เมื่อทานข้าวเที่ยงกันเสร็จแล้วกันต์ก็พาเธอมาที่บ้านของเขา กลอยใจมองบ้านต์หลังนั้นอย่างทึ่ง ๆ เป็นบ้านไม้สักทั้งหลังขนาดพอเหมาะ ยกพื้นใต้ถุนสูง ปลูกอยู่กลางสวนเงาะและลองกอง ซึ่งตอนนี้เงาะกำลังออกลูกแดงปลั่ง
"ขึ้นบ้านสิคุณ" กันต์รุนหลังเธอให้เดินขึ้นบ้าน เธอทำท่าจะถอดรองเท้าแต่เขาห้ามเอาไว้ "ถอดข้างบน เดี๋ยวหมามาคาบไป" ขึ้นไปบนบ้านแล้วเธอก็ยืนหันรีหันขวาง ไม่รู้ว่าจะทำตัวอย่างไรจะนั่งตรงไหน กันต์จึงคว้ามือของเธอและจูงพาเธอเข้าไปในห้องนอน "นี่คือห้องนอนของเรา บ้านหลังนี้ผมอยู่คนเดียว และต่อจากนี้ไปก็มีคุณมาอยู่ด้วย ทำตัวตามสบาย อาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าแล้วก็นอนพักสักหน่อย เดี๋ยวผมจะออกไปดูสวน เย็น ๆ ถึงจะกลับ ถ้ายังไงคุณช่วยทำอาหารเย็นไว้รอผมด้วยนะ ในตู้เย็นมีอาหารสดอยู่หลายอย่าง คุณทำกับข้าวเป็นใช่ไหม ? ผมไปล่ะ" เขาสั่งเธอยืดยาวแล้วก็เดินลงจากบ้านไป กลอยใจเปิดกระเป๋าเสื้อผ้าที่เธอหอบหิ้วมาจากกรุงเทพ ฯ เสื้อผ้าเพียงไม่กี่ชุดและเครื่องสำอางค์สองสามอย่าง ส่วนมากก็เป็นพวกครีมบำรุงผิว เธอจัดเสื้อผ้าใส่ตู้เสื้อผ้า นำเครื่องสำอางค์ไปวางไว้ที่หน้าโต๊ะเครื่องแป้ง สังเกตดูห้องนอนของเขาแล้วก็ยิ้มเพราะดูความเป็นระเบียบเรียบร้อยของห้องนอนแล้วเขาก็คงเป็นคนรักความสะอาดพอตัว หรืออีกนัยหนึ่งอาจจะมีคนทำให้ เมื่อจัดของเสร็จเรียบร้อยเธอก็มองเตียงกว้างอย่างครุ่นคิด ชุดเครื่องนอนสีน้ำเงินเข้ม กลิ่นผงซักฟอกและกลิ่นน้ำยาปรับผ้านุ่มหอมฟุ้ง นี่เขาเตรียมพร้อมที่จะมีเมียขนาดนี้เลยหรือ แม้กระทั่งปลอกหมอน ผ้าปูที่นอนและผ้าห่มเขาก็เตรียมอันใหม่ นับตั้งแต่คืนนี้เป็นต้นไปเธอต้องนอนร่วมเตียงกับเขา ไหวหรือเปล่ากลอยใจ เธอเฝ้าถามตัวเองอยู่ในใจแต่คำตอบที่ได้ก็คือ 'เธอตัดสินใจแล้วต้องเดินหน้าต่อไป ลืมอดีตทั้งหมดเสีย' เธอลุกขึ้นหาผ้าเช็ดตัวเพื่อไปอาบน้ำอาบท่า ที่นี่เงียบเหลือเกินแม้ว่าตอนนี้จะพึ่งบ่ายสามเท่านั้นเอง ถ้าเป็นที่กรุงเทพ ฯ ในเวลานี้คงกำลังสับสนน่าดู ทั้งเสียงแตรรถ เสียงพูดคุย เสียงเครื่องจักรและเสียงอะไรอีกหลายอย่าง ห้องน้ำอยู่ในห้องนอนกลอยใจจึงอาบน้ำด้วยความสบายใจ บ้านของกันต์ค่อนข้างทันสมัยและน่าอยู่แบบบ้านในชนบททั่วไป เมื่ออาบน้ำเสร็จแล้วเธอก็สำรวจบ้านหลังน้อยหลังนี้ หนึ่งห้องครัว หนึ่งห้องนอน และลานโล่งกลางบ้านเป็นโซนรับแขกและนั่งพักผ่อน กลอยใจชอบบ้านหลังนี้มาก ดูเรียบง่ายและน่าอยู่ เธอเดินเข้าไปในห้องนอนอีกครั้งหยิบกระเป๋าสะพายออกมาและเดินไปนั่งที่โต๊ะตรงกลางลานโล่งกลางบ้าน หยิบไอแพดและโทรศัพท์ออกมาเช็คดูข้อความและสายโทรเข้า เธอเลือกตอบเท่าที่ต้องการตอบ ส่วนสายโทรเข้ามีแค่เกมส์กับน้ำฟ้าเท่านั้นที่โทรมา กลอยใจไม่เข้าใจ ทั้งสองคนนั้นยังกล้าโทรมาหาเธออีกหรือดูโทรศัพท์เรียบร้อยแล้วเธอก็ชาร์ตแบ็ตไว้ เปิดไอแพ็ดขึ้นมาและเช็คงานของเธอ กลอยใจกับน้ำฟ้ารู้จักกันตั้งแต่เด็ก บ้านของเธอกับน้ำฟ้าอยู่ในหมู่บ้านเดียวกันแต่คนละซอย ยายของกลอยใจก็รู้จักมักคุ้นกับพ่อและแม่ของน้ำฟ้าเป็นอย่างดี เรียนมหาวิทยาลัยเดียวกันและทำงานที่บริษัทเดียวกันแม้จะคนละแผนกก็ตาม แต่ที่คาดไม่ถึงอีกอย่างก็คือไม่น่าเชื่อว่าจะมาชอบผู้ชายคนเดียวกัน กลอยใจรู้จักกับเกมส์เพราะน้ำฟ้าแนะนำ เกมส์ทำงานที่บริษัทเดียวกันกับพวกเธอ แต่อยู่แผนกเดียวกันกับน้ำฟ้า เกมส์เป็นฝ่ายจีบเธอก่อนและเพราะความสม่ำเสมอของเขากลอยใจจึงตกลงคบเป็นแฟนกับเขา และกำลังจะหมั้นกันแล้วแต่ต้องมาชะงักไว้เสียก่อนเพราะยายของกลอยใจมาเสียกะทันหันด้วยโรคประจำตัว คิดมาถึงตรงนี้กลอยใจก็ขอบคุณในความโชคดีของตัวเองที่ไม่ได้หมั้นกับเกมส์ ไม่อย่างนั้นเธอคงจะเสียใจมากไปกว่านี้ และหลังจากวันที่กลอยใจรู้เรื่องของเกมส์กับน้ำฟ้าเธอก็ส่งจดหมายลาออกจากบริษัททางอีเมล์และไม่ติดต่อกับคนทั้งสองอีกเลย แม้ว่าเกมส์กับน้ำฟ้าจะโทรมาหรือแม้กระทั่งไปหาที่บ้านก็ตาม ช่วงสองสามวันที่หลบหน้าผู้คนอยู่แต่ในบ้านเธอจึงลองสมัครแอพหาคู่และได้คุยกันกับเขา กันต์ สิงหณรงค์ เขาบอกว่าเป็นชาวสวนชาวไร่ ต้องการเมียด่วน หากใครสนใจก็ตอบตกลงและให้เดินทางไปหาเขาที่สุราษฎร์ธานีภายในสามวัน และกลอยใจก็ตัดสินใจทันที "เฮ้อ !" ถอนหายใจอีกครั้ง เธอตัดสินใจแล้วนะกลอยใจ บอกกับตัวเอง ก่อนจะเลื่อนดูงานของเธอในไอแพด 1000 โหลดแล้วสำหรับนิยายเรื่อง 'เด็กบ้านนอก' และเรื่อง 'พุบ่าวเฒ่า สาววัยทีน' ก็ 800 โหลดพอดี กลอยใจนอกจากจะทำงานประจำซึ่งตอนนี้เธอได้ลาออกแล้วเธอก็ยังมีอีกอาชีพหนึ่งนั่นก็คือเขียนนิยายขายนั่นเอง ตั้งแต่เกิดเรื่องเธอก็ไม่ได้อัพนิยายเลย เข้ามาแล้วก็เขียนสักหน่อยเพราะไอเดียกำลังแล่นพอดี เขียนไปได้สักพักใหญ่เธอก็มองเวลาที่หน้าจอไอแพด ห้าโมงครึ่งแล้วได้เวลาเตรียมอาหารให้เขาแล้ว เธอจึงวางมือจากการเขียนนิยายและเดินเข้าครัว สำรวจวัตถุดิบในตู้เย็นก็พบว่ามีของสดหลายอย่าง ทั้งปลาหมึกสด กุ้งสด แล้วก็เนื้อหมู เธอจึงคิดจะผัดกะเพรารวม เพราะมีใบกะเพราในตู้เย็นด้วย นำของออกมาจากตู้เย็นแล้วเธอก็หุงข้าว ทานสองคนสองถ้วยตวงก็น่าจะพอ หุงข้าวไว้แล้วเธอก็หันมาหั่นหมู หั่นปลาหมึก และแกะเปลือกกุ้ง ล้างทำความสะอาดเสร็จแล้วก็ตั้งกะทะ โขลกกะเทียมกับพริก เมื่อน้ำมันเดือดก็นำกุ้ง หมู ปลาหมึกและก็พริกกับกระเทียมที่โขลกไว้ลงไปผัดพร้อมกัน ใส่น้ำมันหอย ซอสปรุงรสและน้ำตาลนิดหน่อยก็ได้แล้ว เมื่อผัดส่วนผสมจนสุกก็นำใบกะเพราที่เด็ดไว้ใส่ตามลงไป ปิดเตาแก๊สแค่นี้อาหารเย็นก็เรียบร้อย เดี๋ยวทอดไข่ดาวอีกอย่างก็เพอร์เฟ็ค กลิ่นหอมของอาหารลอยไปปะทะจมูกของกันต์ที่กำลังจะเดินขึ้นบ้าน เสียงตะหลิวกระทบกับกระทะเสียงดังกร๊องแกร๊งสร้างความรู้สึกแปลก ๆ ให้กับเขา ชีวิตที่เงียบเหงากำลังจะเปลี่ยนไปเพราะเธอ "ทำอะไร ?" เมื่อเดินขึ้นมาบนบ้านกันต์ก็ตรงเข้าไปในครัวพร้อมกับเอ่ยปากถามเธอ "ผัดกะเพราะรวมค่ะ คุณกันต์น่าจะทานได้" คำตอบของเธอทำให้เขาชะงัก ผัดกะเพราอาหารง่าย ๆ แต่ทำไมเขาฟังแล้วกับตื้นตันราวกับได้ยินว่ามันคือหูฉลามน้ำแดงนะ เขาไม่ได้กินเมนูนี้นานแล้ว ตั้งแต่วันที่พ่อกับแม่เขาเสียชีวิตด้วยอุบัติเหตุเมื่อสามปีก่อน แม่เขามักทำเมนูนี้ให้ทานประจำ แต่พอแม่เสียเขาทานฝีมือคนอื่นก็ไม่อร่อยเหมือนรสมือแม่สักคน เขาจึงเลิกทานไปโดยปริยาย "ลองชิมดูค่ะ" เมื่อเขาชะโงกหน้าไปมองผัดกะเพราในกะทะ กลอยใจจึงใช้ช้อนตักขึ้นมานิดหนึ่งส่งให้เขาชิม กันต์รับมาและส่งมันเข้าปาก "อือ..อร่อย" เขาเอ่ยปากชม กลอยใจยิ้มแก้มปริ "คุณกันต์ไปอาบน้ำก่อน แล้วค่อยมากินข้าว" พูดจบเธอก็จัดการทำความสะอาดครัวบริเวณที่เธอหั่นหมูหั่นปลาหมึก เปิดดูหม้อหุงข้าวว่ามันขึ้นหม้อหรือยัง ทำตัวให้วุ่นวายเพราะเธอเขิน กันต์ไม่ยอมปล่อยให้เธอเขินนาน ดึงเธอเข้าไปกอดไว้แนบอกและจูบแก้มเธอฟอดหนึ่ง กลอยใจกำลังจะประท้วง "หน้าที่ของเมีย นี่คือสิ่งที่คุณและผมจะต้องทำ"ระหว่างที่รอกันต์อาบน้ำ กลอยใจก็ทอดไข่ดาวสามใบ สำหรับตัวเองใบหนึ่ง อีกสองใบสำหรับเขา เสร็จแล้วก็ยกสำรับกับข้าวออกไปที่ลานโล่งกลางบ้าน วางอาหารไว้บนโต๊ะซึ่งเธอเดาเอาว่าน่าจะเป็นโต๊ะกินข้าว ฟ้าเริ่มมืดแล้วเพราะตอนนี้หกโมงเกือบทุ่ม ปกติถ้าอยู่ที่กรุงเทพ ฯ เธอยังไม่ถึงบ้านด้วยซ้ำ ไม่ทำโอทีก็ตระเวนหาอะไรกินกันสามคนกับน้ำฟ้าแล้วก็เกมส์ "กลอยใจ"เสียงของกันต์ดึงเธอออกมาจากความหลัง เธอหันไปยิ้มให้เขาแล้วก็ตักข้าวใส่จาน กันต์ใส่เสื้อกล้ามและกางเกงเล เผยให้เห็นมัดกล้าม แขนล่ำสันและผิวสีแทนอย่างชัดเจน กลอยใจหน้าร้อนผ่าวเมื่อเห็นรูปร่างของเขา "ผมโกนหนวดแล้วเป็นไงบ้าง ?"เขาเอ่ยปากถาม เธอจึงมองหน้าเขาให้ชัด ๆ อีกรอบ เพราะเมื่อกี้มัวแต่มองแผงอกกว้างจึงลืมสังเกตว่าเขาโกนหนวดโกนเคราแล้ว"ก็..ดูดีค่ะ"ตอบเขาไปอย่างเขินอาย ตักข้าวใส่ปากอีกสองสามคำก็อิ่ม เธอเดินเลี่ยงไปเขียนนิยายต่ออีกหน่อยระหว่างรอเขาทานข้าว กันต์ก็ไม่ได้เซ้าซี้เธอมาก กลอยใจคงต้องการเวลาปรับตัว เขาเองก็เช่นกันแต่เขากลับรู้สึกดีมากที่มีเธอเข้ามาในชีวิต คนใต้อย่างเขาจริงใจที่สุด เพราะถ้าไม่จริงใจและจริงจังเขาคงไม่จดทะเบียนสมรสกับเธอเธ
กว่าจะทำข้าวต้มทะเลเสร็จฟ้าก็สว่างพอดี ตอนนี้กันต์ก็ยังไม่กลับมา กลอยใจทำความสะอาดห้องครัวและเข้าไปเก็บห้องนอน ร่องรอยระหว่างเธอกับเขาปรากฏชัดเจนบนผ้าปูที่นอน หน้าเห่อร้อนโดยอัตโนมัติเธอจึงดึงผ้าปูที่นอนกับผ้าห่มหวังเอาไปซัก "กรี๊ดดดด ! แกเป็นใคร ?"กลอยใจสะดุ้งเพราะเสียงกรีดร้องนั้นก่อนจะเซถลาเพราะเจ้าของเสียงเดินเข้ามาผลักเธออย่างแรง เพราะยังไม่ทันตั้งตัวกลอยใจจึงเซไปชนกับโต๊ะหัวเตียงโคมไฟจึงล้มใส่แขนเธออย่างจัง และมันก็เขียวจ้ำขึ้นมาทันที"ออกไปจากบ้านของนายหัวเดี๋ยวนี้นะ !"ผู้หญิงสาวสวยผิวคล้ำอายุน่าจะมากกว่ากลอยใจแผดเสียงขึ้นอีกรอบ เมื่อตั้งตัวได้กลอยใจก็เผชิญหน้ากับเธอคนนั้น "ไม่ออก ฉันเป็นเมียเจ้าของบ้าน"ตอบออกไปพร้อมกับหันไปจัดการผ้าปูกับผ้าห่มต่อ น้ำผึ้งเห็นท่าทางไม่รู้สึกรู้สมของกลอยใจก็กระชากเธออีกรอบและเงื้อมือขึ้นตบหน้ากลอยใจทันที"เพี๊ยะ !"ฝ่ามือนั้นปะทะแก้มซีกซ้ายของกลอยใจเต็ม ๆ หน้าเธอขึ้นปื้นเป็นริ้วทันที เมื่ออีกฝ่ายไม่ฟังที่เธอบอกว่าเป็นเมียเจ้าของบ้านแถมยังใช้กำลังกับเธอก่อนเธอก็ไม่เกรงใจ น้ำผึ้งมัวแต่ดีใจกับผลงานและดูแล้วท่าทางของกลอยใจหงิม ๆ จึงไม่ทันระวังตั
"8565 บาทค่ะ"เสียงแคชเชียร์บอกหลังจากที่สแกนราคาสินค้าทั้งหมดเรียบร้อยแล้ว กันต์นับเงินและยื่นส่งให้แคชเชียร์ไป รับตังค์ทอนและเข็นรถเข็นไปที่รถ กลอยใจรู้สึกเป็นห่วงกันต์ เธอไม่รู้ว่าฐานะการเงินของเขาเป็นอย่างไรบ้าง ที่เธอชวนเขามาซื้อของนั้นไม่ได้คิดจะให้เขาจ่ายให้ ไม่เป็นไรเดี๋ยวถึงบ้านแล้วค่อยคืนเขาละกัน"คุณกันต์คะกลอยแวะร้านขายยาก่อนนะคะ"ระหว่างที่ช่วยกันขนของที่ซื้อมาใส่ท้ายรถกระบะเธอก็เอ่ยขึ้นมา"กลอยไม่สบาย ?""ไม่ใช่ค่ะ อยากได้ของใช้ของผู้หญิงน่ะค่ะ คุณกันต์รอที่รถก็ได้"พูดจบเธอก็เดินตรงไปที่ร้านขายยา สักพักใหญ่ก็หิ้วถุงพลาสติกใส่ของออกมาเดินไปขึ้นรถที่กันต์สตาร์ทเครื่องรออยู่แล้ว"แวะทานอะไรก่อนไหม ?""ก็ดีค่ะ"กลอยใจไม่ปฏิเสธ เขาจึงพาเธอแวะร้านอาหารขึ้นชื่อของที่นี่ ระหว่างนั่งทานข้าวก็มีคนมาทักทายกันต์อีกหลายคน กว้างขวางซะจริง กลอยใจนึกในใจแต่ก็เข้าใจได้ว่าสังคมของชนบทคงจะเป็นแบบนี้ ทุกคนรู้จักมักคุ้นกันหมด หรืออีกอย่างสามีของเธอจะไม่ใช่ชาวสวนธรรมดาเป็นเศรษฐีปลอมตัวมาหรือเปล่านะ เธอคิดกับตัวเองอย่างนึกสนุก แต่ถึงเขาจะเป็นอย่างไรยากดีมีจนเธอก็ได้ตัดสินใจใช้ชีวิตร่วมกันกับเ
กว่าทั้งสองคนจะก้าวออกมาจากห้องนอนได้ก็ปาไปเจ็ดโมงเช้า กลอยใจต้มน้ำชงกาแฟที่ซื้อมาเมื่อวานชงกาแฟให้เขาแล้วก็ตัวเองคนละแก้ว หุงข้าวและทำกับข้าว คราวนี้เธอตั้งใจว่าจะต้องพูดคุยกับเขาให้รู้เรื่องในเรื่องของการคุมกำเนิด อาหารเช้าวันนี้เธอทำอะไรง่าย ๆ ทาน เจียวไข่แล้วก็หมูทอด กันต์เองก็เป็นคนกินอยู่ง่ายเธอทำอะไรเขาก็กินได้หมด ระหว่างที่ทานข้าวเธอจึงเอ่ยปากพูดกับเขา"คุณกันต์คะ"เขาเงยหน้าขึ้นจากจานข้าวสบตากับเธอเลิกคิ้วขึ้นข้างหนึ่ง"หืม..กลอยมีอะไร ?""เอ่อ..เรื่องคุมกำเนิดค่ะ เพราะทุกครั้งที่เรามีอะไรกัน ไม่มีใครป้องกันเลย กลอยเกรงว่าเจ้าตัวเล็กจะมาเร็วเกินไป ถ้าเกิดว่าเราสองคนไปกันไม่รอดกลัวว่าจะมีปัญหา"เธอเว้นวรรคนิดหนึ่งแล้วก็พูดต่อ"กลอยจึงอยากให้คุณกันต์ใส่ถุงยาง แล้วกลอยก็จะกินยาคุมด้วยค่ะ"พอฟังเธอพูดจบกันต์ก็พยักหน้า รวบช้อนเพราะทานข้าวอิ่มพอดี "กลอย..ฟังนะ ผมต้องการเมียและต้องการสร้างครอบครัว คำว่าครอบครัวก็คือ ประกอบด้วยพ่อแม่แล้วก็ลูก เพราะฉะนั้นจะไม่มีใครคุมกำเนิดทั้งนั้น หากเจ้าตัวเล็กจะมาก็ให้เขามา กลอยไม่เชื่อใจผมหรือว่ากลอยจะอยู่กับผมแค่ชั่วคราว มีใครรอกลอยที่กรุงเทพ ฯ
"สวัสดีค่ะ"กลอยใจยกมือไหว้หญิงชราอายุหกสิบกว่าอย่างนอบน้อม หลังจากที่กันต์แนะนำกับท่านว่าเธอเป็นเมียของเขา"แม่กลอย มาจากกรุงเทพ ฯ เรอะ ?""ใช่ค่ะคุณป้า"ท่านจ้องมองและสำรวจเธอตั้งแต่หัวจรดเท้า รู้สึกไม่ค่อยชอบใจนักที่กันต์เลือกผู้หญิงกรุงเทพ ฯ มาเป็นเมีย อยากให้หลานชายแต่งงานกับคนที่นี่มากกว่า แต่ก็เอาเถอะในเมื่อหลานชายเลือกแล้วท่านก็จะทำใจยอมรับ หน้าตาก็น่าเอ็นดูอยู่หรอกท่าทางก็ดูเรียบร้อยดีแต่ที่ท่านเป็นห่วงอย่างเดียวก็คือเกรงว่าแม่กลอยใจอะไรนี่จะทนคิดถึงแสงสีที่กรุงเทพ ฯ ไม่ไหวหนีกลับไปซะก่อน"ทานข้าวทานปลามากันหรือยังล่ะ ? ทานข้าวกันซะก่อน นี่ก็จะเที่ยงแล้ว ป้าทำแกงไตปลาแล้วก็ไข่พะโล้เอาไว้ เดี๋ยวป้าไปยกออกมาให้""เดี๋ยวหนูไปช่วยค่ะ"ป้าสุนีย์แปลกใจแต่ก็ไม่ได้พูดอะไรพยักหน้าและเดินนำเข้าไปในครัว เห็นหน้าขาว ๆ นึกว่าจะเป็นคนหยิบหย่งทำอะไรไม่เป็นเสียอีก กันต์มองตามสองสาวต่างวัยแล้วก็ยิ้ม บอกแล้วว่าป้าของเขาจะต้องเอ็นดูเธอกลอยใจช่วยป้าสุนีย์ยกสำรับกับข้าวและจัดโต๊ะกินข้าวอย่างคล่องแคล่ว พอทานข้าวอิ่มเธอก็ล้างถ้วยชาม กลอยใจสังเกตว่าป้าของกันต์มีหนังสือนิยายหลายเล่มอยู่ในตู้หนังสือเ
"ฮือ ๆ ๆ"น้ำผึ้งนั่งร้องไห้อยู่ที่ร้านค้าของบ้านพักคนงาน มีหาญกล้านั่งปลอบใจอยู่ข้าง ๆ บนโต๊ะมีขวดเบียร์อยู่สองขวด"ทำใจเถอะวะผึ้ง"พร้อมกับรินเบียร์ให้เธอเต็มแก้ว คนงานที่ผ่านไปผ่านมาต่างส่ายหน้าให้กับพฤติกรรมของน้ำผึ้ง เธอประกาศตัวอย่างชัดเจนว่าจะต้องเป็นเมียของนายหัวกันต์ให้ได้ แถมยังคอยดูถูกหนุ่ม ๆ คนงานที่มาจีบเธออยู่เสมอ มีแต่หาญกล้าเท่านั้นที่น้ำผึ้งคุยด้วย เพราะหาญกล้าเป็นหัวหน้าคนงานและเป็นคนสนิทของนายหัวที่นี่เป็นราวกับชุมชนเล็ก ๆ ชุมชนหนึ่งเลยทีเดียวเพราะกันต์มีคนงานหลายสิบคนส่วนมากก็เป็นคนต่างถิ่น คนอีสานบ้าง คนพม่าบ้าง เขาจึงสร้างบ้านพักขึ้นหลายหลัง แยกชายหญิงชัดเจน แต่ถ้าใครที่เป็นผัวเมียกันกันต์ก็แยกบ้านให้อยู่เป็นสัดส่วน มีร้านค้าขายของกินของใช้ที่จำเป็นให้ด้วยจะได้ไม่ต้องเข้าเมืองบ่อย ๆ เพราะสวนผลไม้และสวนยางของกันต์อยู่ไกลจากตัวเมืองมากโข "ฮือ ฉันไม่เชื่อว่านังหน้าขาวนั่นจะจริงใจกับนายหัว"ยิ่งหาญกล้าปลอบใจน้ำผึ้งยิ่งร้องไห้เสียงดังยิ่งกว่าเดิม เขาก็ชักจะเอือมระอาเธอแล้วเหมือนกัน แม้ว่าหาญกล้าเองจะแอบชอบน้าผึ้งมานานก็ตาม"ฮือ ๆๆๆ"แต่จะให้ทำอย่างไรได้แม้ว่าน้ำผึ้ง
หลังจากวันนั้นกลอยใจก็ไปเล่นกับเด็ก ๆ ที่ชุมชนบ้านพักคนงานเป็นประจำ เพราะมีลูกคนงานหลายคนที่ยังไม่ได้ไปโรงเรียน เธอเอาของเล่นมาให้บ้าง ขนมแล้วก็เสื้อผ้า บางทีก็มากินส้มตำกับคนงานผู้หญิงชาวอีสานโดยเฉพาะส้มตำปูปลาร้าอย่างแซ่บ เธอมาเพราะเหงาด้วยส่วนหนึ่ง แล้วอีกอย่างก็อยากมาหาข้อมูลเพื่อเอาไปเป็นวัตถุดิบในการเขียนนิยายของเธอด้วยตอนนี้กลอยใจรู้แล้วว่ากันต์เป็นเจ้าของสวนผลไม้ที่ใหญ่ที่สุดในจังหวัด ในตอนแรกที่เธอรู้ความจริงนั้นเธอยังไม่ค่อยเชื่อเท่าไหร่เธอคิดว่ากันต์แต่งเรื่องเพื่อให้เธอสบายใจ เธอพูดเกลี้ยกล่อมให้เขาบอกความจริงมาว่าเขาเป็นแค่หัวหน้าคนงาน จนเขาต้องพาเธอไปถามป้าสุนีย์กลอยใจถึงได้เชื่อ"คุณกลอยได้แล้วจ้ะ"กุหลาบ สาวน้อยวัยยี่สิบยกถาดส้มตำมาวางลงตรงหน้าของกลอยใจ "ว้าวว..น่าทานจัง ไม่เผ็ดใช่ไหมคะ ?""บ่อเผ็ดจ้า"ตอบกลอยใจไปแล้วก็หันไปเรียกน้ำผึ้งเพราะเธอเดินผ่านมาพอดี"อ้าว..พี่ผึ้ง มากินส้มตำด้วยกันจ้ะ""ไม่ล่ะ เหม็นปลาร้า"พูดจบก็สะบัดหน้าเดินผ่านกุหลาบแล้วก็กลอยใจไปที่ร้านค้า กุหลาบทำหน้างงเพราะเมื่อก่อนน้ำผึ้งก็เคยกินส้มตำปูปลาร้ากับเธอบ่อย ๆ ส่วนกลอยใจก็ได้แต่นึกขำกับท่าท
"ไม่นอนแล้วไง ?""ไม่นอนแล้ว อยากทำอย่างอื่นมากกว่า"ตอบเขาไปอย่างซุกซน กันต์คำรามในลำคอพลิกตัวขึ้นมาคร่อมร่างเล็กแต่อวบอิ่ม กลอยใจคล้องคอเขาเอาไว้ ตาหวานเยิ้มเผยอปากรอรับจูบจากเขา กันต์เห็นอย่างนั้นก็ไม่รอช้าก้มลงบดขยี้ริมฝีปากช่างยั่วนั้นอย่างร้อนแรง"อือ.."ครางอือในลำคอ จูบตอบเขาร้อนแรงไม่แพ้กัน เสื้อผ้าหลุดลุ่ยเหลือแต่ร่างเปลือยเปล่าทั้งสองคน หน้าอกอวบยังคงเป็นส่วนที่กันต์หลงใหล เขาดูดดึงยอดถันสีชมพูราวกับทารกดูดนม สองมือเค้นคลึงเต้าอวบเบา ๆ"อ๊าส์"พยายามกักเก็บเสียงเอาไว้แล้ว แต่เพราะความเสียวซ่านจึงไม่อาจอดทนเอาไว้ได้"ครางออกมาเลยที่รัก"กันต์บอกเมียรักเสียงแหบพร่า ก่อนจะลากลิ้นเลียลงมายังหน้าท้องแบนราบขาวเนียน จูบตรงสะดือของเธออย่างหยอกล้อ ส่วนมือใหญ่นั้นก็กอบกุมตรงเนินสามเหลี่ยมแสนหวานเอาไว้ ก่อนจะส่งนิ้วแกร่งเข้าไปสำรวจช่องทางรักที่น้ำหวานฉ่ำเยิ้มเบา ๆ"อาว์"กลอยใจยิ่งครางกระเส่า กันต์ถอนนิ้วออกมาแล้วใช้ลิ้นหนาเข้าไปสำรวจแทน เพิ่มความเสียวซ่านให้เมียรักอย่างไม่หยุดหย่อน ไม่นานกลอยใจก็ร่างกายกระตุกกันต์กลืนกินน้ำหวานที่หลั่งออกมาอย่างไม่รังเกียจ เมียเขาหวานไปทั้งตัวจริง ๆ
เมื่อมาถึงผับของนทีแล้วเขาก็เปิดห้อง VIP ให้กับทุกคน และสั่งเครื่องดื่มมาให้แบบจัดเต็ม หาญกล้าชอบใจมาก เมธีเองก็สนุก ส่วนกันต์นั้นในตอนแรกเขาก็ไม่กล้าเมาได้แต่หันไปมองหน้าภรรยา "พี่กันต์อยากดื่มก็ดื่มเลยค่ะ"กลอยใจบอกกับสามีเสียงอ่อนโยน เธอเองก็นึกเห็นใจเขาไม่น้อย เพราะตั้งแต่รู้ว่าเธอตั้งครรภ์เขาก็เข้าหน้าเธอไม่ติดเลย เพราะนอกจากเธอจะเหม็นกลิ่นตัวเขาแล้วยังเข้าหน้าเธอไม่ติดอีกด้วย เพิ่งจะมีสองสามวันมานี่แหละที่เธอการดีขึ้นเธอจึงไม่ค่อยหงุดหงิดใส่เขาเมื่อเมียรักอนุญาติกันต์จึงจัดเต็ม ชนแก้วกับเมธี หาญกล้าแล้วก็นทีด้วยความสนุกสนาน แหกปากร้องคาราโอเกะแบบไม่สนคีย์ ดูท่าทางสนุกสนานของสามีแล้วกลอยใจก็พลอยมีความสุขไปด้วย เธอเข้าไปเช็คยอดวิวของนิยายและใช้โอกาสนี้เขียนนิยายสักหน่อย ตั้งแต่แพ้ท้องเธอก็ไม่ได้อัพนิยายมาเป็นอาทิตย์แล้ว มีรี้ดเข้ามาคอมเมนต์ทวงตอนต่อไปอยู่หลายคน แม้จะมีเสียงดังอยู่รอบตัวก็ไม่ใช่ปัญหา ขอแค่อารมณ์มาไอเดียผุด กลอยใจก็สามารถเขียนนิยายได้ทุกที่"เป็นไงบ้าง ?"เมธีถามกุหลาบอย่างเป็นห่วง เห็นท่าทางพะอืดพะอมของเธอแล้วเขาก็ทั้งขำแล้วก็สงสาร "ไม่เป็นไร ดีขึ้นแล้วค่ะ"เธอย
เมื่อหนุ่ม ๆ ขึ้นรถเรียบร้อยแล้ว จึงไปรับสามสาวที่ร้านเสริมสวย กลอยใจมองสามีไม่วางตาเพราะลุคนี้เขาดูหล่อเหลา ชุดสูทพอดีตัวสีเทาเข้มส่งให้ร่างสูงกำยำของกันต์ดูเปลี่ยนไป แม้ความหล่อคมเข้มยังอยู่ แต่ที่เพิ่มมาอีกก็คือความอ่อนละมุนอบอุ่นอบอวลไปทั่วร่าง กันต์เองก็เขินกับสายตาของเมียรักและก็อดตะลึงกับความสวยของเมียไม่ได้ ชุดราตรีสีชมพูอ่อน เปิดไหล่เนียนละมุน เอวคอดกิ่วและหน้าท้องแบนราบแม้ตอนนี้เธอจะท้องได้เกือบสองเดือนแล้วก็ตาม แต่รูปร่างก็ยังเพรียวระหงอยู่เช่นเดิม ส่วนน้ำผึ้งกับกุหลาบก็สวยมากเช่นกันในชุดราตรีโทนสีฟ้าอ่อนขับผิวสีน้ำผึ้งของทั้งสองให้ดูเนียนละเอียดมากขึ้น โดยเฉพาะกุหลาบแทบดูไม่ออกเลยว่าเป็นเพียงสาวน้อยในสวนในไร่คนหนึ่งเท่านั้น เมธีมองกุหลาบตาไม่กระพริบ เมื่อสามสาวขึ้นรถเรียบร้อยแล้วรถก็เคลื่อนตัวตรงไปที่โรงแรมที่จัดงานแต่งของเกมส์กับน้ำฟ้า ทั้งหกคนเดินเข้าไปในงาน ต่างก็ตกเป็นเป้าสายตาของใครหลาย ๆ คน โดยเฉพาะกลอยใจนั้นต่างก็มีสายตาอยากรู้อยากเห็นของหลายคนมองตาม"นั่นมันยัยกลอยนี่"เสียงกระซิบกระซาบของอดีตเพื่อนร่วมงานของเธอพูดคุยกัน เกมส์กับน้ำฟ้าคงเชิญคนทั้งบริษัท กลอยใจคล
"โอ้..ว่าแล้ว"หลังจากที่กลอยใจเปิดประตูรั้วเข้าไปในบ้านเธอก็อุทานออกมา บริเวณหน้าบ้านในตอนนี้หญ้าขึ้นรก ดอกไม้ต้นไม้ก็เหี่ยวเฉา ฝุ่นเกาะเต็มตรงระเบียงหน้าบ้าน และขอบหน้าต่าง และภายในบ้านก็คงไม่ต่างกัน"นี่แหละค่ะบ้านของกลอย เชิญทุกคนค่ะ"เมื่อเธอพูดจบก็ดันประตูหน้าบ้านให้เปิดกว้างออก น้ำผึ้ง กุหลาบ กันต์แล้วก็หาญกล้าจึงลากกระเป๋าเสื้อผ้าเดินเข้าไปบ้านของกลอยใจเป็นบ้านเดี่ยว สามห้องนอนสองห้องน้ำลักษณะเหมือนบ้านในหมู่บ้านจัดสรรทั่วไป เธอซื้อบ้านหลังนี้ด้วยน้ำพักน้ำแรงของตัวเอง เมื่อก่อนเธออยู่กับยายแต่พอยายเสียเธอก็เลยอยู่คนเดียว บ้านของน้ำฟ้าก็อยู่ในหมู่บ้านแห่งนี้แต่อยู่ถัดไปอีกซอย"คุณกลอย ต้องทำความสะอาดกันยกใหญ่เลยนะเนี่ย"กุหลาบเอ่ยขึ้นมา เพราะมองดูสภาพแล้วถ้าไม่ทำความสะอาดก่อนคงเข้าพักไม่ได้แน่ ๆ กลอยใจพยักหน้าเห็นด้วย เธอไปอยู่กับกันต์ก็สี่ห้าเดือนแล้ว อีกอย่างตอนไปก็ไปอย่างกะทันหันจึงไม่ได้ฝากให้ใครช่วยดูแล ค่าน้ำค่าไฟเธอก็อาศัยจ่ายผ่านช่องทางออนไลน์เอา"เดี๋ยวกลอยโทรหาบริษัทรับทำความสะอาดมาช่วยจัดการ""ไม่ต้องหรอกคุณกลอย พวกเราช่วยกันทำก็ได้จ้ะ"น้ำผึ้งพูดขึ้นมา กุหาบกับหาญก
"พ่อกันต์วันนี้พาแม่กลอยไปหาหมอเลยนะ"ป้าสุนีย์หันไปบอกหลานชาย"ทำไมครับป้า ? กลอยป่วยหนักขนาดนั้นเลยเหรอครับ""ไม่ได้ป่วยแต่แม่กลอยกำลังแพ้ท้อง""แค่แพ้ท้อง ทำไมต้องไปหาหมอ อะ อะไรนะครับ แพ้ท้อง ?"กันต์ตะกุกตะกักถามด้วยความตื่นเต้น จับมือของเมียมาเขย่าพร้อมกับละล่ำละลักถาม"จริงเหรอกลอย ?""ยังไม่แน่ค่ะ แต่ประจำเดือนเลื่อนมาสองอาทิตย์แล้ว"กลอยใจเองก็อ้อมแอ้มตอบสามี รู้สึกตื่นเต้นปนกังวลเหมือนกัน"เราไปโรงพยาบาลกันเลยดีกว่า"กันต์ดึงมือเมียรักให้ลุกขึ้น เห็นท่าทางตื่นเต้นของหลานชายป้าสุนีย์ก็ส่ายหน้า"แม่กลอยยังกินข้าวไม่อิ่ม"กันต์จึงพึ่งนึกได้ ประคองเมียให้นั่งลงเหมือนเดิม ตัวเขาเองก็เพิ่งกินข้าวไปได้แค่สองสามคำเหมือนกัน "แบบนี้ต้องรีบจัดงานแต่ง"ป้าสุนีย์บอกกับสองผัวเมีย ความจริงแล้วท่านเองก็ตื่นเต้นไม่น้อย นึกไปถึงตอนที่มีเด็กตัวเล็ก ๆ มาวิ่งเล่นในบ้านแล้วก็ยิ้มอย่างมีความสุข คงต้องสร้างบ้านหลังใหม่เอาให้ใหญ่กว่าเดิม และท่านก็จะเป็นคนเลี้ยงเจ้าหนูหรือยัยหนูเองกับมือ บางทีท่านจะย้ายตัวเองไปอยู่บ้านเดียวกันกับหลานชายและหลานสะใภ้เลยดีกว่า"ใช่ครับป้า"แล้วก็หันไปพูดกับกลอยใจ"เราแ
บุหงาขับรถหนีเจ้าหน้าที่ตำรวจด้วยความเร็วสูง ภูมิที่นั่งเบาะข้าง ๆ ไม่กล้าขยับตัวเลยแม้แต่นิดเดียว ได้แต่มองหน้าแม่ด้วยความหวาดกลัวย้อนไปเมื่อสองอาทิตย์ก่อน "เพี๊ยะ !!""ฮือ ๆ ไอ้ผัวชั่ว"เสียงทะเลาะตบตีกันของแม่กับพ่อยังคงดังออกมาจากห้อง ภูมิได้แต่นั่งหลบอยู่ใต้โต๊ะกินข้าวด้วยความหวาดกลัว"โอ๊ย ! มึงหยุดนะอีบุหงา"เสี่ยนพร้องเสียงดังลั่นเมื่อบุหงาขว้างแจกันโดนหัวของเขา รู้สึกปวดแปลบที่หน้าผากและเหมือนมีของเหลวสีแดงอุ่น ๆ ไหลลงมาที่ข้างแก้ม เมื่อเห็นดังนั้นเขาก็โมโหขีดสุดเดินตรงปรี่เข้าไปหาบุหงาทันที และเมื่อเข้ามาใกล้ตัวของบุหงาเขาก็เงื้อมือขึ้นหมายจะตบลงไปที่ใบหน้าของเธอ"ฟุบ !"ร่างของเสี่ยนพหงายผึ่งลงไปทันที ที่หน้าผากมีรูกระสุนขนาด .22 มม. ปรากฏอยู่ ปืนกระบอกนั้นเป็นของเขาเอง บุหงาทรุดนั่งลงกับพื้น ทั้งหัวเราะและร้องไห้สลับกันไปมา มองปืนในมือที่ใส่ที่เก็บเสียงอย่างเลื่อนลอย นานนับสิบนาทีเธอจึงได้ลุกขึ้นและเดินออกไปหาภูมิเมื่อเสียงในห้องนอนของแม่กับพ่อเงียบไปแล้วภูมิจึงค่อย ๆ คลานออกมาจากใต้โต๊ะ ก็เห็นว่าแม่ของเขาออกมาจากห้องแล้ว ส่วนพ่อก็คงออกจากบ้านเหมือนเช่นทุกครั้ง แต่คราวน
น้ำผึ้งหาเก้าอี้มาให้เมธีนั่ง พร้อมกับหาน้ำหาท่ามาเสิร์ฟ ไม่นานกันต์ก็มาถึง"เอามา"กันต์ไม่พูดพร่ำทำเพลงอะไรแบมือไปตรงหน้าของเมธี เขาจึงยื่นซองเอกสารสีน้ำตาลให้เพื่อนรัก กันต์รีบเปิดดูทันที เมธีส่ายหน้าเอือมระอากับพฤติกรรมของเพื่อน ขอบอกขอบใจเขาสักคำก็ไม่มี แต่ก็ชินแล้วล่ะ เดี๋ยวถ้ามันนึกได้มันก็คงขอบใจเองแหละเมื่อกันต์อ่านทุกตัวอักษรบนเอกสารแผ่นนั้นอย่างละเอียดแล้วเขาก็กระโดดกอดเมธีแล้วก็จุ๊บแก้มเพื่อนไปหนึ่งที"อี๋ ไอไอ้ไอ้บ้า"เมธีถูแก้มข้างที่โดนจุ๊บอย่างแรง กันต์ไม่ได้สนใจท่าทางของเพื่อน รีบเดินเข้าไปหาเมียรักและเอาเอกสารแผ่นนั้นให้กลอยใจอ่าน และเมื่อเธออ่านจบแล้วก็หันไปมองภูมิด้วยความสงสาร ไม่รู้ว่าหากนำเรื่องนี้ไปคุยกับบุหงาภูมิจะโดนอะไรบ้าง"ไอ้หมอ มานี่"กันต์กวักมือเรียกเพื่อนที่กำลังถูแก้มด้วยความสยดสยองให้เดินเข้ามาหา เมธีก็เดินเข้ามาอย่างงง ๆ"กลอยนี่เมธี เพื่อนของพี่""สวัสดีค่ะ"กลอยใจยกมือไหว้ "นี่กลอยใจเมียของข้า""สวัสดีครับ"กันต์เล่าให้เขาฟังแล้วเรื่องกลอยใจ ก็ดูสวยเหมาะสมกันดีแหละกับไอ้กันต์ แต่เขาสะดุดตาแม่สาวน้อยผิวสีน้ำผึ้งนัยน์ตาโศกคนนั้นมากกว่า เพราะถ้าเกิ
หลังจากที่กลับมาจากโรงพยาบาลบุหงาพบว่าไม่มีใครอยู่ที่บ้านเลยสักคน กันต์ไปไหนนะ ? เธอจึงอาละวาดและทำลายข้าวของในบ้านจนพังเสียหายเกือบหมด แล้วก็กลับไปที่บ้านของเธอ"แม่กลับมาแล้ว"ภูมิวิ่งไปหาแม่ของเขาที่กำลังเดินเข้ามาในบ้านด้วยความดีใจ "หยุด ! ไม่ต้องเข้ามา"แต่บุหงาตวาดลูกเสียก่อน ภูมิหยุดชะงักเดินก้มหน้ากลับไปหาตากับยาย"บุหงา พูดกับลูกดี ๆ หน่อย"นายหัวเข้มตำหนิลูกสาว ส่วนยายนั้นก็กอดปลอบหลานชายตัวน้อย"เพราะมันชีวิตหนูถึงได้เป็นแบบนี้" พูดจบบุหงาก็เดินเข้าไปในห้อง ไม่สนใจลูกแล้วก็พ่อกับแม่อีก ทั้งสองท่านได้แต่มองหน้ากันแล้วก็ถอนหายใจ "กินขนมเถอะนะลูก""ครับยาย"หนูน้อยกินขนมที่คุณยายส่งมาให้ พลางชะเง้อตามหลังแม่ อยากจะเข้าไปกอดแต่ก็ไม่กล้า บุหงานอนร้องไห้อยู่บนเตียง ตั้งแต่เธอตั้งท้องเสี่ยนพก็เปลี่ยนไป เธอจึงคิดว่าเป็นเพราะลูกที่ทำให้ชีวิตของเธอเป็นแบบนี้ เพราะตั้งแต่มันเกิดมาก็มีแต่เรื่องเฮงซวยตลอด เธอหารู้ไม่ว่าที่เสี่ยนพเป็นแบบนั้นไม่ใช่เพราะเขาเปลี่ยนไปแต่มันคือสันดานที่แท้จริงของเขาต่างหากคำพูดหวาน ๆ การเอาใจสารพัดในตอนที่คบกันใหม่ ๆ นั้นเพราะเสี่ยนพเห็นว่าเธอร่ำรวยและหน้
และแล้วก็มาถึงวันที่จะไปรับฟังผลตรวจ DNA ซึ่งน่าแปลกมากหลังจากที่วันนั้นวันที่บุหงาไปสลบที่หน้าบ้านของกันต์เธอก็ไม่ได้ไปรังควานอะไรเขาอีก เพราะคงจะมั่นใจในผลตรวจจนน่าสงสัยกันต์กับกลอยใจไปรับป้าสุนีย์แล้วจึงเลยไปที่โรงพยาบาลและพอไปถึงก็พบว่าครอบครัวของบุหงาไปรออยู่ที่นั่นเรียบร้อยแล้วเมื่อทุกคนไปกันครบแล้วเจ้าหน้าที่ของโรงพยาบาลก็ถือซองใส่ผลตรวจ DNA ของกันต์กับน้องภูมิออกมา เขาสบตากับบุหงาแวบหนึ่งก่อนจะยื่นซองให้กันต์"เปิดดูได้เลยครับ"กันต์จึงเปิดซองเอกสารออกมาและค่อย ๆ ไล่สายตาไปตามตัวอักษรในกระดาษแผ่นนั้น'ผลการตรวจ DNA ปรากฏว่า โครโมโซมมีความคล้ายคลึงกัน 99.999 % ยืนยันว่าบุคคลทั้งสองเป็นพ่อลูกกัน'กันต์รู้สึกตกใจและแปลกใจเป็นอย่างมากกับผลตรวจ กลอยใจเองก็เช่นกันแม้ว่าเธอจะทำใจไว้แล้วส่วนหนึ่งก็ตาม"ฮึ ฮึ ฮ่า ๆๆๆ"บุหงาหัวเราะออกมาอย่างพอใจและสะใจ"ว่าไงคะกันต์ พอใจรึยัง"กันต์ไม่พูดกับบุหงาแต่หันไปหานายหัวเข้มกับคุณนายจันทราและคุยกับพวกท่านทั้งสองแทน"เราคงมีเรื่องต้องคุยกันอีกหลายเรื่อง ยังไงผมจะไปหานายหัวที่บ้านนะครับ"พูดจบแล้วกันต์ก็จูงมือของกลอยใจและหันไปมองป้าสุนีย์ เดินพา
"อะไรกันเนี่ย !?"น้ำผึ้งร้องโวยวายก่อนจะโทรหาหาญกล้า เพราะสภาพที่อยู่ตรงหน้าของเธอตอนนี้เละเทะไปหมด ข้าวของภายในบ้านโดยเฉพาะห้องนอนนั้นแตกเสียหายยับเยิน ประมาณสิบนาทีหาญกล้าก็ขับรถเครื่องมาถึง "พี่โทรบอกนายหัวแล้วเดี๋ยวนายหัวก็มา"น้ำผึ้งมาทำความสะอาดและจะนำผ้าห่มกับผ้าปูไปซักตามปกติ แต่พอมาเห็นสภาพบ้านของนายหัวที่บุหงาทำเอาไว้ เธอก็ทำอะไรไม่ถูกโมโหมากเพราะคนที่เก็บกวาดนั้นเป็นเธอ แต่งานนี้คงไม่ไหวเพราะเละเทะขนาดนี้คงต้องเก็บทิ้งแล้วล่ะระหว่างรอนายหัวน้ำผึ้งกับหาญกล้าก็ช่วยกันเก็บกวาดของบางส่วนเท่าที่พอจะทำได้ไปก่อน"พี่หาญ ชั้นว่าแม่บุหงานี่คงเป็นโรคจิตแน่ ๆ เลย ดูสิทำบ้านช่องคนอื่นพังเสียหายหมด"น้ำผึ้งวิพากษ์วิจารณ์แฟนเก่าของเจ้านายด้วยความโมโห ตอนที่บุหงาคบกับเจ้านายของเธอนั้นบุหงามักจะจิกหัวใช้คนงานแทบทุกคนรวมทั้งน้ำผึ้งด้วย ดีที่เลิกกับนายหัวไปได้ไม่งั้นคงวุ่นวายน่าดูเมื่อกันต์กับกลอยใจมาถึงและเห็นสภาพบ้านก็ได้แต่ส่ายหน้า เขาบอกให้น้ำผึ้งเก็บของที่แตกเสียหายทิ้ง เอากระเป๋าของบุหงามาวางไว้ที่ใต้ถุนบ้าน แล้วก็ล็อคกุญแจปิดบ้านเอาไว้ ก่อนที่จะพากันออกจากบ้านบุหงาก็ขับรถมาถึงพอดี