“นายนั่นแหละคนโกหก ทั้งครอบครัวของนายก็เป็นคนโกหกทั้งนั้น!”ถังเจียเจียโกรธขึ้นทันทีเหมือนแมวที่ถูกเหยียบหาง “แกก็เป็นแค่ยาจกที่มาจากต่างถิ่น มีสิทธิ์อะไรพูดแบบนี้!”"ยาแก้บาดเจ็บเป็นธุรกิจของคุณตาฉัน ไม่เกี่ยวอะไรกับคนบ้านนอกอย่างนายเลยสักนิด”“ทุกคนอย่าไปฟังเขาพูดเพ้อเจ้อ ฉันถังเจียเจียจะต้องได้ตำแหน่งตัวแทนจำหน่ายใหญ่นี้แน่นอน!”การแถลงข่าววันนี้ นอกจากเป็นการเปิดตัว “ยาแก้บาดเจ็บ” แล้ว ยังเป็นการเปิดตัวร้านสมุนไพรซูเหวยของตระกูลซูอีกครั้งด้วยหลังจากที่พนักงานแนะนำเรียบร้อย หลายคนก็รู้จักประวัติที่มาของร้านสมุนไพรซูเหวยแล้วใครจะไปคิดว่า ตระกูลซูที่เคยถูกทำให้เป็นชายขอบในวงการแพทย์และสมุนไพร จะมีวันที่กลับมายิ่งใหญ่ได้อีกครั้งเช่นนี้เพียงแค่ยาแก้บาดเจ็บตัวเดียว ก็สามารถทำให้ตระกูลซูทะยานขึ้นฟ้า กลับมามีเกียรติอีกครั้งเหมือนสมัยบรรพบุรุษ!ชื่อร้านสมุนไพรซูเหวย สามารถยึดพื้นที่ในเมืองอันที่มีการแข่งขันอย่างดุเดือดได้สำเร็จตอนนี้ คนหนึ่งคือหลานสาวของตระกูลซู ลูกสาวของตระกูลถังยักษ์ใหญ่ด้านสมุนไพรอีกคนคือคนต่างถิ่นที่ไม่เป็นที่รู้จัก ดูแล้วธรรมดามากทุกคนจะเชื่อใคร?คำตอ
ถังเจียเจียไม่เพียงแค่ไม่เอาถ่าน ยังไม่รู้เรื่องอะไรเกี่ยวกับวงการธุรกิจเลยเธอยิ้มอย่างดูถูก คล้ายกับลูกวัวเกิดใหม่ที่ไม่กลัวเสือ แล้วกล่าวอย่างดูถูกว่า “ตระกูลหลิ่วอะไรกัน ไม่เห็นเคยได้ยินเลย”“จะมาเทียบกับตระกูลถังของเราได้เหรอ?”ยิ่งเห็นคนที่เชื่อเธออย่างสนิทใจ ต่างเผยสีหน้าประหลาดใจออกมาหลายคนกลั้นไม่อยู่ ก็หัวเราะเสียงดังขึ้นมา“คุณหนูถังคนนี้กล้าจริงๆ เลย น่าขำจริงๆ ตระกูลถังจะเอาอะไรไปเทียบได้”“ต่อหน้าตระกูลหลิ่ว แม้แต่ตระกูลหม่าเองก็ยังไม่กล้าล่วงเกิน แต่เธอกลับกล้าพูดว่าตระกูลหลิ่วไม่มีคุณสมบัติมาเทียบกับตระกูลถัง”“ฝ่ายที่ไม่มีคุณสมบัติคือตระกูลถังต่างหาก ต่างกับตระกูลหลิ่วอยู่ตั้งไม่รู้กี่ชั้น!”ถังเจียเจียถูกล้อเลียนอย่างหนักเพราะความไม่รู้ของตัวเองใบหน้าเธอแดงก่ำด้วยความอับอายทันที อยากโต้กลับแต่ก็ไม่รู้จะเริ่มพูดอะไรก่อนหลิ่วซือหยินเดินมาด้วยท่าทีสง่างาม ไม่ว่าจะเป็นหน้าตาหรือบุคลิกภาพ ก็ชัดเจนว่าเหนือกว่าถังเจียเจียมากต่อหน้าหญิงเก่งคนนี้ ถังเจียเจียไม่มีอะไรเทียบเคียงได้เลย ถูกเตะออกจากสนามทันที!“ร้านสมุนไพรซูเหวยใช้รูปแบบการขายตรง ยาแก้บาดเจ็บไม่มีระ
“ใครน่ะ?”ถังเจียเจียตกใจไม่ทันตั้งตัว รีบร้องตะโกนเสียงดัง “พวกแกจะทำอะไร กล้ามากนะ รู้ไหมว่าฉันเป็นใคร ปล่อยฉันเดี๋ยวนี้...”“นังแพศยา หุบปากของเธอซะ!”เงาดำร่างหนึ่งใช้สีนมือทุบลงมาบนต้นคอของถังเจียเจียถังเจียเจียเงียบเสียงไปในทันที ร่างกายเอนตัวเหมือนจะล้มลงคนสองคนช่วยกันแบกตัวเธอขึ้นมาแล้วรีบเดินไปยังรถออฟโรดสีดำที่จอดอยู่ข้างๆพวกเขาจับถังเจียเจียยัดเข้าไปในท้ายรถ แล้วขับรถออกไปอย่างรวดเร็วชั้นบนลั่วอู๋ฉางและซูเฉี่ยนเฉี่ยนไม่ได้เปิดโอกาสให้ผู้คนมาประจบ พวกเขาออกจากที่จัดงานทันทีแล้วตรงไปทานข้าวเลยหลิ่วซือหยินก็เช่นกัน เธอกลับไปยังห้องพักและสั่งห้ามไม่ให้ใครมารบกวน“ศิษย์พี่ วันนี้ซาลาเปาเนื้อลารสชาติไม่เลวเลยนะ”เด็กสาวกอดแขนลั่วอู๋ฉางไว้ด้วยมือข้างหนึ่ง และอีกข้างหนึ่งก็ลูบท้องน้อยที่ดูป่องขึ้น พูดว่า “ฉันกินไปสามชิ้นรวดเลย”“ตอนกินไม่รู้สึก แต่ตอนนี้รู้สึกแน่นท้องมาก!”“แย่แล้วๆ ฉันจะไม่อ้วนใช่ไหม?”ลั่วอู๋ฉางพูดด้วยความเอ็นดู "เฉี่ยนเฉี่ยนยังอยู่ในวัยที่เจริญเติบโตได้ กินเยอะๆ หน่อยจะได้มีสารอาหาร ไม่อ้วนหรอก”ที่จริงแล้ว อาหารวันนี้ก็แค่ถือว่าพอใช้ได้ ไม่ไ
เธอย่อมรู้จุดประสงค์ของลูกสาวดี ความลับที่ไม่อาจบอกใครได้เช่นนี้ จะให้พูดออกมาในที่สาธารณะได้ยังไง“เทียนเหลียงล่ะ มีข่าวอะไรจากทางนั้นบ้างหรือเปล่า?” ซูเทียนคั่วถามซูหมิงหยาส่ายหัวและกล่าวว่า “ไม่มีข่าวใหม่เลยค่ะ รู้แค่ว่าเจียเจียถูกกลุ่มคนต่างชาติลักพาตัวไปจากที่ลานจอดรถใต้ดิน”หลังจากลูกสาวขาดการติดต่อ ซูหมิงหยาและถังเทียนเหลียงก็รีบใช้เส้นสายออกตามหาทันทีไม่นาน พวกเขาก็พบรถของถังเจียเจียในลานจอดรถของโรงแรมจากนั้นก็รู้จากการดูภาพในกล้องวงจรปิดว่าถังเจียเจียถูกลักพาตัวไปขณะนี้เอง ซูเฉี่ยนเฉี่ยนและลั่วอู๋ฉางก็เดินเข้ามาในลานบ้าน“พวกเธอสองคน!”เมื่อเห็นทั้งสองคนมีท่าทางผ่อนคลาย หัวเราะพูดคุยกันอย่างมีความสุข ซูหมิงหยาก็โกรธจนหัวเสีย“ลูกสาวฉันถูกลักพาตัวไปแล้ว พวกเธอยังจะดีใจกันได้อีก ยังเป็นคนอยู่หรือเปล่า?”ซูเฉี่ยนเฉี่ยนมีศิษย์พี่อยู่ข้างๆ จึงย่อมไม่เกรงใจเธอเลยสักนิด “ถ้าพวกเราร้องไห้สองสามเสียง แล้วถังเจียเจียจะกลับมาได้หรือไง?”“ขอร้องล่ะ เธอแค่ถูกลักพาตัว ไม่ได้ตายแล้วสักหน่อย จะเศร้าไปทำไม?”ซูหมิงหยาโกรธจนหน้าเขียว อกสะท้านแรง “คุณพ่อคะ ฟังสิ ที่ซูเฉี่ยนเฉี่ยน
ถึงซูเฉี่ยนเฉี่ยนจะไม่ชอบถังเจียเจีย แม้กระทั่งจะรู้สึกเกลียดเธอก็ตามแต่สิ่งนี้ก็ไม่ทบต่อความมีเมตตาในใจของซูเฉี่ยนเฉี่ยน เมื่อเห็นถังเจียเจียตกอยู่ในสภาพนี้ เธอก็อดเป็นห่วงไม่ได้ในวิดีโอ ชายชุดดำคนนั้นพูดภาษาประเทศมังกรอย่างตะกุกตะกักว่า “ให้พวกแกสองชั่วโมง จงเอาของมาไถ่ตัวคนซะ”“ถ้าหมดเวลาแล้วพวกแกยังไม่มา เราจะฆ่าตัวประกันทิ้ง!”“สาวสวยที่อายุยังน้อยแบบนี้ ถ้าฆ่าทิ้งเฉยๆ ก็คงน่าเสียดาย พวกเราเองก็รู้จักใช้ประโยชน์ของสิ่งของให้เต็มที่...ฮ่าๆ พวกแกเข้าใจใช่ไหม!”“ถ้าไม่ทำงามเงื่อนไขของพวกเรา ก็เตรียมตัวเก็บศพเธอได้เลย!”ถังเจียเจียหวาดกลัวจนร้องไห้โฮ ดูน่าสงสารมากซูเทียนคั่วโกรธมาก พูดอย่างโมโห “พวกแกมันเป็นสัตว์เดรัจฉาน ชาติชั่วยิ่งกว่าสัตว์นรก!”“เทียนเหลียง พวกเขาต้องการเงินเท่าไหร่?”“ไม่ว่าเท่าไหร่ ต่อให้เราสองตระกูลต้องขายทรัพย์สินทั้งหมด ก็จะต้องช่วยเจียเจียกลับมาให้ได้”คำพูดของคุณตาทรงพลัง แสดงถึงความแน่วแน่อย่างมากถังเทียนเหลียงยิ้มแห้งๆ แล้วพูดว่า “ถ้าสามารถใช้เงินแก้ปัญหาได้ ผมก็คงไม่มารบกวนคุณพ่อหรอกครับ”“ถึงตระกูลถังจะไม่ได้ร่ำรวยมาก แต่ค่าไถ่ตัวเล็กๆ น้
ซูเทียนคั่วรู้สึกอึดอัดใจสุดๆ และหันไปขอความช่วยเหลือจากลั่วอู๋ฉางหลายครั้งลั่วอู๋ฉางไม่สนใจเขาและพูดขึ้นว่า “ในเมื่อแน่ใจว่าเป็นการลักพาตัว ได้แจ้งตำรวจหรือยัง?”ถังเทียนเหลียงเลิ่กคิ้วขึ้น “แจ้งตำรวจทำไม!”“พวกนั้นเป็นคนร้ายจากต่างประเทศ ตำรวจจัดการพวกเขาไม่ได้อยู่แล้ว ผมไม่สามารถเอาความปลอดภัยของลูกสาวมาเสี่ยงได้”ลั่วอู๋ฉางถามต่อ “ต่อให้ตำรวจจัดการไม่ได้ แล้วกองรักษาความปลอดภัยหรือค่ายบู๊ลิ้มก็ทำไม่ได้เหรอ?”ถังเทียนเหลียงเบิกตาโตด้วยความโกรธ “พูดง่ายดีหนิ! ถ้าเกิดมีอะไรผิดพลาด ความปลอดภัยของเจียเจียจะรับประกันได้ยังไง?”ซูเทียนคั่วสูดหายใจเข้าลึกๆ และพูดว่า “ท่านลั่ว เห็นได้ชัดว่าคนพวกนั้นมองเห็นศักยภาพทางการตลาดอันมหาศาลของยาแก้บาดเจ็บ”“ดังนั้น พวกเขาจึงลักพาตัวเจียเจียไป”ถังเทียนเหลียงเหมือนนึกอะไรออก จึงรีบพูดเสริมว่า “อ้อ พวกเขาระบุชัดเจนว่า หลังได้สูตรยาแล้วจะไม่ขายในประเทศแน่นอน”“เป้าหมายของพวกเขาคือตลาดต่างประเทศ ไม่สนใจที่จะแข่งขันกับร้านสมุนไพรซูเหวยในประเทศ”ซูเทียนคั่วแสดงสีหน้ายินดี “ท่านลั่ว ท่านคิดว่า...”การที่ยังสามารถรักษาตลาดในประเทศไว้ได้ นับว่าเป
“จริงๆ แล้ว ฉันเกลียดถังเจียเจียมาก”ลั่วอู๋ฉางไม่ได้ปกปิดความคิดในใจของเขาเลย พูดอย่างตรงไปตรงมาว่า “เธอจะตายหรืออยู่ มันเกี่ยวอะไรกับฉัน!”ทุกคนในบ้านแสดงสีหน้าผิดหวังพร้อมกันแต่คำพูดของลั่วอู๋ฉาง พวกเขาก็ไม่สามารถโต้แย้งได้แต่ลั่วอู๋ฉางก็เปลี่ยนท่าที “แต่ว่า ถ้าเฉี่ยนเฉี่ยนขอให้ช่วย ฉันก็อาจพอยอมทำให้ได้”“จริงเหรอ?”ทุกคนในบ้านสายตาเป็นประกายพร้อมกัน!ความประหลาดใจที่มาถึงอย่างรวดเร็ว ทำให้พวกเขาตั้งตัวไม่ทันเดิมทีคิดว่าเรื่องนี้คงไม่มีหวังแล้ว ใครจะคิดว่าท่านลั่วจะเปลี่ยนใจ“ขอบคุณมากครับท่านลั่ว!” ซูเทียนคั่วร้องไห้ออกมาด้วยความตื่นเต้น น้ำตาไหลนองหน้าถังเทียนเหลียงเองก็ตื่นเต้นเช่นกัน กล่าวอย่างเคารพว่า “ท่านลั่ว ท่านช่างมีจิตใจเมตตาเหมือนพระโพธิสัตว์จริงๆ!”“เจียเจียรอดแล้ว ท่านคือผู้ให้ชีวิตใหม่ของเธอ รอให้ช่วยเธอกลับมาได้ พวกเราทั้งครอบครัวจะกราบขอบคุณท่านสำหรับบุญคุณครั้งนี้!”ซูหมิงหยาเปลี่ยนความประทับใจที่ไม่ดีที่มีต่อลั่วอู๋ฉางไป กลับกล่าวขอบคุณเขาซ้ำแล้วซ้ำเล่า“ไม่ต้องขอบคุณผมหรอก ถ้าไม่ใช่เพราะเฉี่ยนเฉี่ยน ผมคงไม่ตกลง” ลั่วอู๋ฉางยืนยันอย่างจริงจังซูเ
ไม่นานนัก ซูเทียนคั่วก็จากไปลั่วอู๋ฉางไม่ปิดบังความรังเกียจที่มีต่อคู่สามีภรรยาของถังเทียนเหลียง พูดว่า “ในเมื่อมอบสูตรยาไปแล้ว ถังเจียเจียก็คงไม่มีปัญหาแล้ว”“เฉี่ยนเฉี่ยน พาพี่ไปเดินเล่นหน่อยนะ ครั้งก่อนมา ยังไม่ได้เที่ยวเลย”ซูเฉี่ยนเฉี่ยนพยักหน้าเหมือนลูกไก่จิกข้าว “ได้เลยๆ!”พอทั้งสองคนเพิ่งเดินจากไป ถังเทียนเหลียงก็ลุกขึ้น พูดด้วยสีหน้าเป็นกังวล “ผมยังไม่ค่อยสบายใจ ออกไปดูสักหน่อย”ซูหมิงหยารีบพูด “พวกโจรลักพาตัวไม่ใช่ว่าบอกว่าต้องไปคนเดียวหรือคะ?”“คุณตามไปจะเป็นยังไง ถ้าเกิดพวกเขาโกรธขึ้นมา ลูกสาวเราก็จะไม่ปลอดภัยหรือเปล่า?”“อีกอย่าง คุณจะรับประกันความปลอดภัยของตัวเองได้ยังไง?”ถังเทียนเหลียงพูด “ผมจะแค่ตามไปห่างๆ และโจรลักพาตัวก็มักจะเปลี่ยนสถานที่นัดพบตามที่เห็นในโทรทัศน์ ดังนั้นไม่น่าจะมีปัญหา”“อีกอย่าง เราก็ไม่ได้แจ้งตำรวจ ไม่ได้เป็นภัยกับพวกโจร พวกเขาจะโกรธทำไม?”พูดจบ เขาก็เดินออกไปทันทีชานเมืองทางใต้ของเมืองอัน โรงงานร้างแห่งหนึ่งซูเทียนคั่วขับรถออฟโรด เข้าไปยังโรงงานตามตำแหน่งที่โจรลักพาตัวบอกแล้วเลี้ยวไปเลี้ยวมา จนมาถึงโรงงานที่อยู่ตรงมุมใต้แสงไฟสล
ชวีซานตัวไม่กล้าขัดขืน ได้แต่ทำตามคำสั่งเมื่อทุกคนมาถึงภูเขาด้านหลัง ฟ้าก็เริ่มสางแล้วเบื้องหน้าคือเหวลึกที่ขวางทางอยู่ลั่วอู๋ฉางผูกปลายเชือกด้านหนึ่งไว้กับเสา แล้วสะพายเชือกที่มัดรวมกันไว้บนหลัง ก่อนพยักหน้าให้ทุกคน"มีปัญหาอะไรไหม?"ลั่วอู๋ฉางถามอาวุโสที่มีใบหน้าฟกช้ำดำเขียวคนนั้นอาวุโสรีบตอบ "ไม่มีปัญหาครับ!"ลั่วอู๋ฉางกระโดดขึ้นด้วยเท้าข้างเดียว ตัวเขาลอยขึ้นสูงก่อนเหาะตรงไปยังอีกฟากของหน้าผาเมื่อเหาะไปได้ครึ่งทาง ร่างของลั่วอู๋ฉางก็เริ่มร่วงลงเมื่อคำนวณจากมุมนี้ เขาแทบไม่มีโอกาสไปถึงอีกฝั่งเลยทันใดนั้น นกอินทรียักษ์ตัวหนึ่งก็โฉบมาจากด้านข้างอาวุโสคนเมื่อกี้ยืนอยู่ริมหน้าผาและเป่านกหวีดเรียกอินทรีอินทรียักษ์กางปีก ลั่วอู๋ฉางเหยียบลงบนหลังมันหนึ่งที ทิศทางที่กำลังร่วงพลันเปลี่ยนเป็นลอยขึ้นเสี้ยววินาทีต่อมา เขาก็ลงถึงริมหน้าผาอีกฝั่งอย่างมั่นคงจากนั้นก็ทำแบบเดิม ผูกปลายเชือกฝั่งนี้ไว้กับเสาอีกข้าง"เจ้าสำนักชวี สั่งคนของท่านให้เริ่มได้แล้ว!" ซูเทียนคั่วออกคำสั่งอย่างไม่ไว้หน้าชวีซานตัวไม่ใช่ไม่เคยคิดจะเล่นงานตอนที่ลั่วอู๋ฉางกำลังข้ามหน้าผาเขาเคยคิดจะสั่ง
คำกล่าวอย่างมั่นใจของลั่วอู๋ฉางดังก้องไปทั่วสำนักใหญ่ของพันธมิตรบู๊ลิ้มหากเป็นเมื่อก่อน ใครกล้าพูดกับหัวหน้าสำนักพวกเขาเช่นนี้ คงไม่ต้องรอให้ชวีซานตัวเอ่ยปาก สมาชิกระดับล่างก็พร้อมจะซัดมันจนหมอบไปแล้วต่อหน้าประตูสำนักงานใหญ่ จะปล่อยให้คนมาพูดจาโอ้อวดได้อย่างไร?แต่สถานการณ์ตอนนี้คือ ลั่วอู๋ฉางไม่เพียงแต่พูด เขายังทำลายประตูใหญ่ของพวกเขาและทำร้ายคนไปอีกหลายสิบคนด้วยแน่นอนว่าจำนวนนี้ไม่ได้ตายตัวถ้าคนอื่นกล้าบุกเข้าไปอีก ลั่วอู๋ฉางจะไม่ปรานี และยินดีที่จะช่วยเพิ่มจำนวนผู้บาดเจ็บให้พันธมิตรบู๊ลิ้มอีกด้วย"แก...ปากกล้านักนะ!"ชวีซานตัวในฐานะหัวหน้าแห่งบู๊ลิ้ม ไม่อาจเสียศักดิ์ศรีด้วยการยอมแพ้ง่าย ๆทั้งๆ ที่ความจริง ในใจเขานั้นกลับตื่นตระหนกจนแทบควบคุมไม่อยู่อาวุโสทั้งแปดร่วมมือกันยังเอาชนะไม่ได้!ถึงแม้ตอนฝึกซ้อมปกติ ชวีซานตัวจะเคยชนะพวกเขามาแล้วก็เถอะแต่ใช้นิ้วโป้งเท้าคิดก็ยังรู้เลยว่า เป็นอาวุโสทั้งแปดแกล้งอ่อนข้อให้ถ้าสู้จริง ชวีซานตัวไม่มีทางได้เปรียบหรอกแต่ลั่วอู๋ฉางกลับทำได้!นี่แสดงให้เห็นว่า ความสามารถของเขาเหนือกว่าชวีซานตัวมากถ้ายอมแพ้ต่อหน้าสมาชิกบู๊ลิ้มมา
เขาไม่อยากให้ใครพูดถึงเรื่องนี้ โดยเฉพาะต่อหน้าสาธารณชน"อาวุโสทั้งแปดของสภาผู้อาวุโสอยู่ที่ใด?"ดวงตาของชวีซานตัวเต็มไปด้วยความโกรธ พร้อมตะโกนออกคำสั่งอย่างดุดัน"ข้าน้อยอยู่ที่นี่!"อาวุโสทั้งแปดคนตอบรับออกมาพร้อมกัน"คนผู้นี้ทำลายประตูสำนักของเรา ทำร้ายศิษย์ของเรา จงสังหารมันตรงนี้เดี๋ยวนี้ เพื่อเป็นตัวอย่าง!" ชวีซานตัวกัดฟันกล่าวอาวุโสทั้งแปดคนตอบพร้อมกันอีกครั้ง "รับทราบ ท่านเจ้าสำนัก!""ฆ่า!"ทั้งแปดคนล้วนเป็นผู้มีวิชาระดับปรมาจารย์ใหญ่มีฝีมือไม่ธรรมดา!ในสำนักใหญ่ ทั้งด้านสถานะและพลังฝีมือ พวกเขาเป็นรองเพียงชวีซานตัวเท่านั้นเมื่อทั้งแปดร่วมมือกัน แม้แต่วีรบุรุษในตำนานก็ยากที่จะเอาชนะพวกเขาได้พวกเขาร่วมมือกันอย่างเข้าขา ล้อมลั่วอู๋ฉางไว้ตรงกลาง และออกกระบวนท่าสังหารทุกอย่างใส่เขาถ้าเป็นคนอื่น คงถูกพวกเขาสับเป็นชิ้นๆ ไปแล้วแต่ลั่วอู๋ฉางกลับไม่สะทกสะท้านใดๆ เพียงแค่ส่งกระแสจิต"วึ้ง!"คาถาป้องกันตัวปล่อยแสงสีทองออกมา ขัดขวางการโจมตีทั้งหมดไว้"อะไรกัน?"ชวีซานตัวเบิกตากว้าง ใบหน้าเต็มไปด้วยความเหลือเชื่อในสายตาของเขา ต่อให้ลั่วอู๋ฉางเก่งแค่ไหน แต่ก็ยังเป็น
ท่ามกลางความมืด มีร่างคนจำนวนมากพุ่งผ่านไปอย่างรวดเร็วเมื่อพวกเขาเห็นชัดเจนแล้วว่าประตูทางเข้าซึ่งเป็นหน้าตาของพันธมิตรบู๊ลิ้มถูกทำลาย กลายเป็นซากปรักหักพัง พวกเขาก็โกรธเป็นฟืนเป็นไฟทันที"ใครกันที่กล้าบ้าบิ่นถึงขนาดนี้!""บังอาจมาพังประตูใหญ่ของพันธมิตรบู๊ลิ้ม รนหาที่ตายแล้ว!""จะเป็นใครก็ช่าง แต่แน่ๆ คงไม่ใช่คนดีหรอก สับมันเป็นชิ้นๆ ก่อนค่อยว่ากัน!"กลุ่มคนที่โกรธแค้นเห็นร่างหนึ่งยืนอยู่ตรงหน้าซากปรักหักพัง"ไอ้หนุ่ม แกเห็นไหมว่าใครเป็นคนทำ?"คนตาไวมองเห็นว่าเป็นเงาของชายหนุ่มจึงรีบถามออกไปทันที"ขอเตือนไว้ก่อน เรื่องนี้เป็นเรื่องใหญ่ รีบพูดสิ่งที่นายเห็นออกมาทั้งหมก ไม่งั้นนายเองก็ต้องเดือดร้อนด้วย!"ลั่วอู๋ฉางยืนอย่างสงบพลางตอบว่า "เห็น""รีบบอกมาว่าใคร!" คนกลุ่มนั้นร้องถามขึ้นพร้อมกันลั่วอู๋ฉางตอบอย่างไม่รีบร้อนว่า "ก็ฉันไง!""อะไรนะ?!"คนกลุ่มนั้นเบิกตาโต ความโกรธที่ปรากฏบนใบหน้าชัดเจนยิ่งกว่าความตกใจ"ไอ้หนุ่ม นี่ไม่ใช่เวลามาอวดเก่ง คิดว่าเราจะเชื่อแกหรือไง?""รีบบอกมาว่าใครเป็นคนทำ ไม่งั้นจะถือว่าแกเป็นผู้สมรู้ร่วมคิดด้วย!""ให้โอกาสสุดท้าย รีบพูด ไม่งั้นพวกเร
ซูเทียนคั่วกังวลขึ้นมาทันที ขณะที่ปกป้องซูเฉี่ยนเฉี่ยนหลานสาว เขาก็ตะโกนเสียงดังขึ้นว่า "เจ้าสำนักชวี นี่คือวิธีการต้อนรับแขกของพันธมิตรบู๊ลิ้มหรือ?""หากเรื่องนี้แพร่งพรายออกไป ไม่กลัวคนในยุทธภพจะหัวเราะเยาะหรือ?"ชวีซานตัวไม่สะทกสะท้านเลยแม้แต่น้อย "อย่างพวกนายเนี่ยนะ? เรียกว่าแขกได้ด้วยหรือ?"เมื่อต้องเผชิญหน้ากับจำนวนคนที่มากกว่าหลายเท่า อีกทั้งสายตาที่จับจ้องมาอย่างอาฆาต ทั้งสามคนไม่สามารถต่อกรได้เลยไม่นานพวกเขาก็ถูกจับตัวได้!"ชวีซานตัว การที่คุณทำเช่นนี้ ไม่กลัวว่าศิษย์ของเทพอวี้อย่างราชันมังกรลั่วเทียนจะมาหาเรื่องหรือ?" ซูเทียนคั่วพูดขณะดิ้นรนชวีซานตัวไม่สนใจแม้แต่น้อย "ถ้าเขากล้าหาญมาที่นี่ ฉันจะให้เขาลิ้มรสชาติของการต้องเป็นนักโทษเช่นกัน!""ศิษย์ที่ถูกสอนโดยตาแก่แบบนั้น คงไม่ใช่คนดีสักเท่าไรหรอก พอดีเลย จะได้ให้เขาชดใช้หนี้แทนตาแก่นั่นและพวกแกไปพร้อมกัน!""ราชันมังกรลั่วเทียนอะไรกัน แค่เด็กหนุ่มอายุยี่สิบต้นๆ จะมีอะไรพิเศษนัก?""ตัวเขาไม่อายก็ช่างเถอะ แต่ยังกล้าไปหาคนมาคุยโวแทนตัวเอง คิดจะดังจากการสร้างกระแสเช่นนี้ คิดว่าบู๊ลิ้มเป็นที่สำหรับเล่นขายของหรือไง ฝันไปเถ
พูดของชวีซานตัวเต็มไปด้วยความหยาบคายใบหน้าสวยของเย่ปิงเหยาเริ่มบึ้งตึง แต่เพราะนี่เป็นถิ่นของอีกฝ่าย เธอจึงไม่อาจโต้ตอบได้ชวีหลิงหานคือน้องสาวของชวีซานตัว ทั้งสองคนมีอายุห่างกันมากกว่ายี่สิบปีหลังจากชวีหลิงหานเกิดได้ไม่นาน พ่อแม่ของเธอก็เสียชีวิตจากอาการป่วย ก่อนสิ้นใจได้ฝากให้ชวีซานตัวช่วยเลี้ยงดูน้องสาวที่ยังเป็นแค่ทารกแรกเกิดชวีซานตัวเลี้ยงดูน้องสาวด้วยความยากลำบาก จนเธอเติบโตขึ้นมาเป็นหญิงสาวที่งดงามยิ่ง ทั้งยังมีพรสวรรค์จนได้รับความสนใจจากคนในบู๊ลิ้มมีผู้คนมาสู่ขอเธอมากมายจนทำให้ประตูบ้านตระกูลชวีแทบพังในขณะที่ชวีซานตัวกำลังเลือกคู่ครองให้น้องสาวจนตาลาย และวาดฝันว่าเธอจะได้แต่งงานกับตระกูลใหญ่โตความฝันกลับพังทลาย!ชวีหลิงหาน หญิงสาวผู้แสนงดงาม กลับถูกชายแก่อัปลักษณ์คนหนึ่งมาชิงตัวไป!ในตอนแรก ชวีซานตัวคิดว่าน้องสาวของเขายังไร้เดียงสา และถูกชายชั่วหลอกลวงเขาคิดว่าเพียงแค่พูดจาโน้มน้าวด้วยความรักและเหตุผล น้องสาวจะกลับตัวกลับใจแต่ผลกลับเป็นตรงกันข้าม!ชวีหลิงหานไม่เพียงแต่ไม่สำนึกในสิ่งที่ทำ แต่กลับรักชายแก่คนนั้นอย่างหัวปักหัวปำ และพูดคำพูดไร้สาระอย่างเช่นรักจน
พูดตามตรง ลั่วอู๋ฉางก็มีใจอ่อนนิดหน่อยทุกครั้งที่ต้องต่อสู้กับพวกกระจอก เขามักจะคิดถึงหูเยว่ซีอย่างมากเป็นถึงจักรพรรดินีแห่งชิงชิว แต่เขากลับใช้งานเหมือนลูกน้องปลายแถวประเด็นสำคัญคือ หูเยว่ซีไม่เพียงแต่ไม่โกรธ แต่ยังเต็มใจช่วยอย่างยินดีอีกด้วย"ไม่ได้"ความมีเหตุผลเอาชนะความหุนหัน ลั่วอู๋ฉางพูดพร้อมขมวดคิ้ว "เธอต้องอยู่เฝ้าบ้าน มีแต่แบบนี้ ฉันถึงจะวางใจได้"หูเยว่ซีทำหน้าหงอย: "ก็ได้!"ลั่วอู๋ฉางหัวเราะ "เธอว่านอนสอนง่ายขนาดนี้ ต้องให้รางวัลสักหน่อยแล้ว""รางวัลอะไร?" จิ้งจอกน้อยถามอย่างตื่นเต้น ดวงตาทั้งสองส่องประกายวิบวับทันทีลั่วอู๋ฉางหยิบลูกแก้วพญานาคออกมาจากกระเป๋าแล้วพูดว่า "ก่อนหน้านี้สัญญาว่าจะให้ของขวัญเธอ ตอนนี้ถึงเวลาทำตามสัญญาแล้ว"หูเยว่ซีตาเป็นประกายอีกครั้ง "ลูกแก้วพญานาค!"ถ้าเป็นเมื่อก่อน ลูกแก้วพญานาคระดับนี้เธอคงไม่แม้แต่จะชายตามองด้วยซ้ำแค่มองนานหน่อย ก็ถือเป็นการดูหมิ่นคำว่า "จักรพรรดินีแห่งชิงชิว" แล้ว!แต่ตอนนี้ไม่เหมือนกัน หลังจากถูกขังอยู่ในแหวนมานานถึงพันปี เพิ่งจะได้อิสรภาพคืนมา พลังลดลงไปมากและร่างกายก็อ่อนแอสุดขีดนี่คือช่วงเวลาที่เธอต้อง
หวงผู่เจิ้งซิ่นย่อมไม่พอใจแน่!คนเป็นครูยังล้มเหลว แต่ศิษย์กลับทำสำเร็จตั้งแต่ครั้งแรกถ้าไม่ใช่บังเอิญ แล้วมันคืออะไร?ลั่วอู๋ฉางไม่ตอบอะไร จากนั้นก็หยิบคริสตัลสวรรค์ก้อนที่สองมาไม่นานก็ทำสำเร็จอีกครั้ง!หวงผู่เจิ้งซิ่นเบิกตากว้าง ประหลาดใจราวกับเห็นเทพเจ้าส่วนใบหน้าของหูเยว่ซีก็เต็มไปด้วยความชื่นชมมากขึ้นเรื่อยๆ"ลองอีกครั้งสิ!" หวงผู่เจิ้งซิ่นยังคงไม่ยอมแพ้คราวนี้ ลั่วอู๋ฉางไม่ทำตามเขาอีกต่อไป เขาเก็บแท่งคริสตัลสวรรค์ที่เหลือทันที"หมายความว่าไง?" หวงผู่เจิ้งซิ่นถามตาโตลั่วอู๋ฉางลุกขึ้นเดินออกไป ทิ้งคำพูดไว้โดยไม่หันกลับมา "ขอบคุณนะ!""เดี๋ยวสิ นายแน่ใจแล้วเหรอว่านายเข้าใจทั้งหมด?"หวงผู่เจิ้งซิ่นรีบไล่ตามไป "ถ้าไม่สำเร็จล่ะ ฉันจะได้ช่วยหาสาเหตุไง!""ไม่จำเป็นแล้ว ถ้านายท่านของฉันคิดว่าไม่มีปัญหา มันก็ไม่มีปัญหาแน่" หูเยว่ซีขวางเขาไว้ พร้อมพูดอย่างหนักแน่นในตอนนี้ สีหน้าหวงผู่เจิ้งซิ่นเต็มไปด้วยความซับซ้อนศิษย์ที่เก่งเกินไปทำให้ครูรู้สึกอับอาย"ไหนว่าราชันมังกรลั่วเทียนก็เป็นแค่คนธรรมดา เขาเป็นปีศาจชัดๆ!"หวงผู่เจิ้งซิ่นยอมแพ้อย่างหมดท่า พูดอย่างเศร้าๆ "คิดว่า
หวงผู่เจิ้งซิ่นเชิดคอขึ้น พยายามทำสีหน้าให้ดูปกติที่สุดเพื่อปกปิดความเขินอายของตัวเองเนื่องจากการสาธิตเมื่อครู่นั้นจบลงด้วยความล้มเหลวแม้ว่าเขาจะรู้วิธี แต่เพราะไม่ได้ปฏิบัติมาเป็นเวลานาน ความผิดพลาดจึงถือเป็นเรื่องปกติ"หาว..."หูเยว่ซีอ้าปากหาวครั้งใหญ่ ราวกับเปลือกตาถูกกดด้วยน้ำหนักมหาศาลใช่แล้ว เธอง่วงจริงๆ!การสอนของหวงผู่เจิ้งซิ่นทำให้เธอง่วงได้สำเร็จส่วนเนื้อหาที่พูดในภายหลัง แทบไม่ได้เข้าหัวของหูเยว่ซีเลย ผ่านหูซ้ายออกหูขวา ไม่มีอะไรในหัวเลย"พวกคุณ...ทำต่อไปเลย!"หูเยว่ซียืดแขนบิดขี้เกียจ และส่งสัญญาณให้ทั้งคู่ไม่ต้องสนใจเธอสิ่งนี้ทำให้หวงผู่เจิ้งซิ่นรู้สึกว่าตัวเองล้มเหลวมาก!รู้สึกเหมือนโดนตบหน้าฉาดใหญ่!การทำให้นักเรียนง่วงถือเป็นเรื่องที่น่าอับอายอยู่แล้ว ที่สำคัญคือการสาธิตของตัวเองยังล้มเหลวอีกด้วย"ไม่เป็นไร ฉันขอลองเอง" ลั่วอู๋ฉางเสนอตัวขึ้นอย่างกล้าหาญ"คุณจำทั้งหมดได้แล้วเหรอ?"หวงผู่เจิ้งซิ่นพูดด้วยสีหน้าจริงจังทันที "อย่าเพิ่งรีบร้อนปฏิบัติเลย ลองทบทวนสิ่งที่ฉันพูดสักรอบก่อน มีจุดไหนที่ไม่เข้าใจก็ถามให้แน่ชัด แล้วค่อยลงมือ"เพราะจำนวนของแท่งค