คนชุดดำที่อยู่ด้านหลังพวกเขาตกใจจนต้องรีบถอยหลังด้วยสีหน้าที่ย่ำแย่มากแต่ประตูลานบ้านค่อนข้างคับแคบ อีกทั้งพวกเขาก็มีคนค่อนข้างเยอะมีพวกเขาหนีออกไปทันแค่ไม่กี่คน ส่วนที่เหลือนั้นถูกเจี่ยนอันอันเผาให้กลายเป็นมนุษย์เพลิงชายชุดดำที่เป็นคนออกคำสั่งรีบถอยออกจากลานบ้านด้วยความตกใจฉู่จวินสิงเห็นดังนี้ก็ใช้วิชาตัวเบาทันทีเขาเดินเพียงไม่กี่ก้าวก็ไปถึงด้านหลังคนผู้นั้น จากนั้นจับคอเสื้ออีกฝ่ายและลากลงพื้น“คิดจะหนีงั้นรึ ไม่ง่ายขนาดนั้นหรอก”เจี่ยนอันอันใช้เครื่องพ่นไฟพ่นใส่คนที่หนีออกไปไม่นาน คนกลุ่มนั้นก็กลายเป็นมนุษย์เพลิงเช่นกันเปลวไฟพวยพุ่งขึ้นไปบนท้องฟ้า บรรดาคนที่ถูกไฟเผาพากันร้องโหยหวนด้วยความเจ็บปวดเสียงร้องโหยหวนดังก้องท้องนภาเพียงแค่ฟังก็ขนหัวลุกสมาชิกในครอบครัวคนอื่นๆ หลบอยู่ในบ้าน ไม่กล้าออกมาเหตุการณ์ที่นี่ดึงดูดชาวบ้านคนอื่นๆ เข้ามาทันทีพวกเขาเดินออกจากบ้านตัวเองแล้วพบว่าภายในลานบ้านที่เจี่ยนอันอันอยู่มีเปลวไฟลุกโชนบรรดาชาวบ้านไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นที่นี่ แต่ละคนพากันคิดว่าบ้านของพวกเจี่ยนอันอันมีไฟไหม้พวกเขารีบตักน้ำจากบ่อในบ้านตัวเองเพื่อวิ่งไปช่วยดั
ฉู่จวินสิงกำลังจะเรียกให้เจี่ยนอันอันกลับมาแต่กลับได้ยินนางตะโกนว่า “พวกเขามองไม่เห็นข้า ท่านรีบกลับไปปกป้องครอบครัวของท่านเถิด”ฉู่จวินสิงฟังดังนี้ก็เข้าใจว่าเจี่ยนอันอันใช้วิชาล่องหนมีเพียงเขาที่สามารถมองเห็นเงาร่างของนาง ส่วนคนอื่นๆ นั้นมองไม่เห็นฉู่จวินสิงเป็นห่วงความปลอดภัยของเจี่ยนอันอันแต่กลับตามไปไม่ได้สิ่งสำคัญที่สุดตอนนี้คือปกป้องคนอื่นๆ ในครอบครัวให้ปลอดภัยนอกจากพวกเขาสามพี่น้องแล้ว ภายในครอบครัวพวกเขาก็มีแค่เหยียนเซ่าที่มีศิลปะการต่อสู้ตอนนี้ด้านนอกมีศัตรูอยู่มากเท่าไรก็ยังไม่อาจทราบได้และผู้ว่ามณฑลจงโจวก็สื่อชัดเจนว่าต้องการฆ่าพวกเขาทั้งครอบครัวไม่แน่ว่าจะส่งคนมานับพันคนเวลานี้เขาจะประมาทศัตรูไม่ได้เด็ดขาด แผนการที่ดีที่สุดในตอนนี้จึงเป็นการปกป้องคนในครอบครัวตอนนี้เจี่ยนอันอันอยู่ในสภาวะล่องหน ไม่ต้องห่วงว่าจะถูกเจอตัวขณะที่ฉู่จวินสิงกำลังคิดคำนวณในใจ มีลูกธนูอีกสิบกว่าดอกยิงมาทางเขาฉู่จวินสิงฟันลูกธนูทิ้งแล้วรีบถอยกลับไปที่ลานบ้านเวลานี้ พวกคนที่ถูกเปลวไฟกลืนกินได้ถูกเผาจนไหม้เกรียมกันหมดแล้วพวกชาวบ้านตกใจหนีกลับเข้าไปหลบในบ้านตัวเองตั้งแต่ตอนที
หากใช้เข็มเงินจัดการคนเหล่านี้อีกคงสิ้นเปลืองเกินไปตอนนี้ที่นี่ไม่ได้มีคนอื่นอยู่ด้วย นางไม่ต้องกลัวที่จะเปิดเผยตัวตนภายในคลังแสงไม่ได้มีแค่อาวุธเย็น แต่ยังมีอาวุธยุทโธปกรณ์อย่างอื่นด้วยนางสามารถสังหารคนพวกนี้ด้วยระเบิดนางมองซ้ายแลขวา พบว่าที่นี่เป็นพื้นที่เพาะปลูกของพวกชาวบ้านหากใช้ระเบิดก็จะเป็นการทำลายทุกอย่างที่นี่หลังจากที่เจี่ยนอันอันใคร่ครวญอยู่ครู่หนึ่ง นางก็สลัดความคิดที่จะใช้ระเบิดในการกำจัดคนพวกนี้ทิ้งไปนางมองคลังยาปราดหนึ่ง ในนั้นมีผงสลายศพเก็บไว้ปริมาณมากมันเป็นสมบัติที่นางใช้เวลาคิดขึ้นและพัฒนามาหนึ่งปีกว่าระดับความเข้มข้นของผงสลายศพพวกนี้รุนแรงกว่ากรดกำมะถันเป็นร้อยเท่าเพียงแค่โรยลงบนร่าง คนพวกนี้ก็จะกลายเป็นน้ำเลือดน้ำหนองทันทีเจี่ยนอันอันรีบทำการสวมถุงมือแบบพิเศษเมื่อคิดถึงตรงนี้นางนำน้ำยาสลายศพออกมาแล้ววิ่งไปที่ด้านหลังสุดของคนกลุ่มนี้อย่างเงียบเชียบจากนั้นอาศัยจังหวะที่คนเหล่านี้มองไม่เห็นตัวเองมาสาดน้ำยาใส่คนจำนวนหนึ่งคนเหล่านั้นยังไม่ทันจะได้ร้องโหยหวนก็ละลายเป็นน้ำเลือดน้ำหนองไปแล้วคนด้านหน้าไม่สังเกตเห็นถึงความเปลี่ยนแปลงที่ด้านหลังแ
คนผู้นั้นไม่มีเวลามาสะอิดสะเอียด เขารีบคายมูลสุนัขในปากทิ้งแล้วลุกขึ้นวิ่งต่อในตอนนี้เอง เขาได้ยินเสียงหัวเราะ “หึๆ ๆ” ดังขึ้นข้างหูอีกครั้งเสียงหัวเราะนี้ชวนให้ขนหัวลุกเป็นพิเศษเจี่ยนอันอันถีบเข้าที่เอวของคนผู้นั้นให้เขาล้มลงคนผู้นั้นรีบหันศีรษะไปมองแต่กลับพบเพียงพื้นดินที่มืดสนิท ไม่มีผู้ใดทั้งนั้นเขากลัวจนปัสสาวะราดกางเกงและร้องไห้ออกมาลมหนาวระลอกหนึ่งพัดผ่าน ทำให้เขาหลับตาแน่นด้วยความหวาดกลัวปากร้องอ้อนวอนขอความเมตตาว่า “ได้โปรดไว้ชีวิตด้วย!”เจี่ยนอันอันไปที่ด้านข้างคนผู้นั้นและจับให้เขาลุกขึ้น“พูดมา เหตุใดใต้เท้าของเจ้าต้องทำร้ายครอบครัวเยียนอ๋องด้วย?”คนผู้นั้นลืมตาขึ้นเล็กน้อยเมื่อได้ยินเสียงทว่ากลับพบว่าเบื้องหน้าไม่มีแม้แต่เงาผู้ใด เขากลัวจนเข่าอ่อนคุกเข่าลงพื้นดังตุบปากร้องขอความเมตตาซ้ำแล้วซ้ำเล่า “ข้ายอมบอกท่านทุกอย่าง ขอเพียงไว้ชีวิตข้าสักแห่ง”เจี่ยนอันอันแค่นเสียงเย็น “อะไร ถึงเวลานี้แล้วเจ้ายังกล้าต่อรองเงื่อนไขกับข้าอีกงั้นรึ?”“มิกล้า ข้าน้อยมีกล้าต่อรองเงื่อนไขกับนายหญิงน้อย”คนผู้นั้นกลัวจนน้ำมูกและน้ำตาไหลนองทั่วหน้าเขาคำนับศีรษะให้เจี่ย
ซ่างตงเยว่กำลังนอนอยู่บนพื้นด้วยใบหน้าเจ็บปวด บริเวณอกมีโลหิตไหลออกมาไม่หยุดเวลานี้นางหลับตาแน่นและหายใจรวยรินข้างกายมีคนชุดดำจำนวนหนึ่งนอนอยู่คนผู้นั้นถูกฉู่จวินสิงสังหารตายในกระบี่เดียวหากไม่ได้รับการรักษาที่ทันเวลา เกรงว่าจะไม่รอดชีวิตเจี่ยนอันอันรีบบอกฉู่จวินสิง “รีบอุ้มนางเข้าไปในลานบ้าน”ฉู่จวินสิงเก็บกระบี่แล้วอุ้มซ่างตงเยว่เข้าไปในลานบ้าน“เมื่อครู่นี้เกิดอะไรขึ้น ซ่างตงเยว่มาอยู่ที่นี่ได้อย่างไร?”เจี่ยนอันอันตรวจดูบาดแผลของซ่างตงเยว่ไปด้วย ถามโดยไม่เงยหน้าขึ้นไปด้วยฉู่จวินสิงตอบด้วยเสียงลึกทุ้ม “หลังจากที่เจ้าไปก็มีคนอีกกลุ่มบุกเข้ามาลอบสังหาร”“ซ่างตงเยว่คงจะเป็นห่วงความปลอดภัยของเจ้า นางเพิ่งจะวิ่งมาถึงที่นี่ก็ถูกแทงบาดเจ็บ”เจี่ยนอันอันฟังแล้วขมวดคิ้วแน่น เดิมทีนางคิดว่าตัวเองทำการจัดการนักฆ่าทั้งหมดให้กลายเป็นน้ำหนองไปแล้วเสียอีกคิดไม่ถึงว่าจะมีคนอีกกลุ่มบุกมาลอบสังหารที่นี่ เจี่ยนอันอันไม่มีเวลามาพูดอะไรมาก นางให้ฉู่จวินสิงอุ้มซ่างตงเยว่เข้าไปในบ้านหลังจากที่ฉู่จวินสิงออกไป นางก็รีบปิดประตูห้องให้สนิทและถอดเสื้อของซ่างตงเยว่ออกโลหิตยังคงไหลออกม
หลังจากที่เจี่ยนอันอันทำการผ่าตัดเสร็จเรียบร้อย นางก็พันผ้าพันแผลให้กับบาดแผลของซ่างตงเยว่จากนั้นเดินไปฟังความเคลื่อนไหวด้านนอกที่ประตูไม่นาน ฉู่จวินสิงก็กลับมาและพูดกับคนทั้งสามที่อยู่ในลานบ้านว่า “คนด้านนอกถูกข้าสังหารหมดแล้ว”เจี่ยนอันอันได้ยินดังนี้ก็ค่อยเปิดประตูออกไปฉู่จวินสิงเห็นเจี่ยนอันอันออกมาก็ถามด้วยสีหน้าจริงจัง “ซ่างตงเยว่เป็นอย่างไรบ้าง?”เจี่ยนอันอันเช็ดเหงื่อที่หน้าผากก่อนจะตอบเสียงเบา “ตอนนี้ปลอดภัยดีแล้ว”“แต่อาการบาดเจ็บของนางค่อนข้างสาหัส คงไม่ฟื้นในเร็วๆ นี้”เจี่ยนอันอันพูดจบก็พิจารณาฉู่จวินสิงโดยละเอียดครั้นเห็นว่าเขาไม่ได้รับบาดเจ็บก็ค่อยโล่งใจในที่สุดฉู่อันเจ๋ออดถามไม่ได้ว่า “พวกเขาเป็นผู้ใดกันแน่ เหตุใดจึงมีคนมาลอบสังหารเยอะขนาดนี้?”ฉู่จวินสิงนำป้ายคำสั่งที่ค้นเจอจากพวกนักฆ่ามาโยนให้ฉู่อันเจ๋อ“พวกเขาเป็นคนของผู้ว่ามณฑลจงโจว”“กระไรนะ เป็นแค่ผู้ว่ามณฑลจงโจวแต่กลับกล้าส่งคนจำนวนมากขนาดนี้มาลอบสังหาร”“นี่ผู้ว่ามณฑลจงโจวไปกินดีหมีหัวใจเสือมาหรือไร?”ฉู่อันเจ๋อพูดด้วยความโมโหเดือดดาลตอนนี้พวกเขาเป็นเสือร่วงพื้นราบสุนัขรังแกโดยแท้ แม้แต่ผู้ว
ฮูหยินใหญ่เดินไปหาพวกฉู่จวินด้วยสีหน้าร้อนใจและถามด้วยความเป็นห่วง “พวกเจ้าปลอดภัยดีหรือไม่?”เจี่ยนอันอันไม่อยากให้ฮูหยินใหญ่เป็นห่วงจึงตอบด้วยรอยยิ้ม “ท่านแม่ พวกข้าปลอดภัยดีเจ้าค่ะ ท่านไม่ต้องเป็นห่วง”ฮูหยินรองมองฉู่อันเจ๋อ ครั้นเห็นว่าเขาปลอดภัยจริงๆ ก็เบาใจลงในที่สุดนางถามด้วยความสงสัย “พวกคนเมื่อครู่เป็นผู้ใดกัน เหตุใดต้องปองร้ายครอบครัวของเราด้วย?”ฉู่จวินสิงตอบด้วยสีหน้าราบเรียบ “พวกเขาเป็นคนของผู้ว่ามณฑลจงโจว”ถ้อยคำของฉู่จวินสิงทำให้สมาชิกในครอบครัวทั้งหมดมีอาการตกใจมากพวกเขาเพิ่งจะมาอยู่เมืองอินเป่ยได้ไม่นาน ไม่ได้รู้จักกับผู้ว่ามณฑลจงโจวอะไรนั่นเหตุใดอีกฝ่ายต้องปองร้ายพวกเขาด้วย?เจี่ยนอันอันไม่ได้เล่าเรื่องราวที่ได้ยินมาจากคนกลุ่มนั้นให้ทุกคนฟังนางตั้งใจว่าจะบอกเรื่องนี้กับพวกฉู่จวินสิงเพียงไม่กี่คนเท่านั้นสมาชิกในครอบครัวคนอื่นๆ เห็นศพที่ถูกเผาจนไหม้เกรียมนอนกองกันในลานบ้านแต่ละคนต่างมีสีหน้าหวาดกลัวในอากาศมีกลิ่นของหนังหมูย่างลอยคละคลุ้งคิดว่าคงต้องใช้เวลาหนึ่งคืนกว่ากลิ่นจะหายไปฉู่จวินสิงมองพ่อบ้านหลิว “พ่อบ้านหลิว ท่านพาคนมาลากศพพวกนี้ไปฝัง”พ่
เมื่อคิดถึงตรงนี้ เจี่ยนอันอันก็ถามฉู่จวินสิง “ร่างของพวกนักฆ่ากลุ่มสุดท้ายอยู่ที่ใด?”ฉู่จวินสิงเข้าใจความหมายของเจี่ยนอันอัน เขาจับมือนางพร้อมกับพูดว่า “ตามข้ามา”ทั้งสองคนเดินออกจากลานบ้านไปเพียงไม่ไกลก็พบกับศพสิบกว่าร่างที่นอนกระจัดกระจายบนพื้นเจี่ยนอันอันนำถุงมือแบบพิเศษจากในห้วงมิติออกมาสวม ตามด้วยโปรยผงสลายศพกำหนึ่งลงบนศพศพเหล่านั้นละลายเป็นน้ำหนองภายในชั่วพริบตาซ่างตงเยว่ถูกพาไปนอนพักรักษาตัวที่ห้องของเหยียนเซ่าส่วนเหยียนเซ่าต้องไปพักอยู่ห้องเดียวกันกับฉู่อันเจ๋อเจี่ยนอันอันพูดกับเหยียนเซ่าด้วยความเกรงใจเมื่อต้องทำแบบนี้ “คงต้องลำบากให้ท่านนอนกับอันเจ๋อสักสองสามวันแล้ว”เหยียนเซ่าส่ายมือตอบอย่างไม่ยี่หระ “ไม่ได้ลำบากอะไร สมัยที่อยู่ค่ายทหารก็เคยนอนกับคนหลายสิบเป็นประจำ”เจี่ยนอันอันประทับใจในตัวเหยียนเซ่าไม่น้อยเลย แม้เขาจะพูดน้อยแต่ก็มีคุณธรรมดีมากฉู่อันเจ๋อไม่ได้มีปัญหาอะไรเช่นกัน ความจริงแล้วเขาก็ค่อนข้างชอบคบค้าสมาคมกับเหยียนเซ่าค่ำคืนนี้ ไม่มีผู้ใดนอนหลับสนิทเจี่ยนอันอันพลิกตัวไปมาอย่างไรก็นอนไม่หลับในหัวเอาแต่คิดว่าผู้ใดกันที่ต้องการสังหารนางมากถึงเพ
จนกระทั่งม้าที่เจี่ยนอันอันขี่อยู่ได้กลิ่นควันของกระดาษเงินกระดาษทองที่กำลังเผา มันอดไม่ได้ที่จะจามออกมาเสียงดังชายหนุ่มพลันคว้ากระบี่ข้างกายขึ้นมาด้วยสีหน้าตื่นตัว หันมองไปยังเบื้องหลังทว่าไม่มีผู้ใดเลยแม้แต่คนเดียว ในศาลบรรพชนแห่งนี้ นอกจากเขาแล้วก็ไม่มีแม้แต่เงาของผู้ใดชายหนุ่มลอบถอนหายใจด้วยความโล่งอก อย่างน้อยก็ไม่มีทหารที่ถูกส่งมาไล่ล่าทว่าในตอนที่เขาหันหน้ามานั้น เจี่ยนอันอันกลับต้องสะดุ้งในใจเมื่อได้เห็นใบหน้าของเขาครึ่งหนึ่งบนใบหน้าของชายหนุ่ม ผิวหนังส่วนหนึ่งหลอมละลายจนติดกันบางจุดยังมีน้ำหนองไหลออกมา ดูน่าสะพรึงกลัวยิ่งนักเจี่ยนอันอันคิดในใจว่า ชายผู้นี้คงเคยถูกไฟคลอกมาก่อน และไม่ได้รับการรักษาอย่างทันทวงทีเขาคุกเข่าอยู่ในศาลบรรพชนด้วยใบหน้าเช่นนี้ เกรงว่าหากบิดามารดาในโลงศพของเขาได้เห็นเข้าก็คงจะตกใจจนสะดุ้งลุกขึ้นมาเป็นแน่เมื่อฉู่จวินสิงเห็นใบหน้าของชายผู้นี้ คิ้วของเขาขมวดเข้าหากันแน่นกว่าเดิมบัดนี้ ฉู่จวินสิงและเจี่ยนอันอันยังคงอยู่ในสภาวะล่องหนทำให้ชายหนุ่มไม่อาจล่วงรู้ถึงการมาของพวกเขา“เหตุใดจึงเป็นเขา?” ฉู่จวินสิงเผลอพึมพำออกมาเจี่ยนอันอันมอง
ฉู่จวินสิงเอ่ยว่า “พวกเขามีนามว่าหม่าลู่ เฉินเช่อ เจียงหลิว ลู่ซาน และหลิ่วหยวน”เจี่ยนอันอันจดจำชื่อของทั้งห้าคนไว้ในใจนางให้ฉู่จวินสิงจับบังเหียนม้าให้แน่น เช่นนี้แล้วพวกเขาจะได้เคลื่อนย้ายในชั่วพริบตาไปถึงจุดหมายพร้อมกับม้าที่ขี่อยู่ได้ทั้งสองตั้งจิตแน่วแน่ นึกถึงชื่อของเหล่าทหารใต้บัญชาพวกนั้น ในชั่วพริบตาพวกเขาก็อันตรธานหายไปจากที่เดิมเมื่อปรากฏกายขึ้นอีกครา ก็พบว่าตนมาอยู่ในหมู่บ้านแห่งหนึ่งบ้านเรือนโดยรอบล้วนปิดประตูสนิท ไม่อาจรู้ได้ว่าคนที่พวกเขาตามหาจะอยู่ที่นี่หรือไม่เจี่ยนอันอันกระตุกมุมปากเล็กน้อย คิดในใจว่าคุณสมบัติของยาเคลื่อนย้ายในชั่วพริบตาว่ายังไม่สมบูรณ์พอเห็นทีว่าจะเป็นเพราะเมื่อตอนนางหลอมยา นางรีบร้อนเกินไป หากมีเวลาเพิ่มอีกสักหน่อย นางคงจะหลอมยาเคลื่อนย้ายในชั่วพริบตาที่สมบูรณ์แบบกว่านี้ได้บัดนี้ต้องหาทางพัฒนาประสิทธิภาพของยาให้มากขึ้น มิฉะนั้น หากต้องใช้การเคลื่อนย้ายในชั่วพริบตาอีกครั้ง ก็ไม่รู้เลยว่าจะถูกส่งไปยังที่ใดอีกแต่ตอนนี้ควรทำอย่างไรดี หรือจะให้พวกเขาเดินเคาะประตูไปทีละบ้าน ถามชาวบ้านว่ามีผู้ใดพบเห็นคนที่พวกเขาตามหาบ้างหรือไม่กระนั้นหรือ
เจี่ยนอันอันไม่เคยบอกฉู่จวินสิงเกี่ยวกับภารกิจของมิตินางจึงแต่งเรื่องโกหกขึ้นมา “ข้าไม่เคยแปลงโฉมมาก่อน พอได้คิดว่ากลับไปถึงเมืองจิงโจวแล้วจะได้ลองดูแปลงโฉมดู ข้าก็ตื่นเต้นขึ้นมา”คิ้วของฉู่จวินสิงที่ขมวดมุ่นอยู่ก่อนหน้านี้ ค่อย ๆ คลายลงเล็กน้อยสำหรับเขาวิชาแปลงโฉมง่ายดายไม่ต่างจากการกินข้าวแต่สำหรับเจี่ยนอันอัน กลับเป็นสิ่งแปลกใหม่และน่าตื่นเต้น“ในโลกของเจ้า ไม่มีผู้ใดที่รู้วิชาแปลงโฉมหรือ?”ฉู่จวินสิงพลันรู้สึกสงสัย โลกของเจี่ยนอันอันเป็นเช่นไรกันแน่?เจี่ยนอันอันส่ายศีรษะเบา ๆ “วิชาแปลงโฉมข้าเคยเห็นแค่ในละครเท่านั้น แต่ก็เป็นของปลอม”“ศาสตร์แปลงโฉมที่แท้จริง สูญหายไปนานแล้ว”เจี่ยนอันอันกล่าวถึงตรงนี้ ก็นึกถึงการแสดงเปลี่ยนหน้ากากเสฉวนขึ้นมาได้นางอดไม่ได้ที่จะเอ่ยชมขึ้นว่า “แต่ในโลกของข้าก็มีศาสตร์แปลกใหม่เช่นกัน เรียกว่าวิชาเปลี่ยนหน้า”ฉู่จวินสิงเกิดความสนใจขึ้นมาทันที เขาอยากรู้ว่าวิชาเปลี่ยนหน้าที่นางพูดถึง จะเหมือนกับวิชาแปลงโฉมของเขาหรือไม่เขาไม่ได้ถามออกมา เพียงรอให้เจี่ยนอันอันเล่าต่อไปเองเจี่ยนอันอันกล่าวต่อด้วยความตื่นเต้นว่า “วิชาเปลี่ยนหน้าของพวกเราก็
ฉู่จวินสิงถือหน้ากากหนังมนุษย์สองผืนไว้ในมือ ก่อนยิ้มบาง ๆ “พวกเราปลอมตัวเป็นพวกมันแล้วกลับเข้าเมืองจิงโจวกันเถิด”เจี่ยนอันอันมองดูหน้ากากหนังมนุษย์ทั้งสองแผ่น แล้วเข้าใจถึงจุดประสงค์ของฉู่จวินสิงทันทีนางเคยเห็นในละครหรืออ่านในนิยายว่า มีคนในยุคโบราณไม่น้อยที่เชี่ยวชาญวิชาแปลงโฉมนางไม่คาดคิดเลยว่าฉู่จวินสิงก็มีความสามารถด้านการแปลงโฉมนี่เป็นศาสตร์ที่นางหลงใหลมาโดยตลอดสายตาของเจี่ยนอันอันที่มองฉู่จวินสิง เปล่งประกายไปด้วยความชื่มชมฉู่จวินสิงจัดเก็บหน้ากากหนังมนุษย์อย่างระมัดระวัง แล้วส่งให้เจี่ยนอันอัน ให้นางช่วยเก็บไว้ในมิติก่อนเจี่ยนอันอันรับหน้ากากหนังมนุษย์มาเก็บเข้าไปในมิติ หลังล้างทำความสะอาดแล้วก็นำไปแช่ในน้ำพุวิญญาณ“แล้วจากนี้พวกเราควรทำเช่นไรต่อ?”“ในเมื่อจะปลอมตัวเป็นอิ่นเจียงกับหน่วยกล้าตายเพื่อแฝงตัวเข้าไปในเมืองจิงโจว ก็ไม่ควรกลับไปเร็วเกินไปนัก”“พวกเราจะขี่ม้าไปอย่างช้า ๆ เมื่อใกล้ถึงเมืองจิงโจว ข้าจะช่วยเจ้าแปลงโฉมเอง”ฉู่จวินสิงเอ่ยพลางเดินไปเลือกม้าที่ดีที่สุดสองตัวเขาถอดอานม้าที่เหลืออีกสี่ตัวออก ก่อนจะฟาดลงบนบั้นท้ายของพวกมันอย่างแรงม้าทั้งสี่ร
เขาพยายามเพ่งมองใบหน้าของเจี่ยนอันอันให้ชัดเจน ทว่าโลหิตทำให้ดวงตาพร่ามัวจนเขามองอะไรไม่ชัดเลยมองเห็นแค่ร่างหญิงสาวบอบบางผู้หนึ่งยืนอยู่ตรงหน้าเขาเสียงของเจี่ยนอันอันไพเราะเสนาะหู ทว่าคำที่นางพูดออกมากลับทำให้ผู้คนขนลุกไปถึงปลายเท้า“ท่านพี่ ท่านลงมือถลกหนังหน้าเขาแล้ว ข้าว่าถลกหนังมันทั้งตัวไปเลยดีหรือไม่”“ข้าไม่เคยเห็นการถลกหนังคนทั้งเป็นมาก่อน คิดดูแล้วน่าตื่นเต้นไม่น้อย”หน่วยกล้าตายได้ยินก็รู้สึกขนลุกทันที สตรีผู้นี้เหตุใดจึงโหดเหี้ยมถึงเพียงนี้นางยังเป็นสตรีอยู่หรือไม่?หน่วยกล้าตายกัดฟันแน่น ดวงตาสีเลือดซึ่งไร้เปลือกตาจ้องเขม็งไปที่เจี่ยนอันอันด้วยแรงอาฆาตฉู่จวินสิงกระชับวงแขนที่โอบรัดเอวของเจี่ยนอันอันแน่นขึ้น หญิงสาวผู้นี้ช่างกล้าพูดเสียจริงเจี่ยนอันอันหันมายิ้มกว้างให้ฉู่จวินสิงแล้วกล่าวว่า “ข้าพูดเล่นเท่านั้น การถลกหนังทั้งเป็นมันนองเลือดเกินไป ข้ากลัวว่าเห็นมากเกินไปแล้วจะฝันร้ายเอาได้”หน่วยกล้าตายที่ได้ยินเช่นนั้นแอบถอนหายใจโล่งอกบัดนี้เขาเพียงหวังให้ตนตายอย่างรวดเร็ว ไม่อยากทนรับความเจ็บปวดอันแสนทรมานนี้อีกต่อไปเจี่ยนอันอันมองดูสภาพของหน่วยกล้าตายที่ก
“เรื่องที่เจ้าพูดมาพวกนี้ ข้าคาดเดาได้แต่แรกแล้ว”คำพูดของฉู่จวินสิงทำให้หัวใจอิ่นเจียงพลันกระตุกวูบนี่หมายความว่าข้อมูลที่เขาให้ไปยังไม่สามารถทำให้ฉู่จวินสิงพอใจได้น่ะสิ?อิ่นเจียงเค้นสมองคิดหาวิธีเอาชีวิตรอดแต่แม้เขาจะเป็นคนของฉู่ชางเหยียน แต่เรื่องที่รู้กลับมีไม่มากนักหากไม่ใช่เพราะฉู่ชางเหยียนส่งพวกเขามาสังหารครอบครัวฉู่จวินสิงที่เมืองอินเป่ย เกรงว่าเขาก็คงไม่รู้เรื่องนี้ละเอียดเช่นนี้เหมือนกันฉู่จวินสิงมองอิ่นเจียงด้วยสีหน้าเย็นชา “ถ้าเจ้าไม่มีข้อมูลอย่างอื่นอีก ข้าจะลงมือแล้วนะ”ฉู่จวินสิงว่าพลาง มีดสั้นในมือก็แทงมายังใบหน้าอิ่นเจียงอีกครั้งอิ่นเจียงตกใจจนหัวใจแทบกระดอนออกมาจากคอหอยในที่สุดเขาก็นึกถึงความลับที่สำคัญกว่านั้นขึ้นมาได้จึงโพล่งออกมาว่า “เยียนอ๋องโปรดไว้ชีวิตด้วย ข้ายังรู้อีกเรื่อง”ฉู่จวินสิงหยุดมือ มองอิ่นเจียงด้วยสายตาเย็นเฉียบ รอให้อีกฝ่ายพูดต่อไปอิ่นเจียงรีบพูดออกมาว่า “หลังจากรัชทายาทถูกทำลายวรยุทธ์ก็ถูกคุมขังอยู่ในคุกหลวง”“แต่ครึ่งเดือนก่อน อยู่ดีๆ รัชทายาทก็เสียสติ บัดเดี๋ยวร้องไห้บัดเดี๋ยวหัวเราะอยู่ในคุกหลวงทั้งวัน ทั้งยังใช้ศีรษะโขกกำแพง
มือฉู่จวินสิงหยุดชะงัก อิ่นเจียงเข้าใจว่าฉู่จวินสิงถูกเขาโน้มน้าวได้แล้วเขารีบคุกเข่าลงตรงหน้าฉู่จวินสิง โขกศีรษะอย่างหนักหน่วงสามครั้งเลือดสดๆ ไหลลงมาตามปากแผล หยดลงบนสาบเสื้อ“ขอเพียงเยียนอ๋องยอมละเว้นข้า ข้าจะบอกความลับทุกอย่างต่อเยียนอ๋อง”อิ่นเจียงโขกศีรษะพลางพร่ำพูดอ้อนวอนฉู่จวินสิงไม่ได้คิดจะเถือหนังหน้าอิ่นเจียงเร็วปานนั้นเขารู้ว่าอิ่นเจียงอยู่ข้างกายฉู่ชางเหยียนมานานปีย่อมรู้ความลับเกี่ยวกับฉู่ชางเหยียนมากมายหลายเรื่องเขาจะรอจนอิ่นเจียงบอกความลับทั้งหมดออกมาแล้วค่อยเถือหนังหน้าของอีกฝ่ายฉู่จวินสิงกล่าวด้วยสีหน้าบึ้งตึง “ทางที่ดีเจ้าจงบอกข้ามาทั้งหมด ไม่อย่างนั้นเจ้าก็รู้ฝีมือข้าดี”คราวนี้อิ่นเจียงไม่กล้าปิดบังอีกแล้ว บอกแผนการของฉู่ชางเหยียนออกมาจนหมดเมื่อหนึ่งเดือนก่อน ทหารรักษาพระองค์ที่ควบคุมครอบครัวฉู่จวินสิงมาแดนเนรเทศกลับไปถึงเมืองจิงโจวฉู่ชางเหยียนรู้จากปากหานซื่อว่า ที่แท้หัวหน้าทหารรักษาพระองค์ถูกหมีดำกัดตายระหว่างทางส่งตัวนักโทษเนรเทศพวกเขายังได้รับบาดเจ็บไม่น้อยเพราะเหตุนี้ ส่วนฉู่จวินสิงเสียชีวิตกะทันหันระหว่างทางฉู่ชางเหยียนพอใจอย่างมาก ตกร
อิ่นเจียงเบิกตามองหนังหน้าของหน่วยกล้าตายผู้นั้นถูกฉู่จวินสิงเถือออกมาหัวใจเขาเต้นกระหน่ำกล่าวกันว่าเยียนอ๋องโหดเหี้ยมอำมหิต ปฏิบัติต่อศัตรูโดยไม่เลือกวิธีการแต่การได้มาเห็นภาพนี้ด้วยตาตัวเองทำให้หนังศีรษะของอิ่นเจียงชาหนึบเจี่ยนอันอันที่ยืนอยู่บนต้นไม้เห็นภาพตรงหน้าแล้วก็ต้องนึกเลื่อมใสฉู่จวินสิงในใจนี่เป็นครั้งแรกที่นางได้เห็นด้านที่โหดร้ายเช่นนี้ของฉู่จวินสิงคิดไม่ถึงว่าพอฉู่จวินสิงจะโหดขึ้นมา เทียบกับนางแล้วยังโหดกว่าเสียอีกฉู่จวินสิงถือหนังหน้าที่สมบูรณ์ดีแผ่นนั้นพลางก้าวยาวๆ มาทางอิ่นเจียงอิ่นเจียงตกใจถอยหลังกรูด เขากล่าวอย่างลนลานว่า “เจ้าจะทำอะไร เจ้าอย่าเข้ามานะ”ฉู่จวินสิงไม่มีทีท่าว่าจะหยุดชะงักฝีเท้าแม้แต่น้อย เขาเดินมาถึงตรงหน้าอิ่นเจียง ก้มตัวลงจ้องมองอีกฝ่าย“ถ้าเจ้ายังไม่พูดความจริงอีกก็จะมีจุดจบเหมือนเขา”อิ่นเจียงมองหน่วยกล้าตายที่ถูกถลกหนังหน้าพร้อมกับรู้สึกหนังศีรษะชาวาบลักษณะที่เลือดเนื้อเลอะเลือนแบบนั้น ถึงจะเป็นอิ่นเจียงที่โหดเหี้ยมอำมหิตก็ยังหวาดกลัวจนทำใจมองตรงๆ ไม่ลงหน่วยกล้าตายอีกสามคนเห็นอย่างนั้นก็ล้วนตกใจกลัวจนตัวสั่นความตายหาได้น่
ฉู่จวินสิงหยิบกระบี่บนพื้นขึ้นมาแล้วก้าวเท้ายาวๆ ตรงมาหาอิ่นเจียงอิ่นเจียงกัดฟันตวาดว่า “ฉู่จวินสิง เจ้าฆ่าข้าไม่ได้ ไม่อย่างนั้นถ้าฝ่าบาททรงทราบจะต้องไม่ปล่อยเจ้ากับครอบครัวเจ้าไปแน่!”ฉู่จวินสิงหัวเราะเสียงเย็น กระบี่ในมือชี้ไปยังใบหน้าอิ่นเจียง“เจ้าคิดว่าฉู่ชางเหยียนจะรู้ว่าเจ้าถูกข้าสังหารงั้นรึ?”“อย่าลืมสิว่าตอนที่เจ้าทรมานข้า ในสายตาฉู่ชางเหยียน ข้าเป็นคนที่ใกล้จะตายแล้ว”อิ่นเจียงถูกคำพูดของฉู่จวินสิงทำให้โมโหจนกระอักเลือดออกมาคำหนึ่งฉู่จวินสิงพูดถูก ตอนนั้นเขาถูกทรมานจนเหลือแค่ลมหายใจสุดท้ายประกอบกับความลำบากตรากตรำจากการเดินทาง หากพิจารณาจากสภาพของฉู่จวินสิงในยามนั้น เกรงว่าคงตายไปตั้งแต่ระหว่างทางแล้วส่วนที่เขานำหน่วยกล้าตายมาเมืองอินเป่ยในครั้งนี้ก็เป็นคำสั่งของฉู่ชางเหยียนฉู่ชางเหยียนให้พวกเขามาที่เมืองอินเป่ยอย่างลับๆ เพื่อสังหารครอบครัวฉู่จวินสิงฉู่ชางเหยียนไม่คิดจะปล่อยให้ครอบครัวของฉู่จวินสิงรอดไปแม้แต่คนเดียวอยู่แล้ว แต่เขาไม่อยากถูกครหาว่าสังหารพี่น้องร่วมสายเลือดตั้งแต่เพิ่งขึ้นครองราชย์ครอบครัวฉู่จวินสิงถูกเนรเทศมาที่เมืองอินเป่ยนานปานนี้ ต่อให้พ