอ่ยถามเมื่อเห็นว่าคริมาฟื้นแล้ว“ลูก..พี่คี ลูกของครีมล่ะคะ?” คริมาถามออกไปด้วยความกลัว“ลูกของครีมปลอดภัย แต่ครีมต้องนอนอยู่บนเตียงห้ามขยับจนกว่าหมอจะอนุญาต”“ลูกครีมไม่เป็นอะไรจริงๆ ใช่มั้ยคะ?”“จริงสิ..ไม่ต้องกังวล เดี๋ยวพี่เรียกหมอก่อนนะ”จากนั้นหมอและพยาบาลก็เข้ามาตรวจอาการของหญิงสาว เบื้องต้นไม่มีอะไรผิดปกติ คุณหมอบอกให้เธอพักผ่อนให้มากๆ“พี่คีคะ..แล้ว เอ่อ”“ไอ้คินมันไม่อยู่หรอก พอดีน้องเค้กไม่สบาย มันก็เลยต้องรีบกลับไปดูลูก”“ตายจริง! แล้วน้องเค้กเป็นอะไรมากหรือเปล่าคะ?” คริมาอุทานออกมาด้วยความตกใจ“เห็นบอกว่าตัวร้อน แต่ครีมไม่ต้องเป็นห่วงนะ ไอ้คินมันพาน้องเค้กไปโรงพยาบาลแล้ว ตอนนี้ครีมต้องทำใจให้สบาย อย่าเครียด เดี๋ยวจะส่งผลถึงเจ้าตัวเล็กที่อยู่ในท้อง”“ค่ะ”ค่ำคืนนั้นกว่าคริมาจะหลับลงก็กินเวลาไปเกือบเที่ยงคืน เพราะเป็นห่วงลูกสาวเช้าวันต่อมา / โรงพยาบาลเอกชนชื่อดังในกรุงเทพฯตั้งแต่เมื่อคืนจนถึงตอนนี้อนาคินยังไม่ได้นอน เมื่อวานเขาพาเด็กหญิงเค้กมาหาหมอที่โรงพยาบาล หมอบอกว่าติ
“มีความสุขกันจริงๆ เลยนะ..ไอ้คี” สิ้นเสียงของ อนาคิน ทั้งคีตะและคริมาที่กำลังนั่งคุยกันใต้ร่มไม้ต่างก็ตกใจหันไปมองอนาคินที่กำลังยืนอยู่ใกล้ๆ พวกเขา“ไอ้คิน..มึงมาได้ยังไง” คีตะมีสติก่อนจึงถามออกไป“กูก็ตามมึงมาไง..ถ้ากูไม่ตามมึงมากูก็คงไม่รู้สินะว่ากูมันเป็นแค่ไอ้งั่งตัวหนึ่งเท่านั้น”“มึงฟังกูอธิบายก่อนนะ..ไอ้คิน”“ฟังเหรอ? มึงจะให้กูฟังอะไร เพื่อนรักกับเมียกูแอบคบชู้กันอย่างนั้นเหรอ” อนาคินตะโกนเสียงดัง“นี่คุณ..มันจะมากไปแล้วนะ” เสียงของคริมาปรี้ดขึ้นมา“มากเหรอ สำหรับผู้หญิงชั่วๆ อย่างเธอมันไม่มากไปหรอก ทิ้งลูกทิ้งเต้าเพื่อมาอยู่กับชู้ แถมยังมีลูกกับมันอีก เธอทำได้ยังไงครีม เธอทำแบบนี้ได้ยังไง ลูกร้องไห้หาเธอทุกวัน เธอไม่รู้บ้างเลยเหรอ เธอไม่รักลูกเลยใช่มั้ยถึงทำตัวทุเรสแบบนี้ ทำไมฮะ? ที่ฉันเอาเธออยู่ทุกวันมันไม่พอหรือยังไง ถึงต้องมาให้ไอ้คินมันเอาต่อจากฉัน?” เขาระเบิดอารมณ์ใส่เธอไม่ยั้งทันใดนั้นกำปั้นของคีตะก็พุ่งเข้ามาใส่มุมปาก ของอนาคินทันทีผลัวะ! ผลัวะ!เสียงต่อยตีกันเป็นพัลวันระหว่างคีตะกับอนาคิน ไม่รู้ใครเป็นใคร คริมาตกใจกับภาพตรงหน้า เธอพยายามเข้าไปดึงแขนของอนาคินให้หย
ทางด้านคริมา หลังจากที่เธอได้มาอยู่ที่บ้านของ คีตะได้หนึ่งเดือนแล้ว หญิงสาวเริ่มจะปรับตัวได้แล้ว คีตะจ้างแม่บ้านให้มาอยู่เป็นเพื่อนเธอ เขาพาเธอไปฝากครรภ์ที่โรงพยาบาลเอกชนใกล้ๆ นี้ ตอนนี้อายุครรภ์ของเธอยังอยู่ในไตรมาสแรก หมอจึงนัดเดือนละหนึ่งครั้งและแน่นอนว่าคีตะจะเป็นคนพาเธอไปหาหมอเอง และทุกสัปดาห์เขาจะมาเยี่ยมเธอพร้อมกับซื้อของบำรุงครรภ์มาให้เธอ จนเธอรู้สึกเกรงใจแต่ก็มิอาจห้ามปรามได้ เพราะถึงเธอจะห้ามแต่เขาก็ไม่ฟังอยู่ดี“ครีมอยู่ที่นี่เป็นยังไงบ้าง? โอเคหรือเปล่า?”“โอเคค่ะ..พี่คี ครีมอยู่ได้สบายมากค่ะ”“ขอบคุณพี่คีมากๆ นะคะ สำหรับทุกๆ อย่าง”“ไม่เป็นไร..พี่เต็มใจ”“พี่คินทานข้าวมาหรือยังคะ..วันนี้ครีมทำกับข้าวหลายอย่างเลยค่ะ”“ยังเลย กำลังหิวพอดีเลย แหะ แหะ” คีตะยกมือเกาหัวเมื่อเสียงท้องร้องดังขึ้นมาอับอายขายหน้าชะมัดเลย..มาร้องอะไรตอนนี้ก็ไม่รู้ คีตะคิดในใจก่อนจะหันไปยิ้มแหยๆ ให้เธอ“งั้นเราไปทานข้าวกันดีกว่าค่ะ”จากนั้นทั้งสองคนก็รับประทานอาหารอย่างเอร็ดอร่อย คีตะเติมข้าวถึงสองครั้งด้วยกัน เขาอิ่มจนพุงกาง“ครีมทำอาหารอร่อยนะ..ดูสิ พี่กินซะเยอะเชียว” คีตะเอ่ยชม ฝีมือการทำอาหารขอ
อนาคินหัวเสียเป็นอย่างมาก เมื่อตื่นมาแล้วพบว่าคริมาไปจากที่นี่แล้ว หลังจากที่เขาร่วมรักกับเธอและเธอเองก็ตอบสนองเขาอย่างถึงพริกถึงขิงจนเขาคิดว่าเธอจะเปลี่ยนใจยอมเป็นนางบำเรอให้เขาต่อ แต่เธอกลับหนีหายไป..ทิ้งลูกให้ร้องไห้หาแม่คริมาเป็นผู้หญิงที่ใจร้ายมาก.. ไม่สงสารลูกเลยหรือยังไงกัน..ตั้งแต่ที่คริมาจากไป บ้านนี้ก็แทบไม่ได้ยินเสียงหัวเราะของเด็กหญิงเค้กเลย มีแต่เสียงร้องไห้หาแม่ จนผู้เป็นบิดาทนไม่ไหว เขาตัดสินใจตามหาคริมาอนาคินขับรถตระเวนหาหญิงสาวไปทั่วกรุงเทพฯ หวังว่าจะเจอเธอที่ใดที่หนึ่ง เขาใช้เวลาอยู่ประมาณหนึ่งสัปดาห์ แต่ก็ไม่มีแม้แต่เงาเขาไม่คิดว่าเธอจะกลับไปที่ไร่พรรณิภาอีก แต่เขาก็ไม่มั่นใจ เขาไม่อยากโทรไปถามคุณตา เพราะกลัวว่าคุณตาจะช่วยคริมาปิดบังเขา อนาคินจึงเดินทางไปที่ไร่พรรณิภาด้วยตัวเอง“อ้าวคืน..มาคนเดียวเหรอลูก แล้วหนูครีมกับน้องเค้กไม่ได้มาด้วยเหรอ?” พ่อเลี้ยงพัฒน์ธนาถามออกไปเมื่อเห็นหน้าหลานชายแต่ไม่เห็นคริมากับเด็กหญิงเค้ก“ครีมไม่ได้อยู่ที่นี่เหรอครับคุณตา?” อนาคินไม่ตอบหากแต่เป็นฝ่ายถามกลับ“หนูครีมจะมาอยู่ที่นี่ได้อย่างไร..คินก็ถามแปลกๆ หรือว่าเกิดอะไรขึ้น บอกตา