เจ้าอาวาสที่มีความสามารถเช่นนี้ ทำไมพวกเขาถึงไม่พบบ้างหากว่าพวกเขาสามารถล่วงรู้ได้ก่อนว่าจะต้องประสบกับการโดนเนรเทศ พวกเขาจะต้องเก็บของมีค่าทั้งหมดในจวนเอาไปหลบซ่อนเอาไว้ตอนนี้พวกเขาเองก็ไม่อาจกลับไปยังจวนเยียนอ๋องได้แล้ว และไม่รู้ว่าที่นั่นตอนนี้เปลี่ยนไปเป็นอย่างไรแล้วฉู่จื่อซีมองไปยังถั่วในที่ดิน เขาดึงแขนเสื้อของเจี่ยนอันอันมา“อาสะใภ้รอง ข้าอยากกินถั่วแระ”เจี่ยนอันอันลูบศีรษะเล็กๆ ของฉู่จื่อซีด้วยใบหน้าอ่อนโยนและรักใคร่“อาสะใภ้รองจะไปปรุงถั่วแระให้เจ้ากินตอนนี้เลย”เจี่ยนอันอันพูดจบ ก็ให้โต้วเอ๋อร์และซ่างตงเยว่ไปล้างถั่วแระรอจนเมื่อล้างทำความสะอาดจนเสร็จแล้ว เจี่ยนอันอันก็เริ่มจุดไฟปรุงถั่วแระพ่อบ้านหลิวมองซากงูที่อยู่บนพื้น แล้วก็มองไปยังทางห้องครัวอย่างประหลาดใจเขารู้ว่าฉู่จื่อซีไปยังที่ดินกับเจี่ยนอันอันจึงย่อกายลงถามฉู่จื่อซี “นายน้อยเล็ก เกิดอะไรขึ้นกับซากงูตัวนี้กัน?”ฉู่จื่อซีพูดออกมาด้วยน้ำเสียงไพเราะ เล่าเรื่องที่เกิดขึ้นกับพวกเขาตรงที่ดินออกมาจนหมดฉู่จวินสิงที่เดินออกมาจากในห้อง ก็ได้ยินคำของฉู่จื่อซีเข้าพอดีเขาขมวดคิ้วออกมาเล็กน้อย แล้วเดินเข้าไ
และในตอนที่เจี่ยนอันอันกำลังคิดว่าจะจัดการกับพวกหนูเหล่านั้นอย่างไรดี เสียงของฉู่จื่อซีก็ดังขึ้นมาอีกครั้ง“อาสะใภ้รอง เมื่อเช้าวันนี้ข้ายังได้ยินนกน้อยพูดกันว่า ธัญพืชในที่ดินของพวกเราสุกแล้ว”“ฉะนั้นข้าถึงได้โวยวายจะไปดูกับท่าน”เจี่ยนอันอันเข้าใจแล้ว ไม่น่าแปลกที่นางเห็นในหมู่ธัญพืชที่สุกแล้วพวกนั้น มีข้าวโพดหายไปจำนวนมากที่แท้เป็นเพราะว่าถูกนกน้อยพวกนั้นกินไปแล้วเจี่ยนอันอันมองฉู่จื่อซีที่กินอย่างเอร็ดอร่อย นางก็อดที่จะถามออกมาไม่ได้ “จื่อซี ตั้งแต่เมื่อไหร่กันที่เจ้าเริ่มได้ยินเสียงพวกสัตว์พูดคุยกัน?”ฉู่จื่อซีเอียงศีรษะเล็กๆ คิดไปมา “ตั้งแต่ที่ข้าสามารถได้ยินเสียงแล้ว ก็สามารถได้ยินสัตว์ต่างๆ พูดคุยกัน”เจี่ยนอันอันรู้สึกประหลาดใจเป็นอย่างมากนางไม่คิดเลยว่า ฉู่จื่อซีจะได้รับพรจากโชคร้ายถึงแม้ว่าฉู่จื่อซีจะทนทุกข์ทรมานมาจากพิษนานถึงสี่ปี แต่เขากลับเป็นเพราะอาการป่วยนี้ ทำให้มีความสามารถฟังเข้าใจภาษาของสัตว์ได้นี้ทำให้เจี่ยนอันอันรู้สึกดีใจกับฉู่จื่อซีจากใจจริงไม่แน่ว่าต่อไป ความสามารถพิเศษนี้ของฉู่จื่อซียังจะใช้ประโยชน์ได้เจี่ยนอันอันปลูกถั่วแระเอาไว้มาก นางเพีย
เจี่ยนอันอันพูดกับหนู “จะให้ข้าปล่อยพวกเจ้าก็ได้ แต่ข้ามีเงื่อนไขข้อหนึ่ง”หนูทั้งหลายได้ยินคำของเจี่ยนอันอัน ก็รีบส่งเสียง “จี๊ดๆ ๆ” ดังออกมาฉู่จื่อซีบอกเจี่ยนอันอัน “หนูพวกนั้นบอกว่า ขอเพียงท่านปล่อยพวกมันไป ให้พวกมันทำอะไรก็ได้”เจี่ยนอันอันพูดออกมาอย่างเคร่งขรึม “พวกเจ้าจะต้องพูดคำไหนคำนั้น มิฉะนั้นแล้วข้าจะแทงโพรงหนูของพวกเจ้า แล้วเผาพวกเจ้าทั้งครอบครัว”หนูหลายสิบตัวนั่นรีบพยักหน้าให้เจี่ยนอันอันเจี่ยนอันอันถึงได้ซื้อน้ำมันทำความสะอาดออกมาขวดหนึ่งจากร้านค้าในห้วงมิตินางเทน้ำมันทำความสะอาดลงไปบนกระดานกาว ผ่านไปไม่นาน หนูหลายสิบตัวนั่นที่ติดอยู่บนกระดานกาว ในที่สุดก็ปีนลงมาจากบนนั้นได้พวกมันรีบคลานมายังด้านหน้าของเจี่ยนอันอัน นอนนิ่งอยู่บนพื้นไม่ไหวติงใบหน้าของหนูแต่ละตัว เผยความขี้ขลาดออกมาเจี่ยนอันอันโบกมือออกมา “พวกเจ้าไปเสียเถอะ แต่พวกเจ้าจะต้องมาตามคำเรียกของข้า”หนูหลายสิบตัวพยักหน้าให้เจี่ยนอันอัน ก่อนจะรีบวิ่งออกไปแต่พวกมันยังไม่ทันได้วิ่งออกไปไกล ก็ได้ยินเสียงร้องตะโกนของเจี่ยนอันอัน “กลับมาให้หมด!”หนูสิบกว่าตัวนั้นกายสั่นเทิ้ม รีบหันหลังแล้ววิ่งมาหาเจี
หนูตัวใหญ่เห็นว่ามีอาหารมากมายให้กิน มันก็รีบโค้งคำนับให้เจี่ยนอันอันพลางส่งเสียงร้อง “จี๊ดๆ”ฉู่จื่อซีได้ยินแล้วก็รีบอธิบายให้เจี่ยนอันอันฟัง“มันบอกว่าขอบคุณเจ้านาย วันหน้าพวกมันจะต้องตอบแทนบุญคุณใหญ่หลวงของเจ้านายอย่างแน่นอน”เจี่ยนอันอันได้ยินดังนั้นก็กล่าวอย่างพึงพอใจ “นับว่าพวกเจ้ารู้ความ วันหน้าจะต้องมีวันที่พวกเจ้าได้ตอบแทนแน่นอน”นางกล่าวจบก็พาฉู่จื่อซีกลับไปที่เรือนหนูตัวใหญ่เห็นเจี่ยนอันอันจากไปแล้วก็รีบร้องเรียกหนูตัวอื่นๆ ในโพรงพวกมันขนข้าวสารในกระสอบทั้งหมดเข้าไปในโพรงระหว่างทางขากลับ ความคิดหนึ่งวาบขึ้นในสมองเจี่ยนอันอันรอจนนางเลี้ยงดูหนูเหล่านี้จนอ้วนพีแล้วค่อยให้พวกมันทำงานให้ตนเองอัตราการขยายพันธุ์ของหนูพวกนี้เร็วมาก ในอนาคตอันใกล้ นางก็จะมีกองทัพหนูเป็นของตนเองรอจนถึงช่วงเวลาที่สุกงอมแล้ว นางก็จะใช้กองทัพหนูเหล่านี้ไปต่อกรกับกองทัพของฉู่ชางเหยียนคิดถึงตรงนี้ เจี่ยนอันอันก็เอ่ยกับฉู่จื่อซีว่า “จื่อซีอยากเห็นหนูต่อสู้กันหรือไม่?”ฉู่จื่อซีได้ยินดังนั้น ดวงตากลมโตก็พลันวาววับ“อาสะใภ้รอง ข้าไม่เคยเห็นหนูต่อสู้กันมาก่อนเลย ข้าอยากดูขอรับ”เจี่ยนอันอั
หนูตัวที่พูดกับเจี่ยนอันอันวิ่งมาตรงหน้านางแล้วร้องเสียง “จี๊ดๆ” กับนางฉู่จื่อซีอธิบายว่า “อาสะใภ้รอง หนูตัวนี้บอกว่ามันกับพวกเด็กๆ เรียกหนูทุกตัวในหมู่บ้านชิงสุ่ยมาหมดแล้วขอรับ”ฉู่จวินสิงคิดไม่ถึงเลยว่าฉู่จื่อซีจะฟังคำพูดหนูเข้าใจด้วยสายตาที่มองไปทางฉู่จื่อซีของเขาฉายแววพิศวงเจี่ยนอันอันมองหนูสามสิบกว่าตัวนั้นพลางพยักหน้าอย่างพึงพอใจนางวางกระสอบข้าวสารบนไหล่ลงบนพื้นนางกล่าวกับหนูตัวนั้นว่า “เจ้าบอกพวกมันว่าเย็นนี้จะมีการประลองต่อสู้”“ใครชนะ ข้าวสารกระสอบนี้ก็จะเป็นของผู้นั้น นอกจากนี้หนูตัวที่ชนะจะได้เป็นหัวหน้าหนูของพวกเจ้า”หลังหนูตัวนั้นได้ยิน ดวงตาก็เป็นประกายวาววับมันรีบหันไปส่งเสียงร้อง “จี๊ดๆ” บอกหนูสามสิบกว่าตัวนั้นพวกหนูที่ถูกเรียกมามองหน้ากันหนูสิบเอ็ดตัววิ่งออกมา แม้พวกมันจะผอมแห้งเหมือนท่อนฟืนแต่ก็มีขนาดใหญ่โตมากเห็นทีพวกมันล้วนอยากแย่งชิงข้าวสารกระสอบนี้เจี่ยนอันอันมองหนูสิบเอ็ดตัวที่ก้าวออกมาอย่างยิ้มแย้มนางดึงมือฉู่จวินสิงและฉู่จื่อซีถอยไปยืนข้างๆที่นี่ค่อนข้างโล่ง เป็นสถานที่ที่เหมาะกับการประลองต่อสู้ของพวกหนูพอดีเจี่ยนอันอันร้องบอกหนูพวก
สาเหตุที่เจี่ยนอันอันให้หนูตัวนั้นลงสนามรอบที่สองก็เพราะอยากให้มันสังเกตการณ์การต่อสู้เสียก่อนนางอยากให้หนูตัวนั้นเป็นผู้นำของพวกหนูแต่ไม่รู้ว่าความสามารถของมันเป็นอย่างไรการต่อสู้รองที่สองเริ่มขึ้นอย่างรวดเร็วหนูสามตัวนั้นเข้าโรมรันกันอย่างรุนแรงเหมือนเห็นคู่แค้นที่สังหารบิดาอย่างไรอย่างนั้นผ่านไปไม่นาน การประลองรอบนี้ก็สิ้นสุดลงเจี่ยนอันอันมองดูหนูตัวนั้น ดวงตาฉายแววชื่นชมนางไม่ได้มองผิดไปจริงๆ ด้วย หนูตัวนี้ค่อนข้างฉลาด มันชอบใช้กลยุทธ์บาดแผลบนตัวมันมีน้อยที่สุด แต่กลับสามารถใช้วิธีที่เด็ดขาดที่สุดในการเอาชนะหนูอีกสองตัวเมื่อการประลองผ่านไปสี่รอบ หนูผู้ชนะทั้งสี่ก็เริ่มการต่อสู้รอบสุดท้ายฉู่จื่อซีดูอย่างใจจดใจจ่อ ครั้นหนูที่พูดกับพวกตนกำชัยชนะได้แล้ว เขาก็ปรบมือโห่ร้องอย่างดีใจฉู่จวินสิงชมดูจนริมฝีปากกระตุกยิบ ทำไมเขาถึงรู้สึกเหมือนหลังจากฉู่จื่อซีพูดจาได้แล้วก็เปลี่ยนเป็นคนละคนเลยละดูเหมือนเขาจะถูกเจี่ยนอันอันกลืนกลายเสียแล้ว“อันอัน เจ้าให้หนูพวกนี้กัดกันเองเพื่ออะไรหรือ?”เจี่ยนอันอันยิ้มยิงฟัน “ข้าจะสร้างกองทัพหนู”ในที่สุดการประลองต่อสู้ก็จบลง พวกหนูท
เมื่อกินยาลงท้องไป หนูก็ได้ยินเสียงดัง ‘กึกๆ’ ในร่างกายบาดแผลตามตัวของมันหายดีอย่างรวดเร็ว แม้แต่กระดูกก็แข็งแรงขึ้นกว่าเมื่อก่อนมากนักหนูรีบคุกเข่าคำนับเจี่ยนอันอัน ปากก็ร้องส่งเสียง “จี๊ดๆ”ฉู่จื่อซีเดินเข้ามาพูดกับเจี่ยนอันอันว่า “อาสะใภ้รอง มันกำลังขอบคุณท่าน บอกว่าท่านคือพ่อแม่คนที่สองของมันขอรับ”“มันยังบอกว่ามันชื่อเถี่ยต้าน วันหน้าไม่ว่าจะให้มันบุกน้ำลุยไฟอย่างไร มันก็จะไม่บ่ายเบี่ยงแม้แต่คำเดียว”ริมฝีปากเจี่ยนอันอันกระตุกยิบ นางไม่อยากเป็นพ่อแม่คนที่สองของหนูตัวหนึ่งหรอกนะนางกล่าวกับเถี่ยต้าน “ตอนนี้เจ้าคว้าชัยชนะมาได้แล้วก็ถือว่าเป็นหัวหน้าของพวกหนู ข้าวสารกระสอบนั้นเจ้าสามารถนำกลับไปแบ่งกันกินกับสมาชิกในครอบครัว”นางกล่าวจบก็หันกลับไปหาหนูสามสิบกว่าตัวด้านหลัง“ในเมื่อพวกเจ้าแพ้แล้ว ในอนาคตก็ต้องเชื่อฟังคำสั่งของเถี่ยต้าน”“ถ้าข้ารู้ว่าพวกเจ้ามีตัวไหนไม่เชื่อฟังคำเถี่ยต้าน ก็อย่ามาโทษที่ข้าลงมืออย่างรุนแรงก็แล้วกัน”“ข้าสามารถทำให้พวกเจ้ามีชีวิตต่อไปได้ก็สามารถทำให้พวกเจ้าตายได้เหมือนกัน”“ข้าจะจุดไฟเผารังหนูของพวกเจ้า ทำให้พวกเจ้าสิ้นลูกสิ้นหลาน”“ได้ยินแล้ว
ฉู่จวินสิงเบี่ยงร่าง ธนูดอกนั้นจึงเฉียดปอยผมเขาตรงไปหาเจี่ยนอันอันฉู่จวินสิงตกใจ เขารีบหมุนร่างกลับมาก็เห็นเจี่ยนอันอันกลิ้งตัวหลบไปอีกทางธนูดอกนั้นปักลงตรงตำแหน่งที่เจี่ยนอันอันนอนอยู่เมื่อครู่นี้ดวงตาเจี่ยนอันอันสาดประกายเย็นชา นางกระโดดลงจากเตียงอุ่นตรงไปยังข้างกายฉู่จวินสิงทันทีเมื่อครู่พอได้ยินเสียง นางก็รู้สึกตัวตื่นแล้วฉู่จวินสิงเห็นเจี่ยนอันอันปลอดภัยดีก็ค่อยวางใจลงได้เขายกมือขึ้นทำท่า “ชู่ว” ให้เจี่ยนอันอัน เป็นเชิงบอกว่าอย่าส่งเสียงเวลานั้นเองก็มีธนูหลายดอกพุ่งเข้ามาในห้องคนทั้งสองรีบถลันไปบริเวณประตู หลบการโจมตีของธนูเหล่านั้นธนูหลายดอกนั้นปักลงบนผ้าห่มทั้งหมดชั่วขณะนั้นเอง คนทั้งสองก็ได้ยินเสียงห้องข้างๆ เปิดประตูออกมาเหยียนเซ่าก้าวยาวๆ ออกมาจากในห้องธนูหลายดอกพุ่งเข้ามาหาเหยียนเซ่าเหยียนเซ่าคว้าไม้กวาดข้างกายมาปัดธนูที่บินมากระเด็นออกไป“ผู้ใด!” เหยียนเซ่าตวาดเสียงขุ่น ก้าวเร็วๆ ไปยังกำแพงเรือนเสียงต่อสู้ดังขึ้นอย่างรวดเร็วฉู่จวินสิงเปิดประตูก้าวยาวๆ ออกไปข้างนอกในไม่ช้า บริเวณลานเรือนก็วุ่นวายอุตลุดเจี่ยนอันอันก็ตามออกมาเช่นกัน ในมือนางม
เสียงของเจี่ยนอันอันดังขึ้นจากด้านหลัง “บอกให้พวกเขาถอยออกไป หาไม่ข้าจะให้พวกท่านตายทั้งบ้าน!”เจ้าเมืองข่งรู้ดีว่าสองคนนี้วรยุทธ์ไม่เบา จึงไม่กล้าทำการบุ่มบ่าม ได้แต่รีบโบกมือให้เหล่าทหารจนแม้แต่สะใภ้รองที่อยู่บนเตียง ก็ตกใจกับคำพูดเจี่ยนอันอันเสียจนต้องรีบหยุดร้องไห้โดยพลันรอให้ทหารออกไปหมดแล้ว เจ้าเมืองข่งจึงได้ถามเสียงสั่น “พวกเจ้าต้องการสิ่งใดกันแน่?”“ที่เรามานี่ ย่อมได้รับพระบัญชาจากฮ่องเต้ ให้สืบเรื่องราวการสอบจอหงวนเมื่อสามปีก่อน”เจ้าเมืองข่งได้ยินคำพูดของฉู่จวินสิง พลันขมวดคิ้วมุ่น สองตาจ้องเขม็งไปที่เขาเพียงไม่นานเจ้าเมืองข่งก็สังเกตจากบุคลิกและการแต่งกายของฉู่จวินสิง ดูออกว่าอีกฝ่ายเป็นชาวจิงโจวจริงๆแต่จะบอกว่ารับพระบัญชามาจากฮ่องเต้ ก็ออกจะฟังไม่ขึ้นไปเสียหน่อย“พวกเจ้ามีสิ่งใดมายืนยันว่ารับพระบัญชามาสืบสวนข้าจริง?”ซ้ำยังเป็นเรื่องเมื่อสามปีที่แล้วฮ่องเต้ทรงมีราชกิจมากมาย จู่ๆ จะทรงนึกได้อย่างไรว่าต้องสืบสวนเรื่องการสอบจอหงวนเมื่อสามปีก่อนไม่แน่ว่าสองคนนี้ อาจเป็นผู้ใดส่งมาแก้แค้นเขาก็ได้เพราะเขาเคยรับผลประโยชน์จากผู้อื่นมาไม่น้อย อีกทั้งให้ผู้ที่สอบตก
แม้แต่บุตรชายโง่งมของเขาก็ยังไม่กลับบ้านมาแต่เสียงนี้กลับได้ยินแจ่มชัด จนเขามั่นใจว่าในห้องยังมีผู้อื่นอยู่อีกพลันรีบลุกขึ้นยืน มองไปยังห้องว่างเปล่าแล้วตะคอกเสียงดัง “เป็นผู้ใดกัน รีบออกมาเดี๋ยวนี้!”ถึงขั้นนี้แลว ทั้งเจี่ยนอันอันและฉู่จวินสิงจึงไม่คิดหลบซ่อนตัวอีกทั้งคู่จึงปรากฏตัวขึ้นต่อหน้าเจ้าเมืองข่งการปรากฏตัวอย่างกะทันหันของคนทั้งคู่ ยิ่งทำให้เจ้าเมืองข่งตกใจเสียจนนั่งทับลงบนร่างสะใภ้รองโดยไม่รู้ตัวส่วนทางสะใภ้รองจู่ๆ ถูกคนมานั่งทับ ก็ทำเอานางเจ็บจนร้องโอย พลันรีบลืมตาขึ้นเจ้าเมืองข่งเพิ่งรู้ตัวว่าตนได้นั่งทับร่างสะใภ้รองอยู่ จึงรีบกระโดดผึงขึ้นมาในบัดดลเขาชี้หน้าเจี่ยนอันอันและฉู่จวินสิง พลางกล่าวตวาด “พวกเจ้าเป็นใครกัน ไฉนมาอยู่ในบ้านข้าได้?”เจี่ยนอันอันยิ้มหยันขณะมองหน้าเจ้าเมืองข่ง นางไม่ได้พูดจา แต่ในมือถือเข็มเงินเล่มหนึ่งอยู่นานแล้วนางดีดนิ้วหนึ่งที เข็มเงินรีบพุ่งไปยังเด็กชายที่นอนอยู่บนเตียงเข็มนั้นไปปักที่ศีรษะของเด็กชาย พลันได้ยินเสียงเด็กร้อง “อึ่ก” แล้วกระอักโลหิตสดออกมาคำหนึ่งเจ้าเมืองข่งรีบหันไปดูด้วยความตกใจ จึงเห็นบนศีรษะของหลานตัวน้อย มี
เจ้าเมืองข่งลุกพรวดขึ้น เขารีบประสานมือให้กับบรรดาพ่อค้า “ขออภัยด้วยทุกท่าน ที่บ้านข้ามีธุระ ต้องรีบไปจัดการ”“ขอให้ทุกท่านกลับไปก่อน รอให้ถึงเวลาสอบจอหงวนในอีกหนึ่งปี ข้าจะช่วยให้ลูกๆ ของพวกเจ้าสอบผ่านโดยราบรื่น”เจ้าเมืองข่งว่าจบก็ให้พ่อบ้านส่งแขกส่วนตัวเขารีบเดินไปทางห้องนอนของหลานชายเจี่ยนอันอันกับฉู่จวินสิงสบตากันก่อนจะตามไปทันทีหลังจากที่ทั้งสองคนเดินตามเจ้าเมืองข่งอยู่นานมาก พวกเขาก็มาถึงหน้าห้องนอนในที่สุดเจ้าเมืองข่งรีบเดินเข้าไป เห็นลูกชายคนรองยืนทำอะไรไม่ถูกอยู่หน้าเตียงหลานชายวัยหกขวบที่อยู่บนเตียงกำลังกลอกตา ปากพ่นฟองขาวฟอด ร่างกายชักเกร็งส่วนลูกสะใภ้รองของเขากำลังนอนหมดสติอยู่บนพื้นลูกชายคนรองยืนซื่ออยู่หน้าเตียงไม่ต่างจากท่อนไม้ แน่นิ่งไม่ขยับเขยื้อน“ปัดโธ่ เจ้าลูกโง่ เจ้ามาทำอะไรที่นี่”เจ้าเมืองข่งตบเข่าฉาดด้วยความร้อนอกร้อนใจเมื่อเห็นลูกชายคนรองเขาสั่งให้บ่าวรับใช้เขามาลากนายน้อยรองออกไปทันทีในตอนนี้เอง จู่ๆ คุณชายรองก็ปรบมือร้องอย่างมีความสุข“สนุกมาก คนหนึ่งแกล้งชัก ส่วนอีกคนจะแกล้งตาย ข้าเองก็อยากเล่นกับพวกเจ้าด้วย”คุณชายรองว่าจบก็ไปนอนทับ
บัดนี้ลูกของพวกเขาต่างสอบได้ตำแหน่งซิ่วไฉขอเพียงต่อไปมอบสมบัติให้เจ้าเมืองข่งมากขึ้น วันหน้าก็จะสอบได้ตำแหน่งที่ดียิ่งกว่านี้เจี่ยนอันอันมองเห็นว่าเจ้าเมืองข่งมีใบหน้าเหลี่ยม ความละโมบแผ่ออกมาทางดวงตาเรียวเล็กเป็นระยะๆนางลอบถากถางในใจว่า “หน้าตาของเจ้าเมืองผู้นี้สะท้อนให้เห็นถึงตัวจริงๆ”พ่อค้าคนหนึ่งพูดว่า “ใต้เท้าข่ง ไม่ทราบว่าหลานชายของท่านป่วยเป็นอะไรกันแน่หรือ?”เจ้าเมืองข่งถอนหายใจเฮือกใหญ่ก่อนจะทิ้งตัวลงนั่งในตำแหน่งประธานเขาส่งสัญญาณให้ทุกคนนั่งลงได้ มีสาวใช้ยกน้ำชาเข้ามาให้ทุกคน“เดิมทีแล้วหลานชายของข้าก็ร่าเริงแจ่มใสดี แต่ไม่รู้ว่าป่วยเป็นอะไร ช่วงนี้ล้มป่วยอยู่ตลอด ตอนนี้แค่จะพูดยังยากเลย”เจ้าเมืองข่งขมวดคิ้วแน่นด้วยความกลัดกลุ้มเมื่อพูดถึงตรงนี้“ไม่มีหมอที่จะรักษาได้หรือ?” พ่อค้าอีกคนเอ่ยถามเจ้าเมืองข่งถอนหายใจเฮือกใหญ่อีกครั้ง เขาส่ายหน้าว่า “ข้าตามหมอมาทั่วเมืองหลี่จงแล้ว แต่ไม่มีคนใดที่จะรักษาได้”พ่อค้าที่นำผนึกหัวใจพระพุทธมาให้ฟังถึงตรงนี้ก็หยิบมันออกมาจากอกเสื้อทันทีผนึกหัวใจพระพุทธถูกแสงส่องกระทบเป็นสีรุ้งระยิบระยับเขาลุกขึ้นประสานมือพูดกับเจ้าเ
ทั้งสองคนลงจากหลังม้า นำม้าไปผูกไว้กับต้นไม้ใหญ่ แต่ในจังหวะที่กำลังจะไปจวนเป่าเซวียน พวกเขาก็เห็นรถม้าหลายคันทยอยกันมาหยุดจอดหน้าจวนเป่าเซวียนผู้คนที่ลงมาจากรถม้าล้วนแล้วแต่แต่งกายด้วยอาภรณ์หรูหราดูจากการแต่งกายของพวกเขาแล้วน่าจะไม่ใช้ข้าราชการ ดูคล้ายพ่อค้ามากกว่าไม่รู้เหมือนกันว่าที่จวนเจ้าเมืองกำลังมีงานอะไร ถึงได้มีคนมาเยอะขนาดนี้คนเหล่านั้นเดินไปที่ประตูแล้วนำเทียบเชิญออกมาจากอกเสื้อพ่อบ้านยิ้มกว้างทันทีที่เห็นเทียบเชิญเขาประสานมือพูดว่า “รีบเชิญด้านใน ใต้เท้ารออยู่นานแล้ว”พ่อค้าเหล่านั้นประสานมือตอบก่อนจะสืบเท้าเข้าไปดูเหมือนว่า หากพวกเจี่ยนอันอันจะเข้าไปในจวนเป่าเซวียนก็จำเป็นต้องมีเทียบเชิญเจี่ยนอันอันกับฉู่จวินสิงสบตากัน ทั้งสองท่องในใจทันทีว่าล่องหนครานี้ก็จะไม่มีผู้ใดสังเกตเห็นหรือมองเห็นพวกเขาแล้ว เลือนหายไปในอากาศภายในเสี้ยวพริบตาทั้งสองเดินวางมาดกรีดกรายเข้าไปต่อหน้าต่อตาพ่อบ้านจังหวะที่ทั้งสองคนเดินผ่านพ่อบ้าน พ่อบ้านก็ได้กลิ่นหอมของอะไรบางอย่างนั่นเป็นกลิ่นที่มีเพียงสตรีเท่านั้นที่จะแผ่ออกมาได้เขามองรอบทิศ นอกจากพ่อค้าไม่กี่คนที่เพิ่งเข้าไปแ
“พวกข้ากินมาแล้ว เจ้าเฝ้าศพต่อเถิด”เจี่ยนอันอันพยักหน้ายิ้มให้หม่าจั๋วหม่าจั๋วขานรับแล้วนั่งคุกเข่าอีกครั้งเจี่ยนอันอันนำอาหารที่พกมาด้วยออกมาจากห้วงมิติเคราะห์ดีที่อาหารพวกนี้ถูกเก็บไว้ในห้วงมิติ ไม่ต้องกลัวว่าจะเสียเมื่อครู่นี้นางได้ยืมใช้ห้องครัวของบ้านพ่อแม่หม่าจั๋วในการอุ่นอาหารนางกับฉู่จวินสิงทำความเคารพให้ร่างทั้งสองที่อยู่ในโลงศพ “รบกวนแล้ว”จากนั้นนั่งลงข้างหม่าจั๋วฉู่จวินสิงพูดกับหม่าจั๋ว “เจ้ากินข้าวก่อน ประเดี๋ยวข้ามีเรื่องจะคุยด้วย”หม่าจั๋วมองอาหารเบื้องหน้าด้วยสีหน้างุนงง คิดในใจว่าอาหารพวกนี้มาจากที่ใด?เขาไม่เห็นว่าเจี่ยนอันอันจะถือกล่องอาหารมาด้วยแต่อย่างใด ทว่าอาหารพวกนี้กลับโผล่ออกมาจากอากาศฉู่จวินสิงเห็นหม่าจั๋วมองอาหารบนพื้นด้วยความงุนงงก็แต่งเรื่องโกหกว่าบอกว่าเขามอบถุงเฉียนคุนที่สามารถเก็บทุกอย่างให้เจี่ยนอันอัน และอาหารพวกนี้ก็ถูกเก็บในถุงเฉียนคุนหม่าจั๋วเข้าใจโดยพลัน คิดในใจว่ามิน่าเล่า ท่านอ๋องกับพระชายาถึงได้บอกว่ากินอาหารมาแล้วเขาไม่ได้ปฏิเสธอีกต่อไป หยิบชามกับตะเกียบขึ้นมาทานอาหารเขาทานอาหารเสร็จอย่างรวดเร็ว เจี่ยนอันอันเก็บกล่อง
เจี่ยนอันอันเห็นฉู่จวินสิงขมวดคิ้วแน่นก็รู้ว่าเขากำลังคิดอะไรเจี่ยนอันอันถาม “บุตรชายของท่านถูกเจ้าหน้าที่คนใดทำร้าย?”หวังโหย่วเหอตอบโดยพลัน “บุตรชายของข้าถูกเจ้าหน้าที่เมืองหลี่จงทำร้าย ที่นั่นเป็นสถานที่จัดสอบจอหงวน”“เจ้าหน้าที่ที่นั่นไม่ฟังคำอธิบายของบุตรชายข้า ยืนกรานว่าเขาเป็นผู้ที่มาแอบอ้างคนอื่น”หวังโหย่วเหอกัดฟันพูดต่อเมื่อเล่าถึงตรงนี้ “ข้าได้ยินบุตรชายเล่าว่า ผู้ที่มาแทนที่เขาวางตัวเย่อหยิ่งอวดดีมาก ซ้ำยังบอกว่าบิดาของตนของเจ้าหน้าที่ทางการของที่ใดสักที่”“เจ้าหน้าที่ทางการพวกนั้นไม่กล้าทำอะไรเขา ทำยังลืมตาข้างหนึ่ง หลับตาข้างหนึ่งต่อเรื่องที่เขาโกงการสอบ”หวังโหย่วเหอเล่าถึงตรงนี้ก็โกรธจนตัวสั่นเทิ้มเขาโกรธที่ตัวเองไม่ใช่เจ้าหน้าที่ทางการ ทำให้บุตรชายต้องมีจุดจบที่น่าเวทนาเช่นนี้ เจี่ยนอันอันไตร่ตรองครู่หนึ่งก่อนจะพูดกับหวังโหย่วเหอ “ท่านกลับบ้านไปก่อน ขอเวลาพวกข้าคิดหาวิธีรับมือสักพัก”หวังโหย่วเหอเช็ดน้ำตาบนใบหน้า เขาโค้งคำนับให้ทั้งสองก่อนจะหันตัวเดินจากไปฉู่จวินสิงปิดประตูลงแล้วกลับไปนั่งที่เก้าอี้หินเขากำหมัดแน่น ไอเย็นแผ่ซ่านออกมารอบกายเป้าหมายของก
สีหน้าของฉู่จวินสิงยังคงเย็นชา ไม่ได้ลดความระแวดระวังลงเพราะอีกฝ่ายเป็นชาวบ้านที่นี่แต่อย่างใด“เจ้ามีธุระอะไรกับข้า?”บุรุษผู้นี้เห็นว่าฉู่จวินสิงคือเยียนอ๋องจริงๆ ก็ทิ้งตัวคุกเข่ากับพื้นโดยพลันเขาชูกระดาษในมือขึ้นเหนือศีรษะ ปากร้องว่า “ขอให้เยียนอ๋องช่วยล้างแค้นให้กับลูกชายข้าด้วยเถิด!”บุรุษผู้นี้พูดจบแล้วมีน้ำตาสองสายไหลออกมาฉู่จวินกับและเจี่ยนอันอันต่างก็ตกใจกับการกระทำของบุรุษผู้นี้ นี่เขากำลังทำอะไร?ฉู่จวินสิงรับกระดาษมากางออก ในนั้นเขียนไว้ว่า‘บุตรของข้าหวังหวยซู เดิมแล้วสอบได้ตำแหน่งจอหงวน แต่กลับถูกสวมรอยหลังจากที่หวังหวยซูทราบเรื่องก็ได้ไปต่อว่าคนที่สวมรอยทว่ากลับถูกเจ้าหน้าที่ทางการมองว่าเขาอยากได้ตำแหน่งจ้วงหยวนมากจนมาแอบอ้างตำแหน่งของคนอื่นหวังหวยซูถูกเจ้าหน้าที่ทางการทำร้ายบาดเจ็บสาหัสสุดท้ายก็สอบไม่ผ่าน หลังจากที่ถูกคนในหมู่บ้านพาตัวกลับมาก็เศร้าหมองทุกข์ระทมเขารับความจริงเรื่องนี้ไม่ไหว กระโดดน้ำจบชีวิตในท้ายที่สุดขอให้ใต้เท้าช่วยคืนความเป็นธรรม กลับคำพิพากษา จับกุมคนร้าย คืนเกียรติยศให้กับหวังหวยซู’บริเวณท้ายกระดาษมีชื่อกับรอยประทับฝ่ามือของชา
เพื่อความปลอดภัยของแคว้นไท่ยวนแล้ว ท่านอ๋องฝ่าอันตรายเสี่ยงชีวิตสังหารศัตรูในสนามรบแต่แล้วเมื่อกลับถึงเมืองหลวงจิงโจวกลับถูกยึดทรัพย์และเนรเทศตอนนี้หม่าลู่ผู้เป็นพี่ชายของเขาก็กำลังถูกทหารไล่สังหาร นี่ยิ่งทำให้หม่าจั๋วขบเขี้ยวเคี้ยวฟันถูกความโกรธแค้น อยากจะสังหารฮ่องเต้สุนัขให้รู้แล้วรู้รอดบัดนี้เขาเหลือหม่าลู่เป็นครอบครัวเพียงคนเดียว มันทำให้เขาอยากรีบตามหาหม่าลู่ให้พบอยากตามเยียนอ๋องกลับไปที่เมืองหลวงจิงโจวเมื่อคิดถึงตรงนี้ หม่าจั๋วก็พูดว่า “เยียนอ๋อง ไม่ว่าตอนนี้ท่านจะมีสถานะอะไร ท่านก็เป็นเยียนอ๋องสำหรับข้าเสมอ”“ถัดจากนี้พวกเราจะทำอย่างไร จะกลับไปที่เมืองหลวงจิงโจวหรือไม่?”ฉู่จวินสิงไตร่ตรองก่อนจะตอบว่า “ตอนนี้ยังกลับไปไม่ได้ ข้าจำเป็นต้องรวบรวมกำลังให้พร้อมก่อนจึงจะกลับไปได้”“เรื่องนี้ต้องค่อยๆ ปรึกษากันให้ดีก่อน สิ่งที่สำคัญที่สุดตอนนี้คือตามหาพี่ชายของเจ้ากับผู้ใต้บังคับบัญชาคนอื่นๆ ให้เจอ”หม่าจั๋วถอนหายใจ ท่ามกลางฝูงชนมากมายขนาดนี้ เขาจะไปตามหาพี่ชายกับคนอื่นที่เหลือจากที่ใด“ไม่รู้ว่าพี่ใหญ่กับพวกเฉินเช่อหนีไปอยู่ที่ใด”หม่าจั๋วพูดจบก็ถอนหายใจเฮือกใหญ่อีกคร