ไม่รู้ว่าเจ้าคนบ้าคนนั้นจะใช้วิธีการอะไรมาจัดการกับคนในตระกูลฉู่อีกครั้งนี้ นางมิใช่เพียงต้องปรุงยาวิเศษที่สามารถเคลื่อนย้ายในชั่วพริบตาเท่านั้น แต่ยังต้องเตรียมยาถอนพิษไว้ให้ทุกคนด้วยกู้มั่วหลีถนัดการใช้พิษ หากนางกับฉู่จวินสิงเดินทางไปแล้ว กู้มั่วหลีมาวางยาคนในตระกูลฉู่อีก นั่นย่อมเป็นปัญหาเพราะนอกจากนางแล้ว ที่นี่ไม่มีผู้ใดสามารถทำยาแก้พิษได้เจี่ยนอันอันรีบไปยังห้องครัว หยิบเตาหลอมยาสองเตาออกมานางตั้งใจปรุงยาเคลื่อนย้ายในชั่วพริบตาและยาถอนพิษไปพร้อม ๆ กันขณะที่เจี่ยนอันอันกำลังจดจ่อกับการหลอมยา เหยียนซวงและเหยียนอวี่ก็มาถึงบ้านตคระกูลฉู่เดิมทีทั้งสองตั้งใจจะมาชวนเจี่ยนอันอันไปตลาดเพื่อขายผักด้วยกัน แต่รออยู่นานก็ไม่เห็นนางออกจากลานเรือนเสียทีสุดท้ายสองพี่น้องจึงต้องมาหาเจี่ยนอันอันถึงที่นี่นางอยากเล่าให้เจี่ยนอันอันฟังเกี่ยวกับเรื่องที่นางเจอเสิ่นจือเจิ้งเมื่อวาน หลังจากพวกนางกลับถึงบ้าน เหยียนซวงก็ลงมือก่อไฟทำอาหารตั้งแต่ตอนที่พวกนางอาศัยอยู่ที่อำเภอไถหยาง ได้ซื้อตุนข้าวสารไว้จำนวนหนึ่งซึ่งยังเหลืออยู่เมื่อย้ายมาที่หมู่บ้านชิงสุ่ย เหยียนซวงก็นำข้าวสารเหล่านั้
เมื่อเจี่ยนอันอันเห็นเหยียนซวงและเหยียนอวี่เดินมา จึงยิ้มเล็กน้อยแล้วชี้ไปทางชามด้านข้าง“พวกเจ้าช่วยหยิบชามมาอีกสองใบ”เดิมงานเช่นนี้ให้ฉู่จวินสิงทำก็ได้ แต่บังเอิญสองคนนี้ยืนอยู่ข้างโต๊ะนางจึงให้พวกเขาช่วยเหลือเล็กน้อยเหยียนซวงดีใจยิ่งที่จะได้ทำอะไรเพื่อเจี่ยนอันอันบ้าง นางจึงรีบไปเอาชามสองใบมาให้เจี่ยนอันอันทันทีเหยียนอวี่ก็กำลังคิดจะไปหยิบ แต่ถูกพี่สาวชิงตัดหน้าเสียก่อนเขาจึงชักมือกลับ ยืนอยู่ด้านข้างไม่พูดจา สายตายังคงจับจ้องที่ร่างของเจี่ยนอันอันเจี่ยนอันอันรับเอาชามมา พร้อมเอาเตาต้มยามาอยู่ใกล้ แล้วรินยาในนั้นออกมาบอกให้เหยียนซวงนำชามไปวางไว้มุมหนึ่ง รอผึ่งให้เย็นเหยียนซวงกำลังจะรับชามยา ครั้งนี้เหยี่ยนอวี่รีบยื่นมือออกไป ชิงรับไปเสียก่อนมุมปากเหยียดขึ้นเล็กน้อย การได้ทำงานเพื่อเจี่ยนอันอัน เป็นสิ่งที่เขายินดีอย่างยิ่งเหยียนอวี่เดินไปที่ห้องครัว วางชามยาลงที่โต๊ะหินหันกลับมากล่าว “แม่นางเจี่ยน หากมีอะไรให้ข้ารับใช้อีก เชิญสั่งมาได้เลย”เจี่ยนอันอันโบกมือ “ตอนนี้ยังไม่มีสิ่งใดให้ทำ พวกเจ้าไปรอข้าที่เรือนก่อน”เดิมเหยียนอวี่ยังคิดว่าจะได้อยู่รับใช้เจี่ยนอัน
เหยียนซวงกล่าวอย่างเคร่งขรึม “ข้าจะรีบไปหาเงิน แล้วนำห้าสิบตำลึงชดใช้คืนให้ถังหมิงเซวียน”เจี่ยนอันอันไม่คิดก้าวก่าย เพราะถึงอย่างไรก็เป็นเรื่องส่วนตัวของเหยียนซวง ปล่อยให้นางจัดการเองจะดีกว่าส่วนพี่ใหญ่นั้น นางย่อมรู้นิสัยของเขาดีพี่ใหญ่ไม่นิยมใกล้ชิดอิสตรี หญิงสาวโดยทั่วไปแทบไม่เคยอยู่ในสายตาเขาเลยเจี่ยนอันอันมองดูใบหน้าแน่วแน่ของเหยียนซวง จึงได้แต่ยิ้มและไม่พูดอะไรอีกเหยียนซวงเป็นคนเถรตรง ว่าไปก็นับว่าถูกชะตากับนางอีกทั้งเหยียนซวงพอรู้วรยุทธ์ เวลาทำงานไม่เคยอิดออด ข้อนี้นับว่าเหนือกว่าเจียงหว่านเอ๋อร์มากนักตอนนี้ก็ดูเพียงว่าเหยียนซวงจะเอาชนะความเย็นชาของพี่ใหญ่ได้หรือไม่?เจี่ยนอันอันก็อยากรู้เหมือนกัน ว่าวันหน้าพวกเขาจะมีความสัมพันธ์ในแง่ไหนส่วนถังหมิงเซวียนนั้น นางกลับคิดว่าเขายังไม่เป็นผู้ใหญ่พอจึงดูไม่คู่ควรกับเหยียนซวงเมื่อนึกถึงตรงนี้ เจี่ยนอันอันจึงได้ถาม “เจ้าคิดจะใช้วิธีใดไปหาเงิน?”นางเป็นห่วงเรื่องนี้มากกว่า เพราะยามนี้เหยียนซวงยังพำนักอยู่ในหมู่บ้านชิงสุ่ยหากนางคิดหาเงินจริง ก็ต้องไปอำเภอไถหยางระยะทางไปกลับค่อนข้างไกลอยู่ ดีที่นางได้ซื้อรถม้าไว้ค
เหยียนอวี่คิดด้วยความตื้นตัน เจี่ยนอันอันช่างดีต่อพวกเขาสองพี่น้องนักหญิงสาวที่ดีเลิศถึงเพียงนี้ เหตุใดจึงได้แต่งงานเร็วนักนะ?หากมาแต่งงานกับเขาแทน คงจะดีไม่น้อยเจี่ยนอันอันปรายตามองดูเหยียนอวี่ พลางกล่าวสัพยอก “เจ้าอ้าปากกว้างมากกว่านี้ คางคงยื่นถึงพื้นแล้วกระมัง”เหยียนอวี่เพิ่งตั้งสติกลับมา แล้วรีบหุบปากเร็วพลันแต่สายตาที่จ้องมองเจี่ยนอันอันนั้นมีความแน่วแน่มากขึ้นความตั้งใจที่อยากแต่งงานกับนางก็มากขึ้นเป็นทวีคูณยามนี้เขารอเพียงเมื่อใดเจี่ยนอันอันจะมองเห็นความดีของเขา แล้วเลิกรากับฉู่จวินสิง จากนั้นก็มาแต่งงานกับเขาแทนเจี่ยนอันอันไม่รู้ทันความคิดของเหยียนอวี่ แต่หากนางรู้เข้า คงได้หัวเราะจนฟันร่วงแน่เพราะนางเห็นเหยียนอวี่เป็นเพียงอดีตผู้ป่วยคนหนึ่ง ไม่ได้คิดเลยเถิดกับเขาแม้แต่น้อยเหยียนซวงตั้งสติกลับมา พลางรีบขอบคุณเจี่ยนอันอันเป็นอย่างมาก“อันอัน เจ้าช่างดีต่อข้าและเหยียนอวี่นัก จนข้าไม่รู้จะตอบแทนอย่างไรดี”เหยียนซวงไม่เคยคาดคิดว่า เงินที่หามาได้จะต้องแบ่งหกสี่กับเจี่ยนอันอันนางรู้เพียงหาเงินได้ครบห้าสิบตำลึงเมื่อใด เอาไปคืนให้ถังหมิงเซวียนก็เพียงพอแล้วหลั
เจี่ยนอันอันกล่าวยิ้มๆ “ผ้าพวกนั้นล้วนได้มาจากจวนกั๋วกง”“ท่านพ่อไร้ยางอายของข้าให้ข้าออกเรือนแทนน้องสาว แม้แต่ผ้าสักผืนยังไม่ยอมให้ข้า”“ท่านก็รู้นิสัยข้าดี ผู้ใดดีต่อข้า ข้าจะตอบแทนเป็นร้อยเท่า แต่หากผู้ใดทำไม่ดี ข้าจะเอาคืนเป็นพันเท่าเช่นกัน”“ผ้าเหล่านี้จึงถือเป็นสินสมรสของข้า ในเมื่อท่านพ่อไร้ยางอายไม่ยอมให้ข้าสักผืน ถ้าเช่นนั้นข้าจึงขนมาทั้งหมด”สายตาที่ฉู่จวินสิงมองเจี่ยนอันอัน ยิ่งเพิ่มความรักมากขึ้นอีกนิสัยบุญคุณต้องทดแทน แค้นต้องชำระของนาง ในสายตาฉู่จวินสิงช่างน่ารักเป็นที่สุดและเจี่ยนกั๋วกงในสายตาของฉู่จวินสิง ก็ไม่เคยมีภาพลักษณ์ที่ดีเลยสมัยก่อนเจี่ยนกั๋วกงทำตัวสนิทสนมใกล้ชิดกับฉู่ชางเหยียนเป็นอย่างมาก ซ้ำยังมุ่งมั่นหนุนให้เขาได้ขึ้นครองราชย์บัดนี้ฉู่ชางเหยียนได้บรรลุเป้าหมายแล้ว คาดว่าเจี่ยนกั๋วกงน่าจะได้ผลตอบแทนไม่น้อยแต่เจี่ยนกั๋วกงก็ได้ทำความดีอยู่เรื่องหนึ่ง ก็คือยกเจี่ยนอันอันให้แต่งงานกับเขาฉู่จวินสิงเห็นปากบางของเจี่ยนอันอันยังคงเจื้อยแจ้วไม่หยุด จึงรีบดึงตัวนางมาเข้าใกล้โดยไม่สนใจรอบข้าง พร้อมประทับจุมพิตลงไป“อึ้ม...”เจี่ยนอันอันยังพูดไม่จบดี กลั
งูดำอีกตัวเตรียมจะพุ่งเข้าฉกร่างกายของฉู่จวินสิง แต่กลับถูกเขาจับเข้าที่ตำแหน่งหัวใจของมันงูดำไร้เรี่ยวแรงที่จะต่อต้าน ได้แต่ปล่อยให้ฉู่จวินสิงจับตัวไว้ พร้อมฟาดกับพื้นรุนแรงซ้ำผลก็คืองูตัวที่สามก็ขดตัวเป็นวงกลมเช่นกัน และแน่นิ่งไร้การขยับเขยื้อนอีกจนถึงเวลานี้ เจี่ยนอันอันจึงกล้าเดินมาใกล้นางก้มลงไปพิจารณางูดำทั้งสามตัว จึงพบว่าพวกมันล้วนตายด้วยน้ำมือฉู่จวินสิงทั้งสิ้นสายตาที่นางจ้องมองฉู่จวินสิงจึงเพิ่มความชื่นชมขึ้นมาอีกปกติเจี่ยนอันอันไม่กลัวฟ้าไม่กลัวดิน แต่กลัวงูตัวใหญ่สีดำประเภทนี้ที่สุดหากไม่เพราะมีฉู่จวินสิงตามมาด้วย ป่านนี้นางคงกลัวจนยืนตัวแข็งไปแล้วเจี่ยนอันอันจับงูดำขึ้นมาตัวหนึ่ง พร้อมบีบที่หัวมัน บังคับให้อ้าปากกว้างเขี้ยวแหลมคมสองซี่ปรากฏออกมาในบัดดล ดูแล้วยังคล้ายเคลือบด้วยพิษร้ายแรงอีกเจี่ยนอันอันกำลังคิดหนักอยู่ว่าจะหาอะไรมาปรุงยาพิษดี เขี้ยวพิษของงูสามตัวนี้ มาได้จังหวะเหมาะมาก“วันนี้มาเจอสามีของข้า นับว่าพวกเจ้าเคราะห์ร้ายเอง”เจี่ยนอันอันกล่าว พลางดึงเขี้ยวพิษของงูออกมา ใส่ลงในขวดเล็กและใช้วิธีเดียวกัน ถอนเขี้ยวพิษจากงูอีกสองตัว ใส่ลงในขวดก
“พี่รอง ท่านคิดกลับไปเมืองจิงโจวจริงรึ? แต่พวกเราถูกเนรเทศมาอยู่เมืองอินเป่ย จะไม่อาจไปไหนได้อีก แล้วท่านจะกลับไปได้อย่างไร?”“อีกอย่างฮ่องเต้ต้องส่งทหารมาเฝ้าประตูเมืองจิงโจวไว้ หากท่านกลับไปเช่นนี้ อาจถูกคนของฮ่องเต้พบเห็นเข้า”“แล้วถึงตอนนั้น ท่านอาจไม่ได้รอดชีวิตกลับมาอีก”ฉู่อันเจ๋อเพิ่งกล่าวจบ กลับถูกฉู่จวินหลุนตบเข้าที่ท้ายทอยอย่างแรง“อย่าพูดเหลวไหล พี่รองเจ้าไม่ตายง่ายๆ หรอก”ฉู่อันเจ๋อกุมท้ายทอยที่ถูกตีจนเจ็บ พลางก้มหน้าก้มตาไม่กล้าพูดจาอีกฟางอิ๋งนึกถึงเมื่อคืนวันก่อน ฉู่จวินสิงไปที่ห้องของนางกับฉู่จวินหลุนคาดว่าสองคนคงจะหารือเรื่องนี้กระมังตอนนั้นฉู่จื่อซีได้นอนหลับไปแล้ว จึงไม่ได้ยินการพูดคุยของพวกเขาส่วนฟางอิ๋งก็ออกจากห้องไปอย่างรู้กาลเทศะ ไม่ได้ยินสิ่งที่พวกเขาพูดคุยเช่นกันที่แท้ฉู่จวินหลุนรู้แต่แรกแล้วว่า ฉู่จวินสิงมีความคิดจะกลับไปเมืองจิงโจวอีกซึ่งนอกจากเจี่ยนอันอันและฉู่จวินสิงเองแล้ว ผู้อื่นล้วนไม่เห็นด้วยกับเรื่องนี้ฉู่จวินหลุนก็เป็นห่วงว่าการไปของฉู่จวินสิงครั้งนี้ จะเสี่ยงเกินไปหรือไม่แต่เขาก็รู้นิสัยฉู่จวินสิงดี สิ่งที่เขาคิดจะทำ อย่างไรก็ต้อ
ฮูหยินรองเห็นฮูหยินใหญ่มีสีหน้ากลัดกลุ้ม แต่นางก็ไม่รู้จะปลอบใจอย่างไรเพราะหากตอนนี้เป็นนาง ก็คงห่วงใยความปลอดภัยของฉู่อันเจ๋อเช่นกันดีที่การไปเมืองจิงโจวครั้งนี้ ฉู่อันเจ๋อไม่คิดติดตามไปด้วยข้อนี้จึงทำให้ฮูหยินถอนหายใจโล่งอกหน่อยเจี่ยนอันอันกลับมาที่ห้อง และแวะไปดูห้วงมิติเห็นยาวิเศษสามเม็ดนั้นยังคงอยู่ในระหว่างเพิ่มสรรพคุณอยู่และตอนนี้ดูแล้ว ปุบปับคงยังไม่อาจปรุงได้สำเร็จเมื่อครู่หลังจากกินข้าวเสร็จ นางนำยาถอนพิษที่ปรุงออกมาวันนี้ แจกจ่ายให้แก่ทุกคนพร้อมบอกทุกคนว่า ถ้ากู้มั่วหลีคิดมาวางยาพวกเขาอีก ก็ให้กินยาถอนพิษที่อยู่ในขวดเสียและยาตัวนี้จะกินมากก็ไม่ได้ ครั้งละหนึ่งเม็ดก็เพียงพอกินมากไปจะเป็นผลเสียต่อสุขภาพมากกว่า......ยามนี้กู้มั่วหลีกำลังนั่งขัดสมาธิอยู่บนเตียง รอยแผลที่หน้าผากได้ตกสะเก็ดแล้วใบหน้าอันหล่อเหลานั้น เพราะมีรอยแผลนี้ จึงกลายเป็นตำหนิที่ทำให้ไม่สมบูรณ์แบบค่ำคืนเงียบสงัด มีเพียงเสียงหรีดหริ่งเรไรนอกหน้าต่างเท่านั้นไม่นานพลันได้ยินเสียงฝีเท้าแผ่วเบา และมีเงาคนปรากฏที่หน้าประตู“คุณชายกู้ ข้าเข้าไปได้หรือไม่?”ร่างกายเจี่ยนหลิงเยว่เพิ่งได
ทั้งสองคนลงจากหลังม้า นำม้าไปผูกไว้กับต้นไม้ใหญ่ แต่ในจังหวะที่กำลังจะไปจวนเป่าเซวียน พวกเขาก็เห็นรถม้าหลายคันทยอยกันมาหยุดจอดหน้าจวนเป่าเซวียนผู้คนที่ลงมาจากรถม้าล้วนแล้วแต่แต่งกายด้วยอาภรณ์หรูหราดูจากการแต่งกายของพวกเขาแล้วน่าจะไม่ใช้ข้าราชการ ดูคล้ายพ่อค้ามากกว่าไม่รู้เหมือนกันว่าที่จวนเจ้าเมืองกำลังมีงานอะไร ถึงได้มีคนมาเยอะขนาดนี้คนเหล่านั้นเดินไปที่ประตูแล้วนำเทียบเชิญออกมาจากอกเสื้อพ่อบ้านยิ้มกว้างทันทีที่เห็นเทียบเชิญเขาประสานมือพูดว่า “รีบเชิญด้านใน ใต้เท้ารออยู่นานแล้ว”พ่อค้าเหล่านั้นประสานมือตอบก่อนจะสืบเท้าเข้าไปดูเหมือนว่า หากพวกเจี่ยนอันอันจะเข้าไปในจวนเป่าเซวียนก็จำเป็นต้องมีเทียบเชิญเจี่ยนอันอันกับฉู่จวินสิงสบตากัน ทั้งสองท่องในใจทันทีว่าล่องหนครานี้ก็จะไม่มีผู้ใดสังเกตเห็นหรือมองเห็นพวกเขาแล้ว เลือนหายไปในอากาศภายในเสี้ยวพริบตาทั้งสองเดินวางมาดกรีดกรายเข้าไปต่อหน้าต่อตาพ่อบ้านจังหวะที่ทั้งสองคนเดินผ่านพ่อบ้าน พ่อบ้านก็ได้กลิ่นหอมของอะไรบางอย่างนั่นเป็นกลิ่นที่มีเพียงสตรีเท่านั้นที่จะแผ่ออกมาได้เขามองรอบทิศ นอกจากพ่อค้าไม่กี่คนที่เพิ่งเข้าไปแ
“พวกข้ากินมาแล้ว เจ้าเฝ้าศพต่อเถิด”เจี่ยนอันอันพยักหน้ายิ้มให้หม่าจั๋วหม่าจั๋วขานรับแล้วนั่งคุกเข่าอีกครั้งเจี่ยนอันอันนำอาหารที่พกมาด้วยออกมาจากห้วงมิติเคราะห์ดีที่อาหารพวกนี้ถูกเก็บไว้ในห้วงมิติ ไม่ต้องกลัวว่าจะเสียเมื่อครู่นี้นางได้ยืมใช้ห้องครัวของบ้านพ่อแม่หม่าจั๋วในการอุ่นอาหารนางกับฉู่จวินสิงทำความเคารพให้ร่างทั้งสองที่อยู่ในโลงศพ “รบกวนแล้ว”จากนั้นนั่งลงข้างหม่าจั๋วฉู่จวินสิงพูดกับหม่าจั๋ว “เจ้ากินข้าวก่อน ประเดี๋ยวข้ามีเรื่องจะคุยด้วย”หม่าจั๋วมองอาหารเบื้องหน้าด้วยสีหน้างุนงง คิดในใจว่าอาหารพวกนี้มาจากที่ใด?เขาไม่เห็นว่าเจี่ยนอันอันจะถือกล่องอาหารมาด้วยแต่อย่างใด ทว่าอาหารพวกนี้กลับโผล่ออกมาจากอากาศฉู่จวินสิงเห็นหม่าจั๋วมองอาหารบนพื้นด้วยความงุนงงก็แต่งเรื่องโกหกว่าบอกว่าเขามอบถุงเฉียนคุนที่สามารถเก็บทุกอย่างให้เจี่ยนอันอัน และอาหารพวกนี้ก็ถูกเก็บในถุงเฉียนคุนหม่าจั๋วเข้าใจโดยพลัน คิดในใจว่ามิน่าเล่า ท่านอ๋องกับพระชายาถึงได้บอกว่ากินอาหารมาแล้วเขาไม่ได้ปฏิเสธอีกต่อไป หยิบชามกับตะเกียบขึ้นมาทานอาหารเขาทานอาหารเสร็จอย่างรวดเร็ว เจี่ยนอันอันเก็บกล่อง
เจี่ยนอันอันเห็นฉู่จวินสิงขมวดคิ้วแน่นก็รู้ว่าเขากำลังคิดอะไรเจี่ยนอันอันถาม “บุตรชายของท่านถูกเจ้าหน้าที่คนใดทำร้าย?”หวังโหย่วเหอตอบโดยพลัน “บุตรชายของข้าถูกเจ้าหน้าที่เมืองหลี่จงทำร้าย ที่นั่นเป็นสถานที่จัดสอบจอหงวน”“เจ้าหน้าที่ที่นั่นไม่ฟังคำอธิบายของบุตรชายข้า ยืนกรานว่าเขาเป็นผู้ที่มาแอบอ้างคนอื่น”หวังโหย่วเหอกัดฟันพูดต่อเมื่อเล่าถึงตรงนี้ “ข้าได้ยินบุตรชายเล่าว่า ผู้ที่มาแทนที่เขาวางตัวเย่อหยิ่งอวดดีมาก ซ้ำยังบอกว่าบิดาของตนของเจ้าหน้าที่ทางการของที่ใดสักที่”“เจ้าหน้าที่ทางการพวกนั้นไม่กล้าทำอะไรเขา ทำยังลืมตาข้างหนึ่ง หลับตาข้างหนึ่งต่อเรื่องที่เขาโกงการสอบ”หวังโหย่วเหอเล่าถึงตรงนี้ก็โกรธจนตัวสั่นเทิ้มเขาโกรธที่ตัวเองไม่ใช่เจ้าหน้าที่ทางการ ทำให้บุตรชายต้องมีจุดจบที่น่าเวทนาเช่นนี้ เจี่ยนอันอันไตร่ตรองครู่หนึ่งก่อนจะพูดกับหวังโหย่วเหอ “ท่านกลับบ้านไปก่อน ขอเวลาพวกข้าคิดหาวิธีรับมือสักพัก”หวังโหย่วเหอเช็ดน้ำตาบนใบหน้า เขาโค้งคำนับให้ทั้งสองก่อนจะหันตัวเดินจากไปฉู่จวินสิงปิดประตูลงแล้วกลับไปนั่งที่เก้าอี้หินเขากำหมัดแน่น ไอเย็นแผ่ซ่านออกมารอบกายเป้าหมายของก
สีหน้าของฉู่จวินสิงยังคงเย็นชา ไม่ได้ลดความระแวดระวังลงเพราะอีกฝ่ายเป็นชาวบ้านที่นี่แต่อย่างใด“เจ้ามีธุระอะไรกับข้า?”บุรุษผู้นี้เห็นว่าฉู่จวินสิงคือเยียนอ๋องจริงๆ ก็ทิ้งตัวคุกเข่ากับพื้นโดยพลันเขาชูกระดาษในมือขึ้นเหนือศีรษะ ปากร้องว่า “ขอให้เยียนอ๋องช่วยล้างแค้นให้กับลูกชายข้าด้วยเถิด!”บุรุษผู้นี้พูดจบแล้วมีน้ำตาสองสายไหลออกมาฉู่จวินกับและเจี่ยนอันอันต่างก็ตกใจกับการกระทำของบุรุษผู้นี้ นี่เขากำลังทำอะไร?ฉู่จวินสิงรับกระดาษมากางออก ในนั้นเขียนไว้ว่า‘บุตรของข้าหวังหวยซู เดิมแล้วสอบได้ตำแหน่งจอหงวน แต่กลับถูกสวมรอยหลังจากที่หวังหวยซูทราบเรื่องก็ได้ไปต่อว่าคนที่สวมรอยทว่ากลับถูกเจ้าหน้าที่ทางการมองว่าเขาอยากได้ตำแหน่งจ้วงหยวนมากจนมาแอบอ้างตำแหน่งของคนอื่นหวังหวยซูถูกเจ้าหน้าที่ทางการทำร้ายบาดเจ็บสาหัสสุดท้ายก็สอบไม่ผ่าน หลังจากที่ถูกคนในหมู่บ้านพาตัวกลับมาก็เศร้าหมองทุกข์ระทมเขารับความจริงเรื่องนี้ไม่ไหว กระโดดน้ำจบชีวิตในท้ายที่สุดขอให้ใต้เท้าช่วยคืนความเป็นธรรม กลับคำพิพากษา จับกุมคนร้าย คืนเกียรติยศให้กับหวังหวยซู’บริเวณท้ายกระดาษมีชื่อกับรอยประทับฝ่ามือของชา
เพื่อความปลอดภัยของแคว้นไท่ยวนแล้ว ท่านอ๋องฝ่าอันตรายเสี่ยงชีวิตสังหารศัตรูในสนามรบแต่แล้วเมื่อกลับถึงเมืองหลวงจิงโจวกลับถูกยึดทรัพย์และเนรเทศตอนนี้หม่าลู่ผู้เป็นพี่ชายของเขาก็กำลังถูกทหารไล่สังหาร นี่ยิ่งทำให้หม่าจั๋วขบเขี้ยวเคี้ยวฟันถูกความโกรธแค้น อยากจะสังหารฮ่องเต้สุนัขให้รู้แล้วรู้รอดบัดนี้เขาเหลือหม่าลู่เป็นครอบครัวเพียงคนเดียว มันทำให้เขาอยากรีบตามหาหม่าลู่ให้พบอยากตามเยียนอ๋องกลับไปที่เมืองหลวงจิงโจวเมื่อคิดถึงตรงนี้ หม่าจั๋วก็พูดว่า “เยียนอ๋อง ไม่ว่าตอนนี้ท่านจะมีสถานะอะไร ท่านก็เป็นเยียนอ๋องสำหรับข้าเสมอ”“ถัดจากนี้พวกเราจะทำอย่างไร จะกลับไปที่เมืองหลวงจิงโจวหรือไม่?”ฉู่จวินสิงไตร่ตรองก่อนจะตอบว่า “ตอนนี้ยังกลับไปไม่ได้ ข้าจำเป็นต้องรวบรวมกำลังให้พร้อมก่อนจึงจะกลับไปได้”“เรื่องนี้ต้องค่อยๆ ปรึกษากันให้ดีก่อน สิ่งที่สำคัญที่สุดตอนนี้คือตามหาพี่ชายของเจ้ากับผู้ใต้บังคับบัญชาคนอื่นๆ ให้เจอ”หม่าจั๋วถอนหายใจ ท่ามกลางฝูงชนมากมายขนาดนี้ เขาจะไปตามหาพี่ชายกับคนอื่นที่เหลือจากที่ใด“ไม่รู้ว่าพี่ใหญ่กับพวกเฉินเช่อหนีไปอยู่ที่ใด”หม่าจั๋วพูดจบก็ถอนหายใจเฮือกใหญ่อีกคร
อีกอย่าง ลานบ้านที่นี่ก็ไม่ได้ใหญ่ เพียงพอแค่สำหรับวางโต๊ะหินหนึ่งตัวกับเก้าอี้อีกสองสามตัวไม่มีที่ว่างสำหรับม้าสองตัวทั้งสองคนก้าวเข้าไปในบ้าน เจี่ยนอันอันได้กลิ่นอับชื้นฉุนจมูกทันทีภายในห้องมืดสนิท ไม่มีแม้แต่หน้าต่างที่จะช่วยให้อากาศถ่ายเทครั้นลองลูบเครื่องนอนบนเตียงก็พบว่าพวกมันเปียกชื้นและขาดหลุดลุ่ย ไม่รู้ว่าพ่อแม่ของหม่าจั๋วอยู่ที่นี่ได้อย่างไรเห็นได้ว่าครอบครัวของพ่อแม่หม่าจั๋วยากจนมากผู้อาวุโสทั้งสองน่าจะล้มป่วยมานานแต่ไม่มีเงินรักษา ด้วยเหตุนี้จึงได้จากโลกนี้ไปทั้งคู่เจี่ยนอันอันเดินออกจากบ้านไปดูด้านนอกนางจำได้อย่างรวดเร็วว่าที่นี่เป็นหมู่บ้านที่นางกับฉู่จวินสิงเคยมาด้วยกันก่อนหน้านี้แต่ที่นางรู้สึกแปลกก็คือ เหตุใดหมู่บ้านนี้จึงไม่มีผู้ใดออกมาเดินข้างนอกเลย?ในละแวกใกล้เคียงนี้ไม่มีความเคลื่อนไหวแม้แต่น้อย เสมือนเป็นหมู่บ้านร้างก็มิปานเจี่ยนอันอันเพิ่งจะมีความคิดเช่นนี้ ภายในบ้านฝั่งตรงข้ามก็มีความเคลื่อนไหวมีเสียงฝีเท้าแผ่วเบาดังขึ้น ตามมาด้วยประตูบ้านแง้มเปิด ดวงตาคู่หนึ่งมองลอดผ่านรอยแยกออกมาเจ้าของดวงตาผงะเล็กน้อยเมื่อเห็นเจี่ยนอันอันเขาปิดประต
พระชายาเยียนอ๋องท่านนี้ทำให้ศพจำนวนมากขนาดนั้นสลายกลายเป็นน้ำได้อย่างไรกัน?ผงที่นางโปรยเมื่อครู่นี้คืออะไรกัน ดูเหมือนจะทรงพลังมากหรือว่าพระชายาเยียนอ๋องจะเป็นหมอเทวดาชื่อดังแต่เหตุใดเขาจึงไม่เคยได้ยินมาก่อนว่าเมืองหลวงจิงโจวมีหมอเทวดาที่วิชาแพทย์ปราดเปรื่องขนาดนี้ด้วย?เจี่ยนอันอันยืนอยู่ด้านนอก ทว่าภายในใจกลับกำลังกลุ้มอกกลุ้มใจกับอีกเรื่องตามหลักแล้ว ยาเม็ดเคลื่อนย้ายภายในเสี้ยวพริบตาของนางนั้นเลื่อนระดับแล้วนางกับฉู่จวินสิงควรจะไปปรากฏตัวเบื้องหน้าผู้ใต้บังคับบัญชาทั้งหลายจึงจะถูกทว่าคนที่พวกนางได้พบเป็นคนแรกกลับเป็นหม่าจั๋ว น้องชายของหม่าลู่นี่มันเกิดอะไรขึ้น?หรือว่าระดับที่เพิ่มขึ้นของยาเม็ดจะยังไม่สูงพอ?แต่แบบนี้ก็ดีเหมือนกัน อย่างน้อยก็ได้พบกับผู้ใต้บังคับบัญชาอีกคนของฉู่จวินสิงฉู่จวินสิงเห็นเจี่ยนอันอันเอาแต่ก้มหน้า ไม่รู้ว่ากำลังคิดอะไรเขาเอ่ยปากถาม “เจ้าคิดอะไรอยู่หรือ?”เจี่ยนอันอันค่อยเงยหน้ามองฉู่จวินสิงประเดี๋ยวนี้เอง“ท่านพี่ คนผู้นี้ก็เป็นผู้ใต้บังคับบัญชาของท่านใช่หรือไม่ แต่เหตุใดจึงไม่มีชื่อของเขาอยู่ในรายชื่อที่ท่านพูดถึงก่อนหน้านี้?”ฉู่จ
เจี่ยนอันอันส่งยิ้มพลางพยักหน้าให้กับหม่าจั๋ว “สวัสดี ข้ามีนามว่าเจี่ยนอันอัน!”หม่าจั๋วตกใจผงะเมื่อได้ยินชื่อของเจี่ยนอันอันเขาจำได้ว่าฮ่องเต้เคยมีราชโองการมอบบุตรสาวคนรองของเจี่ยนกั๋วกงให้แต่งงานกับท่านอ๋องแต่บุตรสาวคนรองของเจี่ยนกั๋วกงไม่ได้ใช้ชื่อนี้หรือว่าท่านอ๋องจะแต่งงานกับบุตรสาวจากตระกูลอื่น?นับตั้งแต่ที่หม่าจั๋วหนีจากสนามรบก็ไม่ได้กลับไปที่เมืองหลวงจิงโจวอีกเขาซ่อนตัวอยู่ข้างนอกมาโดยตลอด ถูกทหารไล่สังหารอยู่บ่อยครั้งด้วยเหตุนี้เขาจึงไม่รู้อะไรทั้งนั้น ไม่รู้ว่าฉู่จวินสิงแต่งงานกับเจี่ยนอันอัน ทั้งยังถูกยึดทรัพย์และเนรเทศแต่ที่เขาคิดไม่ถึงก็คือ ฉู่จวินสิงจะพาฮูหยินของตัวเองมาที่ศาลบรรพชนของครอบครัวเขาเขาไม่เห็นว่าหม่าลู่ผู้เป็นพี่ชายจะติดตามมาด้วยแต่อย่างใด ภายในใจรู้สึกสังหรณ์ใจไม่ดีหม่าจั๋วรีบถาม “ท่านอ๋อง ไม่ทราบว่าพี่ชายของข้า หม่าลู่ เป็นอย่างไรบ้าง?”ฉู่จวินสิงกำลังจะตอบว่าเขาก็ไม่รู้เช่นกันว่าหม่าลู่เป็นอย่างไรแล้วจู่ๆ ก็มีเสียงฝีเท้าดังมาจากนอกเรือนหม่าจั๋วรีบเก็บกระบี่จากพื้น มองไปที่ประตูเรือนด้วยความตื่นตัวไม่นานก็มีเสียงคนถีบประตู ตามมาด้ว
จนกระทั่งม้าที่เจี่ยนอันอันขี่อยู่ได้กลิ่นควันของกระดาษเงินกระดาษทองที่กำลังเผา มันอดไม่ได้ที่จะจามออกมาเสียงดังชายหนุ่มพลันคว้ากระบี่ข้างกายขึ้นมาด้วยสีหน้าตื่นตัว หันมองไปยังเบื้องหลังทว่าไม่มีผู้ใดเลยแม้แต่คนเดียว ในศาลบรรพชนแห่งนี้ นอกจากเขาแล้วก็ไม่มีแม้แต่เงาของผู้ใดชายหนุ่มลอบถอนหายใจด้วยความโล่งอก อย่างน้อยก็ไม่มีทหารที่ถูกส่งมาไล่ล่าทว่าในตอนที่เขาหันหน้ามานั้น เจี่ยนอันอันกลับต้องสะดุ้งในใจเมื่อได้เห็นใบหน้าของเขาครึ่งหนึ่งบนใบหน้าของชายหนุ่ม ผิวหนังส่วนหนึ่งหลอมละลายจนติดกันบางจุดยังมีน้ำหนองไหลออกมา ดูน่าสะพรึงกลัวยิ่งนักเจี่ยนอันอันคิดในใจว่า ชายผู้นี้คงเคยถูกไฟคลอกมาก่อน และไม่ได้รับการรักษาอย่างทันทวงทีเขาคุกเข่าอยู่ในศาลบรรพชนด้วยใบหน้าเช่นนี้ เกรงว่าหากบิดามารดาในโลงศพของเขาได้เห็นเข้าก็คงจะตกใจจนสะดุ้งลุกขึ้นมาเป็นแน่เมื่อฉู่จวินสิงเห็นใบหน้าของชายผู้นี้ คิ้วของเขาขมวดเข้าหากันแน่นกว่าเดิมบัดนี้ ฉู่จวินสิงและเจี่ยนอันอันยังคงอยู่ในสภาวะล่องหนทำให้ชายหนุ่มไม่อาจล่วงรู้ถึงการมาของพวกเขา“เหตุใดจึงเป็นเขา?” ฉู่จวินสิงเผลอพึมพำออกมาเจี่ยนอันอันมอง