พอเห็นว่าตุลไม่ยอมพูดอะไรฉันก็จะเดินหนีเขาเข้าไปในบ้าน แต่ถูกรั้งเอาไว้ “จะบังคับอะไรอีก แค่นี้ยังไม่พอใจหรือไงพี่ยอมตุลหมดทุกอย่างแล้วนะ” ฉันพูดในเชิงประชดประชันและมันก็เป็นความจริงอย่างที่พูด“ไม่ได้อยากเอาชนะ” เสียงทุ้มพูดขึ้นก่อนจะปล่อยมือของฉันให้เป็นอิสระ ตุลเดินไปที่โรงรถปล่อยให้ฉันยืนทื่อกับคำตอบที่เพิ่งจะได้ฟัง ไม่ได้อยากเอาชนะ แล้วต้องการอะไรล่ะ ถ้าบอกว่าชอบฉันขึ้นมาแล้วมันก็ยากที่จะเชื่อนะ … ถ้ามันเป็นแบบนั้นฉันคงดีใจจนพูดไม่ออก เพราะหัวใจของตุลคือสิ่งที่ฉันต้องการมากที่สุด วันต่อมา วันนี้ฉันนัดไนท์ออกมาเลี้ยงข้าวขอบคุณที่เขาช่วย เรานัดเจอกันที่ร้านอาหารหรูชื่อดังใจกลางเมือง ทั้งที่ฉันเป็นคนนัดแท้ ๆ แต่ไนท์ก็มาถึงก่อน เขามาก่อนทุกครั้งที่นัดกัน การมากินข้าววันนี้ฉันไม่ได้บอกตุลเพราะคิดว่ามันไม่จำเป็นอะไรที่ต้องรายงานเขาทุกอย่าง เขาคงไม่ได้อยากรู้ว่าวัน ๆ หนึ่งฉันไปทำอะไรบ้าง “ขอบคุณที่ช่วยพี่นะ ^_^” พอเดินมานั่งที่โต๊ะสั่งอาหารเรียบร้อยแล้วฉันก็เอ่ยขอบคุณไนท์ “ผมเต็มใจครับ ว่าแต่ตอนนี้พี่ลิลโสดแล้วใช่ไหม” “…” ฉันจะบอกยังไงดีล่ะ สถานะมันก็โสดแต่กำลังจะหมั้นนี่สิ “
หลังจากส่งตุลแล้วฉันก็ขับรถกลับมาที่บ้าน เดินเข้าบ้านมาก็เจอพ่อก่อนเลย “พ่อกำลังเลือกดูโรงแรมเอาไว้จัดงานหมั้นให้ ลูกอยากจะเลือกดูด้วยตัวเองหรือเปล่า” “พ่ออยากได้แบบไหนก็เลือกไปเลยค่ะ หนูขอตัวขึ้นห้องก่อนนะคะ” “อย่าลืมล่ะว่าอาทิตย์หน้าต้องไปลองชุด”“ไม่ลืมค่ะ”พ่อถอนหายใจออกมาเบา ๆ เมื่อเห็นอาการของฉันเหมือนอยากจะพูดอะไรต่อแต่สุดท้ายพ่อก็ไม่พูด #ภายในห้อง ไนท์ส่งร้านมาให้ฉันเลือกว่าจะไปร้านไหน เขาส่งมาสามร้าน ฉันตัดสินใจโทรถามแพรว่าตุลชอบไปดื่มร้านไหนและร้านที่ไนท์ส่งมาให้เลือกเขาเคยไปหรือเปล่า เพราะแฟนของแพรเป็นเพื่อนของตุล ฉันว่าเขาคงจะรู้ดีจึงโทรถามดีกว่ามานั่งเดาส่ง ๆ หลังจากวางสายฉันก็ได้ข้อสรุปมาว่าตุลมีร้านที่ชอบไปดื่มประจำกับเพื่อน ส่วนสามร้านที่ไนท์ส่งมาเขาเคยไปสองร้านอีกหนึ่งร้านไม่เคยไป เพราะฉะนั้นฉันจะไปร้านที่ตุลไม่เคยไปทำไมฉันต้องคิดอะไรมากมายขนาดนี้ก็ไม่รู้ กริ๊ง~ สายเรียกเข้า ฉันที่กำลังแต่งตัวอยู่เดินมาหยิบโทรศัพท์ พอเห็นว่าเป็นเบอร์ของตุลก็นึกแปลกใจที่ช่วงนี้เขาโทรมาหาฉันบ่อย ในขณะที่กำลังลังเลว่าจะรับสายดีหรือเปล่า สายเรียกเข้าก็ตัดไป ก่อนที่ไนท์จะโทรมาฉั
คำตอบของตุลทำให้ใบหน้าของฉันเริ่มร้อนผ่าว จังหวะการเต้นของหัวใจผิดปกติ เขาไม่ได้ปฏิเสธแต่ก็ไม่ได้ยอมรับ แต่ตอบแบบปลายเปิดให้ฉันไปคิดเอง แถมตอนนี้ฉันก็กำลังคิดเข้าข้างตัวเองซะด้วยสิ แทนที่จะคิดว่าผู้ชายคนนี้เคยใจร้ายขนาดไหน แต่ทำไมนะพออยู่ด้วยกันฉันไม่คิดอะไรแบบนั้นเลย แต่คำพูดบางคำก็ทำให้ใจเต้นแรงได้แล้ว ขณะที่ฉันนั่งเขินอยู่ไนท์ก็เดินกลับมาที่โต๊ะ “ผมต้องกลับแล้วนะครับพี่ลิล ถ้ามีโอกาศผมอยากจะเจอพี่อีก”“ไม่มีโอกาส” พอไนท์พูดจบตุลก็รีบตัดบทอย่างไม่ใยดี ฉันเองก็ไม่กล้าจะโต้ตอบอะไร “ถึงบ้านแล้วผมจะทักบอกนะครับ” ไนท์บอกก่อนจะลุกขึ้น “ไม่จำเป็นต้องรายงานคู่หมั้นคนอื่น” ตุลบอกพร้อมกับจ้องไนท์ตาเขม็ง ไนท์ไม่ได้โต้ตอบอะไรเขาเดินเลี่ยงไปเพราะไม่อยากมีเรื่อง “ทำไมต้องพูดอะไรแบบนั้นกับไนท์ด้วยล่ะ”“ไม่ชอบขี้หน้ามัน”“ไม่ชอบเพราะ?”“รู้เหตุผลดีอยู่แล้วจะถามเพื่อ” ตุลพ่นลมหายใจออกมาแรง ๆ ก่อนจะดันตัวฉันให้ลุกขึ้นจากตัก เขาทำแบบนั้นก็เพราะหวงก้างอยากเอาชนะสินะ พอไนท์ไปแล้วก็ผลักไสฉัน “น้องคะเช็กบิลล์ให้พี่ด้วยค่ะ” ฉันบอกพนักงานที่กำลังเดินผ่าน หลังจากเคลียร์บิลล์เสร็จก็เดินออกมานอกร้านโ
#อู่ซ่อมรถ ฉันยอมกลับมาคุยที่อู่เพราะว่าอยากจะเคลียร์จริง ๆ อยากเคลียร์ทุก ๆ เรื่อง พอลงจากรถฉันก็เดินมานั่งที่โต๊ะหินอ่อน นั่งลงแล้วตุลก็เดินมาหยุดใกล้ ๆ “ไปคุยในห้อง”“คุยตรงนี้ก็ได้” “ไม่ได้ต้องไปคุยในห้อง” “พี่จะคุยตรงนี้เท่านั้น” ฉันยกมือขึ้นกอดอกแล้วยื่นคำขาดโดยไม่ยอมมองหน้าเขา ได้ยินเสียงคนที่ยืนอยู่พ่นลมหายใจออกมาแรง ๆ ก่อนจะนั่งกระแทกลงตรงที่นั่งข้าง ๆ ครั้งนี้ฉันหันมองตุลด้วยสีหน้าและแววตาที่จริงจัง “พี่อยากให้ตุลคิดเยอะ ๆ นะ เรื่องหมั้น มันไม่ใช่เรื่องเล่น ๆ ตอนนี้เราสองคนยังถอนตัวได้แต่ถ้าเราหมั้นกันแล้วมันยากที่จะถอยนะ” “…” ตุลเมินหน้าหนีทั้งที่ตอนนี้ฉันกำลังจริงจังอยู่ “ตุลเองก็มีผู้หญิงคนอื่นไปเรื่อย ๆ จะให้ทุกอย่างมันเป็นแบบนี้ไปถึงเมื่อไหร่ จะให้พี่จมอยู่กับคำว่าชอบตุลไปแบบนี้จนถึงเมื่อไหร่”“ตุลก็รู้นี่ว่าพี่คิดยังไง ในเมื่อไม่รักไม่ชอบเราควรจบทุกอย่างได้แล้ว พี่อยากพักแล้วตุล พี่เหนื่อยมามากแล้วจริง ๆ” “ลองคิดดูสิถ้าต้องเป็นแบบนี้ไปจนถึงวันที่เราแต่งงานแล้วมีลูกด้วยกัน เราจะตอบคำถามลูกว่ายังไงถ้าพ่อไปทางแม่ไปทาง” ตอนนี้ฉันนั่งคุยคนเดียวราวกับไม่มีใครอยู่
ฉันไม่ได้อยากเป็นคนที่ใจอ่อนหรอกนะ ไม่อยากยอมให้เขาทุกครั้ง แต่สุดท้ายก็ยอมอ่อนให้อยู่ดี ยิ่งเขามาพูดแบบนี้ด้วยแล้วจะไม่ยอมได้ยังไง เป็นอีกครั้งที่ฉันเอามือขึ้นมาทาบที่อกข้างซ้ายของตุล ตอนนี้ใจเขามันยังเต้นแรงอยู่ สายตาคู่นั้นเอาแต่จับจ้องมองใบหน้าของฉัน“ถ้าบอกว่าเรารู้สึกเหมือนกัน แปลว่าตอนนี้ตุลกำลังชอบพี่ใช่ไหม” ตุลไม่ตอบอะไรเขาก้มหน้าลงมาใกล้ ๆ ก่อนจะใช้ปลายจมูกโด่งแตะลงมาชนกับปลายจมูกของฉัน ทำให้ตอนนี้ริมฝีปากของเราทั้งคู่มันแทบจะแนบชิดติดกัน “ตอนนี้คิดยังไง” จากที่ฉันถามกลับกลายเป็นตุลที่ถาม “พี่รู้สึกดี รู้สึกดีมาก ๆ” ฉันบอกความรู้สึกของตัวเองออกไปอย่างไม่คิดจะปิดบัง“… รู้สึกเหมือนกัน” จบคำพูดที่เหมือนจะเขิน ๆ ของตุลเขาก็กดริมฝีปากขยี้จูบบนริมฝีปากของฉัน รสชาติจูบที่เร่าร้อนทำให้ฉันเริ่มเคลิ้มไปกับมัน เรียวลิ้นตวัดเกี่ยวพันกันไปมาอย่างหิวโหย เสียงลมหายใจของความหื่นกระหายค่อย ๆ ดังขึ้นมาเรื่อย ๆ ฝ่ามือใหญ่ลูบไล้ไปทั่วทั้งตัวของฉันก่อนจะหยุดที่หน้าอก ไม่รู้ว่าตุลเป็นคนเสพติดความรุนแรงหรือเปล่า เวลาเขาบีบเคล้นหน้าอกของฉันมักจะทำแรงมาก ๆ แม้กระทั่งตอนมีอะไรกันเขาก็มักจะรุน
ตอนนี้ทั้งฉันและตุลต่างเอาแต่จ้องหน้ากัน เขาเดินไปนั่งลงบนเตียงก่อนจะพ่นลมหายใจออกมาแรง ๆ “ใส่เสื้อผ้าดี ๆ” ครั้งนี้น้ำเสียงที่เอ่ยบอกนั้นเย็นลงกว่าเมื่อครู่ “อื้อ” ฉันพยักหน้าก่อนจะหยิบเสื้อผ้ามาสวมใส่โดยมีสายตาของตุลจับจ้องมองอยู่ตลอดเวลา “ไม่หันมองทางอื่นบ้างเหรอ?” เพราะความเขินอายทำให้ฉันต้องถามออกไป ท่ามกลางความเงียบสักพักตุลก็ตอบ “ตรงนี้มันน่ามองมากกว่า” เขาพูดขณะที่สายตาจับจ้องมองเรือนร่างของฉัน ตอบมาแบบนี้จะไม่ให้เขินได้ยังไงล่ะ ฉันไม่ลงไปนอนดิ้นที่พื้นก็ดีแล้ว “เลิกเรียนกี่โมงเหรอ” ฉันหาเรื่องคุยเพื่อไม่ให้ตัวเองเขินเขาไปมากกว่านี้ “บ่าย” “เลิกเรียนแล้วจะไปไหน” “เมื่อคืนที่พูดหมายความแบบนั้นจริง ๆ” แทนที่จะตอบคำถามแต่เขากลับหยิบยกเรื่องเมื่อคืนมาพูด ทำเอาฉันไปต่อไม่เป็น “ทำไมถึงเงียบ?” พอเห็นว่าฉันเงียบเขาก็เลิกคิ้วถาม “จะให้พี่พูดอะไรต่อล่ะ ตอนนี้มันเหมือนฝันอยู่เลย” ฉันยกมือขึ้นมาจับหน้าตัวเองเบา ๆ ก่อนที่ตุลจะลุกขึ้นมายืนประจันหน้าแล้วมองนิ่ง ๆ จู่ ๆ เขาก็กดริมฝีปากลงมาบดขยี้ริมฝีปากของฉันโดยไม่ทันได้ตั้งตัว แต่เพียงแค่ครู่เดียวก็ถอนจูบออก “ไม่ใช่ความฝัน” พูดจบ
ผ่านไปครึ่งเขาก็ยังเงียบ จะรู้บ้างไหมว่าการที่เขาขอเวลาแต่เป็นแบบนี้ทันทำให้เสียความรู้สึกขนาดไหน “ก็ไม่ได้ยุ่งขนาดนั้น” ในที่สุดเขาก็ยอมพูด “ไม่ได้ยุ่งขนาดนั้น? แล้วถ้าตอนนี้ไนท์โทรมาสาบานไหมว่าจะไม่แย่งโทรศัพท์ไป” เป็นอีกครั้งที่ตุลเงียบ ใช่สิเพราะเขาทำไม่ได้ “ไม่อยากทะเลาะ” “ถ้าไม่อยากทะเลาะก็ให้พี่กลับบ้าน” “ไม่ให้กลับ” แขนของฉันถูกลากให้เดินเซมาที่เตียง ตุลนั่งลงบนเตียงก่อนจะรั้งให้ฉันนั่งลงบนตักแกร่งของตัวเองพร้อมกับใช้วงแขนคล้องเอวเอาไว้แบบหลวม ๆ ความเงียบเข้าปกคลุมอีกครั้ง ฉันสูดลมหายใจเข้าลึก ๆ ก่อนจะพูดคำ ๆ หนึ่งออกไป “ถ้าไม่คิดจะลืมคนในใจก็ไม่ควรมาขอเวลาจากพี่นะตุล” ใบหน้าคมคายซบลงมาที่แผ่นหลังของฉันพร้อมกับพ่นลมหายใจร้อนผ่าวออกมา แล้วตอบ “ไม่ใช่แบบนั้น” “ไม่ใช่แบบนั้นคืออะไร แค่พี่จับโทรศัพท์ยังถูกจ้องเขม็งขนาดนั้น พี่เป็นคนนะมีความรู้สึก ที่ผ่านมายังทำให้พี่เสียความรู้สึกไม่พออีกหรือไง” “ทำไมผู้หญิงถึงชอบคิดเยอะแบบนี้วะ!” ตุลสบถเบา ๆ เขารู้สึกหงุดหงิดที่ฉันเป็นแบบนี้ แต่ผลมันก็มาจากการกระทำของเขานั่นแหละ “พี่บอกแล้วไงอย่ายื้อเวลา เราควรจบทุกอย่าง” เป็นครั้งที
ด้วยนิสัยที่ฉันมักจะยอมให้ตุลทุก ๆ ครั้ง ไม่ว่าจะเรื่องอะไร ครั้งนี้ก็เหมือนกัน… ฉันยอมเขา เสื้อผ้าของฉันและตุลหลุดออกไปจากร่างกายทีละชิ้น ๆ ในตอนนี้เราทั้งคู่เปลือยเปล่า ริมฝีปากหนาก้มลงมาตะโบมดูดเลียหน้าอกทั้งสองเต้าสลับกันพร้อมกับใช้มือบีบเคล้น เสียงหายใจของเราทั้งคู่มันดังขึ้นมาเรื่อย ๆ บ่งบอกถึงความต้องการที่มันพลุ่งพล่านในร่างกายตอนนี้ ตุลลากไล้ริมฝีปากขึ้นมาที่ซอกคอ เขาขบเม้มแล้วกัดเบา ๆ ก่อนจะขยับเลื่อนขึ้นมาที่ใบหู ลิ้นสากตวัดเลียใบหูของฉันจนเปียกชุ่มปิดท้ายด้วยการงับเบา ๆ แล้วลากไล้ริมฝีปากมาที่พวงแก้ม เขาค่อย ๆ พรมจูบอย่างนุ่มนวลไปจนทั่วใบหน้าของฉัน “พี่ขอทำให้ตุลได้ไหม” กว่าจะรวบรวมความกล้าเพื่อขออะไรแบบนี้มันไม่ใช่เรื่องง่าย แต่ก็อยากลองทำให้เขาดูสักครั้ง “อยากทำ?” ตุลขมวดคิ้ว เขาคงไม่คิดว่าจะได้ยินคำนี้ แล้วก็ไม่เคยขอร้องให้ฉันทำ“อ… อื้อ” หลังจากพยักหน้าตอบ ตุลก็ผละตัวขึ้นเปลี่ยนท่าเป็นนอนหงาย แก่นกายใหญ่ที่ไร้เครื่องป้องกันสวมใส่มันผงาดได้ที่ ฉันค่อย ๆ เอื้อมมือมาจับเจ้าความใหญ่ยาว แน่นอนว่ามือเล็ก ๆ จะไปกำมันรอบได้ยังไงไม่มีทาง แก่นกายขนาดใหญ่ตรงหน้าทำให้ฉันอึ้
เช้าวันต่อมา ตื่นมาก็ไม่เจอคนที่เคยนอนอยู่ข้างๆ แล้ว โทรหาก็ไม่รับสาย วันนี้ตุลไม่ได้ไปเรียนพรุ่งนี้ก็ด้วยเขาจะไปไหนได้ ถ้าจะกลับบ้านหรืออู่ก็น่าจะทิ้งข้อความบอก เดินหาแทบทั้งบ้านในที่สุดก็เจอที่สวนดอกไม้ ทั้งที่พรุ่งนี้ก็จะเป็นวันสำคัญของเราแล้วแท้ๆ แต่ตุลยังทำตัวชิวอยู่อีก อาจเป็นเพราะทุกอย่างเตรียมพร้อมหมดแล้ว แต่เขาก็ควรแสดงความตื่นเต้นมากกว่าการมาปลูกดอกไม้แบบนี้สิ “ว่าที่เจ้าบ่าวทำตัวชิวจังเลยนะคะ” ฉันพูดแซวก่อนที่ตุลจะหันมายิ้ม สองมือของเขาเปื้อนดินเต็มไปหมด “เขาว่าคนท้องมองดอกไม้แล้วจะทำให้อารมณ์ดีขึ้น เป็นไงอารมณ์ดีบ้างไหม?” เรื่องหาข้อมูลต้องยกให้เขาเป็นที่หนึ่งจริงๆ “อารมณ์ดีสิ แต่ตุลลืมอะไรไปหรือเปล่าเดี๋ยวเราก็ต้องย้ายไปอยู่บ้านหลังใหม่แล้วนะ” พ่อของตุลซื้อบ้านให้เป็นเรือนหอของเรา แต่คงต้องตกแต่งอีกสักหน่อยยังไม่ได้ย้ายไปกระทันหัน“อีกตั้งสองสามเดือนกว่าจะได้ย้ายไป จะปลูกไว้ที่นี่แล้วก็ที่บ้านหลังใหม่ด้วยเลย” “ตามใจแล้วกัน” ฉันเดินมาดูใกล้ๆ เห็นว่าตุลาตั้งใจกับการปลูกดอกไม้เอามากๆ “มา เดี๋ยวพี่ช่วยปลูก”“ไม่ต้องๆ แค่ไปนั่งให้กำลังใจตรงนั้นก็พอ” พอจะช่วยก็ถูกสั่งให้
ฉันไม่ได้แกะผ้าปิดตาออกเพราะเคลิ้มไปกับเพลงที่ตุลร้อง จนกระทั่งจบเพลง บรรยากาศกลับมาเงียบสงัดอีกครั้ง ไม่นานผ้าที่ปิดตาฉันก็ถูกเอาออกไป เดาไม่ยากว่าคนที่ยืนตรงหน้าฉันตอนนี้เขากำลังเขิน คงเป็นเพราะที่ผ่านมาตุลไม่เคยทำอะไรแบบนี้เลย แม้แต่การดีดกีตาร์ร้องเพลงฉันก็ไม่รู้ว่าเขาทำได้ “แฟนพี่ร้องเพลงเพราะนะเนี่ย ไม่เห็นเคยร้องให้ฟังบ้างเลย ^_^”“ไม่ได้ทำเป็นแต่แรกหรอก เพิ่งไปเรียนเมื่อเดือนที่แล้ว” “เรียน? หมายถึงดีดกีตาร์ร้องเพลงน่ะหรอ” “อือ” ตุลพยักหน้า ใครจะไปเชื่อ ภายในเวลาแค่เดือนเดียวเขาทำได้ขนาดนี้เชียวหรอ “คิดยังไงถึงไปเรียน” “อยากมีโมเมนต์หวานๆ กับเมียบ้าง”“ขอบคุณนะ ^_^”ฉันให้รางวัลด้วยการหอมแก้มเขาไปหนึ่งที จากนั้นก็มองไปยังโต๊ะดินเนอร์ที่ตุลเตรียมไว้ “ว้าว! นี่ตุลทำเองจริงๆ หรอเนี่ย” ถึงกับต้องตาลุกวาวเป็นประกายเมื่อเห็นโต๊ะอาหารที่ถูกจัดแต่งอย่างกับมืออาชีพมาทำด้วยตัวเอง แถมบรรยากาศรอบๆ ก็มีไฟติดอยู่หลากหลายสี สองข้างทางเดินไปที่โต๊ะมีเทียนวางอยู่เป็นทางยาว “มันดูไม่น่าเชื่อขนาดนั้น?” “เปล่า พี่แค่ไม่คิดว่าตุลจะทำออกมาสวยขนาดนี้” “ชอบไหม?”“ชอบสิ ชอบมากๆ ^_^” “หิวห
เวลาผ่านไป อีกแค่สองวันฉันกับตุลก็จะได้เข้าหอด้วยกันในฐานะสามีภรรยาแล้ว ที่ผ่านมาค่อนข้างยุ่งทั้งเรื่องเตรียมของชำร่วย เช็คความเรียบร้อยของสถานที่ ลองชุดเจ้าบ่าวเจ้าสาว การ์ดซองเชิญแขก มันยุ่งมากๆ ทำให้ฉันกับตุลแทบจะไม่ได้พักกันเลย ถึงแม้พ่อของเราสองคนบอกว่าจะช่วยจัดการอีกแรง แต่ในฐานะที่ฉันกับตุลเป็นเจ้าของงานก็อยากจะมีส่วนร่วม หลังจากผ่านความวุ่นวายไปแล้ววันนี้คุณแม่ท้องอ่อนอย่างฉันก็ได้พักผ่อนที่บ้านสักที ส่วนตุลก็ติดเรียน วันนี้เป็นอีกหนึ่งวันที่แสนจะพิเศษ เพราะมีนัดดินเนอร์กินข้าวใต้แสงเทียนเพิ่มความหวานก่อนแต่งงาน แค่ได้ฟังตุลพูดฉันก็ดีใจปลื้มปริ่ม ตั้งแต่คบกันมานี่คือครั้งแรกที่เราสองคนได้ดินเนอร์ด้วยกัน ฉันสั่งของขวัญมาเซอร์ไพรส์เขาด้วยแหละ ตาตุลเห็นต้องชอบแน่ๆ ตอนนี้ฉันกำลังยืนมองดูเสื้อผ้าในตู้อย่างพิจารณา ก่อนจะหยิบมาทาบกับตัวเพื่อดูว่าจะใส่ชุดไหนดี ดินเนอร์ทั้งทีก็ต้องแต่งตัวสวยๆ หน่อยสิ ใช่ไหมล่ะ ประมาณสามชั่วโมงผ่านไป ตุลกลับมาจากมหาวิทยาลัยแล้ว วันนี้เขาดูกระตือรือร้นถือของมาเต็มไม้เต็มมือไปหมด “ซื้ออะไรมาเยอะแยะเลย” “ของจัดโต๊ะ ไม่รู้จะใช้แบบไหนดีเลยซื้อมาหลายๆ
ฉันบอกให้ตุลรอที่หน้าประตูบ้านแล้วเป็นฝ่ายไปหาเขาเอง ใบหน้าที่สลดของเขาทำให้รู้สึกหมั่นไส้อยากจะหยิกสักที“เมียจ๋าเค้าขอโทษ ความหึงมันบังตา ขอโทษจริงๆ ต่อไปจะไม่คิดอะไรแบบนั้นอีก” ตุลพูดเสียงเล็กเสียงน้อยพร้อมกับทำหน้าสำนึกผิด แต่ฉันคงไม่ยอมง่ายๆ ต้องสั่งสอนสักหน่อย “ถอดเสื้อผ้าออกให้หมด” ฉันยืนกอดอกวางมาดออกคำสั่ง ส่วนคนที่ได้ฟังก็ถึงกับขมวดคิ้วเป็นปม “ถอดทำไม ?” “บอกให้ถอดก็ถอด ถามมาก!” “แต่ตรงนี้มีคนอยู่นะลิล ถ้าจะทำเรื่องสิบแปดบวกเราไปทำที่ห้องกันดีกว่าไหม” ความคิดนี้มันชี้ชัดได้แล้วว่าในหัวของเขามีแต่เรื่องบนเตียงจริงๆ “ใครจะทำเรื่องลามกแบบนั้นกันล่ะ” “อ้าว! แล้วให้ถอดทำไม”“ถอดเสื้อผ้าแล้วไปวิ่งรอบสนามหญ้ายี่สิบรอบ” “ละ…ลิล” ตุลเรียกชื่อฉันเสียงอ่อย สีหน้าของเขาเริ่มซีดเผือดขึ้นมาทันที “ถ้าอยากให้พี่หายโกรธก็ต้องทำ” “ถ้าทำแล้วต้องหายโกรธจริงๆ นะ”“ถอดสิ” ถึงแม้จะไม่เต็มใจแต่ตุลก็ยอมถอดเสื้อผ้าออกจนเหลือแค่เพียงบ็อกเซอร์สีดำตัวโปรดที่เขาชอบใส่กับเสื้อของฉันที่เขาพกติดตัวไม่ยอมวาง “ต้องถอดนี่ด้วยไหม” ตุลชี้ไปที่บ็อกเซอร์ชิ้นสุดท้ายบนร่างกายของตัวเอง “ไม่ต้อง”“ถ้าอย่างน
เมื่อคืนจำได้ว่าไม่ยอมให้ตุลดูดนมแต่ไหงตื่นเช้ามาริมฝีปากของเขาดันคาบอยู่ที่หน้าอกฉันได้ คงแอบตอนเผลอหลับแน่ๆ เช้าวันนี้ฉันอารมณ์ดีขึ้นไม่หงุดหงิดเหมือนเมื่อคืนแล้ว อย่าว่าแต่อารมณ์ของตุลแปรปรวนเลยอารมณ์ของฉันก็ไม่ต่างกัน “ตื่นได้แล้วตุล” วันนี้ไม่มีเรียนเขาจึงตื่นสายได้“อือ ขอดูดนมต่ออีกหน่อย” ดูเขาสิ ถ้าไม่ใช่แฟนฉันคงคิดว่าเป็นลูกแน่ๆ “วันนี้เราต้องไปลองชุดแต่งงานนะ”“ไปไม่ไหว เพลีย เหนื่อย อ้วกทั้งคืน” เขาบอกแล้วก็ปรือตาขึ้นมามอง ใบหน้าคมคายที่หล่อเหลาตอนนี้โทรมลงอย่างเห็นได้ชัด “อ้วกด้วยหรอเมื่อคืน” “อือ” วงแขนแกร่งกำชับกอดอย่างออดอ้อน “โทรนัดให้ร้านเอาชุดมาให้ลองที่บ้านดีไหม”“แบบนั้นก็ได้” ฉันพยักหน้าตอบ ให้ร้านเอาชุดมาให้ลองที่บ้านก็ดีเหมือนกัน สะดวกสบาย “แบบนี้จะเป็นเจ้าบ่าวไหวหรอ เลื่อนงานแต่งของเราออกไปก่อนจนกว่าตุลจะดีขึ้น……”“ไม่เลื่อน!!” ตุลตอบกลับมาเสียงแข็งทั้งที่ตอนแรกยังใช้เสียงออดอ้อนอยู่เลย “ไม่เห็นต้องเสียงแข็งใส่กันเลยนี่ พี่ตกใจนะ” “อือขอโทษครับ ก็ไม่อยากให้เลื่อนไงไม่ได้ตั้งใจขึ้นเสียงใส่สักหน่อย” “ลุกขึ้นไปอาบน้ำเลย เดี๋ยวพี่จะโทรบอกให้ร้านเสื้อเอาชุด
ตรวจคำผิดย้อนหลัง————ในเมื่อมันเป็นความต้องการของแฟนเด็กฉันก็ไม่สามารถขัดได้ และในตอนนี้ตุลกับฉันกำลังนอนบนเตียง โดยมีอุ้งปากร้อนๆ คาบเม็ดไตบนหน้าอกเอาไว้ไม่ยอมปล่อย แถมยังใช้มือนวดคลึงหน้าอกอีกข้างไปด้วย “อื้อ~ อย่าดูดแรงสิตุล” ฉันร้องอุทานเบาๆ เหมือนโดนแกล้งไม่ให้หลับ พอเคลิ้มจะหลับตุลก็ดูดแรงๆ จนต้องสะดุ้ง “ดูดเบาๆ เองนะ” เขายังมีหน้ามาบอกด้วยใบหน้าทะเล้น อยากจะดีดหูสักที “ไม่ต้องเลย พี่เจ็บไปหมดแล้ว” “จะไปลองชุดเมื่อไร ใกล้จะถึงวันแต่งแล้วนะทำไมเจ้าสาวถึงยังทำตัวชิวอยู่อีก” ตุลพูดค้อน อีกไม่ถึงเดือนก็จะถึงวันที่เราสองคนได้แต่งงานกันแล้วแต่ฉันยังไม่ได้ไปลองชุด เหตุผลก็เพราะอาการที่ไม่ค่อยจะสู้ดีของเขานั่นแหละ “ถ้าอย่างนั้นเราไปพรุ่งนี้เลยก็ได้” ตุลยิ้มให้กับคำตอบของฉัน เหมือนเขารอให้พํดแบบนี้มานานแล้ว “อยากเห็นเมียใส่ชุดเจ้าสาวจะแย่ ต้องเป็นเจ้าสาวที่สุดที่สุดในโลกแน่ๆ”“พูดเวอร์เกินไปแล้วตุล” “พูดเรื่องจริง” เขาทำเมินกับคำตอบแล้วก็วับเม็ดไตบนหน้าอกของฉันไปดูดอีกครั้ง “สัญญากับพี่นะว่าจะไม่ดึงมือที่สามเข้ามาในชีวิตคู่หลังแต่งงานของเรา ถ้าพี่ต้องเสียใจเพราะตุลอีกครั้ง….”“
ฉันนั่งรอแฟนเด็กขี้งอนของตัวเองที่หายไปอยู่ในห้องน้ำนานเกือบครึ่งชั่วโมง พอออกมาก็เห็นว่าเหงื่อท้วมตัวเขาเลย แบบนี้จะให้กลั้นขำได้ยังไง โกรธไม่ลืมหูลืมตาจริงๆ “ขำอะไร” ตุลเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงที่ชวนหาเรื่อง ก่อนจะเดินมานอนที่เตียง “เหงื่อท้วมตัวแบบนั้นทำไมไม่ไปอาบน้ำก่อน” “ขี้เกียจ”“ลุกขึ้นไปอาบน้ำเดี๋ยวนี้เลยนะ” “รังเกียจขนาดนั้น ?”“เปล่า แค่อยากให้ไปอาบน้ำจะได้สบายตัว” “ขี้เกียจ” เขาพูดย้ำคำเดิมแล้วก็ไม่สนใจ ฉันจึงคิดอะไรดีๆ ออกที่จะทำให้เขาหายงอน “แล้วถ้าพี่บอกว่าจะอาบน้ำให้ล่ะ ตุลจะยอมไปอาบไหม” ร่างหนาลุกขึ้นพรวดพราดแล้วเดินมาถอดเสื้อผ้าลงตะกร้าเหลือเพียงร่างกายเปลือยเปล่า จากนั้นก็หันมาบอก “ไปรอในห้องน้ำนะ รีบๆ ตามมาด้วยล่ะ” ฉันที่กำลังอึ้งได้แต่พยักหน้าหงึกๆ กับอารมณ์ที่แปรปรวนของตุล เขานี่นะพอเรื่องแบบนั้นก็ยอมกันง่ายๆ ในเมื่อพูดแล้วก็ต้องทำตามที่พูด ฉันถอดเสื้อผ้าออกจนหมดแล้วหยิบผ้าขนหนูมาพันตัว จากนั้นก็เดินตามตุลมายังห้องน้ำ “หมอสั่งห้ามนะจำได้ใช่ไหม” ฉันย้ำก่อนเพราะกลัวว่าตุลจะทำอะไรที่มันเลยเถิด อารมณ์ของเขายิ่งพลุกพล่านเกินหักห้ามอยู่ด้วย “มาตรงนี้” เขาดึงผ้าขนห
หนึ่งอาทิตย์ผ่านไป การเป็นคนท้องนี่มันสบายแบบนี้นี่เอง เพราะตั้งแต่กลับจากโรงพยาบาลวันนั้นฉันก็แทบไม่ต้องหยิบจับอะไรเลย แถมตอนไปเรียนตุลก็กำชับว่าห้ามไปไหนเด็ดขาด ห้ามขับรถ ห้ามเดินเยอะ เขาสั่งให้ฉันอยู่ในห้อง นี่เขาจริงจังถึงขั้นซื้อกล้องมาติดในห้องเพื่อดูฉันเลยนะ เรื่องท้องฉันกับตุลตกลงกันแล้วว่าจะไม่บอกทางบ้าน รอเซอร์ไพรส์วันแต่งงาน หนึ่งอาทิตย์ที่ผ่านมาฉันแทบไม่เจอเฮียเลย ถึงแม้ปกติจะไม่ค่อยได้เจออยู่แล้วแต่ครั้งนี้มันต่างออกไป แถมเฮียยังมีท่าทางแปลกๆ มาขอชุดที่ฉันไม่ได้ใส่แล้วบอกว่าจะเอาไปบริจาค มันแทบเป็นไปไม่ได้เลยที่เฮียจะทำแบบนั้น อย่าคิดนะว่าเห็นอยู่กับฉันเฮียดูเป็นพี่ชายที่แสนดี นั่นมันก็แค่กับฉันที่เป็นน้องสาว ถ้าเป็นคนอื่นเฮียไม่เคยไว้หน้าใคร ก็คิดดูสิว่าคนที่ทำธุรกิจสีเทาได้ต้องโหดขนาดไหน หลายชั่วโมงผ่านไปที่ฉันนอนเบื่อหน่ายอยู่บนเตียงจนกระทั่งตุลกลับมา เขาถือเสื้อของฉันติดมือไม่ยอมให้ห่างเลยจริงๆ “วันนี้เรียนเหนื่อยมาก ขอชาร์จแบตหน่อย” เขาพูดเสียงอ้อนแล้วก็โอบแขนแกร่งมาสวมกอดฉันเพื่อชาร์จแบตให้กับร่างกาย“ขี้อ้อนนะเราเดี๋ยวนี้” “วันนี้ไอ้กันชวนไปวันเกิดมัน” “ว
Talk ตุล แทบทั้งคืนที่ผมไม่ได้นอนเพราะมันรู้สึกไม่สบายตัวและอยากจะอ้วกในบางครั้ง แต่เพราะไม่ได้กินอะไรเลยทำให้อ้วกก็ไม่มีอะไรออกมา ผมที่ตื่นก่อนกำลังนอนมองใบหน้าหวานของว่าที่ภรรยาในอนาคตที่กำลังหลับไม่รู้เรื่องอยู่ในตอนนี้ เมื่อคืนเธอคอยตื่นมาดูอาการของผมจนแทบไม่ได้นอนเหมือนกัน “ทำตัวน่ารักขนาดนี้ไม่ให้คลั่งรักได้ยังไง” ผมพูดกับใบหน้าหวานที่กำลังนอนหลับอย่างเอ็นดู ตอนนี้มันชินแล้วที่ตื่นขึ้นมาแล้วเจอหน้าผู้หญิงคนนี้เป็นคนแรก วันไหนไม่ได้นอนด้วยมันรู้สึกเหมือนขาดอะไรไปสักอย่าง จุ๊บ! ผมก้มลงหอมแก้มแดงระเรื่อฟอดใหญ่ กลิ่นหอมที่เป็นเอกลักษณ์มันทำให้อยากฝังจมูกอยู่แบบนั้นไม่อยากผละออกไปไหน “อื้อ~” เสียงอู้อี้ในลำคอเหมือนจะรู้สึกรำคาญที่ถูกรบกวนของคนที่กำลังนอนหลับดังขึ้นมา ผมค่อย ๆ ยกปลายจมูกออกจากแก้มนิ่ม ๆ อย่างนึกเสียดายผมจับเอาเสื้อของลิลมาพาดไว้บนบ่า ก่อนจะลุกขึ้นหยิบโทรศัพท์กับบุหรี่เดินมาที่นอกระเบียง จู่ ๆ ก็ติดกลิ่นเสื้อของเมียขึ้นมา ผมเองก็ไม่เข้าใจว่าทำไมและไม่สามารถอธิบายได้ ขณะที่ยืนสูบบุหรี่ก็ใช้สายตามองเข้าไปในห้องดูลิลที่กำลังนอนหลับ สมองมันคิดถึงวันแรกที่เธอตามจีบ