หนูตัวใหญ่เห็นว่ามีอาหารมากมายให้กิน มันก็รีบโค้งคำนับให้เจี่ยนอันอันพลางส่งเสียงร้อง “จี๊ดๆ”ฉู่จื่อซีได้ยินแล้วก็รีบอธิบายให้เจี่ยนอันอันฟัง“มันบอกว่าขอบคุณเจ้านาย วันหน้าพวกมันจะต้องตอบแทนบุญคุณใหญ่หลวงของเจ้านายอย่างแน่นอน”เจี่ยนอันอันได้ยินดังนั้นก็กล่าวอย่างพึงพอใจ “นับว่าพวกเจ้ารู้ความ วันหน้าจะต้องมีวันที่พวกเจ้าได้ตอบแทนแน่นอน”นางกล่าวจบก็พาฉู่จื่อซีกลับไปที่เรือนหนูตัวใหญ่เห็นเจี่ยนอันอันจากไปแล้วก็รีบร้องเรียกหนูตัวอื่นๆ ในโพรงพวกมันขนข้าวสารในกระสอบทั้งหมดเข้าไปในโพรงระหว่างทางขากลับ ความคิดหนึ่งวาบขึ้นในสมองเจี่ยนอันอันรอจนนางเลี้ยงดูหนูเหล่านี้จนอ้วนพีแล้วค่อยให้พวกมันทำงานให้ตนเองอัตราการขยายพันธุ์ของหนูพวกนี้เร็วมาก ในอนาคตอันใกล้ นางก็จะมีกองทัพหนูเป็นของตนเองรอจนถึงช่วงเวลาที่สุกงอมแล้ว นางก็จะใช้กองทัพหนูเหล่านี้ไปต่อกรกับกองทัพของฉู่ชางเหยียนคิดถึงตรงนี้ เจี่ยนอันอันก็เอ่ยกับฉู่จื่อซีว่า “จื่อซีอยากเห็นหนูต่อสู้กันหรือไม่?”ฉู่จื่อซีได้ยินดังนั้น ดวงตากลมโตก็พลันวาววับ“อาสะใภ้รอง ข้าไม่เคยเห็นหนูต่อสู้กันมาก่อนเลย ข้าอยากดูขอรับ”เจี่ยนอันอั
หนูตัวที่พูดกับเจี่ยนอันอันวิ่งมาตรงหน้านางแล้วร้องเสียง “จี๊ดๆ” กับนางฉู่จื่อซีอธิบายว่า “อาสะใภ้รอง หนูตัวนี้บอกว่ามันกับพวกเด็กๆ เรียกหนูทุกตัวในหมู่บ้านชิงสุ่ยมาหมดแล้วขอรับ”ฉู่จวินสิงคิดไม่ถึงเลยว่าฉู่จื่อซีจะฟังคำพูดหนูเข้าใจด้วยสายตาที่มองไปทางฉู่จื่อซีของเขาฉายแววพิศวงเจี่ยนอันอันมองหนูสามสิบกว่าตัวนั้นพลางพยักหน้าอย่างพึงพอใจนางวางกระสอบข้าวสารบนไหล่ลงบนพื้นนางกล่าวกับหนูตัวนั้นว่า “เจ้าบอกพวกมันว่าเย็นนี้จะมีการประลองต่อสู้”“ใครชนะ ข้าวสารกระสอบนี้ก็จะเป็นของผู้นั้น นอกจากนี้หนูตัวที่ชนะจะได้เป็นหัวหน้าหนูของพวกเจ้า”หลังหนูตัวนั้นได้ยิน ดวงตาก็เป็นประกายวาววับมันรีบหันไปส่งเสียงร้อง “จี๊ดๆ” บอกหนูสามสิบกว่าตัวนั้นพวกหนูที่ถูกเรียกมามองหน้ากันหนูสิบเอ็ดตัววิ่งออกมา แม้พวกมันจะผอมแห้งเหมือนท่อนฟืนแต่ก็มีขนาดใหญ่โตมากเห็นทีพวกมันล้วนอยากแย่งชิงข้าวสารกระสอบนี้เจี่ยนอันอันมองหนูสิบเอ็ดตัวที่ก้าวออกมาอย่างยิ้มแย้มนางดึงมือฉู่จวินสิงและฉู่จื่อซีถอยไปยืนข้างๆที่นี่ค่อนข้างโล่ง เป็นสถานที่ที่เหมาะกับการประลองต่อสู้ของพวกหนูพอดีเจี่ยนอันอันร้องบอกหนูพวก
สาเหตุที่เจี่ยนอันอันให้หนูตัวนั้นลงสนามรอบที่สองก็เพราะอยากให้มันสังเกตการณ์การต่อสู้เสียก่อนนางอยากให้หนูตัวนั้นเป็นผู้นำของพวกหนูแต่ไม่รู้ว่าความสามารถของมันเป็นอย่างไรการต่อสู้รองที่สองเริ่มขึ้นอย่างรวดเร็วหนูสามตัวนั้นเข้าโรมรันกันอย่างรุนแรงเหมือนเห็นคู่แค้นที่สังหารบิดาอย่างไรอย่างนั้นผ่านไปไม่นาน การประลองรอบนี้ก็สิ้นสุดลงเจี่ยนอันอันมองดูหนูตัวนั้น ดวงตาฉายแววชื่นชมนางไม่ได้มองผิดไปจริงๆ ด้วย หนูตัวนี้ค่อนข้างฉลาด มันชอบใช้กลยุทธ์บาดแผลบนตัวมันมีน้อยที่สุด แต่กลับสามารถใช้วิธีที่เด็ดขาดที่สุดในการเอาชนะหนูอีกสองตัวเมื่อการประลองผ่านไปสี่รอบ หนูผู้ชนะทั้งสี่ก็เริ่มการต่อสู้รอบสุดท้ายฉู่จื่อซีดูอย่างใจจดใจจ่อ ครั้นหนูที่พูดกับพวกตนกำชัยชนะได้แล้ว เขาก็ปรบมือโห่ร้องอย่างดีใจฉู่จวินสิงชมดูจนริมฝีปากกระตุกยิบ ทำไมเขาถึงรู้สึกเหมือนหลังจากฉู่จื่อซีพูดจาได้แล้วก็เปลี่ยนเป็นคนละคนเลยละดูเหมือนเขาจะถูกเจี่ยนอันอันกลืนกลายเสียแล้ว“อันอัน เจ้าให้หนูพวกนี้กัดกันเองเพื่ออะไรหรือ?”เจี่ยนอันอันยิ้มยิงฟัน “ข้าจะสร้างกองทัพหนู”ในที่สุดการประลองต่อสู้ก็จบลง พวกหนูท
เมื่อกินยาลงท้องไป หนูก็ได้ยินเสียงดัง ‘กึกๆ’ ในร่างกายบาดแผลตามตัวของมันหายดีอย่างรวดเร็ว แม้แต่กระดูกก็แข็งแรงขึ้นกว่าเมื่อก่อนมากนักหนูรีบคุกเข่าคำนับเจี่ยนอันอัน ปากก็ร้องส่งเสียง “จี๊ดๆ”ฉู่จื่อซีเดินเข้ามาพูดกับเจี่ยนอันอันว่า “อาสะใภ้รอง มันกำลังขอบคุณท่าน บอกว่าท่านคือพ่อแม่คนที่สองของมันขอรับ”“มันยังบอกว่ามันชื่อเถี่ยต้าน วันหน้าไม่ว่าจะให้มันบุกน้ำลุยไฟอย่างไร มันก็จะไม่บ่ายเบี่ยงแม้แต่คำเดียว”ริมฝีปากเจี่ยนอันอันกระตุกยิบ นางไม่อยากเป็นพ่อแม่คนที่สองของหนูตัวหนึ่งหรอกนะนางกล่าวกับเถี่ยต้าน “ตอนนี้เจ้าคว้าชัยชนะมาได้แล้วก็ถือว่าเป็นหัวหน้าของพวกหนู ข้าวสารกระสอบนั้นเจ้าสามารถนำกลับไปแบ่งกันกินกับสมาชิกในครอบครัว”นางกล่าวจบก็หันกลับไปหาหนูสามสิบกว่าตัวด้านหลัง“ในเมื่อพวกเจ้าแพ้แล้ว ในอนาคตก็ต้องเชื่อฟังคำสั่งของเถี่ยต้าน”“ถ้าข้ารู้ว่าพวกเจ้ามีตัวไหนไม่เชื่อฟังคำเถี่ยต้าน ก็อย่ามาโทษที่ข้าลงมืออย่างรุนแรงก็แล้วกัน”“ข้าสามารถทำให้พวกเจ้ามีชีวิตต่อไปได้ก็สามารถทำให้พวกเจ้าตายได้เหมือนกัน”“ข้าจะจุดไฟเผารังหนูของพวกเจ้า ทำให้พวกเจ้าสิ้นลูกสิ้นหลาน”“ได้ยินแล้ว
ฉู่จวินสิงเบี่ยงร่าง ธนูดอกนั้นจึงเฉียดปอยผมเขาตรงไปหาเจี่ยนอันอันฉู่จวินสิงตกใจ เขารีบหมุนร่างกลับมาก็เห็นเจี่ยนอันอันกลิ้งตัวหลบไปอีกทางธนูดอกนั้นปักลงตรงตำแหน่งที่เจี่ยนอันอันนอนอยู่เมื่อครู่นี้ดวงตาเจี่ยนอันอันสาดประกายเย็นชา นางกระโดดลงจากเตียงอุ่นตรงไปยังข้างกายฉู่จวินสิงทันทีเมื่อครู่พอได้ยินเสียง นางก็รู้สึกตัวตื่นแล้วฉู่จวินสิงเห็นเจี่ยนอันอันปลอดภัยดีก็ค่อยวางใจลงได้เขายกมือขึ้นทำท่า “ชู่ว” ให้เจี่ยนอันอัน เป็นเชิงบอกว่าอย่าส่งเสียงเวลานั้นเองก็มีธนูหลายดอกพุ่งเข้ามาในห้องคนทั้งสองรีบถลันไปบริเวณประตู หลบการโจมตีของธนูเหล่านั้นธนูหลายดอกนั้นปักลงบนผ้าห่มทั้งหมดชั่วขณะนั้นเอง คนทั้งสองก็ได้ยินเสียงห้องข้างๆ เปิดประตูออกมาเหยียนเซ่าก้าวยาวๆ ออกมาจากในห้องธนูหลายดอกพุ่งเข้ามาหาเหยียนเซ่าเหยียนเซ่าคว้าไม้กวาดข้างกายมาปัดธนูที่บินมากระเด็นออกไป“ผู้ใด!” เหยียนเซ่าตวาดเสียงขุ่น ก้าวเร็วๆ ไปยังกำแพงเรือนเสียงต่อสู้ดังขึ้นอย่างรวดเร็วฉู่จวินสิงเปิดประตูก้าวยาวๆ ออกไปข้างนอกในไม่ช้า บริเวณลานเรือนก็วุ่นวายอุตลุดเจี่ยนอันอันก็ตามออกมาเช่นกัน ในมือนางม
เหยียนเซ่ากับฉู่จวินหลุนทำการสังหารกลุ่มคนเบื้องหน้าเช่นกันพวกเขาขมวดคิ้วแน่นและมีสีหน้าจริงจังหลังจากที่ฟังถ้อยคำของเจี่ยนอันอันจบฉู่อันเจ๋อสังหารคนชุดดำผู้หนึ่งแล้วถอยไปอยู่ข้างฉู่จวินสิงเช่นกัน“พี่รอง หลังจากนี้พวกเราจะทำอย่างไรต่อ?”ฉู่จวินสิงพูดด้วยสุ้มเสียงลึกทุ้ม “คนพวกนี้เป็นผู้ใดมาจากที่ใดก็ไม่ทราบ พวกเจ้าระวังไว้หน่อย”“ด้านนอกมีคนรอให้พวกเราออกไปติดกับอีกหลายสิบคน ทุกคนห้ามออกไปเด็ดขาด”ขณะที่ฉู่จวินสิงพูด ประตูลานบ้านก็ถูกถีบเปิด คนชุดดำอีกกลุ่มกรูกันเข้ามาอย่างรวดเร็ว พวกเขาถือคันศรและลูกธนู จากนั้นเล็งใส่พวกฉู่จวินสิงและเปิดฉากโจมตี ฉู่จวินสิงดึงเจี่ยนอันอันไปหลบด้านหลังวินาทีที่ลูกธนูแหลมคมนับไม่ถ้วนยิงเข้ามาทางพวกเขา ฉู่จวินสิงก็ใช้กำลังภายในมาทลายลูกธนูออกเป็นเสี่ยงๆกำลังภายในของฉู่จวินสิงแข็งแกร่งมาก แม้แต่เจี่ยนอันอันที่ยืนอยู่ด้านหลังเขาก็ยังรู้สึกแรงกระเพื่อมของกำลังภายในเคราะห์ดีที่ฉู่จวินสิงมุ่งหวังเพียงจัดการลูกธนูเหล่านั้น ไม่ได้จะทำร้ายเจี่ยนอันอันเส้นผมของนางถูกกำลังภายในพัดปลิวไปด้านหลัง กระทั่งเสื้อผ้าเองก็ยังปลิวสะบัดไปด้วยเจี่ยนอั
คนชุดดำที่อยู่ด้านหลังพวกเขาตกใจจนต้องรีบถอยหลังด้วยสีหน้าที่ย่ำแย่มากแต่ประตูลานบ้านค่อนข้างคับแคบ อีกทั้งพวกเขาก็มีคนค่อนข้างเยอะมีพวกเขาหนีออกไปทันแค่ไม่กี่คน ส่วนที่เหลือนั้นถูกเจี่ยนอันอันเผาให้กลายเป็นมนุษย์เพลิงชายชุดดำที่เป็นคนออกคำสั่งรีบถอยออกจากลานบ้านด้วยความตกใจฉู่จวินสิงเห็นดังนี้ก็ใช้วิชาตัวเบาทันทีเขาเดินเพียงไม่กี่ก้าวก็ไปถึงด้านหลังคนผู้นั้น จากนั้นจับคอเสื้ออีกฝ่ายและลากลงพื้น“คิดจะหนีงั้นรึ ไม่ง่ายขนาดนั้นหรอก”เจี่ยนอันอันใช้เครื่องพ่นไฟพ่นใส่คนที่หนีออกไปไม่นาน คนกลุ่มนั้นก็กลายเป็นมนุษย์เพลิงเช่นกันเปลวไฟพวยพุ่งขึ้นไปบนท้องฟ้า บรรดาคนที่ถูกไฟเผาพากันร้องโหยหวนด้วยความเจ็บปวดเสียงร้องโหยหวนดังก้องท้องนภาเพียงแค่ฟังก็ขนหัวลุกสมาชิกในครอบครัวคนอื่นๆ หลบอยู่ในบ้าน ไม่กล้าออกมาเหตุการณ์ที่นี่ดึงดูดชาวบ้านคนอื่นๆ เข้ามาทันทีพวกเขาเดินออกจากบ้านตัวเองแล้วพบว่าภายในลานบ้านที่เจี่ยนอันอันอยู่มีเปลวไฟลุกโชนบรรดาชาวบ้านไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นที่นี่ แต่ละคนพากันคิดว่าบ้านของพวกเจี่ยนอันอันมีไฟไหม้พวกเขารีบตักน้ำจากบ่อในบ้านตัวเองเพื่อวิ่งไปช่วยดั
ฉู่จวินสิงกำลังจะเรียกให้เจี่ยนอันอันกลับมาแต่กลับได้ยินนางตะโกนว่า “พวกเขามองไม่เห็นข้า ท่านรีบกลับไปปกป้องครอบครัวของท่านเถิด”ฉู่จวินสิงฟังดังนี้ก็เข้าใจว่าเจี่ยนอันอันใช้วิชาล่องหนมีเพียงเขาที่สามารถมองเห็นเงาร่างของนาง ส่วนคนอื่นๆ นั้นมองไม่เห็นฉู่จวินสิงเป็นห่วงความปลอดภัยของเจี่ยนอันอันแต่กลับตามไปไม่ได้สิ่งสำคัญที่สุดตอนนี้คือปกป้องคนอื่นๆ ในครอบครัวให้ปลอดภัยนอกจากพวกเขาสามพี่น้องแล้ว ภายในครอบครัวพวกเขาก็มีแค่เหยียนเซ่าที่มีศิลปะการต่อสู้ตอนนี้ด้านนอกมีศัตรูอยู่มากเท่าไรก็ยังไม่อาจทราบได้และผู้ว่ามณฑลจงโจวก็สื่อชัดเจนว่าต้องการฆ่าพวกเขาทั้งครอบครัวไม่แน่ว่าจะส่งคนมานับพันคนเวลานี้เขาจะประมาทศัตรูไม่ได้เด็ดขาด แผนการที่ดีที่สุดในตอนนี้จึงเป็นการปกป้องคนในครอบครัวตอนนี้เจี่ยนอันอันอยู่ในสภาวะล่องหน ไม่ต้องห่วงว่าจะถูกเจอตัวขณะที่ฉู่จวินสิงกำลังคิดคำนวณในใจ มีลูกธนูอีกสิบกว่าดอกยิงมาทางเขาฉู่จวินสิงฟันลูกธนูทิ้งแล้วรีบถอยกลับไปที่ลานบ้านเวลานี้ พวกคนที่ถูกเปลวไฟกลืนกินได้ถูกเผาจนไหม้เกรียมกันหมดแล้วพวกชาวบ้านตกใจหนีกลับเข้าไปหลบในบ้านตัวเองตั้งแต่ตอนที
จนกระทั่งม้าที่เจี่ยนอันอันขี่อยู่ได้กลิ่นควันของกระดาษเงินกระดาษทองที่กำลังเผา มันอดไม่ได้ที่จะจามออกมาเสียงดังชายหนุ่มพลันคว้ากระบี่ข้างกายขึ้นมาด้วยสีหน้าตื่นตัว หันมองไปยังเบื้องหลังทว่าไม่มีผู้ใดเลยแม้แต่คนเดียว ในศาลบรรพชนแห่งนี้ นอกจากเขาแล้วก็ไม่มีแม้แต่เงาของผู้ใดชายหนุ่มลอบถอนหายใจด้วยความโล่งอก อย่างน้อยก็ไม่มีทหารที่ถูกส่งมาไล่ล่าทว่าในตอนที่เขาหันหน้ามานั้น เจี่ยนอันอันกลับต้องสะดุ้งในใจเมื่อได้เห็นใบหน้าของเขาครึ่งหนึ่งบนใบหน้าของชายหนุ่ม ผิวหนังส่วนหนึ่งหลอมละลายจนติดกันบางจุดยังมีน้ำหนองไหลออกมา ดูน่าสะพรึงกลัวยิ่งนักเจี่ยนอันอันคิดในใจว่า ชายผู้นี้คงเคยถูกไฟคลอกมาก่อน และไม่ได้รับการรักษาอย่างทันทวงทีเขาคุกเข่าอยู่ในศาลบรรพชนด้วยใบหน้าเช่นนี้ เกรงว่าหากบิดามารดาในโลงศพของเขาได้เห็นเข้าก็คงจะตกใจจนสะดุ้งลุกขึ้นมาเป็นแน่เมื่อฉู่จวินสิงเห็นใบหน้าของชายผู้นี้ คิ้วของเขาขมวดเข้าหากันแน่นกว่าเดิมบัดนี้ ฉู่จวินสิงและเจี่ยนอันอันยังคงอยู่ในสภาวะล่องหนทำให้ชายหนุ่มไม่อาจล่วงรู้ถึงการมาของพวกเขา“เหตุใดจึงเป็นเขา?” ฉู่จวินสิงเผลอพึมพำออกมาเจี่ยนอันอันมอง
ฉู่จวินสิงเอ่ยว่า “พวกเขามีนามว่าหม่าลู่ เฉินเช่อ เจียงหลิว ลู่ซาน และหลิ่วหยวน”เจี่ยนอันอันจดจำชื่อของทั้งห้าคนไว้ในใจนางให้ฉู่จวินสิงจับบังเหียนม้าให้แน่น เช่นนี้แล้วพวกเขาจะได้เคลื่อนย้ายในชั่วพริบตาไปถึงจุดหมายพร้อมกับม้าที่ขี่อยู่ได้ทั้งสองตั้งจิตแน่วแน่ นึกถึงชื่อของเหล่าทหารใต้บัญชาพวกนั้น ในชั่วพริบตาพวกเขาก็อันตรธานหายไปจากที่เดิมเมื่อปรากฏกายขึ้นอีกครา ก็พบว่าตนมาอยู่ในหมู่บ้านแห่งหนึ่งบ้านเรือนโดยรอบล้วนปิดประตูสนิท ไม่อาจรู้ได้ว่าคนที่พวกเขาตามหาจะอยู่ที่นี่หรือไม่เจี่ยนอันอันกระตุกมุมปากเล็กน้อย คิดในใจว่าคุณสมบัติของยาเคลื่อนย้ายในชั่วพริบตาว่ายังไม่สมบูรณ์พอเห็นทีว่าจะเป็นเพราะเมื่อตอนนางหลอมยา นางรีบร้อนเกินไป หากมีเวลาเพิ่มอีกสักหน่อย นางคงจะหลอมยาเคลื่อนย้ายในชั่วพริบตาที่สมบูรณ์แบบกว่านี้ได้บัดนี้ต้องหาทางพัฒนาประสิทธิภาพของยาให้มากขึ้น มิฉะนั้น หากต้องใช้การเคลื่อนย้ายในชั่วพริบตาอีกครั้ง ก็ไม่รู้เลยว่าจะถูกส่งไปยังที่ใดอีกแต่ตอนนี้ควรทำอย่างไรดี หรือจะให้พวกเขาเดินเคาะประตูไปทีละบ้าน ถามชาวบ้านว่ามีผู้ใดพบเห็นคนที่พวกเขาตามหาบ้างหรือไม่กระนั้นหรือ
เจี่ยนอันอันไม่เคยบอกฉู่จวินสิงเกี่ยวกับภารกิจของมิตินางจึงแต่งเรื่องโกหกขึ้นมา “ข้าไม่เคยแปลงโฉมมาก่อน พอได้คิดว่ากลับไปถึงเมืองจิงโจวแล้วจะได้ลองดูแปลงโฉมดู ข้าก็ตื่นเต้นขึ้นมา”คิ้วของฉู่จวินสิงที่ขมวดมุ่นอยู่ก่อนหน้านี้ ค่อย ๆ คลายลงเล็กน้อยสำหรับเขาวิชาแปลงโฉมง่ายดายไม่ต่างจากการกินข้าวแต่สำหรับเจี่ยนอันอัน กลับเป็นสิ่งแปลกใหม่และน่าตื่นเต้น“ในโลกของเจ้า ไม่มีผู้ใดที่รู้วิชาแปลงโฉมหรือ?”ฉู่จวินสิงพลันรู้สึกสงสัย โลกของเจี่ยนอันอันเป็นเช่นไรกันแน่?เจี่ยนอันอันส่ายศีรษะเบา ๆ “วิชาแปลงโฉมข้าเคยเห็นแค่ในละครเท่านั้น แต่ก็เป็นของปลอม”“ศาสตร์แปลงโฉมที่แท้จริง สูญหายไปนานแล้ว”เจี่ยนอันอันกล่าวถึงตรงนี้ ก็นึกถึงการแสดงเปลี่ยนหน้ากากเสฉวนขึ้นมาได้นางอดไม่ได้ที่จะเอ่ยชมขึ้นว่า “แต่ในโลกของข้าก็มีศาสตร์แปลกใหม่เช่นกัน เรียกว่าวิชาเปลี่ยนหน้า”ฉู่จวินสิงเกิดความสนใจขึ้นมาทันที เขาอยากรู้ว่าวิชาเปลี่ยนหน้าที่นางพูดถึง จะเหมือนกับวิชาแปลงโฉมของเขาหรือไม่เขาไม่ได้ถามออกมา เพียงรอให้เจี่ยนอันอันเล่าต่อไปเองเจี่ยนอันอันกล่าวต่อด้วยความตื่นเต้นว่า “วิชาเปลี่ยนหน้าของพวกเราก็
ฉู่จวินสิงถือหน้ากากหนังมนุษย์สองผืนไว้ในมือ ก่อนยิ้มบาง ๆ “พวกเราปลอมตัวเป็นพวกมันแล้วกลับเข้าเมืองจิงโจวกันเถิด”เจี่ยนอันอันมองดูหน้ากากหนังมนุษย์ทั้งสองแผ่น แล้วเข้าใจถึงจุดประสงค์ของฉู่จวินสิงทันทีนางเคยเห็นในละครหรืออ่านในนิยายว่า มีคนในยุคโบราณไม่น้อยที่เชี่ยวชาญวิชาแปลงโฉมนางไม่คาดคิดเลยว่าฉู่จวินสิงก็มีความสามารถด้านการแปลงโฉมนี่เป็นศาสตร์ที่นางหลงใหลมาโดยตลอดสายตาของเจี่ยนอันอันที่มองฉู่จวินสิง เปล่งประกายไปด้วยความชื่มชมฉู่จวินสิงจัดเก็บหน้ากากหนังมนุษย์อย่างระมัดระวัง แล้วส่งให้เจี่ยนอันอัน ให้นางช่วยเก็บไว้ในมิติก่อนเจี่ยนอันอันรับหน้ากากหนังมนุษย์มาเก็บเข้าไปในมิติ หลังล้างทำความสะอาดแล้วก็นำไปแช่ในน้ำพุวิญญาณ“แล้วจากนี้พวกเราควรทำเช่นไรต่อ?”“ในเมื่อจะปลอมตัวเป็นอิ่นเจียงกับหน่วยกล้าตายเพื่อแฝงตัวเข้าไปในเมืองจิงโจว ก็ไม่ควรกลับไปเร็วเกินไปนัก”“พวกเราจะขี่ม้าไปอย่างช้า ๆ เมื่อใกล้ถึงเมืองจิงโจว ข้าจะช่วยเจ้าแปลงโฉมเอง”ฉู่จวินสิงเอ่ยพลางเดินไปเลือกม้าที่ดีที่สุดสองตัวเขาถอดอานม้าที่เหลืออีกสี่ตัวออก ก่อนจะฟาดลงบนบั้นท้ายของพวกมันอย่างแรงม้าทั้งสี่ร
เขาพยายามเพ่งมองใบหน้าของเจี่ยนอันอันให้ชัดเจน ทว่าโลหิตทำให้ดวงตาพร่ามัวจนเขามองอะไรไม่ชัดเลยมองเห็นแค่ร่างหญิงสาวบอบบางผู้หนึ่งยืนอยู่ตรงหน้าเขาเสียงของเจี่ยนอันอันไพเราะเสนาะหู ทว่าคำที่นางพูดออกมากลับทำให้ผู้คนขนลุกไปถึงปลายเท้า“ท่านพี่ ท่านลงมือถลกหนังหน้าเขาแล้ว ข้าว่าถลกหนังมันทั้งตัวไปเลยดีหรือไม่”“ข้าไม่เคยเห็นการถลกหนังคนทั้งเป็นมาก่อน คิดดูแล้วน่าตื่นเต้นไม่น้อย”หน่วยกล้าตายได้ยินก็รู้สึกขนลุกทันที สตรีผู้นี้เหตุใดจึงโหดเหี้ยมถึงเพียงนี้นางยังเป็นสตรีอยู่หรือไม่?หน่วยกล้าตายกัดฟันแน่น ดวงตาสีเลือดซึ่งไร้เปลือกตาจ้องเขม็งไปที่เจี่ยนอันอันด้วยแรงอาฆาตฉู่จวินสิงกระชับวงแขนที่โอบรัดเอวของเจี่ยนอันอันแน่นขึ้น หญิงสาวผู้นี้ช่างกล้าพูดเสียจริงเจี่ยนอันอันหันมายิ้มกว้างให้ฉู่จวินสิงแล้วกล่าวว่า “ข้าพูดเล่นเท่านั้น การถลกหนังทั้งเป็นมันนองเลือดเกินไป ข้ากลัวว่าเห็นมากเกินไปแล้วจะฝันร้ายเอาได้”หน่วยกล้าตายที่ได้ยินเช่นนั้นแอบถอนหายใจโล่งอกบัดนี้เขาเพียงหวังให้ตนตายอย่างรวดเร็ว ไม่อยากทนรับความเจ็บปวดอันแสนทรมานนี้อีกต่อไปเจี่ยนอันอันมองดูสภาพของหน่วยกล้าตายที่ก
“เรื่องที่เจ้าพูดมาพวกนี้ ข้าคาดเดาได้แต่แรกแล้ว”คำพูดของฉู่จวินสิงทำให้หัวใจอิ่นเจียงพลันกระตุกวูบนี่หมายความว่าข้อมูลที่เขาให้ไปยังไม่สามารถทำให้ฉู่จวินสิงพอใจได้น่ะสิ?อิ่นเจียงเค้นสมองคิดหาวิธีเอาชีวิตรอดแต่แม้เขาจะเป็นคนของฉู่ชางเหยียน แต่เรื่องที่รู้กลับมีไม่มากนักหากไม่ใช่เพราะฉู่ชางเหยียนส่งพวกเขามาสังหารครอบครัวฉู่จวินสิงที่เมืองอินเป่ย เกรงว่าเขาก็คงไม่รู้เรื่องนี้ละเอียดเช่นนี้เหมือนกันฉู่จวินสิงมองอิ่นเจียงด้วยสีหน้าเย็นชา “ถ้าเจ้าไม่มีข้อมูลอย่างอื่นอีก ข้าจะลงมือแล้วนะ”ฉู่จวินสิงว่าพลาง มีดสั้นในมือก็แทงมายังใบหน้าอิ่นเจียงอีกครั้งอิ่นเจียงตกใจจนหัวใจแทบกระดอนออกมาจากคอหอยในที่สุดเขาก็นึกถึงความลับที่สำคัญกว่านั้นขึ้นมาได้จึงโพล่งออกมาว่า “เยียนอ๋องโปรดไว้ชีวิตด้วย ข้ายังรู้อีกเรื่อง”ฉู่จวินสิงหยุดมือ มองอิ่นเจียงด้วยสายตาเย็นเฉียบ รอให้อีกฝ่ายพูดต่อไปอิ่นเจียงรีบพูดออกมาว่า “หลังจากรัชทายาทถูกทำลายวรยุทธ์ก็ถูกคุมขังอยู่ในคุกหลวง”“แต่ครึ่งเดือนก่อน อยู่ดีๆ รัชทายาทก็เสียสติ บัดเดี๋ยวร้องไห้บัดเดี๋ยวหัวเราะอยู่ในคุกหลวงทั้งวัน ทั้งยังใช้ศีรษะโขกกำแพง
มือฉู่จวินสิงหยุดชะงัก อิ่นเจียงเข้าใจว่าฉู่จวินสิงถูกเขาโน้มน้าวได้แล้วเขารีบคุกเข่าลงตรงหน้าฉู่จวินสิง โขกศีรษะอย่างหนักหน่วงสามครั้งเลือดสดๆ ไหลลงมาตามปากแผล หยดลงบนสาบเสื้อ“ขอเพียงเยียนอ๋องยอมละเว้นข้า ข้าจะบอกความลับทุกอย่างต่อเยียนอ๋อง”อิ่นเจียงโขกศีรษะพลางพร่ำพูดอ้อนวอนฉู่จวินสิงไม่ได้คิดจะเถือหนังหน้าอิ่นเจียงเร็วปานนั้นเขารู้ว่าอิ่นเจียงอยู่ข้างกายฉู่ชางเหยียนมานานปีย่อมรู้ความลับเกี่ยวกับฉู่ชางเหยียนมากมายหลายเรื่องเขาจะรอจนอิ่นเจียงบอกความลับทั้งหมดออกมาแล้วค่อยเถือหนังหน้าของอีกฝ่ายฉู่จวินสิงกล่าวด้วยสีหน้าบึ้งตึง “ทางที่ดีเจ้าจงบอกข้ามาทั้งหมด ไม่อย่างนั้นเจ้าก็รู้ฝีมือข้าดี”คราวนี้อิ่นเจียงไม่กล้าปิดบังอีกแล้ว บอกแผนการของฉู่ชางเหยียนออกมาจนหมดเมื่อหนึ่งเดือนก่อน ทหารรักษาพระองค์ที่ควบคุมครอบครัวฉู่จวินสิงมาแดนเนรเทศกลับไปถึงเมืองจิงโจวฉู่ชางเหยียนรู้จากปากหานซื่อว่า ที่แท้หัวหน้าทหารรักษาพระองค์ถูกหมีดำกัดตายระหว่างทางส่งตัวนักโทษเนรเทศพวกเขายังได้รับบาดเจ็บไม่น้อยเพราะเหตุนี้ ส่วนฉู่จวินสิงเสียชีวิตกะทันหันระหว่างทางฉู่ชางเหยียนพอใจอย่างมาก ตกร
อิ่นเจียงเบิกตามองหนังหน้าของหน่วยกล้าตายผู้นั้นถูกฉู่จวินสิงเถือออกมาหัวใจเขาเต้นกระหน่ำกล่าวกันว่าเยียนอ๋องโหดเหี้ยมอำมหิต ปฏิบัติต่อศัตรูโดยไม่เลือกวิธีการแต่การได้มาเห็นภาพนี้ด้วยตาตัวเองทำให้หนังศีรษะของอิ่นเจียงชาหนึบเจี่ยนอันอันที่ยืนอยู่บนต้นไม้เห็นภาพตรงหน้าแล้วก็ต้องนึกเลื่อมใสฉู่จวินสิงในใจนี่เป็นครั้งแรกที่นางได้เห็นด้านที่โหดร้ายเช่นนี้ของฉู่จวินสิงคิดไม่ถึงว่าพอฉู่จวินสิงจะโหดขึ้นมา เทียบกับนางแล้วยังโหดกว่าเสียอีกฉู่จวินสิงถือหนังหน้าที่สมบูรณ์ดีแผ่นนั้นพลางก้าวยาวๆ มาทางอิ่นเจียงอิ่นเจียงตกใจถอยหลังกรูด เขากล่าวอย่างลนลานว่า “เจ้าจะทำอะไร เจ้าอย่าเข้ามานะ”ฉู่จวินสิงไม่มีทีท่าว่าจะหยุดชะงักฝีเท้าแม้แต่น้อย เขาเดินมาถึงตรงหน้าอิ่นเจียง ก้มตัวลงจ้องมองอีกฝ่าย“ถ้าเจ้ายังไม่พูดความจริงอีกก็จะมีจุดจบเหมือนเขา”อิ่นเจียงมองหน่วยกล้าตายที่ถูกถลกหนังหน้าพร้อมกับรู้สึกหนังศีรษะชาวาบลักษณะที่เลือดเนื้อเลอะเลือนแบบนั้น ถึงจะเป็นอิ่นเจียงที่โหดเหี้ยมอำมหิตก็ยังหวาดกลัวจนทำใจมองตรงๆ ไม่ลงหน่วยกล้าตายอีกสามคนเห็นอย่างนั้นก็ล้วนตกใจกลัวจนตัวสั่นความตายหาได้น่
ฉู่จวินสิงหยิบกระบี่บนพื้นขึ้นมาแล้วก้าวเท้ายาวๆ ตรงมาหาอิ่นเจียงอิ่นเจียงกัดฟันตวาดว่า “ฉู่จวินสิง เจ้าฆ่าข้าไม่ได้ ไม่อย่างนั้นถ้าฝ่าบาททรงทราบจะต้องไม่ปล่อยเจ้ากับครอบครัวเจ้าไปแน่!”ฉู่จวินสิงหัวเราะเสียงเย็น กระบี่ในมือชี้ไปยังใบหน้าอิ่นเจียง“เจ้าคิดว่าฉู่ชางเหยียนจะรู้ว่าเจ้าถูกข้าสังหารงั้นรึ?”“อย่าลืมสิว่าตอนที่เจ้าทรมานข้า ในสายตาฉู่ชางเหยียน ข้าเป็นคนที่ใกล้จะตายแล้ว”อิ่นเจียงถูกคำพูดของฉู่จวินสิงทำให้โมโหจนกระอักเลือดออกมาคำหนึ่งฉู่จวินสิงพูดถูก ตอนนั้นเขาถูกทรมานจนเหลือแค่ลมหายใจสุดท้ายประกอบกับความลำบากตรากตรำจากการเดินทาง หากพิจารณาจากสภาพของฉู่จวินสิงในยามนั้น เกรงว่าคงตายไปตั้งแต่ระหว่างทางแล้วส่วนที่เขานำหน่วยกล้าตายมาเมืองอินเป่ยในครั้งนี้ก็เป็นคำสั่งของฉู่ชางเหยียนฉู่ชางเหยียนให้พวกเขามาที่เมืองอินเป่ยอย่างลับๆ เพื่อสังหารครอบครัวฉู่จวินสิงฉู่ชางเหยียนไม่คิดจะปล่อยให้ครอบครัวของฉู่จวินสิงรอดไปแม้แต่คนเดียวอยู่แล้ว แต่เขาไม่อยากถูกครหาว่าสังหารพี่น้องร่วมสายเลือดตั้งแต่เพิ่งขึ้นครองราชย์ครอบครัวฉู่จวินสิงถูกเนรเทศมาที่เมืองอินเป่ยนานปานนี้ ต่อให้พ