เธอรู้สึกผิดต่อเตชินมาก ที่เลี้ยงงูเห่าไว้ข้างกาย จนกลับมาฉกพวกเขาเองแบบนี้
เธอเดินไปที่ห้องของเตชิน ยกมือเคาะประตูเบาๆแล้วเดินเข้าไปในห้อง เตชินมองเธอด้วยสีหน้าเคร่งขรึม แววตาเย็นชา ทำให้เธอรู้สึกเย็นไปถึงขั้วหัวใจ แต่ก็ฝืนเอ่ยขึ้นอย่างระมัดระวังด้วยความรู้สึกผิด " ฉันขอโทษค่ะ ที่ไม่ระวังคนรอบข้างให้ดี ไว้ใจคนง่ายเกินไป จนทำให้บริษัทเกิดปัญหาใหญ่ แต่คุณไม่ต้องห่วงนะคะ ฉันจะทำทุกวิถีทาง สร้างความเชื่อมั่นให้ นักลงทุนให้กลับมาร่วมลงทุน ซื้อหุ้นของบริษัทเราอีกครั้งให้ได้ค่ะ " เตชินจึงเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงหนักแน่นชัดถ้อยชัดคำว่า " พรุ่งนี้ผมจะจัดแถลงข่าว ผมจะให้โอกาสคุณได้แก้ตัวสักครั้ง ต่อไปจะรับใครเข้ามาทำงานคงรู้นะว่าไม่ควรใช้ความรู้สึกส่วนตัวมาเกี่ยวข้อง " " ค่ะ ฉันเข้าใจแล้ว " เตชินรู้ว่าณัชชาเป็นคนใจอ่อน ขี้สงสาร จึงเป็นจุดอ่อนที่ทำให้ผู้ไม่หวังดีใช้เป็นเครื่องมือได้ง่าย แม้เธอจะเก่ง มองผิวเผินแลดูเพรียบพร้อม แต่แท้จริงแล้วณัชชาขาดความเป็นผู้นำหลายจุด มองคนไม่ทะลุปรุโปร่ง ใจอ่อน ขี้สงสาร ชอบใช้ความรู้สึกส่วนตัว และไม่มีความเด็ดขาด จากนั้นเตชินก็เอ่ยต่ออย่างเหนื่อยหน่ายว่า " คุณออกไปเถอะ " ณัชชามองเตชินด้วยสีหน้ารู้สึกผิดแววตาเจือความเศร้า ก่อนจะหมุนตัวเดินออกไปแล้วปรับสีหน้าให้ นิ่งเฉย แต่ยังคงความสง่าไว้ในทุกท่วงท่าในการเดิน หลังจากที่ณัชชาออกไป เตชินก็หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาโทรไปหาพิม เมื่อพิมรับสายเขาจึงเอ่ยขึ้นอย่างตำหนิว่า " ผมจ้างคุณเดือนละสองหมื่นเพื่อมาเล่นซ่อนแอบหรือไง คุณถึงใช้ทางเดินบันได้หนีไฟ พิมคุณอย่าคิดจะใช้ลูกเล่นกับผมนะ ผมไม่ได้มีความอดทนกับคุณหรอกนะ " พิมได้ยินดังนั้นเธอทั้งน้อยใจ และอารมณ์ขึ้นทันที จึงเอ่ยตอบไปด้วยความโมโหว่า " นี่ฉันช่วยให้คุณจับตัวผู้ที่ทำให้บริษัทของคุณเสียหายได้ แทนที่จะขอบคุณ คุณกลับโทรมาตำหนิฉัน มันเหมาะสมแล้วเหรอ ผู้บริหารอย่างคุณทำกับผู้มีพระคุณแบบนี้เหรอ ทำคุณบูชาโทษ โปรดสัตว์ได้บาป จริงๆเลย แล้วก็ไม่ต้องเอาเงินสองหมื่นมาพูด ไม่ต้องเอาเงินสองล้านมาขู่ เข้าใจมั้ย " ด่าเสร็จเธอก็กดวางสายไป เท้าเอวหายใจออกมาแรงๆด้วยความโมโห แล้วบ่นว่า " พิมนะพิม ไม่น่าไปทำสัญญาบ้าบอนั่นเลย ชีวิตที่เคยสงบ กลับวุ่นวาย ไม่สงบสุขอีกเลยตั้งแต่เซ็นสัญญาบ้าบอนั่น " เตชินนั่งอยู่บนเก้าอี้ประธานบริษัทด้วยท่าทางสุขุม สง่าผ่าเผย ใบหน้าเหล่อเหลาคิ้วขมวดเข้าหากัน เมื่อถูกพิมวางสายใส่เป็นครั้งที่สอง เขาไม่รู้จะว่าอะไรเธอจึงเอ่ยออกมาอย่างหงุดหงิดใจ สีหน้าเต็มไปด้วยความเย็นชาราวกับก้อนน้ำแข็ง " อวดดี! " แล้วเขาก็โยนโทรศัพท์ทิ้งไปไกลออกไปจากตัวเขา จากนั้นก็ก้มหน้าทำงานต่ออย่างเงียบๆ พอถึงตอนเที่ยง เขามองออกไปที่ประตู แต่ก็ไม่มีเงาของพิมโผล่มา แล้วเขาก็ก้มหน้าทำงานต่อ ผ่านไปอีกครึ่งชั่วโมง เขาเริ่มหิว มองดูนาฬิกาที่ข้อมือ เป็นเวลาเที่ยงครึ่งแล้ว พิมก็ยังไม่มาอีก เขาจึงลุกขึ้นแล้วเดินออกจากห้องไป เอ่ยกับผู้ช่วยคังที่อยู่หน้าห้อง ด้วยสีหน้าเย็นชาว่า " กลับไปทานข้าวที่บ้าน " ได้ยินดังนั้นผู้ช่วยคังถึงกับอึ้งไปสามวิ ดวงตาเบิกกว้าง พอได้สติ คิดว่าตัวเองได้ยินผิดไปจึงเอ่ยถามเพื่อความแน่ใจ " คุณชายว่าไงนะครับ " เตชินมองเขาแล้วเอ่ยเสียงเย็น " ผมไม่พูดเป็นครั้งที่สอง " พูดจบเขาก็เดินออกไป ผู้ช่วยคังรีบเดินตามเขาไปแบบงงๆ ที่อยู่ๆคุณชายเขาก็อยากกลับไปทานมื้อเที่ยง ที่บ้าน แต่ก็ไม่เอ่ยถามอะไรอีก ได้แต่ไปเอารถมารับเจ้านาย แล้วขับออกไปมุ่งหน้ากลับไปที่บ้าน พิมอยู่บ้าน วุ่นวายอยู่กับการล้างผักกาด เธอเสียใจที่ถูกตำหนิ จึงรู้สึกคิดถึงบ้านขึ้นมา เลยทำจอผักกาดกิน เธอนำเนื้อหมูและซีโครงลงไปต้มในหม้อ แล้วมานำเอาพริกกับกระเทียมและหอมแดงมาโขลกจนละเอียด จากนั้นเธอก็ตักกะปิใส่ลงไปโขลกให้เข้ากัน พอเนื้อหมูเริ่มสุกส่งกลิ่นหอม เธอก็ตักพริกแกงที่เตรียมไว้ใส่ลงไปในหม้อ จากนั้นก็ใส่ปลาร้าและรสดีลงไป ใส่เกลือนิดหน่อยแล้วใส่น้ำมะขามเปียกที่เตรียมไว้ ตามด้วยใส่ผักกาดกับมะเขือเทศลูกเล็กหรือมะเขือส้ม เพื่อเพิ่มความนัว เพิ่มความกลมกล่อมให้น้ำแกง จากนั้นเธอก็ปิดฝาหม้อรอให้ผักกาดสุก เมื่อสุกแล้วเธอก็ตักออกมาใส่ถ้วยไปวางไว้บนโต๊ะอาหาร เตชินเดินเข้ามาในบ้านได้กลิ่นหอมของจอผักกาด ก็รู้สึกหิวจัดขึ้นมาทันที จนท้องร้องออกมา เขาเดินมานั่งลงแล้วหยิบช้อนขึ้นมาชิมแล้วเอ่ย " อืม รสชาติใช้ได้ อมเปรี้ยว อมหวาน อมเค็ม เป็นรสชาติที่แปลกใหม่ อร่อยดี " เขาไม่เคยทานอาหารทางเหนือเลย และเป็นคนไม่ทานกะปิกับปลาร้าด้วย แต่ครั้งนี้ เขากลับรู้สึกว่า อาหารบนโต๊ะนั้นส่งกลิ่นหอมจนเขาต้องชิม พิมเดินออกมาพร้อมข้าวสวย เมื่อเห็นเตชิน เธอก็มองเขาด้วยแววตาเย็นชา สีหน้าขุ่นเคือง เธอคิดว่าเขายังไม่ได้ทานข้าว จึงตักข้าวใส่จานวางลงตรงหน้าเขา แล้วเธอก็หมุนตัวเดินออกไปด้วยสีหน้าบึ้งตึงโดยไม่เอ่ยอะไร คิดว่าจะเข้าไปทานข้าวในห้องครัว เพราะไม่อยากมองหน้านายจ้างคนนี้ เตชินเห็นดังนั้นจึงเอ่ยขึ้น " คุณจะไปไหน มานั่งทานข้าวตรงนี้ " เธอจึงเอ่ยตอบด้วยน้ำเสียงโกรธเคืองว่า " ฉันไม่หิว คุณทานก่อนเลย " เตชินรู้ว่าเธอโกรธเรื่องเมื่อเช้า และรู้ว่าตอนนี้เธอหิวมาก เธอเตรียมอาหารบนโต๊ะก็เพื่อตัวเองไม่ใช่เพื่อเขา เขาจึงเอ่ยต่อว่า " งั้นเหรอ แต่ดูเหมือนอาหารที่หน้าตาอัปลักษณ์ กลิ่นเหม็นแปลกๆนี่ ไม่ได้ถูกเตรียมมาเพื่อผมนะ " ได้ยินเขาว่าให้อาหารที่เธอทำแบบนั้นเธอจึงเอ่ยด้วยสีหน้าเรียบเฉยเย็นชาว่า " ถ้าคุณไม่ชอบ ฉันจะไปเก็บค่ะ แล้วจะให้ผู้ช่วยคังสั่งอาหารราคาแพงๆหน้าตาน่าทานๆให้ค่ะ " พูดจบเธอก็เดินกลับมาที่โต๊ะอาหาร เตรียมจะเก็บถ้วยแกง พอมือไปสัมผัสถ้วยแกง เตชินก็จับมือเธอไว้ แล้วมองหน้าเธอที่กำลังบึ้งตึงและเย็นชาอย่างเงียบๆ แล้วเอ่ย " ผมขอโทษ คุณพอใจยัง ถ้าพอใจแล้วก็นั่งลงทานข้าวกับผม ตามข้อตกลงในสัญญา ผมหิวแล้ว " แล้วเขาก็ลุกขึ้นกดไหล่พิมให้นั่งลงข้างๆเขา จากนั้นก็ไปตักข้าวใส่จานให้เธอแล้วเอ่ย " วันนี้ผมบริการคุณ ตอบแทนที่คุณช่วยจับผู้ไม่หวังดีมาลงโทษ " เขาวางจานข้าวลงตรงหน้าเธอแล้วเอ่ยต่อว่า " ทานข้าวเถอะ ผมรู้ว่าคุณหิว " ด้วยความที่หิวมาก พิมจึงจับช้อน แล้วก้มหน้าก้มตาทานข้าวอย่างเงียบๆ โดยที่ไม่พูดไม่จาอะไรอีกต่อไป เตชินทานข้าวไปมองเธอไป จนเผยยิ้มในหน้าออกมาอย่างเงียบๆพิมทำหน้าที่ส่งอาหารเช้าให้เตชินตามปกติ และร่วมทานมื้อเที่ยงตามข้อตกลงในสัญญาเธอเข้าออกบริษัทบ่อยจนพนักงงานต้อนรับเริ่มจำเธอได้และต้อนรับเธออย่างดีแต่ก็ไม่วายที่จะหลุดรอดจากคำซุบซิบนินทาของพนักงานในบริษัทพนักงานจับกลุ่มซุบซิบกัน" นี่ๆ นึกไม่ถึงเลยว่าท่านประธานจะเปลี่ยนรสนิยมหันมาควงสาวน้อยหน้าใสแล้ว "อีกคนก็เอ่ยขึ้นบ้าง" ฉันได้ยินทางฝ่ายต้อนรับเขาเม้าท์กันว่า เธอมาส่งข้าวเช้าให้ท่านประธานทุกวันเลย บางวันก็มาทานมื้อเที่ยงด้วยกัน "อีกคนดูตื่นเต้นกับสิ่งที่ได้ยินแล้วเอ่ย" จริงเหรอ แสดงว่าคนนี้ต้องเป็นคนโปรดของท่านประธานที่ท่านประธานปลื้มมากแน่ๆเลย "อีกคนก็อยากร่วมสนทนาด้วยจึงเอ่ย" ฉันได้ข่าวมาว่า หลายวันก่อนที่เธอไม่มาทานข้าวด้วย ท่านประธานถึงกับต้องออกไปง้อเลย "พนักงานสาวอีกคนก็เอ่ย" แล้วแบบนี้ถ้ารองประธานรู้ จะรู้สึกยังไง พูดก็พูดเถอะ ในฐานะผู้หญิงด้วยกันไม่ใช่ว่าฉันจะมองไม่ออกนะว่า รองประธานดูมีความรู้สึกพิเศษต่อท่านประธาน "อีกคนก็เอ่ยเสริมว่า" นั่นสิ รองประธานอยู่เคียงข้างท่านมาธานมาตลอดแต่เสียดายที่ท่านประธานกลับไม่เห็นเธอเป็นผู้หญิงทั่วไป "พนักงานสาวอีกคนจึงพูด
พิมเอาข้าวไปให้เตชินเสร็จเธอก็เอ่ยว่า" ฉันเอาข้าวมาส่งคุณแล้ว วันนี้ฉันมีธุระต้องออกไปข้างนอก ขอลางานหนึ่งวันนะคะ "เตชินเงยหน้าขึ้นมามองเธอแล้วเอ่ย" คุณจะไปไหน ให้ผู้ช่วยคังไปส่งสิ "ได้ยินดังนั้นเธอก็รีบเอ่ยปฏิเสธทันที" ไม่เป็นไรค่ะ ฉันเรียกรถเองได้ ฉันมีนัดกับเพื่อนที่ทำงานสายนี้ด้วยกัน วันนี้เป็นวันหยุดเขาพอดี เลยนัดเจอกันค่ะ "สำหรับเธอแล้ว เธอจะให้คนอื่นมารู้เรื่องส่วนตัวของเธอไม่ได้ และยิ่งไม่ชอบให้คนอื่นมาละลาบละล้วงเรื่องของเธอแม้แต่นิดเดียวเตชินทำท่าเข้าใจแล้วเอ่ย" ผมจะให้คุณลาแค่วันเดียวนะ เย็นนี้กลับมาแล้วมารายงานตัวกับผมด้วย "ได้ยินดังนั้นเธอรู้สึกอารมณ์ไม่ดีขึ้นมา[ นี่มันแม่บ้านประเภทไหนกัน ต้องรายงานเวลาเข้าเวลาออก นี่มันทหารองครักษ์ชัดๆ ]เธอพึมพำในใจแล้วเอ่ยตอบว่า" ค่ะ เมื่อไม่มีอะไรแล้ว ฉันขอตัวค่ะ "เอ่ยจบเธอก็เดินออกไปจากห้องของเตชิน รถแท็กซี่ที่เธอเรียกก็มารอที่หน้าบริษัทเมื่อลงไปถึงหน้าบริษัท เธอก็ขึ้นรถไป เธอยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ด้วยความดีใจสีหน้าเต็มไปด้วยความสุข ที่เมื่อคืน อาจารย์ป๊อบทักแชทมาหาเธอว่า( พิม พรุ่งนี้คุณว่างมั้ย ผมเพิ่งกลับมาจากต่างประเท
ป๊อบมองตามหลังของพิมด้วยแววตาผิดหวัง เขาไม่อยากให้เธอทำงานนี้เลยเตชินเห็นพิมเปิดประตูลงมาจากรถหรู เขาถึงกับหรี่ตาลง เพ่งมองไปที่รถคันนั้น พิมรีบวิ่งเข้ามาให้ทันเวลาห้านาที เพราะไม่รู้ว่าถ้าเลยห้านาที เตชินจะสรรหาคำใดมาตำหนิเธออีก เธอเป็นคนวิ่งเร็วไม่ถึงห้านาที ก็ถึงหน้าห้องแล้ว เลยยกมือเคาะประตูห้องเขาทันทีเตชินที่อยู่ด้านในเอ่ยเสียงเย็นออกมา" ประตูไม่ได้ล็อค "เธอจึงเปิดประตูเข้าไป เดินไปยืนต่อหน้าเขาแล้วเอ่ยด้วยน้ำเสียงราบเรียบด้วยสีหน้านิ่งเฉย" ฉันมารายงานตัวตามที่คุณบอกแล้ว ขอตัวค่ะ "พูดจบเธอก็หันหลังเดินออกไป แต่ก้าวขายังไม่ถึงสามข้าว เตชินก็หาเรื่องพูดกับเธอเอ่ยถามขึ้นอย่างเย็นชาด้วยสีหน้าเคร่งขรึม" ใครมาส่งคุณ "" เพื่อนค่ะ "เธอเอ่ยตอบอย่างไวแบบไม่ต้องคิดเตชินเผยอปากแล้วเอ่ยพร้อมกับเลิกคิ้วขึ้นเดินเข้ามาหาเธอ" อ้อ เพื่อนคุณเป็นแม่บ้านทีรวยใช้ได้เลยนี่ ขับรถหรูมาส่งซะด้วย "พิมตกใจ ไม่คิดว่าเขาจะแอบดูอยู่ และไม่รู้ว่ารถของอาจารย์ป๊อบเป็นรถหรูเธอรู้สึกพลาดมากที่พูดออกไปแบบนั้นเธอนิ่งเงียบไป เตชินเห็นดังนั้นจึงเอ่ยต่อว่า" กำลังคิดหาวิธีแก้คำพูดของตัวเองอยู่ล่ะ
พิมนึกแค้นเตชินในใจ ที่ไม่เว้นแม้กระทั่งเธอที่เป็นสาวใช้ จึงโทรไปหาเพื่อนสาว เมื่อเพื่อนสาวรับสาย เธอจึงทำเป็นร้องห่มร้องให้ เล่าเรื่องที่เกิดขึ้นให้เพื่อนสาวฟัง" อีเท่ ฉันถูกผู้ชายปล้ำ ฮือๆๆๆ "เพื่อนสาวของเธอได้ยินดังนั้นก็ร้องขึ้น พร้อมกับเอานิ้วที่กรีดกรายปิดปากอย่างตกใจ" อุ๊บ! "แล้วเอ่ยถาม โดยที่คนฟังแยกไม่ออกว่าเป็นห่วงเธอหรือเปล่า" อีพิม เธอพูดจริงป้ะเนี่ย "" ฉันพูดจริงๆ ใครจะมาล้อเล่นเรื่องพรรณนี้กันล่ะ "เพื่อนสาวจึงถามด้วยความสนใจใคร่รู้ต่อว่า" แล้วผู้ เป็นใคร หล่อมั้ย สูงเท่าไหร่ ผิวสีอะไร อ้วนหรือผอม หน้าที่การงานเป็นยังไง รวยมั้ย ระดับไหน ตอบ! "ได้ยินดังนั้นเธอจึงเอ่ยอย่างหงุดหงิด" อีเท่ นี่แกจะถามอะไรเยอะแยะไปทำไม "เพื่อนสาวของเธอที่นั่งทาเล็บอยู่ก็เอ่ยต่อว่า" ก็ถ้าโปรไฟล์ดี ดีกรีเยี่ยม หน้าตาหล่อ เธอก็ถือซะว่ามันเป็นวันไนท์สแตนด์แล้วกัน แต่ๆๆๆ ถ้ามันไม่หล่อไม่มีดีสักอย่าง ต่อให้มันอยู่ขุมนรกไหนฉันกับอีมี่และอีมิกเกลก็จะไปลากคอมันมาลงโทษแล้วลากมันเข้าคุกให้เธอ "เธอรู้สึกเอือมระอากับเพื่อนสาวของเธอ จนไม่รู้จะพูดยังยังเธอจึงทำงอแงร้องเรียกชื่อเพื่อนสาวเสีย
พิมเข้าไปเช็ดรอยลิปสติกที่เลอะริมฝีปากออก แล้วเดินออกมาเห็นเตชินยืนรอหน้าห้องน้ำ เธอทำตาเขียวใส่เขา แล้วเดินผ่านเขาออกไปเตชินยิ้มอย่างสบายๆ เดินตามเธอออกไป จากนั้นก็หันไปเอ่ยกับผู้ช่วยคังที่อยู่หน้าห้องว่า" ส่งเธอกลับบ้าน "ผู้ช่วยคังจึงเอ่ยถามขึ้น" วันนี้คุณชายไม่ให้คุณพิมอยู่ทานข้าวด้วยแล้วเหรอครับ "เตชินเอ่ยตอบด้วยน้ำเสียงเรียบเฉยเจือเย็นชา" วันนี้ผมกับณัชชาต้องกลับไปทานข้าวที่คฤหาสน์ ไม่รู้ครั้งนี้ จะมีเรื่องน่าสนใจอะไรเซอร์ไพรส์อีกบ้าง "" ครับ "เอ่ยจบเตชินก็เดินกลับเข้าห้องไป ผู้ช่วยคังก็ไปส่งพิมกลับบ้านเมื่อกลับไปถึงห้องพิมเอาชุดทั้งหมดที่เตรียมไว้ยัดใส่ถุงขยะด้วยความอารมณ์เสียตอนนี้เธอไม่รู้วิธีรับมือกับเตชินแล้ว เธอนั่งเครียดด้วยสีหน้าบึ้งตึงอย่างจนปัญญาเตชินก็จ้องแต่จะจับเธอเป็นนางบำเรอ ชีวิตเหมือนแขวนอยู่บนเชือกเส้นเดียวบนที่สูงๆ ต้องก้าวเดินไปข้างหน้าอย่างระมัดระวังเพื่อให้ตัวเองรอดปลอดภัยช่วงบ่ายเตชินกลับไปทานข้าวที่คฤหาสน์พร้อมกับณัชชาเมื่อทานข้าวเสร็จคุณหญิงจารวีก็เอ่ยขึ้น" เตชิน อีกเดี๋ยวทนายประจำตระกูลจะมาพูดเรื่องพินัยกรรม ลูกกับหนูณัชชาอยู่รอก่อนนะ "
คุณหญิงจารวีเอาก็ยิ้มอย่างมีความหวังเช่นกันที่ลูกชายยอมเห็นด้วยกัณัชชาแบบนี้แต่เตชินกลับเอ่ยขึ้น ด้วยสีหน้าเรียบเฉยเย็นชาทำลายความหวังของทุกคนจนแตกเป็นเสี่ยงๆ" แต่จะไม่จดทะเบียนสมรสกับณัชชา ผมไม่ได้รักณัชชา และคนที่ผมรักก็ไม่ใช่ณัชชา คุณแม่อย่ามาคาดหวังจากผมกับณัชชาอีกเลย ผมรักณัชชาแบบพี่น้องรักเหมือนน้องสาวแท้ๆ ผมอยากให้เธอได้พบเจอคนดีๆ ที่รักและดูแลเธอได้ นี่คือความหวังดีของพี่ชายคนหนึ่งที่มีต่อน้องสาว "ได้ยินดังนั้นรอยยิ้มของณัชชาก่อนหน้านี้ค่อยๆหุบลงน้ำตาค่อยๆซึมออกมาจากแววตา ด้วยความผิดหวังและเสียใจเธอรักเขามาตลอด ทุกคนรู้ โลกรู้ จนถูกจับคู่ให้แต่งงานแม้เธอจะรู้ว่าเขาไม่ได้รักเธอ แต่ทุกครั้งที่เขาแสดงความเป็นห่วงเป็นใยเธอก็เข้าใจว่าเขามีใจให้เธอ เพียงแต่ไม่กล้าพูดออกมาทุกครั้งที่เธอ เดือดร้อน ต้องการความช่วยเหลือ ต้องการพบเขา เขาจะมาทันที แบบนี้ถ้าไม่เรียกว่ารักจะเรียกว่าอะไรแต่สุดท้ายทุกอย่างก็ชัดเจนเมื่อทุกคำพูดออกจากปากของเขาบอกว่ารักเธอ แต่รักเธอในฐานะน้องสาว ดับความหวังที่จะเป็นภรรยาเขาที่มีเพียงอันน้อยนิดของเธอลงไปทันทีแล้วเตชินก็หันมาพูดกับณัชชาด้วยสีหน้
ตอนเย็น เตชินออกจากบริษัทนั่งรถกลับบ้าน ระหว่างทาง เขามองออกไปนอกหน้าต่าง คิดอะไรเพลินๆ[ หากพิมเป็นเด็กสาวบริสุทธิ์ก็คงดี ผู้ชายในคืนนั้นเป็นใครกันนะ ที่พรากความสาวของเธอไป ]เมื่อคิดถึงผู้ชายของพิมในคืนนั้น เขาไม่เข้าใจว่าพิมไปมีวันไนท์สแตนด์ทำไมเขานั่งวิเคราะห์ถึงความเป็นไปได้อย่างเงียบๆ[ แล้วที่เธอทำเป็นหวงเนื้อหวงตัว เป็นการเสแสร้งงั้นเหรอ เธอเป็นผู้หญิงแบบไหนกันนะ ]เนื่องจากในช่วงเช้าก่อนที่พิมจะมาถึงบริษัทผู้ช่วยคังไปสอบถามจากช่างแต่งหน้า ที่มาแต่งหน้าทำผมให้พิมวันนี้ทำให้ได้เบอร์โทรของเพื่อนพิมที่ชื่อเทเท่มา ผู้ช่วยคังจึงโทรไปถาม" สวัสดีครับ ไม่ทราบว่าผมเรียนสายอยู่กับคุณเทเท่ใช่มั้ยครับ "เทเท่จึงตอบไปว่า" ใช่ค่ะ "แล้วผู้ช่วยคังก็แนะนำตัว" ผมชื่อคังนะครับ เป็นผู้ช่วยส่วนตัวของท่านประธานบริษัทอสังหาริมทรัพย์แห่งประเทศไทยและเป็นเพื่อนร่วมงานกับพิม พอดีทางท่านประธานของเรารับคุณพิมเข้าทำงานเลยต้องการทราบเกี่ยวกับประวัติของคุณพิมให้เลียดเอียดตามกฏของบริษัทครับ "ผู้ช่วยคังเอ่ยอธิบาย จากนั้นก็เริ่มเอ่ยถาม" คุณเทเท่เป็นเพื่อนสนิทสมัยเรียนของคุณพิมใช่มั้ยครับ "" ใช่ค่ะ
คุณหญิงจารวีมาที่บ้านของเตชิน มาถึงก็เดินเข้ามาในบ้านด้วยท่าทางเย่อหยิ่ง ในมือถือกระเป๋าแบรนด์เนมราคาแพง เมื่อเดินมาถึงห้องรับแขกเขาวางกระเป๋าลงบนโต๊ะแล้วนั่งลงบนโซฟาด้วยท่าทางสง่างามสมกับผู้ดีที่สูงส่ง เพื่อข่มให้พิมรู้สึกต่ำต้อยและเกรงกลัวในตัวเขาพิมไม่พูดไม่จา เดินถือน้ำเข้ามา วางน้ำลงบนโต๊ะ แล้วเอ่ย" คุณหญิงเชิญตามสบายเลยนะคะ ฉันขอตัวไปทำงานบ้านก่อน หากต้องการอะไรเพิ่ม สามารถเรียกใช้ได้ตลอดเลยค่ะ "พอคุณหญิงจารวีได้ยินประโยคที่ว่า เชิญตามสบาย เขารู้สึกไม่พอใจขึ้นมาแล้วเอ่ย" เธอไม่ต้องมาพูดเหมือนกับตัวเองเป็นเจ้าของบ้านหรอกนะ นี่เป็นบ้านของลูกชายฉัน ฉันรู้ว่าฉันจะต้องอยู่ยังไง ไม่จำเป็นต้องให้เธอมาบอก "พิมไม่อยากมีปัญหา จึงเลือกที่จะนิ่งเงียบ ไม่ต่อความยาวสาวความยืด แล้วเอ่ยเพียง" ขอโทษค่ะ "คุณหญิงจารวีจ้องเขม่นไปยังพิม พิมยืนทำหน้านิ่งเฉย สีหน้าเย็นชาไร้อารมณ์ ไม่มีความเกรงกลัวใดๆยิ่งทำให้คุณหญิงจารวีไม่พอใจพิมไม่อยากอยู่เผชิญหน้ากับคุณหญิงจารวีที่วางท่าสูงส่งคอยแต่จะข่มเธอเธอจึงเลือกที่จะเดินหนีไป เพราะการควบคุมอารมณ์ของเธอก็มีขีดจำกัดเช่นกันเพราะเธอถูกสอนมาตลอดว่
" ก็สั่งสอนแบบนี้ไง "เคอร์ฟิวจับณชาขึ้นมานั่งบนตักแล้วจูบเธอทันที ณชาตกใจจนดวงตาเบิกกว้างป้าใจเดินเข้ามาส่งพิซซ่าในห้องเจอเข้ากับฉากนี้พอดี แกจึงหมุนตัวหันหลังจะเดินออกไปแบบเงียบๆเคอร์ฟิวถอนริมฝีปากออกจากริมฝีปากณชาแล้วเอ่ย" ป้าไม่ต้องออกไปหรอก คุณณชาเธอหิวจนจะกลืนกินผมอยู่แล้ว "" พี่พูดอะไรน่ะ "เธอเอ่ยอย่างหน้านิ่วคิ้วขมวดพร้อมกับทุบตีอกของเขาหนึ่งทีป้าใจยิ้มเจื่อนแล้วหมุนตัวเดินเข้ามาวางพิซซ่าลงบนโต๊ะจากนั้นก็หมุนตัวเดินออกไป ปล่อยให้ทั้งสองได้อยู่ด้วยกันตามลำพังเคอร์ฟิววางณชาลงนั่งข้างๆแล้วเปิดกล่องพิซซ่าออกมาหยิบพิซซ่าขึ้นมาหนึ่งชิ้นแล้วเอ่ยกับณชาที่นั่งแข็งทื่ออย่างทำอะไรไม่ถูก" หิวไม่ใช่เหรอ อ้าปากสิ "ณชาเหลือบมองเขาอย่างหน้านิ่วแล้วเอ่ยเสียงขุ่น" ฉันทานเองได้ "เธอขยับมือจะหยิบพิซซ่ามาทานเอง แต่เคอร์ฟิวกลับจับมือเธอไว้แล้วเอ่ย" พี่อยากป้อน อ้าปาก ถ้าไม่อ้าปากพี่จะใช้ปากป้อนแล้วนะ "ณชาได้แต่มองแรงใส่เขาแล้วยอมอ้าปากให้เขาป้อน เขายิ้มแล้วเอ่ย" เชื่อฟังแบบนี้ค่อยน่ารักหน่อย "เคอร์ฟิวป้อนไปยิ้มไปอย่างพอใจ ณชาทานจนอิ่มลืมความโมโหและความไม่พอใจไปหมดสิ้น แล้วเปลี่ยนม
เช้าวันรุ่งขึ้น ป๊อบกับณัชชาลากกระเป๋าเดินทางออกมาจากห้อง แล้วไปเคาะประตูห้องลูกสาวณชาที่ยังหลับอยู่บนเตียง พอได้ยินเสียงเคาะประตูเธอก็ค่อยๆลืมตาขึ้นมาแล้วลุกมานั่งหาว จากนั้นก็ลงจากเตียงเดินไปเปิดประตูให้พ่อกับแม่ด้วยท่าทางงัวเงียเธอหาวออกมาอีกครั้ง แล้วยื่นมือไปเปิดประตู เมื่อเห็นว่าพ่อกับแม่กำลังจะออกเดินทางแล้วเธอจึงเอ่ยขึ้น" คุณพ่อคุณแม่จะไปแล้วเหรอคะ ทำไมไปเช้าจัง "ณัชชายิ้มอ่อนแล้วเอ่ย" ต้องไปไกล ลงจากเครื่องเสร็จก็ต้องนั่งรถไปต่ออีกแล้วต่อด้วยนั่งเรือไปเกาะก็ต้องไปให้ทันเวลา พ่อกับแม่แค่จะมาบอกให้ลูกรู้ว่าจะออกไปแล้ว อีกเรื่องนะ เวลาไปเข้าค่ายเตรียมยาที่จำเป็นไว้ให้พร้อมด้วย เแล้วก็อาหมวกแก๊ปกับเสื้อแขนยาวไปด้วยนะ "" ค่ะ คุณพ่อกับคุณแม่ไปเที่ยวให้สนุกนะคะ "ณัชชากับป๊อบพยักหน้าเบาๆ จากนั้นป๊อบก็เอ่ยกำชับลูกสาวอีกครั้งด้วยความเป็นห่วงว่า" เวลาอยู่ในค่ายน่ะ ดูแลตัวเองให้ดีๆนะ อย่าไปนั่งใกล้ผู้ชายคนอื่น ยกเว้นพี่เคอร์ฟิวของลูก เข้าใจมั้ย "เขาเป็นพ่อที่ค่อนข้างหวงลูกสาวมากคนหนึ่ง ถึงแม้ลูกสาวเขาจะห้าวๆแต่มันก็ไม่ได้ทำให้พ่ออย่างเขาหวงลูกสาวน้อยลงเลยณชารู้และเข้าใจดีว่
ทุกคนเริ่มจับอุปกรณ์ ทานข้าวกันอย่างเงียบๆ ระหว่างทานข้าวพิมมองหน้าลูกชายแล้วเอ่ยถามขึ้น" เคอร์ฟิว เปิดเทอมแล้วเป็นยังไงบ้าง อยู่โรงเรียนได้เจอกับน้องณชาบ้างมั้ย "เคอร์ฟิวได้ยินดังนั้นจึงยิ้มอ่อนออกมาแล้วเอ่ยตอบแม่ว่า" ก็ดีครับ อยู่โรงเรียนผมกับน้องอยู่คนละชั้น เรียนกันคนละตึกเลยไม่ค่อยได้เจอกันครับ "เตชินหันมามองลูกชายที่มีใบหน้าหล่อกระชากลากใจราวกับออกมาจากแม่พิมพ์เดียวกันกับเขาแล้วเอ่ยเสียงเรียบ" ยังไงน้องก็เป็นคู่หมั้นลูก ลูกก็ดูแลน้องให้ดีๆอย่าเปิดโอกาสให้หนุ่มคนอื่นมาสร้างความสัมพันธ์ใกล้ชิดสนิทสนม จนทำให้น้องหวั่นไหวนะลูก ลูกผู้ชายต้องกล้าแสดงตัวหน่อย เข้าใจมั้ย "เคอร์ฟิวเอ่บตอบรับคำด้วยสีหน้าเรียบเฉยเพียงสั้นๆว่า" ครับ "" นี่ คุณสอนอะไรลูกน่ะ หนูณชายังเด็กก็ต้องมีเพื่อนทั้งผู้หญิงและผู้ชายเป็นธรรมดา การหมั้นหมายเป็นการตกลงกันของพวกเรา หากลูกหรือหนูณชาไม่ได้ชอบพอกันก็ต้องยกเลิกไป มันไม่สามารถบังคับกันได้ค่ะ "พิมเอ่ยออกมาตรงๆโดยที่ไม่รู้เลยว่าเจ้าลูกชายของเธอนั้นเริ่มแอบณชาเข้าแล้วและจริงจังกับการเป็นคู่หมั้นนี้มากเตชินจึงโต้ตอบกับพิมว่า" ลูกชายเราหล่อแถมยังเป็นปร
พอออกมาจากสนามกอล์ฟ ทั้งสองครอบครัวก็ไปทานข้าวด้วยกัน ในร้านอาหารชื่อดังสุดหรูที่ตั้งอยู่ใจกลางเมืองที่เป็นแหล่งร้านอาหารสำหรับคนรวยซึ่งตัวอาคารติดด้วยกระจกสะท้อนความร้อน ทำให้คนข้างในสามารถมองเห็นวิวบ้านเมืองและตึกสูงข้างนอกได้อย่างสวยงามในขณะทานข้าวทั้งสองครอบครัวนั่งทานข้าวกันอย่างมีความสุข ณชากับเคอร์ฟิวก็นั่งทานข้าวบนเก้าอี้อย่างเรียบร้อยโดยที่ไม่รบกวนหรือเล่นซนเลย10 ปี ต่อมา.......ณ โรงเรียนนานาชาติชื่อดังแห่งหนึ่งของประเทศ เป็นแหล่งรวมการเรียนรู้ของเด็กนักเรียนอินเตอร์จำนวนมากมีหลากหลายภาษา หลากหลายวัฒนธรรมและหลากหลายชนชาติมาเรียนร่วมกันเมื่อถึงเวลาเลิกเรียนเด็กนักเรียนต่างทยอยกันเดินออกมาจากอาคารเรียน รอผู้ปกครองมารับบางคนบางกลุ่มที่บ้านใกล้โรงเรียนก็ออกจากโรงเรียนเดินเท้ากลับตามทางฟุตบาทเคอร์ฟิวกับกลุ่มเพื่อนๆกำลังเดินออกมาจากห้องเรียนลงไปยังใต้อาคาร ชุดนักเรียนชายโรงเรียนนี้ ประกอบไปด้วยเสื้อเชิ้ตแขนสั้นสีขาว เสื้อสูทสีดำ มีตราสัญลักษณ์โรงเรียนปัก มีเน็กไทและกางเกงขายาวลายสก๊อตสีดำส่วนณชาที่เป็นรุ่นน้องของเคอร์ฟิวก็กำลังเดินลงจากอาคารเรียนเช่นกันแต่อยู่คนละตึกในต
ยามเย็นณัชชากับป๊อบลงมาเดินเล่นที่ชายหาด ส่วนลูกสาวก็อยู่กับตายาบนบ้านทั้งสองนั่งดูพระอาทิตย์ตกขอบทะเลด้วยกันอย่างโรแมนติก นั่งยาวไปจนถึงช่วงเวลาโพล้เพล้เธอนั่งเอาหัวพิงไหล่ป๊อบแล้วเอ่ย" ฉันมีความสุขจังเลยค่ะ เมื่อก่อนฉันรู้สึกอิจฉาคุณพิมมากที่สามีรักสามีหลงจนยอมตามใจทุกอย่าง "ป๊อบยิ้มอ่อนแล้วเอ่ย" ต่อไปนี้คุณไม่ต้องไปอิจฉาพิมแล้ว เพราะถ้าไม่มีคุณผมก็อยู่ไม่ได้ การลองใจของคุณที่ผ่านมามันทำให้ผมรู้ว่า ผมก็เป็นสามีที่รักและหลงภรรยามากเช่นกัน ตอนที่คิดว่าคุณไม่อยู่แล้วคุณผมแทบจะเป็นบ้าจนเกือบจะเสียสติไปแล้วรู้มั้ย "" ฉันขอโทษนะ "เธอเอ่ยเสียงอ่อน" ไม่เป็นไรหรอก แค่คุณไม่จากผมไปไหน อยู่กับผม ให้ผมสัมผัส และจับต้องคุณได้แบบนี้ทุกวัน ก็พอแล้ว "ณัชชายิ้มแล้วยื่นหน้าไปหอมแก้มเขาเบาๆสบตากับเขาพร้อมกับเอ่ยอย่างซึ้งใจ" ขอบคุณค่ะ "ป๊อบสบตากับภรรยาอย่างลึกซึ้งแล้วค่อยๆโน้มหน้าเข้าไปจูบริมฝีปากเธอเบาๆจูบอย่างนุ่มนวลใจเย็น ในหัวใจของทั้งสองเต็มไปด้วยความรักที่บานฉ่ำ ตอนนี้ความปรารถนาของณัชชาเป็นจริงแล้ว เธอมีสามีที่น่ารัก ที่คอยเทคแคร์เอาอกเอาใจเธอเป็นอย่างดีมีลูกสาวที่น่ารัก มีครอบ
ณัชชาเดินออกมาจากห้องน้ำ เห็นพ่อกับแม่นั่งจ้องเธอตาเขม็งเธอยิ้มแหยๆออกออกมาพอให้เห็นฟันเล็กน้อยแล้วเดินเบี่ยงไปนั่งลงข้างๆลูก โดยไม่กล้าสบตาพ่อกับแม่อีกเธอจ้องมองใบหน้าแบเบาะอันน่ารักน่าชังที่ถูกห่อหุ้มด้วยผ้าอ้อมแล้วเอ่ย" ณชา สาวน้อยของแม่ แม่คิดถึงลูกที่สุดเลย แม่ขอโทษนะที่ไม่ได้อยู่กับลูก ลูกไม่โกรธแม่ใช่มั้ยคะ น้าพิมกับคุณพ่อดูแลหนูดีมากมั้ยคะ "เด็กน้อยทำปากจู๋ แววตาดูใสแป๋วเปล่งประกายแวววาว ขนตาดกดำยาวสวย ส่งให้ดวงตาสวยมีเสน่ห์สมกับคำชมของเคอร์ฟิวน้อยเด็กน้อยยิ้มแป้นออกมาอย่างไร้เดียงสา ทำให้ผู้เป็นคุณแม่มือใหม่ หลงรักหนักเข้าไปอีก เธอจ้องหน้าลูกด้วยรอยยิ้มแล้วเอ่ยต่อว่า" งุ้ยน่ารักน่าชังที่สุดเลย ต่อไปคุณแม่จะไม่ไปไหนแล้วนะคะ คุณแม่จะอยู่กับเบบี๋น้อยทุกวันทุกคืนเลยค่ะ "น้ำเสียงนุ่มนวลของณัชชาทำให้เด็กน้อยสัมผัสได้ถึงไออุ่นรักที่พิเศษกว่าพิมที่เป็นน้ามาก เพราะความเป็นแม่ลูกสามารถสัมผัสได้ผ่านจิตใจและความรู้สึกนั่นเองพ่อของณัชชานั่งยิ้มอ่อนบนโซฟามองลูกสาวด้วยแววตาอบอุ่นส่วนแม่ณัชชาพอเห็นว่าลูกสาวคุยกับลูกนานพอสมควรแล้วเขาจึงเอ่ยขึ้นเสียงแข็งด้วยสีหน้าจริงจัง" ณัชชาลูกท
ช่วงบ่ายพ่อกับแม่ของป๊อบมาที่บ้านณัชชา พวกเขาก็นั่งพูดคุยกันตามประสาคนรู้จักมักคุ้นอย่างสนิทสนมแล้วแม่ของณัชชาก็เอ่ยถามสารทุกข์สุขดิบอย่างมีความนัยแอบแฝง" เป็นยังไงกันบ้างอยู่บ้านโน้นสบายดีกันทุกคนมั้ยคะ "คุณแม่ป๊อบยิ้มแล้วเอ่ยตอบอย่างเข้าใจความหมายแฝง" สบายดีค่ะ ยุงไม่ให้ไต่ไรไม่ให้ตองเลยค่ะ สุขภาพดีขึ้นมาก โรคภัยไข้เจ็บก็ไม่มีแล้วค่ะ "" ดีๆ นับว่าเป็นข่าวดี เป็นสิ่งที่ดีจริงๆ "แม่ณัชชาเอ่ยตอบด้วยรอยยิ้มนานแล้วที่เขาไม่ได้เจอลูกสาวเลยนับตั้งแต่วันคลอด เขาดีใจมากที่ได้ยินแม่ของลูกเขยพูดแบบนั้นคำพูดพวกนี้คนที่ไม่รู้อะไรอย่างป๊อบได้แต่นั่งฟังอยู่ข้างลูกสาวอย่างเงียบๆโดยไม่รู้เลยว่าแม่ตัวเองกับแม่ยายกำลังพูดเรื่องสุขภาพของภรรยาเขาอยู่" อ้อ จริงสิ ที่ฉันมาวันนี้ เพื่อมาบอกว่าตาป๊อบน่ะมีบ้านพักริมทะเลอยู่หลังหนึ่ง บรรยากาศดีมาก "" จริงเหรอคะ "คุณแม่ณัชชาออกอาการตื่นเต้นเมื่อได้ยินแบบนั้น " จริงค่ะ ฉันเพิ่งกลับมาจากที่นั่น ก็มาหาคุณเลย "แม่ของป๊อบกับแม่ณัชชา จากนั้นก็หันไปทางลูกชายแล้วเอ่ย" ป๊อบ พรุ่งนี้ลูกก็พาลูกสาวกับพ่อตาแม่ยายไปเที่ยวพักผ่อนหย่อนใจหน่อยสิ จิตใจทุกคนจะได
เมื่อภารกิจบนเตียงจบลงเตชินก็ก้มลงจูบภรรยาเบาๆแล้วนอนกอดเธอไว้ในอ้อมกอดอย่างแนบแน่นพอสายๆพวกเขาก็ตื่นขึ้นมาไปอาบน้ำ แต่งตัว แล้วออกมาจากห้องพร้อมกันเตชินกอดไหล่ภรรยาอย่างรักใคร่ แล้วเดินลงบันไดพร้อมกันสีหน้าดูสดใสยิ้มแย้ม ป้าใจกำลังจะเข้าไปหาเคอร์ฟิวน้อยในห้องนั่งเล่นก็หันไปเห็นสองสามีภรรยาเดินลงบันไดมา ด้วยสีหน้ายิ้มแย้มไม่บึ้งตึงใส่กันอีก แกรู้สึกดีใจและสบายใจเอามากๆ ที่ครอบครัวกลับมาเป็นครอบครัว[ คุณชายน้อยคงดีใจและมีความสุขมากถ้ารู้ว่าพ่อแม่ดีกันแล้ว ]หลังจากแอบพึมพำจบป้าใจก็ยิ้มขึ้นพร้อมกับเอ่ยถามเตชินว่า" คุณชายจะให้เตรียมอาหารเช้าเลยมั้ยคะ "แกถามเพื่อให้แน่ใจว่าพวกเขากลับมาสู่สถานการณ์ปกติแบบ100%" อื้อ ป้ากับนวลก็ทานด้วยพร้อมกันเลยนะ "" ค่ะ "เอ่ยจบเตชินก็โอบไหล่ภรรยาเดินเข้าไปหาลูกชายที่กำลังนั่งเล่นอยู่ เคอร์ฟิวละสายตาจากของเล่นแล้วเงยหน้ามองพ่อกับแม่ด้วยความสงสัย แต่ไม่กล้าเข้าไปหา " เคอร์ฟิว มาหาพ่อกับแม่สิ "เตชินเอ่ยขึ้นด้วยรอยยิ้มพร้อมกับอ้าแขนรับเคอร์ฟิวแน่ใจแล้วว่าพ่อกับแม่ไม่ได้โกรธกันอีกจึงยิ้มออกมาแล้วลุกขึ้นวิ่งมาหาพ่อกับแม่ด้วยความดีใจพิมกอดลูกชายด
เช้าวันต่อมา คุณแม่กับคุณพ่อของป๊อบเก็บกระเป๋าเตรียมออกเดินทางกลับจากนั้นทั้งสองท่านก็นั่งรถออกจากบ้านพักริมทะเลตั้งแต่เช้าระหว่างทางคุณแม่ป๊อบนั่งนึกถึงเรื่องราวก่อนหน้านี้แกก็แอบอมยิ้มเบาๆก่อนหน้านี้คุณแม่ของณัชชาได้มาขอความร่วมมือจากเขาและเล่าแผนแกล้งตายให้ฟัง แกรู้สึกว่ามันเข้าท่าดี จึงรับปากอย่างไม่ลังเลช่วยลูกสะใภ้เล่นละครหลอกลูกชายตัวร้ายของเขา ที่เอาแต่รักคนที่มีลูกมีสามีแล้วแกเองก็ปวดใจไม่น้อยที่เห็นลูกมูฟออนไม่ได้สักที ทั้งยังสงสารและเห็นใจลูกสะใภ้คนสวยของแกที่สุดพอถึงวันที่ณัชชาไปคลอดแม่ของณัชชาก็โทรมาแจ้งให้เขาทราบพอรู้ว่าลูกสะใภ้คลอดแล้วแกกับสามีก็ตื่นมานั่งรอแต่เช้า รอลูกชายคนเล็กมาบอกข่าวแต่รอวันแล้ววันเล่า เจ้าลูกชายตัวดีก็ไม่โผล่หัวมาสักทีจนเขาเกือบจะโทรไปหาลูกเองแล้วแต่สามีห้ามไว้ สุดท้ายก็อดทนรออีกวัน ถึงจะเห็นลูกชายโผล่หน้ากลับมาด้วยสีหน้าเศร้าหมองแกแอบขำลูกชายเบาๆ พอลูกชายบอกข่าวเรื่องลูกสะใภ้เสียชีวิต แกก็เล่นใหญ่แกล้งทำเป็นตกใจจนช็อกไปแล้วบีบน้ำตาร้องห่มร้องให้ออกมา จากนั้นก็แกล้งหมดสติไปหลังจากนั้นเมื่อลูกสะใภ้ออกจากโรงพยาบาลแกก็มาอยู่เป็นเพื่อนคอ