เสียงร้องของเขาทำให้ซ่างชิวและฉู่จื่อซีหันไปมองเขาจากนั้นจ้าวอู่ถึงได้มองเห็นว่าคนที่ยืนอยู่ตรงหน้าตนเองนั้น คือเจี่ยนอันอันจ้าวอู่กุมศีรษะที่บวมเล็กน้อย แล้วลุกขึ้นนั่ง“ขอบคุณฟ้าขอบคุณดิน ที่ข้ายังไม่ตาย”หลังจากที่ซ่างชิวได้ยินคำของจ้าวอู่แล้ว ก็รีบพูดออกมา “เจ้านี่ช่างมีชะตาแข็งแกร่งจริงๆ ถึงได้ถูกแม่นางเจี่ยนบังเอิญพบเข้า”“ชีวิตนี้ของเจ้าเป็นแม่นางเจี่ยนที่ช่วยเอาไว้”จ้าวอู่ได้ยิน ก็รีบลุกขึ้นมาเขารีบคุกเข่าให้เจี่ยนอันอันจนเสียงดังตุบ“ขอบคุณแม่นางเจี่ยนที่ช่วยเหลือชีวิตเอาไว้!”เจี่ยนอันอันพูดออกมาอย่างเฉยเมย “เจ้าลุกขึ้นเถิด ชายหนุ่มร่างใหญ่ อย่าเอะอะอะไรก็คุกเข่าลง”จ้าวอู่รู้สึกละอายใจเล็กน้อย เขาก้มหน้าลงแล้วรีบลุกขึ้นยืนเจี่ยนอันอันถามออกมา “เมื่อครู่ข้าเพิ่งได้ยินพี่ซ่างบอกว่า ที่บ้านเจ้ายังมีน้องชายอีกคน?”จ้าวอู่ไม่คิดเลยว่า เจี่ยนอันอันจะถามถึงเรื่องนี้ขึ้นมาเขาพยักหน้าออกมาเบาๆ “ไม่ปิดบังแม่นางเจี่ยน ข้ามีน้องชายคนหนึ่งจริงๆ ชื่อว่าจ้าวลิ่ว”“แต่ว่าเมื่อสองปีก่อนหลังจากที่เขาเข้าไปในเมืองแล้ว ก็ไม่เคยกลับมาอีกเลย”“เจ้าไม่เคยไปตามหาเขาอย่างนั้นหรื
เจ้าอาวาสที่มีความสามารถเช่นนี้ ทำไมพวกเขาถึงไม่พบบ้างหากว่าพวกเขาสามารถล่วงรู้ได้ก่อนว่าจะต้องประสบกับการโดนเนรเทศ พวกเขาจะต้องเก็บของมีค่าทั้งหมดในจวนเอาไปหลบซ่อนเอาไว้ตอนนี้พวกเขาเองก็ไม่อาจกลับไปยังจวนเยียนอ๋องได้แล้ว และไม่รู้ว่าที่นั่นตอนนี้เปลี่ยนไปเป็นอย่างไรแล้วฉู่จื่อซีมองไปยังถั่วในที่ดิน เขาดึงแขนเสื้อของเจี่ยนอันอันมา“อาสะใภ้รอง ข้าอยากกินถั่วแระ”เจี่ยนอันอันลูบศีรษะเล็กๆ ของฉู่จื่อซีด้วยใบหน้าอ่อนโยนและรักใคร่“อาสะใภ้รองจะไปปรุงถั่วแระให้เจ้ากินตอนนี้เลย”เจี่ยนอันอันพูดจบ ก็ให้โต้วเอ๋อร์และซ่างตงเยว่ไปล้างถั่วแระรอจนเมื่อล้างทำความสะอาดจนเสร็จแล้ว เจี่ยนอันอันก็เริ่มจุดไฟปรุงถั่วแระพ่อบ้านหลิวมองซากงูที่อยู่บนพื้น แล้วก็มองไปยังทางห้องครัวอย่างประหลาดใจเขารู้ว่าฉู่จื่อซีไปยังที่ดินกับเจี่ยนอันอันจึงย่อกายลงถามฉู่จื่อซี “นายน้อยเล็ก เกิดอะไรขึ้นกับซากงูตัวนี้กัน?”ฉู่จื่อซีพูดออกมาด้วยน้ำเสียงไพเราะ เล่าเรื่องที่เกิดขึ้นกับพวกเขาตรงที่ดินออกมาจนหมดฉู่จวินสิงที่เดินออกมาจากในห้อง ก็ได้ยินคำของฉู่จื่อซีเข้าพอดีเขาขมวดคิ้วออกมาเล็กน้อย แล้วเดินเข้าไ
และในตอนที่เจี่ยนอันอันกำลังคิดว่าจะจัดการกับพวกหนูเหล่านั้นอย่างไรดี เสียงของฉู่จื่อซีก็ดังขึ้นมาอีกครั้ง“อาสะใภ้รอง เมื่อเช้าวันนี้ข้ายังได้ยินนกน้อยพูดกันว่า ธัญพืชในที่ดินของพวกเราสุกแล้ว”“ฉะนั้นข้าถึงได้โวยวายจะไปดูกับท่าน”เจี่ยนอันอันเข้าใจแล้ว ไม่น่าแปลกที่นางเห็นในหมู่ธัญพืชที่สุกแล้วพวกนั้น มีข้าวโพดหายไปจำนวนมากที่แท้เป็นเพราะว่าถูกนกน้อยพวกนั้นกินไปแล้วเจี่ยนอันอันมองฉู่จื่อซีที่กินอย่างเอร็ดอร่อย นางก็อดที่จะถามออกมาไม่ได้ “จื่อซี ตั้งแต่เมื่อไหร่กันที่เจ้าเริ่มได้ยินเสียงพวกสัตว์พูดคุยกัน?”ฉู่จื่อซีเอียงศีรษะเล็กๆ คิดไปมา “ตั้งแต่ที่ข้าสามารถได้ยินเสียงแล้ว ก็สามารถได้ยินสัตว์ต่างๆ พูดคุยกัน”เจี่ยนอันอันรู้สึกประหลาดใจเป็นอย่างมากนางไม่คิดเลยว่า ฉู่จื่อซีจะได้รับพรจากโชคร้ายถึงแม้ว่าฉู่จื่อซีจะทนทุกข์ทรมานมาจากพิษนานถึงสี่ปี แต่เขากลับเป็นเพราะอาการป่วยนี้ ทำให้มีความสามารถฟังเข้าใจภาษาของสัตว์ได้นี้ทำให้เจี่ยนอันอันรู้สึกดีใจกับฉู่จื่อซีจากใจจริงไม่แน่ว่าต่อไป ความสามารถพิเศษนี้ของฉู่จื่อซียังจะใช้ประโยชน์ได้เจี่ยนอันอันปลูกถั่วแระเอาไว้มาก นางเพีย
เจี่ยนอันอันพูดกับหนู “จะให้ข้าปล่อยพวกเจ้าก็ได้ แต่ข้ามีเงื่อนไขข้อหนึ่ง”หนูทั้งหลายได้ยินคำของเจี่ยนอันอัน ก็รีบส่งเสียง “จี๊ดๆ ๆ” ดังออกมาฉู่จื่อซีบอกเจี่ยนอันอัน “หนูพวกนั้นบอกว่า ขอเพียงท่านปล่อยพวกมันไป ให้พวกมันทำอะไรก็ได้”เจี่ยนอันอันพูดออกมาอย่างเคร่งขรึม “พวกเจ้าจะต้องพูดคำไหนคำนั้น มิฉะนั้นแล้วข้าจะแทงโพรงหนูของพวกเจ้า แล้วเผาพวกเจ้าทั้งครอบครัว”หนูหลายสิบตัวนั่นรีบพยักหน้าให้เจี่ยนอันอันเจี่ยนอันอันถึงได้ซื้อน้ำมันทำความสะอาดออกมาขวดหนึ่งจากร้านค้าในห้วงมิตินางเทน้ำมันทำความสะอาดลงไปบนกระดานกาว ผ่านไปไม่นาน หนูหลายสิบตัวนั่นที่ติดอยู่บนกระดานกาว ในที่สุดก็ปีนลงมาจากบนนั้นได้พวกมันรีบคลานมายังด้านหน้าของเจี่ยนอันอัน นอนนิ่งอยู่บนพื้นไม่ไหวติงใบหน้าของหนูแต่ละตัว เผยความขี้ขลาดออกมาเจี่ยนอันอันโบกมือออกมา “พวกเจ้าไปเสียเถอะ แต่พวกเจ้าจะต้องมาตามคำเรียกของข้า”หนูหลายสิบตัวพยักหน้าให้เจี่ยนอันอัน ก่อนจะรีบวิ่งออกไปแต่พวกมันยังไม่ทันได้วิ่งออกไปไกล ก็ได้ยินเสียงร้องตะโกนของเจี่ยนอันอัน “กลับมาให้หมด!”หนูสิบกว่าตัวนั้นกายสั่นเทิ้ม รีบหันหลังแล้ววิ่งมาหาเจี
หนูตัวใหญ่เห็นว่ามีอาหารมากมายให้กิน มันก็รีบโค้งคำนับให้เจี่ยนอันอันพลางส่งเสียงร้อง “จี๊ดๆ”ฉู่จื่อซีได้ยินแล้วก็รีบอธิบายให้เจี่ยนอันอันฟัง“มันบอกว่าขอบคุณเจ้านาย วันหน้าพวกมันจะต้องตอบแทนบุญคุณใหญ่หลวงของเจ้านายอย่างแน่นอน”เจี่ยนอันอันได้ยินดังนั้นก็กล่าวอย่างพึงพอใจ “นับว่าพวกเจ้ารู้ความ วันหน้าจะต้องมีวันที่พวกเจ้าได้ตอบแทนแน่นอน”นางกล่าวจบก็พาฉู่จื่อซีกลับไปที่เรือนหนูตัวใหญ่เห็นเจี่ยนอันอันจากไปแล้วก็รีบร้องเรียกหนูตัวอื่นๆ ในโพรงพวกมันขนข้าวสารในกระสอบทั้งหมดเข้าไปในโพรงระหว่างทางขากลับ ความคิดหนึ่งวาบขึ้นในสมองเจี่ยนอันอันรอจนนางเลี้ยงดูหนูเหล่านี้จนอ้วนพีแล้วค่อยให้พวกมันทำงานให้ตนเองอัตราการขยายพันธุ์ของหนูพวกนี้เร็วมาก ในอนาคตอันใกล้ นางก็จะมีกองทัพหนูเป็นของตนเองรอจนถึงช่วงเวลาที่สุกงอมแล้ว นางก็จะใช้กองทัพหนูเหล่านี้ไปต่อกรกับกองทัพของฉู่ชางเหยียนคิดถึงตรงนี้ เจี่ยนอันอันก็เอ่ยกับฉู่จื่อซีว่า “จื่อซีอยากเห็นหนูต่อสู้กันหรือไม่?”ฉู่จื่อซีได้ยินดังนั้น ดวงตากลมโตก็พลันวาววับ“อาสะใภ้รอง ข้าไม่เคยเห็นหนูต่อสู้กันมาก่อนเลย ข้าอยากดูขอรับ”เจี่ยนอันอั
หนูตัวที่พูดกับเจี่ยนอันอันวิ่งมาตรงหน้านางแล้วร้องเสียง “จี๊ดๆ” กับนางฉู่จื่อซีอธิบายว่า “อาสะใภ้รอง หนูตัวนี้บอกว่ามันกับพวกเด็กๆ เรียกหนูทุกตัวในหมู่บ้านชิงสุ่ยมาหมดแล้วขอรับ”ฉู่จวินสิงคิดไม่ถึงเลยว่าฉู่จื่อซีจะฟังคำพูดหนูเข้าใจด้วยสายตาที่มองไปทางฉู่จื่อซีของเขาฉายแววพิศวงเจี่ยนอันอันมองหนูสามสิบกว่าตัวนั้นพลางพยักหน้าอย่างพึงพอใจนางวางกระสอบข้าวสารบนไหล่ลงบนพื้นนางกล่าวกับหนูตัวนั้นว่า “เจ้าบอกพวกมันว่าเย็นนี้จะมีการประลองต่อสู้”“ใครชนะ ข้าวสารกระสอบนี้ก็จะเป็นของผู้นั้น นอกจากนี้หนูตัวที่ชนะจะได้เป็นหัวหน้าหนูของพวกเจ้า”หลังหนูตัวนั้นได้ยิน ดวงตาก็เป็นประกายวาววับมันรีบหันไปส่งเสียงร้อง “จี๊ดๆ” บอกหนูสามสิบกว่าตัวนั้นพวกหนูที่ถูกเรียกมามองหน้ากันหนูสิบเอ็ดตัววิ่งออกมา แม้พวกมันจะผอมแห้งเหมือนท่อนฟืนแต่ก็มีขนาดใหญ่โตมากเห็นทีพวกมันล้วนอยากแย่งชิงข้าวสารกระสอบนี้เจี่ยนอันอันมองหนูสิบเอ็ดตัวที่ก้าวออกมาอย่างยิ้มแย้มนางดึงมือฉู่จวินสิงและฉู่จื่อซีถอยไปยืนข้างๆที่นี่ค่อนข้างโล่ง เป็นสถานที่ที่เหมาะกับการประลองต่อสู้ของพวกหนูพอดีเจี่ยนอันอันร้องบอกหนูพวก
สาเหตุที่เจี่ยนอันอันให้หนูตัวนั้นลงสนามรอบที่สองก็เพราะอยากให้มันสังเกตการณ์การต่อสู้เสียก่อนนางอยากให้หนูตัวนั้นเป็นผู้นำของพวกหนูแต่ไม่รู้ว่าความสามารถของมันเป็นอย่างไรการต่อสู้รองที่สองเริ่มขึ้นอย่างรวดเร็วหนูสามตัวนั้นเข้าโรมรันกันอย่างรุนแรงเหมือนเห็นคู่แค้นที่สังหารบิดาอย่างไรอย่างนั้นผ่านไปไม่นาน การประลองรอบนี้ก็สิ้นสุดลงเจี่ยนอันอันมองดูหนูตัวนั้น ดวงตาฉายแววชื่นชมนางไม่ได้มองผิดไปจริงๆ ด้วย หนูตัวนี้ค่อนข้างฉลาด มันชอบใช้กลยุทธ์บาดแผลบนตัวมันมีน้อยที่สุด แต่กลับสามารถใช้วิธีที่เด็ดขาดที่สุดในการเอาชนะหนูอีกสองตัวเมื่อการประลองผ่านไปสี่รอบ หนูผู้ชนะทั้งสี่ก็เริ่มการต่อสู้รอบสุดท้ายฉู่จื่อซีดูอย่างใจจดใจจ่อ ครั้นหนูที่พูดกับพวกตนกำชัยชนะได้แล้ว เขาก็ปรบมือโห่ร้องอย่างดีใจฉู่จวินสิงชมดูจนริมฝีปากกระตุกยิบ ทำไมเขาถึงรู้สึกเหมือนหลังจากฉู่จื่อซีพูดจาได้แล้วก็เปลี่ยนเป็นคนละคนเลยละดูเหมือนเขาจะถูกเจี่ยนอันอันกลืนกลายเสียแล้ว“อันอัน เจ้าให้หนูพวกนี้กัดกันเองเพื่ออะไรหรือ?”เจี่ยนอันอันยิ้มยิงฟัน “ข้าจะสร้างกองทัพหนู”ในที่สุดการประลองต่อสู้ก็จบลง พวกหนูท
เมื่อกินยาลงท้องไป หนูก็ได้ยินเสียงดัง ‘กึกๆ’ ในร่างกายบาดแผลตามตัวของมันหายดีอย่างรวดเร็ว แม้แต่กระดูกก็แข็งแรงขึ้นกว่าเมื่อก่อนมากนักหนูรีบคุกเข่าคำนับเจี่ยนอันอัน ปากก็ร้องส่งเสียง “จี๊ดๆ”ฉู่จื่อซีเดินเข้ามาพูดกับเจี่ยนอันอันว่า “อาสะใภ้รอง มันกำลังขอบคุณท่าน บอกว่าท่านคือพ่อแม่คนที่สองของมันขอรับ”“มันยังบอกว่ามันชื่อเถี่ยต้าน วันหน้าไม่ว่าจะให้มันบุกน้ำลุยไฟอย่างไร มันก็จะไม่บ่ายเบี่ยงแม้แต่คำเดียว”ริมฝีปากเจี่ยนอันอันกระตุกยิบ นางไม่อยากเป็นพ่อแม่คนที่สองของหนูตัวหนึ่งหรอกนะนางกล่าวกับเถี่ยต้าน “ตอนนี้เจ้าคว้าชัยชนะมาได้แล้วก็ถือว่าเป็นหัวหน้าของพวกหนู ข้าวสารกระสอบนั้นเจ้าสามารถนำกลับไปแบ่งกันกินกับสมาชิกในครอบครัว”นางกล่าวจบก็หันกลับไปหาหนูสามสิบกว่าตัวด้านหลัง“ในเมื่อพวกเจ้าแพ้แล้ว ในอนาคตก็ต้องเชื่อฟังคำสั่งของเถี่ยต้าน”“ถ้าข้ารู้ว่าพวกเจ้ามีตัวไหนไม่เชื่อฟังคำเถี่ยต้าน ก็อย่ามาโทษที่ข้าลงมืออย่างรุนแรงก็แล้วกัน”“ข้าสามารถทำให้พวกเจ้ามีชีวิตต่อไปได้ก็สามารถทำให้พวกเจ้าตายได้เหมือนกัน”“ข้าจะจุดไฟเผารังหนูของพวกเจ้า ทำให้พวกเจ้าสิ้นลูกสิ้นหลาน”“ได้ยินแล้ว
พวกเขาลืมเรื่องนี้ไปได้อย่างไรญาติที่เป็นขุนนางของลูกพี่เป็นผู้มีอิทธิพลนัก ดูแลทุกอย่างในอำเภอไถหยางก็ว่าได้เจี่ยนอันอันกล่าวเสียงเย็น “คุยมาตั้งนาน ยังไม่เห็นบอกชื่อว่าคนผู้นั้นเป็นใคร ข้าว่าคงจะแต่งเรื่องส่งเดชมากกว่า”เฝิงซานกวงถูกเจี่ยนอันอันยุยงอีกครั้ง เดิมทีเขาก็ไม่อยากเอ่ยชื่อเจ้าเมืองออกมาแต่ครั้งนี้เห็นทีไม่พูดก็ไม่ได้เสียแล้ว“ฮึ่ม พูดแล้วพวกเจ้าจะตกใจ ท่านอารองของข้าเป็นเจ้าเมืองแห่งอำเภอไถหยาง”“หากพวกเจ้ากล้าแตะต้องกิจการในเหมืองของข้า ข้าจะให้ท่านอาส่งคนมาจับพวกเจ้าไปขังคุกเสีย!”เมื่อเจี่ยนอันอันได้ยินว่าอารองของเฝิงซานกวงก็คือเจ้าเมืองตานนั่นเอง นางจึงเริ่มมีแผนการในใจ“อ้อ หมายถึงเจ้าเมืองตานผู้นั้นหรอกรึ? ยังนึกว่าเป็นคนใหญ่คนโตที่ใดเสียอีก”“เชิญไปเรียกตัวมาได้เลย แล้วเรามายันกันซึ่งหน้า ให้รู้ไปว่าเขาจะเข้าข้างเจ้า หรือเห็นด้วยกับเรามากกว่า”เฝิงซานกวงมองดูท่าทีของเจี่ยนอันอัน คล้ายไม่กลัวกระทั่งคนเป็นเจ้าเมือง จึงให้ตกใจซ้ำอีกเขาแอบคิดในใจ หรือว่าท่านอารองจะรู้จักกับคนสองคนนี้?จึงหันไปกระซิบกระซาบต่อลูกน้องข้างกาย “รีบไปเชิญอารองข้ามาเดี๋ยวนี้”
เหล่าคนงานที่เข้าออกเหมืองแร่เห็นเหตุการณ์เข้า ต่างก็ตกใจเป็นอย่างมากเพราะเป็นครั้งแรกที่พวกเขาได้เห็นลูกน้องของนายจ้างถูกผู้อื่นทำร้ายเช่นนี้แม้แต่ละคนจะมีความตกใจ แต่ลึกๆ กลับรู้สึกสะใจมากกว่าเพราะบริวารของเฝิงซานกวงเหล่านี้ ปกติมักจะใช้กำลังกับพวกเขาบ่อยๆทุกครั้งที่พวกเขาขุดหาแร่ออกมาไม่ได้ปริมาณตามที่ต้องการ ลูกน้องเฝิงซานกวงก็พากันมารุมซ้อมพวกเขาอย่างหนัก แต่พวกเขาก็ไม่กล้าไปบอกใครบางคนเคยคิดหนีไปจากที่นี่ แต่ครั้งใดที่มีผู้หลบหนี มักถูกจับกลับมาแล้วซ้อมหนักยิ่งกว่าเดิมอีกที่สำคัญพวกเขาแทบจำไม่ได้ว่าตนคือใคร บ้านช่องอยู่ที่ใดจึงได้แต่ใช้แรงกายแลกกับเงินน้อยนิดเพียงสองอีแปะในแต่ละวัน อดทนทำงานอยู่ที่นี่ต่อไปเมื่อชายสองคนถูกทำร้ายเข้า จึงมีลูกน้องเฝิงซานกวงตามออกมาอีกทุกคนเมื่อเห็นว่ามีคนมาก่อเรื่อง จึงกรูกันเข้าหาฉู่จวินสิงทันทีแต่มิต้องรอให้พวกเขามาเข้าใกล้ ฉู่จวินสิงใช้กำลังภายในซัดออกไปก่อนแล้วทุกคนต่างทยอยล้มลง พลางกลิ้งไปมา ร้องครวญครางด้วยความเจ็บปวดทันใดนั้นเอง มีเสียงหนึ่งตะคอกดังขึ้น “ผู้ใดกล้าบังอาจมาก่อเรื่องในเหมืองของข้า อยากตายหรืออย่างไร?”ใบ
แต่บัดนี้นางเปิดร้านมาสิบกว่าวัน ขายได้เพียงรูปสัตว์โลหะไม่กี่ตัวเท่านั้นเฉียวซื่อบอกเล่าสิ่งที่พบเจอให้เจี่ยนอันอันฟัง ทำให้นางเกิดความเข้าใจขึ้นทันทีที่แท้เฉียวซื่อถูกเฝิงซานกวงหลอกลวงมาแต่แรกเจี่ยนอันอันเพียงคิดว่าต่อให้นางซื้อของตกแต่งเหล่านี้กลับไป ก็มิได้ใช้ประโยชน์นักจึงนำหนูโลหะตัวเล็กในมือวางกลับที่เดิมเฉียวซื่อเห็นเจี่ยนอันอันทำเช่นเดียวกับลูกค้าอื่นในร้าน เพียงเข้ามาหยิบดูเล็กน้อย จากนั้นจึงวางของตกแต่งลงไว้ที่เดิมดูแล้วคล้ายไม่สู้ถูกใจผลงานที่นางสร้างสรรค์ออกมาเท่าใดนัก พลันเกิดความรู้สึกท้อแท้ นางคงไม่เหมาะจะทำอาชีพนี้จริงๆ กระมังหากตอนนี้สามียังอยู่ก็คงดี นางจะได้ฝึกวิชาการตีเหล็กจากเขาให้ออกมาเป็นงานอื่นบ้างและเมื่อครู่เจี่ยนอันอันรู้จากปากเฉียวซื่อ ว่าเฝิงซานกวงได้เปิดกิจการเหมืองแร่แห่งหนึ่งทุกวันจะมีคนงานไปด้านหลังภูเขาที่อยู่ห่างไกล ขุดเอาแร่เหล็กและหยกออกมา เพื่อนำกลับมาถลุงเป็นเครื่องหยกและของใช้ที่ทำจากเหล็กนางเห็นเฉียวซื่อคล้ายมีอาการท้อใจ จึงกล่าวยิ้มแย้ม “พี่เฉียว ท่านพาข้าไปดูที่เหมืองของเฝิงซานกวงก่อน ข้ามีสิ่งของบางอย่างต้องการจะซื้อ”
เจี่ยนอันอันหยิบมากวาดตาดูก็มองความผิดปกติบนนั้นออกได้ในทันที“เงื่อนไขในนี้เข้มงวดเกินไปแล้ว ถ้าฝ่ายไหนยุติสัญญาจะต้องชดเชยให้อีกฝ่ายเป็นเงินจำนวนหนึ่งแสนตำลึง”“เจ้าหมอนี่ช่างกล้าเขียน สัญญานี้เห็นได้ชัดว่าเป็นเงื่อนไขแบบมัดมือชกกันชัดๆ”“ข้าว่าท่านไม่ร่วมงานกับเขาเป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้เลย”คำพูดของเจี่ยนอันอันทำให้เฉียวซื่อใจหายวูบนางรู้จักตัวหนังสือแค่ไม่กี่ตัว นอกจากเขียนชื่อตัวเองเป็นแล้ว เงื่อนไขในนั้นนางอ่านไม่เข้าใจเลยสักนิดเฝินซานกวงเป็นคนอ่านให้นางฟัง นางรู้สึกว่าเงื่อนไขสมเหตุสมผลมากจึงลงนามในสัญญากับอีกฝ่ายแต่คิดไม่ถึงเลยว่า เฝิงซานกวงจะกล้าเล่นเล่ห์กับนางแบบนี้เดิมนั้นนางอยากยกเลิกสัญญากับอีกฝ่าย แต่กลับได้ยินเฝิงซานกวงพูดว่า ถ้านางกล้าเป็นฝ่ายยกเลิกสัญญาก็จะต้องชดเชยเงินให้เฝิงซานกวงเป็นเงินจำนวนหนึ่งแสนตำลึงตอนนั้นเฉียวซื่อตกใจยิ่งนักนางเคยไปถามเถ้าแก่ร้านข้างเคียง ฝ่ายตรงข้ามก็บอกว่าเงื่อนไขนี้เขียนไว้อย่างชัดเจน ต้องจ่ายเงินชดเชยให้อีกฝ่ายหนึ่งแสนตำลึงจริงๆเงินจำนวนมหาศาลเช่นนี้ นางจะไปหาเงินมากมายขนาดนี้มาจากที่ไหนถึงตอนนี้เฉียวซื่อจึงตระหนักว่
ตอนนี้เขาทำได้เพียงอดทนอดกลั้นต่อความเจ็บปวด ยอมรับการทุบตีจากเฉียวอี้บริเวณรอบๆ มีคนล้อมเข้ามามุงดูจำนวนมาก พวกเขาต่างชี้ไม้ชี้มือมาทางชายผู้นั้น“คนคนนี้แค่เห็นก็รู้แล้วว่าต้องไม่ใช่คนดีแน่ ดูหน้าตาทรงโจรของเขาสิ แปดส่วนคงเป็นเพราะไปหาเรื่องคนอื่นก่อน ถึงได้ถูกเด็กคนนั้นซ้อมเอาแบบนี้”“เมื่อครู่ข้าได้ยินแล้ว เขาไปลงไม้ลงมือกับแม่ของเด็กคนนั้น ข้าว่าตีเขายังน้อยไป ควรแจ้งความมากกว่า”คนมุงบริเวณรอบๆ ต่างวิพากษ์วิจารณ์กันต่างๆ นานาเฉียวอี้ควงหมัดทักทายใบหน้าของชายผู้นั้นหนักกว่าเดิมในไม่ช้า เฉียวอี้ก็ตีจนรู้สึกเจ็บกำปั้น แต่เขาก็ยังไม่มีทีท่าว่าจะหยุดจนกระทั่งอัดศีรษะชายผู้นั้นจนบวมเป่งเหมือนหมู เฉียวอี้ถึงได้หยุดมือพร้อมหอบหายใจแม้ว่ากำปั้นของเฉียวอี้จะไม่ใหญ่ แต่ครั้นทุบตีคนก็ร้ายกาจยิ่งนักเห็นใบหน้าชายผู้นั้นเขียวช้ำไปหมด เฉียวอี้ก็รู้สึกพึงพอใจเป็นอย่างมากเจี่ยนอันอันกล่าวกับชายผู้นั้นว่า “หากวันหน้าเจ้ายังกล้ามาคุกคามแม่ลูกตระกูลเฉียวอีก ข้าไม่ปล่อยให้เจ้าสบายแบบนี้แน่ ยังไม่รีบไสหัวไปอีก!”ชายผู้นั้นไม่กล้าพูดมาก ลุกขึ้นมากุมศีรษะแล้วเผ่นหนีไปคนมุงบริเวณรอบๆ เ
เจี่ยนอันอันกับฉู่จวินสิงสบตากัน“พวกเจ้ารอข้าอยู่ตรงนี้” ฉู่จวินสิงว่าแล้วก็ก้าวยาวๆ ตรงไปทางตรอกน้อยชายผู้นั้นเห็นว่าฉู่จวินสิงตรงมาทางเขาก็หันหลังเตรียมวิ่งหนีแต่เขาวิ่งไปได้ไม่กี่ก้าวก็ถูกถีบเข้าที่เอวเสียแล้วชายผู้นั้นถูกถีบกระเด็นไปไกล คว่ำหน้าอยู่บนพื้นร้องโอดโอยออกมาอย่างทนไม่ไหวฉู่จวินสิงย่างสามขุมตรงเข้าไปหาแล้วหิ้วคอเสื้อของชายผู้นั้นขึ้นมาอย่างไม่ปรานีปราศรัย“ไปกับข้า!”ฉู่จวินสิงกล่าวพลางผลักชายผู้นั้นตรงออกไปนอกตรอกชายผู้นั้นได้ลิ้มรสความร้ายกาจของฉู่จวินสิงแล้วย่อมไม่กล้าวิ่งหนีส่งเดชเขาไม่อยากถูกถีบอีกหรอกนะ จนถึงตอนนี้เอวยังระบมอยู่เลยฉู่จวินสิงผลักชายผู้นั้นมาถึงตรงหน้าเจี่ยนอันอันกับเฉียวอี้แล้วกล่าวเสียงเข้ม “บอกมา ระหว่างเจ้ากับเด็กคนนี้เป็นเรื่องอะไรกันแน่?”ชายผู้นั้นมองเฉียวอี้ แววตาเต็มไปด้วยความขุ่นแค้น“คุณชายท่านนี้ ข้าไม่รู้จักเขาเสียหน่อย เขาวิ่งออกมาถนนใหญ่เอง เรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับข้าเลยนะ”ขณะที่ชายผู้นั้นพูดก็ถลึงตาใส่เฉียวอี้อย่างดุร้ายเฉียวอี้เห็นฝ่ายตรงข้ามไม่ยอมรับ เขาเงยหน้าขึ้นมาด้วยความโมโห แล้วตวาดใส่ชายผู้นั้นว่า“ท่านโก
เจี่ยนอันอันเห็นว่าฉู่จวินสิงก่อสร้างเป็น นางก็วางใจไปได้มากนางยิ้มเอ่ยว่า “ไม่ใช่กระโจม แต่เป็นโรงเรือนสำหรับเพาะปลูกแบบหนึ่ง”นางมีความคิดคร่าวๆ ในใจแล้วจึงรีบกลับบ้านไปกับฉู่จวินสิงนางหยิบกระดาษและปากกาออกมาจากในมิติ แล้ววาดภาพร่างบนโต๊ะฉู่จวินสิงนั่งอยู่ข้างๆ ตั้งใจดูภาพร่างโรงเรือนที่เจี่ยนอันอันวาดที่นี่ไม่มีเหล็กเส้น เจี่ยนอันอันยังไม่อยากใช้เงินจำนวนมากไปซื้อจากในร้านค้านางต้องการสร้างโรงเรือนสำหรับคนในหมู่บ้านทุกคน เหล็กเส้นที่ต้องใช้จึงมีไม่น้อยหากใช้เงินไปซื้อมา นั่นไม่ใช่จำนวนเงินน้อยๆ เลยนางไม่อยากใช้เงินพวกนั้นในมิติมากเกินไป นางยังรอที่จะสนับสนุนฉู่จวินสิงขึ้นนั่งบัลลังก์ฮ่องเต้หลังจากการทำสงครามกลับเมืองจิงโจวในวันหน้าเมื่อถึงตอนนั้น เงินทองของล้ำค่าเหล่านั้นในมิติก็จะได้นำไปใช้แล้วฮ่องเต้จนกรอบคนหนึ่งที่ไม่สามารถจ่ายเบี้ยหวัดให้เหล่าขุนนางได้ ทั้งยังไม่สามารถทำให้ชาวบ้านอยู่ดีมีสุข กับฮ่องเต้ที่มั่งคั่งร่ำรวยคนหนึ่ง เงินในมือสามารถซื้อเมืองทั้งเมืองได้ชาวบ้านกับเหล่าขุนนางจะเอนเอียงไปทางคนไหนมากกว่า นั่นไม่ต้องพูดก็สามารถรู้ได้แล้วในไม่ช้า เจี่ยน
เมื่อมีชาวบ้านผ่านมาที่นี่แล้วเห็นลูกปลาในสระน้ำเข้าเขาก็ส่งเสียงด้วยความประหลาดใจทันทีว่า “แม่นางเจี่ยน เจ้าเป็นคนนำลูกปลาพวกนี้มาปล่อยไว้ในนี้หรือ?”เจี่ยนอันอันพยักหน้าพร้อมยิ้มบาง ชาวบ้านผู้นั้นเรียกคนอื่นๆ มาด้วยความดีใจทุกคนล้วนรู้สึกซาบซึ้งในความเอาใจใส่ของเจี่ยนอันอัน แบบนี้ต่อไปพวกเขาก็จะสามารถกินเนื้อปลาสดใหม่ได้แล้วชาวบ้านจำนวนมากล้วนรู้สึกยินดีเพราะเรื่องนี้ แต่มีชาวบ้านคนหนึ่งที่นิ่วหน้าคิ้วขมวดเขาอดพูดขึ้นไม่ได้ว่า “สระน้ำนี่ก็ดีอยู่หรอก แต่อากาศค่อยๆ เย็นลงแล้ว กลัวจริงๆ ว่าเมื่อถึงฤดูหนาว สระน้ำนี่ก็จะจับตัวเป็นน้ำแข็ง”“พอถึงยามนั้น อย่าว่าแต่พวกเราจะไม่ได้กินเนื้อปลา เกรงว่าแม้แต่พืชผักก็คงปลูกไม่ได้เหมือนกัน”วาจาประโยคเดียวของชาวบ้านทำให้คนอื่นๆ กลัดกลุ้มตามไปด้วยหลายวันมานี้อากาศค่อยๆ เย็นลง พวกเขาล้วนแต่เพิ่งปลูกผักทั้งยังได้รับเงินสามสิบตำลึงมาแล้วหากถึงฤดูหนาวจริงๆ พวกเขาก็ไม่สามารถปลูกผักพวกนี้ได้อีกแล้วเมื่อถึงตอนนั้น พวกเขาก็จะได้กลับไปมีชีวิตที่ยากลำบากเหมือนที่ผ่านมาอีกครั้งพวกเขาเกี่ยวข้าวไว้มากแล้ว แต่ผักพวกนี้ควรทำอย่างไรดีเล่า?หาก
เซียงเสวี่ยเห็นลูกเป็ดและลูกไก่ตัวน้อยที่อยู่ในกรง นางดีใจจนรีบมารับไป“ฮูหยินน้อยรอง อีกหน่อยเมื่อเลี้ยงเป็ดและไก่เหล่านี้จนโต พวกเราก็จะมีเนื้อเป็ดเนื้อไก่กินแล้ว”เจี่ยนอันอันยิ้มเล็กน้อย พลางมองไปยังเสิ่นจือเจิ้ง“พี่ใหญ่ เป็ดไก่เหล่านี้เพียงพอให้พวกท่านกินหลายวันสินะ”เสิ่นจือเจิ้งยิ้มตอบ “เด็กโง่ พี่ใหญ่กลับไม่คิดเช่นนั้น”เจี่ยนอันอันเลิกคิ้วเล็กน้อย “ความหมายของท่านคือ?”เสิ่นจือเจิ้งบอกเล่าความคิดของตนให้ฟังเขาตั้งใจว่าจะเลี้ยงเป็ดไก่เหล่านี้ให้โต พร้อมทำการเพาะพันธุ์ต่อจากนั้นก็ทยอยนำเป็ดไก่ไปขาย เชื่อว่าน่าจะได้เงินเป็นจำนวนมากเมื่อเป็นเช่นนี้แล้ว เขาก็ไม่ต้องอยู่อย่างยากจนข้นแค้นดั่งเช่นทุกวันนี้อีกเจี่ยนอันอันเห็นว่าวิธีนี้พอใช้ได้ ปกติพี่ใหญ่มองการณ์ไกลมากกว่านางอยู่แล้ว“ถ้าเช่นนั้นก็แล้วแต่ท่าน”เจี่ยนอันอันกล่าวจบ จึงคิดจากไปนางยังคิดจะไปดูแอ่งน้ำเสียหน่อย เผื่อจะปล่อยพันธุ์ปลาลงไปในน้ำบ้างเผื่อวันหน้าปลาโตขึ้น ชาวหมู่บ้านชิงสุ่ยก็จะมีเนื้อปลากินอีกขณะที่เจี่ยนอันอันเตรียมตัวจะออกไป กลับถูกเสิ่นจือเจิ้งเรียกตัวไว้“เมื่อคืนที่บ้านเจ้าได้เกิดเรื่อ