เจียงหว่านเอ๋อร์ลอบถอนหายใจด้วยความโล่งอก นางมองออกว่าเจี่ยนอันอันเป็นคนมีเหตุผลสิ่งใดที่นางไม่ควรทำ นางก็จะไม่ฝืนทำเรื่องนี้ทำให้ความคิดที่เจียงหว่านเอ๋อร์มีต่อเจี่ยนอันอันเปลี่ยนไปเล็กน้อยเสิ่นจืออวี้เห็นเจียงหว่านเอ๋อร์ถอดกางเกงให้เสิ่นจืออวี้ด้วยความระมัดระวังเขารู้สึกว่าตัวเองจะเอาแต่นิ่งดูดายไม่ได้ เขากระโดดขึ้นรถม้าทันที ช่วยเจียงหว่านเอ๋อร์ถอดกางเกงให้เสิ่นจือเจิ้งบาดแผลที่น่าสยดสยองทำให้ทั้งสองคนอดที่จะหายใจดังเฮือกไม่ได้แผลที่ขาของเสิ่นจือเจิ้งสาหัสกว่าแผลตามร่างกายมากบวกกับช่วงที่ผ่านมานี้ไม่ได้รับการรักษามาโดยตลอด ทำให้เนื้อหนังที่เน่าเปื่อยหลุดออกมาพร้อมกับกางเกงบางจุดเนื้อหลุดจนเห็นถึงกระดูกเจียงหว่านเอ๋อร์รีบยกมือปิดตาเสิ่นคังเพราะกลัวว่าเขาจะกลัว“ท่านแม่ ข้าไม่กลัวขอรับ ข้าอยากเห็นพวกท่านทายาให้ท่านพ่อ”เสิ่นคังค่อนข้างสงบนิ่ง เขาแกะมือของเจียงหว่านเอ๋อร์ออก ไม่ว่าอย่างไรก็จะดูให้ได้เจี่ยนอันอันได้ยินเสียงพูดของเสิ่นคัง นางหันกลับไปมองทางรถม้าปราดหนึ่งสีหน้าของทั้งสามคนทำให้นางพอจะเดาได้ว่าบาดแผลบริเวณขาของเสิ่นจือเจิ้งต้องสาหัสมากเป็นแน่ทันใด
เมื่อเห็นเสิ่นจืออวี้นิ่งเงียบไม่พูดไม่จา เฉียนซื่อก็แค่นเสียงเย็น“เหอะ หากไม่ใช่เพราะพี่ชายของเจ้าล่วงเกินฮ่องเต้ ข้ามีหรือจะถูกเนรเทศมาอยู่ที่นี่พร้อมกับพวกเจ้า”“ครานี้ดีล่ะ แม้แต่ที่ให้อยู่ก็ยังไม่มี เจ้ายังมีหน้ามาซักถามข้าอีก”“หากพ่อของเจ้ารู้ว่าเจ้าอกตัญญูขนาดนี้ เกรงว่าเขาที่อยู่ในปรโลกคงได้โมโหจนฟื้นกลับมามีชีวิต”เสิ่นจืออวี้ซึ่งเดิมทีก็โมโหอยู่แล้วถูกเฉียนซื่อพูดแบบนี้ใส่ก็ยิ่งโมโหเลือดขึ้นหน้าเขากำไม้เท้าแน่นและชี้ไปที่หน้าเฉียนซื่อด้วยความโมโห “ที่พวกข้าถูกเนรเทศมาที่นี่เป็นเพราะท่านต่างหาก”“แม้แต่พี่ใหญ่ของข้าท่านก็ยังไม่ยอมปล่อยไป ตอนนี้ยังจะด่าว่าข้าอกตัญญูอีก”“ไหนลองบอกข้ามาว่าตัวเองช่วยอะไรหรือ?”เฉียนซื่อเห็นเสิ่นจืออวี้ใช้ไม้เท้าชี้หน้าตัวเองก็ลุกขึ้นด้วยความโมโหเพื่อแย่งไม้เท้าคืนมา“หากไม่ใช่เพราะมีข้าอยู่ พวกเราจะถูกเนรเทศไปอยู่ที่ใดก็ยังไม่รู้”“เจ้าหลานอกตัญญู เชื่อหรือไม่ว่าข้าจะฟาดเจ้าให้ตาย!”เฉียนซื่อว่าแล้วจับปลายอีกด้านของไม้เท้านางรู้สึกว่าที่ก่อนหน้านี้วิชาไสยศาสตร์ของตัวเองใช้ไม่ได้ผลเป็นเพราะไม้เท้าด้ามนี้ตกไปอยู่ในมือเสิ่นจืออวี้
เจี่ยนอันอันมองเจียงหว่านเอ๋อร์ด้วยสีหน้าเย็นชา “อยากให้สามีมีชีวิตรอดหรือไม่?”“แน่นอนอยู่แล้ว” เจียงหว่านเอ๋อร์ตอบทันทีนางไม่เข้าใจว่าเจี่ยนอันอันถามเช่นนี้มันหมายความว่าอย่างไร นั่นคือสามีของนางนะ นางต้องหวังว่าเขาจะดีขึ้นโดยไวอยู่แล้วสิ“ในเมื่ออยากให้เขามีชีวิต เช่นนั้นก็อย่าสงสัยในวิชาแพทย์ของข้า”เจี่ยนอันอันไม่ชอบให้คนอื่นสงสัยในความหวังดีของตัวเองที่สุดแล้วหากไม่ใช่เพราะทุกคนถูกเนรเทศเหมือนกันและมาอยู่หมู่บ้านชิงสุ่ยด้วยกันนางก็คร้านจะสนใจความเป็นความตายของเสิ่นจือเจิ้งเจียงหว่านเอ๋อร์ได้ยินดังนี้ก็ผงะ แต่นางก็เข้าใจอย่างรวดเร็วนางรู้ว่าตัวเองอ่อนไหวเกินไปหากว่าเจี่ยนอันอันไม่คิดที่ช่วยสามีของนาง เกรงว่าตอนนี้อาการของเขาคงทรุดหนักขึ้นเรื่อยๆ“ขออภัย ข้าอ่อนไหวเกินไปเอง”เจี่ยนอันอันเห็นเจียงหว่านเอ๋อร์ก้มหน้ายอมรับผิดก็ไม่อยากถือสาหาความมากนักเพื่อคลายความกังวลของเจียงหว่านเอ๋อร์ เจี่ยนอันอันก็พูดว่า “เมื่อครู่นี้ข้าให้เขากินโอสถรักษาบาดแผลภายใน”“เขาไม่ได้มีแค่บาดแผลภายนอก แต่ยังมีบาดแผลภายในที่สาหัสมากด้วย”“นอกจากนี้ยังถูกวิชาไสยศาสตร์ ต่อให้ตอนนี้ทุบ
เจี่ยนอันอันช่วยทายาให้ฉู่จวินสิงเรียบร้อยแล้ว จากนั้นก็พันแผลให้เขาฉู่จวินสิงเหลือบมองไปยังเฉียนซื่อที่กำลังชักกระตุกอยู่บนพื้น และเสิ่นจืออวี้ที่ยืนอยู่ข้างๆ ด้วยท่าทางเหม่อลอย“ที่นี่เกิดอะไรขึ้น?”เจี่ยนอันอันเล่าเรื่องราวทั้งหมดที่เกิดขึ้นให้เขาฟัง หลังจากที่ฉู่จวินสิงได้ฟังแล้วก็รีบก้าวไปที่รถม้าเขาเห็นเสิ่นจือเจิ้งลืมตาด้วยสายตาว่างเปล่า มองไปยังท้องฟ้า“ในเมื่อเสิ่นจือเจิ้งถูกวิชาไสยศาสตร์เล่นงาน แล้วพอจะช่วยเขาได้หรือไม่?”เจี่ยนอันอันส่ายศีรษะเบาๆ “ตอนนี้ข้ายังไม่มีวิธีที่จะทำให้เขาฟื้นสติ จำเป็นต้องกลับไปศึกษาคัมภีร์สามชะตามรรคาลี้ลับก่อน”“หากในนั้นมีวิธีแก้วิชาไสยศาสตร์นี้ ข้าก็พอจะช่วยทำให้เขาฟื้นสติขึ้นมาได้”บทสนทนาของทั้งสองดังเข้าไปถึงหูของเจียงหว่านเอ๋อร์และเสิ่นจืออวี้เสิ่นจืออวี้ที่เหม่อลอยอยู่นาน ในที่สุดก็ได้สติกลับคืนมา เขาเดินตรงมายังหน้ารถม้ามองไปที่ฉู่จวินสิงด้วยสีหน้าสงสัย“ท่านรู้จักพี่ใหญ่ของข้าด้วยหรือ?”เมื่อครู่ฉู่จวินสิงเอ่ยชื่อของเสิ่นจือเจิ้งออกมา ทำให้ในในของเจียงหว่านเอ๋อร์รู้สึกระแวงมากขึ้นพวกเขารู้จักสามีนางได้อย่างไร หรือว่าพวกเข
เฉียนซื่อเก็บความแค้นนี้ไว้ในใจมาโดยตลอด ระหว่างทางไม่วายด่าพวกเราสองพี่น้องว่าเป็นคนอ่อนแอไร้ประโยชน์คาดว่าระหว่างทาง เสิ่นจือเจิ้งคงถูกเฉียนซื่อร่ายวิชาไสยศาสตร์ใส่เมื่อพูดถึงตรงนี้ เสิ่นจืออวี้มองเฉียนซื่อด้วยความโกรธแค้นเจี่ยนอันอันเอ่ยถามขึ้นว่า “เหตุใดพวกท่านจึงเรียกนางว่าย่ารอง หรือว่านางไม่ใช่ย่าแท้ๆ ของพวกท่าน?”เสิ่นจืออวี้เช็ดหยาดน้ำที่มุมตา ก่อนจะสูดหายใจเข้าลึก“ใช่แล้ว นางไม่ใช่ย่าแท้ๆ ของพวกข้า นางเป็นฮูหยินรองของท่านปู่ และนางไม่มีลูกเป็นของตนเอง”“เนื่องจากนางเรียนรู้วิชาไสยศาสตร์ลึกลับ พวกเราจึงไม่มีใครกล้าขัดใจนาง มีเพียงพี่ใหญ่ของข้าเท่านั้นที่กล้าต่อปากต่อคำนางเป็นครั้งคราว”เจี่ยนอันอันเข้าใจทันที มิน่าละว่าทำไมเสิ่นจือเจิ้งถึงกลายเป็นเช่นนี้เฉียนซื่อคงเก็บความแค้นไว้จากการที่เสิ่นจือเจิ้งมักโต้เถียงกับนางเป็นประจำ เมื่อสบโอกาสจึงใช้จังหวะที่เขาล้มป่วยหวังจะปลิดชีพเขานางไม่กล้าลงมือฆ่าเสิ่นจือเจิ้งอย่างโจ่งแจ้ง แต่กลับใช้วิชาไสยศาสตร์ทำให้เขากลายเป็นเหมือนคนตายทั้งเป็นเจี่ยนอันอันยังไม่ได้คิดจะฆ่าเฉียนซื่อตอนนี้ นางยังต้องการหาคำตอบจากเฉียนซื่อเกี่
แม่นมหลี่ที่เคยถูกเจี่ยนอันอันจัดการจนกลัว ครานี้พอเห็นเจี่ยนอันอันยืนอยู่หน้าประตูรั้ว ยิ่งเหมือนหนูที่เจอแมวเข้า“คุณชายรอง ฮูหยินรอง พวกท่านมาที่นี่ได้อย่างไรเจ้าคะ?”ชิวเหลียนยิ้มกว้างอย่างยินดี เดินเร็วๆ มาที่หน้าประตูรั้วและเชิญทั้งสองคนเข้ามาเมื่อเสียงพูดคุยดังขึ้นในลานบ้าน เตียวเฉียงและกวนซิน รวมถึงคนอื่นๆ ก็พากันเดินออกมาจากตัวเรือนเจี่ยนอันอันเห็นว่าทุกคนมาพร้อมหน้า ก็นับว่าเป็นโอกาสดีที่จะแจ้งเรื่องให้ทุกคนรู้เจี่ยนอันอันหันไปมองเตียวเฉียงและคนรับใช้คนอื่นๆ ก่อนกล่าวด้วยน้ำเสียงเย็นชา “อีกประดี๋ยว ข้าจะพาคนมาพักอยู่ที่นี่สี่คน”“พวกเจ้าจัดการเก็บกวาดเรือนให้เรียบร้อย แล้วแบ่งห้องออกมาสองห้อง”เมื่อสือเจี้ยได้ยิน เขาก็ก้าวไปข้างหน้าหนึ่งก้าวแล้วพูดว่า “แม่นาง คนที่จะมาพักค้างคืนที่นี่เป็นใครกันแน่?”“พวกเราคงยากที่จะเบียดเสียดอยู่ในห้องเดียวกันได้”สือเจี้ยพูดพลางเหลือบมองไปที่เตียวเฉียงก่อนหน้านี้เตียวเฉียงมีห้องเป็นของตัวเอง ส่วนสือเจี้ยและคนรับใช้คนอื่นๆ อยู่รวมกันในห้องอีกห้องแม่นมหลี่อยู่คนเดียวในอีกห้อง กวนซินกับฉู่ตั๋วตั่วรวมถึงชิวเหลียนที่มาใหม่อยู่ด้ว
เจี่ยนอันอันหัวเราะเย็นชา มองเตียวเฉียงและแม่นมหลี่ราวกับกำลังมองตัวตลกสองตัวบ้านหลังนี้นางได้จ่ายเงินซื้อเอาไว้แล้วตั้งแต่แรกจริงๆตอนนั้นที่ย้ายบ้าน นางได้ทำอย่างรอบคอบเป็นพิเศษโดยทำสัญญาเป็นลายลักษณ์อักษรกับท่านปู่เฉินที่เป็นผู้ใหญ่บ้านแล้ว และจ่ายเงินจำนวนมากพอที่จะซื้อบ้านหลังนี้เงินก้อนนั้น ยังถูกท่านปู่เฉินแบ่งให้ชาวบ้านคนอื่นๆ ด้วยเมื่อเป็นเช่นนี้ บ้านหลังนี้จึงกลายเป็นทรัพย์สินในชื่อของเจี่ยนอันอันโดยสมบูรณ์เจี่ยนอันอันตั้งใจจะพูดคุยตกลงกับพวกเขาดีๆ เพื่อให้ครอบครัวเสิ่นจือเจิ้งมาพักค้างคืนที่นี่สักคืนแล้วพอถึงพรุ่งนี้ นางก็ค่อยหาทางสร้างบ้านใหม่ให้พวกเขาแต่ตอนนี้ดูเหมือนว่าจะไม่จำเป็นต้องพูดจาดีๆ กับพวกเขาอีกแล้วในเมื่อเตียวเฉียงและแม่นมหลี่ไม่รู้ดีชั่วเช่นนี้ งั้นก็ให้พวกเขาไสหัวออกไปนอนกลางแจ้งจะดีกว่าเจี่ยนอันอันพูดเสียงดังว่า “ลืมตาสุนัขของเจ้าดูให้ดีๆ นี่คือสัญญาซื้อขายบ้าน!”นางพูดพลางหยิบสัญญาซื้อขายบ้านออกมาจากมิติส่วนตัวกวนซินรีบก้าวเข้าไปในบ้าน หยิบเทียนออกมาเพื่อช่วยให้เห็นชัดขึ้นทุกคนกรูกันเข้ามามุงดูสัญญาในมือของเจี่ยนอันอันเป็นตาเดียวบน
เตียวเฉียงเห็นว่าเจี่ยนอันอันตัดสินใจแน่วแน่ที่จะไล่พวกเขาออกไปเขาจึงมองแม่นมหลี่ด้วยความไม่พอใจ ก่อนจะเหวี่ยงไม้ในมือกระแทกลงพื้นอย่างแรง แล้วเดินออกจากลานบ้านไปแม่นมหลี่ยังคิดจะพูดอะไรบางอย่าง แต่กลับสบเข้ากับสายตาเย็นเยียบของฉู่จวินสิงนางก็รีบหดคอด้วยความหวาดกลัว ก่อนจะบ่นพึมพำ “เรื่องนี้จะมาโทษข้าทั้งหมดไม่ได้ มันเป็นความผิดของเตียวเฉียงไอ้สุนัขตัวดีนั่นต่างหาก”เจี่ยนอันอันเห็นแม่นมหลี่ยังยืนนิ่งอยู่ที่เดิมไม่ยอมไป นางจึงส่งสายตาเป็นสัญญาณให้ชิวเหลียนชิวเหลียนเข้าใจทันที นางหยิบไม้ที่เตียวเฉียงโยนทิ้งไว้ขึ้นมา ก่อนจะฟาดไปที่ก้นของแม่นมหลี่อย่างแรง“โอ๊ย เจ็บจะตายอยู่แล้ว!” แม่นมหลี่ไหนเลยจะรับแรงกระแทกจากไม้นั้นไหว นางร้องออกมาด้วยความเจ็บปวดทันทีชิวเหลียนที่ถือไม้ในมือ จ้องแม่นมหลี่เขม็งพร้อมตะคอกเสียงเกรี้ยว“ยายคางคกเฒ่า ถ้าเจ้ายังไม่รีบออกไป อย่ามาโทษข้าที่ไม่เกรงใจ!”แม่นมหลี่ที่เจ็บจนต้องแยกเขี้ยวยิงฟัน ไม่กล้าอยู่ต่อเพราะกลัวว่าชิวเหลียนจะฟาดนางอีกนางเอามือกุมสะโพกที่ถูกตีไว้ แล้วเดินกะโผลกกะเผลกออกไปไม่นานนัก เสียงด่าทอกันของแม่นมหลี่และเตียวเฉียงก็ดังมาจ
หลังจากทั้งคู่กินข้าวเสร็จ กลับไม่ได้พักผ่อนอยู่ในโรงเตี๊ยมหลังจากออกไปข้างนอก ก็มาอยู่ในมุมๆ หนึ่งซึ่งปลอดคนในใจรีบท่องชื่อว่านผิงพร้อมกัน และไม่นานก็หายตัวไปจากซอกมุมนั้นเมื่อพวกเขาปรากฏตัวขึ้นอีกครั้ง จึงเห็นว่านผิงกับพวกกำลังเที่ยวจับคนอยู่ทุกครั้งที่จับชายคนหนึ่งได้ ก็จะหยิบภาพเขียนออกมาเปรียบเทียบดูใบหน้าทำเอาผู้คนบนท้องถนนต่างตกใจเป็นการใหญ่ฉู่จวินสิงและเจี่ยนอันอันยังอยู่ในสภาพอำพรางกายอยู่ ว่านผิงกับพวกจึงไม่รู้ว่ามีคนมาคอยติดตามและพวกเขาก็ไม่ได้ปรากฏตัวขึ้น กลับเดินตามพวกว่านผิงไปเรื่อยๆโดยตั้งใจว่าจะหาโอกาสเหมาะ ค่อยลงมือเสียทีเดียวเพราะถ้าอยู่ท้องถนนแล้วลงมือฆ่าคน อาจทำให้ชาวบ้านตื่นตระหนกเป็นอย่างมากพวกเขาจับคนมาหลายคน แต่ล้วนไม่ใช่คนในภาพเขียนทำเอาว่านผิงโกรธจนกำหมัดแน่น มองหน้าลูกน้องพร้อมกล่าวเสียงดุ “พวกมันยังอยู่ในเมืองหลี่จง รีบไปค้นหาให้ทั่ว อย่าได้ปล่อยผ่านแม้แต่คนเดียว!”“ขอรับ ท่านหัวหน้า”ลูกน้องรับคำโดยพร้อมเพรียง และตามหาต่อไปเมื่อพวกเขามาถึงที่เงียบสงบแห่งหนึ่ง พลันเห็นข้างหน้ามีบ้านเล็กหลังหนึ่งตั้งตระหง่านอยู่ดูจากประตูที่เก่าโทร
ว่านผิงส่งสายตาให้เหล่าลูกน้อง ทุกคนรีบวิ่งขึ้นชั้นบนไปต่างถือเอาภาพเหมือนออกมา พร้อมเปรียบเทียบบนใบหน้าแขกทีละคน เมื่อเห็นว่าล้วนไม่ใช่คนที่ตนต้องการจะหา อีกทั้งมองดูในห้อง จนแน่ใจว่าไม่มีใครหลบซ่อนอยู่ จึงลงไปยังชั้นล่าง“หัวหน้า ชั้นบนไม่มีคนที่เราจะหา”ว่านผิงเหลียวมองคนที่นั่งกินอาหารอยู่ในโรงเตี๊ยม มองดูแต่ละคนแล้วสำรวจขึ้นลง สุดท้ายไปจับจ้องอยู่ที่ฉู่จวินสิงและเจี่ยนอันอันเขาเห็นคนทั้งคู่ต่างก้มหน้ากินข้าว แทบไม่เงยหน้าขึ้นมองผู้ใดเสียด้วยซ้ำจึงผละจากเถ้าแก่ เดินจ้ำอ้าวไปทางฉู่จวินสิงและเจี่ยนอันอัน“เงยหน้าขึ้นมา” ว่านผิงกล่าวเสียงตะคอก กระบี่ในมือชี้ที่ลำคอฉู่จวินสิงฉู่จวินสิงแทบไม่นำพาต่อกระบี่ที่พาดคอ พลางวางตะเกียบลง หยิบผ้าเช็ดหน้าออกมาเช็ดมุมปาก “ว่าอย่างไร เจ้าคิดลงมือกับข้าด้วยรึ?”ฉู่จวินสิงเลียนแบบน้ำเสียงของอิ่นเจียง พลางเหลือบตาขึ้นมองว่านผิงทันทีที่ว่านผิงเห็นหน้าฉู่จวินสิงชัดเจน จึงตกใจจนตัวสั่น พลางรีบเก็บกระบี่ขึ้น“ข้าน้อยไม่รู้ว่าใต้เท้ามาอยู่นี่ เมื่อครู่ล่วงเกินไป ขอท่านโปรดอภัยด้วย”ว่านผิงยืนอยู่ด้านข้างฉู่จวินสิง ในใจรู้สึกขนลุกขนชัน
ฉู่จวินสิงเห็นเจี่ยนอันอันในที่สุดก็ลืมตาขึ้น จึงได้กล่าวกับนาง “เมื่อครู่ข้าเรียกเจ้าอยู่หลายที เจ้าก็ไม่ขานตอบ ข้ายังนึกว่าเกิดอะไรขึ้นเสียอีก”เจี่ยนอันอันเพิ่งจะนึกได้ เมื่อครู่นางกำลังเพ่งมองภาพในมิติอยู่ ข้างโสตได้ยินเสียงคนเรียกชื่อนางจริงๆเพียงแต่ความสนใจของนาง ล้วนไปอยู่ในภาพนั้นหมดสิ้น จึงไม่ได้ใส่ใจการเรียกหาของฉู่จวินสิงนางจึงยอมให้ฉู่จวินสิงมานั่งด้านข้าง พร้อมนำภาพที่เห็น บอกเล่าให้เขาฟัง“จากที่เจ้าเล่ามา ชายสองคนที่เห็นนั้น อาจเป็นลูกน้องข้าก็ได้”เจี่ยนอันอันก็นึกถึงข้อนี้เช่นกัน หากชายสองคนนั้นไม่เกี่ยวข้องกับพวกเขาจริง เบื้องหน้านางคงไม่ปรากฏภาพเช่นนั้นออกมา“เมื่อเป็นเช่นนี้ เราก็รออยู่ในโรงเตี๊ยมนี้แหละ เพราะที่ๆ สองคนนั้นจะมาพักก็คือโรงเตี๊ยมแห่งนี้”ฉู่จวินสิงได้ยินดังนี้ พลันเกิดความคิดในใจขอเพียงชายสองคนนั้นปรากฏตัวขึ้น เขาก็จะได้สมทบกับพวกเขาทันทีเพียงแต่ไม่รู้ว่าพวกเขาทั้งห้าคนหลบหนีพร้อมกัน เหตุใดจึงได้พลัดหลงกันเช่นนี้?หรือว่าลูกน้องอีกสามคนได้ถูกคนของฉู่ชางเหยียนจับกลับไปเสียแล้ว?เจี่ยนอันอันเห็นฉู่จวินสิงขมวดคิ้วมุ่น นางจึงเอ่ยปาก “อย่าเพ
ฉู่จวินสิงกล่าวเสียงก้อง “เช่นนั้นก็ได้ ข้าจะให้เวลาท่านสามวันในการสืบเรื่องนี้”“ถ้าไม่ได้ตัวผู้ก่อเหตุมา ข้าจะทำตามรับสั่งของฝ่าบาท สั่งประหารพวกท่านทั้งครอบครัว”คำพูดของฉู่จวินสิง ทำให้เจ้าเมืองข่งสะดุ้งอย่างแรงจนแม้แต่สะใภ้รองที่คุกเข่าอยู่ด้านข้าง ก็พลอยหวาดกลัวจนตัวสั่นไปด้วยนางแอบเหลียวมองเจ้าเมืองข่ง เห็นอีกฝ่ายก้มหน้าก้มตา ไม่รู้ว่าจะตามหาคนผู้นั้นได้พบหรือไม่หลังจากฉู่จวินสิงและเจี่ยนอันอันจากไปแล้ว เจ้าเมืองข่งค่อยทรุดตัวลงกับพื้นเขาหายใจหอบแรง หวังจะช่วยระงับความหวาดหวั่นในใจบ้างสะใภ้รองได้ยินว่าโทษถึงขั้นประหารชีวิต ทำให้นางร้อนใจจนเดือดพล่านยิ่งกว่ามดที่อยู่บนฝาหม้อร้อน น้ำตาก็ยิ่งไหลรินไม่หยุด“ท่านพ่อ ข้ายังไม่อยากตาย โรคของซีเอ๋อร์ยังไม่ทันรักษาให้หายขาด เขาจะถูกประหารเช่นนี้ไม่ได้ ท่านต้องรีบจับกุมผู้แอบอ้างชื่อผู้นั้นให้ได้นะเจ้าคะ!”เจ้าเมืองข่งมีแผนการในใจอยู่แล้ว จึงถลึงตาใส่สะใภ้รอง พลางกล่าว “เลิกร้องไห้เสียที รีบไปดูซีเอ๋อร์ก่อนว่าตอนนี้เป็นอย่างไรบ้าง?”สะใภ้รองรีบซับน้ำตาที่นองหน้าอยู่ พลางลุกขึ้นแล้วเดินไปข้างเตียงมองดูซีเอ๋อร์ขณะนั้นมีสาวใ
เสียงของเจี่ยนอันอันดังขึ้นจากด้านหลัง “บอกให้พวกเขาถอยออกไป หาไม่ข้าจะให้พวกท่านตายทั้งบ้าน!”เจ้าเมืองข่งรู้ดีว่าสองคนนี้วรยุทธ์ไม่เบา จึงไม่กล้าทำการบุ่มบ่าม ได้แต่รีบโบกมือให้เหล่าทหารจนแม้แต่สะใภ้รองที่อยู่บนเตียง ก็ตกใจกับคำพูดเจี่ยนอันอันเสียจนต้องรีบหยุดร้องไห้โดยพลันรอให้ทหารออกไปหมดแล้ว เจ้าเมืองข่งจึงได้ถามเสียงสั่น “พวกเจ้าต้องการสิ่งใดกันแน่?”“ที่เรามานี่ ย่อมได้รับพระบัญชาจากฮ่องเต้ ให้สืบเรื่องราวการสอบจอหงวนเมื่อสามปีก่อน”เจ้าเมืองข่งได้ยินคำพูดของฉู่จวินสิง พลันขมวดคิ้วมุ่น สองตาจ้องเขม็งไปที่เขาเพียงไม่นานเจ้าเมืองข่งก็สังเกตจากบุคลิกและการแต่งกายของฉู่จวินสิง ดูออกว่าอีกฝ่ายเป็นชาวจิงโจวจริงๆแต่จะบอกว่ารับพระบัญชามาจากฮ่องเต้ ก็ออกจะฟังไม่ขึ้นไปเสียหน่อย“พวกเจ้ามีสิ่งใดมายืนยันว่ารับพระบัญชามาสืบสวนข้าจริง?”ซ้ำยังเป็นเรื่องเมื่อสามปีที่แล้วฮ่องเต้ทรงมีราชกิจมากมาย จู่ๆ จะทรงนึกได้อย่างไรว่าต้องสืบสวนเรื่องการสอบจอหงวนเมื่อสามปีก่อนไม่แน่ว่าสองคนนี้ อาจเป็นผู้ใดส่งมาแก้แค้นเขาก็ได้เพราะเขาเคยรับผลประโยชน์จากผู้อื่นมาไม่น้อย อีกทั้งให้ผู้ที่สอบตก
แม้แต่บุตรชายโง่งมของเขาก็ยังไม่กลับบ้านมาแต่เสียงนี้กลับได้ยินแจ่มชัด จนเขามั่นใจว่าในห้องยังมีผู้อื่นอยู่อีกพลันรีบลุกขึ้นยืน มองไปยังห้องว่างเปล่าแล้วตะคอกเสียงดัง “เป็นผู้ใดกัน รีบออกมาเดี๋ยวนี้!”ถึงขั้นนี้แลว ทั้งเจี่ยนอันอันและฉู่จวินสิงจึงไม่คิดหลบซ่อนตัวอีกทั้งคู่จึงปรากฏตัวขึ้นต่อหน้าเจ้าเมืองข่งการปรากฏตัวอย่างกะทันหันของคนทั้งคู่ ยิ่งทำให้เจ้าเมืองข่งตกใจเสียจนนั่งทับลงบนร่างสะใภ้รองโดยไม่รู้ตัวส่วนทางสะใภ้รองจู่ๆ ถูกคนมานั่งทับ ก็ทำเอานางเจ็บจนร้องโอย พลันรีบลืมตาขึ้นเจ้าเมืองข่งเพิ่งรู้ตัวว่าตนได้นั่งทับร่างสะใภ้รองอยู่ จึงรีบกระโดดผึงขึ้นมาในบัดดลเขาชี้หน้าเจี่ยนอันอันและฉู่จวินสิง พลางกล่าวตวาด “พวกเจ้าเป็นใครกัน ไฉนมาอยู่ในบ้านข้าได้?”เจี่ยนอันอันยิ้มหยันขณะมองหน้าเจ้าเมืองข่ง นางไม่ได้พูดจา แต่ในมือถือเข็มเงินเล่มหนึ่งอยู่นานแล้วนางดีดนิ้วหนึ่งที เข็มเงินรีบพุ่งไปยังเด็กชายที่นอนอยู่บนเตียงเข็มนั้นไปปักที่ศีรษะของเด็กชาย พลันได้ยินเสียงเด็กร้อง “อึ่ก” แล้วกระอักโลหิตสดออกมาคำหนึ่งเจ้าเมืองข่งรีบหันไปดูด้วยความตกใจ จึงเห็นบนศีรษะของหลานตัวน้อย มี
เจ้าเมืองข่งลุกพรวดขึ้น เขารีบประสานมือให้กับบรรดาพ่อค้า “ขออภัยด้วยทุกท่าน ที่บ้านข้ามีธุระ ต้องรีบไปจัดการ”“ขอให้ทุกท่านกลับไปก่อน รอให้ถึงเวลาสอบจอหงวนในอีกหนึ่งปี ข้าจะช่วยให้ลูกๆ ของพวกเจ้าสอบผ่านโดยราบรื่น”เจ้าเมืองข่งว่าจบก็ให้พ่อบ้านส่งแขกส่วนตัวเขารีบเดินไปทางห้องนอนของหลานชายเจี่ยนอันอันกับฉู่จวินสิงสบตากันก่อนจะตามไปทันทีหลังจากที่ทั้งสองคนเดินตามเจ้าเมืองข่งอยู่นานมาก พวกเขาก็มาถึงหน้าห้องนอนในที่สุดเจ้าเมืองข่งรีบเดินเข้าไป เห็นลูกชายคนรองยืนทำอะไรไม่ถูกอยู่หน้าเตียงหลานชายวัยหกขวบที่อยู่บนเตียงกำลังกลอกตา ปากพ่นฟองขาวฟอด ร่างกายชักเกร็งส่วนลูกสะใภ้รองของเขากำลังนอนหมดสติอยู่บนพื้นลูกชายคนรองยืนซื่ออยู่หน้าเตียงไม่ต่างจากท่อนไม้ แน่นิ่งไม่ขยับเขยื้อน“ปัดโธ่ เจ้าลูกโง่ เจ้ามาทำอะไรที่นี่”เจ้าเมืองข่งตบเข่าฉาดด้วยความร้อนอกร้อนใจเมื่อเห็นลูกชายคนรองเขาสั่งให้บ่าวรับใช้เขามาลากนายน้อยรองออกไปทันทีในตอนนี้เอง จู่ๆ คุณชายรองก็ปรบมือร้องอย่างมีความสุข“สนุกมาก คนหนึ่งแกล้งชัก ส่วนอีกคนจะแกล้งตาย ข้าเองก็อยากเล่นกับพวกเจ้าด้วย”คุณชายรองว่าจบก็ไปนอนทับ
บัดนี้ลูกของพวกเขาต่างสอบได้ตำแหน่งซิ่วไฉขอเพียงต่อไปมอบสมบัติให้เจ้าเมืองข่งมากขึ้น วันหน้าก็จะสอบได้ตำแหน่งที่ดียิ่งกว่านี้เจี่ยนอันอันมองเห็นว่าเจ้าเมืองข่งมีใบหน้าเหลี่ยม ความละโมบแผ่ออกมาทางดวงตาเรียวเล็กเป็นระยะๆนางลอบถากถางในใจว่า “หน้าตาของเจ้าเมืองผู้นี้สะท้อนให้เห็นถึงตัวจริงๆ”พ่อค้าคนหนึ่งพูดว่า “ใต้เท้าข่ง ไม่ทราบว่าหลานชายของท่านป่วยเป็นอะไรกันแน่หรือ?”เจ้าเมืองข่งถอนหายใจเฮือกใหญ่ก่อนจะทิ้งตัวลงนั่งในตำแหน่งประธานเขาส่งสัญญาณให้ทุกคนนั่งลงได้ มีสาวใช้ยกน้ำชาเข้ามาให้ทุกคน“เดิมทีแล้วหลานชายของข้าก็ร่าเริงแจ่มใสดี แต่ไม่รู้ว่าป่วยเป็นอะไร ช่วงนี้ล้มป่วยอยู่ตลอด ตอนนี้แค่จะพูดยังยากเลย”เจ้าเมืองข่งขมวดคิ้วแน่นด้วยความกลัดกลุ้มเมื่อพูดถึงตรงนี้“ไม่มีหมอที่จะรักษาได้หรือ?” พ่อค้าอีกคนเอ่ยถามเจ้าเมืองข่งถอนหายใจเฮือกใหญ่อีกครั้ง เขาส่ายหน้าว่า “ข้าตามหมอมาทั่วเมืองหลี่จงแล้ว แต่ไม่มีคนใดที่จะรักษาได้”พ่อค้าที่นำผนึกหัวใจพระพุทธมาให้ฟังถึงตรงนี้ก็หยิบมันออกมาจากอกเสื้อทันทีผนึกหัวใจพระพุทธถูกแสงส่องกระทบเป็นสีรุ้งระยิบระยับเขาลุกขึ้นประสานมือพูดกับเจ้าเ
ทั้งสองคนลงจากหลังม้า นำม้าไปผูกไว้กับต้นไม้ใหญ่ แต่ในจังหวะที่กำลังจะไปจวนเป่าเซวียน พวกเขาก็เห็นรถม้าหลายคันทยอยกันมาหยุดจอดหน้าจวนเป่าเซวียนผู้คนที่ลงมาจากรถม้าล้วนแล้วแต่แต่งกายด้วยอาภรณ์หรูหราดูจากการแต่งกายของพวกเขาแล้วน่าจะไม่ใช้ข้าราชการ ดูคล้ายพ่อค้ามากกว่าไม่รู้เหมือนกันว่าที่จวนเจ้าเมืองกำลังมีงานอะไร ถึงได้มีคนมาเยอะขนาดนี้คนเหล่านั้นเดินไปที่ประตูแล้วนำเทียบเชิญออกมาจากอกเสื้อพ่อบ้านยิ้มกว้างทันทีที่เห็นเทียบเชิญเขาประสานมือพูดว่า “รีบเชิญด้านใน ใต้เท้ารออยู่นานแล้ว”พ่อค้าเหล่านั้นประสานมือตอบก่อนจะสืบเท้าเข้าไปดูเหมือนว่า หากพวกเจี่ยนอันอันจะเข้าไปในจวนเป่าเซวียนก็จำเป็นต้องมีเทียบเชิญเจี่ยนอันอันกับฉู่จวินสิงสบตากัน ทั้งสองท่องในใจทันทีว่าล่องหนครานี้ก็จะไม่มีผู้ใดสังเกตเห็นหรือมองเห็นพวกเขาแล้ว เลือนหายไปในอากาศภายในเสี้ยวพริบตาทั้งสองเดินวางมาดกรีดกรายเข้าไปต่อหน้าต่อตาพ่อบ้านจังหวะที่ทั้งสองคนเดินผ่านพ่อบ้าน พ่อบ้านก็ได้กลิ่นหอมของอะไรบางอย่างนั่นเป็นกลิ่นที่มีเพียงสตรีเท่านั้นที่จะแผ่ออกมาได้เขามองรอบทิศ นอกจากพ่อค้าไม่กี่คนที่เพิ่งเข้าไปแ