เหยียนอวี่คิดด้วยความตื้นตัน เจี่ยนอันอันช่างดีต่อพวกเขาสองพี่น้องนักหญิงสาวที่ดีเลิศถึงเพียงนี้ เหตุใดจึงได้แต่งงานเร็วนักนะ?หากมาแต่งงานกับเขาแทน คงจะดีไม่น้อยเจี่ยนอันอันปรายตามองดูเหยียนอวี่ พลางกล่าวสัพยอก “เจ้าอ้าปากกว้างมากกว่านี้ คางคงยื่นถึงพื้นแล้วกระมัง”เหยียนอวี่เพิ่งตั้งสติกลับมา แล้วรีบหุบปากเร็วพลันแต่สายตาที่จ้องมองเจี่ยนอันอันนั้นมีความแน่วแน่มากขึ้นความตั้งใจที่อยากแต่งงานกับนางก็มากขึ้นเป็นทวีคูณยามนี้เขารอเพียงเมื่อใดเจี่ยนอันอันจะมองเห็นความดีของเขา แล้วเลิกรากับฉู่จวินสิง จากนั้นก็มาแต่งงานกับเขาแทนเจี่ยนอันอันไม่รู้ทันความคิดของเหยียนอวี่ แต่หากนางรู้เข้า คงได้หัวเราะจนฟันร่วงแน่เพราะนางเห็นเหยียนอวี่เป็นเพียงอดีตผู้ป่วยคนหนึ่ง ไม่ได้คิดเลยเถิดกับเขาแม้แต่น้อยเหยียนซวงตั้งสติกลับมา พลางรีบขอบคุณเจี่ยนอันอันเป็นอย่างมาก“อันอัน เจ้าช่างดีต่อข้าและเหยียนอวี่นัก จนข้าไม่รู้จะตอบแทนอย่างไรดี”เหยียนซวงไม่เคยคาดคิดว่า เงินที่หามาได้จะต้องแบ่งหกสี่กับเจี่ยนอันอันนางรู้เพียงหาเงินได้ครบห้าสิบตำลึงเมื่อใด เอาไปคืนให้ถังหมิงเซวียนก็เพียงพอแล้วหลั
เจี่ยนอันอันกล่าวยิ้มๆ “ผ้าพวกนั้นล้วนได้มาจากจวนกั๋วกง”“ท่านพ่อไร้ยางอายของข้าให้ข้าออกเรือนแทนน้องสาว แม้แต่ผ้าสักผืนยังไม่ยอมให้ข้า”“ท่านก็รู้นิสัยข้าดี ผู้ใดดีต่อข้า ข้าจะตอบแทนเป็นร้อยเท่า แต่หากผู้ใดทำไม่ดี ข้าจะเอาคืนเป็นพันเท่าเช่นกัน”“ผ้าเหล่านี้จึงถือเป็นสินสมรสของข้า ในเมื่อท่านพ่อไร้ยางอายไม่ยอมให้ข้าสักผืน ถ้าเช่นนั้นข้าจึงขนมาทั้งหมด”สายตาที่ฉู่จวินสิงมองเจี่ยนอันอัน ยิ่งเพิ่มความรักมากขึ้นอีกนิสัยบุญคุณต้องทดแทน แค้นต้องชำระของนาง ในสายตาฉู่จวินสิงช่างน่ารักเป็นที่สุดและเจี่ยนกั๋วกงในสายตาของฉู่จวินสิง ก็ไม่เคยมีภาพลักษณ์ที่ดีเลยสมัยก่อนเจี่ยนกั๋วกงทำตัวสนิทสนมใกล้ชิดกับฉู่ชางเหยียนเป็นอย่างมาก ซ้ำยังมุ่งมั่นหนุนให้เขาได้ขึ้นครองราชย์บัดนี้ฉู่ชางเหยียนได้บรรลุเป้าหมายแล้ว คาดว่าเจี่ยนกั๋วกงน่าจะได้ผลตอบแทนไม่น้อยแต่เจี่ยนกั๋วกงก็ได้ทำความดีอยู่เรื่องหนึ่ง ก็คือยกเจี่ยนอันอันให้แต่งงานกับเขาฉู่จวินสิงเห็นปากบางของเจี่ยนอันอันยังคงเจื้อยแจ้วไม่หยุด จึงรีบดึงตัวนางมาเข้าใกล้โดยไม่สนใจรอบข้าง พร้อมประทับจุมพิตลงไป“อึ้ม...”เจี่ยนอันอันยังพูดไม่จบดี กลั
งูดำอีกตัวเตรียมจะพุ่งเข้าฉกร่างกายของฉู่จวินสิง แต่กลับถูกเขาจับเข้าที่ตำแหน่งหัวใจของมันงูดำไร้เรี่ยวแรงที่จะต่อต้าน ได้แต่ปล่อยให้ฉู่จวินสิงจับตัวไว้ พร้อมฟาดกับพื้นรุนแรงซ้ำผลก็คืองูตัวที่สามก็ขดตัวเป็นวงกลมเช่นกัน และแน่นิ่งไร้การขยับเขยื้อนอีกจนถึงเวลานี้ เจี่ยนอันอันจึงกล้าเดินมาใกล้นางก้มลงไปพิจารณางูดำทั้งสามตัว จึงพบว่าพวกมันล้วนตายด้วยน้ำมือฉู่จวินสิงทั้งสิ้นสายตาที่นางจ้องมองฉู่จวินสิงจึงเพิ่มความชื่นชมขึ้นมาอีกปกติเจี่ยนอันอันไม่กลัวฟ้าไม่กลัวดิน แต่กลัวงูตัวใหญ่สีดำประเภทนี้ที่สุดหากไม่เพราะมีฉู่จวินสิงตามมาด้วย ป่านนี้นางคงกลัวจนยืนตัวแข็งไปแล้วเจี่ยนอันอันจับงูดำขึ้นมาตัวหนึ่ง พร้อมบีบที่หัวมัน บังคับให้อ้าปากกว้างเขี้ยวแหลมคมสองซี่ปรากฏออกมาในบัดดล ดูแล้วยังคล้ายเคลือบด้วยพิษร้ายแรงอีกเจี่ยนอันอันกำลังคิดหนักอยู่ว่าจะหาอะไรมาปรุงยาพิษดี เขี้ยวพิษของงูสามตัวนี้ มาได้จังหวะเหมาะมาก“วันนี้มาเจอสามีของข้า นับว่าพวกเจ้าเคราะห์ร้ายเอง”เจี่ยนอันอันกล่าว พลางดึงเขี้ยวพิษของงูออกมา ใส่ลงในขวดเล็กและใช้วิธีเดียวกัน ถอนเขี้ยวพิษจากงูอีกสองตัว ใส่ลงในขวดก
“พี่รอง ท่านคิดกลับไปเมืองจิงโจวจริงรึ? แต่พวกเราถูกเนรเทศมาอยู่เมืองอินเป่ย จะไม่อาจไปไหนได้อีก แล้วท่านจะกลับไปได้อย่างไร?”“อีกอย่างฮ่องเต้ต้องส่งทหารมาเฝ้าประตูเมืองจิงโจวไว้ หากท่านกลับไปเช่นนี้ อาจถูกคนของฮ่องเต้พบเห็นเข้า”“แล้วถึงตอนนั้น ท่านอาจไม่ได้รอดชีวิตกลับมาอีก”ฉู่อันเจ๋อเพิ่งกล่าวจบ กลับถูกฉู่จวินหลุนตบเข้าที่ท้ายทอยอย่างแรง“อย่าพูดเหลวไหล พี่รองเจ้าไม่ตายง่ายๆ หรอก”ฉู่อันเจ๋อกุมท้ายทอยที่ถูกตีจนเจ็บ พลางก้มหน้าก้มตาไม่กล้าพูดจาอีกฟางอิ๋งนึกถึงเมื่อคืนวันก่อน ฉู่จวินสิงไปที่ห้องของนางกับฉู่จวินหลุนคาดว่าสองคนคงจะหารือเรื่องนี้กระมังตอนนั้นฉู่จื่อซีได้นอนหลับไปแล้ว จึงไม่ได้ยินการพูดคุยของพวกเขาส่วนฟางอิ๋งก็ออกจากห้องไปอย่างรู้กาลเทศะ ไม่ได้ยินสิ่งที่พวกเขาพูดคุยเช่นกันที่แท้ฉู่จวินหลุนรู้แต่แรกแล้วว่า ฉู่จวินสิงมีความคิดจะกลับไปเมืองจิงโจวอีกซึ่งนอกจากเจี่ยนอันอันและฉู่จวินสิงเองแล้ว ผู้อื่นล้วนไม่เห็นด้วยกับเรื่องนี้ฉู่จวินหลุนก็เป็นห่วงว่าการไปของฉู่จวินสิงครั้งนี้ จะเสี่ยงเกินไปหรือไม่แต่เขาก็รู้นิสัยฉู่จวินสิงดี สิ่งที่เขาคิดจะทำ อย่างไรก็ต้อ
ฮูหยินรองเห็นฮูหยินใหญ่มีสีหน้ากลัดกลุ้ม แต่นางก็ไม่รู้จะปลอบใจอย่างไรเพราะหากตอนนี้เป็นนาง ก็คงห่วงใยความปลอดภัยของฉู่อันเจ๋อเช่นกันดีที่การไปเมืองจิงโจวครั้งนี้ ฉู่อันเจ๋อไม่คิดติดตามไปด้วยข้อนี้จึงทำให้ฮูหยินถอนหายใจโล่งอกหน่อยเจี่ยนอันอันกลับมาที่ห้อง และแวะไปดูห้วงมิติเห็นยาวิเศษสามเม็ดนั้นยังคงอยู่ในระหว่างเพิ่มสรรพคุณอยู่และตอนนี้ดูแล้ว ปุบปับคงยังไม่อาจปรุงได้สำเร็จเมื่อครู่หลังจากกินข้าวเสร็จ นางนำยาถอนพิษที่ปรุงออกมาวันนี้ แจกจ่ายให้แก่ทุกคนพร้อมบอกทุกคนว่า ถ้ากู้มั่วหลีคิดมาวางยาพวกเขาอีก ก็ให้กินยาถอนพิษที่อยู่ในขวดเสียและยาตัวนี้จะกินมากก็ไม่ได้ ครั้งละหนึ่งเม็ดก็เพียงพอกินมากไปจะเป็นผลเสียต่อสุขภาพมากกว่า......ยามนี้กู้มั่วหลีกำลังนั่งขัดสมาธิอยู่บนเตียง รอยแผลที่หน้าผากได้ตกสะเก็ดแล้วใบหน้าอันหล่อเหลานั้น เพราะมีรอยแผลนี้ จึงกลายเป็นตำหนิที่ทำให้ไม่สมบูรณ์แบบค่ำคืนเงียบสงัด มีเพียงเสียงหรีดหริ่งเรไรนอกหน้าต่างเท่านั้นไม่นานพลันได้ยินเสียงฝีเท้าแผ่วเบา และมีเงาคนปรากฏที่หน้าประตู“คุณชายกู้ ข้าเข้าไปได้หรือไม่?”ร่างกายเจี่ยนหลิงเยว่เพิ่งได
ใบหน้ากู้มั่วหลีผุดรอยยิ้มราวกับคนกระหายเลือดเขาพลิกตัวกลับ นอนทับบนร่างเจี่ยนหลิงเยว่แทนมือข้างหนึ่งจับสองมือนางกดไว้เหนือศีรษะ ส่วนอีกข้างเร่งรีบปลดเปลื้องเสื้อผ้านางออกจากตัว“จงบอกข้ามา เจ้าเจ็บตรงไหนบ้าง? ตรงนี้ หรือว่าตรงนี้?”มือของกู้มั่วหลีเหมือนดั่งงูตัวเล็ก เลื้อยไปทั่วร่างกายเจี่ยนหลิงเยว่ฝ่ามือเขาทำให้เจี่ยนหลิงเยว่หวั่นไหวไปทั่ว ร่างกายสั่นระริกยิ่งคำพูดของเขา ทำให้นางรู้สึกประหนึ่งมีสายฟ้าผ่าลงที่กลางหัวใจ“คุณชายกู้ ข้า...”“ชู่ อย่าพูดมาก เพียงแค่เสพสุขก็พอ”น้ำเสียงกู้มั่วหลีเหมือนดั่งเสียงปีศาจ ทำให้เจี่ยนหลิงเยว่ต้องหุบปากโดยพลันไม่นานนางเริ่มรู้สึกเนื้อตัวหนาวเย็น เมื่อก้มหน้าลงไปดู จึงเห็นเสื้อตัวนอกถูกถอดไปเสียแล้ว เหลือเพียงตัวในซึ่งเป็นผ้าแพรบางเจี่ยนหลิงเยว่เขินอายจนหน้าแดงอีกครั้ง นางหลับตาลง ริมฝีปากเผยอขึ้นเล็กน้อยนางกำลังรอคอยให้กู้มั่วหลีประทับริมฝีปากลงมาแต่ทันใดนั้นเอง จู่ๆ กลับรู้สึกว่าคนที่ทับร่างนางอยู่ เขาได้ถอยห่างออกไปกู้มั่วหลีลุกขึ้นแล้วยืนที่ข้างเตียง นัยน์ตาส่อแววรังเกียจการให้ท่าของเจี่ยนหลิงเยว่ ทำให้เขานึกถึงมารดาขอ
ในเมื่อเขามาเอง ตนก็ไม่ต้องเป็นฝ่ายไปหาอีก“พี่ใหญ่ ท่านมานี่ได้อย่างไร ผักที่บ้านหมดแล้วใช่หรือไม่? ที่นี่ยังมีเยอะ ข้าจะแบ่งให้อีก”เจี่ยนอันอันพูดพลางจะย้อนกลับไปห้องใต้ดินเอาผักมาให้เขาเสิ่นจือเจิ้งรีบเอ่ยปากห้าม “อันอัน ไม่ต้องรีบหรอก ข้ายังเหลือผักอีกมากนัก”เจี่ยนอันอันเดินกลับมาหาเสิ่นจือเจิ้งด้วยความดีใจ นี่เป็นครั้งที่สองที่พี่ใหญ่มาหานางถึงบ้านเสิ่นจือเจิ้งเห็นน้องสาวดีใจ ใบหน้าเขาก็ปรากฏรอยยิ้มรางๆ เช่นกัน“หลายวันนี้เจ้าเป็นอย่างไรบ้าง ฉู่จวินสิงรังแกเจ้าหรือไม่?”เสิ่นจือเจิ้งกล้าถามเช่นนี้ต่อหน้าฉู่จวินสิงฉู่จวินสิงไม่พูดจา สีหน้าไม่บ่งบอกอารมณ์ใดๆเจี่ยนอันอันยิ้มตอบ “พี่ใหญ่ล้อเล่นอีกแล้ว จวินสิงมีแต่ความรักให้ข้า จะรังแกข้าได้อย่างไร?”เสิ่นจือเจิ้งมองหน้าฉู่จวินสิง ใช่ว่าเขาไม่ไว้วางใจหนุ่มผู้นี้ หากแต่คิดปกป้องน้องสาวมากกว่าน้องสาวเขาครองตัวเป็นโสดมาหลายปี ไม่เคยมีชายใดที่จะเข้าตานางบัดนี้นางย้อนเวลามาอยู่ในยุคนี้ ไม่ว่าเจ้าของร่างเดิมจะมีความสัมพันธ์ฉันใดกับฉู่จวินสิงก็ตามหากคิดรังแกเจี่ยนอันอัน เขาในฐานะพี่ชายจะไม่ละเว้นคนผู้นั้นเป็นอันขาดทั้ง
และเมื่อทั้งคู่ปรากฏตัวอีกครั้ง กลับมิได้มาถึงตัวเมืองจิงโจว หากแต่เป็นป่าละเมาะแห่งหนึ่งเจี่ยนอันอันรู้สึกฉงนนัก “น่าแปลกจริง ยาตัวนี้ได้เพิ่มสรรพคุณแล้วนี่นา ไฉนจึงไม่เห็นผลดีกว่าเดิมเล่า?”ฉู่จวินสิงเหลียวมองรอบข้าง จำได้ว่าตอนถูกเนรเทศ พวกเขาก็เคยผ่านเส้นทางนี้เขาไม่พูดจา มีแต่จับมือเจี่ยนอันอันไว้แน่นไม่ยอมปล่อยเจี่ยนอันอันเพิ่งเอ่ยปากถึงความคิดในใจ เบื้องหน้าก็ปรากฏคำเตือนจากภารกิจในห้วงมิติ[การยกระดับในห้วงมิติยังล้าหลังอยู่มาก ไม่อาจช่วยเพิ่มสรรพคุณของยาให้สูงขึ้นตามต้องการ]เจี่ยนอันอันเห็นเข้าดังนี้ แทบอยากด่าไปถึงมารดา“ในเมื่อมีคุณภาพต่ำชั้นถึงเพียงนี้ แล้วทำไมจึงไม่บอกแต่แรก ปล่อยให้เสียเวลาตั้งหลายวัน สุดท้ายแค่เพิ่มสรรพคุณให้นิดเดียว”ภารกิจในห้วงมิติปรากฏคำเตือนอีกครั้ง [โปรดทำการสับเปลี่ยนใบหน้าให้เสร็จสิ้น จะช่วยให้เพิ่มสรรพคุณยาได้รวดเร็ว]เจี่ยนอันอันหยุดชะงัก นี่มันเป็นภารกิจอะไรอีก?ห้วงมิติบอกให้นางสับเปลี่ยนใบหน้า จะให้ไปทำศัลยกรรมแปลงโฉมหรืออย่างไร?เจี่ยนอันอันเบะปาก มีภารกิจบ้าบอคอแตกประเภทนี้ด้วยนางดึงมือฉู่จวินสิง “ยาตัวนี้มีฤทธิ์ไม่สูงมาก
จนกระทั่งม้าที่เจี่ยนอันอันขี่อยู่ได้กลิ่นควันของกระดาษเงินกระดาษทองที่กำลังเผา มันอดไม่ได้ที่จะจามออกมาเสียงดังชายหนุ่มพลันคว้ากระบี่ข้างกายขึ้นมาด้วยสีหน้าตื่นตัว หันมองไปยังเบื้องหลังทว่าไม่มีผู้ใดเลยแม้แต่คนเดียว ในศาลบรรพชนแห่งนี้ นอกจากเขาแล้วก็ไม่มีแม้แต่เงาของผู้ใดชายหนุ่มลอบถอนหายใจด้วยความโล่งอก อย่างน้อยก็ไม่มีทหารที่ถูกส่งมาไล่ล่าทว่าในตอนที่เขาหันหน้ามานั้น เจี่ยนอันอันกลับต้องสะดุ้งในใจเมื่อได้เห็นใบหน้าของเขาครึ่งหนึ่งบนใบหน้าของชายหนุ่ม ผิวหนังส่วนหนึ่งหลอมละลายจนติดกันบางจุดยังมีน้ำหนองไหลออกมา ดูน่าสะพรึงกลัวยิ่งนักเจี่ยนอันอันคิดในใจว่า ชายผู้นี้คงเคยถูกไฟคลอกมาก่อน และไม่ได้รับการรักษาอย่างทันทวงทีเขาคุกเข่าอยู่ในศาลบรรพชนด้วยใบหน้าเช่นนี้ เกรงว่าหากบิดามารดาในโลงศพของเขาได้เห็นเข้าก็คงจะตกใจจนสะดุ้งลุกขึ้นมาเป็นแน่เมื่อฉู่จวินสิงเห็นใบหน้าของชายผู้นี้ คิ้วของเขาขมวดเข้าหากันแน่นกว่าเดิมบัดนี้ ฉู่จวินสิงและเจี่ยนอันอันยังคงอยู่ในสภาวะล่องหนทำให้ชายหนุ่มไม่อาจล่วงรู้ถึงการมาของพวกเขา“เหตุใดจึงเป็นเขา?” ฉู่จวินสิงเผลอพึมพำออกมาเจี่ยนอันอันมอง
ฉู่จวินสิงเอ่ยว่า “พวกเขามีนามว่าหม่าลู่ เฉินเช่อ เจียงหลิว ลู่ซาน และหลิ่วหยวน”เจี่ยนอันอันจดจำชื่อของทั้งห้าคนไว้ในใจนางให้ฉู่จวินสิงจับบังเหียนม้าให้แน่น เช่นนี้แล้วพวกเขาจะได้เคลื่อนย้ายในชั่วพริบตาไปถึงจุดหมายพร้อมกับม้าที่ขี่อยู่ได้ทั้งสองตั้งจิตแน่วแน่ นึกถึงชื่อของเหล่าทหารใต้บัญชาพวกนั้น ในชั่วพริบตาพวกเขาก็อันตรธานหายไปจากที่เดิมเมื่อปรากฏกายขึ้นอีกครา ก็พบว่าตนมาอยู่ในหมู่บ้านแห่งหนึ่งบ้านเรือนโดยรอบล้วนปิดประตูสนิท ไม่อาจรู้ได้ว่าคนที่พวกเขาตามหาจะอยู่ที่นี่หรือไม่เจี่ยนอันอันกระตุกมุมปากเล็กน้อย คิดในใจว่าคุณสมบัติของยาเคลื่อนย้ายในชั่วพริบตาว่ายังไม่สมบูรณ์พอเห็นทีว่าจะเป็นเพราะเมื่อตอนนางหลอมยา นางรีบร้อนเกินไป หากมีเวลาเพิ่มอีกสักหน่อย นางคงจะหลอมยาเคลื่อนย้ายในชั่วพริบตาที่สมบูรณ์แบบกว่านี้ได้บัดนี้ต้องหาทางพัฒนาประสิทธิภาพของยาให้มากขึ้น มิฉะนั้น หากต้องใช้การเคลื่อนย้ายในชั่วพริบตาอีกครั้ง ก็ไม่รู้เลยว่าจะถูกส่งไปยังที่ใดอีกแต่ตอนนี้ควรทำอย่างไรดี หรือจะให้พวกเขาเดินเคาะประตูไปทีละบ้าน ถามชาวบ้านว่ามีผู้ใดพบเห็นคนที่พวกเขาตามหาบ้างหรือไม่กระนั้นหรือ
เจี่ยนอันอันไม่เคยบอกฉู่จวินสิงเกี่ยวกับภารกิจของมิตินางจึงแต่งเรื่องโกหกขึ้นมา “ข้าไม่เคยแปลงโฉมมาก่อน พอได้คิดว่ากลับไปถึงเมืองจิงโจวแล้วจะได้ลองดูแปลงโฉมดู ข้าก็ตื่นเต้นขึ้นมา”คิ้วของฉู่จวินสิงที่ขมวดมุ่นอยู่ก่อนหน้านี้ ค่อย ๆ คลายลงเล็กน้อยสำหรับเขาวิชาแปลงโฉมง่ายดายไม่ต่างจากการกินข้าวแต่สำหรับเจี่ยนอันอัน กลับเป็นสิ่งแปลกใหม่และน่าตื่นเต้น“ในโลกของเจ้า ไม่มีผู้ใดที่รู้วิชาแปลงโฉมหรือ?”ฉู่จวินสิงพลันรู้สึกสงสัย โลกของเจี่ยนอันอันเป็นเช่นไรกันแน่?เจี่ยนอันอันส่ายศีรษะเบา ๆ “วิชาแปลงโฉมข้าเคยเห็นแค่ในละครเท่านั้น แต่ก็เป็นของปลอม”“ศาสตร์แปลงโฉมที่แท้จริง สูญหายไปนานแล้ว”เจี่ยนอันอันกล่าวถึงตรงนี้ ก็นึกถึงการแสดงเปลี่ยนหน้ากากเสฉวนขึ้นมาได้นางอดไม่ได้ที่จะเอ่ยชมขึ้นว่า “แต่ในโลกของข้าก็มีศาสตร์แปลกใหม่เช่นกัน เรียกว่าวิชาเปลี่ยนหน้า”ฉู่จวินสิงเกิดความสนใจขึ้นมาทันที เขาอยากรู้ว่าวิชาเปลี่ยนหน้าที่นางพูดถึง จะเหมือนกับวิชาแปลงโฉมของเขาหรือไม่เขาไม่ได้ถามออกมา เพียงรอให้เจี่ยนอันอันเล่าต่อไปเองเจี่ยนอันอันกล่าวต่อด้วยความตื่นเต้นว่า “วิชาเปลี่ยนหน้าของพวกเราก็
ฉู่จวินสิงถือหน้ากากหนังมนุษย์สองผืนไว้ในมือ ก่อนยิ้มบาง ๆ “พวกเราปลอมตัวเป็นพวกมันแล้วกลับเข้าเมืองจิงโจวกันเถิด”เจี่ยนอันอันมองดูหน้ากากหนังมนุษย์ทั้งสองแผ่น แล้วเข้าใจถึงจุดประสงค์ของฉู่จวินสิงทันทีนางเคยเห็นในละครหรืออ่านในนิยายว่า มีคนในยุคโบราณไม่น้อยที่เชี่ยวชาญวิชาแปลงโฉมนางไม่คาดคิดเลยว่าฉู่จวินสิงก็มีความสามารถด้านการแปลงโฉมนี่เป็นศาสตร์ที่นางหลงใหลมาโดยตลอดสายตาของเจี่ยนอันอันที่มองฉู่จวินสิง เปล่งประกายไปด้วยความชื่มชมฉู่จวินสิงจัดเก็บหน้ากากหนังมนุษย์อย่างระมัดระวัง แล้วส่งให้เจี่ยนอันอัน ให้นางช่วยเก็บไว้ในมิติก่อนเจี่ยนอันอันรับหน้ากากหนังมนุษย์มาเก็บเข้าไปในมิติ หลังล้างทำความสะอาดแล้วก็นำไปแช่ในน้ำพุวิญญาณ“แล้วจากนี้พวกเราควรทำเช่นไรต่อ?”“ในเมื่อจะปลอมตัวเป็นอิ่นเจียงกับหน่วยกล้าตายเพื่อแฝงตัวเข้าไปในเมืองจิงโจว ก็ไม่ควรกลับไปเร็วเกินไปนัก”“พวกเราจะขี่ม้าไปอย่างช้า ๆ เมื่อใกล้ถึงเมืองจิงโจว ข้าจะช่วยเจ้าแปลงโฉมเอง”ฉู่จวินสิงเอ่ยพลางเดินไปเลือกม้าที่ดีที่สุดสองตัวเขาถอดอานม้าที่เหลืออีกสี่ตัวออก ก่อนจะฟาดลงบนบั้นท้ายของพวกมันอย่างแรงม้าทั้งสี่ร
เขาพยายามเพ่งมองใบหน้าของเจี่ยนอันอันให้ชัดเจน ทว่าโลหิตทำให้ดวงตาพร่ามัวจนเขามองอะไรไม่ชัดเลยมองเห็นแค่ร่างหญิงสาวบอบบางผู้หนึ่งยืนอยู่ตรงหน้าเขาเสียงของเจี่ยนอันอันไพเราะเสนาะหู ทว่าคำที่นางพูดออกมากลับทำให้ผู้คนขนลุกไปถึงปลายเท้า“ท่านพี่ ท่านลงมือถลกหนังหน้าเขาแล้ว ข้าว่าถลกหนังมันทั้งตัวไปเลยดีหรือไม่”“ข้าไม่เคยเห็นการถลกหนังคนทั้งเป็นมาก่อน คิดดูแล้วน่าตื่นเต้นไม่น้อย”หน่วยกล้าตายได้ยินก็รู้สึกขนลุกทันที สตรีผู้นี้เหตุใดจึงโหดเหี้ยมถึงเพียงนี้นางยังเป็นสตรีอยู่หรือไม่?หน่วยกล้าตายกัดฟันแน่น ดวงตาสีเลือดซึ่งไร้เปลือกตาจ้องเขม็งไปที่เจี่ยนอันอันด้วยแรงอาฆาตฉู่จวินสิงกระชับวงแขนที่โอบรัดเอวของเจี่ยนอันอันแน่นขึ้น หญิงสาวผู้นี้ช่างกล้าพูดเสียจริงเจี่ยนอันอันหันมายิ้มกว้างให้ฉู่จวินสิงแล้วกล่าวว่า “ข้าพูดเล่นเท่านั้น การถลกหนังทั้งเป็นมันนองเลือดเกินไป ข้ากลัวว่าเห็นมากเกินไปแล้วจะฝันร้ายเอาได้”หน่วยกล้าตายที่ได้ยินเช่นนั้นแอบถอนหายใจโล่งอกบัดนี้เขาเพียงหวังให้ตนตายอย่างรวดเร็ว ไม่อยากทนรับความเจ็บปวดอันแสนทรมานนี้อีกต่อไปเจี่ยนอันอันมองดูสภาพของหน่วยกล้าตายที่ก
“เรื่องที่เจ้าพูดมาพวกนี้ ข้าคาดเดาได้แต่แรกแล้ว”คำพูดของฉู่จวินสิงทำให้หัวใจอิ่นเจียงพลันกระตุกวูบนี่หมายความว่าข้อมูลที่เขาให้ไปยังไม่สามารถทำให้ฉู่จวินสิงพอใจได้น่ะสิ?อิ่นเจียงเค้นสมองคิดหาวิธีเอาชีวิตรอดแต่แม้เขาจะเป็นคนของฉู่ชางเหยียน แต่เรื่องที่รู้กลับมีไม่มากนักหากไม่ใช่เพราะฉู่ชางเหยียนส่งพวกเขามาสังหารครอบครัวฉู่จวินสิงที่เมืองอินเป่ย เกรงว่าเขาก็คงไม่รู้เรื่องนี้ละเอียดเช่นนี้เหมือนกันฉู่จวินสิงมองอิ่นเจียงด้วยสีหน้าเย็นชา “ถ้าเจ้าไม่มีข้อมูลอย่างอื่นอีก ข้าจะลงมือแล้วนะ”ฉู่จวินสิงว่าพลาง มีดสั้นในมือก็แทงมายังใบหน้าอิ่นเจียงอีกครั้งอิ่นเจียงตกใจจนหัวใจแทบกระดอนออกมาจากคอหอยในที่สุดเขาก็นึกถึงความลับที่สำคัญกว่านั้นขึ้นมาได้จึงโพล่งออกมาว่า “เยียนอ๋องโปรดไว้ชีวิตด้วย ข้ายังรู้อีกเรื่อง”ฉู่จวินสิงหยุดมือ มองอิ่นเจียงด้วยสายตาเย็นเฉียบ รอให้อีกฝ่ายพูดต่อไปอิ่นเจียงรีบพูดออกมาว่า “หลังจากรัชทายาทถูกทำลายวรยุทธ์ก็ถูกคุมขังอยู่ในคุกหลวง”“แต่ครึ่งเดือนก่อน อยู่ดีๆ รัชทายาทก็เสียสติ บัดเดี๋ยวร้องไห้บัดเดี๋ยวหัวเราะอยู่ในคุกหลวงทั้งวัน ทั้งยังใช้ศีรษะโขกกำแพง
มือฉู่จวินสิงหยุดชะงัก อิ่นเจียงเข้าใจว่าฉู่จวินสิงถูกเขาโน้มน้าวได้แล้วเขารีบคุกเข่าลงตรงหน้าฉู่จวินสิง โขกศีรษะอย่างหนักหน่วงสามครั้งเลือดสดๆ ไหลลงมาตามปากแผล หยดลงบนสาบเสื้อ“ขอเพียงเยียนอ๋องยอมละเว้นข้า ข้าจะบอกความลับทุกอย่างต่อเยียนอ๋อง”อิ่นเจียงโขกศีรษะพลางพร่ำพูดอ้อนวอนฉู่จวินสิงไม่ได้คิดจะเถือหนังหน้าอิ่นเจียงเร็วปานนั้นเขารู้ว่าอิ่นเจียงอยู่ข้างกายฉู่ชางเหยียนมานานปีย่อมรู้ความลับเกี่ยวกับฉู่ชางเหยียนมากมายหลายเรื่องเขาจะรอจนอิ่นเจียงบอกความลับทั้งหมดออกมาแล้วค่อยเถือหนังหน้าของอีกฝ่ายฉู่จวินสิงกล่าวด้วยสีหน้าบึ้งตึง “ทางที่ดีเจ้าจงบอกข้ามาทั้งหมด ไม่อย่างนั้นเจ้าก็รู้ฝีมือข้าดี”คราวนี้อิ่นเจียงไม่กล้าปิดบังอีกแล้ว บอกแผนการของฉู่ชางเหยียนออกมาจนหมดเมื่อหนึ่งเดือนก่อน ทหารรักษาพระองค์ที่ควบคุมครอบครัวฉู่จวินสิงมาแดนเนรเทศกลับไปถึงเมืองจิงโจวฉู่ชางเหยียนรู้จากปากหานซื่อว่า ที่แท้หัวหน้าทหารรักษาพระองค์ถูกหมีดำกัดตายระหว่างทางส่งตัวนักโทษเนรเทศพวกเขายังได้รับบาดเจ็บไม่น้อยเพราะเหตุนี้ ส่วนฉู่จวินสิงเสียชีวิตกะทันหันระหว่างทางฉู่ชางเหยียนพอใจอย่างมาก ตกร
อิ่นเจียงเบิกตามองหนังหน้าของหน่วยกล้าตายผู้นั้นถูกฉู่จวินสิงเถือออกมาหัวใจเขาเต้นกระหน่ำกล่าวกันว่าเยียนอ๋องโหดเหี้ยมอำมหิต ปฏิบัติต่อศัตรูโดยไม่เลือกวิธีการแต่การได้มาเห็นภาพนี้ด้วยตาตัวเองทำให้หนังศีรษะของอิ่นเจียงชาหนึบเจี่ยนอันอันที่ยืนอยู่บนต้นไม้เห็นภาพตรงหน้าแล้วก็ต้องนึกเลื่อมใสฉู่จวินสิงในใจนี่เป็นครั้งแรกที่นางได้เห็นด้านที่โหดร้ายเช่นนี้ของฉู่จวินสิงคิดไม่ถึงว่าพอฉู่จวินสิงจะโหดขึ้นมา เทียบกับนางแล้วยังโหดกว่าเสียอีกฉู่จวินสิงถือหนังหน้าที่สมบูรณ์ดีแผ่นนั้นพลางก้าวยาวๆ มาทางอิ่นเจียงอิ่นเจียงตกใจถอยหลังกรูด เขากล่าวอย่างลนลานว่า “เจ้าจะทำอะไร เจ้าอย่าเข้ามานะ”ฉู่จวินสิงไม่มีทีท่าว่าจะหยุดชะงักฝีเท้าแม้แต่น้อย เขาเดินมาถึงตรงหน้าอิ่นเจียง ก้มตัวลงจ้องมองอีกฝ่าย“ถ้าเจ้ายังไม่พูดความจริงอีกก็จะมีจุดจบเหมือนเขา”อิ่นเจียงมองหน่วยกล้าตายที่ถูกถลกหนังหน้าพร้อมกับรู้สึกหนังศีรษะชาวาบลักษณะที่เลือดเนื้อเลอะเลือนแบบนั้น ถึงจะเป็นอิ่นเจียงที่โหดเหี้ยมอำมหิตก็ยังหวาดกลัวจนทำใจมองตรงๆ ไม่ลงหน่วยกล้าตายอีกสามคนเห็นอย่างนั้นก็ล้วนตกใจกลัวจนตัวสั่นความตายหาได้น่
ฉู่จวินสิงหยิบกระบี่บนพื้นขึ้นมาแล้วก้าวเท้ายาวๆ ตรงมาหาอิ่นเจียงอิ่นเจียงกัดฟันตวาดว่า “ฉู่จวินสิง เจ้าฆ่าข้าไม่ได้ ไม่อย่างนั้นถ้าฝ่าบาททรงทราบจะต้องไม่ปล่อยเจ้ากับครอบครัวเจ้าไปแน่!”ฉู่จวินสิงหัวเราะเสียงเย็น กระบี่ในมือชี้ไปยังใบหน้าอิ่นเจียง“เจ้าคิดว่าฉู่ชางเหยียนจะรู้ว่าเจ้าถูกข้าสังหารงั้นรึ?”“อย่าลืมสิว่าตอนที่เจ้าทรมานข้า ในสายตาฉู่ชางเหยียน ข้าเป็นคนที่ใกล้จะตายแล้ว”อิ่นเจียงถูกคำพูดของฉู่จวินสิงทำให้โมโหจนกระอักเลือดออกมาคำหนึ่งฉู่จวินสิงพูดถูก ตอนนั้นเขาถูกทรมานจนเหลือแค่ลมหายใจสุดท้ายประกอบกับความลำบากตรากตรำจากการเดินทาง หากพิจารณาจากสภาพของฉู่จวินสิงในยามนั้น เกรงว่าคงตายไปตั้งแต่ระหว่างทางแล้วส่วนที่เขานำหน่วยกล้าตายมาเมืองอินเป่ยในครั้งนี้ก็เป็นคำสั่งของฉู่ชางเหยียนฉู่ชางเหยียนให้พวกเขามาที่เมืองอินเป่ยอย่างลับๆ เพื่อสังหารครอบครัวฉู่จวินสิงฉู่ชางเหยียนไม่คิดจะปล่อยให้ครอบครัวของฉู่จวินสิงรอดไปแม้แต่คนเดียวอยู่แล้ว แต่เขาไม่อยากถูกครหาว่าสังหารพี่น้องร่วมสายเลือดตั้งแต่เพิ่งขึ้นครองราชย์ครอบครัวฉู่จวินสิงถูกเนรเทศมาที่เมืองอินเป่ยนานปานนี้ ต่อให้พ