เสียงร้องของเขาทำให้ซ่างชิวและฉู่จื่อซีหันไปมองเขาจากนั้นจ้าวอู่ถึงได้มองเห็นว่าคนที่ยืนอยู่ตรงหน้าตนเองนั้น คือเจี่ยนอันอันจ้าวอู่กุมศีรษะที่บวมเล็กน้อย แล้วลุกขึ้นนั่ง“ขอบคุณฟ้าขอบคุณดิน ที่ข้ายังไม่ตาย”หลังจากที่ซ่างชิวได้ยินคำของจ้าวอู่แล้ว ก็รีบพูดออกมา “เจ้านี่ช่างมีชะตาแข็งแกร่งจริงๆ ถึงได้ถูกแม่นางเจี่ยนบังเอิญพบเข้า”“ชีวิตนี้ของเจ้าเป็นแม่นางเจี่ยนที่ช่วยเอาไว้”จ้าวอู่ได้ยิน ก็รีบลุกขึ้นมาเขารีบคุกเข่าให้เจี่ยนอันอันจนเสียงดังตุบ“ขอบคุณแม่นางเจี่ยนที่ช่วยเหลือชีวิตเอาไว้!”เจี่ยนอันอันพูดออกมาอย่างเฉยเมย “เจ้าลุกขึ้นเถิด ชายหนุ่มร่างใหญ่ อย่าเอะอะอะไรก็คุกเข่าลง”จ้าวอู่รู้สึกละอายใจเล็กน้อย เขาก้มหน้าลงแล้วรีบลุกขึ้นยืนเจี่ยนอันอันถามออกมา “เมื่อครู่ข้าเพิ่งได้ยินพี่ซ่างบอกว่า ที่บ้านเจ้ายังมีน้องชายอีกคน?”จ้าวอู่ไม่คิดเลยว่า เจี่ยนอันอันจะถามถึงเรื่องนี้ขึ้นมาเขาพยักหน้าออกมาเบาๆ “ไม่ปิดบังแม่นางเจี่ยน ข้ามีน้องชายคนหนึ่งจริงๆ ชื่อว่าจ้าวลิ่ว”“แต่ว่าเมื่อสองปีก่อนหลังจากที่เขาเข้าไปในเมืองแล้ว ก็ไม่เคยกลับมาอีกเลย”“เจ้าไม่เคยไปตามหาเขาอย่างนั้นหรื
เจ้าอาวาสที่มีความสามารถเช่นนี้ ทำไมพวกเขาถึงไม่พบบ้างหากว่าพวกเขาสามารถล่วงรู้ได้ก่อนว่าจะต้องประสบกับการโดนเนรเทศ พวกเขาจะต้องเก็บของมีค่าทั้งหมดในจวนเอาไปหลบซ่อนเอาไว้ตอนนี้พวกเขาเองก็ไม่อาจกลับไปยังจวนเยียนอ๋องได้แล้ว และไม่รู้ว่าที่นั่นตอนนี้เปลี่ยนไปเป็นอย่างไรแล้วฉู่จื่อซีมองไปยังถั่วในที่ดิน เขาดึงแขนเสื้อของเจี่ยนอันอันมา“อาสะใภ้รอง ข้าอยากกินถั่วแระ”เจี่ยนอันอันลูบศีรษะเล็กๆ ของฉู่จื่อซีด้วยใบหน้าอ่อนโยนและรักใคร่“อาสะใภ้รองจะไปปรุงถั่วแระให้เจ้ากินตอนนี้เลย”เจี่ยนอันอันพูดจบ ก็ให้โต้วเอ๋อร์และซ่างตงเยว่ไปล้างถั่วแระรอจนเมื่อล้างทำความสะอาดจนเสร็จแล้ว เจี่ยนอันอันก็เริ่มจุดไฟปรุงถั่วแระพ่อบ้านหลิวมองซากงูที่อยู่บนพื้น แล้วก็มองไปยังทางห้องครัวอย่างประหลาดใจเขารู้ว่าฉู่จื่อซีไปยังที่ดินกับเจี่ยนอันอันจึงย่อกายลงถามฉู่จื่อซี “นายน้อยเล็ก เกิดอะไรขึ้นกับซากงูตัวนี้กัน?”ฉู่จื่อซีพูดออกมาด้วยน้ำเสียงไพเราะ เล่าเรื่องที่เกิดขึ้นกับพวกเขาตรงที่ดินออกมาจนหมดฉู่จวินสิงที่เดินออกมาจากในห้อง ก็ได้ยินคำของฉู่จื่อซีเข้าพอดีเขาขมวดคิ้วออกมาเล็กน้อย แล้วเดินเข้าไ
และในตอนที่เจี่ยนอันอันกำลังคิดว่าจะจัดการกับพวกหนูเหล่านั้นอย่างไรดี เสียงของฉู่จื่อซีก็ดังขึ้นมาอีกครั้ง“อาสะใภ้รอง เมื่อเช้าวันนี้ข้ายังได้ยินนกน้อยพูดกันว่า ธัญพืชในที่ดินของพวกเราสุกแล้ว”“ฉะนั้นข้าถึงได้โวยวายจะไปดูกับท่าน”เจี่ยนอันอันเข้าใจแล้ว ไม่น่าแปลกที่นางเห็นในหมู่ธัญพืชที่สุกแล้วพวกนั้น มีข้าวโพดหายไปจำนวนมากที่แท้เป็นเพราะว่าถูกนกน้อยพวกนั้นกินไปแล้วเจี่ยนอันอันมองฉู่จื่อซีที่กินอย่างเอร็ดอร่อย นางก็อดที่จะถามออกมาไม่ได้ “จื่อซี ตั้งแต่เมื่อไหร่กันที่เจ้าเริ่มได้ยินเสียงพวกสัตว์พูดคุยกัน?”ฉู่จื่อซีเอียงศีรษะเล็กๆ คิดไปมา “ตั้งแต่ที่ข้าสามารถได้ยินเสียงแล้ว ก็สามารถได้ยินสัตว์ต่างๆ พูดคุยกัน”เจี่ยนอันอันรู้สึกประหลาดใจเป็นอย่างมากนางไม่คิดเลยว่า ฉู่จื่อซีจะได้รับพรจากโชคร้ายถึงแม้ว่าฉู่จื่อซีจะทนทุกข์ทรมานมาจากพิษนานถึงสี่ปี แต่เขากลับเป็นเพราะอาการป่วยนี้ ทำให้มีความสามารถฟังเข้าใจภาษาของสัตว์ได้นี้ทำให้เจี่ยนอันอันรู้สึกดีใจกับฉู่จื่อซีจากใจจริงไม่แน่ว่าต่อไป ความสามารถพิเศษนี้ของฉู่จื่อซียังจะใช้ประโยชน์ได้เจี่ยนอันอันปลูกถั่วแระเอาไว้มาก นางเพีย
เจี่ยนอันอันพูดกับหนู “จะให้ข้าปล่อยพวกเจ้าก็ได้ แต่ข้ามีเงื่อนไขข้อหนึ่ง”หนูทั้งหลายได้ยินคำของเจี่ยนอันอัน ก็รีบส่งเสียง “จี๊ดๆ ๆ” ดังออกมาฉู่จื่อซีบอกเจี่ยนอันอัน “หนูพวกนั้นบอกว่า ขอเพียงท่านปล่อยพวกมันไป ให้พวกมันทำอะไรก็ได้”เจี่ยนอันอันพูดออกมาอย่างเคร่งขรึม “พวกเจ้าจะต้องพูดคำไหนคำนั้น มิฉะนั้นแล้วข้าจะแทงโพรงหนูของพวกเจ้า แล้วเผาพวกเจ้าทั้งครอบครัว”หนูหลายสิบตัวนั่นรีบพยักหน้าให้เจี่ยนอันอันเจี่ยนอันอันถึงได้ซื้อน้ำมันทำความสะอาดออกมาขวดหนึ่งจากร้านค้าในห้วงมิตินางเทน้ำมันทำความสะอาดลงไปบนกระดานกาว ผ่านไปไม่นาน หนูหลายสิบตัวนั่นที่ติดอยู่บนกระดานกาว ในที่สุดก็ปีนลงมาจากบนนั้นได้พวกมันรีบคลานมายังด้านหน้าของเจี่ยนอันอัน นอนนิ่งอยู่บนพื้นไม่ไหวติงใบหน้าของหนูแต่ละตัว เผยความขี้ขลาดออกมาเจี่ยนอันอันโบกมือออกมา “พวกเจ้าไปเสียเถอะ แต่พวกเจ้าจะต้องมาตามคำเรียกของข้า”หนูหลายสิบตัวพยักหน้าให้เจี่ยนอันอัน ก่อนจะรีบวิ่งออกไปแต่พวกมันยังไม่ทันได้วิ่งออกไปไกล ก็ได้ยินเสียงร้องตะโกนของเจี่ยนอันอัน “กลับมาให้หมด!”หนูสิบกว่าตัวนั้นกายสั่นเทิ้ม รีบหันหลังแล้ววิ่งมาหาเจี
หนูตัวใหญ่เห็นว่ามีอาหารมากมายให้กิน มันก็รีบโค้งคำนับให้เจี่ยนอันอันพลางส่งเสียงร้อง “จี๊ดๆ”ฉู่จื่อซีได้ยินแล้วก็รีบอธิบายให้เจี่ยนอันอันฟัง“มันบอกว่าขอบคุณเจ้านาย วันหน้าพวกมันจะต้องตอบแทนบุญคุณใหญ่หลวงของเจ้านายอย่างแน่นอน”เจี่ยนอันอันได้ยินดังนั้นก็กล่าวอย่างพึงพอใจ “นับว่าพวกเจ้ารู้ความ วันหน้าจะต้องมีวันที่พวกเจ้าได้ตอบแทนแน่นอน”นางกล่าวจบก็พาฉู่จื่อซีกลับไปที่เรือนหนูตัวใหญ่เห็นเจี่ยนอันอันจากไปแล้วก็รีบร้องเรียกหนูตัวอื่นๆ ในโพรงพวกมันขนข้าวสารในกระสอบทั้งหมดเข้าไปในโพรงระหว่างทางขากลับ ความคิดหนึ่งวาบขึ้นในสมองเจี่ยนอันอันรอจนนางเลี้ยงดูหนูเหล่านี้จนอ้วนพีแล้วค่อยให้พวกมันทำงานให้ตนเองอัตราการขยายพันธุ์ของหนูพวกนี้เร็วมาก ในอนาคตอันใกล้ นางก็จะมีกองทัพหนูเป็นของตนเองรอจนถึงช่วงเวลาที่สุกงอมแล้ว นางก็จะใช้กองทัพหนูเหล่านี้ไปต่อกรกับกองทัพของฉู่ชางเหยียนคิดถึงตรงนี้ เจี่ยนอันอันก็เอ่ยกับฉู่จื่อซีว่า “จื่อซีอยากเห็นหนูต่อสู้กันหรือไม่?”ฉู่จื่อซีได้ยินดังนั้น ดวงตากลมโตก็พลันวาววับ“อาสะใภ้รอง ข้าไม่เคยเห็นหนูต่อสู้กันมาก่อนเลย ข้าอยากดูขอรับ”เจี่ยนอันอั
หนูตัวที่พูดกับเจี่ยนอันอันวิ่งมาตรงหน้านางแล้วร้องเสียง “จี๊ดๆ” กับนางฉู่จื่อซีอธิบายว่า “อาสะใภ้รอง หนูตัวนี้บอกว่ามันกับพวกเด็กๆ เรียกหนูทุกตัวในหมู่บ้านชิงสุ่ยมาหมดแล้วขอรับ”ฉู่จวินสิงคิดไม่ถึงเลยว่าฉู่จื่อซีจะฟังคำพูดหนูเข้าใจด้วยสายตาที่มองไปทางฉู่จื่อซีของเขาฉายแววพิศวงเจี่ยนอันอันมองหนูสามสิบกว่าตัวนั้นพลางพยักหน้าอย่างพึงพอใจนางวางกระสอบข้าวสารบนไหล่ลงบนพื้นนางกล่าวกับหนูตัวนั้นว่า “เจ้าบอกพวกมันว่าเย็นนี้จะมีการประลองต่อสู้”“ใครชนะ ข้าวสารกระสอบนี้ก็จะเป็นของผู้นั้น นอกจากนี้หนูตัวที่ชนะจะได้เป็นหัวหน้าหนูของพวกเจ้า”หลังหนูตัวนั้นได้ยิน ดวงตาก็เป็นประกายวาววับมันรีบหันไปส่งเสียงร้อง “จี๊ดๆ” บอกหนูสามสิบกว่าตัวนั้นพวกหนูที่ถูกเรียกมามองหน้ากันหนูสิบเอ็ดตัววิ่งออกมา แม้พวกมันจะผอมแห้งเหมือนท่อนฟืนแต่ก็มีขนาดใหญ่โตมากเห็นทีพวกมันล้วนอยากแย่งชิงข้าวสารกระสอบนี้เจี่ยนอันอันมองหนูสิบเอ็ดตัวที่ก้าวออกมาอย่างยิ้มแย้มนางดึงมือฉู่จวินสิงและฉู่จื่อซีถอยไปยืนข้างๆที่นี่ค่อนข้างโล่ง เป็นสถานที่ที่เหมาะกับการประลองต่อสู้ของพวกหนูพอดีเจี่ยนอันอันร้องบอกหนูพวก
สาเหตุที่เจี่ยนอันอันให้หนูตัวนั้นลงสนามรอบที่สองก็เพราะอยากให้มันสังเกตการณ์การต่อสู้เสียก่อนนางอยากให้หนูตัวนั้นเป็นผู้นำของพวกหนูแต่ไม่รู้ว่าความสามารถของมันเป็นอย่างไรการต่อสู้รองที่สองเริ่มขึ้นอย่างรวดเร็วหนูสามตัวนั้นเข้าโรมรันกันอย่างรุนแรงเหมือนเห็นคู่แค้นที่สังหารบิดาอย่างไรอย่างนั้นผ่านไปไม่นาน การประลองรอบนี้ก็สิ้นสุดลงเจี่ยนอันอันมองดูหนูตัวนั้น ดวงตาฉายแววชื่นชมนางไม่ได้มองผิดไปจริงๆ ด้วย หนูตัวนี้ค่อนข้างฉลาด มันชอบใช้กลยุทธ์บาดแผลบนตัวมันมีน้อยที่สุด แต่กลับสามารถใช้วิธีที่เด็ดขาดที่สุดในการเอาชนะหนูอีกสองตัวเมื่อการประลองผ่านไปสี่รอบ หนูผู้ชนะทั้งสี่ก็เริ่มการต่อสู้รอบสุดท้ายฉู่จื่อซีดูอย่างใจจดใจจ่อ ครั้นหนูที่พูดกับพวกตนกำชัยชนะได้แล้ว เขาก็ปรบมือโห่ร้องอย่างดีใจฉู่จวินสิงชมดูจนริมฝีปากกระตุกยิบ ทำไมเขาถึงรู้สึกเหมือนหลังจากฉู่จื่อซีพูดจาได้แล้วก็เปลี่ยนเป็นคนละคนเลยละดูเหมือนเขาจะถูกเจี่ยนอันอันกลืนกลายเสียแล้ว“อันอัน เจ้าให้หนูพวกนี้กัดกันเองเพื่ออะไรหรือ?”เจี่ยนอันอันยิ้มยิงฟัน “ข้าจะสร้างกองทัพหนู”ในที่สุดการประลองต่อสู้ก็จบลง พวกหนูท
เมื่อกินยาลงท้องไป หนูก็ได้ยินเสียงดัง ‘กึกๆ’ ในร่างกายบาดแผลตามตัวของมันหายดีอย่างรวดเร็ว แม้แต่กระดูกก็แข็งแรงขึ้นกว่าเมื่อก่อนมากนักหนูรีบคุกเข่าคำนับเจี่ยนอันอัน ปากก็ร้องส่งเสียง “จี๊ดๆ”ฉู่จื่อซีเดินเข้ามาพูดกับเจี่ยนอันอันว่า “อาสะใภ้รอง มันกำลังขอบคุณท่าน บอกว่าท่านคือพ่อแม่คนที่สองของมันขอรับ”“มันยังบอกว่ามันชื่อเถี่ยต้าน วันหน้าไม่ว่าจะให้มันบุกน้ำลุยไฟอย่างไร มันก็จะไม่บ่ายเบี่ยงแม้แต่คำเดียว”ริมฝีปากเจี่ยนอันอันกระตุกยิบ นางไม่อยากเป็นพ่อแม่คนที่สองของหนูตัวหนึ่งหรอกนะนางกล่าวกับเถี่ยต้าน “ตอนนี้เจ้าคว้าชัยชนะมาได้แล้วก็ถือว่าเป็นหัวหน้าของพวกหนู ข้าวสารกระสอบนั้นเจ้าสามารถนำกลับไปแบ่งกันกินกับสมาชิกในครอบครัว”นางกล่าวจบก็หันกลับไปหาหนูสามสิบกว่าตัวด้านหลัง“ในเมื่อพวกเจ้าแพ้แล้ว ในอนาคตก็ต้องเชื่อฟังคำสั่งของเถี่ยต้าน”“ถ้าข้ารู้ว่าพวกเจ้ามีตัวไหนไม่เชื่อฟังคำเถี่ยต้าน ก็อย่ามาโทษที่ข้าลงมืออย่างรุนแรงก็แล้วกัน”“ข้าสามารถทำให้พวกเจ้ามีชีวิตต่อไปได้ก็สามารถทำให้พวกเจ้าตายได้เหมือนกัน”“ข้าจะจุดไฟเผารังหนูของพวกเจ้า ทำให้พวกเจ้าสิ้นลูกสิ้นหลาน”“ได้ยินแล้ว
เขามองไปยังเจี่ยนอันอันและฉู่จวินสิง พูดพึมพำออกมา “พี่ใหญ่ ข้าอยากรู้จริงๆ ว่าทำไมท่านถึงได้หย่ากับพี่สะใภ้ใหญ่?”ต่อให้พี่ใหญ่จะจำพี่สะใภ้ใหญ่ไม่ได้ ก็ไม่ควรจะทำเช่นนี้เสิ่นจือเจิ้งไม่อยากจะพูดถึงเรื่องเก่าอีก เขาทำหน้าเย็นชาแล้วพูดออกมา “หากว่าเจ้าไม่มีเรื่องอื่นให้พูดแล้ว ก็ออกไปเสียเถอะ”เสิ่นจืออวี้กัดฟัน สายตาที่มองไปยังเจี่ยนอันอันมีความโกรธเกลียดมากขึ้นเขารู้มาจากปากของเจียงหว่านเอ๋อร์ ว่าทั้งหมดนี้ล้วนแต่เป็นเจี่ยนอันอันที่ทำขึ้นตั้งแต่ที่เจี่ยนอันอันปรากฏตัวออกมา ก็ทำให้พี่ใหญ่เปลี่ยนเป็นเช่นนี้ถึงแม้ว่าเขาจะซาบซึ้งในบุญคุณที่เจี่ยนอันอันช่วยชีวิตเอาไว้ ทว่าเกิดเรื่องเช่นนี้ขึ้น ก็ทำให้เขามีความไม่พอใจเจี่ยนอันอันมากขึ้นเจี่ยนอันอันมองความโกรธเกลียดในดวงตาของเสิ่นจืออวี้ออก นางพูดออกมาด้วยใบหน้าเย้ยหยัน “ทุกวันนี้ช่วยชีวิตคนยังมาถูกขุ่นเคืองเข้า ช่างเป็นเหมือนหมาป่าตาขาวเสียจริง”เสิ่นจืออวี้รู้ว่าไม่สมเหตุสมผล เขาไม่ควรจะขุ่นเคืองเจี่ยนอันอันทว่าเรื่องนี้เขาคิดไม่ออกจริงๆ ทำไมเสิ่นจือเจิ้งต้องเขียนหนังสือหย่านั่นด้วยเจี่ยนอันอันเมื่อเห็นว่าเสิ่นจือเจิ้งไม่ย
เจี่ยนอันอันยิ้มแล้วนำจานส่งไปเบื้องหน้าของกวนซิน “คุณหนูกวนรีบชิมเข้า แมลงนี้หลังจากที่ทอดไปแล้วหอมอร่อยมาก” กวนซินตกใจเสียจนสีหน้าซีดขาว นางหลับตาลงโบกมือติดต่อกัน“เจ้ารีบเอามันออกไปเถอะ ของเช่นนี้จะไปกินได้อย่างไรกัน น่ากลัวจนเกินไปแล้ว”เจี่ยนอันอันนำจานจานหนึ่งวางลงบนโต๊ะ แล้วส่งสัญญาณให้ชิวเหลียนรับไปชิมชิวเหลียนเองก็ตกใจไม่น้อย นางส่ายหัวอย่างแรง ไม่ว่าจะพูดอย่างไรก็ไม่กล้าแตะตั๊กแตนในจานและก็เป็นในตอนนี้ ฉู่ตั๋วตั่วก็วิ่งเข้ามานางดมกลิ่นหอมจึงตามมานางมองเห็นสิ่งของที่อยู่ในจาน ก็ยื่นมือออกไปหยิบขึ้นมาหนึ่งตัวใส่เข้าไปในปากกวนซินไม่ทันได้ห้ามเอาไว้ ก็เห็นฉู่ตั๋วตั่วเริ่มเคี้ยวขึ้นมา“ตั๋วตั่ว รีบคายออกมา เจ้ากินไม่ได้”กวนซินตกใจเสียจนสีหน้าไม่น่ามอง นางกลัวว่าฉู่ตั๋วตั่วกินแมลงไปแล้วจะปวดท้องขึ้นมา“ท่านแม่ แมลงนี้อร่อยมาก ข้าไม่เคยกินแมลงที่อร่อยมากถึงขนาดนี้”หลังจากที่กวนซินได้ยินแล้ว ก็ตกใจเสียจนหลับตาลงชิวเหลียนเมื่อเห็นว่าฉู่ตั๋วตั่วกินอร่อยถึงเพียงนั้น นางเองก็อดไม่ได้ที่จะหยิบขึ้นมาหนึ่งชิ้นใส่เข้าไปในปากไม่นานนักชิวเหลียนก็รู้ว่า ตนเองเมื่อคร
เนื้อสัมผัสที่กรุบกรอบ บวกกับกลิ่นหอมอันเป็นเอกลักษณ์ ทันใดนั้นก็เติมเต็มอยู่ในปากทันทีฉู่จวินสิงลืมตาขึ้น ดวงตาเป็นประกายแสงวาบขึ้นมาเมื่อครู่นี้ที่กินตั๊กแตนทอดไป ก็ทำให้ความกลัวแมลงของฉู่จวินสิง ลดน้อยลงมากคนอื่นๆ ล้วนแต่จ้องมองไปยังฉู่จวินสิงโดยไม่เลื่อนสายตาไปที่ใด ใบหน้าของแต่ละคน ล้วนแต่เต็มไปด้วยความกังวลฉู่จวินสิงกลืนตั๊กแตนในปากลงไป แล้วเริ่มยื่นมือออกไปหยิบอีกตัวหนึ่งใส่ปากฮูหยินใหญ่เมื่อเห็นฉู่จวินสิงเริ่มหยิบตั๊กแตนมากิน นางก็อดที่จะกลืนน้ำลายไม่ได้เรื่องที่ฉู่จวินสิงกลัวแมลงนั้น ขึ้นชื่อไปทั่วทั้งครอบครัว แล้วมาตอนนี้เขาจะหยิบมากินเองได้อย่างไรเจี่ยนอันอันยิ้มยิงฟันพลางพูด “เป็นอย่างไรบ้าง อร่อยหรือไม่?”ฉู่จวินสิงพยักหน้า “รสชาติไม่เลวเลย”คนอื่นๆ เมื่อได้ยินคำของฉู่จวินสิง ต่างก็อดที่จะเผยยิ้มออกมาไม่ได้พวกเขาเป็นครั้งแรกที่เห็นว่าตั๊กแตนสามารถนำมาทอดกินได้เจี่ยนอันอันที่อดทนไม่ไหวนานแล้ว ก็หยิบตั๊กแตนที่ทอดจนเสร็จแล้วขึ้นมา ใส่ปากแล้วเริ่มเคี้ยวเสียงกรุบกรอบ ลอยดังเข้าหูของทุกคนพวกเขาเมื่อเห็นว่าทั้งสองคนกินอย่างเอร็ดอร่อย ต่างก็คิดอยากจะหยิบ
ชาวบ้านหยิบถุงตั๊กแตน มายังเบื้องหน้าของเจี่ยนอันอันและฉู่จวินสิง“แม่นางเจี่ยน ตั๊กแตนเหล่านี้จะจัดการอย่างไรดี?” อวี๋ว่านพูดออกมาก่อนเมื่อเห็นตั๊กแตนที่มีชีวิตอยู่ในถุงตาข่าย มุมปากของเจี่ยนอันอันก็ยกยิ้มขึ้นนางแทบทนรอไม่ไหวที่จะกินตั๊กแตนทอดแล้วนางพูดกับทุกคน “ที่เรือนของพวกเจ้าใครที่มีหม้อใหญ่บ้าง เอาไปที่ประตูเรือนข้าให้หมด”ถึงแม้ว่าชาวบ้านจะไม่รู้ว่าเจี่ยนอันอันจะเอาหม้อไปทำอะไร แต่พวกเขาต่างก็ให้ความร่วมมือมีชาวบ้านหลายคนที่ลุกขึ้นยืน เพื่อแสดงว่าเรือนของตนนั้นมีหม้อค่อนข้างใหญ่แม้แต่จ้าวอู่กับจ้าวลิ่วเองก็ลุกขึ้นยืนเช่นกันพวกเขานำถุงตาข่ายมอบให้ชาวบ้านคนอื่นๆ แล้วรีบวิ่งไปทางเรือนของตนเอง เจี่ยนอันอันเมื่อหาแม่ไก่สองตัวนั้นของท่านยายหลินพบ ก็อุ้มพวกมันเอาไว้ “พวกเรากลับกันเถอะ รออีกเดี๋ยวข้าจะเชิญพวกเจ้ามากินตั๊กแตนทอดกัน” หญิงชาวบ้านหลายคนเองก็พากันอุ้มไก่ของตัวเองกลับไป เมื่อได้ยินเจี่ยนอันอันบอกว่าจะกินตั๊กแตนทอด พวกนางก็อดจะยกยิ้มขึ้นมาไม่ได้ระหว่างทางกลับไป อวี๋ว่านอดไม่ได้ที่จะถามขึ้น “แม่นางเจี่ยน ตั๊กแตนพวกนี้กินได้อย่างนั้นหรือ?”เจี่ยนอันอัน
ฉู่จวินสิงใช้วิชาตัวเบา บวกกับความหวาดกลัวตั๊กแตนในใจ ไม่รู้ว่ามีความเร็วมากกว่าเจี่ยนอันอันถึงกี่เท่าตัวเจี่ยนอันอันกลับมาถึงเรือน ก็วิ่งไปหาแม่ไก่ที่บ้านท่านยายหลินให้มาสองตัวนางไปหาฉู่จื่อซี ให้เขาคิดหาวิธีเรียกนกให้บินไปยังที่ดินให้มากขึ้นฉู่จื่อซีรีบรับปาก ก้าวขาสั้นๆ วิ่งออกจากสวนไปเมื่อครู่ได้ยินเสียงของชาวบ้านร้องตะโกน คนในเรือนล้วนแต่ได้ยินหมดแล้วฟางอิ๋งตามไปอย่างไม่วางใจฉู่จื่อซีมาใต้ต้นไม้ใหญ่ต้นหนึ่ง แล้วคุยกับรังนกที่อยู่บนต้นไม้ไม่นานนักก็มีนกหลายสิบตัว บินมุ่งหน้าไปยังที่ดินเจี่ยนอันอันกอดแม่ไก่เอาไว้ในอ้อมแขน ถูกฉู่จวินสิงกอดเอวอุ้มขึ้นไว้อีกครั้งเจี่ยนอันอันเมื่อเห็นว่าฉู่จวินสิงยังจะไปด้วย จึงเสนอแนะให้เขารออยู่ที่เรือนทว่าฉู่จวินสิงไม่ว่าจะพูดอะไรก็ไม่ยอมจากเจี่ยนอันอันไปแม้ครึ่งก้าวเจี่ยนอันอันพูดออกมาอย่างไม่วางใจ “ท่านจะต้องเอาชนะความกลัวตั๊กแตนในใจให้ได้”ฉู่จวินสิงกัดฟัน เมื่อเทียบกับความหวาดกลัวแมลงแล้ว เขาเป็นกังวลความปลอดภัยของเจี่ยนอันอันมากยิ่งกว่าเขาไม่อยากจะให้เจี่ยนอันอันถูกกู้มั่วหลีจับตัวไปอีกครั้งในตอนนี้ด้วยความเร็วของฉู่จ
เจี่ยนอันอันลอบพูดในใจว่าไม่ดีแล้ว เกรงว่าที่ดินในหมู่บ้านชิงสุ่ยจะต้องเกิดปัญหาขึ้นแน่ๆเหล่าชาวบ้านที่เดินออกมาจากเรือน เมื่อเห็นว่าบนท้องฟ้านั้นเต็มไปด้วยตั๊กแตน ในใจของทุกคนต่างก็รู้สึกตื่นตระหนกขึ้นมา“แล้วนี่จะทำอย่างไรกันดี ที่ดินของข้าไม่ง่ายเลยถึงจะมีผลผลิตขึ้นมา คราวนี้จะต้องถูกแมลงกินจนหมดแน่”“บ้านข้าเองผลผลิตเพิ่งจะถือว่าดีกว่าเล็กน้อย ดันเกิดเรื่องตั๊กแตนระบาดขึ้นมาได้”“แล้วอย่างนี้จะทำอย่างไรดี พระเจ้ากำลังจะทำลายหมู่บ้านชิงสุ่ยของพวกเราอย่างนั้นหรือ!”ทุกคนต่างก็วิ่งไปยังทิศทางของที่ดิน แม้แต่อวี๋ว่านและคนอื่นๆ ที่กำลังสร้างเรือนอยู่ ต่างก็วางงานในมือลงพวกเขาจะมีใจคิดทำงานได้อย่างไรกันอาหารในที่ดินของตนหากว่าถูกตั๊กแตนกินจนหมด ต่อไปภายหน้าพวกเขาจะไม่มีอาหารให้กินแล้วขณะที่เจี่ยนอันอันกำลังจะไปยังที่ดิน กลับพบว่าฉู่ตั๋วตั่ววิ่งเข้ามา“ท่านน้า พิษที่ท่านสอนมา ข้าเชี่ยวชาญจนหมดแล้ว”“ทว่าข้าไม่มีขวดเล็กๆ ที่จะใส่ยาพิษ ท่านสามารถให้ขวดเล็กๆ ข้าสักสองสามขวดหรือไม่?”เจี่ยนอันอันไม่คิดเลยว่า ฉู่ตั๋วตั่วจะเชี่ยวชาญในเรื่องพิษได้เร็วถึงเพียงนี้นางหยิบขวดเล็กๆ ส
เมื่อเห็นว่าเสิ่นจือเจิ้งหลับตาลง ไม่ยินยอมแม้แต่จะมองมายังเขาเสิ่นจืออวี้เองก็ไม่กล้าจะพูดอะไรออกมา หันหลังแล้วตามออกไปเจียงหว่านเอ๋อร์ในใจของเขา เป็นคนที่ดีมาโดยตลอดหลายปีมานี้ เจียงหว่านเอ๋อร์ดูแลเขาเป็นอย่างดีมาโดยตลอดเสิ่นจืออวี้วิ่งออกไป แล้วขวางทางเจียงหว่านเอ๋อร์เอาไว้“พี่สะใภ้ใหญ่ ท่านจะไปที่ไหนกัน? พี่ใหญ่ของข้าเพียงแค่หุนหันไปชั่วคราวเท่านั้น ถึงได้ทำเรื่องไม่มีเหตุผลเช่นนี้ออกมา”“หนังสือหย่านี้ท่านเก็บเอาไว้ก่อน ไม่แน่ว่าต่อไปในอนาคต พี่ใหญ่ของข้าก็อาจจะนึกถึงที่ท่านทำดีกับเขาก็เป็นได้”“เขาจะต้องกลับไปอยู่ข้างกายท่านอีกครั้ง”เจียงหว่านเอ๋อร์เหลือบมองไปยังหนังสือหย่า ในใจอดที่จะคิดเย้ยหยันไม่ได้คนพวกนี้ล้วนแต่เป็นคนเลวเหมือนกัน ยังวิ่งมาแสร้งทำดีกับนางเพื่ออะไรกันเจียงหว่านเอ๋อร์รับหนังสือหย่ามา แล้วยัดเข้าไปในเสื้อนางสะกดข่มความโกรธในใจเอาไว้ ใบหน้ายังคงทำทีเป็นอ่อนแอเช่นนี้“ข้าอยากจะดูว่าเรือนสร้างไปถึงไหนแล้ว ข้าไม่อยากให้คังเอ๋อร์ไปข้างคืนอยู่ข้างนอก”เสิ่นจืออวี้เกาศีรษะ ไม่รู้ว่าจะพูดอะไรออกมาดีเรือนทั้งสองหลังนั้นสร้างเสร็จไปแล้วหนึ่งหลัง ทว
เจี่ยนอันอันเลิกคิ้วขึ้น ไม่ได้พูดอะไรออกมา นางอยากจะลองดู ว่าท้ายที่สุดแล้วเจียงหว่านเอ๋อร์จะเล่นลูกไม้อะไรเจียงหว่านเอ๋อร์เมื่อเห็นว่าแผนการนี้ของตน ดูจะไม่ได้ผลลัพธ์อะไรทุกคนที่อยู่ที่นี่ ไม่มีใครก่นด่าเจี่ยนอันอันตามที่นางคิดเจียงหว่านเอ๋อร์กัดฟัน ในใจลอบคิดเรื่องนี้เกิดขึ้นเพราะว่าเจี่ยนอันอัน นางอาศัยที่ตนเองมีรูปลักษณ์ที่งดงาม จึงได้มาหลอกลวงใจของเสิ่นจือเจิ้งนางไม่สามารถจากไปเช่นนี้ได้ มิฉะนั้นแล้วก็จะสมดั่งความตั้งใจของเจี่ยนอันอันนางจะต้องอยู่ต่อ ต่อให้จะไม่อาจอยู่ด้วยกันกับเสิ่นจือเจิ้งได้ ก็ต้องหาวิธีการอยู่ที่หมู่บ้านชิงสุ่ยต่อเมื่อคิดถึงตรงนี้ ดวงตาของเจียงหว่านเอ๋อร์ก็แดงก่ำขึ้นมา น้ำตาเม็ดใหญ่ร่วงหล่นลงมา“แม่นางเจี่ยน ข้าขอร้องท่าน โปรดมอบที่อยู่ให้ข้าได้อาศัยอยู่”“ข้าไม่มีที่ให้อยู่ไม่เป็นไร ทว่าข้าไม่อยากให้คังเอ๋อร์ต้องลำบาก”“เขายังเล็กถึงเพียงนี้ ก็ถูกเนรเทศมาด้วยกันกับพวกเราจนถึงสถานที่แบบนี้”“ตอนนี้ข้าหย่ากับเสิ่นจือเจิ้งแล้ว แต่ว่าคังเอ๋อร์เป็นผู้บริสุทธิ์”เจียงหว่านเอ๋อร์ยิ่งพูดยิ่งรู้สึกเสียใจ น้ำตาไหลลงมาไม่หยุดเสิ่นจืออวี้ทนมองต่อไ
เสิ่นจืออวี้คิดอยากจะเกลี้ยกล่อม แต่กลับพบว่าเจียงหว่านเอ๋อร์หยิบพู่กันขึ้นมานางสูดลมหายใจลึก กัดปากพูดออกมา “ดี ในเมื่อท่านต้องการจะหย่ามาก เช่นนั้นข้าก็จะยอมรับมัน!”เจียงหว่านเอ๋อร์พูดขึ้น แล้วเขียนชื่อของตัวเองลงไปบนหนังสือหย่าทว่านางไม่มีตราประทับสีแดง จึงกัดริมฝีปาก แล้วหยดเลือดสีแดงลงมาประทับรอยนิ้วมือของตนเองเมื่อทำทุกอย่างนี้เสร็จ นางก็โยนหนังสือหย่าลงบนพื้น“คังเอ๋อร์ พวกเราไปกัน”เจียงหว่านเอ๋อร์พูดขึ้น แล้วก็จะดึงมือของเสิ่นคัง“ข้าไม่ไป ข้าอยากให้ท่านพ่อและท่านแม่อยู่ด้วยกัน” ไม่ว่าจะพูดอะไรออกมาเสิ่นคังก็ไม่ยอมไปกับเจียงหว่านเอ๋อร์ใบหน้าเล็กๆ ของเขา ถูกน้ำมูกและน้ำตาไหลนองจนเลอะใบหน้าไปหมด“พี่ใหญ่ ต่อให้พี่สะใภ้ใหญ่ของข้าจะทำอะไรผิดไป ก็คงไม่ถึงขั้นหย่ากัน พวกท่านลองคุยกันเสียหน่อยไม่ได้หรือ?”เสิ่นจืออวี้ทนมองต่อไปไม่ได้แล้ว เขาหยิบหนังสือหย่าบนพื้นขึ้นมา แล้วต้องการจะฉีกออกเสิ่นจือเจิ้งจ้องมองไปยังเสิ่นจืออวี้ “หากว่าเจ้ากล้าฉีกมันออก ข้าเองก็จะไม่ถือว่าเจ้าเป็นน้องชายอีกต่อไป”เสิ่นจืออวี้หยุดการกระทำในมือลง สีหน้าดูไม่น่ามองอย่างประหลาดเขาเพียงแค