กว่าจะทำข้าวต้มทะเลเสร็จฟ้าก็สว่างพอดี ตอนนี้กันต์ก็ยังไม่กลับมา กลอยใจทำความสะอาดห้องครัวและเข้าไปเก็บห้องนอน ร่องรอยระหว่างเธอกับเขาปรากฏชัดเจนบนผ้าปูที่นอน หน้าเห่อร้อนโดยอัตโนมัติเธอจึงดึงผ้าปูที่นอนกับผ้าห่มหวังเอาไปซัก
"กรี๊ดดดด ! แกเป็นใคร ?" กลอยใจสะดุ้งเพราะเสียงกรีดร้องนั้นก่อนจะเซถลาเพราะเจ้าของเสียงเดินเข้ามาผลักเธออย่างแรง เพราะยังไม่ทันตั้งตัวกลอยใจจึงเซไปชนกับโต๊ะหัวเตียงโคมไฟจึงล้มใส่แขนเธออย่างจัง และมันก็เขียวจ้ำขึ้นมาทันที "ออกไปจากบ้านของนายหัวเดี๋ยวนี้นะ !" ผู้หญิงสาวสวยผิวคล้ำอายุน่าจะมากกว่ากลอยใจแผดเสียงขึ้นอีกรอบ เมื่อตั้งตัวได้กลอยใจก็เผชิญหน้ากับเธอคนนั้น "ไม่ออก ฉันเป็นเมียเจ้าของบ้าน" ตอบออกไปพร้อมกับหันไปจัดการผ้าปูกับผ้าห่มต่อ น้ำผึ้งเห็นท่าทางไม่รู้สึกรู้สมของกลอยใจก็กระชากเธออีกรอบและเงื้อมือขึ้นตบหน้ากลอยใจทันที "เพี๊ยะ !" ฝ่ามือนั้นปะทะแก้มซีกซ้ายของกลอยใจเต็ม ๆ หน้าเธอขึ้นปื้นเป็นริ้วทันที เมื่ออีกฝ่ายไม่ฟังที่เธอบอกว่าเป็นเมียเจ้าของบ้านแถมยังใช้กำลังกับเธอก่อนเธอก็ไม่เกรงใจ น้ำผึ้งมัวแต่ดีใจกับผลงานและดูแล้วท่าทางของกลอยใจหงิม ๆ จึงไม่ทันระวังตัว เลยโดนหมัดของกลอยใจเข้าไปเต็ม ๆ เบ้าตาซ้าย "นี่ ๆ แกกล้าชกชั้น !?" "มากกว่าชกก็กล้า" ยกเท้าขึ้นถีบเข้าไปตรงหน้าท้องของน้ำผึ้ง เธอก้นจ้ำเบ้าทันทีพอลุกขึ้นได้ก็กระโจนเข้ามาหากลอยใจ สองสาวชุลมุนกันอยู่สักพักจนกระทั่ง "หยุดนะ !" เสียงของกันต์ตะโกนห้าม น้ำผึ้งชะงักทันทีแต่กลอยใจไม่ยอมหยุดชกเข้าเบ้าตาขวาของน้ำผึ้งอีกข้าง น้ำผึ้งวิ่งไปหลบหลังของกันต์ "นายหัว นังนั่นมันชกน้ำผึ้ง" ฟ้องพร้อมกับน้ำหูน้ำตาไหล กลอยใจลูบแก้มตัวเองป้อย ๆ แต่ไม่ได้พูดอะไรออกมา "แล้วมันยังบอกอีกว่า มันเป็นเมียนายหัว" "จดทะเบียนสมรสแล้วด้วย" ประโยคหลังออกมาจากปากของกลอยใจ น้ำผึ้งกรี๊ดทันที "จริงเหรอคะนายหัว ?" กันต์พยักหน้าแล้วก็เดินไปโอบไหล่ของกลอยใจเอาไว้ ประคองเธอเดินออกมาจากห้องนอน ไปนั่งที่โต๊ะตรงลานโล่งกลางบ้าน ลูบแก้มของเธอข้างที่โดนตบอย่างเบามือ "เจ็บไหม ?" "เจ็บค่ะ ตรงแขนก็ด้วย" ยกแขนข้างที่โดนโคมไฟล้มใส่ให้เขาดู กันต์หันขวับไปมองน้ำผึ้งทันที "น้ำผึ้งนี่คุณกลอยใจเมียของฉัน ห้ามทำกิริยาที่ไม่ดีแบบนี้กับคุณกลอยอีก ถ้ายังอยากทำงานที่นี่ต่อ" น้ำผึ้งทำท่าจะพูดอะไรต่อแต่กันต์พูดตัดบทเสียก่อน "ไปทำงานของเธอได้แล้ว" พูดเสียงเข้ม น้ำผึ้งไม่กล้าพูดอะไรต่อเพราะรู้ดีว่าถ้านายหัวกันต์ทำเสียงแบบนี้แสดงว่ากำลังโกรธจัด น้ำผึ้งจึงเดินเข้าไปในห้องนอนของกันต์เก็บเสื้อผ้า ผ้าปูที่นอนและผ้าห่มใส่ตะกร้าเพื่อนำไปซัก จัดเก็บห้องและทำความสะอาดห้องน้ำเกือบชั่วโมงจึงเสร็จ ตอนที่น้ำผึ้งหอบตะกร้าผ้าลงจากบ้านยังส่งสายตาอาฆาตมาให้กลอยใจ พอน้ำผึ้งเดินลับตาไปแล้วกลอยใจก็ถามกันต์ด้วยน้ำเสียงราบเรียบ "เธอเป็นใคร ?" กันต์กลืนน้ำลายลงคอดังเอื๊อก ทำไมเมียเขาน่ากลัวจังเลยวะเนี่ย แต่ตอบคำถามเธอ "น้ำผึ้งน่ะ ผมจ้างเธอทำความสะอาดบ้าน และซักเสื้อผ้า" กลอยใจพยักหน้า มิน่าล่ะบ้านของเขาจึงดูสะอาดสะอ้านที่แท้ก็จ้างแม่บ้านนี่เอง ไม่รู้ว่าเป็นแค่แม่บ้านอย่างเดียวหรือเปล่าถึงได้ตบเธอตั้งแต่ครั้งแรกที่เจอหน้ากัน "เธอมีหน้าที่ทำอะไรบ้าง ?" "ซักผ้า ทำความสะอาดบ้าน บางครั้งก็ทำกับข้าว" "แค่นั้น ?" "ใช่ แค่นั้น" กันต์ไม่ได้รู้สึกอึดอัดเลยที่กลอยใจซักไซ้ไล่เลียงเขาแบบนี้ ในทางตรงกันข้ามเขากลับรู้สึกดีที่เธอมีทีท่าหึงหวงในตัวเขา แม้ว่าเรื่องราวของทั้งสองคนจะเริ่มต้นแบบอธิบายยาก แต่ว่ากันต์ก็ตั้งใจจะประคับประคองความสัมพันธุ์ในครั้งนี้ให้อยู่รอดปลอดภัยเพราะเขาได้เลือกเธอแล้ว "ทานข้าวกันดีกว่า" กลอยใจไม่อยากเซ้าซี้อะไรเขามากจึงได้เปลี่ยนเรื่องคุย ข้าวต้มทะเลคงเย็นหมดแล้วมั้ง เดินนำเขาเข้าไปในห้องครัวและเปิดเตาอุ่นข้าวต้ม กันต์เดินไปหยิบชามแล้วก็ช้อนมาวางไว้บนโต๊ะรอเธอ สักพักข้าวต้มอุ่นแล้วกลอยใจจึงนำชามที่กันต์นำมาวางไว้บนโต๊ะไปตักข้าวต้มมา ทั้งสองคนนั่งทานกันเงียบ ๆ เมื่ออิ่มแล้วก็ช่วยกันล้างชาม "คุณกันต์ไปไหนมาคะ ?" เธอเอ่ยปากถามเขาหลังจากที่เดินออกมาจากห้องครัวแล้ว กันต์นอนลงที่เก้าอี้โยกใช้สองมือรองศีรษะเอาไว้ "พอดีมีพ่อค้ามารับซื้อเงาะแล้วก็ลองกอง ผมจึงออกไปดู" "วันหลังไปด้วยได้ไหมคะ ? ไม่อยากนอนคนเดียว" กันต์ยิ้มอย่างอารมณ์ดีดึงเธอให้เข้ามาใกล้เขาให้มากขึ้นอีก "ได้สิ" กันต์ลุกขึ้นยืนเต็มความสูง 180 เซ็นติเมตรของเขา ดึงเธอเข้ามากอดเอาไว้แนบอก ก่อนจะก้มลงประกบปากจูบกับเธอ กลอยใจสนองตอบเขาอย่างไม่ลดละ จากจูบอย่างเดียวก็เริ่มล้วงไม้ล้วงมือเข้าไปในชายเสื้อของเธอ สองมือเค้นคลึงสองเต้าอวบเบาบ้างแรงบ้างสลับกัน กันต์ยกตัวเธอขึ้นไปวางไว้บนโต๊ะที่ทั้งสองคนนั่งกินข้าวเมื่อคืนนี้ แทรกตัวเองเข้าไปอยู่ตรงหว่างขาของเธอ "คุณกันต์อย่าพึ่งค่ะ" ที่กลอยใจเอ่ยปากห้ามเขาได้เพราะกันต์ถอนริมฝีปากออกจากปากของเธอมาซุกไซ้ตรงซอกคอแทน "อย่าห้ามเลยน่า" เขาพึมพำตรงซอกคอของเธอ "ไม่ได้จะห้ามค่ะ แต่ตรงนี้มันโต๊ะกินข้าวนะคะ" พอได้ยินดังนั้นกันต์จึงอุ้มเธอเข้าไปในห้องนอน และกว่าทั้งสองคนจะได้ออกมาก็บ่ายแก่ ๆ แล้ว ไม่ใช่เพราะกันต์หมดแรงข้าวต้มแต่อย่างใด แต่เป็นเพราะกลอยใจอยากไปตลาด กันต์จึงตามใจเมียคนสวยของเขา กันต์พาเธอออกจากสวนไปซื้อของที่ตัวอำเภอ กลอยใจต้องการของใช้หลายอย่างเพราะเธอมาหาเขาที่นี่มีเพียงของใช้ที่สำคัญจริง ๆ เท่านั้น เสื้อผ้าและชุดชั้นในก็มีมาเพียงไม่กี่ชุด สบู่ แชมพู ยาสีฟันและครีมบำรุงผิวอีกล่ะ และที่สำคัญเธอต้องแวะร้านขายยา ยาคุมฉุกเฉิน ยาคุมกำเนิดและถุงยางอนามัย เธอกับเขายังเพิ่งเริ่มต้นแม้จะจดทะเบียนสมรสกันแล้วก็ตามถ้าหากว่าลูกเกิดมาตอนนี้แล้วเธอกับเขาไปกันไม่รอดคนที่น่าสงสารที่สุดก็คงจะเป็นลูก กลอยใจวางแผนเงียบ ๆ ในใจระหว่างที่นั่งรถไปกับเขา "นายหัวกันต์" เมื่อมาถึงตลาดในตัวอำเภอและทั้งคู่เดินเคียงกันเข้าไปในร้านค้าส่งที่ใหญ่ที่สุดในตัวอำเภอที่มีสินค้าแทบทุกอย่างนั้นก็มีคนเรียกกันต์เอาไว้ "อ้าว พี่บ่าวหวัดดีครับ" กันต์ยกมือไหว้คนผู้นั้น เขาหันมามองกลอยใจแวบนึง "ใครน่ะ ? สวยขาด" "เมียครับ พี่บ่าว" "ฮายจริงหรือ ?" "จริงครับ" กลอยใจได้แต่ยืนงงเพราะกันต์กับผู้ชายคนนั้นพูดกันเป็นภาษาใต้ เธอฟังไม่รู้เรื่องเลยว่าทั้งสองคนพูดอะไรกัน จนกระทั่งกันต์พูดกับเธออีกครั้งด้วยภาษากลาง "กลอยครับ นี่พี่ไผ่ครับ" "สวัสดีค่ะ" เธอยกมือไหว้พี่ไผ่ เมื่อแนะนำกลอยใจให้รู้จักกับพี่ไผ่แล้วกันต์ก็ขอตัวเพื่อพาเธอไปซื้อของ กันต์กับกลอยใจเลือกซื้อของจนเป็นที่พอใจและเธอได้ของครบทุกอย่างตามที่ต้องการแล้ว จึงนึกทบทวนว่าที่บ้านของกันต์ขาดเหลืออะไรบ้าง ตามที่เธอสำรวจดูนอกจากพวกของกินของใช้ในครัวแล้วบ้านของกันต์มีสิ่งอำนวยความสะดวกพื้นฐานครบทุกอย่าง ไม่มีอะไรต้องซื้อแล้วเธอจึงชวนเขากลับ "ได้ของครบแล้ว กลับกันเถอะค่ะคุณกันต์" กันต์พยักหน้าเข็นรถเข็นเดินเคียงกันกับเธอไปจ่ายตังค์ "8565 บาทค่ะ""8565 บาทค่ะ"เสียงแคชเชียร์บอกหลังจากที่สแกนราคาสินค้าทั้งหมดเรียบร้อยแล้ว กันต์นับเงินและยื่นส่งให้แคชเชียร์ไป รับตังค์ทอนและเข็นรถเข็นไปที่รถ กลอยใจรู้สึกเป็นห่วงกันต์ เธอไม่รู้ว่าฐานะการเงินของเขาเป็นอย่างไรบ้าง ที่เธอชวนเขามาซื้อของนั้นไม่ได้คิดจะให้เขาจ่ายให้ ไม่เป็นไรเดี๋ยวถึงบ้านแล้วค่อยคืนเขาละกัน"คุณกันต์คะกลอยแวะร้านขายยาก่อนนะคะ"ระหว่างที่ช่วยกันขนของที่ซื้อมาใส่ท้ายรถกระบะเธอก็เอ่ยขึ้นมา"กลอยไม่สบาย ?""ไม่ใช่ค่ะ อยากได้ของใช้ของผู้หญิงน่ะค่ะ คุณกันต์รอที่รถก็ได้"พูดจบเธอก็เดินตรงไปที่ร้านขายยา สักพักใหญ่ก็หิ้วถุงพลาสติกใส่ของออกมาเดินไปขึ้นรถที่กันต์สตาร์ทเครื่องรออยู่แล้ว"แวะทานอะไรก่อนไหม ?""ก็ดีค่ะ"กลอยใจไม่ปฏิเสธ เขาจึงพาเธอแวะร้านอาหารขึ้นชื่อของที่นี่ ระหว่างนั่งทานข้าวก็มีคนมาทักทายกันต์อีกหลายคน กว้างขวางซะจริง กลอยใจนึกในใจแต่ก็เข้าใจได้ว่าสังคมของชนบทคงจะเป็นแบบนี้ ทุกคนรู้จักมักคุ้นกันหมด หรืออีกอย่างสามีของเธอจะไม่ใช่ชาวสวนธรรมดาเป็นเศรษฐีปลอมตัวมาหรือเปล่านะ เธอคิดกับตัวเองอย่างนึกสนุก แต่ถึงเขาจะเป็นอย่างไรยากดีมีจนเธอก็ได้ตัดสินใจใช้ชีวิตร่วมกันกับเ
กว่าทั้งสองคนจะก้าวออกมาจากห้องนอนได้ก็ปาไปเจ็ดโมงเช้า กลอยใจต้มน้ำชงกาแฟที่ซื้อมาเมื่อวานชงกาแฟให้เขาแล้วก็ตัวเองคนละแก้ว หุงข้าวและทำกับข้าว คราวนี้เธอตั้งใจว่าจะต้องพูดคุยกับเขาให้รู้เรื่องในเรื่องของการคุมกำเนิด อาหารเช้าวันนี้เธอทำอะไรง่าย ๆ ทาน เจียวไข่แล้วก็หมูทอด กันต์เองก็เป็นคนกินอยู่ง่ายเธอทำอะไรเขาก็กินได้หมด ระหว่างที่ทานข้าวเธอจึงเอ่ยปากพูดกับเขา"คุณกันต์คะ"เขาเงยหน้าขึ้นจากจานข้าวสบตากับเธอเลิกคิ้วขึ้นข้างหนึ่ง"หืม..กลอยมีอะไร ?""เอ่อ..เรื่องคุมกำเนิดค่ะ เพราะทุกครั้งที่เรามีอะไรกัน ไม่มีใครป้องกันเลย กลอยเกรงว่าเจ้าตัวเล็กจะมาเร็วเกินไป ถ้าเกิดว่าเราสองคนไปกันไม่รอดกลัวว่าจะมีปัญหา"เธอเว้นวรรคนิดหนึ่งแล้วก็พูดต่อ"กลอยจึงอยากให้คุณกันต์ใส่ถุงยาง แล้วกลอยก็จะกินยาคุมด้วยค่ะ"พอฟังเธอพูดจบกันต์ก็พยักหน้า รวบช้อนเพราะทานข้าวอิ่มพอดี "กลอย..ฟังนะ ผมต้องการเมียและต้องการสร้างครอบครัว คำว่าครอบครัวก็คือ ประกอบด้วยพ่อแม่แล้วก็ลูก เพราะฉะนั้นจะไม่มีใครคุมกำเนิดทั้งนั้น หากเจ้าตัวเล็กจะมาก็ให้เขามา กลอยไม่เชื่อใจผมหรือว่ากลอยจะอยู่กับผมแค่ชั่วคราว มีใครรอกลอยที่กรุงเทพ ฯ
"สวัสดีค่ะ"กลอยใจยกมือไหว้หญิงชราอายุหกสิบกว่าอย่างนอบน้อม หลังจากที่กันต์แนะนำกับท่านว่าเธอเป็นเมียของเขา"แม่กลอย มาจากกรุงเทพ ฯ เรอะ ?""ใช่ค่ะคุณป้า"ท่านจ้องมองและสำรวจเธอตั้งแต่หัวจรดเท้า รู้สึกไม่ค่อยชอบใจนักที่กันต์เลือกผู้หญิงกรุงเทพ ฯ มาเป็นเมีย อยากให้หลานชายแต่งงานกับคนที่นี่มากกว่า แต่ก็เอาเถอะในเมื่อหลานชายเลือกแล้วท่านก็จะทำใจยอมรับ หน้าตาก็น่าเอ็นดูอยู่หรอกท่าทางก็ดูเรียบร้อยดีแต่ที่ท่านเป็นห่วงอย่างเดียวก็คือเกรงว่าแม่กลอยใจอะไรนี่จะทนคิดถึงแสงสีที่กรุงเทพ ฯ ไม่ไหวหนีกลับไปซะก่อน"ทานข้าวทานปลามากันหรือยังล่ะ ? ทานข้าวกันซะก่อน นี่ก็จะเที่ยงแล้ว ป้าทำแกงไตปลาแล้วก็ไข่พะโล้เอาไว้ เดี๋ยวป้าไปยกออกมาให้""เดี๋ยวหนูไปช่วยค่ะ"ป้าสุนีย์แปลกใจแต่ก็ไม่ได้พูดอะไรพยักหน้าและเดินนำเข้าไปในครัว เห็นหน้าขาว ๆ นึกว่าจะเป็นคนหยิบหย่งทำอะไรไม่เป็นเสียอีก กันต์มองตามสองสาวต่างวัยแล้วก็ยิ้ม บอกแล้วว่าป้าของเขาจะต้องเอ็นดูเธอกลอยใจช่วยป้าสุนีย์ยกสำรับกับข้าวและจัดโต๊ะกินข้าวอย่างคล่องแคล่ว พอทานข้าวอิ่มเธอก็ล้างถ้วยชาม กลอยใจสังเกตว่าป้าของกันต์มีหนังสือนิยายหลายเล่มอยู่ในตู้หนังสือเ
"ฮือ ๆ ๆ"น้ำผึ้งนั่งร้องไห้อยู่ที่ร้านค้าของบ้านพักคนงาน มีหาญกล้านั่งปลอบใจอยู่ข้าง ๆ บนโต๊ะมีขวดเบียร์อยู่สองขวด"ทำใจเถอะวะผึ้ง"พร้อมกับรินเบียร์ให้เธอเต็มแก้ว คนงานที่ผ่านไปผ่านมาต่างส่ายหน้าให้กับพฤติกรรมของน้ำผึ้ง เธอประกาศตัวอย่างชัดเจนว่าจะต้องเป็นเมียของนายหัวกันต์ให้ได้ แถมยังคอยดูถูกหนุ่ม ๆ คนงานที่มาจีบเธออยู่เสมอ มีแต่หาญกล้าเท่านั้นที่น้ำผึ้งคุยด้วย เพราะหาญกล้าเป็นหัวหน้าคนงานและเป็นคนสนิทของนายหัวที่นี่เป็นราวกับชุมชนเล็ก ๆ ชุมชนหนึ่งเลยทีเดียวเพราะกันต์มีคนงานหลายสิบคนส่วนมากก็เป็นคนต่างถิ่น คนอีสานบ้าง คนพม่าบ้าง เขาจึงสร้างบ้านพักขึ้นหลายหลัง แยกชายหญิงชัดเจน แต่ถ้าใครที่เป็นผัวเมียกันกันต์ก็แยกบ้านให้อยู่เป็นสัดส่วน มีร้านค้าขายของกินของใช้ที่จำเป็นให้ด้วยจะได้ไม่ต้องเข้าเมืองบ่อย ๆ เพราะสวนผลไม้และสวนยางของกันต์อยู่ไกลจากตัวเมืองมากโข "ฮือ ฉันไม่เชื่อว่านังหน้าขาวนั่นจะจริงใจกับนายหัว"ยิ่งหาญกล้าปลอบใจน้ำผึ้งยิ่งร้องไห้เสียงดังยิ่งกว่าเดิม เขาก็ชักจะเอือมระอาเธอแล้วเหมือนกัน แม้ว่าหาญกล้าเองจะแอบชอบน้าผึ้งมานานก็ตาม"ฮือ ๆๆๆ"แต่จะให้ทำอย่างไรได้แม้ว่าน้ำผึ้ง
หลังจากวันนั้นกลอยใจก็ไปเล่นกับเด็ก ๆ ที่ชุมชนบ้านพักคนงานเป็นประจำ เพราะมีลูกคนงานหลายคนที่ยังไม่ได้ไปโรงเรียน เธอเอาของเล่นมาให้บ้าง ขนมแล้วก็เสื้อผ้า บางทีก็มากินส้มตำกับคนงานผู้หญิงชาวอีสานโดยเฉพาะส้มตำปูปลาร้าอย่างแซ่บ เธอมาเพราะเหงาด้วยส่วนหนึ่ง แล้วอีกอย่างก็อยากมาหาข้อมูลเพื่อเอาไปเป็นวัตถุดิบในการเขียนนิยายของเธอด้วยตอนนี้กลอยใจรู้แล้วว่ากันต์เป็นเจ้าของสวนผลไม้ที่ใหญ่ที่สุดในจังหวัด ในตอนแรกที่เธอรู้ความจริงนั้นเธอยังไม่ค่อยเชื่อเท่าไหร่เธอคิดว่ากันต์แต่งเรื่องเพื่อให้เธอสบายใจ เธอพูดเกลี้ยกล่อมให้เขาบอกความจริงมาว่าเขาเป็นแค่หัวหน้าคนงาน จนเขาต้องพาเธอไปถามป้าสุนีย์กลอยใจถึงได้เชื่อ"คุณกลอยได้แล้วจ้ะ"กุหลาบ สาวน้อยวัยยี่สิบยกถาดส้มตำมาวางลงตรงหน้าของกลอยใจ "ว้าวว..น่าทานจัง ไม่เผ็ดใช่ไหมคะ ?""บ่อเผ็ดจ้า"ตอบกลอยใจไปแล้วก็หันไปเรียกน้ำผึ้งเพราะเธอเดินผ่านมาพอดี"อ้าว..พี่ผึ้ง มากินส้มตำด้วยกันจ้ะ""ไม่ล่ะ เหม็นปลาร้า"พูดจบก็สะบัดหน้าเดินผ่านกุหลาบแล้วก็กลอยใจไปที่ร้านค้า กุหลาบทำหน้างงเพราะเมื่อก่อนน้ำผึ้งก็เคยกินส้มตำปูปลาร้ากับเธอบ่อย ๆ ส่วนกลอยใจก็ได้แต่นึกขำกับท่าท
"ไม่นอนแล้วไง ?""ไม่นอนแล้ว อยากทำอย่างอื่นมากกว่า"ตอบเขาไปอย่างซุกซน กันต์คำรามในลำคอพลิกตัวขึ้นมาคร่อมร่างเล็กแต่อวบอิ่ม กลอยใจคล้องคอเขาเอาไว้ ตาหวานเยิ้มเผยอปากรอรับจูบจากเขา กันต์เห็นอย่างนั้นก็ไม่รอช้าก้มลงบดขยี้ริมฝีปากช่างยั่วนั้นอย่างร้อนแรง"อือ.."ครางอือในลำคอ จูบตอบเขาร้อนแรงไม่แพ้กัน เสื้อผ้าหลุดลุ่ยเหลือแต่ร่างเปลือยเปล่าทั้งสองคน หน้าอกอวบยังคงเป็นส่วนที่กันต์หลงใหล เขาดูดดึงยอดถันสีชมพูราวกับทารกดูดนม สองมือเค้นคลึงเต้าอวบเบา ๆ"อ๊าส์"พยายามกักเก็บเสียงเอาไว้แล้ว แต่เพราะความเสียวซ่านจึงไม่อาจอดทนเอาไว้ได้"ครางออกมาเลยที่รัก"กันต์บอกเมียรักเสียงแหบพร่า ก่อนจะลากลิ้นเลียลงมายังหน้าท้องแบนราบขาวเนียน จูบตรงสะดือของเธออย่างหยอกล้อ ส่วนมือใหญ่นั้นก็กอบกุมตรงเนินสามเหลี่ยมแสนหวานเอาไว้ ก่อนจะส่งนิ้วแกร่งเข้าไปสำรวจช่องทางรักที่น้ำหวานฉ่ำเยิ้มเบา ๆ"อาว์"กลอยใจยิ่งครางกระเส่า กันต์ถอนนิ้วออกมาแล้วใช้ลิ้นหนาเข้าไปสำรวจแทน เพิ่มความเสียวซ่านให้เมียรักอย่างไม่หยุดหย่อน ไม่นานกลอยใจก็ร่างกายกระตุกกันต์กลืนกินน้ำหวานที่หลั่งออกมาอย่างไม่รังเกียจ เมียเขาหวานไปทั้งตัวจริง ๆ
กลับมาจากบ้านของป้าสุนีย์เกือบสองทุ่มเพราะท่านชวนทานข้าวเย็นด้วย กลอยใจบอกกับตัวเองว่าคงต้องไปหาท่านบ่อย ๆ คนแก่มักจะขี้เหงา เธอคิดถึงยายของเธอที่เสียไปแล้วด้วย อีกอย่างป้าสุนีย์คุยสนุกโดยเฉพาะเรื่องนิยาย "รับ ๆ พี่กันต์ รับ"เสียงกลอยใจเชียร์สามีอย่างนึกสนุกแกมหวาดเสียวไปด้วย ถ้าเกิดว่าทุเรียนหล่นใส่หัวกันต์ เธอมีสิทธิ์เป็นหม้ายได้เลยนะนั่น แต่กันต์ก็รับได้อย่างคล่องแคล่ว โดยใช้กระสอบป่านเพียงใบเดียวรอรับทุเรียนที่พี่คนงานปีนขึ้นไปบนต้นสูง ๆ แล้วก็ใช้มีดปาดให้ลูกทุเรียนตกลงมา คนที่อยู่ข้างล่างก็คอยรับเพื่อไม่ให้ลูกทุเรียนตกพื้นวันนี้เธอมาสวนทุเรียนกับเขาด้วยเพื่อมาดูการเก็บทุเรียน และที่สำคัญในวันนี้เธอจะกินทุเรียนให้พุงกางไปเลยทีเดียว"เย้ ๆๆ พี่กันต์เก่งจัง"ปรบไม้ปรบมือเมื่อเห็นว่าสามีของเธอรับทุเรียนได้ทุกลูก จนกระทั่งหาญกล้าเดินเข้ามาหากันต์เพื่อบอกให้เขาไปเช็คดูทุเรียนล็อตใหม่ที่จะส่งไปที่เมืองจีน นั่นแหละกันต์ถึงได้ส่งกระสอบป่านไปให้คนงานชายคนหนึ่งที่ยืนใกล้ ๆ เขา แล้วก็เดินมาเรียกกลอยใจเพื่อไปดูทุเรียนที่จะส่งไปยังประเทศจีนกันต์กับหาญกล้าหายเข้าไปในโดมขนาดใหญ่สำหรับเก็บทุเ
วันนี้กลอยใจจะไปตลาดกับกุหลาบตามที่ได้นัดกันไว้เมื่ออาทิตย์ก่อน เธอขับรถกระบะของกันต์มารับกุหลาบที่ชุมชนบ้านพักคนงาน สาวน้อยมานั่งรอกลอยใจที่หน้าร้านค้านานแล้ว เพราะดีใจที่จะได้เข้าเมืองไปเที่ยวเปิดหูเปิดตา"ไปรถคันนี้หรือจ๊ะคุณกลอย ?"กุหลาบถามอย่างประหม่า"ใช่จ้ะ ทำไมหรือจ๊ะ ?""ฉันไม่กล้านั่งหรอกจ้ะ เรานั่งสองแถวไปกันก็ได้"สาวน้อยเอ่ยออกมาอย่างเกรงใจ รถของเจ้านายเธอไม่กล้านั่ง"ไปรถคันนี้แหละ สะดวกดี ถ้าเกิดว่าเราซื้อของเยอะ ๆ จะได้ไม่ต้องลำบากหอบหิ้ว"กลอยใจลากกุหลาบไปขึ้นรถและขับออกไปจากบริเวณนั้น แต่มีใครบางคนเบะปากอย่างหมั่นไส้ น้ำผึ้งนั่นเอง ที่จริงแล้วน้ำผึ้งก็อยากไปตลาดกับพวกกลอยใจอยู่เหมือนกันแต่เพราะทิฐิจึงทำให้เธอไม่กล้าขอไปด้วย"คุณกลอย พี่ผึ้งก็อยากไปตลาดกับเราอยู่นะ แต่ว่าพี่ผึ้งไม่กล้าขอมาด้วย"กุหลาบพูดขึ้นมาด้วยความซื่อ กลอยใจจึงชะลอรถเพราะยังขับออกมาไม่ไกล"ถ้าอย่างนั้นเรากลับไปรับพี่ผึ้งดีมั้ย ? แล้วมีใครอยากไปอีกบ้าง ชวนมาให้หมดเลย ไปหลาย ๆ คนสนุกดี"เพราะน้ำผึ้งอายุมากกว่า กลอยใจจึงเรียกเธอว่าพี่ กลอยใจไม่ได้คิดอะไรกับน้ำผึ้งเพราะเธอเชื่อใจสามีของเธอ กันต์ยืนยั
เมื่อมาถึงผับของนทีแล้วเขาก็เปิดห้อง VIP ให้กับทุกคน และสั่งเครื่องดื่มมาให้แบบจัดเต็ม หาญกล้าชอบใจมาก เมธีเองก็สนุก ส่วนกันต์นั้นในตอนแรกเขาก็ไม่กล้าเมาได้แต่หันไปมองหน้าภรรยา "พี่กันต์อยากดื่มก็ดื่มเลยค่ะ"กลอยใจบอกกับสามีเสียงอ่อนโยน เธอเองก็นึกเห็นใจเขาไม่น้อย เพราะตั้งแต่รู้ว่าเธอตั้งครรภ์เขาก็เข้าหน้าเธอไม่ติดเลย เพราะนอกจากเธอจะเหม็นกลิ่นตัวเขาแล้วยังเข้าหน้าเธอไม่ติดอีกด้วย เพิ่งจะมีสองสามวันมานี่แหละที่เธอการดีขึ้นเธอจึงไม่ค่อยหงุดหงิดใส่เขาเมื่อเมียรักอนุญาติกันต์จึงจัดเต็ม ชนแก้วกับเมธี หาญกล้าแล้วก็นทีด้วยความสนุกสนาน แหกปากร้องคาราโอเกะแบบไม่สนคีย์ ดูท่าทางสนุกสนานของสามีแล้วกลอยใจก็พลอยมีความสุขไปด้วย เธอเข้าไปเช็คยอดวิวของนิยายและใช้โอกาสนี้เขียนนิยายสักหน่อย ตั้งแต่แพ้ท้องเธอก็ไม่ได้อัพนิยายมาเป็นอาทิตย์แล้ว มีรี้ดเข้ามาคอมเมนต์ทวงตอนต่อไปอยู่หลายคน แม้จะมีเสียงดังอยู่รอบตัวก็ไม่ใช่ปัญหา ขอแค่อารมณ์มาไอเดียผุด กลอยใจก็สามารถเขียนนิยายได้ทุกที่"เป็นไงบ้าง ?"เมธีถามกุหลาบอย่างเป็นห่วง เห็นท่าทางพะอืดพะอมของเธอแล้วเขาก็ทั้งขำแล้วก็สงสาร "ไม่เป็นไร ดีขึ้นแล้วค่ะ"เธอย
เมื่อหนุ่ม ๆ ขึ้นรถเรียบร้อยแล้ว จึงไปรับสามสาวที่ร้านเสริมสวย กลอยใจมองสามีไม่วางตาเพราะลุคนี้เขาดูหล่อเหลา ชุดสูทพอดีตัวสีเทาเข้มส่งให้ร่างสูงกำยำของกันต์ดูเปลี่ยนไป แม้ความหล่อคมเข้มยังอยู่ แต่ที่เพิ่มมาอีกก็คือความอ่อนละมุนอบอุ่นอบอวลไปทั่วร่าง กันต์เองก็เขินกับสายตาของเมียรักและก็อดตะลึงกับความสวยของเมียไม่ได้ ชุดราตรีสีชมพูอ่อน เปิดไหล่เนียนละมุน เอวคอดกิ่วและหน้าท้องแบนราบแม้ตอนนี้เธอจะท้องได้เกือบสองเดือนแล้วก็ตาม แต่รูปร่างก็ยังเพรียวระหงอยู่เช่นเดิม ส่วนน้ำผึ้งกับกุหลาบก็สวยมากเช่นกันในชุดราตรีโทนสีฟ้าอ่อนขับผิวสีน้ำผึ้งของทั้งสองให้ดูเนียนละเอียดมากขึ้น โดยเฉพาะกุหลาบแทบดูไม่ออกเลยว่าเป็นเพียงสาวน้อยในสวนในไร่คนหนึ่งเท่านั้น เมธีมองกุหลาบตาไม่กระพริบ เมื่อสามสาวขึ้นรถเรียบร้อยแล้วรถก็เคลื่อนตัวตรงไปที่โรงแรมที่จัดงานแต่งของเกมส์กับน้ำฟ้า ทั้งหกคนเดินเข้าไปในงาน ต่างก็ตกเป็นเป้าสายตาของใครหลาย ๆ คน โดยเฉพาะกลอยใจนั้นต่างก็มีสายตาอยากรู้อยากเห็นของหลายคนมองตาม"นั่นมันยัยกลอยนี่"เสียงกระซิบกระซาบของอดีตเพื่อนร่วมงานของเธอพูดคุยกัน เกมส์กับน้ำฟ้าคงเชิญคนทั้งบริษัท กลอยใจคล
"โอ้..ว่าแล้ว"หลังจากที่กลอยใจเปิดประตูรั้วเข้าไปในบ้านเธอก็อุทานออกมา บริเวณหน้าบ้านในตอนนี้หญ้าขึ้นรก ดอกไม้ต้นไม้ก็เหี่ยวเฉา ฝุ่นเกาะเต็มตรงระเบียงหน้าบ้าน และขอบหน้าต่าง และภายในบ้านก็คงไม่ต่างกัน"นี่แหละค่ะบ้านของกลอย เชิญทุกคนค่ะ"เมื่อเธอพูดจบก็ดันประตูหน้าบ้านให้เปิดกว้างออก น้ำผึ้ง กุหลาบ กันต์แล้วก็หาญกล้าจึงลากกระเป๋าเสื้อผ้าเดินเข้าไปบ้านของกลอยใจเป็นบ้านเดี่ยว สามห้องนอนสองห้องน้ำลักษณะเหมือนบ้านในหมู่บ้านจัดสรรทั่วไป เธอซื้อบ้านหลังนี้ด้วยน้ำพักน้ำแรงของตัวเอง เมื่อก่อนเธออยู่กับยายแต่พอยายเสียเธอก็เลยอยู่คนเดียว บ้านของน้ำฟ้าก็อยู่ในหมู่บ้านแห่งนี้แต่อยู่ถัดไปอีกซอย"คุณกลอย ต้องทำความสะอาดกันยกใหญ่เลยนะเนี่ย"กุหลาบเอ่ยขึ้นมา เพราะมองดูสภาพแล้วถ้าไม่ทำความสะอาดก่อนคงเข้าพักไม่ได้แน่ ๆ กลอยใจพยักหน้าเห็นด้วย เธอไปอยู่กับกันต์ก็สี่ห้าเดือนแล้ว อีกอย่างตอนไปก็ไปอย่างกะทันหันจึงไม่ได้ฝากให้ใครช่วยดูแล ค่าน้ำค่าไฟเธอก็อาศัยจ่ายผ่านช่องทางออนไลน์เอา"เดี๋ยวกลอยโทรหาบริษัทรับทำความสะอาดมาช่วยจัดการ""ไม่ต้องหรอกคุณกลอย พวกเราช่วยกันทำก็ได้จ้ะ"น้ำผึ้งพูดขึ้นมา กุหาบกับหาญก
"พ่อกันต์วันนี้พาแม่กลอยไปหาหมอเลยนะ"ป้าสุนีย์หันไปบอกหลานชาย"ทำไมครับป้า ? กลอยป่วยหนักขนาดนั้นเลยเหรอครับ""ไม่ได้ป่วยแต่แม่กลอยกำลังแพ้ท้อง""แค่แพ้ท้อง ทำไมต้องไปหาหมอ อะ อะไรนะครับ แพ้ท้อง ?"กันต์ตะกุกตะกักถามด้วยความตื่นเต้น จับมือของเมียมาเขย่าพร้อมกับละล่ำละลักถาม"จริงเหรอกลอย ?""ยังไม่แน่ค่ะ แต่ประจำเดือนเลื่อนมาสองอาทิตย์แล้ว"กลอยใจเองก็อ้อมแอ้มตอบสามี รู้สึกตื่นเต้นปนกังวลเหมือนกัน"เราไปโรงพยาบาลกันเลยดีกว่า"กันต์ดึงมือเมียรักให้ลุกขึ้น เห็นท่าทางตื่นเต้นของหลานชายป้าสุนีย์ก็ส่ายหน้า"แม่กลอยยังกินข้าวไม่อิ่ม"กันต์จึงพึ่งนึกได้ ประคองเมียให้นั่งลงเหมือนเดิม ตัวเขาเองก็เพิ่งกินข้าวไปได้แค่สองสามคำเหมือนกัน "แบบนี้ต้องรีบจัดงานแต่ง"ป้าสุนีย์บอกกับสองผัวเมีย ความจริงแล้วท่านเองก็ตื่นเต้นไม่น้อย นึกไปถึงตอนที่มีเด็กตัวเล็ก ๆ มาวิ่งเล่นในบ้านแล้วก็ยิ้มอย่างมีความสุข คงต้องสร้างบ้านหลังใหม่เอาให้ใหญ่กว่าเดิม และท่านก็จะเป็นคนเลี้ยงเจ้าหนูหรือยัยหนูเองกับมือ บางทีท่านจะย้ายตัวเองไปอยู่บ้านเดียวกันกับหลานชายและหลานสะใภ้เลยดีกว่า"ใช่ครับป้า"แล้วก็หันไปพูดกับกลอยใจ"เราแ
บุหงาขับรถหนีเจ้าหน้าที่ตำรวจด้วยความเร็วสูง ภูมิที่นั่งเบาะข้าง ๆ ไม่กล้าขยับตัวเลยแม้แต่นิดเดียว ได้แต่มองหน้าแม่ด้วยความหวาดกลัวย้อนไปเมื่อสองอาทิตย์ก่อน "เพี๊ยะ !!""ฮือ ๆ ไอ้ผัวชั่ว"เสียงทะเลาะตบตีกันของแม่กับพ่อยังคงดังออกมาจากห้อง ภูมิได้แต่นั่งหลบอยู่ใต้โต๊ะกินข้าวด้วยความหวาดกลัว"โอ๊ย ! มึงหยุดนะอีบุหงา"เสี่ยนพร้องเสียงดังลั่นเมื่อบุหงาขว้างแจกันโดนหัวของเขา รู้สึกปวดแปลบที่หน้าผากและเหมือนมีของเหลวสีแดงอุ่น ๆ ไหลลงมาที่ข้างแก้ม เมื่อเห็นดังนั้นเขาก็โมโหขีดสุดเดินตรงปรี่เข้าไปหาบุหงาทันที และเมื่อเข้ามาใกล้ตัวของบุหงาเขาก็เงื้อมือขึ้นหมายจะตบลงไปที่ใบหน้าของเธอ"ฟุบ !"ร่างของเสี่ยนพหงายผึ่งลงไปทันที ที่หน้าผากมีรูกระสุนขนาด .22 มม. ปรากฏอยู่ ปืนกระบอกนั้นเป็นของเขาเอง บุหงาทรุดนั่งลงกับพื้น ทั้งหัวเราะและร้องไห้สลับกันไปมา มองปืนในมือที่ใส่ที่เก็บเสียงอย่างเลื่อนลอย นานนับสิบนาทีเธอจึงได้ลุกขึ้นและเดินออกไปหาภูมิเมื่อเสียงในห้องนอนของแม่กับพ่อเงียบไปแล้วภูมิจึงค่อย ๆ คลานออกมาจากใต้โต๊ะ ก็เห็นว่าแม่ของเขาออกมาจากห้องแล้ว ส่วนพ่อก็คงออกจากบ้านเหมือนเช่นทุกครั้ง แต่คราวน
น้ำผึ้งหาเก้าอี้มาให้เมธีนั่ง พร้อมกับหาน้ำหาท่ามาเสิร์ฟ ไม่นานกันต์ก็มาถึง"เอามา"กันต์ไม่พูดพร่ำทำเพลงอะไรแบมือไปตรงหน้าของเมธี เขาจึงยื่นซองเอกสารสีน้ำตาลให้เพื่อนรัก กันต์รีบเปิดดูทันที เมธีส่ายหน้าเอือมระอากับพฤติกรรมของเพื่อน ขอบอกขอบใจเขาสักคำก็ไม่มี แต่ก็ชินแล้วล่ะ เดี๋ยวถ้ามันนึกได้มันก็คงขอบใจเองแหละเมื่อกันต์อ่านทุกตัวอักษรบนเอกสารแผ่นนั้นอย่างละเอียดแล้วเขาก็กระโดดกอดเมธีแล้วก็จุ๊บแก้มเพื่อนไปหนึ่งที"อี๋ ไอไอ้ไอ้บ้า"เมธีถูแก้มข้างที่โดนจุ๊บอย่างแรง กันต์ไม่ได้สนใจท่าทางของเพื่อน รีบเดินเข้าไปหาเมียรักและเอาเอกสารแผ่นนั้นให้กลอยใจอ่าน และเมื่อเธออ่านจบแล้วก็หันไปมองภูมิด้วยความสงสาร ไม่รู้ว่าหากนำเรื่องนี้ไปคุยกับบุหงาภูมิจะโดนอะไรบ้าง"ไอ้หมอ มานี่"กันต์กวักมือเรียกเพื่อนที่กำลังถูแก้มด้วยความสยดสยองให้เดินเข้ามาหา เมธีก็เดินเข้ามาอย่างงง ๆ"กลอยนี่เมธี เพื่อนของพี่""สวัสดีค่ะ"กลอยใจยกมือไหว้ "นี่กลอยใจเมียของข้า""สวัสดีครับ"กันต์เล่าให้เขาฟังแล้วเรื่องกลอยใจ ก็ดูสวยเหมาะสมกันดีแหละกับไอ้กันต์ แต่เขาสะดุดตาแม่สาวน้อยผิวสีน้ำผึ้งนัยน์ตาโศกคนนั้นมากกว่า เพราะถ้าเกิ
หลังจากที่กลับมาจากโรงพยาบาลบุหงาพบว่าไม่มีใครอยู่ที่บ้านเลยสักคน กันต์ไปไหนนะ ? เธอจึงอาละวาดและทำลายข้าวของในบ้านจนพังเสียหายเกือบหมด แล้วก็กลับไปที่บ้านของเธอ"แม่กลับมาแล้ว"ภูมิวิ่งไปหาแม่ของเขาที่กำลังเดินเข้ามาในบ้านด้วยความดีใจ "หยุด ! ไม่ต้องเข้ามา"แต่บุหงาตวาดลูกเสียก่อน ภูมิหยุดชะงักเดินก้มหน้ากลับไปหาตากับยาย"บุหงา พูดกับลูกดี ๆ หน่อย"นายหัวเข้มตำหนิลูกสาว ส่วนยายนั้นก็กอดปลอบหลานชายตัวน้อย"เพราะมันชีวิตหนูถึงได้เป็นแบบนี้" พูดจบบุหงาก็เดินเข้าไปในห้อง ไม่สนใจลูกแล้วก็พ่อกับแม่อีก ทั้งสองท่านได้แต่มองหน้ากันแล้วก็ถอนหายใจ "กินขนมเถอะนะลูก""ครับยาย"หนูน้อยกินขนมที่คุณยายส่งมาให้ พลางชะเง้อตามหลังแม่ อยากจะเข้าไปกอดแต่ก็ไม่กล้า บุหงานอนร้องไห้อยู่บนเตียง ตั้งแต่เธอตั้งท้องเสี่ยนพก็เปลี่ยนไป เธอจึงคิดว่าเป็นเพราะลูกที่ทำให้ชีวิตของเธอเป็นแบบนี้ เพราะตั้งแต่มันเกิดมาก็มีแต่เรื่องเฮงซวยตลอด เธอหารู้ไม่ว่าที่เสี่ยนพเป็นแบบนั้นไม่ใช่เพราะเขาเปลี่ยนไปแต่มันคือสันดานที่แท้จริงของเขาต่างหากคำพูดหวาน ๆ การเอาใจสารพัดในตอนที่คบกันใหม่ ๆ นั้นเพราะเสี่ยนพเห็นว่าเธอร่ำรวยและหน้
และแล้วก็มาถึงวันที่จะไปรับฟังผลตรวจ DNA ซึ่งน่าแปลกมากหลังจากที่วันนั้นวันที่บุหงาไปสลบที่หน้าบ้านของกันต์เธอก็ไม่ได้ไปรังควานอะไรเขาอีก เพราะคงจะมั่นใจในผลตรวจจนน่าสงสัยกันต์กับกลอยใจไปรับป้าสุนีย์แล้วจึงเลยไปที่โรงพยาบาลและพอไปถึงก็พบว่าครอบครัวของบุหงาไปรออยู่ที่นั่นเรียบร้อยแล้วเมื่อทุกคนไปกันครบแล้วเจ้าหน้าที่ของโรงพยาบาลก็ถือซองใส่ผลตรวจ DNA ของกันต์กับน้องภูมิออกมา เขาสบตากับบุหงาแวบหนึ่งก่อนจะยื่นซองให้กันต์"เปิดดูได้เลยครับ"กันต์จึงเปิดซองเอกสารออกมาและค่อย ๆ ไล่สายตาไปตามตัวอักษรในกระดาษแผ่นนั้น'ผลการตรวจ DNA ปรากฏว่า โครโมโซมมีความคล้ายคลึงกัน 99.999 % ยืนยันว่าบุคคลทั้งสองเป็นพ่อลูกกัน'กันต์รู้สึกตกใจและแปลกใจเป็นอย่างมากกับผลตรวจ กลอยใจเองก็เช่นกันแม้ว่าเธอจะทำใจไว้แล้วส่วนหนึ่งก็ตาม"ฮึ ฮึ ฮ่า ๆๆๆ"บุหงาหัวเราะออกมาอย่างพอใจและสะใจ"ว่าไงคะกันต์ พอใจรึยัง"กันต์ไม่พูดกับบุหงาแต่หันไปหานายหัวเข้มกับคุณนายจันทราและคุยกับพวกท่านทั้งสองแทน"เราคงมีเรื่องต้องคุยกันอีกหลายเรื่อง ยังไงผมจะไปหานายหัวที่บ้านนะครับ"พูดจบแล้วกันต์ก็จูงมือของกลอยใจและหันไปมองป้าสุนีย์ เดินพา
"อะไรกันเนี่ย !?"น้ำผึ้งร้องโวยวายก่อนจะโทรหาหาญกล้า เพราะสภาพที่อยู่ตรงหน้าของเธอตอนนี้เละเทะไปหมด ข้าวของภายในบ้านโดยเฉพาะห้องนอนนั้นแตกเสียหายยับเยิน ประมาณสิบนาทีหาญกล้าก็ขับรถเครื่องมาถึง "พี่โทรบอกนายหัวแล้วเดี๋ยวนายหัวก็มา"น้ำผึ้งมาทำความสะอาดและจะนำผ้าห่มกับผ้าปูไปซักตามปกติ แต่พอมาเห็นสภาพบ้านของนายหัวที่บุหงาทำเอาไว้ เธอก็ทำอะไรไม่ถูกโมโหมากเพราะคนที่เก็บกวาดนั้นเป็นเธอ แต่งานนี้คงไม่ไหวเพราะเละเทะขนาดนี้คงต้องเก็บทิ้งแล้วล่ะระหว่างรอนายหัวน้ำผึ้งกับหาญกล้าก็ช่วยกันเก็บกวาดของบางส่วนเท่าที่พอจะทำได้ไปก่อน"พี่หาญ ชั้นว่าแม่บุหงานี่คงเป็นโรคจิตแน่ ๆ เลย ดูสิทำบ้านช่องคนอื่นพังเสียหายหมด"น้ำผึ้งวิพากษ์วิจารณ์แฟนเก่าของเจ้านายด้วยความโมโห ตอนที่บุหงาคบกับเจ้านายของเธอนั้นบุหงามักจะจิกหัวใช้คนงานแทบทุกคนรวมทั้งน้ำผึ้งด้วย ดีที่เลิกกับนายหัวไปได้ไม่งั้นคงวุ่นวายน่าดูเมื่อกันต์กับกลอยใจมาถึงและเห็นสภาพบ้านก็ได้แต่ส่ายหน้า เขาบอกให้น้ำผึ้งเก็บของที่แตกเสียหายทิ้ง เอากระเป๋าของบุหงามาวางไว้ที่ใต้ถุนบ้าน แล้วก็ล็อคกุญแจปิดบ้านเอาไว้ ก่อนที่จะพากันออกจากบ้านบุหงาก็ขับรถมาถึงพอดี