ฉู่จวินสิงกำลังจะไล่ตามไปแต่กลับถูกเจี่ยนอันอันห้ามไว้“ก่อนหน้านี้เจ้าหมอนี่คิดจะปล้นชิงเงินของข้า ครั้งก่อนไม่ได้ฆ่าเขาให้ตาย ปล่อยให้มีชีวิตต่อสักสองสามวัน”“ครานี้ก็มอบให้ข้าจัดการเองเถิด วันนี้ต้องฆ่าเขาให้ได้”เจี่ยนอันอันว่าจบก็ขว้างกริชไปที่คอของหนิงเจิ้นหนิงเจิ้นวิ่งเร็วมาก แต่กลับไม่เร็วเท่าความเร็วของกริชเขาได้ยินเพียงเสียงลมหวีดหวิวด้านหลัง เพิ่งจะหันกลับไปดูว่ามีสิ่งใดลอยมาตัวกริชก็แทงเข้าไปในเส้นเลือดใหญ่ของเขาแล้วหนิงเจิ้นโงนเงนโซเซก่อนจะล้มลงกับพื้นโลหิตพวยพุ่งออกจากเส้นเลือดใหญ่ นอกจากนี้บนคมกริชก็ยังอาบด้วยยาพิษหนิงเจิ้นเบิกตาโพลง อ้าปากกว้างเพื่อออกแรงหายใจแต่เขาดิ้นรนได้แค่ไม่กี่ครั้งก็สิ้นใจลงเจี่ยนอันอันเดินเข้าไปชักกริชออกนางนำผ้าหยาบออกมาเช็ดเลือดให้สะอาดแล้วโยนผ้าทิ้งไว้บนใบหน้าของหนิงเจิ้นมันช่วยปิดดวงตาข้างที่เบิกโพลงของเขาได้อย่างพอดิบพอดีนางไม่ได้สนใจร่างของหนิงเจิ้น ไม่คิดที่จะเปลืองผงสลายศพกับเขาทั้งสองคนกลับไปที่รถม้า เวลานี้แม่นมหลี่มุดออกมาจากด้านใต้รถม้าแล้วแม่นมหลี่คุกเข่าดัง ‘ตุบ’ เบื้องหน้าทั้งสองคนอีกครั้ง“ขอบคุณท่าน
เจี่ยนอันอันพยักหน้า รอยยิ้มเหี้ยมโหดปรากฏบนใบหน้าอีกครั้ง“ตอนนี้เจ้าไม่มีประโยชน์อะไรแล้ว สามารถตายตามไปอยู่กับเตียวเฉียงและหนิงเจิ้นได้แล้วล่ะ”แม่นมหลี่ตื่นตกใจ นางกำลังจะพูดขอร้องอ้อนวอนแต่กลับรู้สึกเจ็บบริเวณคอกริชของเจี่ยนอันอันกรีดลงที่คอของแม่นมหลี่แม่นมหลี่อ้าปากกว้าง ดวงตาเบิกโพลงนางกุมลำคอหายใจเข้าลึกๆ เพียงไม่กี่ครั้งก็เอียงศีรษะสิ้นใจตายจงหลานที่นั่งอยู่บนรถม้าตกใจจนต้องรีบปิดตาเมื่อเห็นภาพนี้เจี่ยนอันอันไม่ได้สนใจจะจัดการศพของแม่นมหลี่ ปล่อยให้เน่าเปื่อยอยู่ที่นี่ไปนั่นแหละนางกับฉู่จวินสิงกลับขึ้นรถม้าและมุ่งหน้าสู่อำเภอไถหยางจงหลานคลายมือที่ปิดตาออก เมื่อมองไปที่เจี่ยนอันอัน ดวงตาของนางก็เปี่ยมด้วยความเลื่อมใสศรัทธานางรู้ว่าฉู่จวินสิงเก่งกาจมาก เคยได้ยินเวินอี๋พูดถึงความองอาจกล้าหาญของฉู่จวินสิงเวลาที่อยู่ในสนามรบนี่เป็นครั้งแรกที่นางได้เห็นฝีมือที่เยี่ยมยอดขนาดนี้ของเจี่ยนอันอันเมื่อครู่นี้กริชเล่มนั้นราวกับอยู่ในการควบคุมของเจี่ยนอันอันโดยสมบูรณ์ นางขว้างกริชออกไปแล้วสามารถควบคุมให้มันลอยกลับมาได้ลำพังเพียงภาพนี้ก็ทำให้จงหลานเกิดความนับถือแล้
นางมองพนักงานปราดหนึ่ง ตอนที่มาซื้อไม้ก่อนหน้านี้ นางไม่เคยพบพนักงานคนนี้มาก่อนเจี่ยนอันอันสุภาพมาก “ข้ารู้ว่าวันนี้มาค่อนข้างดึก แต่ข้าอยากซื้อไม้จำนวนหนึ่ง”“หากต้องรอถึงพรุ่งนี้ เกรงว่าข้าคงไม่มาซื้อแล้ว ไม่ทราบว่าช่วยผ่อนปรนให้ได้หรือไม่?”พรุ่งนี้นางต้องไปปลูกผักที่ทุ่งนา ไม่มีเวลามาที่นี่มากขนาดนั้นวันนี้อุตส่าห์มีเวลาว่างทั้งที ย่อมต้องซื้อของให้ได้เป็นธรรมดา“แต่ร้านของพวกข้าปิดแล้ว เอาไว้ค่อยมาใหม่วันหลังเถิด”พนักงานหัวแข็งเล็กน้อย เขามองว่า ในเมื่อร้านปิดแล้วก็ย่อมขายของให้ไม่ได้อีกหากสองคนนี้ต้องการซื้อไม้จริงๆ พรุ่งนี้มาใหม่ก็ยังไม่สายยิ่งไปกว่านั้น หากพวกเขาอยากซื้อขนาดนี้ เช่นนั้นเหตุใดไม่มาให้ไวหน่อย เหตุใดจึงมาในตอนที่ร้านปิดไปแล้วเถ้าแก่ร้านเลิกเปลือกตาขึ้นมองเมื่อได้ยินเสียงคนคุยกันวินาทีที่เห็นเจี่ยนอันอัน ดวงตาเขาต้องเป็นประกายโดยพลันนี่มันลูกค้ารายใหญ่ที่มาซื้อท่อนไม้ไปเยอะมากเมื่อสองวันก่อนมิใช่หรือ!น้อยมากที่จะมีคนจะซื้อท่อนไม้เยอะขนาดนี้ เจี่ยนอันอันไม่เพียงซื้อเป็นจำนวนมาก แต่ยังมือเติบมากด้วยเขาย่อมต้องจดจำเจี่ยนอันอันได้เป็นอย่างดีสอง
วันนี้ทั้งวันไม่มีคนมาซื้อไม้ ตอนที่คิดคำนวณเมื่อครู่ เขาต้องถอนหายใจในใจนึกไม่ถึงว่าในตอนที่ร้านกำลังจะปิด ลูกค้ารายใหญ่ก็จะนำเงินมามอบให้ถึงที่“ได้ขอรับๆ ข้าจะให้หลานชายไปขนไม้มาเดี๋ยวนี้”เถ้าแก่ว่าจบก็ถลึงตาใส่หลานห่างๆ ข้างกาย“มัวบื้ออะไรอยู่ รีบไปขนไม้ชั้นดีมาสิ”พนักงานลูบท้ายทอยที่ถูกตบจนเจ็บ เขาไม่กล้าพูดอะไรมาก ได้แต่วิ่งไปบนไม้จากลานด้านหลังสมองเขาไม่ค่อยฉลาดเฉลียว แต่มีเรี่ยวแรงไม่น้อยเลยสามารถแบกท่อนไม้สองท่อนได้ในคราเดียว“แม่นางเศรษฐินี ท่อนไม้ชั้นดียี่สิบแปดท่อนนี้คิดเป็นราคาทั้งหมดหนึ่งร้อยสามสิบห้าตำลึง”ก็แค่หนึ่งร้อยสามสิบห้าตำลึง สำหรับเจี่ยนอันอันมันน้อยนิดจนไม่มีค่าพอให้กล่าวถึงเจี่ยนอันอันนำตั๋วเงินหนึ่งร้อยตำลึงจำนวนหนึ่งแผ่นออกมาจากห้วงมิติ ตามด้วยหยิบเงินออกมาอีกสองก้อนเถ้าแก่เห็นว่าเจี่ยนอันอันนำเงินออกมาโดยไม่แม้แต่จะต่อรองราคาเขามีความสุขมากขึ้นกว่าเดิมสมแล้วที่เป็นลูกค้ารายใหญ่ แม้แต่ความเร็วในการจ่ายเงินก็ยังเร็วกว่าคนอื่นในตอนที่เจี่ยนอันอันจ่ายเงินให้เถ้าแก่ พนักงานคนนั้นก็คนไม้ออกมาแล้วสิบท่อนเจี่ยนอันอันคิดในใจ แม้ว่าคนผู้นี
แต่จ้าวลิ่วไม่ได้คิดมากขนาดนั้น เขารู้สึกว่าในเมื่อเจี่ยนอันอันจะให้พวกเขาสร้างเตียง เช่นนั้นก็ต้องจ่ายค่าแรงที่เหมาะสมให้อย่างแน่นอน ถึงแม้พวกเขาจะทำไม่เป็นแต่ก็สามารถฝึกกันได้จ้าวลิ่วตอบตกลงทันที “พวกข้าสองคนทำเป็นทุกอย่าง ท่านวางใจได้เลย”จ้าวลิ่วว่าจบก็หันไปขยิบตาให้จ้าวอู่จ้าวอู่พยักหน้าอย่างจนใจ น้องหกของเขาชอบเล่นชิงไหวชิงพริบโชคดีว่าเขาเรียนรู้ทุกอย่างได้ไว ประเดี๋ยวค่อยคิดหาวิธีตอนสร้างเตียงก็แล้วกันในเมื่อจ้าวลิ่วตอบตกลงไปแล้ว จ้าวอู่ย่อมพูดอะไรไม่ได้อีกเจี่ยนอันอันพาจ้าวอู่กับจ้าวลิ่วเดินไปทางบ้านตัวเองเมื่อครู่นี้นางเห็นแล้วว่าบ้านสร้างเสร็จแล้วตอนนี้ขาดแค่โรงเก็บของกับห้องใต้ดินคิดว่างานในส่วนของตัวบ้านน่าจะเสร็จงานได้ภายในวันนี้เมื่อกลับถึงบ้าน เจี่ยนอันอันก็ให้จ้าวอู่กับจ้าวลิ่วเริ่มงานทันทีจ้าวอู่เกาท้ายทอยถามอย่างไม่เป็นธรรมชาติ “แม่นางเจี่ยน ไม่ทราบว่าท่านต้องการสร้างเตียงแบบใด มีแบบหรือไม่?”เจี่ยนอันอันตบหน้าผากตัวเอง นางลืมเรื่องนี้ไปเลยหากอธิบายด้วยปากอย่างเดียว เกรงว่าสองคนนี้คงไม่เข้าใจว่านางต้องการเตียงแบบใดนางนำกระดาษกับพู่กันออกมาว
เจี่ยนอันอันยิ้มแล้วตอบว่า “นี่เป็นเมล็ดพันธุ์ปกติทั่วไป ข้าไปซื้อมาจากอำเภอไถหยาง”หลินเซิงมีสีหน้าไม่เชื่อเมล็ดพันธุ์จะโตไวขนาดนี้ได้อย่างไร หรือว่าที่นาของเจี่ยนอันอันปลูกอะไรก็จะโตไวหมด?เขาจำได้ว่าตอนที่เจี่ยนอันอันปลูกธัญญาหารก่อนหน้านี้ มันก็เติบโตไวมากเช่นกันเจี่ยนอันอันเห็นหลินเซิงยืนอยู่ตรงนั้นด้วยสีหน้าตกในก็พูดว่า “ความจริงแล้วเมล็ดพันธุ์ธรรมดามาก แต่น้ำนี้เป็นน้ำพุใส”หลินเซิงขานตอบว่า “อ้อ” แววตาฉายแววอิจฉาบ่อน้ำที่บ้านเขามีความเป็นด่างมากเกินไป ปลูกผักอะไรก็ไม่ขึ้นอย่าว่าแต่บ้านของเขาเลย น้ำทั้งหมู่บ้านชิงสุ่ยต่างก็มีความเป็นด่างค่อนข้างสูงกันทั้งนั้นพวกเขาปลูกได้แค่ธัญญาหาร แต่ปลูกผักไม่ได้สิ่งที่กินได้ก็มีเพียงผักป่าที่ขุดมาจากในดินหากบ้านพวกเขามีน้ำพุใสเช่นกันก็คงดีเจี่ยนอันอันมองเห็นถึงความอิจฉาภายในแววตาหลินเซิง นางรู้สึกขอบคุณสำหรับแม่ไก่สองตัวนั้นที่บ้านหลินนำมาให้ตอนนี้แม่ไก่สองตัวนั้นออกไข่ได้เจ็ดแปดฟองแล้วถึงเวลาที่ต้องส่งแม่ไก่คืนกลับไปแล้วเช่นกันเจี่ยนอันอันพูดกับหลินเซิง “ท่านพี่หลิน ช่วงนี้อาหรงเป็นอย่างไรบ้าง ไม่ได้ล้มป่วยอีกใช่หรื
เจี่ยนอันอันรีบกล่าวว่า “ท่านยายหลิน ไข่ไก่ของบ้านพวกข้ามีเพียงพอแล้ว ไม่ต้องให้เพิ่มแล้ว”“ยิ่งไปกว่านั้น ตอนนี้มีลูกไก่ฟักออกมาหลายตัวแล้ว ต่อไปที่บ้านข้าก็จะเลี้ยงไก่ได้แล้ว”ท่านยายหลินหยุดฝีเท้า เมื่อเห็นว่าเจี่ยนอันอันไม่ยอมรับ จึงต้องยอมล้มเลิกความตั้งใจเจี่ยนอันอันเดินมาที่ริมบ่อน้ำ มองดูน้ำในบ่อน้ำในบ่อมีไม่มากนัก เนื่องจากเมื่อวานฝนตก น้ำในบ่อจึงดูขุ่นมัวนางเอาน้ำพุวิญญาณออกมา แล้วแอบเทลงไปเล็กน้อยไม่นาน น้ำในบ่อที่เคยขุ่นมัวก็ค่อย ๆ ใสสะอาด และพลันไหลพุ่งขึ้นมาอย่างรวดเร็วน้ำในบ่อพุ่งขึ้นจนถึงขอบบ่อ แล้วจึงหยุดอยู่ตรงนั้นเจี่ยนอันอันแสร้งทำหน้าตกใจนางรีบหันกลับไป แล้วกล่าวกับคนตระกูลหลินว่า “พวกเจ้ามาดูเร็ว เมื่อครู่น้ำในบ่อพุ่งขึ้นมาเอง”เมื่อคนตระกูลหลินได้ยิน ต่างรีบวิ่งเข้ามาดูสิ่งที่เห็นก็เป็นดังที่เจี่ยนอันอันพูด น้ำในบ่อที่เกือบจะแห้งเหือด ตอนนี้กลับล้นจนเกือบไหลออกมานอกบ่อคนตระกูลหลินล้วนยินดีปรีดา สายตาที่มองเจี่ยนอันอันเปี่ยมไปด้วยความชื่นชมพวกเขาพากันพูดว่า เจี่ยนอันอันคือดาวนำโชคที่มาจุติตั้งแต่นางมาถึงหมู่บ้านชิงสุ่ย ฟ้าที่แห้งแล้งจนไม่ม
เมื่อได้ผลลัพธ์จากการทดลองครั้งนี้ เจี่ยนอันอันก็วางใจที่จะปลูกผักชนิดอื่นต่อไปเจี่ยนอันอันปลูกถั่วฝักยาว มะเขือ และพริกเพิ่มอีกหลังจากรดน้ำพุวิญญาณลงไป ไม่นานผักเหล่านี้ก็เริ่มงอกต้นอ่อนทั้งสองนั่งพักหลบแดดอยู่ใต้ต้นไม้ใหญ่ เจี่ยนอันอันเอนศีรษะพิงไหล่ของฉู่จวินสิง ดวงตาจับจ้องไปยังผักในแปลง“อันอันเหนื่อยหรือไม่?” ฉู่จวินสิงเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนเขายกมือขึ้นจัดเส้นผมที่ติดอยู่บนใบหน้าของเจี่ยนอันอันอย่างแผ่วเบา“ข้าไม่เหนื่อย ท่านพี่เหนื่อยหรือไม่?” เจี่ยนอันอันเงยหน้าขึ้นมองฉู่จวินสิงสายตาของฉู่จวินสิงเต็มไปด้วยความเอ็นดู เขาก้มศีรษะลง จุมพิตเบา ๆ บนริมฝีปากของเจี่ยนอันอัน“อันอันไม่เหนื่อย ข้าก็ไม่เหนื่อย”เจี่ยนอันอันเผยรอยยิ้มหวาน ก่อนจะเอนศีรษะพิงไหล่ของฉู่จวินสิงอีกครั้งแม้ว่าชีวิตที่นี่จะยากลำบากและขัดสนอยู่บ้าง แต่การได้อยู่กับคนที่รัก แม้วันคืนจะลำบากเพียงใด ก็กลับรู้สึกว่าหวานชื่นเจี่ยนอันอันฮัมเพลงเบา ๆ ซึ่งเป็นเพลงที่ฉู่จวินสิงไม่เคยได้ยินมาก่อนเสียงของนางใสกังวานไพเราะ ทำให้ฉู่จวินสิงหลับตาฟังอย่างเพลิดเพลินความเงียบสงบในช่วงเวลานั้นถูกขัดจังหวะด
พวกเขาไม่ยอมลงมาเสียที คงกลัวจะถูกคนของทางการพบเห็นว่ามาพักอยู่ที่นี่ไม่นานก็มีเสี่ยวเอ้อยกอาหารออกมา แล้วเดินขึ้นชั้นบนไปเขาเคาะประตู ครู่หนึ่งจึงมีมือข้างหนึ่งยื่นออกมา พร้อมรับเอาถาดอาหารเข้าไปคนในห้องยังได้พูดจาบางอย่างกับเสี่ยวเอ้อ เห็นเพียงเสี่ยวเอ้อพยักหน้าหงึกหงัก หลังจากรับเงินมาแล้วจึงเดินลงชั้นล่างไปเมื่อมั่นใจว่าพวกเขายังอยู่ในห้อง เพียงไม่ได้ปรากฏตัวเท่านั้นฉู่จวินสิงจึงค่อยๆ กินข้าวช้าลงด้วยรอจนกระทั่งทั้งคู่กินข้าวเสร็จ ผู้คนในโถงกินข้าวก็ได้ออกไปกว่าครึ่งแล้วเจี่ยนอันอันซับคราบน้ำมันที่มุมปาก พลางกล่าวด้วยความพึงพอใจ “อาหารโรงเตี๊ยมนี้ช่างถูกปากข้านัก”ฉู่จวินสิงยิ้มๆ มิได้พูดจาทั้งคู่เดินขึ้นชั้นบนไป แต่มิได้กลับเข้าห้องของตน กลับเดินมาหยุดที่หน้าห้องหม่าลู่และเฉินเช่อแทนฉู่จวินสิงยกมือขึ้นเคาะประตู ไม่นานในห้องก็มีเสียงคล้ายหวาดระแวงของเฉินเช่อ“ใคร?”ฉู่จวินสิงกล่าวเสียงต่ำ “เฉินเช่อ เปิดประตู เป็นข้าเองฉู่จวินสิง”ขาดคำมิทันไร จึงได้ยินในห้องมีเสียงฝีเท้าคนเดินและไม่นานประตูก็ถูกแง้มออกเป็นซอกเล็กเมื่อเฉินเช่อเห็นผู้ที่มายืนอยู่ด้านนอก มิใช
ฉู่จวินสิงกล่าวจบ จึงปล่อยมือเจี่ยนอันอันแล้วลุกขึ้นเดินออกไปเจี่ยนอันอันเอนกายนอนลงบนเตียงเช่นเดิม มือกุมที่หน้าท้องแบนราบลูกคนนี้มาเร็วเกินไป จนนางไม่ทันได้เตรียมตัวเตรียมใจแต่มาหวนคิดอีกที เมื่อเด็กเลือกที่จะมาอยู่กับพวกเขา นางจึงมีหน้าที่ปรับตัวให้เข้ากับสถานการณ์ที่เกิดขึ้นรอให้ลูกลืมตาดูโลกเมื่อใด นางจะเลี้ยงดูให้ใช้ชีวิตสุขสบายเหมือนตนเองเจี่ยนอันอันนำยาบำรุงจากห้วงมิติออกมาแล้วกินเข้าไป พลันอาการหน้ามืดวิงเวียนค่อยบรรเทาลงบ้างนางลงจากเตียง เดินมาถึงนอกประตู จึงเห็นฉู่จวินสิงยืนอยู่ด้านนอกผู้เดียว คล้ายรับลมเย็นอยู่เจี่ยนอันอันเดินมาข้างกาย พลางเรียกเบาๆ “ท่านพี่”ฉู่จวินสิงกำลังใช้ความคิดบางอย่างอยู่ แม้กระทั่งเจี่ยนอันอันเดินออกมา เขาก็ยังไม่รู้ตัวเมื่อถูกนางเรียกเข้า จึงได้ตั้งสติกลับมาโชคดีที่บริเวณนี้ไม่มีคนนอกอยู่ด้วย มิเช่นนั้นหากให้ใครได้ยินเข้า ชายหนุ่มผู้หนึ่งเรียกหนุ่มอีกคนว่าท่านพี่ คงได้ตกใจจนตาถลนออกนอกเบ้าเป็นแน่แท้ ฉู่จวินสิงมองไปยังชั้นล่าง ยังไม่เห็นวี่แววลูกน้องสองคนจะมาถึงเขาจึงดึงตัวเจี่ยนอันอันกลับเข้าห้องไป“เหตุใดเจ้าจึงไม่นอนพักอี
เขาตื่นเต้นจนนั่งลงที่เตียง พร้อมจับมือเจี่ยนอันอันไว้ วางที่ริมฝีปากแล้วจุมพิตเบาๆ“ขอบคุณสวรรค์ ในที่สุดเราสองคนก็จะมีทายาทแล้ว”“แสดงว่าสิ่งที่ข้าทำไปก่อนหน้านี้ นับว่าไม่เสียเปล่า”เจี่ยนอันอันมองดูสีหน้าตื่นเต้นยินดีของฉู่จวินสิง นางกลับไม่ยินดียินร้ายและไม่นานก็รู้สึกถึงความผิดปกติ“เมื่อครู่นี้ท่านหมายความว่ากระไร อะไรคือสิ่งที่ทำไม่เสียเปล่า?”หรือว่าก่อนหน้านี้ฉู่จวินสิงนำยาคุมกำเนิดของนาง ไปสับเปลี่ยนเป็นยาตัวอื่น?แต่ความคิดนี้ผุดขึ้น พลันถูกเจี่ยนอันอันลบทิ้งไปเขามิใช่คนในยุคปัจจุบันเสียหน่อย จะรู้ได้อย่างไรว่ายังมียาชนิดอื่นทดแทนยาคุมกำเนิดได้แล้วฉับพลันเจี่ยนอันอันก็นึกขึนได้ว่า ครั้งแรกที่นางมีอะไรกับฉู่จวินสิง ตอนนั้นนางไม่ได้กินยาคำนวณเวลาดูแล้ว ห่างจากตอนนั้นถึงตอนนี้ ก็ประมาณหนึ่งเดือนจริงๆเจี่ยนอันอันพลันนิ่งอึ้ง นางนึกเสียใจที่วันนั้นเหตุใดจึงไม่กินยาก่อน?แต่ตอนนี้ไม่ว่าพูดอย่างไรก็สายเกินแก้ นางไม่ต้องการมีลูกเร็วขนาดนี้ แต่ก็ไม่ทันการณ์เสียแล้วฉู่จวินสิงมองหน้าเจี่ยนอันอัน ประเดี๋ยวก็คิ้วขมวด ประเดี๋ยวก็ให้หมดอาลัยตายอยากเขารู้สึกห่อเหี่ยวลง
ยามนี้เจี่ยนอันอันรู้สึกคล้ายวิงเวียนศีรษะ เห็นทีต้องกลับไปพักเอาแรงเสียหน่อยแล้วระหว่างทางกลับโรงเตี๊ยม เจี่ยนอันอันถามฉู่จวินสิง “ท่านรู้สึกเวียนศีรษะบ้างหรือไม่?”ฉู่จวินสิงส่ายหน้า เป็นเชิงว่าตนมิได้รู้สึกผิดปกติแต่อย่างใดแต่เขากลับรู้สึกว่า มือของเจี่ยนอันอันค่อนข้างเย็น“เจ้าเป็นอะไร ร่างกายไม่สบายใช่หรือไม่?”เจี่ยนอันอันพยักหน้าเบาๆ นางกำลังรู้สึกว่าเวลาเดินคล้ายตัวลอยอย่างไรชอบกลสองเท้าเหมือนดั่งย่ำอยู่บนปุยนุ่น มีความทรมานนักฉู่จวินสิงเห็นท่าไม่สู้ดี จึงก้มตัวลงต่อหน้านาง“ขึ้นมา ข้าจะแบกเจ้ากลับไป”เจี่ยนอันอันมิได้โต้แย้ง เพราะนางรู้สึกไม่ใคร่สบายจริงๆ จึงไม่คิดขัดขืน พลางแนบลงแผ่นหลังฉู่จวินสิงฉู่จวินสิงแบกนางแล้วเดินต่อ ระหว่างทางยังถอยถามไถ่อาการเป็นระยะเจี่ยงอันอันเพียงคิดว่าอาจเพราะเมื่อครู่ฆ่าคนมากเกินไป และสูดกลิ่นคาวเลือดมากไปด้วยบวกกับยาเม็ดนั้น นางใช้เวลาอันสั้นในการปรุงออกมาสรรพคุณของยาคงไม่ดีเท่ายาที่ผลิตได้ในยุคปัจจุบันนางซบอยู่แผ่นหลังฉู่จวินสิง พร้อมนำความคิดตนพูดให้เขาฟังฉู่จวินสิงเริ่มใช้วิชาตัวเบา ทำให้การเดินเท้ารวดเร็วกว่าเมื่อคร
หลังจากทั้งคู่กินข้าวเสร็จ กลับไม่ได้พักผ่อนอยู่ในโรงเตี๊ยมหลังจากออกไปข้างนอก ก็มาอยู่ในมุมๆ หนึ่งซึ่งปลอดคนในใจรีบท่องชื่อว่านผิงพร้อมกัน และไม่นานก็หายตัวไปจากซอกมุมนั้นเมื่อพวกเขาปรากฏตัวขึ้นอีกครั้ง จึงเห็นว่านผิงกับพวกกำลังเที่ยวจับคนอยู่ทุกครั้งที่จับชายคนหนึ่งได้ ก็จะหยิบภาพเขียนออกมาเปรียบเทียบดูใบหน้าทำเอาผู้คนบนท้องถนนต่างตกใจเป็นการใหญ่ฉู่จวินสิงและเจี่ยนอันอันยังอยู่ในสภาพอำพรางกายอยู่ ว่านผิงกับพวกจึงไม่รู้ว่ามีคนมาคอยติดตามและพวกเขาก็ไม่ได้ปรากฏตัวขึ้น กลับเดินตามพวกว่านผิงไปเรื่อยๆโดยตั้งใจว่าจะหาโอกาสเหมาะ ค่อยลงมือเสียทีเดียวเพราะถ้าอยู่ท้องถนนแล้วลงมือฆ่าคน อาจทำให้ชาวบ้านตื่นตระหนกเป็นอย่างมากพวกเขาจับคนมาหลายคน แต่ล้วนไม่ใช่คนในภาพเขียนทำเอาว่านผิงโกรธจนกำหมัดแน่น มองหน้าลูกน้องพร้อมกล่าวเสียงดุ “พวกมันยังอยู่ในเมืองหลี่จง รีบไปค้นหาให้ทั่ว อย่าได้ปล่อยผ่านแม้แต่คนเดียว!”“ขอรับ ท่านหัวหน้า”ลูกน้องรับคำโดยพร้อมเพรียง และตามหาต่อไปเมื่อพวกเขามาถึงที่เงียบสงบแห่งหนึ่ง พลันเห็นข้างหน้ามีบ้านเล็กหลังหนึ่งตั้งตระหง่านอยู่ดูจากประตูที่เก่าโทร
ว่านผิงส่งสายตาให้เหล่าลูกน้อง ทุกคนรีบวิ่งขึ้นชั้นบนไปต่างถือเอาภาพเหมือนออกมา พร้อมเปรียบเทียบบนใบหน้าแขกทีละคน เมื่อเห็นว่าล้วนไม่ใช่คนที่ตนต้องการจะหา อีกทั้งมองดูในห้อง จนแน่ใจว่าไม่มีใครหลบซ่อนอยู่ จึงลงไปยังชั้นล่าง“หัวหน้า ชั้นบนไม่มีคนที่เราจะหา”ว่านผิงเหลียวมองคนที่นั่งกินอาหารอยู่ในโรงเตี๊ยม มองดูแต่ละคนแล้วสำรวจขึ้นลง สุดท้ายไปจับจ้องอยู่ที่ฉู่จวินสิงและเจี่ยนอันอันเขาเห็นคนทั้งคู่ต่างก้มหน้ากินข้าว แทบไม่เงยหน้าขึ้นมองผู้ใดเสียด้วยซ้ำจึงผละจากเถ้าแก่ เดินจ้ำอ้าวไปทางฉู่จวินสิงและเจี่ยนอันอัน“เงยหน้าขึ้นมา” ว่านผิงกล่าวเสียงตะคอก กระบี่ในมือชี้ที่ลำคอฉู่จวินสิงฉู่จวินสิงแทบไม่นำพาต่อกระบี่ที่พาดคอ พลางวางตะเกียบลง หยิบผ้าเช็ดหน้าออกมาเช็ดมุมปาก “ว่าอย่างไร เจ้าคิดลงมือกับข้าด้วยรึ?”ฉู่จวินสิงเลียนแบบน้ำเสียงของอิ่นเจียง พลางเหลือบตาขึ้นมองว่านผิงทันทีที่ว่านผิงเห็นหน้าฉู่จวินสิงชัดเจน จึงตกใจจนตัวสั่น พลางรีบเก็บกระบี่ขึ้น“ข้าน้อยไม่รู้ว่าใต้เท้ามาอยู่นี่ เมื่อครู่ล่วงเกินไป ขอท่านโปรดอภัยด้วย”ว่านผิงยืนอยู่ด้านข้างฉู่จวินสิง ในใจรู้สึกขนลุกขนชัน
ฉู่จวินสิงเห็นเจี่ยนอันอันในที่สุดก็ลืมตาขึ้น จึงได้กล่าวกับนาง “เมื่อครู่ข้าเรียกเจ้าอยู่หลายที เจ้าก็ไม่ขานตอบ ข้ายังนึกว่าเกิดอะไรขึ้นเสียอีก”เจี่ยนอันอันเพิ่งจะนึกได้ เมื่อครู่นางกำลังเพ่งมองภาพในมิติอยู่ ข้างโสตได้ยินเสียงคนเรียกชื่อนางจริงๆเพียงแต่ความสนใจของนาง ล้วนไปอยู่ในภาพนั้นหมดสิ้น จึงไม่ได้ใส่ใจการเรียกหาของฉู่จวินสิงนางจึงยอมให้ฉู่จวินสิงมานั่งด้านข้าง พร้อมนำภาพที่เห็น บอกเล่าให้เขาฟัง“จากที่เจ้าเล่ามา ชายสองคนที่เห็นนั้น อาจเป็นลูกน้องข้าก็ได้”เจี่ยนอันอันก็นึกถึงข้อนี้เช่นกัน หากชายสองคนนั้นไม่เกี่ยวข้องกับพวกเขาจริง เบื้องหน้านางคงไม่ปรากฏภาพเช่นนั้นออกมา“เมื่อเป็นเช่นนี้ เราก็รออยู่ในโรงเตี๊ยมนี้แหละ เพราะที่ๆ สองคนนั้นจะมาพักก็คือโรงเตี๊ยมแห่งนี้”ฉู่จวินสิงได้ยินดังนี้ พลันเกิดความคิดในใจขอเพียงชายสองคนนั้นปรากฏตัวขึ้น เขาก็จะได้สมทบกับพวกเขาทันทีเพียงแต่ไม่รู้ว่าพวกเขาทั้งห้าคนหลบหนีพร้อมกัน เหตุใดจึงได้พลัดหลงกันเช่นนี้?หรือว่าลูกน้องอีกสามคนได้ถูกคนของฉู่ชางเหยียนจับกลับไปเสียแล้ว?เจี่ยนอันอันเห็นฉู่จวินสิงขมวดคิ้วมุ่น นางจึงเอ่ยปาก “อย่าเพ
ฉู่จวินสิงกล่าวเสียงก้อง “เช่นนั้นก็ได้ ข้าจะให้เวลาท่านสามวันในการสืบเรื่องนี้”“ถ้าไม่ได้ตัวผู้ก่อเหตุมา ข้าจะทำตามรับสั่งของฝ่าบาท สั่งประหารพวกท่านทั้งครอบครัว”คำพูดของฉู่จวินสิง ทำให้เจ้าเมืองข่งสะดุ้งอย่างแรงจนแม้แต่สะใภ้รองที่คุกเข่าอยู่ด้านข้าง ก็พลอยหวาดกลัวจนตัวสั่นไปด้วยนางแอบเหลียวมองเจ้าเมืองข่ง เห็นอีกฝ่ายก้มหน้าก้มตา ไม่รู้ว่าจะตามหาคนผู้นั้นได้พบหรือไม่หลังจากฉู่จวินสิงและเจี่ยนอันอันจากไปแล้ว เจ้าเมืองข่งค่อยทรุดตัวลงกับพื้นเขาหายใจหอบแรง หวังจะช่วยระงับความหวาดหวั่นในใจบ้างสะใภ้รองได้ยินว่าโทษถึงขั้นประหารชีวิต ทำให้นางร้อนใจจนเดือดพล่านยิ่งกว่ามดที่อยู่บนฝาหม้อร้อน น้ำตาก็ยิ่งไหลรินไม่หยุด“ท่านพ่อ ข้ายังไม่อยากตาย โรคของซีเอ๋อร์ยังไม่ทันรักษาให้หายขาด เขาจะถูกประหารเช่นนี้ไม่ได้ ท่านต้องรีบจับกุมผู้แอบอ้างชื่อผู้นั้นให้ได้นะเจ้าคะ!”เจ้าเมืองข่งมีแผนการในใจอยู่แล้ว จึงถลึงตาใส่สะใภ้รอง พลางกล่าว “เลิกร้องไห้เสียที รีบไปดูซีเอ๋อร์ก่อนว่าตอนนี้เป็นอย่างไรบ้าง?”สะใภ้รองรีบซับน้ำตาที่นองหน้าอยู่ พลางลุกขึ้นแล้วเดินไปข้างเตียงมองดูซีเอ๋อร์ขณะนั้นมีสาวใ
เสียงของเจี่ยนอันอันดังขึ้นจากด้านหลัง “บอกให้พวกเขาถอยออกไป หาไม่ข้าจะให้พวกท่านตายทั้งบ้าน!”เจ้าเมืองข่งรู้ดีว่าสองคนนี้วรยุทธ์ไม่เบา จึงไม่กล้าทำการบุ่มบ่าม ได้แต่รีบโบกมือให้เหล่าทหารจนแม้แต่สะใภ้รองที่อยู่บนเตียง ก็ตกใจกับคำพูดเจี่ยนอันอันเสียจนต้องรีบหยุดร้องไห้โดยพลันรอให้ทหารออกไปหมดแล้ว เจ้าเมืองข่งจึงได้ถามเสียงสั่น “พวกเจ้าต้องการสิ่งใดกันแน่?”“ที่เรามานี่ ย่อมได้รับพระบัญชาจากฮ่องเต้ ให้สืบเรื่องราวการสอบจอหงวนเมื่อสามปีก่อน”เจ้าเมืองข่งได้ยินคำพูดของฉู่จวินสิง พลันขมวดคิ้วมุ่น สองตาจ้องเขม็งไปที่เขาเพียงไม่นานเจ้าเมืองข่งก็สังเกตจากบุคลิกและการแต่งกายของฉู่จวินสิง ดูออกว่าอีกฝ่ายเป็นชาวจิงโจวจริงๆแต่จะบอกว่ารับพระบัญชามาจากฮ่องเต้ ก็ออกจะฟังไม่ขึ้นไปเสียหน่อย“พวกเจ้ามีสิ่งใดมายืนยันว่ารับพระบัญชามาสืบสวนข้าจริง?”ซ้ำยังเป็นเรื่องเมื่อสามปีที่แล้วฮ่องเต้ทรงมีราชกิจมากมาย จู่ๆ จะทรงนึกได้อย่างไรว่าต้องสืบสวนเรื่องการสอบจอหงวนเมื่อสามปีก่อนไม่แน่ว่าสองคนนี้ อาจเป็นผู้ใดส่งมาแก้แค้นเขาก็ได้เพราะเขาเคยรับผลประโยชน์จากผู้อื่นมาไม่น้อย อีกทั้งให้ผู้ที่สอบตก