ทำเอาอึ้งจนพูดไม่ออกเมื่อได้ยินคำพูดเมื่อกี้ของตุล ‘ทำให้ท้องจริง ๆ’ นี่เขารู้ตัวเองบ้างไหมว่าพูดเรื่องอะไรออกมา มันไม่ใช่เรื่องที่จะเอามาขู่กันเลยนะ “พูดอะไรออกมารู้ตัวบ้างหรือเปล่า” ฉันขยับใบหน้าออกห่างก่อนจะถามกลับอย่างกล้า ๆ กลัว ๆ “รู้…” ตุลตอบก่อนจะขยับมาใกล้ ๆ ทั้งที่ฉันเอนตัวหนีแล้ว เขาใช้มือคว้าจับที่เอวและรั้งไม่ให้ขยับได้ก่อนจะพูดต่อเสียงเย็น “รู้ตัวเองดีว่าพูดอะไรออกไป” “เป็นบ้าไปแล้วแน่ ๆ ตุลที่พี่รู้จักต้องทำทุกอย่างเพื่อไม่ให้เราหมั้นกันสิ แต่นี่…” ฉันจ้องมองใบหน้าคมคายด้วยสายตาที่ไม่เข้าใจ มันสับสนไปหมด คำพูดก่อนหน้านี้และการกระทำของเขามันไปคนละทิศคนละทาง “หรือจะต้องให้พิสูจน์ว่าพูดจริงทำจริงหรือเปล่า?” หมับ! แขนของฉันถูกดึง ก่อนที่ร่างจะเซไปตามแรง ตัวฉันถูกผลักให้ล้มลงบนเตียงก่อนที่ร่างหนาของตุลจะขึ้นมาคร่อม “คิดจะทำอะไร ลุกขึ้นไปเดี๋ยวนี้นะ” ฉันใช้มือเล็ก ๆ ของตัวเองทั้งสองข้างดันแผงอกแกร่งให้ออกห่าง แต่ทว่ามันไม่ได้สะทกสะท้านคนที่อยู่ด้านบนเลยสักนิด “จะบอกพ่อว่าท้องกับใคร?”“…” ฉันไม่ยอมตอบ ตอนนี้กำลังดิ้นเพื่อให้เขายอมลุกขึ้นไปสักที “จะบอกว่าท้องกับไอ้เวรนั
ฉันเดินกลับมาที่โต๊ะอาหารโดยมีสายตาของผู้ใหญ่จ้องมอง แต่ตอนนี้เฮียไปไหนแล้วก็ไม่รู้ “มีอะไรที่พ่อต้องรู้หรือเปล่า?” พ่อถามขึ้นหลังจากที่ฉันมานั่งลงบนเก้าอี้พร้อมกับตุล“เรื่องที่บอกว่าท้องมันยังไงกันแน่” ครั้งนี้พ่อของตุลถาม ฉันถอนหายใจออกมาเบา ๆ ก่อนจะตอบความจริง “หนูไม่ได้ท้องค่ะ”“แล้วทำไมถึงบอกว่าท้อง รู้ไหมว่าพ่อแทบช็อกที่ได้ยินเรื่องนั้น” “หนูไม่อยากหมั้นก็เลยสร้างเรื่องมาโกหก ตุลเองก็ไม่อยากหมั้นเหมือนกัน” “ไม่อยากหมั้นถึงขนาดสร้างเรื่องแบบนี้ขึ้นมาเลยหรือไง” “จะให้หนูทำยังไงล่ะคะ เราสองคนไม่อยาก…”“ตอนแรกผมก็ไม่อยากหมั้น” ตุลพูดแทรกขึ้นมาทั้งที่ฉันยังพูดไม่จบ “แต่ตอนนี้ผมเปลี่ยนใจแล้วครับ” “…” ฉันนั่งเงียบไม่ได้พูดอะไรต่อ เขาพูดมาแบบนั้นแล้วฉันจะทำอะไรได้ “แล้วเรื่องที่ทั้งสองคนรู้จักกันก่อนที่จะถูกจับให้หมั้น มันหมายความว่ายังไง?” พ่อของตุลถาม “นั่นสิ ทำไมไม่บอกตั้งแต่แรกว่ารู้จัก ตอนนั้นก็ทำเหมือนไม่เคยรู้จักกันมาก่อน” พ่อของฉันพูดเสริม “ผมกับ…”“หนูชอบตุลค่ะ” ครั้งนี้ฉันเป็นฝ่ายแทรกขึ้น “พ่อจำที่หนูบอกว่ามีคนที่ชอบแล้วได้หรือเปล่าคะ คนนั้นคือตุล แต่เราไม่ได้คบกัน เ
พอเห็นว่าตุลไม่ยอมพูดอะไรฉันก็จะเดินหนีเขาเข้าไปในบ้าน แต่ถูกรั้งเอาไว้ “จะบังคับอะไรอีก แค่นี้ยังไม่พอใจหรือไงพี่ยอมตุลหมดทุกอย่างแล้วนะ” ฉันพูดในเชิงประชดประชันและมันก็เป็นความจริงอย่างที่พูด“ไม่ได้อยากเอาชนะ” เสียงทุ้มพูดขึ้นก่อนจะปล่อยมือของฉันให้เป็นอิสระ ตุลเดินไปที่โรงรถปล่อยให้ฉันยืนทื่อกับคำตอบที่เพิ่งจะได้ฟัง ไม่ได้อยากเอาชนะ แล้วต้องการอะไรล่ะ ถ้าบอกว่าชอบฉันขึ้นมาแล้วมันก็ยากที่จะเชื่อนะ … ถ้ามันเป็นแบบนั้นฉันคงดีใจจนพูดไม่ออก เพราะหัวใจของตุลคือสิ่งที่ฉันต้องการมากที่สุด วันต่อมา วันนี้ฉันนัดไนท์ออกมาเลี้ยงข้าวขอบคุณที่เขาช่วย เรานัดเจอกันที่ร้านอาหารหรูชื่อดังใจกลางเมือง ทั้งที่ฉันเป็นคนนัดแท้ ๆ แต่ไนท์ก็มาถึงก่อน เขามาก่อนทุกครั้งที่นัดกัน การมากินข้าววันนี้ฉันไม่ได้บอกตุลเพราะคิดว่ามันไม่จำเป็นอะไรที่ต้องรายงานเขาทุกอย่าง เขาคงไม่ได้อยากรู้ว่าวัน ๆ หนึ่งฉันไปทำอะไรบ้าง “ขอบคุณที่ช่วยพี่นะ ^_^” พอเดินมานั่งที่โต๊ะสั่งอาหารเรียบร้อยแล้วฉันก็เอ่ยขอบคุณไนท์ “ผมเต็มใจครับ ว่าแต่ตอนนี้พี่ลิลโสดแล้วใช่ไหม” “…” ฉันจะบอกยังไงดีล่ะ สถานะมันก็โสดแต่กำลังจะหมั้นนี่สิ “
หลังจากส่งตุลแล้วฉันก็ขับรถกลับมาที่บ้าน เดินเข้าบ้านมาก็เจอพ่อก่อนเลย “พ่อกำลังเลือกดูโรงแรมเอาไว้จัดงานหมั้นให้ ลูกอยากจะเลือกดูด้วยตัวเองหรือเปล่า” “พ่ออยากได้แบบไหนก็เลือกไปเลยค่ะ หนูขอตัวขึ้นห้องก่อนนะคะ” “อย่าลืมล่ะว่าอาทิตย์หน้าต้องไปลองชุด”“ไม่ลืมค่ะ”พ่อถอนหายใจออกมาเบา ๆ เมื่อเห็นอาการของฉันเหมือนอยากจะพูดอะไรต่อแต่สุดท้ายพ่อก็ไม่พูด #ภายในห้อง ไนท์ส่งร้านมาให้ฉันเลือกว่าจะไปร้านไหน เขาส่งมาสามร้าน ฉันตัดสินใจโทรถามแพรว่าตุลชอบไปดื่มร้านไหนและร้านที่ไนท์ส่งมาให้เลือกเขาเคยไปหรือเปล่า เพราะแฟนของแพรเป็นเพื่อนของตุล ฉันว่าเขาคงจะรู้ดีจึงโทรถามดีกว่ามานั่งเดาส่ง ๆ หลังจากวางสายฉันก็ได้ข้อสรุปมาว่าตุลมีร้านที่ชอบไปดื่มประจำกับเพื่อน ส่วนสามร้านที่ไนท์ส่งมาเขาเคยไปสองร้านอีกหนึ่งร้านไม่เคยไป เพราะฉะนั้นฉันจะไปร้านที่ตุลไม่เคยไปทำไมฉันต้องคิดอะไรมากมายขนาดนี้ก็ไม่รู้ กริ๊ง~ สายเรียกเข้า ฉันที่กำลังแต่งตัวอยู่เดินมาหยิบโทรศัพท์ พอเห็นว่าเป็นเบอร์ของตุลก็นึกแปลกใจที่ช่วงนี้เขาโทรมาหาฉันบ่อย ในขณะที่กำลังลังเลว่าจะรับสายดีหรือเปล่า สายเรียกเข้าก็ตัดไป ก่อนที่ไนท์จะโทรมาฉั
คำตอบของตุลทำให้ใบหน้าของฉันเริ่มร้อนผ่าว จังหวะการเต้นของหัวใจผิดปกติ เขาไม่ได้ปฏิเสธแต่ก็ไม่ได้ยอมรับ แต่ตอบแบบปลายเปิดให้ฉันไปคิดเอง แถมตอนนี้ฉันก็กำลังคิดเข้าข้างตัวเองซะด้วยสิ แทนที่จะคิดว่าผู้ชายคนนี้เคยใจร้ายขนาดไหน แต่ทำไมนะพออยู่ด้วยกันฉันไม่คิดอะไรแบบนั้นเลย แต่คำพูดบางคำก็ทำให้ใจเต้นแรงได้แล้ว ขณะที่ฉันนั่งเขินอยู่ไนท์ก็เดินกลับมาที่โต๊ะ “ผมต้องกลับแล้วนะครับพี่ลิล ถ้ามีโอกาศผมอยากจะเจอพี่อีก”“ไม่มีโอกาส” พอไนท์พูดจบตุลก็รีบตัดบทอย่างไม่ใยดี ฉันเองก็ไม่กล้าจะโต้ตอบอะไร “ถึงบ้านแล้วผมจะทักบอกนะครับ” ไนท์บอกก่อนจะลุกขึ้น “ไม่จำเป็นต้องรายงานคู่หมั้นคนอื่น” ตุลบอกพร้อมกับจ้องไนท์ตาเขม็ง ไนท์ไม่ได้โต้ตอบอะไรเขาเดินเลี่ยงไปเพราะไม่อยากมีเรื่อง “ทำไมต้องพูดอะไรแบบนั้นกับไนท์ด้วยล่ะ”“ไม่ชอบขี้หน้ามัน”“ไม่ชอบเพราะ?”“รู้เหตุผลดีอยู่แล้วจะถามเพื่อ” ตุลพ่นลมหายใจออกมาแรง ๆ ก่อนจะดันตัวฉันให้ลุกขึ้นจากตัก เขาทำแบบนั้นก็เพราะหวงก้างอยากเอาชนะสินะ พอไนท์ไปแล้วก็ผลักไสฉัน “น้องคะเช็กบิลล์ให้พี่ด้วยค่ะ” ฉันบอกพนักงานที่กำลังเดินผ่าน หลังจากเคลียร์บิลล์เสร็จก็เดินออกมานอกร้านโ
#อู่ซ่อมรถ ฉันยอมกลับมาคุยที่อู่เพราะว่าอยากจะเคลียร์จริง ๆ อยากเคลียร์ทุก ๆ เรื่อง พอลงจากรถฉันก็เดินมานั่งที่โต๊ะหินอ่อน นั่งลงแล้วตุลก็เดินมาหยุดใกล้ ๆ “ไปคุยในห้อง”“คุยตรงนี้ก็ได้” “ไม่ได้ต้องไปคุยในห้อง” “พี่จะคุยตรงนี้เท่านั้น” ฉันยกมือขึ้นกอดอกแล้วยื่นคำขาดโดยไม่ยอมมองหน้าเขา ได้ยินเสียงคนที่ยืนอยู่พ่นลมหายใจออกมาแรง ๆ ก่อนจะนั่งกระแทกลงตรงที่นั่งข้าง ๆ ครั้งนี้ฉันหันมองตุลด้วยสีหน้าและแววตาที่จริงจัง “พี่อยากให้ตุลคิดเยอะ ๆ นะ เรื่องหมั้น มันไม่ใช่เรื่องเล่น ๆ ตอนนี้เราสองคนยังถอนตัวได้แต่ถ้าเราหมั้นกันแล้วมันยากที่จะถอยนะ” “…” ตุลเมินหน้าหนีทั้งที่ตอนนี้ฉันกำลังจริงจังอยู่ “ตุลเองก็มีผู้หญิงคนอื่นไปเรื่อย ๆ จะให้ทุกอย่างมันเป็นแบบนี้ไปถึงเมื่อไหร่ จะให้พี่จมอยู่กับคำว่าชอบตุลไปแบบนี้จนถึงเมื่อไหร่”“ตุลก็รู้นี่ว่าพี่คิดยังไง ในเมื่อไม่รักไม่ชอบเราควรจบทุกอย่างได้แล้ว พี่อยากพักแล้วตุล พี่เหนื่อยมามากแล้วจริง ๆ” “ลองคิดดูสิถ้าต้องเป็นแบบนี้ไปจนถึงวันที่เราแต่งงานแล้วมีลูกด้วยกัน เราจะตอบคำถามลูกว่ายังไงถ้าพ่อไปทางแม่ไปทาง” ตอนนี้ฉันนั่งคุยคนเดียวราวกับไม่มีใครอยู่
ฉันไม่ได้อยากเป็นคนที่ใจอ่อนหรอกนะ ไม่อยากยอมให้เขาทุกครั้ง แต่สุดท้ายก็ยอมอ่อนให้อยู่ดี ยิ่งเขามาพูดแบบนี้ด้วยแล้วจะไม่ยอมได้ยังไง เป็นอีกครั้งที่ฉันเอามือขึ้นมาทาบที่อกข้างซ้ายของตุล ตอนนี้ใจเขามันยังเต้นแรงอยู่ สายตาคู่นั้นเอาแต่จับจ้องมองใบหน้าของฉัน“ถ้าบอกว่าเรารู้สึกเหมือนกัน แปลว่าตอนนี้ตุลกำลังชอบพี่ใช่ไหม” ตุลไม่ตอบอะไรเขาก้มหน้าลงมาใกล้ ๆ ก่อนจะใช้ปลายจมูกโด่งแตะลงมาชนกับปลายจมูกของฉัน ทำให้ตอนนี้ริมฝีปากของเราทั้งคู่มันแทบจะแนบชิดติดกัน “ตอนนี้คิดยังไง” จากที่ฉันถามกลับกลายเป็นตุลที่ถาม “พี่รู้สึกดี รู้สึกดีมาก ๆ” ฉันบอกความรู้สึกของตัวเองออกไปอย่างไม่คิดจะปิดบัง“… รู้สึกเหมือนกัน” จบคำพูดที่เหมือนจะเขิน ๆ ของตุลเขาก็กดริมฝีปากขยี้จูบบนริมฝีปากของฉัน รสชาติจูบที่เร่าร้อนทำให้ฉันเริ่มเคลิ้มไปกับมัน เรียวลิ้นตวัดเกี่ยวพันกันไปมาอย่างหิวโหย เสียงลมหายใจของความหื่นกระหายค่อย ๆ ดังขึ้นมาเรื่อย ๆ ฝ่ามือใหญ่ลูบไล้ไปทั่วทั้งตัวของฉันก่อนจะหยุดที่หน้าอก ไม่รู้ว่าตุลเป็นคนเสพติดความรุนแรงหรือเปล่า เวลาเขาบีบเคล้นหน้าอกของฉันมักจะทำแรงมาก ๆ แม้กระทั่งตอนมีอะไรกันเขาก็มักจะรุน
ตอนนี้ทั้งฉันและตุลต่างเอาแต่จ้องหน้ากัน เขาเดินไปนั่งลงบนเตียงก่อนจะพ่นลมหายใจออกมาแรง ๆ “ใส่เสื้อผ้าดี ๆ” ครั้งนี้น้ำเสียงที่เอ่ยบอกนั้นเย็นลงกว่าเมื่อครู่ “อื้อ” ฉันพยักหน้าก่อนจะหยิบเสื้อผ้ามาสวมใส่โดยมีสายตาของตุลจับจ้องมองอยู่ตลอดเวลา “ไม่หันมองทางอื่นบ้างเหรอ?” เพราะความเขินอายทำให้ฉันต้องถามออกไป ท่ามกลางความเงียบสักพักตุลก็ตอบ “ตรงนี้มันน่ามองมากกว่า” เขาพูดขณะที่สายตาจับจ้องมองเรือนร่างของฉัน ตอบมาแบบนี้จะไม่ให้เขินได้ยังไงล่ะ ฉันไม่ลงไปนอนดิ้นที่พื้นก็ดีแล้ว “เลิกเรียนกี่โมงเหรอ” ฉันหาเรื่องคุยเพื่อไม่ให้ตัวเองเขินเขาไปมากกว่านี้ “บ่าย” “เลิกเรียนแล้วจะไปไหน” “เมื่อคืนที่พูดหมายความแบบนั้นจริง ๆ” แทนที่จะตอบคำถามแต่เขากลับหยิบยกเรื่องเมื่อคืนมาพูด ทำเอาฉันไปต่อไม่เป็น “ทำไมถึงเงียบ?” พอเห็นว่าฉันเงียบเขาก็เลิกคิ้วถาม “จะให้พี่พูดอะไรต่อล่ะ ตอนนี้มันเหมือนฝันอยู่เลย” ฉันยกมือขึ้นมาจับหน้าตัวเองเบา ๆ ก่อนที่ตุลจะลุกขึ้นมายืนประจันหน้าแล้วมองนิ่ง ๆ จู่ ๆ เขาก็กดริมฝีปากลงมาบดขยี้ริมฝีปากของฉันโดยไม่ทันได้ตั้งตัว แต่เพียงแค่ครู่เดียวก็ถอนจูบออก “ไม่ใช่ความฝัน” พูดจบ