ฉันนิ่งปล่อยให้ตุลจูบโดยไม่ยอมเปิดปากให้เขาได้สอดลิ้นเข้ามาสำรวจภายในโพรงปาก พอเห็นว่าฉันนิ่งเขาก็ค่อย ๆ ถอนจูบออก แล้วใช้หน้าผากของตัวเองวางชนกับหน้าผากของฉัน พร้อมกับปลายจมูกที่แตะกัน สองมือหนายังจับอยู่ตรงคอไม่ยอมปล่อย ตอนนี้ลมหายใจร้อนผ่าวเริ่มสงบลง “ตอบมาว่าที่ไม่ยอมรับสายเพราะไปอยู่กับมันมาใช่ไหม?” เขาถามย้ำ “คิดสิว่าพี่จะทำแบบนั้นหรือเปล่า” “ตอบ!!” “พี่ทนไม่ไหวแล้วจริง ๆ นะตุล ทำไมต้องร้าย ทำไมต้องบังคับ ไม่ชอบก็ควรอยู่ห่างไม่ใช่หรือไง” “ทนไม่ไหวก็ต้องทน” เขาพูดเบา ๆ นั่นหมายความว่าให้ฉันทนอยู่ต่อไปแบบนี้น่ะเหรอ “ทำไมล่ะตุล ทำไมพี่ต้องทน” “…” เขาไม่ให้คำตอบกับฉันว่าทำไม “เราต้องการที่จะถอนหมั้นไม่ใช่เหรอ อย่าเบี่ยงประเด็นไปมากกว่านี้ได้ไหม”“ใช้วิธีอื่น อย่าดึงใครเข้ามาเกี่ยว”“ถ้าไม่ทำแบบนี้แล้วเราจะถอนหมั้นได้ยังไง จะใช้วิธีแบบไหนบอกมาสิ” “ยังคิดไม่ออก” เขาพูดเหมือนไม่ได้เดือดร้อนอะไรเลยทั้งที่ตัวเองไม่อยากหมั้น “งั้นพี่จะใช้วิธีของพี่ ตุลก็ใช้วิธีของตุลไปนะ โอ้ย!” ฉันร้องอุทานออกมาเพราะถูกกระชากแขนให้เดินมาที่รถ แล้วถูกกดให้นอนราบไปตรงหน้ากระโปรงรถ “จะทำอะไรอีก
“ไม่ใช่นะคะ ไม่ใช่เขา” ฉันรีบปฏิเสธ “หนูไม่ได้ท้องกับตุลนะคะคุณลุง” “ทำไมจะไม่ใช่ บอกพ่อไปสิว่าเรามีอะไรกันมานานเท่าไหร่แล้ว ก่อนที่จะถูกจับให้หมั้นกันซะอีก”“ตุล!!” แผนที่ฉันคิดมันกำลังจะพังเพราะเขานะ พูดขึ้นมาได้ยังไงว่าท้องกับตัวเองแทนที่จะนั่งเงียบ ๆ “รู้จักกันก่อนหมั้น?” พ่อของตุลขมวดคิ้วเข้มทวนคำพูดของลูกชาย“ใช่ครับ ถ้าท้องแปลว่าผมเป็นพ่อของเด็กในท้อง” “เดี๋ยวนะตอนนี้พ่อสับสนไปหมดแล้ว นี่ลูกสองคนรู้จักกันแล้วทำไมถึงไม่บอกพ่อตั้งแต่แรก” “เรื่องนั้นไม่สำคัญหรอกค่ะ ในท้องหนูไม่ใช่ลูกของตุล หนูบอกพ่อแล้วไงคะว่าหนูมีแฟนอยู่แล้ว แฟนของหนูเป็นพ่อของเด็กในท้อง” ตอนนี้ฉันกำลังแก้สถานการณ์อยู่ ทุกอย่างมันกำลังจะแย่รวมทั้งฉันด้วย คำพูดที่บอกไปก็ฟังแทบไม่ขึ้น พ่อกับคุณลุงตกใจกันทั้งคู่ “ฉันจะเป็นลม” พ่อถึงกับหน้ามืดเซไปมาจนต้องหาอะไรจับเอาไว้ ฉันรู้ว่าการทำแบบนี้จะทำให้ท่านหนักใจ แต่ไม่คิดว่ามันจะเป็นแบบนี้ไงถึงเลือกโกหกว่าตัวเองท้อง“พ่อคะคุณลุงคะ หนูหมั้นกับตุลไม่ได้จริง ๆ ค่ะ”“จะโกหกทำไม บอกความจริงไปก็สิ้นเรื่อง” ในขณะที่ฉันกำลังพยายามอย่างสุดความสามารถ ตุลเองก็พยายามจะให้ทุกค
ทำเอาอึ้งจนพูดไม่ออกเมื่อได้ยินคำพูดเมื่อกี้ของตุล ‘ทำให้ท้องจริง ๆ’ นี่เขารู้ตัวเองบ้างไหมว่าพูดเรื่องอะไรออกมา มันไม่ใช่เรื่องที่จะเอามาขู่กันเลยนะ “พูดอะไรออกมารู้ตัวบ้างหรือเปล่า” ฉันขยับใบหน้าออกห่างก่อนจะถามกลับอย่างกล้า ๆ กลัว ๆ “รู้…” ตุลตอบก่อนจะขยับมาใกล้ ๆ ทั้งที่ฉันเอนตัวหนีแล้ว เขาใช้มือคว้าจับที่เอวและรั้งไม่ให้ขยับได้ก่อนจะพูดต่อเสียงเย็น “รู้ตัวเองดีว่าพูดอะไรออกไป” “เป็นบ้าไปแล้วแน่ ๆ ตุลที่พี่รู้จักต้องทำทุกอย่างเพื่อไม่ให้เราหมั้นกันสิ แต่นี่…” ฉันจ้องมองใบหน้าคมคายด้วยสายตาที่ไม่เข้าใจ มันสับสนไปหมด คำพูดก่อนหน้านี้และการกระทำของเขามันไปคนละทิศคนละทาง “หรือจะต้องให้พิสูจน์ว่าพูดจริงทำจริงหรือเปล่า?” หมับ! แขนของฉันถูกดึง ก่อนที่ร่างจะเซไปตามแรง ตัวฉันถูกผลักให้ล้มลงบนเตียงก่อนที่ร่างหนาของตุลจะขึ้นมาคร่อม “คิดจะทำอะไร ลุกขึ้นไปเดี๋ยวนี้นะ” ฉันใช้มือเล็ก ๆ ของตัวเองทั้งสองข้างดันแผงอกแกร่งให้ออกห่าง แต่ทว่ามันไม่ได้สะทกสะท้านคนที่อยู่ด้านบนเลยสักนิด “จะบอกพ่อว่าท้องกับใคร?”“…” ฉันไม่ยอมตอบ ตอนนี้กำลังดิ้นเพื่อให้เขายอมลุกขึ้นไปสักที “จะบอกว่าท้องกับไอ้เวรนั
ฉันเดินกลับมาที่โต๊ะอาหารโดยมีสายตาของผู้ใหญ่จ้องมอง แต่ตอนนี้เฮียไปไหนแล้วก็ไม่รู้ “มีอะไรที่พ่อต้องรู้หรือเปล่า?” พ่อถามขึ้นหลังจากที่ฉันมานั่งลงบนเก้าอี้พร้อมกับตุล“เรื่องที่บอกว่าท้องมันยังไงกันแน่” ครั้งนี้พ่อของตุลถาม ฉันถอนหายใจออกมาเบา ๆ ก่อนจะตอบความจริง “หนูไม่ได้ท้องค่ะ”“แล้วทำไมถึงบอกว่าท้อง รู้ไหมว่าพ่อแทบช็อกที่ได้ยินเรื่องนั้น” “หนูไม่อยากหมั้นก็เลยสร้างเรื่องมาโกหก ตุลเองก็ไม่อยากหมั้นเหมือนกัน” “ไม่อยากหมั้นถึงขนาดสร้างเรื่องแบบนี้ขึ้นมาเลยหรือไง” “จะให้หนูทำยังไงล่ะคะ เราสองคนไม่อยาก…”“ตอนแรกผมก็ไม่อยากหมั้น” ตุลพูดแทรกขึ้นมาทั้งที่ฉันยังพูดไม่จบ “แต่ตอนนี้ผมเปลี่ยนใจแล้วครับ” “…” ฉันนั่งเงียบไม่ได้พูดอะไรต่อ เขาพูดมาแบบนั้นแล้วฉันจะทำอะไรได้ “แล้วเรื่องที่ทั้งสองคนรู้จักกันก่อนที่จะถูกจับให้หมั้น มันหมายความว่ายังไง?” พ่อของตุลถาม “นั่นสิ ทำไมไม่บอกตั้งแต่แรกว่ารู้จัก ตอนนั้นก็ทำเหมือนไม่เคยรู้จักกันมาก่อน” พ่อของฉันพูดเสริม “ผมกับ…”“หนูชอบตุลค่ะ” ครั้งนี้ฉันเป็นฝ่ายแทรกขึ้น “พ่อจำที่หนูบอกว่ามีคนที่ชอบแล้วได้หรือเปล่าคะ คนนั้นคือตุล แต่เราไม่ได้คบกัน เ
พอเห็นว่าตุลไม่ยอมพูดอะไรฉันก็จะเดินหนีเขาเข้าไปในบ้าน แต่ถูกรั้งเอาไว้ “จะบังคับอะไรอีก แค่นี้ยังไม่พอใจหรือไงพี่ยอมตุลหมดทุกอย่างแล้วนะ” ฉันพูดในเชิงประชดประชันและมันก็เป็นความจริงอย่างที่พูด“ไม่ได้อยากเอาชนะ” เสียงทุ้มพูดขึ้นก่อนจะปล่อยมือของฉันให้เป็นอิสระ ตุลเดินไปที่โรงรถปล่อยให้ฉันยืนทื่อกับคำตอบที่เพิ่งจะได้ฟัง ไม่ได้อยากเอาชนะ แล้วต้องการอะไรล่ะ ถ้าบอกว่าชอบฉันขึ้นมาแล้วมันก็ยากที่จะเชื่อนะ … ถ้ามันเป็นแบบนั้นฉันคงดีใจจนพูดไม่ออก เพราะหัวใจของตุลคือสิ่งที่ฉันต้องการมากที่สุด วันต่อมา วันนี้ฉันนัดไนท์ออกมาเลี้ยงข้าวขอบคุณที่เขาช่วย เรานัดเจอกันที่ร้านอาหารหรูชื่อดังใจกลางเมือง ทั้งที่ฉันเป็นคนนัดแท้ ๆ แต่ไนท์ก็มาถึงก่อน เขามาก่อนทุกครั้งที่นัดกัน การมากินข้าววันนี้ฉันไม่ได้บอกตุลเพราะคิดว่ามันไม่จำเป็นอะไรที่ต้องรายงานเขาทุกอย่าง เขาคงไม่ได้อยากรู้ว่าวัน ๆ หนึ่งฉันไปทำอะไรบ้าง “ขอบคุณที่ช่วยพี่นะ ^_^” พอเดินมานั่งที่โต๊ะสั่งอาหารเรียบร้อยแล้วฉันก็เอ่ยขอบคุณไนท์ “ผมเต็มใจครับ ว่าแต่ตอนนี้พี่ลิลโสดแล้วใช่ไหม” “…” ฉันจะบอกยังไงดีล่ะ สถานะมันก็โสดแต่กำลังจะหมั้นนี่สิ “
หลังจากส่งตุลแล้วฉันก็ขับรถกลับมาที่บ้าน เดินเข้าบ้านมาก็เจอพ่อก่อนเลย “พ่อกำลังเลือกดูโรงแรมเอาไว้จัดงานหมั้นให้ ลูกอยากจะเลือกดูด้วยตัวเองหรือเปล่า” “พ่ออยากได้แบบไหนก็เลือกไปเลยค่ะ หนูขอตัวขึ้นห้องก่อนนะคะ” “อย่าลืมล่ะว่าอาทิตย์หน้าต้องไปลองชุด”“ไม่ลืมค่ะ”พ่อถอนหายใจออกมาเบา ๆ เมื่อเห็นอาการของฉันเหมือนอยากจะพูดอะไรต่อแต่สุดท้ายพ่อก็ไม่พูด #ภายในห้อง ไนท์ส่งร้านมาให้ฉันเลือกว่าจะไปร้านไหน เขาส่งมาสามร้าน ฉันตัดสินใจโทรถามแพรว่าตุลชอบไปดื่มร้านไหนและร้านที่ไนท์ส่งมาให้เลือกเขาเคยไปหรือเปล่า เพราะแฟนของแพรเป็นเพื่อนของตุล ฉันว่าเขาคงจะรู้ดีจึงโทรถามดีกว่ามานั่งเดาส่ง ๆ หลังจากวางสายฉันก็ได้ข้อสรุปมาว่าตุลมีร้านที่ชอบไปดื่มประจำกับเพื่อน ส่วนสามร้านที่ไนท์ส่งมาเขาเคยไปสองร้านอีกหนึ่งร้านไม่เคยไป เพราะฉะนั้นฉันจะไปร้านที่ตุลไม่เคยไปทำไมฉันต้องคิดอะไรมากมายขนาดนี้ก็ไม่รู้ กริ๊ง~ สายเรียกเข้า ฉันที่กำลังแต่งตัวอยู่เดินมาหยิบโทรศัพท์ พอเห็นว่าเป็นเบอร์ของตุลก็นึกแปลกใจที่ช่วงนี้เขาโทรมาหาฉันบ่อย ในขณะที่กำลังลังเลว่าจะรับสายดีหรือเปล่า สายเรียกเข้าก็ตัดไป ก่อนที่ไนท์จะโทรมาฉั
คำตอบของตุลทำให้ใบหน้าของฉันเริ่มร้อนผ่าว จังหวะการเต้นของหัวใจผิดปกติ เขาไม่ได้ปฏิเสธแต่ก็ไม่ได้ยอมรับ แต่ตอบแบบปลายเปิดให้ฉันไปคิดเอง แถมตอนนี้ฉันก็กำลังคิดเข้าข้างตัวเองซะด้วยสิ แทนที่จะคิดว่าผู้ชายคนนี้เคยใจร้ายขนาดไหน แต่ทำไมนะพออยู่ด้วยกันฉันไม่คิดอะไรแบบนั้นเลย แต่คำพูดบางคำก็ทำให้ใจเต้นแรงได้แล้ว ขณะที่ฉันนั่งเขินอยู่ไนท์ก็เดินกลับมาที่โต๊ะ “ผมต้องกลับแล้วนะครับพี่ลิล ถ้ามีโอกาศผมอยากจะเจอพี่อีก”“ไม่มีโอกาส” พอไนท์พูดจบตุลก็รีบตัดบทอย่างไม่ใยดี ฉันเองก็ไม่กล้าจะโต้ตอบอะไร “ถึงบ้านแล้วผมจะทักบอกนะครับ” ไนท์บอกก่อนจะลุกขึ้น “ไม่จำเป็นต้องรายงานคู่หมั้นคนอื่น” ตุลบอกพร้อมกับจ้องไนท์ตาเขม็ง ไนท์ไม่ได้โต้ตอบอะไรเขาเดินเลี่ยงไปเพราะไม่อยากมีเรื่อง “ทำไมต้องพูดอะไรแบบนั้นกับไนท์ด้วยล่ะ”“ไม่ชอบขี้หน้ามัน”“ไม่ชอบเพราะ?”“รู้เหตุผลดีอยู่แล้วจะถามเพื่อ” ตุลพ่นลมหายใจออกมาแรง ๆ ก่อนจะดันตัวฉันให้ลุกขึ้นจากตัก เขาทำแบบนั้นก็เพราะหวงก้างอยากเอาชนะสินะ พอไนท์ไปแล้วก็ผลักไสฉัน “น้องคะเช็กบิลล์ให้พี่ด้วยค่ะ” ฉันบอกพนักงานที่กำลังเดินผ่าน หลังจากเคลียร์บิลล์เสร็จก็เดินออกมานอกร้านโ
#อู่ซ่อมรถ ฉันยอมกลับมาคุยที่อู่เพราะว่าอยากจะเคลียร์จริง ๆ อยากเคลียร์ทุก ๆ เรื่อง พอลงจากรถฉันก็เดินมานั่งที่โต๊ะหินอ่อน นั่งลงแล้วตุลก็เดินมาหยุดใกล้ ๆ “ไปคุยในห้อง”“คุยตรงนี้ก็ได้” “ไม่ได้ต้องไปคุยในห้อง” “พี่จะคุยตรงนี้เท่านั้น” ฉันยกมือขึ้นกอดอกแล้วยื่นคำขาดโดยไม่ยอมมองหน้าเขา ได้ยินเสียงคนที่ยืนอยู่พ่นลมหายใจออกมาแรง ๆ ก่อนจะนั่งกระแทกลงตรงที่นั่งข้าง ๆ ครั้งนี้ฉันหันมองตุลด้วยสีหน้าและแววตาที่จริงจัง “พี่อยากให้ตุลคิดเยอะ ๆ นะ เรื่องหมั้น มันไม่ใช่เรื่องเล่น ๆ ตอนนี้เราสองคนยังถอนตัวได้แต่ถ้าเราหมั้นกันแล้วมันยากที่จะถอยนะ” “…” ตุลเมินหน้าหนีทั้งที่ตอนนี้ฉันกำลังจริงจังอยู่ “ตุลเองก็มีผู้หญิงคนอื่นไปเรื่อย ๆ จะให้ทุกอย่างมันเป็นแบบนี้ไปถึงเมื่อไหร่ จะให้พี่จมอยู่กับคำว่าชอบตุลไปแบบนี้จนถึงเมื่อไหร่”“ตุลก็รู้นี่ว่าพี่คิดยังไง ในเมื่อไม่รักไม่ชอบเราควรจบทุกอย่างได้แล้ว พี่อยากพักแล้วตุล พี่เหนื่อยมามากแล้วจริง ๆ” “ลองคิดดูสิถ้าต้องเป็นแบบนี้ไปจนถึงวันที่เราแต่งงานแล้วมีลูกด้วยกัน เราจะตอบคำถามลูกว่ายังไงถ้าพ่อไปทางแม่ไปทาง” ตอนนี้ฉันนั่งคุยคนเดียวราวกับไม่มีใครอยู่