ฟางอิ๋งเห็นฉู่จวินสิงเข้ามาก็พาฉู่จื่อซีออกไปอย่างรู้งานฉู่จวินสิงยกเก้าอี้มานั่งข้างเตียง“พี่ใหญ่ ท่านเป็นอย่างไรบ้าง ขามีความรู้สึกหรือยัง?”ฉู่จวินหลุนมองขาทั้งสองข้างของตัวเอง มุมปากยกยิ้มบางๆ“ข้าของข้าพิการมาหลายปี นึกไม่ถึงว่าจะมีวันที่กลับมามีความรู้สึก”ฉู่จวินหลุนว่าจบก็ออกแรงยกขาขึ้นฉู่จวินสิงเห็นฉู่จวินหลุนฟื้นตัวได้เร็วขนาดนี้ก็รู้สึกปลื้มใจมากเช่นกันขอเพียงวันหน้าพี่ใหญ่สามารถลุกขึ้นเดิน เช่นนั้นพวกเขาก็นับวันรอที่จะได้กลับเมืองหลวงจิงโจวได้เลยพวกเขายกทำไปทำสงครามมาหลายปี ย่อมชนะใจผู้ใต้บังคับบัญชาจำนวนไม่น้อยแต่ตอนนี้คนเหล่านั้นล้วนแต่อยู่ที่เมืองหลวงจิงโจว หากไม่มีคำสั่งจากพวกเขา คนเหล่านั้นก็มาไม่ได้และหากฮ่องเต้สุนัขรู้เข้า พวกเขาก็ต้องถูกขุดรากถอนโคนแน่นอนฉู่จวินสิงไม่อยากต้องอยู่ที่เมืองอินเป่ยไปตลอดชีวิตอย่างไรที่นี่ก็ไม่ใช่บ้านเกิดของเขา ทั้งยังไม่ใช่ที่ที่เขาควรจะมารอให้ถึงเวลาอันสมควร เขาจะแจ้งข่าวให้ผู้ใต้บังคับบัญชาเหล่านั้น จากนั้นทุกคนตีจากด้านนอกและด้านในประสานกันกำจัดกองกำลังของฉู่ชางเหยียนให้สิ้นซาก!ฉู่จวินหลุนมองออกมาตั้งแต่แรก
เจี่ยนอันอันยังคงงัวเงีย รู้สึกเหมือนมีใครบางคนกำลังจับมือของนางและบังคับให้นางกดนิ้วลงบนบางสิ่งบางอย่างนางตอบสนองทันทีด้วยการฟาดฝ่ามือกลับไปเต็มแรงทันใดนั้นก็มีเสียง ‘เพียะ’ ดังขึ้นตามด้วยเสียงคำรามอย่างเกรี้ยวกราดของชายวัยกลางคน“นังเด็กอกตัญญู กล้าดียังไงมาทำร้ายบิดาของเจ้า! ข้าจะส่งเจ้าไปหามารดาที่ตายไปแล้วของเจ้าเดี๋ยวนี้!”เมื่อเจี่ยนอันอันได้ยินคำพูดนั้น หัวใจของนางพลันเย็นเยียบทันทีคนบ้าอะไรกล้าด่าแม่ของนางเช่นนี้ รนหาที่ตาย!เจี่ยนอันอันลืมตาขึ้นทันที เห็นชายแปลกหน้าในชุดโบราณกำลังเงื้อมมือขึ้นหมายจะฟาดหน้านางเจี่ยนอันอันแค่นเสียงเย็นชา ก่อนจะเตะเข้าที่ท้องของชายคนนั้นเต็มแรงชายคนนั้นถูกเตะจนถอยหลังไปหลายก้าวกว่าจะหยุดลงได้ในฐานะที่เป็นกั๋วกงแห่งแคว้นไท่ยวน ถูกบุตรีแท้ ๆ ทำร้าย ซ้ำยังถูกทำร้ายต่อหน้าธารกำนัลเช่นนี้อีกใบหน้าของเจี่ยนกั๋วกงเขียวคล้ำด้วยความโกรธ เขาจ้องมองเจี่ยนอันอันด้วยดวงตาแดงก่ำเขาก้าวไปข้างหน้าสองสามก้าว หมายจะบีบคอเจี่ยนอันอันให้ตายทันใดนั้น ฮูหยินรองก็รีบพูดขึ้นว่า “นายท่าน ตอนนี้ยังฆ่านางไม่ได้นะเจ้าคะ”“หากนางตาย ใครจะไปแต่งกับเยียน
บ่าวรับใช้รับคำสั่ง รีบหยิบเชือกออกมาเพื่อจะมัดตัวเจี่ยนอันอันแต่เจี่ยนอันอันกลับคว้าเชือกไว้ได้ ก่อนจะก้าวอาด ๆ มาตรงหน้าเจี่ยนกั๋วกงนางเคลื่อนไหวรวดเร็วจนเจี่ยนกั๋วกงไม่ทันตั้งตัว และเชือกก็ถูกคล้องเข้าที่ลำคอของเขาแล้วเจี่ยนอันอันดึงเชือกจนแน่น ทำให้เจี่ยนกั๋วกงหายใจไม่ออกทันทีนางตวาดเสียงเย็นชา “ตาเฒ่าน่ารังเกียจ! หนังสือตัดขาดนั่นเจ้าเก็บรักษาไว้ให้ดี อย่าทำหายเสียเล่า”“จำคำพูดของเจ้าวันนี้ไว้ให้ดี วันหน้าเมื่อข้าโบยบินขึ้นสูง เจ้าก็อย่ามาร้องไห้ฟูมฟายขอคืนดีกับข้าแล้วกัน!”สิ้นประโยค เจี่ยนอันอันก็เตะเจี่ยนกั๋วกงจนล้มลงกับพื้นฮูหยินรองรีบวิ่งมาพยุงเจี่ยนกั๋วกง ก่อนจะหันมาถลึงตาใส่เจี่ยนอันอัน“เจี่ยนอันอัน นังลูกทรพี! เจ้ากล้าตบตีบิดาแท้ ๆ ของเจ้าได้อย่างไร”“พวกข้าดูแลเจ้าให้เติบโตมาแท้ ๆ แต่เจ้ากลับไม่รู้จักบุญคุณ แถมยังคิดฆ่าบิดาของเจ้าอีก!”“จวนกั๋วกงของเรา ไยจึงเลี้ยงดูเด็กเนรคุณเช่นเจ้าออกมาได้”ในขณะเดียวกัน เจี่ยนหลิงเยว่บุตรสาวของฮูหยินรองก็เดินเข้ามานางด่าเจี่ยนอันอันอย่างโกรธจัด “เจี่ยนอันอัน ทางที่ดีเจ้าไปตายอยู่ข้างนอกเสีย แล้วอย่ากลับมาที่นี่อีก”
ในตอนนั้นเอง เจี่ยนอันอันก็เห็นหน้าจอขนาดใหญ่ปรากฏขึ้นเบื้องหน้านางบนหน้าจอนั้นมีข้อความว่า [ต้องผูกชะตากับเยียนอ๋องเท่านั้นจึงจะเปิดมิติได้ มิเช่นนั้นมิติจะระเบิดภายในสิบวินาที][ไม่ทราบว่าจะทำการผูกชะตาหรือไม่?]เจี่ยนอันอันที่เพิ่งยิ้มแย้มอย่างสดใส ยามนี้หน้าถอดสีทันทีเมื่อเห็นว่าการนับถอยหลังของมิติเริ่มขึ้น เจี่ยนอันอันไม่มีเวลาคิดมาก รีบตะโกนในใจว่า “ผูกสิ ข้าจะผูกชะตา!”การนับถอยหลังของมิติหยุดลง และมีข้อความปรากฏขึ้นอีกครั้งว่า [ผูกชะตาสำเร็จ มิติถูกเปิดแล้ว]เจี่ยนอันอันรีบดึงยาชนิดใหม่ออกมาจากมิติและโยนเข้าปากทันทีโดยไม่คิดลังเลในเมื่อหนีการแต่งงานไม่ได้ นางก็ต้องเริ่มวางแผนสำหรับวันข้างหน้าก่อนอื่นนางต้องสะสมเสบียงจำนวนมาก เพื่อให้ในวันที่ถูกเนรเทศ จะได้ไม่ต้องทนทุกข์ทรมานไปกับคนในครอบครัวของจวนเยียนอ๋องในเมื่อบิดาของร่างเดิมตั้งใจจะตัดขาดกับนาง เช่นนั้นนางก็จะขนทรัพย์สินของจวนกั๋วกงไปให้หมดก่อนเจี่ยนอันอันหลับตาแล้วกล่าวในใจว่า “ล่องหน ไปยังคลังสมบัติของจวนกั๋วกง”ทันใดนั้นร่างกายของนางก็หายไป วินาทีถัดมานางก็มาปรากฏตัวในคลังสมบัติของจวนกั๋วกงผ้าไหมแพรพรร
เพื่อที่จะไล่พ่อครัวหลวงเหล่านี้ออกไป เจี่ยนอันอันจึงหยิบผงยาถ่ายออกจากมิติแล้วโปรยใส่หน้าพวกเขาหลังจากพ่อครัวหลวงหลายคนสูดผงยาระบายเข้าไปได้ไม่นาน พวกเขาก็เริ่มบ่นปวดท้อง แล้วรีบกุมท้องวิ่งออกจากห้องเครื่องกันไปหมดเจี่ยนอันอันฮัมเพลงไปพลาง กินขนมไปพลาง พร้อมกับโยนขนมและอาหารจากห้องครัวหลวงทั้งหมดเข้าไปในมิติของนางนางเหลือบมองผักและธัญพืชที่วางเรียงไว้อย่างเป็นระเบียบ รวมถึงเนื้อที่ถูกหั่นไว้แล้วเจี่ยนอันอันคิดว่าต้องนำวัตถุดิบเหล่านี้ไปด้วยถึงจะดีเมื่อถูกเนรเทศ นางจะได้ใช้วัตถุดิบเหล่านี้ทำอาหารอร่อย ๆ ได้เมื่อคิดได้ดังนั้น เจี่ยนอันอันก็รีบขนวัตถุดิบทั้งหมดลงในมิติทันทีหลังจากเจี่ยนอันอันออกจากห้องเครื่องหลวง นางก็คิดว่าควรจะลองไปดูเยียนอ๋องผู้นั้นสักหน่อยวินาทีต่อมา นางก็ปรากฏตัวในคุกโดยพลันในขณะนั้น ฉู่จวินสิงซึ่งก็คือเยียนอ๋องกำลังถูกทรมานอย่างหนักร่างกายของเขาถูกทุบตีจนหนังเปิดเนื้อแตก เสื้อผ้าอาภรณ์ก็ถูกย้อมไปด้วยโลหิตจนแดงฉานแม้จะเป็นเช่นนั้น ฉู่จวินสิงก็ไม่ส่งเสียงครวญครางแม้แต่น้อยเจี่ยนอันอันอดไม่ได้ที่จะยกนิ้วโป้งให้เขานางรู้สึกชื่นชมเขาจากใจจริงว่
ผู้คุมหลายคนได้กลิ่นเหม็นรุนแรงจากการผายลม แต่พวกเขาไม่กล้าอุดจมูกหรือหลบเลี่ยงทำได้เพียงกลั้นใจและเร่งฝีเท้าให้เร็วขึ้นด้วยสีหน้าไร้ความรู้สึกขันทีใหญ่ก็วิ่งตามออกมาด้วย ขณะเดินตามหลังฮ่องเต้ก็มีสีหน้ากังวลเขากลัวจริง ๆ ว่าฮ่องเต้อาจพลาดปล่อยลมออกมา แล้วเผลอทำเลอะในกางเกงเจี่ยนอันอันที่ล่องหนอยู่ มองเห็นท่าทางน่าสมเพชของฮ่องเต้สุนัขที่ดูเหมือนจะถ่ายไม่หยุด นางก็แทบจะกลั้นหัวเราะไว้ไม่อยู่ยาระบายที่นางใช้ไม่มีทางแก้ได้ พอจะทำให้ฮ่องเต้สุนัขนี้ถ่ายไม่หยุดถึงเจ็ดวันเจ็ดคืนเมื่อเห็นว่าเวลาได้ที่แล้ว เจี่ยนอันอันก็ออกจากวังหลวงแล้วกลับมาที่เกี้ยวแต่งงานในทันทีในเวลานี้ เกี้ยวแต่งงานได้หยุดอยู่หน้าจวนเยียนอ๋องแล้วไร้เงาของชายฉกรรจ์สี่คนที่หามเกี้ยวมาเจี่ยนอันอันดึงผ้าคลุมหน้าสีแดงออก ก่อนจะเปิดม่านเกี้ยวแล้วก้าวออกมาอย่างมั่นใจนางเห็นว่าหน้าจวนเยียนอ๋องได้ถูกล้อมโดยทหารรักษาพระองค์แล้วเสียงร้องไห้และเสียงด่าทอดังมาจากภายในจวนเยียนอ๋องเจี่ยนอันอันไม่สนใจทหารรักษาพระองค์เหล่านั้น นางก้าวเดินเข้าไปในจวนเยียนอ๋องอย่างไม่ลังเลทันทีที่นางเดินเข้าไปก็เห็นว่าภายในจวนเยียนอ
หลังจากที่คนในตระกูลคนอื่นได้ยินบทสนทนาของทั้งคู่ ก็รู้สึกประหลาดใจในตัวตนคุณหนูใหญ่ของเจี่ยนอันอันเป็นอย่างมากนางไม่ใช่คุณหนูรองที่ฮ่องเต้พระราชทานสมรสให้หรอกหรือนี่แต่หลังจากได้ยินเจี่ยนอันอันยืนกรานว่าจะไม่แต่งด้วยหากไม่ใช่เยียนอ๋อง พวกเขาก็รู้สึกประทับใจในความจริงใจของเจี่ยนอันอันช่างเป็นแม่นางที่จิตใจดีงามเหลือเกิน ยอมออกเรือนแทนน้องสาวของตัวเองอย่างเด็ดเดี่ยวแน่วแน่ เลือกแต่งเข้ามาในจวนเยียนอ๋องของพวกเขายอมรับโทษเนรเทศไปตกระกำลำบากกับพวกตนอาศัยเพียงความจริงใจนี้ของนาง พวกเขาก็จะปฏิบัติต่อนางเสมือนสมาชิกในครอบครัวของตัวเองแล้วขณะนั้นเอง เหล่าทหารรักษาพระองค์ที่ได้รับคำสั่งให้ไปตรวจค้นก็กลับมากันแล้วพวกเขายืนเรียงแถวอย่างเป็นระเบียบ รายงานต่อหัวหน้าทหารรักษาพระองค์ว่า “รายงานท่านหัวหน้า คลังสมบัติในจวนเยียนอ๋องว่างเปล่าขอรับ”“ในห้องของเยียนอ๋องก็ว่างเปล่าเช่นกัน”“ในห้องของคนอื่นๆ ในตระกูลก็ว่างเปล่าเช่นกันขอรับ”หัวหน้าทหารรักษาพระองค์นิ่งอึ้งไป คนในจวนเยียนอ๋องต่างก็อึ้งเช่นกันนี่มันเรื่องอะไรกัน พวกเขาเก็บทรัพย์สินไว้ที่เดิมโดยไม่ได้ไปแตะต้องเลยนี่ แต่กลับไม่
ฮูหยินใหญ่เห็นดังนั้นก็คิดจะปราดเข้าไปขวางตรงหน้าฉู่จวินสิงนั่นคือลูกชายคนเล็กของนาง ยามนี้ถูกฮ่องเต้ทำร้ายจนถึงขนาดนี้แล้วตอนนี้แม้แต่หัวหน้าทหารรักษาพระองค์ก็ยังไม่เห็นเขาอยู่ในสายตาช่างเหมือนดังคำกล่าวที่ว่าเสือตกที่นั่งลำบากยังถูกสุนัขรังแกโดยแท้ตอนนี้ถึงต้องแลกด้วยชีวิต นางก็จะไม่ปล่อยให้พวกเขาทำร้ายลูกชายนางเด็ดขาดเจี่ยนอันอันเห็นฮูหยินใหญ่จะพุ่งเข้าไปก็รีบดึงตัวอีกฝ่ายไว้“ฮูหยินใหญ่เจ้าคะ อย่าเพิ่งหุนหันพลันแล่นเจ้าค่ะ” เจี่ยนอันอันกระซิบข้างหูฮูหยินใหญ่ฮูหยินใหญ่หันกลับมามองเจี่ยนอันอัน ไม่เข้าใจว่าเหตุใดอีกฝ่ายจึงขัดขวางตนเองขณะที่เจี่ยนอันอันกำลังพูดอยู่นั้นก็ตั้งท่าเตรียมจะซัดเข็มเงินอีกเล่มใส่หัวหน้าทหารรักษาพระองค์เข็มเงินในมือนางเล่มนี้เคลือบยาพิษเอาไว้ พอทิ่มแทงลงไปก็จะทำให้หัวหน้าทหารรักษาพระองค์ผู้นี้เป็นอัมพาตทั่วร่างทันทีถึงตอนนั้นนางก็สามารถใช้หัวหน้าทหารรักษาพระองค์มาบีบบังคับทหารรักษาพระองค์เหล่านี้ได้หัวหน้าทหารรักษาพระองค์ในยามนั้นเห็นว่ายังคงไม่มีใครก้าวออกมาเขาเงื้อดาบในมือขึ้นแล้วฟันลงบนร่างฉู่จวินสิงทันทีเห็นกับตาว่าคมดาบกำลังจะฟันล
ฟางอิ๋งเห็นฉู่จวินสิงเข้ามาก็พาฉู่จื่อซีออกไปอย่างรู้งานฉู่จวินสิงยกเก้าอี้มานั่งข้างเตียง“พี่ใหญ่ ท่านเป็นอย่างไรบ้าง ขามีความรู้สึกหรือยัง?”ฉู่จวินหลุนมองขาทั้งสองข้างของตัวเอง มุมปากยกยิ้มบางๆ“ข้าของข้าพิการมาหลายปี นึกไม่ถึงว่าจะมีวันที่กลับมามีความรู้สึก”ฉู่จวินหลุนว่าจบก็ออกแรงยกขาขึ้นฉู่จวินสิงเห็นฉู่จวินหลุนฟื้นตัวได้เร็วขนาดนี้ก็รู้สึกปลื้มใจมากเช่นกันขอเพียงวันหน้าพี่ใหญ่สามารถลุกขึ้นเดิน เช่นนั้นพวกเขาก็นับวันรอที่จะได้กลับเมืองหลวงจิงโจวได้เลยพวกเขายกทำไปทำสงครามมาหลายปี ย่อมชนะใจผู้ใต้บังคับบัญชาจำนวนไม่น้อยแต่ตอนนี้คนเหล่านั้นล้วนแต่อยู่ที่เมืองหลวงจิงโจว หากไม่มีคำสั่งจากพวกเขา คนเหล่านั้นก็มาไม่ได้และหากฮ่องเต้สุนัขรู้เข้า พวกเขาก็ต้องถูกขุดรากถอนโคนแน่นอนฉู่จวินสิงไม่อยากต้องอยู่ที่เมืองอินเป่ยไปตลอดชีวิตอย่างไรที่นี่ก็ไม่ใช่บ้านเกิดของเขา ทั้งยังไม่ใช่ที่ที่เขาควรจะมารอให้ถึงเวลาอันสมควร เขาจะแจ้งข่าวให้ผู้ใต้บังคับบัญชาเหล่านั้น จากนั้นทุกคนตีจากด้านนอกและด้านในประสานกันกำจัดกองกำลังของฉู่ชางเหยียนให้สิ้นซาก!ฉู่จวินหลุนมองออกมาตั้งแต่แรก
เหยียนซวงกับเหยียนอวี่ช่วยเก็บผักกาดขาวกับหูหลัวปัวมาให้เจี่ยนอันอันชั่งน้ำหนักนางขายให้ท่านปู่เฉินตามราคาที่ขายในตลาดท่านปู่เฉินถือผักอย่างมีความสุข เขากล่าวขอบคุณเจี่ยนอันอันแล้วหันตัวเดินจากไปขณะที่เหยียนซวงกับเหยียนอวี่ช่วยเก็บผัก มีชาวบ้านอีกจำนวนหนึ่งเข้ามาขอซื้อผักเจี่ยนอันอันขายผักให้กับพวกเขาตามราคาที่ขายในตลาดพวกชาวบ้านคิดไม่ถึงว่าผักที่เจี่ยนอันอันขายจะราคาถูกขนาดนี้พวกเขาคิดว่านางจะฉวยโอกาสขึ้นราคาเสียอีกพวกชาวบ้านต่างยินดีปรีดาที่ได้ซื้อผักเหยียนซวงกับเหยียนอวี่เก็บผักเสร็จก็เห็นเจี่ยนอันอันทำให้ผักพวกนี้หายไปประหนึ่งเล่นมายากล เหลือไว้ให้สองพี่น้องเพียงแค่ส่วนน้อยพวกเขามีสีหน้าตื่นตะลึง เป็นเวลาเนิ่นนานกว่าจะได้สติเหยียนซวงพูดด้วยความตกใจ “อันอัน ผักพวกนี้ถูกเจ้านำไปไว้ที่ใดแล้ว เหตุใดจึงหายไปได้ในชั่วพริบตา?”เจี่ยนอันอันยิ้มยิงฟันให้เหยียนซวง “เรื่องนี้เป็นความลับ บอกไม่ได้”“เอาล่ะ พวกเจ้านำผักกลับไปเถอะ ต่อไปจะได้มีผักกิน”เหยียนซวงไม่กล้ารับผักจากเจี่ยนอันอันเพราะเกรงใจ ทว่าเจี่ยนอันอันกลับจับยัดใส่มือนาง“วันนี้พวกเจ้าช่วยข้าเก็บผัก ถือว่าเ
เหยียนซวงรู้สึกขอบคุณต่อเจี่ยนอันอันมาก นางพูดว่า “อันอัน มีงานอะไรให้ข้าทำหรือไม่ บอกมาได้เลยนะ ข้าทำได้ทุกอย่าง”สมัยที่อยู่บ้านของลุงรอง นางถูกมอบหมายให้ต้องทำงานที่ต้องใช้แรงงานและสกปรกทุกอย่างเหยียนอวี่สุขภาพไม่ดี เขาอยากจะช่วยแบ่งเบาแต่ก็ถูกนางปฏิเสธทุกครั้งไปส่วนน้องสาวของบ้านลุงรองก็ใช้งานนางไม่ต่างจากสาวใช้แม้แต่น้ำสำหรับล้างเท้าก็ยังให้นางเป็นคนไปตักหากเหยียนซวงไม่ยอมทำก็จะถูกลุงรองดุด่าและทุบตีทุกครั้งที่เกิดเหตุการณ์เช่นนั้น เหยียนซวงอยากจะใช้กำลังกับลุงรองเหลือเกินแต่นางเห็นแก่ที่อีกฝ่ายเป็นลุงรองแท้ๆ ยอมเลือกที่จะอดทนครั้งแล้วครั้งเล่าตอนนี้นางหนีออกจากบ้านของลุงรองได้ในที่สุด ได้ใช้ชีวิตอย่างอิสระนางเพียงแค่ต้องดูแลเหยียนอวี่ให้ดีก็พอ อย่างอื่นล้วนไม่สำคัญเพื่อตอบแทนบุญคุณของเจี่ยนอันอันแล้ว นางหวังว่าตัวเองจะสามารถช่วยเจี่ยนอันอันแบ่งเบาภาระเจี่ยนอันอันนึกได้ว่าวันนี้ตัวเองไปข้างนอกตั้งนานเพียงนั้น ยังไม่ได้ไปปลูกผักที่ที่นามิสู้ให้เหยียนซวงตามไปปลูกผักด้วยกันเลยก็แล้วกันผักที่เกินออกมาก็ให้สองพี่น้องคู่นี้เก็บไว้กินวันหลังครั้นคิดถึงตรงนี้ เจ
เหยียนอวี่ฟังคำบอกเล่าของเจี่ยนอันอันแล้วตกใจเช่นกันเขาได้สติอย่างรวดเร็วและถามว่า “แม่นางเจี่ยน ที่ท่านพูดมาเมื่อครู่เป็นความจริงหรือ?”เจี่ยนอันอันพยักหน้า แสดงออกว่านางไม่มีความจำเป็นที่ต้องโกหก“แต่เหตุใดลุงรองของข้าจึงบอกว่า จะให้ท่านพี่แต่งงานกับตาแก่อายุห้าสิบกว่า?”เหยียนอวี่รู้สึกสับสนมากเช่นกันหากคนที่พี่รองต้องแต่งงานด้วยคือถังหมิงเซวียนจริงๆ ลุงรองก็ไม่เห็นมีความจำเป็นที่ต้องบอกว่าขายนางให้ตาแก่คนหนึ่งเจี่ยนอันอันนึกได้ว่าถังหมิงเซวียนเคยพูดถึงคนที่บ้านให้นางฟังบิดาของเขาอายุห้าสิบสาม เพิ่งจะมีลูกในวัยชราทุกคนในครอบครัวจึงตามใจถังหมิงเซวียนมากพวกเขาเห็นว่าถังหมิงเซวียนสนใจด้านวิชาแพทย์ก็ซื้อตำราแพทย์กองโตมาให้ ทั้งยังเชิญอาจารย์มาถ่ายทอดวิชาอาจารย์ท่านนั้นพบว่าถังหมิงเซวียนฉลาดหลักแหลมมากและมีความเข้าใจในวิชาแพทย์ระดับสูงก็ถ่ายทอดวิชาให้ทั้งหมดต่อมา เมื่อถังหมิงเซวียนได้เรียนรู้วิชาแพทย์ทั้งหมด อาจารย์ท่านนั้นก็ออกเดินทางท่องเที่ยวไปทั่วหล้าถังหมิงเซวียนไม่เคยได้พบเจออีกฝ่ายแต่ถังหมิงเซวียนเอาแต่ศึกษาค้นคว้าวิชาแพทย์ จวบจนอายุยี่สิบแล้วก็ยังไม่คิดที่จ
บุรุษผู้นั้นได้ยินว่าคนที่บ้านกินยารักษาโรคเฉพาะทางเรียบร้อยแล้วถึงค่อยเบาใจลงหลังจากที่จ่ายเงินห้าสิบตำลึงเพื่อซื้อยา เขาก็โยนเข้าปากทันทีเขารู้สึกสบายตัวและผ่อนคลายลงไม่น้อยหลังจากกินยาแม้แต่ความเจ็บปวดที่ข้อมือก็บรรเทาลงใบหน้าของเขาค่อยๆ เผยรอยยิ้มออกมา เขามองเจี่ยนอันอันอย่างรู้สึกผิดเล็กน้อยไม่รู้ว่าควรพูดอะไรดีเมื่อครู่นี้เขาคิดว่าเจี่ยนอันอันจะทำร้ายตัวเองนึกไม่ถึงว่าตัวเองเพียงแค่ต้องจ่ายเงินห้าสิบตำลึงก็จะซื้อยาที่มหัศจรรย์ขนาดนี้ได้แล้วคราวนี้ดีเลย ครอบครัวของเขาจะได้ไม่ต้องเดินทางไปมาให้เหน็ดเหนื่อยอีกแต่ถึงกระนั้น เขาก็ไม่คิดที่จะเหยียนซวงกับเหยียนอวี่อยู่ที่นี่ต่ออยู่ดีอย่างไรเขาก็ไม่ได้รู้จักสองคนนี้ ถ้าให้ทั้งคู่อยู่ที่นี่ต่อ หากวันหน้าเกิดอะไรขึ้น เขาก็ต้องเดินทางมาไล่คนเหมือนเดิมน้ำเสียงที่เขาใช้ต่อเหยียนซวงสุภาพขึ้นมาก“แม่นางท่านนี้ รบกวนให้ท่านกับน้องชายย้ายออกจากที่นี่โดยเร็วด้วยเถิด”เหยียนซวงหันไปมองเจี่ยนอันอัน แววตาทอประกายขอความช่วยเหลือเจี่ยนอันอันไม่อยากทำให้บุรุษผู้นี้ลำบากใจ เพราะถึงอย่างไรแล้วที่นี่ก็เป็นบ้านของเขา เขามีสิทธิ์ไล่
เจี่ยนอันอันนึกว่าที่บ้านของเหยียนซวงมีแขก แต่ฟังจากบทสนทนาแล้ว เหมือนว่าบุรุษผู้นี้จะเป็นเจ้าของบ้านหลังนี้ขณะที่กำลังจะเอ่ยปากถามก็ได้ยินเหยียนซวงพูดอ้ำๆ อึ้งๆ ว่า “อันอัน ข้าขอร้องอะไรหน่อยได้หรือไม่?”เจี่ยนอันอันมีความคิดในใจ แต่นางยังไม่ทันพูดก็ได้ยินเหยียนซวงพูดต่อ “ท่านนี้คือเจ้าของบ้าน เขากลับมาจากตัวเมือง”“เขาต้องการให้ข้ากับเหยียนอวี่ย้ายออกจากที่นี่โดยเร็วที่สุด ตอนนี้พวกเราสองคนไม่มีที่ไปแล้ว”“ข้าอยากขอร้องให้ช่วยหาที่อยู่ในหมู่บ้านชิงสุ่ยให้ข้ากับเหยียนอวี่ได้หรือไม่?”เจี่ยนอันอันได้ยินว่าบุรุษผู้นี้กลับมาจากตัวเมืองก็เดินเข้าไปคว้าข้อมืออีกฝ่ายทันที“ทำอะไรของเจ้า?” บุรุษผู้นี้ตกใจกับการกระทำของเจี่ยนอันอันเขาจะชักมือตัวเองกลับแต่กลับถูกเจี่ยนอันอันคว้าแน่นกว่าเดิม“ถ้าไม่อยากตายก็อย่าขยับ” เจี่ยนอันอันเพิ่มแรงบีบที่มือในขณะที่พูดเดิมทีบุรุษผู้นี้ก็ไม่มีศิลปะการต่อสู้ ครั้นถูกเจี่ยนอันอันบีบเช่นนี้ก็รู้สึกเจ็บจนกลั้นเสียงร้องโหยหวนไม่อยู่หยาดเหงื่อเม็ดเย็นผุดขึ้นบนหน้าผากเขาเจ็บจนต้องร้องขอความเมตตา “แม่นางรีบปล่อยมือเถิด ข้อมือข้าจะหักอยู่แล้ว”เจี
ตอนแรกเจี่ยนอันอันอยากใช้ฟังก์ชันเคลื่อนย้ายมวลสสารเพื่อไปหากู้มั่วหลีแต่แล้วนางกลับต้องพบว่าประสิทธิภาพของฟังก์ชันนี้เสื่อมถอยลงอีกครั้งด้วยเหตุนี้จึงได้แต่เดินตามหาภายในจวนเป่าจวิ้นอันกว้างขวางด้วยกันกับฉู่จวินสิง ภายในห้องที่นางเข้าไปก่อนหน้านี้ บัดนี้ว่างเปล่าไร้ซึ่งผู้ใดทั้งสองคนตามหาจนทั่วแต่ก็ไม่พบกู้มั่วหลีแต่อย่างใดแม้แต่เจี่ยนหลิงเยว่ก็หายไปด้วยทั้งสองคนค้นหาภายในจวนเป่าจวิ้นทั่วทุกซอกทุกมุม กระนั้นก็ยังไม่พบร่องรอยของกู้มั่วหลีอยู่ดีเจี่ยนอันอันขบเขี้ยวเคี้ยวฟันด้วยความแค้นเคือง เจ้ากู้มั่วหลีบ้านี่หนีไปอีกแล้วนางเดินตามฉู่จวินสิงออกไปด้วยสีหน้าเดือดดาล ทั้งสองคนกลับไปที่รถม้าและมุ่งหน้าสู่อำเภอไถหยางครั้นมาถึงจี้เฉ่าถัง เจี่ยนอันอันก็ให้สวีจงฉือลงจากรถม้าให้เขากลับไปดูแลจี้เฉ่าถัง ส่วนที่อำเภอไถหยางนั้น เขาไม่จำเป็นต้องไปที่นั่นอีกเดิมทีสวีจงฉือคิดว่าจะได้อยู่กับเจี่ยนอันอันนานกว่านี้ นึกไม่ถึงว่าเจี่ยนอันอันจะให้เขาลงจากรถม้าไวเช่นนี้ แต่ถึงแม้ภายในใจจะไม่เต็มใจมากเพียงใด เขาก็ไม่กล้าพูดอะไรทั้งนั้น“แม่นางเจี่ยน ท่านจะเข้าไปดูด้านในจี้เฉ่าถังหน่
เจี่ยนอันอันถูกเจี่ยงตงเฉิงจ้องจนรู้สึกไม่พอใจเอามากๆนางแค่นเสียงเย็นเอ่ยว่า “ใต้เท้าราชเลขาธิการพักผ่อนก่อนเถอะ โรคอื่นๆ ของท่านเอาไว้รักษาวันหลังก็แล้วกัน”นางพูดจบก็หันหลังทำท่าจะจากไป“แม่นางเจี่ยนรอสักครู่” เจี่ยงตงเฉิงรีบรั้งเจี่ยนอันอันเอาไว้เจี่ยนอันอันหันหน้ากลับมามองเจี่ยงตงเฉิงด้วยสายตาเย็นชา“ใต้เท้ายังมีเรื่องใดหรือ?”เจี่ยงตงเฉิงรู้ว่าตนเองจ้องฝ่ายตรงข้ามเมื่อครู่นี้ออกจะเป็นการเสียมารยาทเขากระแอมเบาๆ “แม่นางเจี่ยนมีเรื่องเข้าใจผิดเกี่ยวกับข้าหรือเปล่า?”เจี่ยนอันอันหมุนตัวกลับมายิ้มเย็นให้เจี่ยงตงเฉิงพลางว่า “ข้าคิดไม่ถึงว่าท่านราชเลขาธิการจะสนิทสนมกับพ่อที่ไร้ยางอายผู้นั้นของข้าปานนี้”“ถ้าข้ารู้เช่นนี้แต่แรก ข้าก็คงไม่มารักษาท่านแล้ว”คำพูดของเจี่ยนอันอันทำให้ทุกคนที่อยู่ในเหตุการณ์ล้วนอึ้งไปอย่างอดไม่อยู่รวมถึงฉู่จวินสิงด้วยเช่นกัน ไม่เข้าใจว่าเหตุใดเจี่ยนอันอันจึงพูดถึงพ่อตัวเองเช่นนั้นเจี่ยนอันอันไม่เคยพูดเรื่องเจี่ยนกั๋วกงกับเขามาก่อน เขายังรู้ว่าเจี่ยนอันอันมาแต่งงานกับเขาแทนน้องสาวระหว่างพวกนางพ่อลูกจะต้องเกิดอะไรบางอย่างขึ้นแน่นอน ถึงได้ทำให้เ
เจี่ยนอันอันก็จ้องตาเจี่ยงตงเฉิงเช่นกัน สีหน้านางปราศจากความเปลี่ยนแปลงใดๆ ในใจกลับรู้สึกสงสัยขึ้นมาคนผู้นี้รู้จักคุณหนูใหญ่จวนกั๋วกงได้อย่างไร?หรือว่าหลังจากเจี่ยนหลิงเยว่มาที่เมืองอินเป่ยก็ได้เจอราชเลขาธิการเหมือนกัน แล้วบอกอีกฝ่ายว่านางเป็นคุณหนูใหญ่จวนกั๋วกง?ถ้าเจี่ยนหลิงเยว่กำลังสวมรอยเป็นนางจริง นางคงต้องจัดยาพิษให้เจี่ยนหลิงเยว่เป็นใบ้จริงๆ เสียแล้วทำให้นางไม่สามารถพูดได้อีกเลยชั่วชีวิตเจี่ยนอันอันถามเสียงเย็นชา “ไยท่านราชเลขาธิการจึงถามเช่นนี้?”ถึงอย่างไรเจี่ยงตงเฉิงก็อยู่มานานกว่าเจี่ยนอันอัน แม้เจี่ยนอันอันจะไม่ได้แสดงสีหน้าอันใดออกมาแต่เขาก็ฟังความผิดปกติในน้ำเสียงยามพูดจาของเจี่ยนอันอันออกถ้าเจี่ยนอันอันไม่รู้จักคุณหนูใหญ่จวนกั๋วกง นางก็สามารถบอกว่าตนเองไม่รู้จักไม่จำเป็นต้องถามเช่นนี้เลยสักนิดประกอบกับก่อนหน้านี้นางยังพูดจาดีๆ อยู่เลย ตอนนี้น้ำเสียงกลับเย็นชาขึ้นมาเสียอย่างนั้นเห็นทีนางคงต้องรู้จักคุณหนูใหญ่จวนกั๋วกงเป็นแน่เจี่ยงตงเฉิงลูบเครายิ้มๆ พลางกล่าวว่า “ขอบอกกล่าวตามตรง ในอดีตข้าเคยไปเยือนแคว้นไท่ยวนในฐานะทูตของเมืองอินเป่ย”“โชคดีได้รู้จัก