แต่จ้าวลิ่วไม่ได้คิดมากขนาดนั้น เขารู้สึกว่าในเมื่อเจี่ยนอันอันจะให้พวกเขาสร้างเตียง เช่นนั้นก็ต้องจ่ายค่าแรงที่เหมาะสมให้อย่างแน่นอน ถึงแม้พวกเขาจะทำไม่เป็นแต่ก็สามารถฝึกกันได้จ้าวลิ่วตอบตกลงทันที “พวกข้าสองคนทำเป็นทุกอย่าง ท่านวางใจได้เลย”จ้าวลิ่วว่าจบก็หันไปขยิบตาให้จ้าวอู่จ้าวอู่พยักหน้าอย่างจนใจ น้องหกของเขาชอบเล่นชิงไหวชิงพริบโชคดีว่าเขาเรียนรู้ทุกอย่างได้ไว ประเดี๋ยวค่อยคิดหาวิธีตอนสร้างเตียงก็แล้วกันในเมื่อจ้าวลิ่วตอบตกลงไปแล้ว จ้าวอู่ย่อมพูดอะไรไม่ได้อีกเจี่ยนอันอันพาจ้าวอู่กับจ้าวลิ่วเดินไปทางบ้านตัวเองเมื่อครู่นี้นางเห็นแล้วว่าบ้านสร้างเสร็จแล้วตอนนี้ขาดแค่โรงเก็บของกับห้องใต้ดินคิดว่างานในส่วนของตัวบ้านน่าจะเสร็จงานได้ภายในวันนี้เมื่อกลับถึงบ้าน เจี่ยนอันอันก็ให้จ้าวอู่กับจ้าวลิ่วเริ่มงานทันทีจ้าวอู่เกาท้ายทอยถามอย่างไม่เป็นธรรมชาติ “แม่นางเจี่ยน ไม่ทราบว่าท่านต้องการสร้างเตียงแบบใด มีแบบหรือไม่?”เจี่ยนอันอันตบหน้าผากตัวเอง นางลืมเรื่องนี้ไปเลยหากอธิบายด้วยปากอย่างเดียว เกรงว่าสองคนนี้คงไม่เข้าใจว่านางต้องการเตียงแบบใดนางนำกระดาษกับพู่กันออกมาว
เจี่ยนอันอันยิ้มแล้วตอบว่า “นี่เป็นเมล็ดพันธุ์ปกติทั่วไป ข้าไปซื้อมาจากอำเภอไถหยาง”หลินเซิงมีสีหน้าไม่เชื่อเมล็ดพันธุ์จะโตไวขนาดนี้ได้อย่างไร หรือว่าที่นาของเจี่ยนอันอันปลูกอะไรก็จะโตไวหมด?เขาจำได้ว่าตอนที่เจี่ยนอันอันปลูกธัญญาหารก่อนหน้านี้ มันก็เติบโตไวมากเช่นกันเจี่ยนอันอันเห็นหลินเซิงยืนอยู่ตรงนั้นด้วยสีหน้าตกในก็พูดว่า “ความจริงแล้วเมล็ดพันธุ์ธรรมดามาก แต่น้ำนี้เป็นน้ำพุใส”หลินเซิงขานตอบว่า “อ้อ” แววตาฉายแววอิจฉาบ่อน้ำที่บ้านเขามีความเป็นด่างมากเกินไป ปลูกผักอะไรก็ไม่ขึ้นอย่าว่าแต่บ้านของเขาเลย น้ำทั้งหมู่บ้านชิงสุ่ยต่างก็มีความเป็นด่างค่อนข้างสูงกันทั้งนั้นพวกเขาปลูกได้แค่ธัญญาหาร แต่ปลูกผักไม่ได้สิ่งที่กินได้ก็มีเพียงผักป่าที่ขุดมาจากในดินหากบ้านพวกเขามีน้ำพุใสเช่นกันก็คงดีเจี่ยนอันอันมองเห็นถึงความอิจฉาภายในแววตาหลินเซิง นางรู้สึกขอบคุณสำหรับแม่ไก่สองตัวนั้นที่บ้านหลินนำมาให้ตอนนี้แม่ไก่สองตัวนั้นออกไข่ได้เจ็ดแปดฟองแล้วถึงเวลาที่ต้องส่งแม่ไก่คืนกลับไปแล้วเช่นกันเจี่ยนอันอันพูดกับหลินเซิง “ท่านพี่หลิน ช่วงนี้อาหรงเป็นอย่างไรบ้าง ไม่ได้ล้มป่วยอีกใช่หรื
เจี่ยนอันอันรีบกล่าวว่า “ท่านยายหลิน ไข่ไก่ของบ้านพวกข้ามีเพียงพอแล้ว ไม่ต้องให้เพิ่มแล้ว”“ยิ่งไปกว่านั้น ตอนนี้มีลูกไก่ฟักออกมาหลายตัวแล้ว ต่อไปที่บ้านข้าก็จะเลี้ยงไก่ได้แล้ว”ท่านยายหลินหยุดฝีเท้า เมื่อเห็นว่าเจี่ยนอันอันไม่ยอมรับ จึงต้องยอมล้มเลิกความตั้งใจเจี่ยนอันอันเดินมาที่ริมบ่อน้ำ มองดูน้ำในบ่อน้ำในบ่อมีไม่มากนัก เนื่องจากเมื่อวานฝนตก น้ำในบ่อจึงดูขุ่นมัวนางเอาน้ำพุวิญญาณออกมา แล้วแอบเทลงไปเล็กน้อยไม่นาน น้ำในบ่อที่เคยขุ่นมัวก็ค่อย ๆ ใสสะอาด และพลันไหลพุ่งขึ้นมาอย่างรวดเร็วน้ำในบ่อพุ่งขึ้นจนถึงขอบบ่อ แล้วจึงหยุดอยู่ตรงนั้นเจี่ยนอันอันแสร้งทำหน้าตกใจนางรีบหันกลับไป แล้วกล่าวกับคนตระกูลหลินว่า “พวกเจ้ามาดูเร็ว เมื่อครู่น้ำในบ่อพุ่งขึ้นมาเอง”เมื่อคนตระกูลหลินได้ยิน ต่างรีบวิ่งเข้ามาดูสิ่งที่เห็นก็เป็นดังที่เจี่ยนอันอันพูด น้ำในบ่อที่เกือบจะแห้งเหือด ตอนนี้กลับล้นจนเกือบไหลออกมานอกบ่อคนตระกูลหลินล้วนยินดีปรีดา สายตาที่มองเจี่ยนอันอันเปี่ยมไปด้วยความชื่นชมพวกเขาพากันพูดว่า เจี่ยนอันอันคือดาวนำโชคที่มาจุติตั้งแต่นางมาถึงหมู่บ้านชิงสุ่ย ฟ้าที่แห้งแล้งจนไม่ม
เมื่อได้ผลลัพธ์จากการทดลองครั้งนี้ เจี่ยนอันอันก็วางใจที่จะปลูกผักชนิดอื่นต่อไปเจี่ยนอันอันปลูกถั่วฝักยาว มะเขือ และพริกเพิ่มอีกหลังจากรดน้ำพุวิญญาณลงไป ไม่นานผักเหล่านี้ก็เริ่มงอกต้นอ่อนทั้งสองนั่งพักหลบแดดอยู่ใต้ต้นไม้ใหญ่ เจี่ยนอันอันเอนศีรษะพิงไหล่ของฉู่จวินสิง ดวงตาจับจ้องไปยังผักในแปลง“อันอันเหนื่อยหรือไม่?” ฉู่จวินสิงเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนเขายกมือขึ้นจัดเส้นผมที่ติดอยู่บนใบหน้าของเจี่ยนอันอันอย่างแผ่วเบา“ข้าไม่เหนื่อย ท่านพี่เหนื่อยหรือไม่?” เจี่ยนอันอันเงยหน้าขึ้นมองฉู่จวินสิงสายตาของฉู่จวินสิงเต็มไปด้วยความเอ็นดู เขาก้มศีรษะลง จุมพิตเบา ๆ บนริมฝีปากของเจี่ยนอันอัน“อันอันไม่เหนื่อย ข้าก็ไม่เหนื่อย”เจี่ยนอันอันเผยรอยยิ้มหวาน ก่อนจะเอนศีรษะพิงไหล่ของฉู่จวินสิงอีกครั้งแม้ว่าชีวิตที่นี่จะยากลำบากและขัดสนอยู่บ้าง แต่การได้อยู่กับคนที่รัก แม้วันคืนจะลำบากเพียงใด ก็กลับรู้สึกว่าหวานชื่นเจี่ยนอันอันฮัมเพลงเบา ๆ ซึ่งเป็นเพลงที่ฉู่จวินสิงไม่เคยได้ยินมาก่อนเสียงของนางใสกังวานไพเราะ ทำให้ฉู่จวินสิงหลับตาฟังอย่างเพลิดเพลินความเงียบสงบในช่วงเวลานั้นถูกขัดจังหวะด
ท่านปู่เฉินรีบพยักหน้าแล้วกล่าวว่า “ข้าเจอแล้ว แต่ไม่ว่าจะพูดอย่างไร แม่ลูกตระกูลเฉียวก็ไม่ยอมรับเงินของข้า”เรื่องนี้ก็กลายเป็นปมในใจของท่านปู่เฉินเจี่ยนอันอันไม่คาดคิดเลยว่า เฉียวซื่อและบุตรจะไม่รับเงินของท่านปู่เฉินหากเป็นนาง นอกจากจะรับเงินมาแล้ว ยังต้องลงมือสั่งสอนท่านปู่เฉินสักครั้งนางมองท่านปู่เฉินด้วยสายตาดูแคลน “ท่านขอโทษพวกเขาอย่างไม่จริงใจกระมัง?”ท่านปู่เฉินไม่กล้ามองเจี่ยนอันอัน ก้มหน้าลงต่ำกว่าเดิม“ข้าขอโทษอย่างจริงใจแล้ว แต่พวกเขาแม่ลูกไม่ยอมรับคำขอโทษของข้า”เมื่อคิดถึงเหตุการณ์ตอนที่พบเฉียวซื่อ ท่านปู่เฉินก็ขนลุกด้วยความหวาดกลัวเฉียวซื่อเป็นโรคเรื้อน ทำให้แขนขาของนางบิดเบี้ยวผิดรูปเมื่อเห็นท่านปู่เฉิน นางก็พุ่งเข้ามาหาอย่างดุดันราวกับสัตว์ร้ายแม้มือของนางจะเหยียดออกไม่ได้ แต่ก็พยายามทำร้ายท่านปู่เฉินอย่างสุดกำลังท่านปู่เฉินรู้ดีว่าตนมีความผิด เขาจึงไม่ได้หลบเลี่ยง ร่างกายและใบหน้าถูกเฉียวซื่อทำร้ายจนได้รับบาดเจ็บไม่น้อยเขาขอโทษเฉียวซื่อและบุตรด้วยความจริงใจ แต่กลับได้รับคำด่าทอจากเฉียวซื่อเฉียวซื่อยังโยนเงินที่เขาให้ไปลงกับพื้นอีกด้วยท่าทางที่แ
ท่านปู่เฉินหอบหายใจอยู่พักใหญ่ท่าทางของเจี่ยนอันอันเมื่อครู่ช่างน่าหวาดกลัวยิ่งนักสายตาของนางที่มองเขา ราวกับกำลังจ้องมองศพ ทำเอาหนังศีรษะของเขาชาวาบวันนี้เวินอี๋ตื่นค่อนข้างสายเนื่องจากเมื่อคืนดื่มสุรามากเกินไป เขาจึงพักอยู่ในห้องเดียวกับเหยียนเซ่าทั้งสองสนทนากันทั้งคืน ส่วนใหญ่เวินอี๋เป็นฝ่ายพูด เหยียนเซ่าเป็นฝ่ายฟังวันนี้เหยียนเซ่าตื่นแต่เช้า เขารับประทานอาหารเสร็จแล้วก็ฝึกวิทยายุทธ์ในลานเรือนหลายวันที่ผ่านมา เขาไม่ได้ฝึกฝนอย่างจริงจัง จึงรู้สึกว่ากล้ามเนื้อแขนขาเริ่มตึงๆเวินอี๋ถูกเสียงตอกไม้เพื่อสร้างเตียงนอนจากด้านนอกปลุกให้ตื่นเมื่อเขาเดินออกมานอกห้อง ก็เห็นชาวบ้านสามคนกำลังทำเตียงอยู่ในลานบ้านจ้าวลิ่วเหลือบมองไปทางเหยียนเซ่าเป็นระยะ ๆ ในดวงตาของเขาเต็มไปด้วยความชื่นชมและฉากนี้ตกอยู่ในสายตาของฉู่จวินสิงและเจี่ยนอันอันที่เพิ่งกลับมาพอดีสาวใช้เห็นเวินอี๋ตื่นแล้ว จึงตักน้ำใส่อ่างมาให้เขาล้างหน้าก่อนออกไปรับประทานอาหารเวินอี๋กล่าวขอบคุณสาวใช้อย่างสุภาพ แล้วเริ่มล้างหน้าล้างตาเจี่ยนอันอันเห็นว่าจ้าวอู่และซ่างชิวใช้เครื่องมือตัดท่อนซุงให้เป็นแผ่นไม้พวกเขาม
เมื่อจ้าวลิ่วได้สติกลับมา เขารีบลุกขึ้นแล้ววิ่งตรงไปหาฉู่จวินสิงและเหยียนเซ่า“คุณชายฉู่ คุณชายเหยียน วิทยายุทธ์ของพวกท่านยอดเยี่ยมนัก สอนข้าได้หรือไม่ขอรับ?”ฉู่จวินสิงแอบยิ้มที่มุมปาก ก่อนจะตีหน้าขรึมแล้วกล่าวว่า “การเรียนวิทยายุทธ์มิใช่สิ่งที่จะสำเร็จได้ในวันเดียว”“หากเจ้าต้องการให้ข้าสอนก็มิใช่ว่าไม่ได้ แต่เจ้าต้องอดทนต่อความลำบาก”จ้าวลิ่วในตอนนี้เอาแต่นึกถึงภาพการประลองของทั้งสองเมื่อครู่นี้คำว่าลำบากหรือเหนื่อยยากนั้น เขาไม่ได้ใส่ใจแม้แต่น้อย“ข้าทนลำบากได้ และไม่กลัวเหนื่อยขอรับ” แววตาของจ้าวลิ่วในยามนี้ฉายประกายความมุ่งมั่นจากคำพูดของฉู่จวินสิง เขาก็พอจะเดาออกว่าฉู่จวินสิงไม่ได้เอ่ยปฏิเสธเขาหากตอนนี้เขาไม่แสดงความตั้งใจว่าต้องการฝึกฝน เกรงว่าฉู่จวินสิงอาจเปลี่ยนใจซ่างชิวและจ้าวอู่ก็วางงานในมือลง แล้วก้าวเข้ามาอย่างรวดเร็วซ่างชิวเพิ่งได้เห็นท่าทางของฉู่จวินสิงที่ใช้วิทยายุทธ์เป็นครั้งแรกเมื่อคิดถึงเหตุการณ์ฆ่าล้างเมืองในอดีต คนที่ไม่มีวิทยายุทธ์อย่างพวกเขาก็ต้องเผชิญกับความสูญเสียมากมายหากพวกเขาเรียนรู้วิทยายุทธ์ได้ ก็คงไม่ต้องหวาดกลัวการถูกข่มเหงรังแกอีกต่อ
ไม่นานนักฟ้าก็มืดลง เจี่ยนอันอันและฉู่จวินสิงเองก็กลับเรือนไปตอนนี้เตียงอุ่นภายในห้อง ได้ถูกพวกของซ่างชิวทั้งสามคนรื้อออกไปแล้ว แล้วย้ายเตียงที่สร้างเสร็จแล้วขึ้นมาแทนกองดินที่ถูกรื้อออกมาเหล่านั้น ถูกพวกของซ่างชิวทั้งสามคนกองเอาไว้ด้านนอกลานแล้วเมื่อเห็นเตียงใหม่ที่สร้างขึ้นในห้อง เจี่ยนอันอันก็พอใจเป็นอย่างมากนางหยิบเงินออกมา มอบให้ทั้งสามคน“นี่เป็นเงินที่พวกเจ้าสร้างเรือนและเตียงขึ้นมา วันนี้พวกเจ้าลำบากแล้ว เงินที่เพิ่มขึ้นมานั้นพวกเจ้าก็เก็บเอาไว้เถอะ”จ้าวลิ่วไม่คิดเลยว่าเพียงแค่มาสร้างเตียงเท่านั้นไม่เพียงแต่จะได้รับเงินเพิ่มมากขึ้น พรุ่งนี้ยังสามารถเรียนศิลปะการต่อสู้กับฉู่จวินสิงได้อีกด้วยเขารู้สึกว่าวันนี้ที่ทำงานมากมายถึงเพียงนี้ ช่างคุ้มค่าจริงๆหลังจากกลับมายังหมู่บ้านชิงสุ่ย จ้าวลิ่วก็คิดว่าจะปรับปรุงสถานการณ์ของที่บ้านอย่างไรดีหลายวันมานี้ทำงานให้เจี่ยนอันอัน เขาไม่มีคำบ่นใดออกมาเลยเขาเองก็เสียใจจริงๆ ไม่คิดที่จะออกไปเร่ร่อนด้านนอกอีกเมื่อมองเงินจำนวนมากในมือ ในใจก็รู้สึกอบอุ่นขึ้นมา“แม่นางเจี่ยน ต่อไปหากว่าท่านมีงานอะไรให้ทำ อย่าลืมเรียกข้ามาทำ”จ
พวกเขาลืมเรื่องนี้ไปได้อย่างไรญาติที่เป็นขุนนางของลูกพี่เป็นผู้มีอิทธิพลนัก ดูแลทุกอย่างในอำเภอไถหยางก็ว่าได้เจี่ยนอันอันกล่าวเสียงเย็น “คุยมาตั้งนาน ยังไม่เห็นบอกชื่อว่าคนผู้นั้นเป็นใคร ข้าว่าคงจะแต่งเรื่องส่งเดชมากกว่า”เฝิงซานกวงถูกเจี่ยนอันอันยุยงอีกครั้ง เดิมทีเขาก็ไม่อยากเอ่ยชื่อเจ้าเมืองออกมาแต่ครั้งนี้เห็นทีไม่พูดก็ไม่ได้เสียแล้ว“ฮึ่ม พูดแล้วพวกเจ้าจะตกใจ ท่านอารองของข้าเป็นเจ้าเมืองแห่งอำเภอไถหยาง”“หากพวกเจ้ากล้าแตะต้องกิจการในเหมืองของข้า ข้าจะให้ท่านอาส่งคนมาจับพวกเจ้าไปขังคุกเสีย!”เมื่อเจี่ยนอันอันได้ยินว่าอารองของเฝิงซานกวงก็คือเจ้าเมืองตานนั่นเอง นางจึงเริ่มมีแผนการในใจ“อ้อ หมายถึงเจ้าเมืองตานผู้นั้นหรอกรึ? ยังนึกว่าเป็นคนใหญ่คนโตที่ใดเสียอีก”“เชิญไปเรียกตัวมาได้เลย แล้วเรามายันกันซึ่งหน้า ให้รู้ไปว่าเขาจะเข้าข้างเจ้า หรือเห็นด้วยกับเรามากกว่า”เฝิงซานกวงมองดูท่าทีของเจี่ยนอันอัน คล้ายไม่กลัวกระทั่งคนเป็นเจ้าเมือง จึงให้ตกใจซ้ำอีกเขาแอบคิดในใจ หรือว่าท่านอารองจะรู้จักกับคนสองคนนี้?จึงหันไปกระซิบกระซาบต่อลูกน้องข้างกาย “รีบไปเชิญอารองข้ามาเดี๋ยวนี้”
เหล่าคนงานที่เข้าออกเหมืองแร่เห็นเหตุการณ์เข้า ต่างก็ตกใจเป็นอย่างมากเพราะเป็นครั้งแรกที่พวกเขาได้เห็นลูกน้องของนายจ้างถูกผู้อื่นทำร้ายเช่นนี้แม้แต่ละคนจะมีความตกใจ แต่ลึกๆ กลับรู้สึกสะใจมากกว่าเพราะบริวารของเฝิงซานกวงเหล่านี้ ปกติมักจะใช้กำลังกับพวกเขาบ่อยๆทุกครั้งที่พวกเขาขุดหาแร่ออกมาไม่ได้ปริมาณตามที่ต้องการ ลูกน้องเฝิงซานกวงก็พากันมารุมซ้อมพวกเขาอย่างหนัก แต่พวกเขาก็ไม่กล้าไปบอกใครบางคนเคยคิดหนีไปจากที่นี่ แต่ครั้งใดที่มีผู้หลบหนี มักถูกจับกลับมาแล้วซ้อมหนักยิ่งกว่าเดิมอีกที่สำคัญพวกเขาแทบจำไม่ได้ว่าตนคือใคร บ้านช่องอยู่ที่ใดจึงได้แต่ใช้แรงกายแลกกับเงินน้อยนิดเพียงสองอีแปะในแต่ละวัน อดทนทำงานอยู่ที่นี่ต่อไปเมื่อชายสองคนถูกทำร้ายเข้า จึงมีลูกน้องเฝิงซานกวงตามออกมาอีกทุกคนเมื่อเห็นว่ามีคนมาก่อเรื่อง จึงกรูกันเข้าหาฉู่จวินสิงทันทีแต่มิต้องรอให้พวกเขามาเข้าใกล้ ฉู่จวินสิงใช้กำลังภายในซัดออกไปก่อนแล้วทุกคนต่างทยอยล้มลง พลางกลิ้งไปมา ร้องครวญครางด้วยความเจ็บปวดทันใดนั้นเอง มีเสียงหนึ่งตะคอกดังขึ้น “ผู้ใดกล้าบังอาจมาก่อเรื่องในเหมืองของข้า อยากตายหรืออย่างไร?”ใบ
แต่บัดนี้นางเปิดร้านมาสิบกว่าวัน ขายได้เพียงรูปสัตว์โลหะไม่กี่ตัวเท่านั้นเฉียวซื่อบอกเล่าสิ่งที่พบเจอให้เจี่ยนอันอันฟัง ทำให้นางเกิดความเข้าใจขึ้นทันทีที่แท้เฉียวซื่อถูกเฝิงซานกวงหลอกลวงมาแต่แรกเจี่ยนอันอันเพียงคิดว่าต่อให้นางซื้อของตกแต่งเหล่านี้กลับไป ก็มิได้ใช้ประโยชน์นักจึงนำหนูโลหะตัวเล็กในมือวางกลับที่เดิมเฉียวซื่อเห็นเจี่ยนอันอันทำเช่นเดียวกับลูกค้าอื่นในร้าน เพียงเข้ามาหยิบดูเล็กน้อย จากนั้นจึงวางของตกแต่งลงไว้ที่เดิมดูแล้วคล้ายไม่สู้ถูกใจผลงานที่นางสร้างสรรค์ออกมาเท่าใดนัก พลันเกิดความรู้สึกท้อแท้ นางคงไม่เหมาะจะทำอาชีพนี้จริงๆ กระมังหากตอนนี้สามียังอยู่ก็คงดี นางจะได้ฝึกวิชาการตีเหล็กจากเขาให้ออกมาเป็นงานอื่นบ้างและเมื่อครู่เจี่ยนอันอันรู้จากปากเฉียวซื่อ ว่าเฝิงซานกวงได้เปิดกิจการเหมืองแร่แห่งหนึ่งทุกวันจะมีคนงานไปด้านหลังภูเขาที่อยู่ห่างไกล ขุดเอาแร่เหล็กและหยกออกมา เพื่อนำกลับมาถลุงเป็นเครื่องหยกและของใช้ที่ทำจากเหล็กนางเห็นเฉียวซื่อคล้ายมีอาการท้อใจ จึงกล่าวยิ้มแย้ม “พี่เฉียว ท่านพาข้าไปดูที่เหมืองของเฝิงซานกวงก่อน ข้ามีสิ่งของบางอย่างต้องการจะซื้อ”
เจี่ยนอันอันหยิบมากวาดตาดูก็มองความผิดปกติบนนั้นออกได้ในทันที“เงื่อนไขในนี้เข้มงวดเกินไปแล้ว ถ้าฝ่ายไหนยุติสัญญาจะต้องชดเชยให้อีกฝ่ายเป็นเงินจำนวนหนึ่งแสนตำลึง”“เจ้าหมอนี่ช่างกล้าเขียน สัญญานี้เห็นได้ชัดว่าเป็นเงื่อนไขแบบมัดมือชกกันชัดๆ”“ข้าว่าท่านไม่ร่วมงานกับเขาเป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้เลย”คำพูดของเจี่ยนอันอันทำให้เฉียวซื่อใจหายวูบนางรู้จักตัวหนังสือแค่ไม่กี่ตัว นอกจากเขียนชื่อตัวเองเป็นแล้ว เงื่อนไขในนั้นนางอ่านไม่เข้าใจเลยสักนิดเฝินซานกวงเป็นคนอ่านให้นางฟัง นางรู้สึกว่าเงื่อนไขสมเหตุสมผลมากจึงลงนามในสัญญากับอีกฝ่ายแต่คิดไม่ถึงเลยว่า เฝิงซานกวงจะกล้าเล่นเล่ห์กับนางแบบนี้เดิมนั้นนางอยากยกเลิกสัญญากับอีกฝ่าย แต่กลับได้ยินเฝิงซานกวงพูดว่า ถ้านางกล้าเป็นฝ่ายยกเลิกสัญญาก็จะต้องชดเชยเงินให้เฝิงซานกวงเป็นเงินจำนวนหนึ่งแสนตำลึงตอนนั้นเฉียวซื่อตกใจยิ่งนักนางเคยไปถามเถ้าแก่ร้านข้างเคียง ฝ่ายตรงข้ามก็บอกว่าเงื่อนไขนี้เขียนไว้อย่างชัดเจน ต้องจ่ายเงินชดเชยให้อีกฝ่ายหนึ่งแสนตำลึงจริงๆเงินจำนวนมหาศาลเช่นนี้ นางจะไปหาเงินมากมายขนาดนี้มาจากที่ไหนถึงตอนนี้เฉียวซื่อจึงตระหนักว่
ตอนนี้เขาทำได้เพียงอดทนอดกลั้นต่อความเจ็บปวด ยอมรับการทุบตีจากเฉียวอี้บริเวณรอบๆ มีคนล้อมเข้ามามุงดูจำนวนมาก พวกเขาต่างชี้ไม้ชี้มือมาทางชายผู้นั้น“คนคนนี้แค่เห็นก็รู้แล้วว่าต้องไม่ใช่คนดีแน่ ดูหน้าตาทรงโจรของเขาสิ แปดส่วนคงเป็นเพราะไปหาเรื่องคนอื่นก่อน ถึงได้ถูกเด็กคนนั้นซ้อมเอาแบบนี้”“เมื่อครู่ข้าได้ยินแล้ว เขาไปลงไม้ลงมือกับแม่ของเด็กคนนั้น ข้าว่าตีเขายังน้อยไป ควรแจ้งความมากกว่า”คนมุงบริเวณรอบๆ ต่างวิพากษ์วิจารณ์กันต่างๆ นานาเฉียวอี้ควงหมัดทักทายใบหน้าของชายผู้นั้นหนักกว่าเดิมในไม่ช้า เฉียวอี้ก็ตีจนรู้สึกเจ็บกำปั้น แต่เขาก็ยังไม่มีทีท่าว่าจะหยุดจนกระทั่งอัดศีรษะชายผู้นั้นจนบวมเป่งเหมือนหมู เฉียวอี้ถึงได้หยุดมือพร้อมหอบหายใจแม้ว่ากำปั้นของเฉียวอี้จะไม่ใหญ่ แต่ครั้นทุบตีคนก็ร้ายกาจยิ่งนักเห็นใบหน้าชายผู้นั้นเขียวช้ำไปหมด เฉียวอี้ก็รู้สึกพึงพอใจเป็นอย่างมากเจี่ยนอันอันกล่าวกับชายผู้นั้นว่า “หากวันหน้าเจ้ายังกล้ามาคุกคามแม่ลูกตระกูลเฉียวอีก ข้าไม่ปล่อยให้เจ้าสบายแบบนี้แน่ ยังไม่รีบไสหัวไปอีก!”ชายผู้นั้นไม่กล้าพูดมาก ลุกขึ้นมากุมศีรษะแล้วเผ่นหนีไปคนมุงบริเวณรอบๆ เ
เจี่ยนอันอันกับฉู่จวินสิงสบตากัน“พวกเจ้ารอข้าอยู่ตรงนี้” ฉู่จวินสิงว่าแล้วก็ก้าวยาวๆ ตรงไปทางตรอกน้อยชายผู้นั้นเห็นว่าฉู่จวินสิงตรงมาทางเขาก็หันหลังเตรียมวิ่งหนีแต่เขาวิ่งไปได้ไม่กี่ก้าวก็ถูกถีบเข้าที่เอวเสียแล้วชายผู้นั้นถูกถีบกระเด็นไปไกล คว่ำหน้าอยู่บนพื้นร้องโอดโอยออกมาอย่างทนไม่ไหวฉู่จวินสิงย่างสามขุมตรงเข้าไปหาแล้วหิ้วคอเสื้อของชายผู้นั้นขึ้นมาอย่างไม่ปรานีปราศรัย“ไปกับข้า!”ฉู่จวินสิงกล่าวพลางผลักชายผู้นั้นตรงออกไปนอกตรอกชายผู้นั้นได้ลิ้มรสความร้ายกาจของฉู่จวินสิงแล้วย่อมไม่กล้าวิ่งหนีส่งเดชเขาไม่อยากถูกถีบอีกหรอกนะ จนถึงตอนนี้เอวยังระบมอยู่เลยฉู่จวินสิงผลักชายผู้นั้นมาถึงตรงหน้าเจี่ยนอันอันกับเฉียวอี้แล้วกล่าวเสียงเข้ม “บอกมา ระหว่างเจ้ากับเด็กคนนี้เป็นเรื่องอะไรกันแน่?”ชายผู้นั้นมองเฉียวอี้ แววตาเต็มไปด้วยความขุ่นแค้น“คุณชายท่านนี้ ข้าไม่รู้จักเขาเสียหน่อย เขาวิ่งออกมาถนนใหญ่เอง เรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับข้าเลยนะ”ขณะที่ชายผู้นั้นพูดก็ถลึงตาใส่เฉียวอี้อย่างดุร้ายเฉียวอี้เห็นฝ่ายตรงข้ามไม่ยอมรับ เขาเงยหน้าขึ้นมาด้วยความโมโห แล้วตวาดใส่ชายผู้นั้นว่า“ท่านโก
เจี่ยนอันอันเห็นว่าฉู่จวินสิงก่อสร้างเป็น นางก็วางใจไปได้มากนางยิ้มเอ่ยว่า “ไม่ใช่กระโจม แต่เป็นโรงเรือนสำหรับเพาะปลูกแบบหนึ่ง”นางมีความคิดคร่าวๆ ในใจแล้วจึงรีบกลับบ้านไปกับฉู่จวินสิงนางหยิบกระดาษและปากกาออกมาจากในมิติ แล้ววาดภาพร่างบนโต๊ะฉู่จวินสิงนั่งอยู่ข้างๆ ตั้งใจดูภาพร่างโรงเรือนที่เจี่ยนอันอันวาดที่นี่ไม่มีเหล็กเส้น เจี่ยนอันอันยังไม่อยากใช้เงินจำนวนมากไปซื้อจากในร้านค้านางต้องการสร้างโรงเรือนสำหรับคนในหมู่บ้านทุกคน เหล็กเส้นที่ต้องใช้จึงมีไม่น้อยหากใช้เงินไปซื้อมา นั่นไม่ใช่จำนวนเงินน้อยๆ เลยนางไม่อยากใช้เงินพวกนั้นในมิติมากเกินไป นางยังรอที่จะสนับสนุนฉู่จวินสิงขึ้นนั่งบัลลังก์ฮ่องเต้หลังจากการทำสงครามกลับเมืองจิงโจวในวันหน้าเมื่อถึงตอนนั้น เงินทองของล้ำค่าเหล่านั้นในมิติก็จะได้นำไปใช้แล้วฮ่องเต้จนกรอบคนหนึ่งที่ไม่สามารถจ่ายเบี้ยหวัดให้เหล่าขุนนางได้ ทั้งยังไม่สามารถทำให้ชาวบ้านอยู่ดีมีสุข กับฮ่องเต้ที่มั่งคั่งร่ำรวยคนหนึ่ง เงินในมือสามารถซื้อเมืองทั้งเมืองได้ชาวบ้านกับเหล่าขุนนางจะเอนเอียงไปทางคนไหนมากกว่า นั่นไม่ต้องพูดก็สามารถรู้ได้แล้วในไม่ช้า เจี่ยน
เมื่อมีชาวบ้านผ่านมาที่นี่แล้วเห็นลูกปลาในสระน้ำเข้าเขาก็ส่งเสียงด้วยความประหลาดใจทันทีว่า “แม่นางเจี่ยน เจ้าเป็นคนนำลูกปลาพวกนี้มาปล่อยไว้ในนี้หรือ?”เจี่ยนอันอันพยักหน้าพร้อมยิ้มบาง ชาวบ้านผู้นั้นเรียกคนอื่นๆ มาด้วยความดีใจทุกคนล้วนรู้สึกซาบซึ้งในความเอาใจใส่ของเจี่ยนอันอัน แบบนี้ต่อไปพวกเขาก็จะสามารถกินเนื้อปลาสดใหม่ได้แล้วชาวบ้านจำนวนมากล้วนรู้สึกยินดีเพราะเรื่องนี้ แต่มีชาวบ้านคนหนึ่งที่นิ่วหน้าคิ้วขมวดเขาอดพูดขึ้นไม่ได้ว่า “สระน้ำนี่ก็ดีอยู่หรอก แต่อากาศค่อยๆ เย็นลงแล้ว กลัวจริงๆ ว่าเมื่อถึงฤดูหนาว สระน้ำนี่ก็จะจับตัวเป็นน้ำแข็ง”“พอถึงยามนั้น อย่าว่าแต่พวกเราจะไม่ได้กินเนื้อปลา เกรงว่าแม้แต่พืชผักก็คงปลูกไม่ได้เหมือนกัน”วาจาประโยคเดียวของชาวบ้านทำให้คนอื่นๆ กลัดกลุ้มตามไปด้วยหลายวันมานี้อากาศค่อยๆ เย็นลง พวกเขาล้วนแต่เพิ่งปลูกผักทั้งยังได้รับเงินสามสิบตำลึงมาแล้วหากถึงฤดูหนาวจริงๆ พวกเขาก็ไม่สามารถปลูกผักพวกนี้ได้อีกแล้วเมื่อถึงตอนนั้น พวกเขาก็จะได้กลับไปมีชีวิตที่ยากลำบากเหมือนที่ผ่านมาอีกครั้งพวกเขาเกี่ยวข้าวไว้มากแล้ว แต่ผักพวกนี้ควรทำอย่างไรดีเล่า?หาก
เซียงเสวี่ยเห็นลูกเป็ดและลูกไก่ตัวน้อยที่อยู่ในกรง นางดีใจจนรีบมารับไป“ฮูหยินน้อยรอง อีกหน่อยเมื่อเลี้ยงเป็ดและไก่เหล่านี้จนโต พวกเราก็จะมีเนื้อเป็ดเนื้อไก่กินแล้ว”เจี่ยนอันอันยิ้มเล็กน้อย พลางมองไปยังเสิ่นจือเจิ้ง“พี่ใหญ่ เป็ดไก่เหล่านี้เพียงพอให้พวกท่านกินหลายวันสินะ”เสิ่นจือเจิ้งยิ้มตอบ “เด็กโง่ พี่ใหญ่กลับไม่คิดเช่นนั้น”เจี่ยนอันอันเลิกคิ้วเล็กน้อย “ความหมายของท่านคือ?”เสิ่นจือเจิ้งบอกเล่าความคิดของตนให้ฟังเขาตั้งใจว่าจะเลี้ยงเป็ดไก่เหล่านี้ให้โต พร้อมทำการเพาะพันธุ์ต่อจากนั้นก็ทยอยนำเป็ดไก่ไปขาย เชื่อว่าน่าจะได้เงินเป็นจำนวนมากเมื่อเป็นเช่นนี้แล้ว เขาก็ไม่ต้องอยู่อย่างยากจนข้นแค้นดั่งเช่นทุกวันนี้อีกเจี่ยนอันอันเห็นว่าวิธีนี้พอใช้ได้ ปกติพี่ใหญ่มองการณ์ไกลมากกว่านางอยู่แล้ว“ถ้าเช่นนั้นก็แล้วแต่ท่าน”เจี่ยนอันอันกล่าวจบ จึงคิดจากไปนางยังคิดจะไปดูแอ่งน้ำเสียหน่อย เผื่อจะปล่อยพันธุ์ปลาลงไปในน้ำบ้างเผื่อวันหน้าปลาโตขึ้น ชาวหมู่บ้านชิงสุ่ยก็จะมีเนื้อปลากินอีกขณะที่เจี่ยนอันอันเตรียมตัวจะออกไป กลับถูกเสิ่นจือเจิ้งเรียกตัวไว้“เมื่อคืนที่บ้านเจ้าได้เกิดเรื่อ