พอพ่อแม่ของรตีรู้ข่าวว่า ลูกสาวของพวกเขา
เข้าโรงพยาบาลเพราะทำร้ายร่างกาย พวกเขาก็รีบมาที่โรงพยาบาลทันทีด้วยความเป็นห่วงลูกสาว แต่เมื่อทั้งสองเข้ามาในห้องผู้ป่วย พวกเขาสองสามีภรรยา ก็ไม่แม้แต่จะมองหน้ากันเลย เย็นชาใส่กันทำราวกับไม่เคยรู้จักกันมาก่อน จากนั้นพยาบาลก็มาแจ้งให้เขาทั้งสองไปพบหมอเป็นการส่วนตัว เมื่อกลับออกมาจากการพบหมอ แม่ของรตีก็เข้าไปนั่งข้างๆลูกสาว ร้องให้ด้วยความเจ็บปวดใจเมื่อเห็นลูกสาวนอนไร้สติอยู่บนเตียง " โธ่ รตีทำไมลูกถึงได้ทำแบบนี้ แม่ขอโทษนะลูก " ส่วนพ่อของรตีก็นั่งอยู่บนโซฟา นั่งยกมือทั้งสองข้างขึ้นมากุมขมับ ก้มหน้านิ่งอย่างเงียบๆ ด้วยความรู้สึกเครียดและรู้สึกผิด สีหน้าดูหม่นหมองไร้รังสี เขาเสียใจอย่างมากที่ไม่ได้ดูแลลูก ไม่ใส่ใจลูกให้ดีกว่านี้ ก่อนหน้านี้พวกเขาเข้าไปพบหมอ หมอก็เล่าอาการของลูกสาวเขาให้ฟังว่า " จากอาการและพฤติกรรมของผู้ป่วยที่เพื่อนและพี่เลี้ยงของผู้ป่วยเล่ามา สาเหตุที่ผู้ป่วยลงมือทำร้ายร่างกายนั้นเพราะไม่ได้ดั่งใจและรู้สึกผิดหวังไม่พอใจอย่างรุนแรง อาการของผู้ป่วยเป็นอาการของโรคฮิสทีเรีย ซึ่งโรคนี้จัดเป็นโรคทางจิตเวช และผู้ป่วยยังมีโรคซึมเศร้าแทรกซ้อนอีกด้วยแสดงว่าผู้ป่วยมีอาการนานแล้วโดยที่ไม่รู้ตัว และไม่มีใครคอยสังเกต ซึ่งอาการของโรคฮิสทีเรียนี้ มักจะแสดงอาการออกมาเกินจริง ขาดการยับยั้ง อารมณ์แปรปรวน ผู้ป่วยโรคนี้มักมีความเครียด ความวิตกกังวลใจอยู่ตลอด บางกลุ่มจะมีอารมณ์อ่อนไหวง่าย ชอบทำตัวโดดเด่นต้องการเป็นที่สนใจตลอดเวลา ตลอดจนมีการแสดงอาการและแสดงอารมณ์ต่างๆจนดูเกินจริงเพื่อดึงดูดความสนใจครับ " ได้ยินดังนั้นสองสามีภรรยาก็ยิ่งวิตกกังวลใจ เป็นห่วงลูกสาวมากขึ้น ผู้เป็นพ่อจึงเอ่ยถามขึ้น " คุณหมอแล้วสาเหตุของโรสฮิสทีเรียนี้เกิดจากอะไรครับควรจะรักษายังไงให้หายขาด ผมทำใจรับไม่ได้ถ้าลูกเป็นแบบนี้ ผมมีลูกสาว แค่คนเดียวคุณหมอต้องช่วยผมนะครับ " หมอจึงเอ่ยตอบด้วยท่าทีสุขุมว่า " โรคนี้ยังไม่สามารถอธิบายสาเหตุของการเกิดโรคได้ชัดเจนครับ แต่มีหลายปัจจัยที่เกี่ยวข้อง อย่างเช่นพันธุกรรม การเลี้ยงดูที่ไม่เหมาะสม ไม่ถูกต้อง ขาดความรัก ขาดอบอุ่น การลอกเลียนแบบ หรือเกิดจากการเผชิญเหตุการณ์ที่ผิดหวังรุนแรง และอาจจะเกิดจากตัวผู้ป่วยเองที่จัดการกับอารมณ์และความเครียดสะสมที่ไม่เหมาะสมครับ " " ส่วนวิธีการรักษาจะรักษาโดยการบำบัดจิตเป็นหลักครับ เบื้องต้นก็จะต้องพูดคุยหาสาเหตุของปัญหาแล้วมาปรับกระบวนการคิดของผู้ป่วย รวมถึงพฤติกรรมการเข้าสังคมและการใช้ชีวิตประจำวันให้มีความเหมาะสม แต่ในกรณีผู้ป่วยมีภาวะซึมเศร้าด้วยจะต้องทำควบคู่ไปกับการใช้ยารักษาโรคซึมเศร้าครับ " แม่ของรตีจึงเอ่ยถามขึ้น " แล้วแบบนี้ต้องใช้เวลานานมั้ยคะคุณหมอ กว่าลูกสาวฉันจะหายเป็นปกติค่ะ " หมอจึงเอ่ยตอบว่า " ขึ้นอยู่กับตัวผู้ป่วยและสภาพแวดล้อม สิ่งแวดล้อมรอบตัวครับ หลังจากนี้คุณพ่อคุณแม่อาจจะต้องมีเวลาให้ลูกมากขึ้น คอยสังเกตอาการ ทำให้ผู้ป่วยรู้สึกสบายใจและไม่ทำให้รู้สึกขาดความอบอุ่น หลีกเลี่ยงสถาณการณ์ที่ทำให้เกิดความเครียดหรือความวิตกกังวลประมาณนี้ครับ เมื่อผู้ป่วยเปิดใจยอมรับการรักษา ผู้ป่วยก็จะมีโอกาสหายเร็วขึ้นครับ " พ่อของรตีนั่งนิ่งคิดทบทวนคำพูดของหมอ จากนั้นก็ถอนหายใจออกมาแล้วหยิบโทรศัพท์ขึ้นมา ส่งข้อความไปหาผู้หญิงคนหนึ่ง ( คุณปอยจากนี้ไปผมไม่สามารถอยู่กับคุณได้แล้วผมขอจบความสัมพันธ์กับคุณเพียงเท่านี้ ผมเลือกครอบครัวของผม อย่าติดต่อมากันอีก ) จากนั้นเขาก็บล็อคเบอร์ บล็อคแชทของคน ที่ชื่อปอย แล้วไล่ลบเบอร์ผู้หญิง ลบแชท ลบกลุ่มต่างๆ ออกจากโทรศัพท์ไปจนหมดแล้วเดินไปหาภรรยาลูบหลังภรรยาเบาๆแล้วเอ่ย " ผมขอโทษนะคุณ หลังจากนี้ผมจะกลับมาอยู่กับคุณและลูก เรามาเริ่มต้นใหม่กันนะ " ได้ยินสามีพูดดังนั้นแม่ของรตีก็ร้องให้ออกมาแล้วกอดสามีแน่นร้องให้ไม่หยุด เพราะนี่คือสิ่งที่เขาต้องการมานาน สามีเขาเปลี่ยนไปตอนเขาท้องและติดผู้หญิงข้างนอกทำให้เขาเครียดมาก พอหลังจากคลอดรตีออกมา เขาก็ไปเที่ยว ไปดื่ม เล่นพนันคลายเครียดไปวันๆ จนไม่มีเวลาให้ลูก ....หนึ่งอาทิตย์ต่อมา.... รตีก็ได้ออกจากโรงพยาบาล พอเตชินรู้ก็มาที่บ้านรตีทันที ด้วยความโกรธแค้นที่มีอยู่เต็มอก แต่พอมาถึงพ่อแม่ของรตีก็ออกมาหาเขา แล้วพ่อของรตีก็เอ่ยขึ้น " คุณเตชิน พวกเราขอคุยด้วยหน่อย เชิญที่สวนหลังบ้านครับ " เตชินแปลกใจทำไมต้องเชิญไปคุยในสวนหลังบ้าน แต่เขาก็ไม่ได้ถามอะไรเดินตามสองสามีภรรยาไปอย่างเงียบๆ เมื่อถึงศาลากลางสวนพ่อของรตีก็เชิญเตชินนั่งลงบนโต๊ะหินอ่อน " เชิญนั่งครับ " " คุณเชิญผมมาคุยไกลถึงที่นี่ มีเรื่องสำคัญอะไรหรือเปล่า " เตชินเอ่ยถามขึ้นด้วยสีหน้าเคร่งขรึมเย็นชา พ่อของรตีจึงเอ่ยขึ้นด้วยสีหน้าที่ไม่ค่อยมีชีวิตชีวาดูซึมๆหมองๆ " ผมเห็นคลิปแล้ว ผมรู้ว่าที่คุณมาวันนี้ มีจุดประสงค์อะไร แต่ผมขอคุณช่วยเกรงใจและเห็นใจผมหน่อย รตีเธอป่วยทางจิตและเป็นโรคซึมเศร้า เธอต้องเข้ารับการรักษา ผมขอร้องคุณล่ะอย่าเพิ่งคุยกับเธอเรื่องนี้ในตอนนี้เลย ผมรู้ว่าคุณไม่ได้รักรตีแล้วคุณอย่าเพิ่งบอกเลิกเธอได้มั้ย ผมไม่อยากเห็นลูกสาวผมคลุ้มคลั่งไปมากกว่านี้ " เตชินได้ยินดังนั้นก็อึ้งไปเลย ไม่คิดว่ารตีจะเป็นโรคทางจิต ส่วนพ่อของรตีก็ร้องให้อย่างเจ็บปวดอย่างทุกข์ทรมานใจที่เป็นสาเหตุให้ลูกเป็นแบบนี้ แม่ของรตีเห็นเตชินไม่ตอบอะไรเขาก็ร้อนใจจึงเอ่ยขึ้นด้วยสีหน้าอ้อนวอน " นะคะคุณเตชิน ฉันขอร้องอีกคน รอให้รตีเข้ารับการรักษาและหายป่วยก่อนพวกเราจะเกลี้ยกล่อมให้เธอตัดใจจากคุณเอง นะคะ " สีหน้าเตชินดูเคร่งเครียด ถึงเขาจะรอได้ แต่พิมจะไม่รอเขาแล้ว สิ่งที่เขากลัวที่สุดคือการที่พิมตกเป็นของป๊อบและกลัวพิมตั้งครรภ์ลูกของป๊อบที่สุด ยิ่งทั้งสองอยู่ด้วยกัน เขายิ่งกังวลและทุกข์ใจ เขาจึงเอ่ยปฏิเสธอย่างเยือกเย็นอย่างไร้ไร้หัวใจ " แบบนั้นนานเกินไปคงจะไม่ได้ครับ ผมตัดสินใจแล้วว่า จะเลิกและตัดความสัมพันธ์กับรตีให้จบภายในวันนี้ ต่อให้เธอหายป่วยแล้วยังไงมันก็มีค่าเท่ากัน มิสู้รู้ตั้งแต่ตอนนี้ แล้วรักษาทีเดียวจะดีกว่า ผมไม่สามารถปล่อยให้ความสัมพันธ์นี้ยืดเยื้อออกไปได้อีกแล้ว ส่วนเรื่องอื่นที่เธอส่งคนเข้าไปก่อความวุ่นวายในบริษัทผม ผมจะยกโทษให้ไม่เอาผิดเธอ " เตชินเอ่ยอย่างหนักแน่น จากนั้นก็ส่งข้อความเข้าไปยังแชทของรตี ( รตีเราเลิกกันเถอะ หลังจากวันนี้ไปคุณกับผมจะไม่ใช่สามีภรรยากันอีก ผมรู้ความจริงหมดแล้วทั้งเรื่องที่คุณตกจนขาหักและเรื่องที่คุณส่งคนไปอยู่ข้างกายณัชชา ผมจะไม่เอาผิดคุณ แลกกับการเลิกราตัดความสัมพันธ์ในวันนี้ ต่อไปนี้ขอให้คุณอยู่ในส่วนของคุณ อย่ามาวุ่นวายกับผมอีก เพราะผมจะไม่ใจดีเหมือนเมื่อก่อนอีกแล้ว ลาก่อน ) พ่อแม่ของรตีจนปัญญาทำได้แต่ยอมรับความจริงมองหน้ากันด้วยสีหน้าหม่นหมอง พ่อของรตีรู้สึกได้ถึงเวรกรรมที่ตัวเองก่อไว้กับคนอื่น ตอนนี้ผลกรรมนั้นมันได้ย้อนมาทำร้ายคนที่เขารักที่สุดอย่างลูกสาวสุดที่รักของเขา [ เวรกรรมช่างไม่รอชาติหน้าจริงๆ รตีพ่อขอโทษนะลูก ] เขาไปทำกับผู้หญิงคนอื่นไว้เยอะ เขาเพิ่งจะเข้าใจความรู้สึกของผู้หญิงพวกนั้นก็ตอนนี้เอง เขาไม่รู้สึกโกรธเตชินและไม่โทษเตชินเลย เขายอมรับกรรมที่ตัวเองก่ออย่างแมนๆ จากนั้นเตชินก็เอ่ยกับทั้งสองอย่างเย็นชาว่า " ผมได้ทำในสิ่งที่ผมควรทำเรียบร้อยแล้ว ขอตัวครับ " เอ่ยจบเตชินก็ลุกเดินออกไป รตีที่อยู่ในห้อง ทันทีที่เห็นข้อความจากเตชิน สีหน้าเธอก็ดูวิตกกังวลแล้วเอ่ยกับพี่เลี้ยงอย่างร้อนใจด้วยน้ำเสียงกร้าวว่า " พาฉันไปหาพี่เตชิน พาฉันไปหาเตชินเร็วๆ พาฉันไปพบเขา ฉันไม่เลิกๆ กรี๊ด...... " " ค่ะๆ ได้ค่ะ พี่จะพาไปเดี๋ยวนี้ " พี่เลี้ยงรีบมาลากรถเข็นของรตีแล้วพาเธอออกจากห้อง จากนั้นก็เข้าไปในลิฟท์แล้วลงไปยังชั้นล่างเพื่อพารตีไปหาเตชินที่บริษัท แต่เมื่อพวกเขาออกจากบ้านก็เจอเข้ากับเตชินทันทีทันทีที่รตีเห็นเตชิน เธอก็เอ่ยขึ้นทั้งน้ำตาอย่างน่าสงสาร" พี่เตชิน "เตชินหันมามองเธออย่างเย็นชาโดยไม่เอ่ยอะไรเธอรีบเข้าไปหาเขาแล้วยื่นมือออกไปจับมือเขาพร้อมกับเอ่ย" พี่เตชิน ฉันขอโทษ ที่ฉันทำไปทั้งหมดเพราะฉันรักพี่ อย่าทิ้งฉันไปเลยนะ ต่อไปฉันจะไม่ทำแบบนั้นแล้ว นะๆ อย่าทิ้งรตีไปเลยนะคะ รตีไม่เหลือใครแล้ว "รตีเงยหน้ามองเตชิน ร้องห่มร้องให้อ้อนวอนขอไม่ให้เตชินทิ้งเธอไป แต่เตชินกลับยืนแข็งทื่อไม่แม้แต่จะมองเธอเลยจากนั้นเตชินก็เอามือของรตีที่จับมือเขาออกแล้วเอ่ยอย่างเยือกเย็นด้วยน้ำเสียงดุดันอย่างไม่สบอารมณ์กับคำพูดของรตีดวงตาดูแข็งกร้าว เต็มไปด้วยโทสะใบหน้าเคร่งขรึมเย็นชาราวกับจอมมาร" รตี คุณมีพ่อแม่ที่รักคุณอยู่ แค่ไม่มีผมคนเดียวคุณจะไม่เหลือใครแล้วได้ยังไง ผมไม่ได้รักคุณแล้ว คุณเข้าใจมั้ยและผมจะไม่รักคนอย่างคุณ ที่ทำได้ทุกอย่างเพื่อตัวเองเด็ดขาดคนอย่างคุณไม่มีความซื่อสัตย์จ้องแต่จะทำลายบริษัทผม ทั้งยังไม่เห็นค่าพ่อแม่ของตัวเองเลย ต่อให้ผมยังรักคุณ ถ้าคุณเป็นแบบนี้ คุณคิดว่าผมจะยังรักคุณลงเหรอ "เตชินกำมือแน่นแล้วเอ่ยต่ออย่างเลือดเย็น" ตอนนี้ผมไม่ได้รักคุณแล้ว คุณอย่ามา
ณ โรงเรียน JK หลังจากที่ไม่มีเตชินมาวุ่นวาย พิมก็คุมซ้อมเต้นทุกวัน ว่างจากในโรงเรียน เธอก็ไปเรียนหนังสือในแต่ละวันเวลาของเธอผ่านไปอย่างรวดเร็ว แป๊บๆก็ผ่านไปอีกแล้วหนึ่งเดือนและในวันนี้เธอก็คุมเด็กซ้อมเต้นตามปกติ เหมือนทุกวันแต่เมื่อเธอไปขยับเต้นได้แค่แป๊บเดียวเธอก็รู้สึกปวดท้องอย่างมากปวดรุนแรงจนหน้าซีดเหงื่อซึมไหลออกมาจนแทบจะไม่มีแรงหายใจแล้วลมหายใจของเธอแผ่วเบาจนทุกคนตื่นตกใจ" พิม! พิม! เธอเป็นอะไรไปน่ะ พิม โรคกระเพาะกำเริบอีกแล้วเหรอ "ใบหน้าพิมซีดเซียวจนมองไม่เห็นเส้นเลือด เธอขมวดคิ้วขึ้นเป็นปมด้วยความเจ็บปวดทรมานแล้วรวบรวมแรงเอ่ยออกมาเสียงแผ่วเบาๆอย่างติดขัดไม่ชัดถ้อยชัดคำ แต่พอให้เทเท่ฟังออก" ซ้อม...ซ้อมต่อ เลย ไม่...ไม่ ต้องห่วง "เทเท่ทั้งตกใจและร้อนใจเขาเป็นห่วงพิมมากจึงบอกให้นักเรียนตาม ผอ.ป๊อบ" นักเรียนไปตาม ผอ.ป๊อบมาเร็วๆ ครูพิมจะไม่ไหวแล้ว "ได้ยินดังนั้นนักเรียนที่เป็นหัวหน้าทีมก็รีบวิ่งไปที่ห้องของ ผอ.ป๊อบ ทันทีเมื่อไปถึงนักเรียนก็เคาะประตูแล้วเปิดประตูเดินเข้าไปในห้องป๊อบเห็นว่าเป็นเด็กของพิมเขาจึงเอ่ยถามขึ้น" อ้าว มาหาครูมีไรหรือเปล่า หื้ม "" ครูพิมไม
ป๊อบพาพิมกลับมานอนพักบนบ้านพัก เขาค่อยๆประคองเธอขึ้นห้องไปอย่างช้าๆเมื่อเข้าไปในห้องเขาก็ประคองเธอไปที่เตียงแล้วพิมก็ขึ้นไปนอนบนเตียงป๊อบเป็นห่วงเธอมาก เพราะเธอพักบ้านพักครูคนเดียวเขาจึงเอ่ยว่า" คืนนี้ผมจะมานอนเป็นเพื่อนคุณนะ "" ไม่เป็นไรหรอกค่ะ พิมอยู่คนเดียวได้ หากคุณมาอยู่ดูแลพิม เดี๋ยวคนอื่นจะมองไม่ดี จะพากันเข้าใจผิดกันไปใหญ่ "พิมรีบปฏิเสธ เพราะเธอแคร์สายตาและแคร์ความคิดของสังคมภายนอก มากกว่าความความเจ็บปวดที่เกิดขึ้นภายในกายของตนเองอาจจะเป็นเพราะเธอถูกเลี้ยงมาแบบนี้ อยู่ในสังคมที่แคร์คนอื่น เธอจึงวางตัวดีมาเสมอและไม่ทำให้ตัวเองเสียชื่อเสียงเหมือนที่พ่อแม่เธอสอนไว้ว่า" ให้เป็นคนดี เป็นที่นับถือ ยำเกรง ทำอะไรคิดไตร่ตรองให้รอบคอบ อย่าทำตัวให้เป็นที่ครหานินทา "ป๊อบมองเธอแล้วเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงทุ้มนุ่มพร้อมกับจัดผ้าห่มมาห่มให้เธออย่างดี" พิมเวลานี้คุณไม่ควรแคร์คนอื่นนะ คุณต้องห่วงสุขภาพตัวเองกับลูกในท้องก่อนการที่ผมมาดูแลคุณแล้วเป็นที่ครหา ผมว่าดีซะอีก คนอื่นจะได้รู้ว่าคุณท้องลูกของผมอยู่ "พิมจ้องหน้าป๊อบที่คิดวางแผนเพื่อปกป้องเธอไม่ให้ถูกคนอื่นกล่าวหาว่าท้องไม่มีพ่อแ
ในเช้าวันต่อมา ขณะที่พิมกำลังสอนอยู่ ก็มีเพื่อนครูคนหนึ่งเดินมาบอกว่า" ครูพิมจ๊ะ มีคนมาหาครูพิมจ้ะ ตอนนี้รออยู่ที่หน้าบ้านพักครูพิมแล้ว "" อ้อ ค่ะ "พิมเอ่ยตอบ แล้วแอบพึมพำในใจ[ ใครกันที่มาหาเรา ช่างเถอะให้รอไปก่อนเดี๋ยวค่อยไปดู ]จากนั้นเธอก็หันมาสอนนักเรียนต่อ พอหมดคาบเรียน เธอก็เดินกลับไปที่บ้านพักเห็นหญิงสาวรูปร่างดีนั่งหันหลังให้เธอบนโต๊ะหินอ่อนหน้าบ้านพัก[ ใครกัน? ]เธอเดินเข้าไปใกล้แล้วเอ่ยถามขึ้น" คุณมาขอพบฉัน มีธุระอะไรหรือเปล่าคะ "ณัชชาหันหน้ามามองเธอแล้วยิ้มขึ้นพร้อมกับเอ่ย" เซอร์ไพรส์ค่ะ คุณพิม "เมื่อเห็นว่าเป็นณัชชาเธอก็รู้สึกแปลกใจจนแสดงออกมาทางสีหน้าและแววตา แล้วเอ่ยถามขึ้น" คุณณัชชา! คุณมาทำอะไรที่นี่ "ไม่ต้องถามก็รู้ว่าณัชชารู้ที่อยู่เธอได้ยังไง เพราะเธอรู้อยู่แล้วว่าต้องเป็นเตชินส่งมาแน่ๆแต่เธอก็ไม่ได้กังวลอะไร เพราะคิดว่าอย่างน้อยดีกว่าเตชินมาเอง เธอแค่อยากรู้ว่าณัชชามาด้วยจุดประสงค์อะไรก็เท่านั้นณัชชาได้ยินพิมยิงคำถามมาแบบนี้ เธอจึงลุกขึ้นยืนแล้วเอ่ย" ฉันมาเที่ยวน่ะ แล้วรู้มาจากพี่เตชินว่าคุณสอนอยู่ที่โรงเรียนนี้ เลยอยากจะแวะมาทักทาย ขอค้างคืนด้วยสั
บ้านพักครูเป็นบ้านปูนเล็กๆมีเพียงสองห้องนอนหนึ่งห้องน้ำ ตอนกลางคืน ณัชชากับเทเท่ก็ปูเสื่อนอนหน้าทีวี ในห้องที่จัดเป็นห้องนั่งเล่น อยู่ติดกับบันไดที่จะขึ้นไปชั้นสองเมื่อทุกคนเข้านอนแล้วบรรยากาศกลางดึกที่เงียบสงบ เทเท่ก็ลุกขึ้นมา ยื่นมือไปลูบไล้เรียวขาของณัชชาด้วยความหื่นกระหายเขาลูบไล้ขึ้นลงได้สักพัก ณัชชาก็เริ่มรู้สึกตัวเพราะรับรู้ได้ถึงสิ่งผิดปกติเธอค่อยๆขยับแพขนตาแล้วลืมตาขึ้นช้าๆอย่างงัวเงียเทเท่เห็นว่าเธอรู้สึกตัวแล้วเขาก็ขึ้นคร่อมบนตัวเธอทันทีแล้วจับมือเธอไว้ ก้มหน้าลงจูบไปตามคอพร้อมกับเอ่ยเสียงกระเส่า" คุณณัชชาผมต้องการคุณ ผมอดใจไม่ไหวแล้ว ฮอร์โมนส์เพศชายของผมมันกำเริบอีกแล้ว ผมต้องการคุณ "ทีแรกณัชชายังงงๆอยู่ว่าเทเท่คิดจะเล่นอะไร พอได้สติ เธอก็กรีดร้องขึ้นดิ้นรนขัดขืนอย่างสุดชีวิต" กรี๊ด!...ช่วยด้วยๆ ไอ้บ้าออกไปจากตัวฉันนะ ออกไป กรี๊ด... "" ไม่แน่นอนครับ ตอนนี้ฮอร์โมนส์เพศชายของผมมันกำลังคุกรุ่นต้องการร่างกายผู้หญิง "เทเท่เอ่ยพร้อมกับมองหน้าณัชชาด้วยสีหน้าหื่นกระหาย" กรี๊ด...ไม่เอาๆ ปล่อย ไอ้เทเท่ ไอ้บ้า ออกไปจากตัวฉัน ออกไป "แววตาณัชชากลัวจนสั่นไหว เธอกลัวจนหน้าข
พิมกับเทเท่นัดแนะกับเด็กในห้องนาฏศิลป์ แล้วแจกใบขออนุญาตเดินทางไปแข่งขัน ให้กับนักเรียนทุกคน ให้เอาไปให้ผู้ปกครองเซ็นอนุญาตยินยอม จากนั้น พิมก็เริ่มเอ่ยกับนักเรียนของตัวเองว่า" นักเรียนคะ พรุ่งนี้เราจะเดินทางไปแข่งที่กรุงเทพแล้ว วันนี้ซ้อมแค่รอบเดียวพอแล้วเก็บแรงไว้เดินทางพรุ่งนี้ จำไว้ว่าเราเป็นตัวแทนของภาคขอให้เราตั้งใจทุ่มเททำให้ดีที่สุดจะได้ไม่เสียใจภายหลัง แต่สิ่งสำคัญคือ เราอย่าลืม ว่ากว่าแต่ละทีมจะมาถึงจุดนี้ได้ทุกทีมล้วนเป็นคู่แข่งที่เก่งและน่ากลัว ผ่านการฝึกฝนมาอย่างดีที่สุดทุกทีมเราจะประมาทหรือเหลิงโอ้อวดว่าเราเก่งเหนือคนอื่นไม่ได้ในโลกนี้ ในประเทศนี้ยังมีคนที่เก่งกว่าเราอีกตั้งมากมาย ไม่ว่าเราจะได้แชมป์หรือไม่ก็อย่าไปท้อแท้น้อยใจหรือเสียใจเด็ดขาดขอให้เรายอมรับและแสดงความยินดีกับคนที่ได้แชมป์อย่างจริงใจครูเชื่อว่าทุกความตั้งใจทุกความสามัคคีจะนำเราไปสู่ความสำเร็จขอให้เราตั้งใจทำให้เต็มที่ ทำให้สุดกำลังความสามารถเข้าใจมั้ยคะ "" เข้าใจค่ะ/ เข้าใจครับ "นักเรียนทุกคนตอบรับอย่างพร้อมเพรียมเสียงดังชัดเจน แล้วเทเท่ก็นัดแนะเวลามาขึ้นรถที่โรงเรียนต่อ" แล้วพรุ่งนี้นะคะ
" สวัสดีค่ะคุณป๊อบ คุณพิม คุณเทเท่ "ณัชชาเอ่ยทักขึ้น เทเท่ยิ้มแล้วสวัสดีกลับ" สวัสดีค่ะคุณณัชชาไม่คิดว่าจะได้เจอกันที่นี่ "แล้วป๊อบก็หันมาพร้อมกับเอ่ย" คุณณัชชารู้ได้ยังไงครับว่าวันนี้เรามีแข่งที่นี่ "ป๊อบแค่ถามไปตามมารยาทของคนรู้จักกันส่วนพิมแค่หันมามองแล้วหันกลับไปสนใจเด็กของตัวเองต่อเมื่อทีมก่อนหน้าแข่งจบลง พิธีกรบนเวทีก็เอ่ยขึ้น" จบลงไปแล้วนะคะ ทีม SS ตัวแทนจากภาคใต้ ต่อไปจะเป็นทีม JK ตัวแทนจากภาคเหนือค่ะ ขอให้ทีม JK เตรียมตัวเลยนะคะ ในปีนี้ต้องบอกเลยว่าแต่ละทีมนั้น ทำให้คณะกรรมการของเราหนักใจมากเลยทีเดียว "" ใช่แล้วครับ ในตอนนี้ทีม JK คงจะพร้อมกันแล้วต่อไปเชิญพบกับทีม JK ตัวแทนจากภาคเหนือได้เลยครับ "พิมเรียกนักเรียนให้มายืนเป็นวงหันหน้าเข้าหากันจากนั้นเธอก็แบมือแล้วคว่ำฝ่ามือลงยื่นแขนออกไปข้างหน้า เทเท่ก็วางฝ่ามือทับซ้อนลงบนหลังมือเธอแล้วนักเรียนก็วางมือทับต่อๆกัน" ขอให้พวกเราตั้งใจทำให้ดีที่สุด เพื่อคว้าชัยชนะที่อยู่แค่เอื้อม สู้มั้ย! "" สู้!!! "พิมเอ่ยกระตุ้นสร้างกำลังใจให้นักเรียนมีใจฮึกเหิม แล้วทุกคนก็เก็บมือเตรียมตัว จากนั้นก็เดินขึ้นไปบนเวทีจากนั้นทีมขอ
เตชินลากพิมมาที่รถ จากนั้นก็เปิดประตูให้เธอขึ้นไปบนรถ พิมทำตามที่เขาต้องการโดยไม่บ่นอะไรแล้วเตชินก็เข้าไปนั่งข้างๆเธอพร้อมกับเอ่ยถามขึ้นอย่างไม่รีรออีกต่อไป" เด็กในท้องเป็นลูกของใคร "พิมกระเถิบห่างออกไปอย่างระมัดระหวังพร้อมกับเอามือจับท้องของตัวเองไว้แล้วมองเตชินอย่างดุดันด้วยแววตาสู้คนเมื่อเตชินเลื่อนสายตามาจับจ้องท้องของเธอ[ เตชินถามแบบนี้หมายความว่ายังไง หรือเขาจะสงสัยว่าเด็กในท้องเป็นลูกของเขากันนะ ]เมื่อคิดได้ดังนั้นเธอจึงลองถามหยั่งเชิงดู" เขาก็เป็นลูกของคนที่คุณคิดไง แล้วคุณคิดว่าเขาเป็นลูกใครล่ะ "เธอไม่รู้หรอกว่าเตชินคิดว่าเด็กในท้องเป็นลูกของป๊อบ เธอแค่อยากรู้ความคิดของเขา จึงพูดออกไปแบบนั้นเธอคิดว่าถ้าเขาบอกว่าเด็กในท้องเป็นลูกเขาเธอก็จะได้ปฏิเสธอย่างไม่น่าสงสัยแต่เมื่อเตชินได้ยินเธอพูดดังนั้น เขากลับรู้สึกเหมือนถูกเธอตบหน้าแรงๆ แล้วให้คำตอบอย่างเยาะเย้ยแต่เขาก็พยายามปฏิเสธความคิดของตัวเอง พยายามคิดว่าเด็กในท้องไม่ใช่ลูกของป๊อบแต่เป็นลูกของเขา แต่การคิดแบบนี้ กับระยะเวลาที่ไม่ได้เจอพิมบวกกับภาพความสนิทสนมชิดใกล้กันของพิมกับป๊อบทำให้เขารู้สึกเหมือนกำลังหลอกต
ในห้องผ่าตัดหลังจากผ่าตัดเสร็จอยู่ๆพิมก็หยุดหายใจไป เนื่องจากเธอเสียเลือดมากและแท้งบุตรในขณะที่ประสบอุบัติเหตุทำให้ร่างกายไม่สามารถทนพิษบาดแผลไหวในตอนที่เธอยังมีลมหายใจโรยริน จิตสุดท้ายของเธอคล้ายกับรับรู้ได้ว่าตัวเองสูญเสียลูกไปแล้ว คลื่นความเศร้าโศกถาถมความเสียใจเข้ามาสาดใส่ ทำให้เธอไม่มีกำลังใจที่จะอยากมีชีวิตอยู่ต่อ เพราะเธอตั้งใจจะพาลูกของเธอหนีไปอยู่ในที่ปลอดภัย ไม่คิดว่าจะเป็นการพาเขามาตายจากแล้วหมอก็รีบทำการช่วยชีวิตเธออีกครั้งอย่างสุดความสามารถใช้เวลาอยู่นานเธอก็ไม่กลับมาหายใจ คลื่นหัวใจเป็นเส้นตรงไม่ขยับเขยื้อนเลยสีหน้าหมอแสดงถึงความจนปัญหาด้วยความผิดหวังแล้วเอ่ยเสียงเศร้า" แจ้งญาติคนไข้เถอะ "" ค่ะ "พยาบาลเอ่ยตอบแล้วเดินออกไปจากห้องผ่าตัด" ผ่าตัดเสร็จแล้วแท้ๆ ไม่คิดว่าคนไข้จะมาเสียชีวิตในขณะที่เราเพิ่งจะมีความหวังขึ้นมา "พยาบาลสาวคนหนึ่งเอ่ยอย่างผิดหวัง เพราะในตอนแรกพวกเขาก็ทำใจไว้แล้วว่าคนไข้อาจจะไม่รอดแต่พวกเขาต่างก็ตั้งใจช่วยชีวิตพิมอย่างสุดความสามารถมากจนเธอกลับมาหายใจอีกครั้งความจริงพิมหยุดหายใจตั้งแต่ตอนเกิดเหตุแล้วหมอจึงเอ่ยอย่างสุขุมว่า" บางทีจิตสุ
" ไม่ได้นะคุณเตชิน คุณอย่าทำแบบนี้ ปล่อยฉันกับลูกไปเถอะนะ "พิมขอร้องอ้อนวอนให้เขาปล่อยเธอไม่หยุด แต่เขากลับนิ่งเฉย รตีลงจากรถแล้วแอบเดินถามเตชินเข้ามาในโรงพยาบาลก่อนหน้านี้เธอไปหาเตชินที่บ้าน เห็นเตชินขับรถออกจากบ้าน เธอจึงให้คนขับรถ ขับตามเตชินเธอใส่แว่นสีดำปกปิดดวงตาและใส่แมสก์ปกปิดหน้าเอาไว้ไม่ให้เตชินรู้ว่าเป็นเธอพิมที่อยู่ในอ้อมแขนของเตชินเธอทั้งตีทั้งข่วนเขาจนเธอน้ำตาไหลพรากแล้วเอ่ยด้วยน้ำเสียงสั่นเครืออย่างจนปัญญาด้วยความหวาดกลัว" คุณเตชิน คุณจะฆ่าเขาไม่ได้ เขาเป็นลูกของคุณไม่ใช่ลูกของคุณป๊อบอย่างที่คุณเข้าใจ เขาเป็นลูกของคุณจริงๆ "ได้ยินดังนั้นเตชินก็หยุดชะงักไป รตีได้ยินก็ช็อกไปเช่นกัน แล้วแววตาของเธอก็กลายเป็นดุร้ายเต็มไปด้วยความอิจฉาริษยาเตชินมองหน้าพิมแล้วเอ่ยถามขึ้นมาอีกครั้ง" คุณพูดว่าไงนะ "พิมมองเขาแล้วเอ่ยเสียงสั่น" เขาเป็นลูกของคุณ คุณวางฉันลงก่อนได้มั้ยแล้วฉันจะอธิบายให้ฟัง "เตชินวางเธอลง พอเธอเป็นอิสระจากมือของเขาเธอก็วิ่งหนีไปทันทีเตชินเห็นเธอวิ่งหนีไปเขารู้สึกเจ็บใจมากที่ถูกหลอกจึงวิ่งตามเธอออกไปแล้วคว้าข้อมือเธอมาจับไว้นำตัวเธอกลับมาอีกครั้งพร้อ
เมื่อป๊อบเห็นพิมกลับมา เขาก็ปลีกตัวออกจากกลุ่มนักเรียนแล้วเดินมาหาพิมพร้อมกับเอ่ยถามขึ้น" พิมเขาทำอะไรคุณหรือเปล่า "พิมส่ายหน้าแล้วเอ่ย" ไม่ค่ะ "ป๊อบพยักหน้าแล้วเอ่ย" เช่นนั้นก็ดีแล้ว ปิดเทอมนี้เราก็ว่างบ้างแล้วเดี๋ยวผมจะให้เขาเซ็นหย่าให้คุณให้ได้ ต่อไปเขาจะได้ไม่ต้องมายุ่งวุ่นวายกับคุณอีก "พิมมองป๊อบด้วยสีหน้าเหนื่อยใจนึกถึงคำพูดของเตชินก่อนหน้านี้เธอไม่อยากได้แล้วใบหย่า เธอจึงเอ่ยว่า" จะหย่าหรือไม่หย่าฉันไม่สนใจแล้วค่ะ แค่ใบหย่าใบเดียวไม่มีผลอะไรกับชีวิตฉันหรอกค่ะ ฉันไม่อยากข้องเกี่ยวกับเขาอีกแล้วเราอย่าไปใส่ใจกับใบหย่านั่นอีกเลยค่ะ "" ก็ได้ครับ ไว้คุณคลอดลูกแล้วค่อยมาตัดสินใจอีกที "เขาก็ไม่อยากให้พิมติดอยู่กับสถานะสมรสนี้เพราะเขาอยากจะจดทะเบียนสมรสกับเธอใช้ชีวิตฉันสามีภรรยาอย่างถูกต้องเตชินเดินเข้ามาเห็นทั้งสองยืนคุยกันอยู่ เขาจึงเดินผ่านทั้งสองไป แล้วเดินไปยังกลุ่มของนักเรียนถ่ายรูปกับพวกเขา จากนั้นเขาก็เอ่ยถามเด็กนักเรียนว่า" เด็กๆพวกคุณปิดเทอมกันเมื่อไหร่ครับ "" พวกเราปิดเทอมแล้วครับ กลับไปพวกเราจะฉลองแชมป์ปิดเทอมกันครับ คุณเตชินไปฉลองกับพวกเรามั้ยครับ "" โอ้ว
เตชินลากพิมมาที่รถ จากนั้นก็เปิดประตูให้เธอขึ้นไปบนรถ พิมทำตามที่เขาต้องการโดยไม่บ่นอะไรแล้วเตชินก็เข้าไปนั่งข้างๆเธอพร้อมกับเอ่ยถามขึ้นอย่างไม่รีรออีกต่อไป" เด็กในท้องเป็นลูกของใคร "พิมกระเถิบห่างออกไปอย่างระมัดระหวังพร้อมกับเอามือจับท้องของตัวเองไว้แล้วมองเตชินอย่างดุดันด้วยแววตาสู้คนเมื่อเตชินเลื่อนสายตามาจับจ้องท้องของเธอ[ เตชินถามแบบนี้หมายความว่ายังไง หรือเขาจะสงสัยว่าเด็กในท้องเป็นลูกของเขากันนะ ]เมื่อคิดได้ดังนั้นเธอจึงลองถามหยั่งเชิงดู" เขาก็เป็นลูกของคนที่คุณคิดไง แล้วคุณคิดว่าเขาเป็นลูกใครล่ะ "เธอไม่รู้หรอกว่าเตชินคิดว่าเด็กในท้องเป็นลูกของป๊อบ เธอแค่อยากรู้ความคิดของเขา จึงพูดออกไปแบบนั้นเธอคิดว่าถ้าเขาบอกว่าเด็กในท้องเป็นลูกเขาเธอก็จะได้ปฏิเสธอย่างไม่น่าสงสัยแต่เมื่อเตชินได้ยินเธอพูดดังนั้น เขากลับรู้สึกเหมือนถูกเธอตบหน้าแรงๆ แล้วให้คำตอบอย่างเยาะเย้ยแต่เขาก็พยายามปฏิเสธความคิดของตัวเอง พยายามคิดว่าเด็กในท้องไม่ใช่ลูกของป๊อบแต่เป็นลูกของเขา แต่การคิดแบบนี้ กับระยะเวลาที่ไม่ได้เจอพิมบวกกับภาพความสนิทสนมชิดใกล้กันของพิมกับป๊อบทำให้เขารู้สึกเหมือนกำลังหลอกต
" สวัสดีค่ะคุณป๊อบ คุณพิม คุณเทเท่ "ณัชชาเอ่ยทักขึ้น เทเท่ยิ้มแล้วสวัสดีกลับ" สวัสดีค่ะคุณณัชชาไม่คิดว่าจะได้เจอกันที่นี่ "แล้วป๊อบก็หันมาพร้อมกับเอ่ย" คุณณัชชารู้ได้ยังไงครับว่าวันนี้เรามีแข่งที่นี่ "ป๊อบแค่ถามไปตามมารยาทของคนรู้จักกันส่วนพิมแค่หันมามองแล้วหันกลับไปสนใจเด็กของตัวเองต่อเมื่อทีมก่อนหน้าแข่งจบลง พิธีกรบนเวทีก็เอ่ยขึ้น" จบลงไปแล้วนะคะ ทีม SS ตัวแทนจากภาคใต้ ต่อไปจะเป็นทีม JK ตัวแทนจากภาคเหนือค่ะ ขอให้ทีม JK เตรียมตัวเลยนะคะ ในปีนี้ต้องบอกเลยว่าแต่ละทีมนั้น ทำให้คณะกรรมการของเราหนักใจมากเลยทีเดียว "" ใช่แล้วครับ ในตอนนี้ทีม JK คงจะพร้อมกันแล้วต่อไปเชิญพบกับทีม JK ตัวแทนจากภาคเหนือได้เลยครับ "พิมเรียกนักเรียนให้มายืนเป็นวงหันหน้าเข้าหากันจากนั้นเธอก็แบมือแล้วคว่ำฝ่ามือลงยื่นแขนออกไปข้างหน้า เทเท่ก็วางฝ่ามือทับซ้อนลงบนหลังมือเธอแล้วนักเรียนก็วางมือทับต่อๆกัน" ขอให้พวกเราตั้งใจทำให้ดีที่สุด เพื่อคว้าชัยชนะที่อยู่แค่เอื้อม สู้มั้ย! "" สู้!!! "พิมเอ่ยกระตุ้นสร้างกำลังใจให้นักเรียนมีใจฮึกเหิม แล้วทุกคนก็เก็บมือเตรียมตัว จากนั้นก็เดินขึ้นไปบนเวทีจากนั้นทีมขอ
พิมกับเทเท่นัดแนะกับเด็กในห้องนาฏศิลป์ แล้วแจกใบขออนุญาตเดินทางไปแข่งขัน ให้กับนักเรียนทุกคน ให้เอาไปให้ผู้ปกครองเซ็นอนุญาตยินยอม จากนั้น พิมก็เริ่มเอ่ยกับนักเรียนของตัวเองว่า" นักเรียนคะ พรุ่งนี้เราจะเดินทางไปแข่งที่กรุงเทพแล้ว วันนี้ซ้อมแค่รอบเดียวพอแล้วเก็บแรงไว้เดินทางพรุ่งนี้ จำไว้ว่าเราเป็นตัวแทนของภาคขอให้เราตั้งใจทุ่มเททำให้ดีที่สุดจะได้ไม่เสียใจภายหลัง แต่สิ่งสำคัญคือ เราอย่าลืม ว่ากว่าแต่ละทีมจะมาถึงจุดนี้ได้ทุกทีมล้วนเป็นคู่แข่งที่เก่งและน่ากลัว ผ่านการฝึกฝนมาอย่างดีที่สุดทุกทีมเราจะประมาทหรือเหลิงโอ้อวดว่าเราเก่งเหนือคนอื่นไม่ได้ในโลกนี้ ในประเทศนี้ยังมีคนที่เก่งกว่าเราอีกตั้งมากมาย ไม่ว่าเราจะได้แชมป์หรือไม่ก็อย่าไปท้อแท้น้อยใจหรือเสียใจเด็ดขาดขอให้เรายอมรับและแสดงความยินดีกับคนที่ได้แชมป์อย่างจริงใจครูเชื่อว่าทุกความตั้งใจทุกความสามัคคีจะนำเราไปสู่ความสำเร็จขอให้เราตั้งใจทำให้เต็มที่ ทำให้สุดกำลังความสามารถเข้าใจมั้ยคะ "" เข้าใจค่ะ/ เข้าใจครับ "นักเรียนทุกคนตอบรับอย่างพร้อมเพรียมเสียงดังชัดเจน แล้วเทเท่ก็นัดแนะเวลามาขึ้นรถที่โรงเรียนต่อ" แล้วพรุ่งนี้นะคะ
บ้านพักครูเป็นบ้านปูนเล็กๆมีเพียงสองห้องนอนหนึ่งห้องน้ำ ตอนกลางคืน ณัชชากับเทเท่ก็ปูเสื่อนอนหน้าทีวี ในห้องที่จัดเป็นห้องนั่งเล่น อยู่ติดกับบันไดที่จะขึ้นไปชั้นสองเมื่อทุกคนเข้านอนแล้วบรรยากาศกลางดึกที่เงียบสงบ เทเท่ก็ลุกขึ้นมา ยื่นมือไปลูบไล้เรียวขาของณัชชาด้วยความหื่นกระหายเขาลูบไล้ขึ้นลงได้สักพัก ณัชชาก็เริ่มรู้สึกตัวเพราะรับรู้ได้ถึงสิ่งผิดปกติเธอค่อยๆขยับแพขนตาแล้วลืมตาขึ้นช้าๆอย่างงัวเงียเทเท่เห็นว่าเธอรู้สึกตัวแล้วเขาก็ขึ้นคร่อมบนตัวเธอทันทีแล้วจับมือเธอไว้ ก้มหน้าลงจูบไปตามคอพร้อมกับเอ่ยเสียงกระเส่า" คุณณัชชาผมต้องการคุณ ผมอดใจไม่ไหวแล้ว ฮอร์โมนส์เพศชายของผมมันกำเริบอีกแล้ว ผมต้องการคุณ "ทีแรกณัชชายังงงๆอยู่ว่าเทเท่คิดจะเล่นอะไร พอได้สติ เธอก็กรีดร้องขึ้นดิ้นรนขัดขืนอย่างสุดชีวิต" กรี๊ด!...ช่วยด้วยๆ ไอ้บ้าออกไปจากตัวฉันนะ ออกไป กรี๊ด... "" ไม่แน่นอนครับ ตอนนี้ฮอร์โมนส์เพศชายของผมมันกำลังคุกรุ่นต้องการร่างกายผู้หญิง "เทเท่เอ่ยพร้อมกับมองหน้าณัชชาด้วยสีหน้าหื่นกระหาย" กรี๊ด...ไม่เอาๆ ปล่อย ไอ้เทเท่ ไอ้บ้า ออกไปจากตัวฉัน ออกไป "แววตาณัชชากลัวจนสั่นไหว เธอกลัวจนหน้าข
ในเช้าวันต่อมา ขณะที่พิมกำลังสอนอยู่ ก็มีเพื่อนครูคนหนึ่งเดินมาบอกว่า" ครูพิมจ๊ะ มีคนมาหาครูพิมจ้ะ ตอนนี้รออยู่ที่หน้าบ้านพักครูพิมแล้ว "" อ้อ ค่ะ "พิมเอ่ยตอบ แล้วแอบพึมพำในใจ[ ใครกันที่มาหาเรา ช่างเถอะให้รอไปก่อนเดี๋ยวค่อยไปดู ]จากนั้นเธอก็หันมาสอนนักเรียนต่อ พอหมดคาบเรียน เธอก็เดินกลับไปที่บ้านพักเห็นหญิงสาวรูปร่างดีนั่งหันหลังให้เธอบนโต๊ะหินอ่อนหน้าบ้านพัก[ ใครกัน? ]เธอเดินเข้าไปใกล้แล้วเอ่ยถามขึ้น" คุณมาขอพบฉัน มีธุระอะไรหรือเปล่าคะ "ณัชชาหันหน้ามามองเธอแล้วยิ้มขึ้นพร้อมกับเอ่ย" เซอร์ไพรส์ค่ะ คุณพิม "เมื่อเห็นว่าเป็นณัชชาเธอก็รู้สึกแปลกใจจนแสดงออกมาทางสีหน้าและแววตา แล้วเอ่ยถามขึ้น" คุณณัชชา! คุณมาทำอะไรที่นี่ "ไม่ต้องถามก็รู้ว่าณัชชารู้ที่อยู่เธอได้ยังไง เพราะเธอรู้อยู่แล้วว่าต้องเป็นเตชินส่งมาแน่ๆแต่เธอก็ไม่ได้กังวลอะไร เพราะคิดว่าอย่างน้อยดีกว่าเตชินมาเอง เธอแค่อยากรู้ว่าณัชชามาด้วยจุดประสงค์อะไรก็เท่านั้นณัชชาได้ยินพิมยิงคำถามมาแบบนี้ เธอจึงลุกขึ้นยืนแล้วเอ่ย" ฉันมาเที่ยวน่ะ แล้วรู้มาจากพี่เตชินว่าคุณสอนอยู่ที่โรงเรียนนี้ เลยอยากจะแวะมาทักทาย ขอค้างคืนด้วยสั
ป๊อบพาพิมกลับมานอนพักบนบ้านพัก เขาค่อยๆประคองเธอขึ้นห้องไปอย่างช้าๆเมื่อเข้าไปในห้องเขาก็ประคองเธอไปที่เตียงแล้วพิมก็ขึ้นไปนอนบนเตียงป๊อบเป็นห่วงเธอมาก เพราะเธอพักบ้านพักครูคนเดียวเขาจึงเอ่ยว่า" คืนนี้ผมจะมานอนเป็นเพื่อนคุณนะ "" ไม่เป็นไรหรอกค่ะ พิมอยู่คนเดียวได้ หากคุณมาอยู่ดูแลพิม เดี๋ยวคนอื่นจะมองไม่ดี จะพากันเข้าใจผิดกันไปใหญ่ "พิมรีบปฏิเสธ เพราะเธอแคร์สายตาและแคร์ความคิดของสังคมภายนอก มากกว่าความความเจ็บปวดที่เกิดขึ้นภายในกายของตนเองอาจจะเป็นเพราะเธอถูกเลี้ยงมาแบบนี้ อยู่ในสังคมที่แคร์คนอื่น เธอจึงวางตัวดีมาเสมอและไม่ทำให้ตัวเองเสียชื่อเสียงเหมือนที่พ่อแม่เธอสอนไว้ว่า" ให้เป็นคนดี เป็นที่นับถือ ยำเกรง ทำอะไรคิดไตร่ตรองให้รอบคอบ อย่าทำตัวให้เป็นที่ครหานินทา "ป๊อบมองเธอแล้วเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงทุ้มนุ่มพร้อมกับจัดผ้าห่มมาห่มให้เธออย่างดี" พิมเวลานี้คุณไม่ควรแคร์คนอื่นนะ คุณต้องห่วงสุขภาพตัวเองกับลูกในท้องก่อนการที่ผมมาดูแลคุณแล้วเป็นที่ครหา ผมว่าดีซะอีก คนอื่นจะได้รู้ว่าคุณท้องลูกของผมอยู่ "พิมจ้องหน้าป๊อบที่คิดวางแผนเพื่อปกป้องเธอไม่ให้ถูกคนอื่นกล่าวหาว่าท้องไม่มีพ่อแ