และเมื่อทั้งคู่ปรากฏตัวอีกครั้ง กลับมิได้มาถึงตัวเมืองจิงโจว หากแต่เป็นป่าละเมาะแห่งหนึ่งเจี่ยนอันอันรู้สึกฉงนนัก “น่าแปลกจริง ยาตัวนี้ได้เพิ่มสรรพคุณแล้วนี่นา ไฉนจึงไม่เห็นผลดีกว่าเดิมเล่า?”ฉู่จวินสิงเหลียวมองรอบข้าง จำได้ว่าตอนถูกเนรเทศ พวกเขาก็เคยผ่านเส้นทางนี้เขาไม่พูดจา มีแต่จับมือเจี่ยนอันอันไว้แน่นไม่ยอมปล่อยเจี่ยนอันอันเพิ่งเอ่ยปากถึงความคิดในใจ เบื้องหน้าก็ปรากฏคำเตือนจากภารกิจในห้วงมิติ[การยกระดับในห้วงมิติยังล้าหลังอยู่มาก ไม่อาจช่วยเพิ่มสรรพคุณของยาให้สูงขึ้นตามต้องการ]เจี่ยนอันอันเห็นเข้าดังนี้ แทบอยากด่าไปถึงมารดา“ในเมื่อมีคุณภาพต่ำชั้นถึงเพียงนี้ แล้วทำไมจึงไม่บอกแต่แรก ปล่อยให้เสียเวลาตั้งหลายวัน สุดท้ายแค่เพิ่มสรรพคุณให้นิดเดียว”ภารกิจในห้วงมิติปรากฏคำเตือนอีกครั้ง [โปรดทำการสับเปลี่ยนใบหน้าให้เสร็จสิ้น จะช่วยให้เพิ่มสรรพคุณยาได้รวดเร็ว]เจี่ยนอันอันหยุดชะงัก นี่มันเป็นภารกิจอะไรอีก?ห้วงมิติบอกให้นางสับเปลี่ยนใบหน้า จะให้ไปทำศัลยกรรมแปลงโฉมหรืออย่างไร?เจี่ยนอันอันเบะปาก มีภารกิจบ้าบอคอแตกประเภทนี้ด้วยนางดึงมือฉู่จวินสิง “ยาตัวนี้มีฤทธิ์ไม่สูงมาก
อิ่นเจียงลอบสบถในใจ เขากำกระบี่ในมือแน่นแล้วแทงมาทางฉู่จวินสิงฉู่จวินสิงสะบัดขากระโดดถีบเข้าใส่ทรวงอกของอิ่นเจียงอิ่นเจียงรีบใช้กระบี่ในมือเข้าต้านรับ แต่ก็ยังถูกฉู่จวินสิงถีบจนถอยหลังไปหลายก้าวความเจ็บแปลบแล่นมาจากกลางฝ่ามือ ง่ามมือถูกกระแทกจนเนื้อฉีก เลือดสดๆ ไหลลงตามด้ามดาบหยดลงบนพื้นอิ่นเจียงเจ็บปวดจนแทบกุมดาบไม่อยู่เขาคิดไม่ถึงเลยว่าร่างกายฉู่จวินสิงจะหายดีเร็วปานนี้ตอนที่ฉู่จวินสิงถูกคุมขังในคุกหลวงคราวนั้น อิ่นเจียงเป็นคนลงทัณฑ์ทรมานเขาอิ่นเจียงไร้ปรานีมาแต่ไหนแต่ไร กับฉู่จวินสิงก็ยิ่งลงมืออย่างหมายชีวิตเขาทรมานฉู่จวินสิงจนเหลือเพียงลมหายใจสุดท้ายค่อยยอมหยุดมือเพิ่งผ่านไปได้ไม่กี่เดือน ฉู่จวินสิงก็หายดีเสียแล้วไม่เพียงเท่านี้ วรยุทธ์ของเขายังเหนือล้ำกว่ากาลก่อนอิ่นเจียงไม่กล้าประมาทศัตรู เขาไม่อาจปล่อยให้หน่วยกล้าตายห้าคนนั้นกลายเป็นเหยื่อที่รอการเชือดเขาเตะก้อนหินข้างเท้าไปใส่หน่วยกล้าตายสองคนในจำนวนนั้นอย่างรวดเร็วเมื่อก้อนหินถูกร่างหน่วยกล้าตายก็คลายจุดให้พวกเขาในบัดดลหน่วยกล้าตายทั้งสองเห็นว่าตนเองสามารถเคลื่อนไหวได้แล้วก็รีบไปคลายจุดให้อีกสามคนที
ฉู่จวินสิงหยิบกระบี่บนพื้นขึ้นมาแล้วก้าวเท้ายาวๆ ตรงมาหาอิ่นเจียงอิ่นเจียงกัดฟันตวาดว่า “ฉู่จวินสิง เจ้าฆ่าข้าไม่ได้ ไม่อย่างนั้นถ้าฝ่าบาททรงทราบจะต้องไม่ปล่อยเจ้ากับครอบครัวเจ้าไปแน่!”ฉู่จวินสิงหัวเราะเสียงเย็น กระบี่ในมือชี้ไปยังใบหน้าอิ่นเจียง“เจ้าคิดว่าฉู่ชางเหยียนจะรู้ว่าเจ้าถูกข้าสังหารงั้นรึ?”“อย่าลืมสิว่าตอนที่เจ้าทรมานข้า ในสายตาฉู่ชางเหยียน ข้าเป็นคนที่ใกล้จะตายแล้ว”อิ่นเจียงถูกคำพูดของฉู่จวินสิงทำให้โมโหจนกระอักเลือดออกมาคำหนึ่งฉู่จวินสิงพูดถูก ตอนนั้นเขาถูกทรมานจนเหลือแค่ลมหายใจสุดท้ายประกอบกับความลำบากตรากตรำจากการเดินทาง หากพิจารณาจากสภาพของฉู่จวินสิงในยามนั้น เกรงว่าคงตายไปตั้งแต่ระหว่างทางแล้วส่วนที่เขานำหน่วยกล้าตายมาเมืองอินเป่ยในครั้งนี้ก็เป็นคำสั่งของฉู่ชางเหยียนฉู่ชางเหยียนให้พวกเขามาที่เมืองอินเป่ยอย่างลับๆ เพื่อสังหารครอบครัวฉู่จวินสิงฉู่ชางเหยียนไม่คิดจะปล่อยให้ครอบครัวของฉู่จวินสิงรอดไปแม้แต่คนเดียวอยู่แล้ว แต่เขาไม่อยากถูกครหาว่าสังหารพี่น้องร่วมสายเลือดตั้งแต่เพิ่งขึ้นครองราชย์ครอบครัวฉู่จวินสิงถูกเนรเทศมาที่เมืองอินเป่ยนานปานนี้ ต่อให้พ
อิ่นเจียงเบิกตามองหนังหน้าของหน่วยกล้าตายผู้นั้นถูกฉู่จวินสิงเถือออกมาหัวใจเขาเต้นกระหน่ำกล่าวกันว่าเยียนอ๋องโหดเหี้ยมอำมหิต ปฏิบัติต่อศัตรูโดยไม่เลือกวิธีการแต่การได้มาเห็นภาพนี้ด้วยตาตัวเองทำให้หนังศีรษะของอิ่นเจียงชาหนึบเจี่ยนอันอันที่ยืนอยู่บนต้นไม้เห็นภาพตรงหน้าแล้วก็ต้องนึกเลื่อมใสฉู่จวินสิงในใจนี่เป็นครั้งแรกที่นางได้เห็นด้านที่โหดร้ายเช่นนี้ของฉู่จวินสิงคิดไม่ถึงว่าพอฉู่จวินสิงจะโหดขึ้นมา เทียบกับนางแล้วยังโหดกว่าเสียอีกฉู่จวินสิงถือหนังหน้าที่สมบูรณ์ดีแผ่นนั้นพลางก้าวยาวๆ มาทางอิ่นเจียงอิ่นเจียงตกใจถอยหลังกรูด เขากล่าวอย่างลนลานว่า “เจ้าจะทำอะไร เจ้าอย่าเข้ามานะ”ฉู่จวินสิงไม่มีทีท่าว่าจะหยุดชะงักฝีเท้าแม้แต่น้อย เขาเดินมาถึงตรงหน้าอิ่นเจียง ก้มตัวลงจ้องมองอีกฝ่าย“ถ้าเจ้ายังไม่พูดความจริงอีกก็จะมีจุดจบเหมือนเขา”อิ่นเจียงมองหน่วยกล้าตายที่ถูกถลกหนังหน้าพร้อมกับรู้สึกหนังศีรษะชาวาบลักษณะที่เลือดเนื้อเลอะเลือนแบบนั้น ถึงจะเป็นอิ่นเจียงที่โหดเหี้ยมอำมหิตก็ยังหวาดกลัวจนทำใจมองตรงๆ ไม่ลงหน่วยกล้าตายอีกสามคนเห็นอย่างนั้นก็ล้วนตกใจกลัวจนตัวสั่นความตายหาได้น่
มือฉู่จวินสิงหยุดชะงัก อิ่นเจียงเข้าใจว่าฉู่จวินสิงถูกเขาโน้มน้าวได้แล้วเขารีบคุกเข่าลงตรงหน้าฉู่จวินสิง โขกศีรษะอย่างหนักหน่วงสามครั้งเลือดสดๆ ไหลลงมาตามปากแผล หยดลงบนสาบเสื้อ“ขอเพียงเยียนอ๋องยอมละเว้นข้า ข้าจะบอกความลับทุกอย่างต่อเยียนอ๋อง”อิ่นเจียงโขกศีรษะพลางพร่ำพูดอ้อนวอนฉู่จวินสิงไม่ได้คิดจะเถือหนังหน้าอิ่นเจียงเร็วปานนั้นเขารู้ว่าอิ่นเจียงอยู่ข้างกายฉู่ชางเหยียนมานานปีย่อมรู้ความลับเกี่ยวกับฉู่ชางเหยียนมากมายหลายเรื่องเขาจะรอจนอิ่นเจียงบอกความลับทั้งหมดออกมาแล้วค่อยเถือหนังหน้าของอีกฝ่ายฉู่จวินสิงกล่าวด้วยสีหน้าบึ้งตึง “ทางที่ดีเจ้าจงบอกข้ามาทั้งหมด ไม่อย่างนั้นเจ้าก็รู้ฝีมือข้าดี”คราวนี้อิ่นเจียงไม่กล้าปิดบังอีกแล้ว บอกแผนการของฉู่ชางเหยียนออกมาจนหมดเมื่อหนึ่งเดือนก่อน ทหารรักษาพระองค์ที่ควบคุมครอบครัวฉู่จวินสิงมาแดนเนรเทศกลับไปถึงเมืองจิงโจวฉู่ชางเหยียนรู้จากปากหานซื่อว่า ที่แท้หัวหน้าทหารรักษาพระองค์ถูกหมีดำกัดตายระหว่างทางส่งตัวนักโทษเนรเทศพวกเขายังได้รับบาดเจ็บไม่น้อยเพราะเหตุนี้ ส่วนฉู่จวินสิงเสียชีวิตกะทันหันระหว่างทางฉู่ชางเหยียนพอใจอย่างมาก ตกร
“เรื่องที่เจ้าพูดมาพวกนี้ ข้าคาดเดาได้แต่แรกแล้ว”คำพูดของฉู่จวินสิงทำให้หัวใจอิ่นเจียงพลันกระตุกวูบนี่หมายความว่าข้อมูลที่เขาให้ไปยังไม่สามารถทำให้ฉู่จวินสิงพอใจได้น่ะสิ?อิ่นเจียงเค้นสมองคิดหาวิธีเอาชีวิตรอดแต่แม้เขาจะเป็นคนของฉู่ชางเหยียน แต่เรื่องที่รู้กลับมีไม่มากนักหากไม่ใช่เพราะฉู่ชางเหยียนส่งพวกเขามาสังหารครอบครัวฉู่จวินสิงที่เมืองอินเป่ย เกรงว่าเขาก็คงไม่รู้เรื่องนี้ละเอียดเช่นนี้เหมือนกันฉู่จวินสิงมองอิ่นเจียงด้วยสีหน้าเย็นชา “ถ้าเจ้าไม่มีข้อมูลอย่างอื่นอีก ข้าจะลงมือแล้วนะ”ฉู่จวินสิงว่าพลาง มีดสั้นในมือก็แทงมายังใบหน้าอิ่นเจียงอีกครั้งอิ่นเจียงตกใจจนหัวใจแทบกระดอนออกมาจากคอหอยในที่สุดเขาก็นึกถึงความลับที่สำคัญกว่านั้นขึ้นมาได้จึงโพล่งออกมาว่า “เยียนอ๋องโปรดไว้ชีวิตด้วย ข้ายังรู้อีกเรื่อง”ฉู่จวินสิงหยุดมือ มองอิ่นเจียงด้วยสายตาเย็นเฉียบ รอให้อีกฝ่ายพูดต่อไปอิ่นเจียงรีบพูดออกมาว่า “หลังจากรัชทายาทถูกทำลายวรยุทธ์ก็ถูกคุมขังอยู่ในคุกหลวง”“แต่ครึ่งเดือนก่อน อยู่ดีๆ รัชทายาทก็เสียสติ บัดเดี๋ยวร้องไห้บัดเดี๋ยวหัวเราะอยู่ในคุกหลวงทั้งวัน ทั้งยังใช้ศีรษะโขกกำแพง
เขาพยายามเพ่งมองใบหน้าของเจี่ยนอันอันให้ชัดเจน ทว่าโลหิตทำให้ดวงตาพร่ามัวจนเขามองอะไรไม่ชัดเลยมองเห็นแค่ร่างหญิงสาวบอบบางผู้หนึ่งยืนอยู่ตรงหน้าเขาเสียงของเจี่ยนอันอันไพเราะเสนาะหู ทว่าคำที่นางพูดออกมากลับทำให้ผู้คนขนลุกไปถึงปลายเท้า“ท่านพี่ ท่านลงมือถลกหนังหน้าเขาแล้ว ข้าว่าถลกหนังมันทั้งตัวไปเลยดีหรือไม่”“ข้าไม่เคยเห็นการถลกหนังคนทั้งเป็นมาก่อน คิดดูแล้วน่าตื่นเต้นไม่น้อย”หน่วยกล้าตายได้ยินก็รู้สึกขนลุกทันที สตรีผู้นี้เหตุใดจึงโหดเหี้ยมถึงเพียงนี้นางยังเป็นสตรีอยู่หรือไม่?หน่วยกล้าตายกัดฟันแน่น ดวงตาสีเลือดซึ่งไร้เปลือกตาจ้องเขม็งไปที่เจี่ยนอันอันด้วยแรงอาฆาตฉู่จวินสิงกระชับวงแขนที่โอบรัดเอวของเจี่ยนอันอันแน่นขึ้น หญิงสาวผู้นี้ช่างกล้าพูดเสียจริงเจี่ยนอันอันหันมายิ้มกว้างให้ฉู่จวินสิงแล้วกล่าวว่า “ข้าพูดเล่นเท่านั้น การถลกหนังทั้งเป็นมันนองเลือดเกินไป ข้ากลัวว่าเห็นมากเกินไปแล้วจะฝันร้ายเอาได้”หน่วยกล้าตายที่ได้ยินเช่นนั้นแอบถอนหายใจโล่งอกบัดนี้เขาเพียงหวังให้ตนตายอย่างรวดเร็ว ไม่อยากทนรับความเจ็บปวดอันแสนทรมานนี้อีกต่อไปเจี่ยนอันอันมองดูสภาพของหน่วยกล้าตายที่ก
ฉู่จวินสิงถือหน้ากากหนังมนุษย์สองผืนไว้ในมือ ก่อนยิ้มบาง ๆ “พวกเราปลอมตัวเป็นพวกมันแล้วกลับเข้าเมืองจิงโจวกันเถิด”เจี่ยนอันอันมองดูหน้ากากหนังมนุษย์ทั้งสองแผ่น แล้วเข้าใจถึงจุดประสงค์ของฉู่จวินสิงทันทีนางเคยเห็นในละครหรืออ่านในนิยายว่า มีคนในยุคโบราณไม่น้อยที่เชี่ยวชาญวิชาแปลงโฉมนางไม่คาดคิดเลยว่าฉู่จวินสิงก็มีความสามารถด้านการแปลงโฉมนี่เป็นศาสตร์ที่นางหลงใหลมาโดยตลอดสายตาของเจี่ยนอันอันที่มองฉู่จวินสิง เปล่งประกายไปด้วยความชื่มชมฉู่จวินสิงจัดเก็บหน้ากากหนังมนุษย์อย่างระมัดระวัง แล้วส่งให้เจี่ยนอันอัน ให้นางช่วยเก็บไว้ในมิติก่อนเจี่ยนอันอันรับหน้ากากหนังมนุษย์มาเก็บเข้าไปในมิติ หลังล้างทำความสะอาดแล้วก็นำไปแช่ในน้ำพุวิญญาณ“แล้วจากนี้พวกเราควรทำเช่นไรต่อ?”“ในเมื่อจะปลอมตัวเป็นอิ่นเจียงกับหน่วยกล้าตายเพื่อแฝงตัวเข้าไปในเมืองจิงโจว ก็ไม่ควรกลับไปเร็วเกินไปนัก”“พวกเราจะขี่ม้าไปอย่างช้า ๆ เมื่อใกล้ถึงเมืองจิงโจว ข้าจะช่วยเจ้าแปลงโฉมเอง”ฉู่จวินสิงเอ่ยพลางเดินไปเลือกม้าที่ดีที่สุดสองตัวเขาถอดอานม้าที่เหลืออีกสี่ตัวออก ก่อนจะฟาดลงบนบั้นท้ายของพวกมันอย่างแรงม้าทั้งสี่ร
เจี่ยนอันอันก็ไม่คิดอยู่นี่นานนัก เพราะนางยังมีงานต้องทำอีกทุกคนสนทนาอยู่กลางลานครู่หนึ่ง เจี่ยนอันอันจึงลุกขึ้นคิดจะจากไปจงหลานเห็นเข้า จึงอดไม่ได้ที่จะเอ่ยปากถาม“แม่นางเจี่ยน หมู่นี้พี่เวินเป็นอย่างไรบ้าง”เจี่ยนอันอันดูออกนานแล้วว่า เมื่อจงหลานไม่เห็นเวินอี๋ติดตามมาด้วย สายตานางปรากฏแววผิดหวังขึ้นวูบหนึ่งจึงได้กล่าวตอบยิ้มๆ “พี่เวินของเจ้าสบายดี หากมีเวลา เจ้าจะไปเยี่ยมเขาก็ได้”เมื่อได้ยินคำตอบจากเจี่ยนอันอัน เวินหลานจึงหันไปมองจงซิ่นด้วยความดีใจ“ท่านปู่” นางใช้สายตาเว้าวอน หวังเพียงว่าจงซิ่นจะพาไปหมู่บ้านชิงสุ่ยเพื่อเยี่ยมเวินอี๋โดยเร็วจงซิ่นมีหรือจะไม่รู้ทันความคิดของผู้เป็นหลานสาว แต่เขากลับคิดว่าอายุของทั้งคู่ห่างกันมากไปดังนั้นทุกครั้งที่เวินหลานร้องขอไปหมู่บ้านชิงสุ่ยเพื่อจะหาเวินอี๋ จงซิ่นก็มักจะปฏิเสธทุกคราไปและครั้งนี้เขาก็ไม่เปลี่ยนความคิดเช่นกัน“ไว้อีกสักพักค่อยว่าเถอะ คุณชายเวินมีงานยุ่งอยู่ตลอด เราไม่ควรไปรบกวนเขาบ่อยนัก”เวินหลานก้มหน้าลงด้วยความผิดหวัง ไม่กล้าพูดมากความอีกเจี่ยนอันอันมองดูสีหน้าหม่นหมองของเวินหลาน จึงได้เอ่ยปากเกลี้ยกล่อม “ผู้เ
นี่เป็นครั้งแรกที่นางมาขายผักที่ตลาด จึงรู้สึกตื่นตาตื่นใจอยู่ไม่น้อย“อันอัน ให้ข้าช่วยพวกเจ้าขายผักเถอะนะ”เจ้าของแผงผักหลายรายไม่เห็นหน้าเจี่ยนอันอันและฉู่จวินสิงมาหลายวันแล้วทุกคนต่างนึกว่าพวกเขาคงจะไม่มาตลาดขายผักอีกแต่ก็เพราะพวกเขาไม่มาขายผักหลายวัน ทำให้ผักของพ่อค้าอื่นต่างขายได้ไม่น้อยแต่ไม่นึกว่า วันนี้พวกเขาจะมาอีกครั้งเจ้าของแผงผักทั้งหลายต่างก็พูดไม่ออก และไม่กล้าเอาอย่างคราวที่แล้ว ทำตัวเป็นศัตรูกับพวกเขาได้แต่มองดูผู้คนที่มาเลือกซื้อผัก อุดหนุนแต่ผักของเจี่ยนอันอันไม่มีใครสักคน คิดอุดหนุนผักของพ่อค้าอื่นบ้างเลยเมื่อได้เหยียนซวงมาช่วยเหลือ ผักหนึ่งคันรถไม่นานก็ขายหมดเกลี้ยงเจี่ยนอันอันยังเก็บผักอีกหลายต้นไว้ กำลังคิดอยู่ว่าอีกประเดี๋ยวจะไปถามตามโรงเตี๊ยม ว่ามีเจ้าไหนคิดจะเหมาผักของนางบ้างหรือไม่นางนับเงินที่อยู่ในถุงผ้า วันนี้ขายได้ทั้งสิ้นสามสิบห้าตำลึงแม้จะเป็นตัวเงินไม่มากนัก แต่นางก็ยังดีใจมากอยู่“ไป เราไปเยี่ยมจงซิ่นกัน”เจี่ยนอันอันกล่าวพลางเดินนำขึ้นรถม้าไปก่อนเหยียนซวงก็ตามขึ้นไปนั่งด้วย นี่เป็นครั้งแรกที่นางมาช่วยขายผัก ไม่คาดคิดว่าจะมีค
เจี่ยนอันอันได้ยินเสียงใส่เสื้อผ้าของฉู่จวินสิง จึงพลอยตื่นมาด้วยเกี่ยวกับเหตุการณ์ที่เกิดเมื่อคืนนี้ คล้ายดั่งความฝันแต่ลูกธนูที่วางอยู่บนโต๊ะนั้น ทำให้เจี่ยนอันอันอดวิเคราะห์อีกครั้งไม่ได้ว่า ผู้ที่ยิงมาคือใครกันแน่?และข้อความในกระดาษเขียนว่ามีคนจะมาเมืองอินเป่ยนั่นคือผู้ใดที่จะมาเมืองนี้ จึงทำให้มีคนต้องใช้วิธีนี้ส่งข่าวให้นางกับฉู่จวินสิงได้รู้เจี่ยนอันอันนอนคิดอยู่บนเตียงครู่หนึ่ง ก็ยังหาคำตอบไม่ได้นางจึงไม่อยากคิดมากต่อไปอีก เพราะอย่างไรถึงเวลาก็จะรู้เอง ว่าคือผู้ใดจะมาเมืองอินเป่ยเจี่ยนอันอันแต่งกายเรียบร้อยพร้อมลงจากเตียง ล้างหน้าล้างตาแล้วจึงไปกินอาหารเช้าที่ลานวันนี้นางยังต้องไปอำเภอไถหยางสักครั้ง ตั้งว่าจะซื้อลูกเป็ดลูกไก่มาให้เสิ่นจือเจิ้งเลี้ยงผักที่ปลูกได้เมื่อวาน จะได้นำไปขายในตลาดด้วยหลังจากกินอาหารเช้าแล้ว เจี่ยนอันอันจึงให้บ่าวไพร่นำผักไปไว้ในรถม้า จากนั้นจึงเตรียมตัวออกเดินทางไปอำเภอไถหยางพร้อมกับฉู่จวินสิงทั้งคู่เพิ่งขึ้นนั่งในรถม้าไม่ทันไร พลันเห็นเหยียนซวงเดินมา“พวกท่านจะไปอำเภอไถหยางหรือ พาข้าไปด้วยได้หรือไม่”เหยียนซวงกำลังคิดจะไปอำเภอไถ
เจี่ยนอันอันพยักหน้า นางเห็นด้วยกับความคิดของฉู่จวินสิง“ท่านกล่าวถูกต้อง ตอนนี้เมืองจิงโจวคงวุ่นวายยิ่งกว่าแต่ก่อน”“หากเราย้อนกลับไปตอนนี้ ไม่แน่อาจตกหลุมพรางฉู่ชางเหยียนก็เป็นได้”“บวกกับเจี่ยนกั๋วกงที่คิดปองร้ายเราอยู่ คงจะหาหนทางส่งคนมาอีก เพื่อตรวจสอบดูว่าพวกเราเสียชีวิตแล้วหรือยังกันแน่”เมื่อเจี่ยนอันอันกล่าวถึงตรงนี้ นัยน์ตาพลันหรี่เล็กน้อย“ถ้าให้ดีคือเขามาด้วยตัวเอง ถึงตอนนั้นข้าจะให้เขามาได้ แต่กลับไปไม่ได้อีก”ฉู่จวินสิงมองดูเจี่ยนอันอันแสดงท่าทีคล้ายถือคติคุณธรรมประหารญาติ จึงเอื้อมมือไปขยับผ้าห่มให้นาง“อย่าเพิ่งคิดมากไปเลย ต่อให้เจี่ยนกั๋วกงส่งคนมาจริง ก็คงสืบไม่ได้ความอะไร”ทั้งคู่พูดคุยอีกครู่หนึ่ง จึงหลับตาลงเพื่อพักผ่อนจวบจนถึงเวลายามสาม จู่ๆ เจี่ยนอันอันก็รู้สึกปวดท้องนางลืมตาขึ้นเร็วพลัน พร้อมรีบร้อนใส่เสื้อคลุมแล้วลงจากเตียง“เจ้าจะไปไหนกัน?” การเคลื่อนไหวของเจี่ยนอันอัน ทำให้ฉู่จวินสิงพลอยตื่นขึ้นเจี่ยนอันอันตอบโดยแทบไม่หันหน้ามา “ไปห้องปลดทุกข์”ฉู่จวินสิงก็รีบใส่เสื้อคลุมแล้วลงจากเตียงเช่นกัน เดินตามหลังเจี่ยนอันอันไปเพราะเขาไม่อยากให้นางถูกก
ถึงตอนนั้นเมื่อใด ยิ่งได้รับความช่วยเหลือจากแคว้นหนิงชวน การจะชิงอำนาจปกครองกลับคืนมาก็ยิ่งเป็นเรื่องง่ายดายขึ้นเพียงแต่พวกเขาจะไปหาป้ายประกาศิตสวรรค์ได้จากที่ใด?หากกวนซินยอมเปิดเผยเรื่องป้ายประกาศิตสวรรค์ออกมาให้รู้ ก่อนที่พวกเขาจะไปเมืองจิงโจว พวกเขาก็อาจจะไปคุกหลวง ซักถามรัชทายาทฉู่เทียนหัวได้บ้างแต่บัดนี้พวกเขาได้กลับมาแล้ว คงไม่อาจย้อนกลับไปเมืองจิงโจวภายในเวลาอันสั้นอีกซ้ำที่นั่นก็กำลังวุ่นวายอยู่ หลังเกิดเหตุคลังหลวงถูกโจรกรรม ได้ทำให้ฉู่ชางเหยียนโกรธกริ้วเป็นอย่างมากบวกกับพวกเขาได้ช่วยเหลือบริวารที่อยู่ในคุกหลวงออกมาหมดผ่านไปหลายวัน ป่านนี้ฉู่ชางเหยียนคงรับรู้เรื่องราวแล้วย่อมต้องเพิ่มความเข้มงวดในการคุ้มกันคุกหลวงให้มากขึ้นอีกหากทั้งคู่บุ่มบ่ามกลับไปยังคุกหลวงอีกครั้ง ดีไม่ดีอาจถูกฉู่ชางเหยียนจับกุมตัวได้เรื่องนี้เห็นทีจะต้องวางแผนให้รอบคอบก่อนเจี่ยนอันอันและฉู่จวินสิงต่างสบตากัน ทั้งคู่ล้วนเข้าใจความคิดของอีกฝ่ายจากสายตาที่จ้องมองเจี่ยนอันอันหยิบผ้าเช็ดหน้าออกมาผืนหนึ่ง ยื่นส่งให้กวนซิน“พี่กวนซินวางใจได้ เรื่องนี้ข้ากับจวินสิงจะไม่เปิดเผยแม้แต่คำเดียว”
หลังจากบริวารถอยออกไปไกลแล้ว อดีตฮ่องเต้จึงตรัสอย่างมีนัยลึกซึ้งว่า “สุขภาพของเราไม่เหมือนวันวานอีกแล้ว เกรงว่าคงมีชีวิตต่อไปได้อีกไม่นาน”ฉู่เทียนหัวได้ยินดังนั้นก็ลงมาจากหลังม้า คุกเข่าลงเบื้องพระพักตร์อดีตฮ่องเต้ทันที“เสด็จพ่อ สุขภาพท่านแข็งแรงมาโดยตลอด อย่าพูดเช่นนี้เลยพ่ะย่ะค่ะ”อดีตฮ่องเต้โบกมือเบาๆ “ร่างกายเรา เรารู้ดีที่สุด”“สิ่งที่เราอยากบอกก็คือ ด้วยนิสัยของฉู่ชางเหยียน จะต้องแสร้งเป็นมาเยี่ยมเราในวังในยามที่เราป่วยหนักเป็นแน่”“เจ้าจะปล่อยให้ฉู่ชางเหยียนยึดอำนาจชิงบัลลังก์ไปไม่ได้โดยเด็ดขาด หากเขากล้าคิดก่อกบฏชิงบัลลังก์”“เจ้าห้ามเมตตาใจอ่อนต่อเขาเป็นอันขาด เข้าใจหรือไม่?”ฉู่เทียนหัวรีบตอบรับว่า “เสด็จพ่อ ลูกเข้าใจแล้ว”อดีตฮ่องเต้ดูออกว่ารัชทายาทฉู่เทียนหัวหาได้มีจิตใจโหดเหี้ยมเหมือนฉู่ชางเหยียนไม่เขากังวลเหลือเกินว่าภายภาคหน้าฉู่เทียนหัวจะรับมือฉู่ชางเหยียนไม่ได้อดีตฮ่องเต้ล้วงป้ายประกาศิตสวรรค์ออกมาจากในอกเสื้อแล้วกล่าวกับฉู่เทียนหัวว่า “หากวันหนึ่งเราไม่ได้อยู่บนโลกนี้แล้ว เจ้าจะต้องรักษาบัลลังก์เอาไว้ให้ได้ ห้ามปล่อยให้ฉู่ชางเหยียนแย่งชิงไปได้โดยเด็ดขาด”
“อันอัน พวกเจ้าทำเพื่อข้ากับรัชทายาทมามากพอแล้ว ข้าไม่รู้เลยว่าจะขอบคุณเจ้ากับคุณชายฉู่อย่างไรดี”กวนซินว่าแล้วก็ลุกขึ้น คุกเข่าลงตรงหน้าเจี่ยนอันอันและฉู่จวินสิงเสียงดัง“ข้าไม่อาจทำอันใดเพื่อพวกเจ้าได้เลย ทำได้แค่โขกศีรษะไม่กี่ครั้งเพื่อตอบแทนบุญคุณของพวกเจ้า”กวนซินว่าแล้วก็ตั้งท่าจะโขกศีรษะให้คนทั้งสองอย่างหนักหน่วงเจี่ยนอันอันเห็นดังนั้นก็รีบเข้ามาประคองกวนซิน“พี่หญิงกวน ท่านอย่าทำเช่นนี้ ท่านโขกศีรษะให้พวกข้า จะทำให้พวกข้าอายุสั้นเอานะ”กวนซินได้เจี่ยนอันอันช่วยประคองขึ้นมา จมูกแสบร้อน น้ำตาไหลพรากลงมาอีกครั้งแม้ว่ารัชทายาทจะถูกขังไว้ในคุกหลวง แต่ยังดีที่เขายังไม่ถูกบั่นศีรษะส่วนสาเหตุที่เขาแกล้งเสียสติ จะต้องเป็นเพราะไม่ต้องการบอกความลับเรื่องนั้นต่อฉู่ชางเหยียนเป็นแน่ขณะที่คนที่รัชทายาทรักมากที่สุดก็คือกวนซิน ความลับอันใดล้วนบอกนางจนหมดสิ้นน่าเสียดายที่รัชทายาทไม่ใช่คนโหดร้ายอำมหิตเหมือนฉู่ชางเหยียนที่คิดแต่จะแย่งชิงอำนาจและก็เป็นเพราะรัชทายาทใจไม่เหี้ยมพอนี่เอง จึงทำให้เขาตกอยู่ในสภาพปัจจุบันเรื่องมาถึงขั้นนี้ กวนซินก็ไม่คิดจะปิดบังอีกต่อไปนางนั่งลงข้างกา
เมื่อกวนซินได้ยินอาการเสียสติของรัชทายาท น้ำตาก็พลันไหลพรากลงมาทรวงอกนางเหมือนถูกก้อนหินขนาดใหญ่อุดเอาไว้ ทำให้นางหายใจได้ค่อนข้างลำบาก“อันอัน ทุกสิ่งที่เจ้าพูดมาเป็นความจริงหรือ?”กวนซินยังไม่ค่อยกล้าเชื่อนัก แต่เห็นสีหน้าจริงจังของเจี่ยนอันอันแล้ว นางก็ยิ่งแน่ใจในความคิดของตัวเองหลายคืนที่ผ่านมานางเอาแต่ฝันร้าย มักฝันเห็นภาพที่รัชทายาทถูกบั่นศีรษะนางเป็นห่วงความปลอดภัยของรัชทายาทเป็นอย่างมากมาโดยฃตลอด แต่ยามนี้นางถูกเนรเทศมาที่เมืองอินเป่ย ไม่อาจกลับไปอยู่เคียงข้างรัชทายาทได้เลยหากทำได้ นางหวังจริงๆ ว่าคนที่ถูกขังไว้ในคุกหลวงคือนาง ไม่ใช่รัชทายาทเห็นกวนซินยืนน้ำตานองหน้าด้วยความโศกเศร้าอยู่ตรงนั้น เจี่ยนอันอันดึงนางมานั่งลงข้างๆ ตนเองฉู่ตั๋วตั่วเห็นกวนซินร้องไห้ นางก็เสียใจจนแทบจะร้องไห้ออกมาเพื่อไม่ให้ฉู่ตั๋วตั่วรู้เรื่องมากเกินไป เจี่ยนอันอันจึงให้สี่เอ๋อร์พาฉู่ตั๋วตั่วไปที่ครัว ให้นางฝึกปรุงยาพิษด้วยตนเองอย่างไรเสียมีนางอยู่ด้วย ต่อให้ฉู่ตั๋วตั่วไม่ระวังไปถูกพิษเข้า นางก็มีวิธีรักษาฉู่ตั๋วตั่วฉู่ตั๋วตั่วตามสี่เอ๋อร์ไปที่ห้องครัว มีหม้อต้มยาสองใบวางอยู่ที่นั่น
คำพูดของกู้มั่วหลีดึงดูดความสนใจของเหวยป๋อจื่อได้สำเร็จเขาอยากรู้นักว่าเจี่ยนอันอันมีอะไรพิเศษกว่าคนอื่นกันแน่ถึงได้ทำให้ฉู่จวินสิงและกู้มั่วหลีหลงใหลนางถึงเพียงนี้หลังจากเหวยป๋อจื่อนำยามาส่งแล้วก็ไม่ได้คิดจะรั้งอยู่นานเขาบอกให้กู้มั่วหลีพักรักษาตัวอยู่ที่เรือนตะวันออกให้ดีแล้วหมุนกายก้าวยาวๆ จากไป……เจี่ยนอันอันนั่งตากลมเย็นอยู่ในลานเรือน มองดูฉู่จื่อซีวิ่งไล่ตามนกแร้งสองตัวไปมาอยู่ในลานเรือนนกแร้งสองตัวนั้นบินจนเหนื่อยแล้วก็บินมาเกาะบนไหล่ของเจี่ยนอันอันฉู่จวินสิงกลัวว่าเจี่ยนอันอันจะถูกกรงเล็บของนกแร้งขยุ้มจนบาดเจ็บ ขณะกำลังจะเข้ามาไล่นกแร้งก็ถูกเจี่ยนอันอันแสดงท่าทางบอกเป็นเชิงว่าอย่าเคลื่อนไหวส่งเดชอย่างไรเสีย นกแร้งสองตัวนี้ก็ได้ฉู่ชางเหยียนเลี้ยงมา นิสัยย่อมจะชั่วร้ายเจ้าเล่ห์เหมือนฉู่ชางเหยียนไม่มากก็น้อยแม้ว่าพวกมันจะถูกฉู่จื่อซีทำให้เชื่องลงแล้ว แต่ธาตุแท้ก็หาได้เปลี่ยนไปไม่หากฉู่จวินสิงเข้ามาไล่ปุบปับ เกรงว่าอาจทำให้พวกมันตกใจและจะต้องโจมตีนางกับฉู่จวินสิงแน่นอนนางไม่อยากให้เกิดเรื่องแบบนั้นขึ้นหรอกนะตอนนี้นกแร้งสองตัวนี้ยอมบินมาเกาะบนไหล่นางก็ถือว่า