เจียงหว่านเอ๋อร์ลอบถอนหายใจด้วยความโล่งอก นางมองออกว่าเจี่ยนอันอันเป็นคนมีเหตุผลสิ่งใดที่นางไม่ควรทำ นางก็จะไม่ฝืนทำเรื่องนี้ทำให้ความคิดที่เจียงหว่านเอ๋อร์มีต่อเจี่ยนอันอันเปลี่ยนไปเล็กน้อยเสิ่นจืออวี้เห็นเจียงหว่านเอ๋อร์ถอดกางเกงให้เสิ่นจืออวี้ด้วยความระมัดระวังเขารู้สึกว่าตัวเองจะเอาแต่นิ่งดูดายไม่ได้ เขากระโดดขึ้นรถม้าทันที ช่วยเจียงหว่านเอ๋อร์ถอดกางเกงให้เสิ่นจือเจิ้งบาดแผลที่น่าสยดสยองทำให้ทั้งสองคนอดที่จะหายใจดังเฮือกไม่ได้แผลที่ขาของเสิ่นจือเจิ้งสาหัสกว่าแผลตามร่างกายมากบวกกับช่วงที่ผ่านมานี้ไม่ได้รับการรักษามาโดยตลอด ทำให้เนื้อหนังที่เน่าเปื่อยหลุดออกมาพร้อมกับกางเกงบางจุดเนื้อหลุดจนเห็นถึงกระดูกเจียงหว่านเอ๋อร์รีบยกมือปิดตาเสิ่นคังเพราะกลัวว่าเขาจะกลัว“ท่านแม่ ข้าไม่กลัวขอรับ ข้าอยากเห็นพวกท่านทายาให้ท่านพ่อ”เสิ่นคังค่อนข้างสงบนิ่ง เขาแกะมือของเจียงหว่านเอ๋อร์ออก ไม่ว่าอย่างไรก็จะดูให้ได้เจี่ยนอันอันได้ยินเสียงพูดของเสิ่นคัง นางหันกลับไปมองทางรถม้าปราดหนึ่งสีหน้าของทั้งสามคนทำให้นางพอจะเดาได้ว่าบาดแผลบริเวณขาของเสิ่นจือเจิ้งต้องสาหัสมากเป็นแน่ทันใด
เมื่อเห็นเสิ่นจืออวี้นิ่งเงียบไม่พูดไม่จา เฉียนซื่อก็แค่นเสียงเย็น“เหอะ หากไม่ใช่เพราะพี่ชายของเจ้าล่วงเกินฮ่องเต้ ข้ามีหรือจะถูกเนรเทศมาอยู่ที่นี่พร้อมกับพวกเจ้า”“ครานี้ดีล่ะ แม้แต่ที่ให้อยู่ก็ยังไม่มี เจ้ายังมีหน้ามาซักถามข้าอีก”“หากพ่อของเจ้ารู้ว่าเจ้าอกตัญญูขนาดนี้ เกรงว่าเขาที่อยู่ในปรโลกคงได้โมโหจนฟื้นกลับมามีชีวิต”เสิ่นจืออวี้ซึ่งเดิมทีก็โมโหอยู่แล้วถูกเฉียนซื่อพูดแบบนี้ใส่ก็ยิ่งโมโหเลือดขึ้นหน้าเขากำไม้เท้าแน่นและชี้ไปที่หน้าเฉียนซื่อด้วยความโมโห “ที่พวกข้าถูกเนรเทศมาที่นี่เป็นเพราะท่านต่างหาก”“แม้แต่พี่ใหญ่ของข้าท่านก็ยังไม่ยอมปล่อยไป ตอนนี้ยังจะด่าว่าข้าอกตัญญูอีก”“ไหนลองบอกข้ามาว่าตัวเองช่วยอะไรหรือ?”เฉียนซื่อเห็นเสิ่นจืออวี้ใช้ไม้เท้าชี้หน้าตัวเองก็ลุกขึ้นด้วยความโมโหเพื่อแย่งไม้เท้าคืนมา“หากไม่ใช่เพราะมีข้าอยู่ พวกเราจะถูกเนรเทศไปอยู่ที่ใดก็ยังไม่รู้”“เจ้าหลานอกตัญญู เชื่อหรือไม่ว่าข้าจะฟาดเจ้าให้ตาย!”เฉียนซื่อว่าแล้วจับปลายอีกด้านของไม้เท้านางรู้สึกว่าที่ก่อนหน้านี้วิชาไสยศาสตร์ของตัวเองใช้ไม่ได้ผลเป็นเพราะไม้เท้าด้ามนี้ตกไปอยู่ในมือเสิ่นจืออวี้
เจี่ยนอันอันมองเจียงหว่านเอ๋อร์ด้วยสีหน้าเย็นชา “อยากให้สามีมีชีวิตรอดหรือไม่?”“แน่นอนอยู่แล้ว” เจียงหว่านเอ๋อร์ตอบทันทีนางไม่เข้าใจว่าเจี่ยนอันอันถามเช่นนี้มันหมายความว่าอย่างไร นั่นคือสามีของนางนะ นางต้องหวังว่าเขาจะดีขึ้นโดยไวอยู่แล้วสิ“ในเมื่ออยากให้เขามีชีวิต เช่นนั้นก็อย่าสงสัยในวิชาแพทย์ของข้า”เจี่ยนอันอันไม่ชอบให้คนอื่นสงสัยในความหวังดีของตัวเองที่สุดแล้วหากไม่ใช่เพราะทุกคนถูกเนรเทศเหมือนกันและมาอยู่หมู่บ้านชิงสุ่ยด้วยกันนางก็คร้านจะสนใจความเป็นความตายของเสิ่นจือเจิ้งเจียงหว่านเอ๋อร์ได้ยินดังนี้ก็ผงะ แต่นางก็เข้าใจอย่างรวดเร็วนางรู้ว่าตัวเองอ่อนไหวเกินไปหากว่าเจี่ยนอันอันไม่คิดที่ช่วยสามีของนาง เกรงว่าตอนนี้อาการของเขาคงทรุดหนักขึ้นเรื่อยๆ“ขออภัย ข้าอ่อนไหวเกินไปเอง”เจี่ยนอันอันเห็นเจียงหว่านเอ๋อร์ก้มหน้ายอมรับผิดก็ไม่อยากถือสาหาความมากนักเพื่อคลายความกังวลของเจียงหว่านเอ๋อร์ เจี่ยนอันอันก็พูดว่า “เมื่อครู่นี้ข้าให้เขากินโอสถรักษาบาดแผลภายใน”“เขาไม่ได้มีแค่บาดแผลภายนอก แต่ยังมีบาดแผลภายในที่สาหัสมากด้วย”“นอกจากนี้ยังถูกวิชาไสยศาสตร์ ต่อให้ตอนนี้ทุบ
เจี่ยนอันอันช่วยทายาให้ฉู่จวินสิงเรียบร้อยแล้ว จากนั้นก็พันแผลให้เขาฉู่จวินสิงเหลือบมองไปยังเฉียนซื่อที่กำลังชักกระตุกอยู่บนพื้น และเสิ่นจืออวี้ที่ยืนอยู่ข้างๆ ด้วยท่าทางเหม่อลอย“ที่นี่เกิดอะไรขึ้น?”เจี่ยนอันอันเล่าเรื่องราวทั้งหมดที่เกิดขึ้นให้เขาฟัง หลังจากที่ฉู่จวินสิงได้ฟังแล้วก็รีบก้าวไปที่รถม้าเขาเห็นเสิ่นจือเจิ้งลืมตาด้วยสายตาว่างเปล่า มองไปยังท้องฟ้า“ในเมื่อเสิ่นจือเจิ้งถูกวิชาไสยศาสตร์เล่นงาน แล้วพอจะช่วยเขาได้หรือไม่?”เจี่ยนอันอันส่ายศีรษะเบาๆ “ตอนนี้ข้ายังไม่มีวิธีที่จะทำให้เขาฟื้นสติ จำเป็นต้องกลับไปศึกษาคัมภีร์สามชะตามรรคาลี้ลับก่อน”“หากในนั้นมีวิธีแก้วิชาไสยศาสตร์นี้ ข้าก็พอจะช่วยทำให้เขาฟื้นสติขึ้นมาได้”บทสนทนาของทั้งสองดังเข้าไปถึงหูของเจียงหว่านเอ๋อร์และเสิ่นจืออวี้เสิ่นจืออวี้ที่เหม่อลอยอยู่นาน ในที่สุดก็ได้สติกลับคืนมา เขาเดินตรงมายังหน้ารถม้ามองไปที่ฉู่จวินสิงด้วยสีหน้าสงสัย“ท่านรู้จักพี่ใหญ่ของข้าด้วยหรือ?”เมื่อครู่ฉู่จวินสิงเอ่ยชื่อของเสิ่นจือเจิ้งออกมา ทำให้ในในของเจียงหว่านเอ๋อร์รู้สึกระแวงมากขึ้นพวกเขารู้จักสามีนางได้อย่างไร หรือว่าพวกเข
เฉียนซื่อเก็บความแค้นนี้ไว้ในใจมาโดยตลอด ระหว่างทางไม่วายด่าพวกเราสองพี่น้องว่าเป็นคนอ่อนแอไร้ประโยชน์คาดว่าระหว่างทาง เสิ่นจือเจิ้งคงถูกเฉียนซื่อร่ายวิชาไสยศาสตร์ใส่เมื่อพูดถึงตรงนี้ เสิ่นจืออวี้มองเฉียนซื่อด้วยความโกรธแค้นเจี่ยนอันอันเอ่ยถามขึ้นว่า “เหตุใดพวกท่านจึงเรียกนางว่าย่ารอง หรือว่านางไม่ใช่ย่าแท้ๆ ของพวกท่าน?”เสิ่นจืออวี้เช็ดหยาดน้ำที่มุมตา ก่อนจะสูดหายใจเข้าลึก“ใช่แล้ว นางไม่ใช่ย่าแท้ๆ ของพวกข้า นางเป็นฮูหยินรองของท่านปู่ และนางไม่มีลูกเป็นของตนเอง”“เนื่องจากนางเรียนรู้วิชาไสยศาสตร์ลึกลับ พวกเราจึงไม่มีใครกล้าขัดใจนาง มีเพียงพี่ใหญ่ของข้าเท่านั้นที่กล้าต่อปากต่อคำนางเป็นครั้งคราว”เจี่ยนอันอันเข้าใจทันที มิน่าละว่าทำไมเสิ่นจือเจิ้งถึงกลายเป็นเช่นนี้เฉียนซื่อคงเก็บความแค้นไว้จากการที่เสิ่นจือเจิ้งมักโต้เถียงกับนางเป็นประจำ เมื่อสบโอกาสจึงใช้จังหวะที่เขาล้มป่วยหวังจะปลิดชีพเขานางไม่กล้าลงมือฆ่าเสิ่นจือเจิ้งอย่างโจ่งแจ้ง แต่กลับใช้วิชาไสยศาสตร์ทำให้เขากลายเป็นเหมือนคนตายทั้งเป็นเจี่ยนอันอันยังไม่ได้คิดจะฆ่าเฉียนซื่อตอนนี้ นางยังต้องการหาคำตอบจากเฉียนซื่อเกี่
แม่นมหลี่ที่เคยถูกเจี่ยนอันอันจัดการจนกลัว ครานี้พอเห็นเจี่ยนอันอันยืนอยู่หน้าประตูรั้ว ยิ่งเหมือนหนูที่เจอแมวเข้า“คุณชายรอง ฮูหยินรอง พวกท่านมาที่นี่ได้อย่างไรเจ้าคะ?”ชิวเหลียนยิ้มกว้างอย่างยินดี เดินเร็วๆ มาที่หน้าประตูรั้วและเชิญทั้งสองคนเข้ามาเมื่อเสียงพูดคุยดังขึ้นในลานบ้าน เตียวเฉียงและกวนซิน รวมถึงคนอื่นๆ ก็พากันเดินออกมาจากตัวเรือนเจี่ยนอันอันเห็นว่าทุกคนมาพร้อมหน้า ก็นับว่าเป็นโอกาสดีที่จะแจ้งเรื่องให้ทุกคนรู้เจี่ยนอันอันหันไปมองเตียวเฉียงและคนรับใช้คนอื่นๆ ก่อนกล่าวด้วยน้ำเสียงเย็นชา “อีกประดี๋ยว ข้าจะพาคนมาพักอยู่ที่นี่สี่คน”“พวกเจ้าจัดการเก็บกวาดเรือนให้เรียบร้อย แล้วแบ่งห้องออกมาสองห้อง”เมื่อสือเจี้ยได้ยิน เขาก็ก้าวไปข้างหน้าหนึ่งก้าวแล้วพูดว่า “แม่นาง คนที่จะมาพักค้างคืนที่นี่เป็นใครกันแน่?”“พวกเราคงยากที่จะเบียดเสียดอยู่ในห้องเดียวกันได้”สือเจี้ยพูดพลางเหลือบมองไปที่เตียวเฉียงก่อนหน้านี้เตียวเฉียงมีห้องเป็นของตัวเอง ส่วนสือเจี้ยและคนรับใช้คนอื่นๆ อยู่รวมกันในห้องอีกห้องแม่นมหลี่อยู่คนเดียวในอีกห้อง กวนซินกับฉู่ตั๋วตั่วรวมถึงชิวเหลียนที่มาใหม่อยู่ด้ว
เจี่ยนอันอันหัวเราะเย็นชา มองเตียวเฉียงและแม่นมหลี่ราวกับกำลังมองตัวตลกสองตัวบ้านหลังนี้นางได้จ่ายเงินซื้อเอาไว้แล้วตั้งแต่แรกจริงๆตอนนั้นที่ย้ายบ้าน นางได้ทำอย่างรอบคอบเป็นพิเศษโดยทำสัญญาเป็นลายลักษณ์อักษรกับท่านปู่เฉินที่เป็นผู้ใหญ่บ้านแล้ว และจ่ายเงินจำนวนมากพอที่จะซื้อบ้านหลังนี้เงินก้อนนั้น ยังถูกท่านปู่เฉินแบ่งให้ชาวบ้านคนอื่นๆ ด้วยเมื่อเป็นเช่นนี้ บ้านหลังนี้จึงกลายเป็นทรัพย์สินในชื่อของเจี่ยนอันอันโดยสมบูรณ์เจี่ยนอันอันตั้งใจจะพูดคุยตกลงกับพวกเขาดีๆ เพื่อให้ครอบครัวเสิ่นจือเจิ้งมาพักค้างคืนที่นี่สักคืนแล้วพอถึงพรุ่งนี้ นางก็ค่อยหาทางสร้างบ้านใหม่ให้พวกเขาแต่ตอนนี้ดูเหมือนว่าจะไม่จำเป็นต้องพูดจาดีๆ กับพวกเขาอีกแล้วในเมื่อเตียวเฉียงและแม่นมหลี่ไม่รู้ดีชั่วเช่นนี้ งั้นก็ให้พวกเขาไสหัวออกไปนอนกลางแจ้งจะดีกว่าเจี่ยนอันอันพูดเสียงดังว่า “ลืมตาสุนัขของเจ้าดูให้ดีๆ นี่คือสัญญาซื้อขายบ้าน!”นางพูดพลางหยิบสัญญาซื้อขายบ้านออกมาจากมิติส่วนตัวกวนซินรีบก้าวเข้าไปในบ้าน หยิบเทียนออกมาเพื่อช่วยให้เห็นชัดขึ้นทุกคนกรูกันเข้ามามุงดูสัญญาในมือของเจี่ยนอันอันเป็นตาเดียวบน
เตียวเฉียงเห็นว่าเจี่ยนอันอันตัดสินใจแน่วแน่ที่จะไล่พวกเขาออกไปเขาจึงมองแม่นมหลี่ด้วยความไม่พอใจ ก่อนจะเหวี่ยงไม้ในมือกระแทกลงพื้นอย่างแรง แล้วเดินออกจากลานบ้านไปแม่นมหลี่ยังคิดจะพูดอะไรบางอย่าง แต่กลับสบเข้ากับสายตาเย็นเยียบของฉู่จวินสิงนางก็รีบหดคอด้วยความหวาดกลัว ก่อนจะบ่นพึมพำ “เรื่องนี้จะมาโทษข้าทั้งหมดไม่ได้ มันเป็นความผิดของเตียวเฉียงไอ้สุนัขตัวดีนั่นต่างหาก”เจี่ยนอันอันเห็นแม่นมหลี่ยังยืนนิ่งอยู่ที่เดิมไม่ยอมไป นางจึงส่งสายตาเป็นสัญญาณให้ชิวเหลียนชิวเหลียนเข้าใจทันที นางหยิบไม้ที่เตียวเฉียงโยนทิ้งไว้ขึ้นมา ก่อนจะฟาดไปที่ก้นของแม่นมหลี่อย่างแรง“โอ๊ย เจ็บจะตายอยู่แล้ว!” แม่นมหลี่ไหนเลยจะรับแรงกระแทกจากไม้นั้นไหว นางร้องออกมาด้วยความเจ็บปวดทันทีชิวเหลียนที่ถือไม้ในมือ จ้องแม่นมหลี่เขม็งพร้อมตะคอกเสียงเกรี้ยว“ยายคางคกเฒ่า ถ้าเจ้ายังไม่รีบออกไป อย่ามาโทษข้าที่ไม่เกรงใจ!”แม่นมหลี่ที่เจ็บจนต้องแยกเขี้ยวยิงฟัน ไม่กล้าอยู่ต่อเพราะกลัวว่าชิวเหลียนจะฟาดนางอีกนางเอามือกุมสะโพกที่ถูกตีไว้ แล้วเดินกะโผลกกะเผลกออกไปไม่นานนัก เสียงด่าทอกันของแม่นมหลี่และเตียวเฉียงก็ดังมาจ
ฉู่จวินสิงใช้วิชาตัวเบา บวกกับความหวาดกลัวตั๊กแตนในใจ ไม่รู้ว่ามีความเร็วมากกว่าเจี่ยนอันอันถึงกี่เท่าตัวเจี่ยนอันอันกลับมาถึงเรือน ก็วิ่งไปหาแม่ไก่ที่บ้านท่านยายหลินให้มาสองตัวนางไปหาฉู่จื่อซี ให้เขาคิดหาวิธีเรียกนกให้บินไปยังที่ดินให้มากขึ้นฉู่จื่อซีรีบรับปาก ก้าวขาสั้นๆ วิ่งออกจากสวนไปเมื่อครู่ได้ยินเสียงของชาวบ้านร้องตะโกน คนในเรือนล้วนแต่ได้ยินหมดแล้วฟางอิ๋งตามไปอย่างไม่วางใจฉู่จื่อซีมาใต้ต้นไม้ใหญ่ต้นหนึ่ง แล้วคุยกับรังนกที่อยู่บนต้นไม้ไม่นานนักก็มีนกหลายสิบตัว บินมุ่งหน้าไปยังที่ดินเจี่ยนอันอันกอดแม่ไก่เอาไว้ในอ้อมแขน ถูกฉู่จวินสิงกอดเอวอุ้มขึ้นไว้อีกครั้งเจี่ยนอันอันเมื่อเห็นว่าฉู่จวินสิงยังจะไปด้วย จึงเสนอแนะให้เขารออยู่ที่เรือนทว่าฉู่จวินสิงไม่ว่าจะพูดอะไรก็ไม่ยอมจากเจี่ยนอันอันไปแม้ครึ่งก้าวเจี่ยนอันอันพูดออกมาอย่างไม่วางใจ “ท่านจะต้องเอาชนะความกลัวตั๊กแตนในใจให้ได้”ฉู่จวินสิงกัดฟัน เมื่อเทียบกับความหวาดกลัวแมลงแล้ว เขาเป็นกังวลความปลอดภัยของเจี่ยนอันอันมากยิ่งกว่าเขาไม่อยากจะให้เจี่ยนอันอันถูกกู้มั่วหลีจับตัวไปอีกครั้งในตอนนี้ด้วยความเร็วของฉู่จ
เจี่ยนอันอันลอบพูดในใจว่าไม่ดีแล้ว เกรงว่าที่ดินในหมู่บ้านชิงสุ่ยจะต้องเกิดปัญหาขึ้นแน่ๆเหล่าชาวบ้านที่เดินออกมาจากเรือน เมื่อเห็นว่าบนท้องฟ้านั้นเต็มไปด้วยตั๊กแตน ในใจของทุกคนต่างก็รู้สึกตื่นตระหนกขึ้นมา“แล้วนี่จะทำอย่างไรกันดี ที่ดินของข้าไม่ง่ายเลยถึงจะมีผลผลิตขึ้นมา คราวนี้จะต้องถูกแมลงกินจนหมดแน่”“บ้านข้าเองผลผลิตเพิ่งจะถือว่าดีกว่าเล็กน้อย ดันเกิดเรื่องตั๊กแตนระบาดขึ้นมาได้”“แล้วอย่างนี้จะทำอย่างไรดี พระเจ้ากำลังจะทำลายหมู่บ้านชิงสุ่ยของพวกเราอย่างนั้นหรือ!”ทุกคนต่างก็วิ่งไปยังทิศทางของที่ดิน แม้แต่อวี๋ว่านและคนอื่นๆ ที่กำลังสร้างเรือนอยู่ ต่างก็วางงานในมือลงพวกเขาจะมีใจคิดทำงานได้อย่างไรกันอาหารในที่ดินของตนหากว่าถูกตั๊กแตนกินจนหมด ต่อไปภายหน้าพวกเขาจะไม่มีอาหารให้กินแล้วขณะที่เจี่ยนอันอันกำลังจะไปยังที่ดิน กลับพบว่าฉู่ตั๋วตั่ววิ่งเข้ามา“ท่านน้า พิษที่ท่านสอนมา ข้าเชี่ยวชาญจนหมดแล้ว”“ทว่าข้าไม่มีขวดเล็กๆ ที่จะใส่ยาพิษ ท่านสามารถให้ขวดเล็กๆ ข้าสักสองสามขวดหรือไม่?”เจี่ยนอันอันไม่คิดเลยว่า ฉู่ตั๋วตั่วจะเชี่ยวชาญในเรื่องพิษได้เร็วถึงเพียงนี้นางหยิบขวดเล็กๆ ส
เมื่อเห็นว่าเสิ่นจือเจิ้งหลับตาลง ไม่ยินยอมแม้แต่จะมองมายังเขาเสิ่นจืออวี้เองก็ไม่กล้าจะพูดอะไรออกมา หันหลังแล้วตามออกไปเจียงหว่านเอ๋อร์ในใจของเขา เป็นคนที่ดีมาโดยตลอดหลายปีมานี้ เจียงหว่านเอ๋อร์ดูแลเขาเป็นอย่างดีมาโดยตลอดเสิ่นจืออวี้วิ่งออกไป แล้วขวางทางเจียงหว่านเอ๋อร์เอาไว้“พี่สะใภ้ใหญ่ ท่านจะไปที่ไหนกัน? พี่ใหญ่ของข้าเพียงแค่หุนหันไปชั่วคราวเท่านั้น ถึงได้ทำเรื่องไม่มีเหตุผลเช่นนี้ออกมา”“หนังสือหย่านี้ท่านเก็บเอาไว้ก่อน ไม่แน่ว่าต่อไปในอนาคต พี่ใหญ่ของข้าก็อาจจะนึกถึงที่ท่านทำดีกับเขาก็เป็นได้”“เขาจะต้องกลับไปอยู่ข้างกายท่านอีกครั้ง”เจียงหว่านเอ๋อร์เหลือบมองไปยังหนังสือหย่า ในใจอดที่จะคิดเย้ยหยันไม่ได้คนพวกนี้ล้วนแต่เป็นคนเลวเหมือนกัน ยังวิ่งมาแสร้งทำดีกับนางเพื่ออะไรกันเจียงหว่านเอ๋อร์รับหนังสือหย่ามา แล้วยัดเข้าไปในเสื้อนางสะกดข่มความโกรธในใจเอาไว้ ใบหน้ายังคงทำทีเป็นอ่อนแอเช่นนี้“ข้าอยากจะดูว่าเรือนสร้างไปถึงไหนแล้ว ข้าไม่อยากให้คังเอ๋อร์ไปข้างคืนอยู่ข้างนอก”เสิ่นจืออวี้เกาศีรษะ ไม่รู้ว่าจะพูดอะไรออกมาดีเรือนทั้งสองหลังนั้นสร้างเสร็จไปแล้วหนึ่งหลัง ทว
เจี่ยนอันอันเลิกคิ้วขึ้น ไม่ได้พูดอะไรออกมา นางอยากจะลองดู ว่าท้ายที่สุดแล้วเจียงหว่านเอ๋อร์จะเล่นลูกไม้อะไรเจียงหว่านเอ๋อร์เมื่อเห็นว่าแผนการนี้ของตน ดูจะไม่ได้ผลลัพธ์อะไรทุกคนที่อยู่ที่นี่ ไม่มีใครก่นด่าเจี่ยนอันอันตามที่นางคิดเจียงหว่านเอ๋อร์กัดฟัน ในใจลอบคิดเรื่องนี้เกิดขึ้นเพราะว่าเจี่ยนอันอัน นางอาศัยที่ตนเองมีรูปลักษณ์ที่งดงาม จึงได้มาหลอกลวงใจของเสิ่นจือเจิ้งนางไม่สามารถจากไปเช่นนี้ได้ มิฉะนั้นแล้วก็จะสมดั่งความตั้งใจของเจี่ยนอันอันนางจะต้องอยู่ต่อ ต่อให้จะไม่อาจอยู่ด้วยกันกับเสิ่นจือเจิ้งได้ ก็ต้องหาวิธีการอยู่ที่หมู่บ้านชิงสุ่ยต่อเมื่อคิดถึงตรงนี้ ดวงตาของเจียงหว่านเอ๋อร์ก็แดงก่ำขึ้นมา น้ำตาเม็ดใหญ่ร่วงหล่นลงมา“แม่นางเจี่ยน ข้าขอร้องท่าน โปรดมอบที่อยู่ให้ข้าได้อาศัยอยู่”“ข้าไม่มีที่ให้อยู่ไม่เป็นไร ทว่าข้าไม่อยากให้คังเอ๋อร์ต้องลำบาก”“เขายังเล็กถึงเพียงนี้ ก็ถูกเนรเทศมาด้วยกันกับพวกเราจนถึงสถานที่แบบนี้”“ตอนนี้ข้าหย่ากับเสิ่นจือเจิ้งแล้ว แต่ว่าคังเอ๋อร์เป็นผู้บริสุทธิ์”เจียงหว่านเอ๋อร์ยิ่งพูดยิ่งรู้สึกเสียใจ น้ำตาไหลลงมาไม่หยุดเสิ่นจืออวี้ทนมองต่อไ
เสิ่นจืออวี้คิดอยากจะเกลี้ยกล่อม แต่กลับพบว่าเจียงหว่านเอ๋อร์หยิบพู่กันขึ้นมานางสูดลมหายใจลึก กัดปากพูดออกมา “ดี ในเมื่อท่านต้องการจะหย่ามาก เช่นนั้นข้าก็จะยอมรับมัน!”เจียงหว่านเอ๋อร์พูดขึ้น แล้วเขียนชื่อของตัวเองลงไปบนหนังสือหย่าทว่านางไม่มีตราประทับสีแดง จึงกัดริมฝีปาก แล้วหยดเลือดสีแดงลงมาประทับรอยนิ้วมือของตนเองเมื่อทำทุกอย่างนี้เสร็จ นางก็โยนหนังสือหย่าลงบนพื้น“คังเอ๋อร์ พวกเราไปกัน”เจียงหว่านเอ๋อร์พูดขึ้น แล้วก็จะดึงมือของเสิ่นคัง“ข้าไม่ไป ข้าอยากให้ท่านพ่อและท่านแม่อยู่ด้วยกัน” ไม่ว่าจะพูดอะไรออกมาเสิ่นคังก็ไม่ยอมไปกับเจียงหว่านเอ๋อร์ใบหน้าเล็กๆ ของเขา ถูกน้ำมูกและน้ำตาไหลนองจนเลอะใบหน้าไปหมด“พี่ใหญ่ ต่อให้พี่สะใภ้ใหญ่ของข้าจะทำอะไรผิดไป ก็คงไม่ถึงขั้นหย่ากัน พวกท่านลองคุยกันเสียหน่อยไม่ได้หรือ?”เสิ่นจืออวี้ทนมองต่อไปไม่ได้แล้ว เขาหยิบหนังสือหย่าบนพื้นขึ้นมา แล้วต้องการจะฉีกออกเสิ่นจือเจิ้งจ้องมองไปยังเสิ่นจืออวี้ “หากว่าเจ้ากล้าฉีกมันออก ข้าเองก็จะไม่ถือว่าเจ้าเป็นน้องชายอีกต่อไป”เสิ่นจืออวี้หยุดการกระทำในมือลง สีหน้าดูไม่น่ามองอย่างประหลาดเขาเพียงแค
เจียงหว่านเอ๋อร์ยกมือขึ้น ตบไปยังใบหน้าของเสิ่นจือเจิ้งทว่ามือของนางเพิ่งจะยื่นออกไปได้เพียงแค่กลางอากาศเท่านั้น ก็ถูกเสิ่นจือเจิ้งคว้าเอาไว้แน่น“เจ้าพอได้แล้ว หากว่ายังมาบ้าคลั่งต่อหน้าของข้าอีก ก็เก็บข้าวของแล้วออกไปซะ!”สีหน้าของเสิ่นจือเจิ้งดูเย็น จ้องมองไปยังเจียงหว่านเอ๋อร์ที่ผมเผ้ายุ่งเหยิงจนเกือบจะบ้าด้วยความโกรธดวงตาทั้งคู่ของเจียงหว่านเอ๋อร์แดงก่ำ น้ำตาไหลรินออกมาไม่หยุดสีหน้าของนางซีดขาว ความขุ่นเคืองในใจอันหนักหน่วง ทว่ากลับไม่มีที่ให้ระบายออกมาได้เมื่อเห็นว่าเจี่ยนอันอันเข้ามา เจียงหว่านเอ๋อร์ก็ถือว่าเจี่ยนอันอันเป็นศัตรูนางดึงมือออกจากเสิ่นจือเจิ้ง แล้วเดินมาทางด้านเจี่ยนอันอัน“ทั้งหมดนี้เป็นเพราะเจ้า หากไม่ใช่เพราะว่าเจ้าเอาดวงวิญญาณของจือเจิ้งออกไป แล้วเขาจะทำเช่นนี้กับข้าได้อย่างไรกัน”เจียงหว่านเอ๋อร์นำความโกรธทั้งหมด ระบายใส่เจี่ยนอันอันทั้งหมดล้วนแต่เป็นความผิดของเจี่ยนอันอันหากไม่ใช่เจี่ยนอันอันที่คลายคุณไสยร้ายให้เสิ่นจือเจิ้ง เขาก็จะไม่มีทางตื่นขึ้นมาและไม่มีทางที่จะจำนางไม่ได้นางยินยอมให้เสิ่นจือเจิ้งตอนนี้ ยังคงอยู่ในอาการสลบไสลไม่ตื่นขึ้น
“เจ้านำหนังสือหย่านี้ไปให้เจียงหว่านเอ๋อร์ แล้วบอกนางว่าจากวันนี้เป็นต้นไป ความสัมพันธ์ฉันสามีภรรยาของเราสิ้นสุดแล้ว”“ต่อไปนางจะไปอยู่ที่ใด ก็เป็นอิสระของนาง ข้าไม่สนใจและไม่คิดจะสนใจ”เจี่ยนอันอันมองหนังสือหย่าในมือ ดูท่าแล้วพี่ชายของนางคงตัดสินใจอย่างเด็ดขาดแล้วที่จะหย่าเจียงหว่านเอ๋อร์เจี่ยนอันอันมิได้กล่าวสิ่งใดอีก เมื่อพี่ชายคิดเช่นนี้ นางก็พร้อมเคารพการตัดสินใจนั้นยิ่งไปกว่านั้น เรื่องนี้เจียงหว่านเอ๋อร์เป็นฝ่ายผิดก่อน จึงมิอาจโทษพี่ชายได้เจี่ยนอันอันถือหนังสือหย่า เดินออกไป นางเคาะประตูห้องของเจียงหว่านเอ๋อร์ เจียงหว่านเอ๋อร์รีบเช็ดน้ำตาบนใบหน้า ก่อนจะเดินมาเปิดประตูเมื่อนางเห็นว่าเป็นเจี่ยนอันอัน ใบหน้าก็เต็มไปด้วยความโกรธทันที“เจ้ามาหาข้าด้วยเรื่องอันใด?”เจี่ยนอันอันผลักเจียงหว่านเอ๋อร์ออกไป แล้วก้าวเข้าไปในห้อง“ข้ามิได้เชิญเจ้าเข้ามา เจ้าไม่มีสิทธิ์บุกรุกเข้ามาในห้องของข้าโดยพลการ!”เจียงหว่านเอ๋อร์กล่าว พลางยื่นมือจะดึงตัวเจี่ยนอันอันแต่เจี่ยนอันอันหมุนตัวก้าวหลบอย่างคล่องแคล่วนางยกหนังสือหย่าในมือขึ้นแสดงต่อหน้าเจียงหว่านเอ๋อร์“พี่ชายของข้าได้เขียน
เจียงหว่านเอ๋อร์ไม่กล้าพูดสิ่งใดอีก รีบสวมเสื้อผ้าให้เรียบร้อย แล้ววิ่งออกไปเมื่อมาถึงหน้าห้อง นางเห็นเจี่ยนอันอันยืนอยู่ที่ประตูใบหน้าของเจียงหว่านเอ๋อร์ที่ซีดขาวพลันเปลี่ยนเป็นแดงก่ำบทสนทนาระหว่างนางกับเสิ่นจือเจิ้งเมื่อครู่ เกรงว่าเจี่ยนอันอันจะได้ยินหมดแล้วเจียงหว่านเอ๋อร์ก้มหน้าลง รีบวิ่งกลับไปยังห้องถัดไปแล้วปิดประตูแน่นสนิทนางไม่เข้าใจว่าเรื่องนี้นางผิดที่ตรงไหนกันแน่?นางคือคนที่ผ่านพิธีกราบไหว้ฟ้าดินกับเสิ่นจือเจิ้งมาแล้ว ต่อให้จะทำอะไรกับเขา ก็ถือว่าเป็นสิ่งที่สมควรและถูกต้องทั้งสิ้น แต่เมื่อครู่ ตอนที่นางเห็นเจี่ยนอันอัน นางกลับสังเกตเห็นแววรังเกียจบนใบหน้าของอีกฝ่ายสายตานั้นราวกับมองนางเป็นหญิงชั่วที่ถูกจับได้ว่ากำลังทำเรื่องผิดศีลธรรมอยู่บนเตียงยิ่งเจียงหว่านเอ๋อร์คิด นางก็ยิ่งรู้สึกน้อยใจ นางทำผิดอะไรกันแน่ ถึงต้องถูกปฏิบัติเช่นนี้เหตุใดเสิ่นจือเจิ้งถึงไม่ยอมให้นางแตะต้อง เขาเกลียดนางขนาดนั้นเชียวหรือ?หรือว่าเสิ่นจือเจิ้งไม่ได้มองเจี่ยนอันอันเป็นเพียงน้องสาว แต่ชอบนางในฐานะสตรีคนหนึ่งมีคำกล่าวว่า เมื่อบุรุษเปลี่ยนใจ ย่อมไม่สนใจภรรยาคนแรกของตนอีกต่อไ
“ท่านพี่ หลายวันมานี้ท่านไม่ยอมให้ข้าแตะต้องท่านเลย ท่านรู้หรือไม่ว่าข้าทุกข์ใจเพียงใด”“วันนี้ข้าจำต้องใช้วิธีการต่ำช้าเช่นนี้ วางยาสลบในอาหารของท่าน หวังว่าท่านพี่จะไม่ถือโทษโกรธเคือง”เจียงหว่านเอ๋อร์พูดพลางเดินมาที่ข้างเตียงอุ่น มือข้างหนึ่งลูบไล้ใบหน้าเรียบเนียนของเสิ่นจือเจิ้งบุรุษที่นางเฝ้าคิดถึงอยากจะใกล้ชิดทั้งวันทั้งคืน บัดนี้กำลังนอนอยู่เบื้องหน้านางใบหน้าของเจียงหว่านเอ๋อร์พลันขึ้นสีแดงระเรื่อหัวใจของนางเต้นแรง ลมหายใจก็เริ่มถี่กระชั้นมือที่หยาบกร้านเล็กน้อย ลูบไล้จากใบหน้าของเสิ่นจือเจิ้งอย่างแผ่วเบา เรื่อยมาจนถึงลำคอมือนั้นไล้ลงต่ำเรื่อยๆ ลงไปที่แผ่นอกของเสิ่นจือเจิ้งเสิ่นจือเจิ้งอดทนต่อสัมผัสของเจียงหว่านเอ๋อร์ เขายังไม่รีบร้อนลืมตา เพียงแต่อยากดูว่าต่อไป เจียงหว่านเอ๋อร์จะทำอะไรอีกเจียงหว่านเอ๋อร์กำลังจะสอดมือเข้าไปในเสื้อของเสิ่นจือเจิ้งแต่ในจังหวะนั้นเอง เสิ่นจือเจิ้งกลับพลิกตัวหันหลังให้นางเจียงหว่านเอ๋อร์ตกใจจนรีบดึงมือกลับ ไม่กล้าแม้แต่จะหายใจแรงยาสลบที่นางใช้เป็นยาที่นางเก็บเอาไว้ก่อนหน้านี้ นางคิดจะใช้มันจัดการกับท่านย่าเล็กแต่คิดไม้ถึงว่า