กว่าทั้งสองคนจะก้าวออกมาจากห้องนอนได้ก็ปาไปเจ็ดโมงเช้า กลอยใจต้มน้ำชงกาแฟที่ซื้อมาเมื่อวานชงกาแฟให้เขาแล้วก็ตัวเองคนละแก้ว หุงข้าวและทำกับข้าว คราวนี้เธอตั้งใจว่าจะต้องพูดคุยกับเขาให้รู้เรื่องในเรื่องของการคุมกำเนิด อาหารเช้าวันนี้เธอทำอะไรง่าย ๆ ทาน เจียวไข่แล้วก็หมูทอด กันต์เองก็เป็นคนกินอยู่ง่ายเธอทำอะไรเขาก็กินได้หมด ระหว่างที่ทานข้าวเธอจึงเอ่ยปากพูดกับเขา
"คุณกันต์คะ" เขาเงยหน้าขึ้นจากจานข้าวสบตากับเธอเลิกคิ้วขึ้นข้างหนึ่ง "หืม..กลอยมีอะไร ?" "เอ่อ..เรื่องคุมกำเนิดค่ะ เพราะทุกครั้งที่เรามีอะไรกัน ไม่มีใครป้องกันเลย กลอยเกรงว่าเจ้าตัวเล็กจะมาเร็วเกินไป ถ้าเกิดว่าเราสองคนไปกันไม่รอดกลัวว่าจะมีปัญหา" เธอเว้นวรรคนิดหนึ่งแล้วก็พูดต่อ "กลอยจึงอยากให้คุณกันต์ใส่ถุงยาง แล้วกลอยก็จะกินยาคุมด้วยค่ะ" พอฟังเธอพูดจบกันต์ก็พยักหน้า รวบช้อนเพราะทานข้าวอิ่มพอดี "กลอย..ฟังนะ ผมต้องการเมียและต้องการสร้างครอบครัว คำว่าครอบครัวก็คือ ประกอบด้วยพ่อแม่แล้วก็ลูก เพราะฉะนั้นจะไม่มีใครคุมกำเนิดทั้งนั้น หากเจ้าตัวเล็กจะมาก็ให้เขามา กลอยไม่เชื่อใจผมหรือว่ากลอยจะอยู่กับผมแค่ชั่วคราว มีใครรอกลอยที่กรุงเทพ ฯ หรือเปล่า หรือกลอยไม่โอเคกับชีวิตชนบทแบบนี้ ?" เขาพูดออกมายืดยาวน้ำเสียงเรียบ ๆ แต่ดวงตาเศร้าสร้อย "ไม่ใช่แบบนั้นค่ะ คือกลอยเกรงว่า.. เอาเถอะไม่คุมก็ไม่คุม" เห็นท่าทางของเขาแล้วเธอก็ไม่สบายใจ อะไรจะเกิดก็ให้มันเกิดแล้วกันขี้เกียจคิดมาก คิดมากแล้วปวดหัว เธอแค่อยากป้องกันไว้ก่อนเท่านั้นเอง กันต์คว้ามือของเธอมากุมเอาไว้ "กลอย..เชื่อใจผมนะ" เขาพูดเสียงหนักแน่นจริงจัง เธอพยักหน้า "ค่ะ" กลอยใจเก็บจานชามไปล้างเพราะกันต์บอกว่าเขาจะเข้าไปดูงานในสวนสักหน่อย เธอจึงขอตามไปด้วยเพราะอยู่แต่ที่บ้านก็เหงา กันต์ไม่ปฏิเสธ กันต์ขับรถพาเธอมาที่สวนยางแห่งหนึ่งซึ่งตอนนี้มีคนหลายสิบคนกำลังเก็บก้อนอะไรบางอย่างสีขาว ๆ ออกมาจากถ้วยสีดำ "ขี้ยางน่ะ" กันต์บอกกับเธอแล้วก็พาเธอเดินเข้าไปดูใกล้ ๆ กลอยใจรู้สึกตื่นเต้นเป็นอย่างมากเพราะนี่เป็นครั้งแรกที่เธอเคยเห็นต้นยางพาราจริง ๆ และขั้นตอนการเก็บขี้ยางแบบเรียลไทล์ "แล้วเขากรีดกันตอนไหน กลอยขอลองกรีดบ้างได้ไหมคะ ?" เอ่ยขออนุญาติเขาอย่างนึกสนุก "ได้สิถ้าคุณลุกไหว เขากรีดกันตั้งแต่ตีสองตีสามโน่น" พอได้ฟังคำตอบจากเขาเธอก็หน้าแดงเพราะคำว่า 'ลุกไหว' ของกันต์มันสื่อความหมายว่าอย่างไรนั้นเธอเข้าใจดีที่สุด กันต์อมยิ้มเห็นท่าทางของเมียรักแล้วเขาก็อดเอ็นดูไม่ได้ แม้เพิ่งจะอยู่ด้วยกันได้แค่สามวันแต่เขากลับเข้าใจกิริยาอาการของเธอแทบจะทุกอย่าง ภายนอกดูอ่อนแอ รูปร่างหน้าตาก็สะสวย แต่ความจริงแล้วเธอแข็งแกร่งแล้วก็เก่งมาก สามารถชกน้ำผึ้งจนตาเขียวได้ก็น่าทึ่งแล้ว แต่ที่หน้าทึ่งอีกอย่างคือ งานบ้านงานเรือนเธอก็ทำได้ดี และที่สำคัญเรื่องบนเตียงก็ไม่ได้ขาดตกบกพร่องเลย แล้วอะไรกันแน่นะที่เป็นสาเหตุให้โลกเหวี่ยงเธอมาเจอกับเขา "ไปดูทางนั้นกัน" จูงมือเธอเดินไปดูตรงที่เขาเอาขี้ยางมารวมกันไว้ กองโตและมีรถแม็คโครคันเล็กตักก้อนยางเหล่านั้นใส่รถบรรทุกอีกที กลอยใจย่นจมูกนิดหนึ่งเพราะกลิ่นฉุนปะทะเข้าจมูก กันต์จึงควักผ้าเช็ดหน้าออกมาจากกระเป๋ากางเกงส่งให้เธอ กลอยใจรับมาเอามาปิดจมูกไว้ แต่ผ่านไปสักพักเธอก็คืนผ้าเช็ดหน้าให้เขาเพราะจมูกเริ่มปรับสภาพได้แล้ว หาญกล้าซึ่งเป็นหัวหน้าคนงานของสวนยางแห่งนี้รีบวิ่งมาหาเจ้านายเพื่อรายงานเกี่ยวกับเรื่องงานส่วนหนึ่ง แต่เรื่องที่อยากรู้มากกว่าก็คือผู้หญิงที่นายหัวพามาด้วยจะใช่เมียของนายหัวหรือเปล่า เพราะเมื่อเช้าตอนที่เขาไปกินข้าวที่โรงอาหารป้าสายกำลังเม้ามอยท์กับหลาย ๆ คนว่านายหัวมีเมียแล้ว "นายหัว" "หาญ ใกล้เสร็จรึยัง ?" หันไปถามลูกน้องแต่สายตาเหลือบมองเมียตลอดเวลา ตอนนี้กลอยใจเดินไปดูต้นยางที่อยู่ใกล้ ๆ บริเวณนั้น เธอมองรอยแผลที่โดนกรีดแล้วก็มีน้ำยางสีขาวไหลออกมาตรงแผลของมัน กว่าจะได้น้ำยางไปผลิตเป็นของใช้ต่าง ๆ ผ่านหลายกระบวนการน่าดู "ใกล้แล้วครับนายหัว รอบนี้ก็ประมาณสิบตัน ตอนนี้ราคายางกำลังปรับตัวขึ้นครับ" กันต์จะเก็บขี้ยางไปขายทุก ๆ สิบถึงสิบห้าวัน แล้วแต่ว่าน้ำยางในถ้วยนั้นจะเต็มเมื่อไหร่ "อือ..ดี ถ้าราคาดีแบบนี้ พวกเราจะได้มีโบนัสกัน" คนงานในสวนของกันต์มีทั้งคนไทยแล้วก็คนพม่า เขาดูแลทุกคนเหมือนพี่น้อง เจ็บป่วยก็รักษา สิ้นปีก็มีโบนัส คนงานของเขาจึงขยันขันแข็งและซื่อสัตย์ทุกคน แต่ถ้าใครที่ทำตัวเกเรหรือว่าไม่ตั้งใจทำงานนายหัวกันต์ก็เอาจริงเหมือนกัน หาญมองตามสายตาของเจ้านาย หญิงสาวคนนั้นผมยาว ขาว สวย กำลังลูบ ๆ คลำ ๆ ต้นยางอยู่อย่างสงสัยเป็นกิริยาที่น่าเอ็นดูไม่น้อย "ฮายนายหัว ผมยาว ปากแดง แหลงกลาง ตรงตามตำราเลยนะ จริงหรือเปล่าที่เค้าบอกว่านายหัวมีเมียแล้ว ?" "จริง" เจ้านายตอบเพียงเท่านั้นก็เดินจากไป ทิ้งให้หาญกล้าเกาหัวอย่างมึนงง อะไรวะเนี่ยยอมรับง่าย ๆ อย่างนี้เลยเหรอ เมื่อสามสี่วันที่แล้วเจ้านายยังเป็นโสดอยู่เลยมาวันนี้มีเมียซะแล้ว ผู้หญิงแถวนี้ให้ท่าพยายายามเข้าหาก็ตั้งหลายคนแต่ไม่มีทีท่าว่าเจ้านายของเขาจะสนใจ ไหงอยู่ดี ๆ มีเมียโผล่มาซะได้ โลกมันหมุนเร็วจริง ๆ "ไปกันเถอะ" กันต์เดินมาเรียกกลอยใจ "ค่ะ" เดินตามเขาไปขึ้นรถ วันนี้กันต์ตั้งใจจะพาเธอไปหาป้าของเขาซึ่งเป็นญาติผู้ใหญ่เพียงคนเดียวที่เหลืออยู่ ท่านเป็นพี่สาวของพ่อของเขาและไม่มีครอบครัวครองตัวเป็นโสดมาตลอด ตอนที่กันต์ยังเด็กก็ได้ท่านนี่แหละคอยอบรมเลี้ยงดู เพราะตอนนั้นพ่อกับแม่ของกันต์อยู่ในช่วงสร้างเนื้อสร้างตัวไม่ค่อยมีเวลา "เดี๋ยวผมจะพากลอยไปพบคุณป้าของผม" "โอ๊ย..ทำไมคุณไม่บอกกลอยก่อนล่ะคะ จะได้เตรียมของมาฝากท่านด้วย" เธอโวยวายนิดหน่อย "หรือว่าเราจะไปวันหลังดีคะ ?" หันหน้ามาทำตาวิบวับ กันต์ขำกับท่าทางของเธอ "ไม่ได้ครับ ผมบอกท่านเอาไว้แล้ว" ยื่นมือไปขยี้กระหม่อมของเธออย่างมันเขี้ยว เธอหน้ามุ่ยลงทันที "ป้าผมท่านใจดี ไม่ต้องกังวล" จะไม่กังวลได้ยังไง เธอกับเขารู้จักกันผ่านแอพหาคู่ คุยกันยังไม่ทันข้ามอาทิตย์ก็มาอยู่กินด้วยกันแล้ว จะบอกกับคนอื่นได้ยังไง แม้ว่าเธอจะไม่แคร์คนอื่นแต่เธอก็ไม่อยากให้กันต์ไม่สบายใจ เห็นเธอท่าทางหงอย ๆ กันต์ก็อดเห็นใจไม่ได้แต่เขาก็นัดกับป้าเอาไว้แล้ว อีกอย่างเขามั่นใจว่าป้าของเขาจะต้องเอ็นดูเธอแน่นอน กลอยใจมองวิวสองข้างทางเพื่อสงบจิตใจ พบว่าส่วนมากจะเป็นสวนเงาะ ลองกองแล้วก็ทุเรียน "ทุเรียน..!" จู่ ๆ เธอก็ตะโกนออกมา "คุณกันต์ ต้นทุเรียน ต้นทุเรียน !" ชี้ไม้ชี้มืออย่างตื่นเต้น จะไม่ให้เธอไม่ตื่นเต้นได้ยังไงเกิดมาเพิ่งเคยเห็นต้นทุเรียนเป็นสวนอย่างนี้ เคยมีโครงการไปเที่ยวสวนผลไม้กับน้ำฟ้าอยู่บ้างแต่ก็เกิดเรื่องซะก่อน แม้ว่าฐานะทางบ้านของกลอยใจจะไม่ได้ขัดสนอะไร แต่เธอก็ไม่ค่อยได้ไปเที่ยวใหน ตั้งใจไว้ว่าถ้าเรียนจบและมีงานทำแล้วจะไปเที่ยวให้ทั่วประเทศไทยเลยแต่ทุกอย่างกลับแปรผันไปหมด"สวัสดีค่ะ"กลอยใจยกมือไหว้หญิงชราอายุหกสิบกว่าอย่างนอบน้อม หลังจากที่กันต์แนะนำกับท่านว่าเธอเป็นเมียของเขา"แม่กลอย มาจากกรุงเทพ ฯ เรอะ ?""ใช่ค่ะคุณป้า"ท่านจ้องมองและสำรวจเธอตั้งแต่หัวจรดเท้า รู้สึกไม่ค่อยชอบใจนักที่กันต์เลือกผู้หญิงกรุงเทพ ฯ มาเป็นเมีย อยากให้หลานชายแต่งงานกับคนที่นี่มากกว่า แต่ก็เอาเถอะในเมื่อหลานชายเลือกแล้วท่านก็จะทำใจยอมรับ หน้าตาก็น่าเอ็นดูอยู่หรอกท่าทางก็ดูเรียบร้อยดีแต่ที่ท่านเป็นห่วงอย่างเดียวก็คือเกรงว่าแม่กลอยใจอะไรนี่จะทนคิดถึงแสงสีที่กรุงเทพ ฯ ไม่ไหวหนีกลับไปซะก่อน"ทานข้าวทานปลามากันหรือยังล่ะ ? ทานข้าวกันซะก่อน นี่ก็จะเที่ยงแล้ว ป้าทำแกงไตปลาแล้วก็ไข่พะโล้เอาไว้ เดี๋ยวป้าไปยกออกมาให้""เดี๋ยวหนูไปช่วยค่ะ"ป้าสุนีย์แปลกใจแต่ก็ไม่ได้พูดอะไรพยักหน้าและเดินนำเข้าไปในครัว เห็นหน้าขาว ๆ นึกว่าจะเป็นคนหยิบหย่งทำอะไรไม่เป็นเสียอีก กันต์มองตามสองสาวต่างวัยแล้วก็ยิ้ม บอกแล้วว่าป้าของเขาจะต้องเอ็นดูเธอกลอยใจช่วยป้าสุนีย์ยกสำรับกับข้าวและจัดโต๊ะกินข้าวอย่างคล่องแคล่ว พอทานข้าวอิ่มเธอก็ล้างถ้วยชาม กลอยใจสังเกตว่าป้าของกันต์มีหนังสือนิยายหลายเล่มอยู่ในตู้หนังสือเ
"ฮือ ๆ ๆ"น้ำผึ้งนั่งร้องไห้อยู่ที่ร้านค้าของบ้านพักคนงาน มีหาญกล้านั่งปลอบใจอยู่ข้าง ๆ บนโต๊ะมีขวดเบียร์อยู่สองขวด"ทำใจเถอะวะผึ้ง"พร้อมกับรินเบียร์ให้เธอเต็มแก้ว คนงานที่ผ่านไปผ่านมาต่างส่ายหน้าให้กับพฤติกรรมของน้ำผึ้ง เธอประกาศตัวอย่างชัดเจนว่าจะต้องเป็นเมียของนายหัวกันต์ให้ได้ แถมยังคอยดูถูกหนุ่ม ๆ คนงานที่มาจีบเธออยู่เสมอ มีแต่หาญกล้าเท่านั้นที่น้ำผึ้งคุยด้วย เพราะหาญกล้าเป็นหัวหน้าคนงานและเป็นคนสนิทของนายหัวที่นี่เป็นราวกับชุมชนเล็ก ๆ ชุมชนหนึ่งเลยทีเดียวเพราะกันต์มีคนงานหลายสิบคนส่วนมากก็เป็นคนต่างถิ่น คนอีสานบ้าง คนพม่าบ้าง เขาจึงสร้างบ้านพักขึ้นหลายหลัง แยกชายหญิงชัดเจน แต่ถ้าใครที่เป็นผัวเมียกันกันต์ก็แยกบ้านให้อยู่เป็นสัดส่วน มีร้านค้าขายของกินของใช้ที่จำเป็นให้ด้วยจะได้ไม่ต้องเข้าเมืองบ่อย ๆ เพราะสวนผลไม้และสวนยางของกันต์อยู่ไกลจากตัวเมืองมากโข "ฮือ ฉันไม่เชื่อว่านังหน้าขาวนั่นจะจริงใจกับนายหัว"ยิ่งหาญกล้าปลอบใจน้ำผึ้งยิ่งร้องไห้เสียงดังยิ่งกว่าเดิม เขาก็ชักจะเอือมระอาเธอแล้วเหมือนกัน แม้ว่าหาญกล้าเองจะแอบชอบน้าผึ้งมานานก็ตาม"ฮือ ๆๆๆ"แต่จะให้ทำอย่างไรได้แม้ว่าน้ำผึ้ง
หลังจากวันนั้นกลอยใจก็ไปเล่นกับเด็ก ๆ ที่ชุมชนบ้านพักคนงานเป็นประจำ เพราะมีลูกคนงานหลายคนที่ยังไม่ได้ไปโรงเรียน เธอเอาของเล่นมาให้บ้าง ขนมแล้วก็เสื้อผ้า บางทีก็มากินส้มตำกับคนงานผู้หญิงชาวอีสานโดยเฉพาะส้มตำปูปลาร้าอย่างแซ่บ เธอมาเพราะเหงาด้วยส่วนหนึ่ง แล้วอีกอย่างก็อยากมาหาข้อมูลเพื่อเอาไปเป็นวัตถุดิบในการเขียนนิยายของเธอด้วยตอนนี้กลอยใจรู้แล้วว่ากันต์เป็นเจ้าของสวนผลไม้ที่ใหญ่ที่สุดในจังหวัด ในตอนแรกที่เธอรู้ความจริงนั้นเธอยังไม่ค่อยเชื่อเท่าไหร่เธอคิดว่ากันต์แต่งเรื่องเพื่อให้เธอสบายใจ เธอพูดเกลี้ยกล่อมให้เขาบอกความจริงมาว่าเขาเป็นแค่หัวหน้าคนงาน จนเขาต้องพาเธอไปถามป้าสุนีย์กลอยใจถึงได้เชื่อ"คุณกลอยได้แล้วจ้ะ"กุหลาบ สาวน้อยวัยยี่สิบยกถาดส้มตำมาวางลงตรงหน้าของกลอยใจ "ว้าวว..น่าทานจัง ไม่เผ็ดใช่ไหมคะ ?""บ่อเผ็ดจ้า"ตอบกลอยใจไปแล้วก็หันไปเรียกน้ำผึ้งเพราะเธอเดินผ่านมาพอดี"อ้าว..พี่ผึ้ง มากินส้มตำด้วยกันจ้ะ""ไม่ล่ะ เหม็นปลาร้า"พูดจบก็สะบัดหน้าเดินผ่านกุหลาบแล้วก็กลอยใจไปที่ร้านค้า กุหลาบทำหน้างงเพราะเมื่อก่อนน้ำผึ้งก็เคยกินส้มตำปูปลาร้ากับเธอบ่อย ๆ ส่วนกลอยใจก็ได้แต่นึกขำกับท่าท
"ไม่นอนแล้วไง ?""ไม่นอนแล้ว อยากทำอย่างอื่นมากกว่า"ตอบเขาไปอย่างซุกซน กันต์คำรามในลำคอพลิกตัวขึ้นมาคร่อมร่างเล็กแต่อวบอิ่ม กลอยใจคล้องคอเขาเอาไว้ ตาหวานเยิ้มเผยอปากรอรับจูบจากเขา กันต์เห็นอย่างนั้นก็ไม่รอช้าก้มลงบดขยี้ริมฝีปากช่างยั่วนั้นอย่างร้อนแรง"อือ.."ครางอือในลำคอ จูบตอบเขาร้อนแรงไม่แพ้กัน เสื้อผ้าหลุดลุ่ยเหลือแต่ร่างเปลือยเปล่าทั้งสองคน หน้าอกอวบยังคงเป็นส่วนที่กันต์หลงใหล เขาดูดดึงยอดถันสีชมพูราวกับทารกดูดนม สองมือเค้นคลึงเต้าอวบเบา ๆ"อ๊าส์"พยายามกักเก็บเสียงเอาไว้แล้ว แต่เพราะความเสียวซ่านจึงไม่อาจอดทนเอาไว้ได้"ครางออกมาเลยที่รัก"กันต์บอกเมียรักเสียงแหบพร่า ก่อนจะลากลิ้นเลียลงมายังหน้าท้องแบนราบขาวเนียน จูบตรงสะดือของเธออย่างหยอกล้อ ส่วนมือใหญ่นั้นก็กอบกุมตรงเนินสามเหลี่ยมแสนหวานเอาไว้ ก่อนจะส่งนิ้วแกร่งเข้าไปสำรวจช่องทางรักที่น้ำหวานฉ่ำเยิ้มเบา ๆ"อาว์"กลอยใจยิ่งครางกระเส่า กันต์ถอนนิ้วออกมาแล้วใช้ลิ้นหนาเข้าไปสำรวจแทน เพิ่มความเสียวซ่านให้เมียรักอย่างไม่หยุดหย่อน ไม่นานกลอยใจก็ร่างกายกระตุกกันต์กลืนกินน้ำหวานที่หลั่งออกมาอย่างไม่รังเกียจ เมียเขาหวานไปทั้งตัวจริง ๆ
กลับมาจากบ้านของป้าสุนีย์เกือบสองทุ่มเพราะท่านชวนทานข้าวเย็นด้วย กลอยใจบอกกับตัวเองว่าคงต้องไปหาท่านบ่อย ๆ คนแก่มักจะขี้เหงา เธอคิดถึงยายของเธอที่เสียไปแล้วด้วย อีกอย่างป้าสุนีย์คุยสนุกโดยเฉพาะเรื่องนิยาย "รับ ๆ พี่กันต์ รับ"เสียงกลอยใจเชียร์สามีอย่างนึกสนุกแกมหวาดเสียวไปด้วย ถ้าเกิดว่าทุเรียนหล่นใส่หัวกันต์ เธอมีสิทธิ์เป็นหม้ายได้เลยนะนั่น แต่กันต์ก็รับได้อย่างคล่องแคล่ว โดยใช้กระสอบป่านเพียงใบเดียวรอรับทุเรียนที่พี่คนงานปีนขึ้นไปบนต้นสูง ๆ แล้วก็ใช้มีดปาดให้ลูกทุเรียนตกลงมา คนที่อยู่ข้างล่างก็คอยรับเพื่อไม่ให้ลูกทุเรียนตกพื้นวันนี้เธอมาสวนทุเรียนกับเขาด้วยเพื่อมาดูการเก็บทุเรียน และที่สำคัญในวันนี้เธอจะกินทุเรียนให้พุงกางไปเลยทีเดียว"เย้ ๆๆ พี่กันต์เก่งจัง"ปรบไม้ปรบมือเมื่อเห็นว่าสามีของเธอรับทุเรียนได้ทุกลูก จนกระทั่งหาญกล้าเดินเข้ามาหากันต์เพื่อบอกให้เขาไปเช็คดูทุเรียนล็อตใหม่ที่จะส่งไปที่เมืองจีน นั่นแหละกันต์ถึงได้ส่งกระสอบป่านไปให้คนงานชายคนหนึ่งที่ยืนใกล้ ๆ เขา แล้วก็เดินมาเรียกกลอยใจเพื่อไปดูทุเรียนที่จะส่งไปยังประเทศจีนกันต์กับหาญกล้าหายเข้าไปในโดมขนาดใหญ่สำหรับเก็บทุเ
วันนี้กลอยใจจะไปตลาดกับกุหลาบตามที่ได้นัดกันไว้เมื่ออาทิตย์ก่อน เธอขับรถกระบะของกันต์มารับกุหลาบที่ชุมชนบ้านพักคนงาน สาวน้อยมานั่งรอกลอยใจที่หน้าร้านค้านานแล้ว เพราะดีใจที่จะได้เข้าเมืองไปเที่ยวเปิดหูเปิดตา"ไปรถคันนี้หรือจ๊ะคุณกลอย ?"กุหลาบถามอย่างประหม่า"ใช่จ้ะ ทำไมหรือจ๊ะ ?""ฉันไม่กล้านั่งหรอกจ้ะ เรานั่งสองแถวไปกันก็ได้"สาวน้อยเอ่ยออกมาอย่างเกรงใจ รถของเจ้านายเธอไม่กล้านั่ง"ไปรถคันนี้แหละ สะดวกดี ถ้าเกิดว่าเราซื้อของเยอะ ๆ จะได้ไม่ต้องลำบากหอบหิ้ว"กลอยใจลากกุหลาบไปขึ้นรถและขับออกไปจากบริเวณนั้น แต่มีใครบางคนเบะปากอย่างหมั่นไส้ น้ำผึ้งนั่นเอง ที่จริงแล้วน้ำผึ้งก็อยากไปตลาดกับพวกกลอยใจอยู่เหมือนกันแต่เพราะทิฐิจึงทำให้เธอไม่กล้าขอไปด้วย"คุณกลอย พี่ผึ้งก็อยากไปตลาดกับเราอยู่นะ แต่ว่าพี่ผึ้งไม่กล้าขอมาด้วย"กุหลาบพูดขึ้นมาด้วยความซื่อ กลอยใจจึงชะลอรถเพราะยังขับออกมาไม่ไกล"ถ้าอย่างนั้นเรากลับไปรับพี่ผึ้งดีมั้ย ? แล้วมีใครอยากไปอีกบ้าง ชวนมาให้หมดเลย ไปหลาย ๆ คนสนุกดี"เพราะน้ำผึ้งอายุมากกว่า กลอยใจจึงเรียกเธอว่าพี่ กลอยใจไม่ได้คิดอะไรกับน้ำผึ้งเพราะเธอเชื่อใจสามีของเธอ กันต์ยืนยั
หลังจากที่ยัดเงินใส่มือให้หาญกล้า กันต์ก็กระดกเบียร์ในแก้วให้หมดแล้วรีบกลับบ้านทันที เสียงหาญกล้าแซวมาตามหลัง"งานนี้มีคนกลัวเมีย"แต่กันต์ไม่ได้ใส่ใจ ใครบอกเขากลัวเมีย เขากลัวที่ใหนทำไมต้องกลัว เมียก็แค่ลูกไก่ในกำมือจะบีบก็ตายจะคลายก็รอด ไอ้พวกนี้จะรู้อะไรที่เขารีบกลับแบบนี้ก็เพราะไม่อยากมีเรื่อง ไม่อยากมีปัญหาก็เท่านั้นเอง ผู้หญิงคือเพศที่อ่อนแอเราต้องดูแลและทะนุถนอมเธอ กันต์ปลอบใจตัวเอง"กลับมาแล้วครับ"ส่งเสียงบอกเมียรักที่กำลังทำอะไรบางอย่างอยู่ในครัว"พี่กันต์กลับมาแล้ว กินข้าวกัน กลอยซื้ออาหารที่ร้านชื่อดังของอำเภอมาฝาก"พูดจบก็ยกจานกับข้าวออกไปวางที่โต๊ะกินข้าว กันต์จึงเดินเข้าไปช่วย เมื่อยกกับข้าวออกมาหมดแล้วเขาก็ดึงตัวของกลอยใจเข้ามากอด "อี๋..พี่กันต์เหม็นจังไปอาบน้ำก่อนค่ะ"ผลักตัวของสามีออกเบา ๆ กันต์ทำหน้าเหรอหรา แล้วก็ยกแขนขึ้นสูดดมตรงซอกรักแร้ของตัวเอง"ก็ไม่เหม็นนี่นา พี่ขอกอดหน่อยนะ""ไม่ได้ ! ไปอาบน้ำก่อน"กลอยใจพูดเสียงเข้ม กันต์ทำหน้าจ๋อย"จ้ะ ๆ"แล้วก็เดินเข้าห้องเพื่อไปอาบน้ำ สักพักเมื่อเขาอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าเรียบร้อยแล้วกลอยใจถึงได้ยอมให้เขากอดหอมเหมือนเดิม"
เมื่อกันต์ออกจากบ้านไปแล้วกลอยใจก็ขับมอเตอร์ไซค์ตรงไปที่บ้านของป้าสุนีย์ ความจริงเธออยากจะไปคุยกับกุหลาบมากกว่าแต่วันนี้ไม่ใช่วันหยุดของสาวน้อยคนซื่อ อยู่บ้านคนเดียวก็เหงาแถมยังไม่มีไอเดียในการเขียนนิยายด้วย จึงไปหาป้าสุนีย์แทนขับรถเครื่องแค่สิบนาทีก็ถึงบ้านของป้าสุนีย์ กลอยใจเดินเข้าไปในบ้านเพราะเธอโทรบอกกับท่านแล้วว่าเธอจะมาหาแต่ก็ไม่นึกว่าท่านจะมีแขก พอเธอเดินเข้าไปในบ้านก็พบว่าท่านกำลังคุยอยู่กับผู้หญิงสาวสวยซึ่งอายุอานามน่าจะรุ่นราวคราวเดียวกับนายหัวกันต์ ในตอนแรกกลอยใจคิดจะกลับแต่ป้าสุนีย์เหลือบมาเห็นเธอเสียก่อนและท่านก็เรียกเธอไว้"อ้าว..แม่กลอย มานี่สิ"กลอยใจจึงเดินเข้าไปและนั่งลงที่เก้าอี้ข้าง ๆ ป้าสุนีย์"สวัสดีค่ะคุณป้า"ยกมือไหว้และกล่าวทักทายท่าน ป้าสุนีย์จึงแนะนำเธอกับผู้หญิงคนนั้น"นี่กลอยใจ เมียของกันต์"กลอยใจจึงยกมือไหว้เพราะเธอคนนั้นน่าจะอายุมากกว่าเธอ พอป้าสุนีย์แนะนำว่าเธอเป็นใครผู้หญิงคนนั้นก็นิ่งไป"ถ้าอย่างนั้นบุหงาขอตัวก่อนนะคะ"แล้วก็กล่าวคำลาเสียดื้อ ๆ พร้อมกับลุกขึ้นยืนคว้ากระเป๋า่ถือแล้วก็เดินออกไปจากบ้าน กลอยใจได้แต่สงสัยว่าเธอคนนี้เป็นใคร แต่จากคำพูดขอ
เมื่อมาถึงผับของนทีแล้วเขาก็เปิดห้อง VIP ให้กับทุกคน และสั่งเครื่องดื่มมาให้แบบจัดเต็ม หาญกล้าชอบใจมาก เมธีเองก็สนุก ส่วนกันต์นั้นในตอนแรกเขาก็ไม่กล้าเมาได้แต่หันไปมองหน้าภรรยา "พี่กันต์อยากดื่มก็ดื่มเลยค่ะ"กลอยใจบอกกับสามีเสียงอ่อนโยน เธอเองก็นึกเห็นใจเขาไม่น้อย เพราะตั้งแต่รู้ว่าเธอตั้งครรภ์เขาก็เข้าหน้าเธอไม่ติดเลย เพราะนอกจากเธอจะเหม็นกลิ่นตัวเขาแล้วยังเข้าหน้าเธอไม่ติดอีกด้วย เพิ่งจะมีสองสามวันมานี่แหละที่เธอการดีขึ้นเธอจึงไม่ค่อยหงุดหงิดใส่เขาเมื่อเมียรักอนุญาติกันต์จึงจัดเต็ม ชนแก้วกับเมธี หาญกล้าแล้วก็นทีด้วยความสนุกสนาน แหกปากร้องคาราโอเกะแบบไม่สนคีย์ ดูท่าทางสนุกสนานของสามีแล้วกลอยใจก็พลอยมีความสุขไปด้วย เธอเข้าไปเช็คยอดวิวของนิยายและใช้โอกาสนี้เขียนนิยายสักหน่อย ตั้งแต่แพ้ท้องเธอก็ไม่ได้อัพนิยายมาเป็นอาทิตย์แล้ว มีรี้ดเข้ามาคอมเมนต์ทวงตอนต่อไปอยู่หลายคน แม้จะมีเสียงดังอยู่รอบตัวก็ไม่ใช่ปัญหา ขอแค่อารมณ์มาไอเดียผุด กลอยใจก็สามารถเขียนนิยายได้ทุกที่"เป็นไงบ้าง ?"เมธีถามกุหลาบอย่างเป็นห่วง เห็นท่าทางพะอืดพะอมของเธอแล้วเขาก็ทั้งขำแล้วก็สงสาร "ไม่เป็นไร ดีขึ้นแล้วค่ะ"เธอย
เมื่อหนุ่ม ๆ ขึ้นรถเรียบร้อยแล้ว จึงไปรับสามสาวที่ร้านเสริมสวย กลอยใจมองสามีไม่วางตาเพราะลุคนี้เขาดูหล่อเหลา ชุดสูทพอดีตัวสีเทาเข้มส่งให้ร่างสูงกำยำของกันต์ดูเปลี่ยนไป แม้ความหล่อคมเข้มยังอยู่ แต่ที่เพิ่มมาอีกก็คือความอ่อนละมุนอบอุ่นอบอวลไปทั่วร่าง กันต์เองก็เขินกับสายตาของเมียรักและก็อดตะลึงกับความสวยของเมียไม่ได้ ชุดราตรีสีชมพูอ่อน เปิดไหล่เนียนละมุน เอวคอดกิ่วและหน้าท้องแบนราบแม้ตอนนี้เธอจะท้องได้เกือบสองเดือนแล้วก็ตาม แต่รูปร่างก็ยังเพรียวระหงอยู่เช่นเดิม ส่วนน้ำผึ้งกับกุหลาบก็สวยมากเช่นกันในชุดราตรีโทนสีฟ้าอ่อนขับผิวสีน้ำผึ้งของทั้งสองให้ดูเนียนละเอียดมากขึ้น โดยเฉพาะกุหลาบแทบดูไม่ออกเลยว่าเป็นเพียงสาวน้อยในสวนในไร่คนหนึ่งเท่านั้น เมธีมองกุหลาบตาไม่กระพริบ เมื่อสามสาวขึ้นรถเรียบร้อยแล้วรถก็เคลื่อนตัวตรงไปที่โรงแรมที่จัดงานแต่งของเกมส์กับน้ำฟ้า ทั้งหกคนเดินเข้าไปในงาน ต่างก็ตกเป็นเป้าสายตาของใครหลาย ๆ คน โดยเฉพาะกลอยใจนั้นต่างก็มีสายตาอยากรู้อยากเห็นของหลายคนมองตาม"นั่นมันยัยกลอยนี่"เสียงกระซิบกระซาบของอดีตเพื่อนร่วมงานของเธอพูดคุยกัน เกมส์กับน้ำฟ้าคงเชิญคนทั้งบริษัท กลอยใจคล
"โอ้..ว่าแล้ว"หลังจากที่กลอยใจเปิดประตูรั้วเข้าไปในบ้านเธอก็อุทานออกมา บริเวณหน้าบ้านในตอนนี้หญ้าขึ้นรก ดอกไม้ต้นไม้ก็เหี่ยวเฉา ฝุ่นเกาะเต็มตรงระเบียงหน้าบ้าน และขอบหน้าต่าง และภายในบ้านก็คงไม่ต่างกัน"นี่แหละค่ะบ้านของกลอย เชิญทุกคนค่ะ"เมื่อเธอพูดจบก็ดันประตูหน้าบ้านให้เปิดกว้างออก น้ำผึ้ง กุหลาบ กันต์แล้วก็หาญกล้าจึงลากกระเป๋าเสื้อผ้าเดินเข้าไปบ้านของกลอยใจเป็นบ้านเดี่ยว สามห้องนอนสองห้องน้ำลักษณะเหมือนบ้านในหมู่บ้านจัดสรรทั่วไป เธอซื้อบ้านหลังนี้ด้วยน้ำพักน้ำแรงของตัวเอง เมื่อก่อนเธออยู่กับยายแต่พอยายเสียเธอก็เลยอยู่คนเดียว บ้านของน้ำฟ้าก็อยู่ในหมู่บ้านแห่งนี้แต่อยู่ถัดไปอีกซอย"คุณกลอย ต้องทำความสะอาดกันยกใหญ่เลยนะเนี่ย"กุหลาบเอ่ยขึ้นมา เพราะมองดูสภาพแล้วถ้าไม่ทำความสะอาดก่อนคงเข้าพักไม่ได้แน่ ๆ กลอยใจพยักหน้าเห็นด้วย เธอไปอยู่กับกันต์ก็สี่ห้าเดือนแล้ว อีกอย่างตอนไปก็ไปอย่างกะทันหันจึงไม่ได้ฝากให้ใครช่วยดูแล ค่าน้ำค่าไฟเธอก็อาศัยจ่ายผ่านช่องทางออนไลน์เอา"เดี๋ยวกลอยโทรหาบริษัทรับทำความสะอาดมาช่วยจัดการ""ไม่ต้องหรอกคุณกลอย พวกเราช่วยกันทำก็ได้จ้ะ"น้ำผึ้งพูดขึ้นมา กุหาบกับหาญก
"พ่อกันต์วันนี้พาแม่กลอยไปหาหมอเลยนะ"ป้าสุนีย์หันไปบอกหลานชาย"ทำไมครับป้า ? กลอยป่วยหนักขนาดนั้นเลยเหรอครับ""ไม่ได้ป่วยแต่แม่กลอยกำลังแพ้ท้อง""แค่แพ้ท้อง ทำไมต้องไปหาหมอ อะ อะไรนะครับ แพ้ท้อง ?"กันต์ตะกุกตะกักถามด้วยความตื่นเต้น จับมือของเมียมาเขย่าพร้อมกับละล่ำละลักถาม"จริงเหรอกลอย ?""ยังไม่แน่ค่ะ แต่ประจำเดือนเลื่อนมาสองอาทิตย์แล้ว"กลอยใจเองก็อ้อมแอ้มตอบสามี รู้สึกตื่นเต้นปนกังวลเหมือนกัน"เราไปโรงพยาบาลกันเลยดีกว่า"กันต์ดึงมือเมียรักให้ลุกขึ้น เห็นท่าทางตื่นเต้นของหลานชายป้าสุนีย์ก็ส่ายหน้า"แม่กลอยยังกินข้าวไม่อิ่ม"กันต์จึงพึ่งนึกได้ ประคองเมียให้นั่งลงเหมือนเดิม ตัวเขาเองก็เพิ่งกินข้าวไปได้แค่สองสามคำเหมือนกัน "แบบนี้ต้องรีบจัดงานแต่ง"ป้าสุนีย์บอกกับสองผัวเมีย ความจริงแล้วท่านเองก็ตื่นเต้นไม่น้อย นึกไปถึงตอนที่มีเด็กตัวเล็ก ๆ มาวิ่งเล่นในบ้านแล้วก็ยิ้มอย่างมีความสุข คงต้องสร้างบ้านหลังใหม่เอาให้ใหญ่กว่าเดิม และท่านก็จะเป็นคนเลี้ยงเจ้าหนูหรือยัยหนูเองกับมือ บางทีท่านจะย้ายตัวเองไปอยู่บ้านเดียวกันกับหลานชายและหลานสะใภ้เลยดีกว่า"ใช่ครับป้า"แล้วก็หันไปพูดกับกลอยใจ"เราแ
บุหงาขับรถหนีเจ้าหน้าที่ตำรวจด้วยความเร็วสูง ภูมิที่นั่งเบาะข้าง ๆ ไม่กล้าขยับตัวเลยแม้แต่นิดเดียว ได้แต่มองหน้าแม่ด้วยความหวาดกลัวย้อนไปเมื่อสองอาทิตย์ก่อน "เพี๊ยะ !!""ฮือ ๆ ไอ้ผัวชั่ว"เสียงทะเลาะตบตีกันของแม่กับพ่อยังคงดังออกมาจากห้อง ภูมิได้แต่นั่งหลบอยู่ใต้โต๊ะกินข้าวด้วยความหวาดกลัว"โอ๊ย ! มึงหยุดนะอีบุหงา"เสี่ยนพร้องเสียงดังลั่นเมื่อบุหงาขว้างแจกันโดนหัวของเขา รู้สึกปวดแปลบที่หน้าผากและเหมือนมีของเหลวสีแดงอุ่น ๆ ไหลลงมาที่ข้างแก้ม เมื่อเห็นดังนั้นเขาก็โมโหขีดสุดเดินตรงปรี่เข้าไปหาบุหงาทันที และเมื่อเข้ามาใกล้ตัวของบุหงาเขาก็เงื้อมือขึ้นหมายจะตบลงไปที่ใบหน้าของเธอ"ฟุบ !"ร่างของเสี่ยนพหงายผึ่งลงไปทันที ที่หน้าผากมีรูกระสุนขนาด .22 มม. ปรากฏอยู่ ปืนกระบอกนั้นเป็นของเขาเอง บุหงาทรุดนั่งลงกับพื้น ทั้งหัวเราะและร้องไห้สลับกันไปมา มองปืนในมือที่ใส่ที่เก็บเสียงอย่างเลื่อนลอย นานนับสิบนาทีเธอจึงได้ลุกขึ้นและเดินออกไปหาภูมิเมื่อเสียงในห้องนอนของแม่กับพ่อเงียบไปแล้วภูมิจึงค่อย ๆ คลานออกมาจากใต้โต๊ะ ก็เห็นว่าแม่ของเขาออกมาจากห้องแล้ว ส่วนพ่อก็คงออกจากบ้านเหมือนเช่นทุกครั้ง แต่คราวน
น้ำผึ้งหาเก้าอี้มาให้เมธีนั่ง พร้อมกับหาน้ำหาท่ามาเสิร์ฟ ไม่นานกันต์ก็มาถึง"เอามา"กันต์ไม่พูดพร่ำทำเพลงอะไรแบมือไปตรงหน้าของเมธี เขาจึงยื่นซองเอกสารสีน้ำตาลให้เพื่อนรัก กันต์รีบเปิดดูทันที เมธีส่ายหน้าเอือมระอากับพฤติกรรมของเพื่อน ขอบอกขอบใจเขาสักคำก็ไม่มี แต่ก็ชินแล้วล่ะ เดี๋ยวถ้ามันนึกได้มันก็คงขอบใจเองแหละเมื่อกันต์อ่านทุกตัวอักษรบนเอกสารแผ่นนั้นอย่างละเอียดแล้วเขาก็กระโดดกอดเมธีแล้วก็จุ๊บแก้มเพื่อนไปหนึ่งที"อี๋ ไอไอ้ไอ้บ้า"เมธีถูแก้มข้างที่โดนจุ๊บอย่างแรง กันต์ไม่ได้สนใจท่าทางของเพื่อน รีบเดินเข้าไปหาเมียรักและเอาเอกสารแผ่นนั้นให้กลอยใจอ่าน และเมื่อเธออ่านจบแล้วก็หันไปมองภูมิด้วยความสงสาร ไม่รู้ว่าหากนำเรื่องนี้ไปคุยกับบุหงาภูมิจะโดนอะไรบ้าง"ไอ้หมอ มานี่"กันต์กวักมือเรียกเพื่อนที่กำลังถูแก้มด้วยความสยดสยองให้เดินเข้ามาหา เมธีก็เดินเข้ามาอย่างงง ๆ"กลอยนี่เมธี เพื่อนของพี่""สวัสดีค่ะ"กลอยใจยกมือไหว้ "นี่กลอยใจเมียของข้า""สวัสดีครับ"กันต์เล่าให้เขาฟังแล้วเรื่องกลอยใจ ก็ดูสวยเหมาะสมกันดีแหละกับไอ้กันต์ แต่เขาสะดุดตาแม่สาวน้อยผิวสีน้ำผึ้งนัยน์ตาโศกคนนั้นมากกว่า เพราะถ้าเกิ
หลังจากที่กลับมาจากโรงพยาบาลบุหงาพบว่าไม่มีใครอยู่ที่บ้านเลยสักคน กันต์ไปไหนนะ ? เธอจึงอาละวาดและทำลายข้าวของในบ้านจนพังเสียหายเกือบหมด แล้วก็กลับไปที่บ้านของเธอ"แม่กลับมาแล้ว"ภูมิวิ่งไปหาแม่ของเขาที่กำลังเดินเข้ามาในบ้านด้วยความดีใจ "หยุด ! ไม่ต้องเข้ามา"แต่บุหงาตวาดลูกเสียก่อน ภูมิหยุดชะงักเดินก้มหน้ากลับไปหาตากับยาย"บุหงา พูดกับลูกดี ๆ หน่อย"นายหัวเข้มตำหนิลูกสาว ส่วนยายนั้นก็กอดปลอบหลานชายตัวน้อย"เพราะมันชีวิตหนูถึงได้เป็นแบบนี้" พูดจบบุหงาก็เดินเข้าไปในห้อง ไม่สนใจลูกแล้วก็พ่อกับแม่อีก ทั้งสองท่านได้แต่มองหน้ากันแล้วก็ถอนหายใจ "กินขนมเถอะนะลูก""ครับยาย"หนูน้อยกินขนมที่คุณยายส่งมาให้ พลางชะเง้อตามหลังแม่ อยากจะเข้าไปกอดแต่ก็ไม่กล้า บุหงานอนร้องไห้อยู่บนเตียง ตั้งแต่เธอตั้งท้องเสี่ยนพก็เปลี่ยนไป เธอจึงคิดว่าเป็นเพราะลูกที่ทำให้ชีวิตของเธอเป็นแบบนี้ เพราะตั้งแต่มันเกิดมาก็มีแต่เรื่องเฮงซวยตลอด เธอหารู้ไม่ว่าที่เสี่ยนพเป็นแบบนั้นไม่ใช่เพราะเขาเปลี่ยนไปแต่มันคือสันดานที่แท้จริงของเขาต่างหากคำพูดหวาน ๆ การเอาใจสารพัดในตอนที่คบกันใหม่ ๆ นั้นเพราะเสี่ยนพเห็นว่าเธอร่ำรวยและหน้
และแล้วก็มาถึงวันที่จะไปรับฟังผลตรวจ DNA ซึ่งน่าแปลกมากหลังจากที่วันนั้นวันที่บุหงาไปสลบที่หน้าบ้านของกันต์เธอก็ไม่ได้ไปรังควานอะไรเขาอีก เพราะคงจะมั่นใจในผลตรวจจนน่าสงสัยกันต์กับกลอยใจไปรับป้าสุนีย์แล้วจึงเลยไปที่โรงพยาบาลและพอไปถึงก็พบว่าครอบครัวของบุหงาไปรออยู่ที่นั่นเรียบร้อยแล้วเมื่อทุกคนไปกันครบแล้วเจ้าหน้าที่ของโรงพยาบาลก็ถือซองใส่ผลตรวจ DNA ของกันต์กับน้องภูมิออกมา เขาสบตากับบุหงาแวบหนึ่งก่อนจะยื่นซองให้กันต์"เปิดดูได้เลยครับ"กันต์จึงเปิดซองเอกสารออกมาและค่อย ๆ ไล่สายตาไปตามตัวอักษรในกระดาษแผ่นนั้น'ผลการตรวจ DNA ปรากฏว่า โครโมโซมมีความคล้ายคลึงกัน 99.999 % ยืนยันว่าบุคคลทั้งสองเป็นพ่อลูกกัน'กันต์รู้สึกตกใจและแปลกใจเป็นอย่างมากกับผลตรวจ กลอยใจเองก็เช่นกันแม้ว่าเธอจะทำใจไว้แล้วส่วนหนึ่งก็ตาม"ฮึ ฮึ ฮ่า ๆๆๆ"บุหงาหัวเราะออกมาอย่างพอใจและสะใจ"ว่าไงคะกันต์ พอใจรึยัง"กันต์ไม่พูดกับบุหงาแต่หันไปหานายหัวเข้มกับคุณนายจันทราและคุยกับพวกท่านทั้งสองแทน"เราคงมีเรื่องต้องคุยกันอีกหลายเรื่อง ยังไงผมจะไปหานายหัวที่บ้านนะครับ"พูดจบแล้วกันต์ก็จูงมือของกลอยใจและหันไปมองป้าสุนีย์ เดินพา
"อะไรกันเนี่ย !?"น้ำผึ้งร้องโวยวายก่อนจะโทรหาหาญกล้า เพราะสภาพที่อยู่ตรงหน้าของเธอตอนนี้เละเทะไปหมด ข้าวของภายในบ้านโดยเฉพาะห้องนอนนั้นแตกเสียหายยับเยิน ประมาณสิบนาทีหาญกล้าก็ขับรถเครื่องมาถึง "พี่โทรบอกนายหัวแล้วเดี๋ยวนายหัวก็มา"น้ำผึ้งมาทำความสะอาดและจะนำผ้าห่มกับผ้าปูไปซักตามปกติ แต่พอมาเห็นสภาพบ้านของนายหัวที่บุหงาทำเอาไว้ เธอก็ทำอะไรไม่ถูกโมโหมากเพราะคนที่เก็บกวาดนั้นเป็นเธอ แต่งานนี้คงไม่ไหวเพราะเละเทะขนาดนี้คงต้องเก็บทิ้งแล้วล่ะระหว่างรอนายหัวน้ำผึ้งกับหาญกล้าก็ช่วยกันเก็บกวาดของบางส่วนเท่าที่พอจะทำได้ไปก่อน"พี่หาญ ชั้นว่าแม่บุหงานี่คงเป็นโรคจิตแน่ ๆ เลย ดูสิทำบ้านช่องคนอื่นพังเสียหายหมด"น้ำผึ้งวิพากษ์วิจารณ์แฟนเก่าของเจ้านายด้วยความโมโห ตอนที่บุหงาคบกับเจ้านายของเธอนั้นบุหงามักจะจิกหัวใช้คนงานแทบทุกคนรวมทั้งน้ำผึ้งด้วย ดีที่เลิกกับนายหัวไปได้ไม่งั้นคงวุ่นวายน่าดูเมื่อกันต์กับกลอยใจมาถึงและเห็นสภาพบ้านก็ได้แต่ส่ายหน้า เขาบอกให้น้ำผึ้งเก็บของที่แตกเสียหายทิ้ง เอากระเป๋าของบุหงามาวางไว้ที่ใต้ถุนบ้าน แล้วก็ล็อคกุญแจปิดบ้านเอาไว้ ก่อนที่จะพากันออกจากบ้านบุหงาก็ขับรถมาถึงพอดี