ในครั้งนี้ ทำให้นักลงทุนหลายรายในบริษัทเริ่มทยอยถอนข่าวตัวออก
เพราะไม่กล้าเสี่ยงซื้อหุ้นของบริษัทเตชิน หุ้นของบริษัทเตชินดิ่งลงทุกวันจนเตชินเริ่มเครียด ณัชชาพยายามเดินสายคุยเจรจากับนักลงทุนให้มาร่วมลงทุนซื้อหุ้นของบริษัท แต่กลับไม่เป็นผล บริษัทเริ่มเข้าขั้นวิกฤติ ในแต่ละวัน เตชินเรียกประชุมผู้บริหารและผู้ร่วมลงทุนที่เหลือ เพื่อสร้างความเชื่อมั่น ช่วงนี้เตชินไม่ค่อยได้กลับบ้าน และณัชชาก็เคียงข้างร่วมเผชิญหน้ากับปัญหาที่เข้ามา จนเขารู้สึกว่าไม่ควรให้ณัชชามาเสียเวลากับเขา เขารู้ดีว่าณัชชาชอบเขามาตลอด แต่เขาไม่สามารถรับรักเธอได้ และไม่อยากให้ณัชชามาลำบากด้วย เขาคิดว่าณัชชาควรตัดใจจากเขาและเปิดใจให้คนอื่นได้เข้ามาดูแลหัวใจ เขานั่งมองณัชชาที่นั่งช่วยงานเขาจนเผลอหลับไปอย่างเงียบๆ เขาทำทุกวิธีทั้งพูดไม่ดี ทำร้ายจิตใจ แต่ณัชชากลับไม่เคยยอมแพ้เพราะนิสัยเธอดื้อรั้นมาตลอดเขารู้ดี เขาถอนหายใจออกมาอย่างเหนื่อยใจ แล้วหยิบเสื้อคลุมมาห่มให้ณัชชา จากนั้นก็เดินออกจากห้อง เตชินหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาโทรหาผู้ช่วยของ ณัชชาแล้วเอ่ย " คุณมาอยู่เป็นเพื่อนคุณณัชชาที่บริษัทหน่อย " ปลายสายเอ่ยตอบว่า " ค่ะ " เตชินขับรถกลับไปที่บ้าน เมื่อถึงบ้านเขาก็ลงจากรถแล้วเดินเข้าบ้านไป เขากำลังวางแผนจะให้พิมเซ็นสัญญา ร่วมทำข้อตกลงกับเขา แม้แผนนี้จะทำให้ณัชชาเจ็บปวดและไม่พอใจมาก แต่มันก็อาจจะทำให้ณัชชาเลิกมาสนใจเขา เพื่อที่เธอจะได้ไม่เสียเวลากับเขาอีกต่อไป ในเช้าวันใหม่ พิมลุกขึ้นมาทำกิจวัตรประจำวันเสร็จ ก็เดินออกมาจากห้องแล้วไปหยิบไม้กวาดเตรียมตัวไปทำงานบ้าน แต่ก็พบเข้ากับผู้ช่วยคังที่มายืนรอเธอ เธอจึงเอ่ยถามขึ้นด้วยความสงสัย " คุณคัง คุณมายืนทำอะไรตรงทางเดินนี้ล่ะคะ " ผู้ช่วยคังจึงเอ่ยตอบไปว่า " ผมมายืนรอคุณ คุณชายต้องการพบคุณครับ " พิมตกใจ เลิกคิ้วขึ้นด้วยความสงสัย แล้วชี้มาที่ตัวเองพร้อมกับเอ่ย " ขอพบฉัน พบฉันทำไมคะ " " ไม่ทราบครับ รีบไปเถอะคุณชายรออยู่ที่ห้องรับแขก " " ค่ะ " พิมเดินไปยังห้องรับแขกอย่างไว เมื่อไปถึงเธอก็เอ่ยขึ้นอย่างระมัดระวัง " คุณเตชิน เรียกพบฉัน มีอะไรหรือเปล่าคะ " เตชินเงยหน้ามองเธอด้วยแววตาลุ่มลึกยากจะคาดเดาได้ว่าคิดอะไรอยู่แล้วเอ่ยอย่างราบเรียบว่า " นั่งก่อนสิ " เธอไม่อยากอยู่ต่อหน้าเตชินนาน เพราะเธอรู้สึกว่าเขาเป็นคนที่อันตรายไม่ควรเข้าใกล้ เธอจึงเอ่ยว่า " ขอบคุณค่ะ แต่ฉันยืนแบบนี้ดีกว่าค่ะ คุณเตชินมีอะไรจะใช้ก็บอกมาได้เลยค่ะ " เตชินรู้ทันความคิดเธอจึงเอ่ยขึ้น " ทำไม คุณกลัวผมเหรอ " เมื่อถูกอ่านความคิดออกเธอก็รีบปฏิเสธทันที " เปล่าค่ะ ไม่ใช่ " " ถ้าไม่ใช่ก็นั่งลงสิ ผมมีเรื่องจะคุยกับคุณ ต้องใช้เวลานาน ผมไม่ชอบที่จะต้องเงยหน้าขึ้นไปมองคุณแบบนี้เข้าใจหรือยัง " " ค่ะ " เอ่ยตอบเสร็จ เธอก็นั่งลง เตชินเปิดหนังสือสัญญาฉบับหนึ่งออกมาแล้วเอ่ย " เข้าเรื่องเลยแล้วกัน ผมคิดว่าหน้าตาคุณใช้ได้ดูสะอาดสะอ้านดี ดังนั้นผมอยากจะขอให้คุณช่วยเป็นภรรยาในนามให้หน่อย " ได้ยินแบบนี้พิมก็ไม่เห็นด้วยทันทีแล้วรีบเอ่ยปฏิเสธ " ขอโทษค่ะ ถ้าเรื่องแบบนี้ ฉันคงช่วยคุณไม่ได้ " " คุณอย่าเพิ่งด่วนตัดสินใจ ฟังให้จบก่อน คืองี้นะ ภรรยาในนามไม่ได้แปลว่าจะให้คุณเป็นภรรยาจริงๆสักหน่อย แค่ให้คุณเล่นบทสามีภรรยาต่อหน้าคนอื่น แล้วก็ไปออกงานกับผมเป็นครั้งคราวเท่านั้นเอง ส่วนเรื่องค่าจ้าง ผมเตรียมไว้ให้คุณแล้ว คุณจะได้ค่าจ้างเดือนละสองหมื่น จนกว่าจะหมดสัญญา " เมื่อพูดถึงเรื่องเงิน พิมนั่งคิด คำนวณ บวก ลบ คูณ หาร เดือนหนึ่งเธอทำเงินได้ถึงสี่หมื่น แต่เธอก็ไม่ตัดสินใจทันที เธอมองเตชินแล้วเอ่ยถามขึ้น ด้วยความสงสัย " ทำไมต้องเป็นฉัน ทำไมคุณไม่ไปจ้างผู้หญิงที่สวยๆเซ็กซี่ๆ ที่คู่ควรกับคุณคะ " เตชินจึงเอ่ยตอบไปตามจริงว่า " เพราะผู้หญิงพวกนั้นไม่เหมือนคุณ คุณแม้จะรักเงิน แต่ก็ไม่ได้โลภจนอยากได้ตัวผม " พิมก็พอจะเข้าใจ เพราะผู้หญิงบางคนในสมัยนี้คิดแต่จะจับผู้ชายรวยๆ เมื่อตัดสินใจได้ เธอจึงเอ่ยขึ้น " งั้นฉันขอดูสัญญาหน่อยค่ะ " เตชินยื่นให้เธอ เธอรับมาเปิดอ่านทันที โดยในสัญญาเขียนว่า ให้เธอแสดงเป็นภรรยาเขาต่อหน้าผู้อื่นหนึ่งปี มีข้อตกลงสัญญาดังนี้ 1. เล่นบทเป็นภรรยาต่อหน้าผู้อื่น และออกงานในนามภรรยาเป็นครั้งคราว 2. ระหว่างที่ติดสัญญาทั้งสองคนไม่มีสิทธิ์ละเมิดหรือก้าวก่ายความเป็นส่วนตัวของกันและกันได้ 3. ระหว่างที่ติดสัญญาทั้งสองสามารถมีแฟนได้ แต่ห้ามเปิดเผยสถานะและสนิทสนมกันในที่สาธารณะ 4. ทำอาหารเช้าไปส่งที่บริษัทอาทิตย์ละสองวันและร่วมทานมื้อเที่ยงด้วยกันสามวัน อ่านเสร็จ พิมก็เอ่ยขึ้นอย่างไม่คิดอะไร เธอมาทำงานหาเงิน ขอแค่ได้เงินแล้วงานไม่ส่งผลกระทบอะไรกับการดำเนินชีวิตของเธอในอนาคตก็พอ งานนี้ก็ไม่ได้ยากไปกว่าความสามารถของเธอเธอจึงเอ่ย " ฉันตกลงรับงานนี้ค่ะ แต่ฉันขอเพิ่มข้อที่ห้า ห้ามลวนลามฉัน แล้วก็ไม่ว่าจะในบ้านหรือนอกบ้านฉันมีสิทธิ์เท่าเทียมคุณทุกอย่าง ฉันสามารถสั่งสอนผู้หญิงของคุณที่มายุ่งวุ่นวายกับฉันได้ โดยที่คุณห้ามดุห้ามว่าให้ฉันเด็ดขาด ตกลงมั้ย " เตชินมองเธอด้วยแววตาล้ำลึกแล้วเอ่ยอย่างเรียบเฉย " ตกลง แต่คุณต้องทำภารกิจให้สำเร็จ กันณัชชาไม่ให้เข้าใกล้ผม ที่สำคัญคุณต้องรับมือกับคุณแม่ผมอย่างกล้าหาญ " พิมคิดใตร่ตรองสักครู่ แม่ของเขาเธอก็เคยเจอ ผลงานล่าสุดที่ทำเอาเธอเกือบเสียตัวเธอก็ยังจำได้ดี เมื่อมีโอกาสดี ให้เธอได้เอาคืนเธอก็ต้องรีบคว้าเธอจึงแอบพึมพำในใจเบาๆ [ คุณหญิงก็คุณหญิงเถอะ คราวนี้มาดูว่า ฉันจะปั่นหัวคุณยังไง ] คิดได้ดังนั้นเธอจึงเอ่ย " ตกลงค่ะ ฉันถนัดเป็นไม้กันหมาอยู่แล้ว และถนัดแก้ปัญหาเรื่องแม่สามีที่สุด คุณวางใจได้ แต่ฉันขอคุณอธิบายกับเพื่อนสนิทคุณทุกคนด้วยว่า ระหว่างเราเป็นเพียงนายจ้างกับลูกน้องที่ทำสัญญาร่วมกันเท่านั้น ไม่มีความสัมพันธ์อื่นแอบแฝงใดๆ " เตชินหรี่ตามองเธออย่างไม่กะพริบแล้วเอ่ย " ทำไม คุณกลัวใครเข้าใจผิดเหรอ " " เปล่าค่ะ ฉันแค่คิดว่า กับเพื่อนสนิทคุณ คุณสามารถไว้ใจได้ ให้เขารู้ความจริงได้ก็เท่านั้นเองค่ะ " " ยึดตามสัญญา ส่วนเพื่อนสนิทผม ผมจะบอกความจริงหรือเปล่า มันก็ขึ้นอยู่กับผม " พูดจบเตชินก็เซ็นชื่อลงไป แล้วยื่นปากกาไปให้เธอ พิมรับมาแล้วจรดปลายปากกาเซ็นชื่อลงไปทันที เตชินยื่นเอกสารสัญญาให้เธอชุดหนึ่งแล้วเอ่ย " เก็บไว้คนละชุด หมดสัญญาก็ฉีกทิ้งได้เลย หากคุณผิดสัญญา ต้องชดใช้ค่าผิดสัญญาสองล้านบาท " ได้ยินดังนั้นพิมก็ตกใจแล้วเอ่ยถามขึ้น " จะเป็นไปได้ยังไง ในสัญญาไม่ได้ระบุไว้นี่ " เตชินจึงหยิบหน้าสุดท้ายที่ตกพื้นให้เธอดู เธอถึงกับอึ้งไป เตชินยิ้มอย่างเจ้าเล่ห์แล้วเอ่ย " ตอนนี้คุณเป็นทั้งสาวใช้และภรรยาในนามของผม ทำหน้าที่ให้ดีล่ะ " พูดจบเขาก็ลุกขึ้นเดินออกไป พิมจึงรีบตามเขาออกไปแล้วคว้ามือเตชินไว้ เอ่ยอย่างไม่พอใจ " คุณมันขี้โกงนี่ คุณจงใจทำมันตกใช่มั้ย " เตชินมองไปที่มือของเธอที่จับมือเขาไว้แล้วเอ่ยหยอก " คุณกำลังลวนลามผมอยู่นะ " ได้ยินดังนั้นพิมมองไปที่มือตัวเองแล้วรีบปล่อยมือทันที เตชินจึงเอ่ยต่อว่า " คุณจะมาหาว่าผมขี้โกงไม่ได้ นั่นเป็นเพราะคุณไม่รอบคอบเอง ผมยังมีธุระต้องไปทำ ขอตัว " พิมรู้สึกโมโหตัวเองมาก ที่พลาดให้กับคนเจ้าเล่ห์อย่างเตชิน ได้แต่ยืนมองแผ่นหลังของร่างสูงใหญ่ที่เดินออกไปไกลแล้ว ด้วยความเจ็บใจในตอนเช้า พิมกำลังฝันหวาน เธอฝันว่าอาจารย์ได้ไปเดทกับอาจารย์ป๊อบ โดยอาจารย์ป๊อบพูดกับเธอว่า" พิม คบกับผมนะ ผมชอบคุณตั้งแต่ครั้งแรกที่เจอเลย ผมเฝ้ามองคุณมานานหลายปี รอวันที่คุณเรียนจบ เพื่อขอคุณเป็นแฟน ตอนนี้คุณไม่ใช่นักเรียนของผมแล้ว เราเป็นแฟนกันนะ "เธอยิ้มและรู้สึกมีความสุขที่สุดที่ความฝันของเธอเป็นจริง จึงเอ่ยตอบไปว่า" ค่ะ ฉันก็ชอบอาจารย์เหมือนกัน "แล้วอาจารย์ป๊อบก็ดึงเธอเข้ามากอดไว้ในอ้อมกอด จากนั้นก็ก้มลงจะจูบเธอแต่ยังไม่ทันได้ประกบปาก เสียงโทรศัพท์เจ้ากรรมดันดังขึ้นมาขัดจังหวะเธอ ปลุกให้เธอตื่นจากฝันเธอตื่นขึ้นมาอย่างเสียดายและเสียใจที่อดจูบกับคนที่เธอชอบเธอมองไปยังเบอร์แปลกที่โทรเข้ามาขัดจังหวะด้วยความหงุดหงิดใจกดรับสายแล้วเอ่ย" สวัสดีค่ะ "ปลายสายเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงทุ้มต่ำว่า" แค่วันแรกคุณก็คิดจะอู้งานแล้วเหรอ คุณลืมไปแล้วเหรอว่าคุณต้องทำอะไร "เมื่อได้ยินเสียงปลายสายเธอก็สะดุ้งลุกขึ้นมานั่งทันทีแล้วเอ่ย" คุณเตชิน! "ปลายสายจึงเอ่ยต่อว่า" เมื่อไหร่คุณจะมาส่งอาหารเช้า "[ ตายละ ลืมสนิทเลย ]เธอพึมพำในใจ นั่งนิ่ง ใช้ความคิดสักพัก จึงเอ่ยขึ้น" ค่ะ จะไปเดี๋ยวนี้ อ
หลังจากทานข้าวเสร็จ พิมเลือกที่จะไม่ใช้ลิฟท์แต่เดินออกไปทางบันได เพราะไม่อยากให้ผู้คนรู้ว่าเธอมาหาเตชิน พอเธอเดินลงบันไดไปเธอก็ได้ยินเสียงผู้หญิงคุยโทรศัพท์ ท่าทางน่าสงสัยเธอจึงเดินเข้าไปใกล้แล้วหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาถ่ายวีดีโอ เธอได้ยินเสียงผู้หญิงคนนั้นพูดว่า" ตอนนี้ข่าวที่ท่านประธานมีภรรยาสองคนถูกเผยแพร่บนโลกโซเชียลแล้วท่านประโกรธจนหย่ากับคุณณัชชา ตอนนี้ข้างกายท่านประธานไม่มีใครแล้วค่ะทุกอย่างเป็นไปตามแผนที่วางไว้ ตอนนี้เหลือแค่รอดูคุณณัชชาลาออกเท่านั้นค่ะ "ประโยคสุดท้ายพิมตกใจจนดวงตาเบิกกว้าง เธอไม่คิดว่าเรื่องราววุ่นวายที่เกิดขึ้นในบริษัทของเตชินจะมีผู้อยู่เบื้องหลังคอยกวนน้ำให้ขุ่น เธออยากจะเห็นโฉมหน้าของผู้หญิงคนนั้นแต่ผู้หญิงคนนั้นกลับไม่หันมาทางเธอเลย แล้วอยู่ๆเสียงโทรศัพท์เธอก็ดังขึ้นทำให้ผู้หญิงคนนั้นรู้ตัวรีบเอาผ้ามาปิดหน้าแล้ววิ่งหนีไปพิมเองก็กลัวถูกจับได้เธอรีบวิ่งลงบันได้ไป แทบจะกลิ้งเป็นลูกบอลอยู่แล้วทางฝั่งผู้หญิงคนนั้น ปลายสายของเขาเอ่ยถาม เขาจึงตอบไปว่า" มีคนมาเห็น โชคดีที่คลุมหน้าไว้ คุณอย่ากังวลไปเลย ตรงบันได้หนีไฟปกติไม่มีใครใช้ คงจะเป็นแค่พวกพนักงาน
เธอรู้สึกผิดต่อเตชินมาก ที่เลี้ยงงูเห่าไว้ข้างกาย จนกลับมาฉกพวกเขาเองแบบนี้เธอเดินไปที่ห้องของเตชิน ยกมือเคาะประตูเบาๆแล้วเดินเข้าไปในห้องเตชินมองเธอด้วยสีหน้าเคร่งขรึม แววตาเย็นชา ทำให้เธอรู้สึกเย็นไปถึงขั้วหัวใจแต่ก็ฝืนเอ่ยขึ้นอย่างระมัดระวังด้วยความรู้สึกผิด" ฉันขอโทษค่ะ ที่ไม่ระวังคนรอบข้างให้ดี ไว้ใจคนง่ายเกินไป จนทำให้บริษัทเกิดปัญหาใหญ่ แต่คุณไม่ต้องห่วงนะคะ ฉันจะทำทุกวิถีทาง สร้างความเชื่อมั่นให้นักลงทุนให้กลับมาร่วมลงทุน ซื้อหุ้นของบริษัทเราอีกครั้งให้ได้ค่ะ "เตชินจึงเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงหนักแน่นชัดถ้อยชัดคำว่า" พรุ่งนี้ผมจะจัดแถลงข่าว ผมจะให้โอกาสคุณได้แก้ตัวสักครั้ง ต่อไปจะรับใครเข้ามาทำงานคงรู้นะว่าไม่ควรใช้ความรู้สึกส่วนตัวมาเกี่ยวข้อง "" ค่ะ ฉันเข้าใจแล้ว "เตชินรู้ว่าณัชชาเป็นคนใจอ่อน ขี้สงสาร จึงเป็นจุดอ่อนที่ทำให้ผู้ไม่หวังดีใช้เป็นเครื่องมือได้ง่าย แม้เธอจะเก่ง มองผิวเผินแลดูเพรียบพร้อม แต่แท้จริงแล้วณัชชาขาดความเป็นผู้นำหลายจุดมองคนไม่ทะลุปรุโปร่ง ใจอ่อน ขี้สงสาร ชอบใช้ความรู้สึกส่วนตัว และไม่มีความเด็ดขาดจากนั้นเตชินก็เอ่ยต่ออย่างเหนื่อยหน่ายว่า" คุณอ
พิมทำหน้าที่ส่งอาหารเช้าให้เตชินตามปกติ และร่วมทานมื้อเที่ยงตามข้อตกลงในสัญญาเธอเข้าออกบริษัทบ่อยจนพนักงงานต้อนรับเริ่มจำเธอได้และต้อนรับเธออย่างดีแต่ก็ไม่วายที่จะหลุดรอดจากคำซุบซิบนินทาของพนักงานในบริษัทพนักงานจับกลุ่มซุบซิบกัน" นี่ๆ นึกไม่ถึงเลยว่าท่านประธานจะเปลี่ยนรสนิยมหันมาควงสาวน้อยหน้าใสแล้ว "อีกคนก็เอ่ยขึ้นบ้าง" ฉันได้ยินทางฝ่ายต้อนรับเขาเม้าท์กันว่า เธอมาส่งข้าวเช้าให้ท่านประธานทุกวันเลย บางวันก็มาทานมื้อเที่ยงด้วยกัน "อีกคนดูตื่นเต้นกับสิ่งที่ได้ยินแล้วเอ่ย" จริงเหรอ แสดงว่าคนนี้ต้องเป็นคนโปรดของท่านประธานที่ท่านประธานปลื้มมากแน่ๆเลย "อีกคนก็อยากร่วมสนทนาด้วยจึงเอ่ย" ฉันได้ข่าวมาว่า หลายวันก่อนที่เธอไม่มาทานข้าวด้วย ท่านประธานถึงกับต้องออกไปง้อเลย "พนักงานสาวอีกคนก็เอ่ย" แล้วแบบนี้ถ้ารองประธานรู้ จะรู้สึกยังไง พูดก็พูดเถอะ ในฐานะผู้หญิงด้วยกันไม่ใช่ว่าฉันจะมองไม่ออกนะว่า รองประธานดูมีความรู้สึกพิเศษต่อท่านประธาน "อีกคนก็เอ่ยเสริมว่า" นั่นสิ รองประธานอยู่เคียงข้างท่านมาธานมาตลอดแต่เสียดายที่ท่านประธานกลับไม่เห็นเธอเป็นผู้หญิงทั่วไป "พนักงานสาวอีกคนจึงพูด
พิมเอาข้าวไปให้เตชินเสร็จเธอก็เอ่ยว่า" ฉันเอาข้าวมาส่งคุณแล้ว วันนี้ฉันมีธุระต้องออกไปข้างนอก ขอลางานหนึ่งวันนะคะ "เตชินเงยหน้าขึ้นมามองเธอแล้วเอ่ย" คุณจะไปไหน ให้ผู้ช่วยคังไปส่งสิ "ได้ยินดังนั้นเธอก็รีบเอ่ยปฏิเสธทันที" ไม่เป็นไรค่ะ ฉันเรียกรถเองได้ ฉันมีนัดกับเพื่อนที่ทำงานสายนี้ด้วยกัน วันนี้เป็นวันหยุดเขาพอดี เลยนัดเจอกันค่ะ "สำหรับเธอแล้ว เธอจะให้คนอื่นมารู้เรื่องส่วนตัวของเธอไม่ได้ และยิ่งไม่ชอบให้คนอื่นมาละลาบละล้วงเรื่องของเธอแม้แต่นิดเดียวเตชินทำท่าเข้าใจแล้วเอ่ย" ผมจะให้คุณลาแค่วันเดียวนะ เย็นนี้กลับมาแล้วมารายงานตัวกับผมด้วย "ได้ยินดังนั้นเธอรู้สึกอารมณ์ไม่ดีขึ้นมา[ นี่มันแม่บ้านประเภทไหนกัน ต้องรายงานเวลาเข้าเวลาออก นี่มันทหารองครักษ์ชัดๆ ]เธอพึมพำในใจแล้วเอ่ยตอบว่า" ค่ะ เมื่อไม่มีอะไรแล้ว ฉันขอตัวค่ะ "เอ่ยจบเธอก็เดินออกไปจากห้องของเตชิน รถแท็กซี่ที่เธอเรียกก็มารอที่หน้าบริษัทเมื่อลงไปถึงหน้าบริษัท เธอก็ขึ้นรถไป เธอยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ด้วยความดีใจสีหน้าเต็มไปด้วยความสุข ที่เมื่อคืน อาจารย์ป๊อบทักแชทมาหาเธอว่า( พิม พรุ่งนี้คุณว่างมั้ย ผมเพิ่งกลับมาจากต่างประเท
ป๊อบมองตามหลังของพิมด้วยแววตาผิดหวัง เขาไม่อยากให้เธอทำงานนี้เลยเตชินเห็นพิมเปิดประตูลงมาจากรถหรู เขาถึงกับหรี่ตาลง เพ่งมองไปที่รถคันนั้น พิมรีบวิ่งเข้ามาให้ทันเวลาห้านาที เพราะไม่รู้ว่าถ้าเลยห้านาที เตชินจะสรรหาคำใดมาตำหนิเธออีก เธอเป็นคนวิ่งเร็วไม่ถึงห้านาที ก็ถึงหน้าห้องแล้ว เลยยกมือเคาะประตูห้องเขาทันทีเตชินที่อยู่ด้านในเอ่ยเสียงเย็นออกมา" ประตูไม่ได้ล็อค "เธอจึงเปิดประตูเข้าไป เดินไปยืนต่อหน้าเขาแล้วเอ่ยด้วยน้ำเสียงราบเรียบด้วยสีหน้านิ่งเฉย" ฉันมารายงานตัวตามที่คุณบอกแล้ว ขอตัวค่ะ "พูดจบเธอก็หันหลังเดินออกไป แต่ก้าวขายังไม่ถึงสามข้าว เตชินก็หาเรื่องพูดกับเธอเอ่ยถามขึ้นอย่างเย็นชาด้วยสีหน้าเคร่งขรึม" ใครมาส่งคุณ "" เพื่อนค่ะ "เธอเอ่ยตอบอย่างไวแบบไม่ต้องคิดเตชินเผยอปากแล้วเอ่ยพร้อมกับเลิกคิ้วขึ้นเดินเข้ามาหาเธอ" อ้อ เพื่อนคุณเป็นแม่บ้านทีรวยใช้ได้เลยนี่ ขับรถหรูมาส่งซะด้วย "พิมตกใจ ไม่คิดว่าเขาจะแอบดูอยู่ และไม่รู้ว่ารถของอาจารย์ป๊อบเป็นรถหรูเธอรู้สึกพลาดมากที่พูดออกไปแบบนั้นเธอนิ่งเงียบไป เตชินเห็นดังนั้นจึงเอ่ยต่อว่า" กำลังคิดหาวิธีแก้คำพูดของตัวเองอยู่ล่ะ
พิมนึกแค้นเตชินในใจ ที่ไม่เว้นแม้กระทั่งเธอที่เป็นสาวใช้ จึงโทรไปหาเพื่อนสาว เมื่อเพื่อนสาวรับสาย เธอจึงทำเป็นร้องห่มร้องให้ เล่าเรื่องที่เกิดขึ้นให้เพื่อนสาวฟัง" อีเท่ ฉันถูกผู้ชายปล้ำ ฮือๆๆๆ "เพื่อนสาวของเธอได้ยินดังนั้นก็ร้องขึ้น พร้อมกับเอานิ้วที่กรีดกรายปิดปากอย่างตกใจ" อุ๊บ! "แล้วเอ่ยถาม โดยที่คนฟังแยกไม่ออกว่าเป็นห่วงเธอหรือเปล่า" อีพิม เธอพูดจริงป้ะเนี่ย "" ฉันพูดจริงๆ ใครจะมาล้อเล่นเรื่องพรรณนี้กันล่ะ "เพื่อนสาวจึงถามด้วยความสนใจใคร่รู้ต่อว่า" แล้วผู้ เป็นใคร หล่อมั้ย สูงเท่าไหร่ ผิวสีอะไร อ้วนหรือผอม หน้าที่การงานเป็นยังไง รวยมั้ย ระดับไหน ตอบ! "ได้ยินดังนั้นเธอจึงเอ่ยอย่างหงุดหงิด" อีเท่ นี่แกจะถามอะไรเยอะแยะไปทำไม "เพื่อนสาวของเธอที่นั่งทาเล็บอยู่ก็เอ่ยต่อว่า" ก็ถ้าโปรไฟล์ดี ดีกรีเยี่ยม หน้าตาหล่อ เธอก็ถือซะว่ามันเป็นวันไนท์สแตนด์แล้วกัน แต่ๆๆๆ ถ้ามันไม่หล่อไม่มีดีสักอย่าง ต่อให้มันอยู่ขุมนรกไหนฉันกับอีมี่และอีมิกเกลก็จะไปลากคอมันมาลงโทษแล้วลากมันเข้าคุกให้เธอ "เธอรู้สึกเอือมระอากับเพื่อนสาวของเธอ จนไม่รู้จะพูดยังยังเธอจึงทำงอแงร้องเรียกชื่อเพื่อนสาวเสีย
พิมเข้าไปเช็ดรอยลิปสติกที่เลอะริมฝีปากออก แล้วเดินออกมาเห็นเตชินยืนรอหน้าห้องน้ำ เธอทำตาเขียวใส่เขา แล้วเดินผ่านเขาออกไปเตชินยิ้มอย่างสบายๆ เดินตามเธอออกไป จากนั้นก็หันไปเอ่ยกับผู้ช่วยคังที่อยู่หน้าห้องว่า" ส่งเธอกลับบ้าน "ผู้ช่วยคังจึงเอ่ยถามขึ้น" วันนี้คุณชายไม่ให้คุณพิมอยู่ทานข้าวด้วยแล้วเหรอครับ "เตชินเอ่ยตอบด้วยน้ำเสียงเรียบเฉยเจือเย็นชา" วันนี้ผมกับณัชชาต้องกลับไปทานข้าวที่คฤหาสน์ ไม่รู้ครั้งนี้ จะมีเรื่องน่าสนใจอะไรเซอร์ไพรส์อีกบ้าง "" ครับ "เอ่ยจบเตชินก็เดินกลับเข้าห้องไป ผู้ช่วยคังก็ไปส่งพิมกลับบ้านเมื่อกลับไปถึงห้องพิมเอาชุดทั้งหมดที่เตรียมไว้ยัดใส่ถุงขยะด้วยความอารมณ์เสียตอนนี้เธอไม่รู้วิธีรับมือกับเตชินแล้ว เธอนั่งเครียดด้วยสีหน้าบึ้งตึงอย่างจนปัญญาเตชินก็จ้องแต่จะจับเธอเป็นนางบำเรอ ชีวิตเหมือนแขวนอยู่บนเชือกเส้นเดียวบนที่สูงๆ ต้องก้าวเดินไปข้างหน้าอย่างระมัดระวังเพื่อให้ตัวเองรอดปลอดภัยช่วงบ่ายเตชินกลับไปทานข้าวที่คฤหาสน์พร้อมกับณัชชาเมื่อทานข้าวเสร็จคุณหญิงจารวีก็เอ่ยขึ้น" เตชิน อีกเดี๋ยวทนายประจำตระกูลจะมาพูดเรื่องพินัยกรรม ลูกกับหนูณัชชาอยู่รอก่อนนะ "
" ก็สั่งสอนแบบนี้ไง "เคอร์ฟิวจับณชาขึ้นมานั่งบนตักแล้วจูบเธอทันที ณชาตกใจจนดวงตาเบิกกว้างป้าใจเดินเข้ามาส่งพิซซ่าในห้องเจอเข้ากับฉากนี้พอดี แกจึงหมุนตัวหันหลังจะเดินออกไปแบบเงียบๆเคอร์ฟิวถอนริมฝีปากออกจากริมฝีปากณชาแล้วเอ่ย" ป้าไม่ต้องออกไปหรอก คุณณชาเธอหิวจนจะกลืนกินผมอยู่แล้ว "" พี่พูดอะไรน่ะ "เธอเอ่ยอย่างหน้านิ่วคิ้วขมวดพร้อมกับทุบตีอกของเขาหนึ่งทีป้าใจยิ้มเจื่อนแล้วหมุนตัวเดินเข้ามาวางพิซซ่าลงบนโต๊ะจากนั้นก็หมุนตัวเดินออกไป ปล่อยให้ทั้งสองได้อยู่ด้วยกันตามลำพังเคอร์ฟิววางณชาลงนั่งข้างๆแล้วเปิดกล่องพิซซ่าออกมาหยิบพิซซ่าขึ้นมาหนึ่งชิ้นแล้วเอ่ยกับณชาที่นั่งแข็งทื่ออย่างทำอะไรไม่ถูก" หิวไม่ใช่เหรอ อ้าปากสิ "ณชาเหลือบมองเขาอย่างหน้านิ่วแล้วเอ่ยเสียงขุ่น" ฉันทานเองได้ "เธอขยับมือจะหยิบพิซซ่ามาทานเอง แต่เคอร์ฟิวกลับจับมือเธอไว้แล้วเอ่ย" พี่อยากป้อน อ้าปาก ถ้าไม่อ้าปากพี่จะใช้ปากป้อนแล้วนะ "ณชาได้แต่มองแรงใส่เขาแล้วยอมอ้าปากให้เขาป้อน เขายิ้มแล้วเอ่ย" เชื่อฟังแบบนี้ค่อยน่ารักหน่อย "เคอร์ฟิวป้อนไปยิ้มไปอย่างพอใจ ณชาทานจนอิ่มลืมความโมโหและความไม่พอใจไปหมดสิ้น แล้วเปลี่ยนม
เช้าวันรุ่งขึ้น ป๊อบกับณัชชาลากกระเป๋าเดินทางออกมาจากห้อง แล้วไปเคาะประตูห้องลูกสาวณชาที่ยังหลับอยู่บนเตียง พอได้ยินเสียงเคาะประตูเธอก็ค่อยๆลืมตาขึ้นมาแล้วลุกมานั่งหาว จากนั้นก็ลงจากเตียงเดินไปเปิดประตูให้พ่อกับแม่ด้วยท่าทางงัวเงียเธอหาวออกมาอีกครั้ง แล้วยื่นมือไปเปิดประตู เมื่อเห็นว่าพ่อกับแม่กำลังจะออกเดินทางแล้วเธอจึงเอ่ยขึ้น" คุณพ่อคุณแม่จะไปแล้วเหรอคะ ทำไมไปเช้าจัง "ณัชชายิ้มอ่อนแล้วเอ่ย" ต้องไปไกล ลงจากเครื่องเสร็จก็ต้องนั่งรถไปต่ออีกแล้วต่อด้วยนั่งเรือไปเกาะก็ต้องไปให้ทันเวลา พ่อกับแม่แค่จะมาบอกให้ลูกรู้ว่าจะออกไปแล้ว อีกเรื่องนะ เวลาไปเข้าค่ายเตรียมยาที่จำเป็นไว้ให้พร้อมด้วย เแล้วก็อาหมวกแก๊ปกับเสื้อแขนยาวไปด้วยนะ "" ค่ะ คุณพ่อกับคุณแม่ไปเที่ยวให้สนุกนะคะ "ณัชชากับป๊อบพยักหน้าเบาๆ จากนั้นป๊อบก็เอ่ยกำชับลูกสาวอีกครั้งด้วยความเป็นห่วงว่า" เวลาอยู่ในค่ายน่ะ ดูแลตัวเองให้ดีๆนะ อย่าไปนั่งใกล้ผู้ชายคนอื่น ยกเว้นพี่เคอร์ฟิวของลูก เข้าใจมั้ย "เขาเป็นพ่อที่ค่อนข้างหวงลูกสาวมากคนหนึ่ง ถึงแม้ลูกสาวเขาจะห้าวๆแต่มันก็ไม่ได้ทำให้พ่ออย่างเขาหวงลูกสาวน้อยลงเลยณชารู้และเข้าใจดีว่
ทุกคนเริ่มจับอุปกรณ์ ทานข้าวกันอย่างเงียบๆ ระหว่างทานข้าวพิมมองหน้าลูกชายแล้วเอ่ยถามขึ้น" เคอร์ฟิว เปิดเทอมแล้วเป็นยังไงบ้าง อยู่โรงเรียนได้เจอกับน้องณชาบ้างมั้ย "เคอร์ฟิวได้ยินดังนั้นจึงยิ้มอ่อนออกมาแล้วเอ่ยตอบแม่ว่า" ก็ดีครับ อยู่โรงเรียนผมกับน้องอยู่คนละชั้น เรียนกันคนละตึกเลยไม่ค่อยได้เจอกันครับ "เตชินหันมามองลูกชายที่มีใบหน้าหล่อกระชากลากใจราวกับออกมาจากแม่พิมพ์เดียวกันกับเขาแล้วเอ่ยเสียงเรียบ" ยังไงน้องก็เป็นคู่หมั้นลูก ลูกก็ดูแลน้องให้ดีๆอย่าเปิดโอกาสให้หนุ่มคนอื่นมาสร้างความสัมพันธ์ใกล้ชิดสนิทสนม จนทำให้น้องหวั่นไหวนะลูก ลูกผู้ชายต้องกล้าแสดงตัวหน่อย เข้าใจมั้ย "เคอร์ฟิวเอ่บตอบรับคำด้วยสีหน้าเรียบเฉยเพียงสั้นๆว่า" ครับ "" นี่ คุณสอนอะไรลูกน่ะ หนูณชายังเด็กก็ต้องมีเพื่อนทั้งผู้หญิงและผู้ชายเป็นธรรมดา การหมั้นหมายเป็นการตกลงกันของพวกเรา หากลูกหรือหนูณชาไม่ได้ชอบพอกันก็ต้องยกเลิกไป มันไม่สามารถบังคับกันได้ค่ะ "พิมเอ่ยออกมาตรงๆโดยที่ไม่รู้เลยว่าเจ้าลูกชายของเธอนั้นเริ่มแอบณชาเข้าแล้วและจริงจังกับการเป็นคู่หมั้นนี้มากเตชินจึงโต้ตอบกับพิมว่า" ลูกชายเราหล่อแถมยังเป็นปร
พอออกมาจากสนามกอล์ฟ ทั้งสองครอบครัวก็ไปทานข้าวด้วยกัน ในร้านอาหารชื่อดังสุดหรูที่ตั้งอยู่ใจกลางเมืองที่เป็นแหล่งร้านอาหารสำหรับคนรวยซึ่งตัวอาคารติดด้วยกระจกสะท้อนความร้อน ทำให้คนข้างในสามารถมองเห็นวิวบ้านเมืองและตึกสูงข้างนอกได้อย่างสวยงามในขณะทานข้าวทั้งสองครอบครัวนั่งทานข้าวกันอย่างมีความสุข ณชากับเคอร์ฟิวก็นั่งทานข้าวบนเก้าอี้อย่างเรียบร้อยโดยที่ไม่รบกวนหรือเล่นซนเลย10 ปี ต่อมา.......ณ โรงเรียนนานาชาติชื่อดังแห่งหนึ่งของประเทศ เป็นแหล่งรวมการเรียนรู้ของเด็กนักเรียนอินเตอร์จำนวนมากมีหลากหลายภาษา หลากหลายวัฒนธรรมและหลากหลายชนชาติมาเรียนร่วมกันเมื่อถึงเวลาเลิกเรียนเด็กนักเรียนต่างทยอยกันเดินออกมาจากอาคารเรียน รอผู้ปกครองมารับบางคนบางกลุ่มที่บ้านใกล้โรงเรียนก็ออกจากโรงเรียนเดินเท้ากลับตามทางฟุตบาทเคอร์ฟิวกับกลุ่มเพื่อนๆกำลังเดินออกมาจากห้องเรียนลงไปยังใต้อาคาร ชุดนักเรียนชายโรงเรียนนี้ ประกอบไปด้วยเสื้อเชิ้ตแขนสั้นสีขาว เสื้อสูทสีดำ มีตราสัญลักษณ์โรงเรียนปัก มีเน็กไทและกางเกงขายาวลายสก๊อตสีดำส่วนณชาที่เป็นรุ่นน้องของเคอร์ฟิวก็กำลังเดินลงจากอาคารเรียนเช่นกันแต่อยู่คนละตึกในต
ยามเย็นณัชชากับป๊อบลงมาเดินเล่นที่ชายหาด ส่วนลูกสาวก็อยู่กับตายาบนบ้านทั้งสองนั่งดูพระอาทิตย์ตกขอบทะเลด้วยกันอย่างโรแมนติก นั่งยาวไปจนถึงช่วงเวลาโพล้เพล้เธอนั่งเอาหัวพิงไหล่ป๊อบแล้วเอ่ย" ฉันมีความสุขจังเลยค่ะ เมื่อก่อนฉันรู้สึกอิจฉาคุณพิมมากที่สามีรักสามีหลงจนยอมตามใจทุกอย่าง "ป๊อบยิ้มอ่อนแล้วเอ่ย" ต่อไปนี้คุณไม่ต้องไปอิจฉาพิมแล้ว เพราะถ้าไม่มีคุณผมก็อยู่ไม่ได้ การลองใจของคุณที่ผ่านมามันทำให้ผมรู้ว่า ผมก็เป็นสามีที่รักและหลงภรรยามากเช่นกัน ตอนที่คิดว่าคุณไม่อยู่แล้วคุณผมแทบจะเป็นบ้าจนเกือบจะเสียสติไปแล้วรู้มั้ย "" ฉันขอโทษนะ "เธอเอ่ยเสียงอ่อน" ไม่เป็นไรหรอก แค่คุณไม่จากผมไปไหน อยู่กับผม ให้ผมสัมผัส และจับต้องคุณได้แบบนี้ทุกวัน ก็พอแล้ว "ณัชชายิ้มแล้วยื่นหน้าไปหอมแก้มเขาเบาๆสบตากับเขาพร้อมกับเอ่ยอย่างซึ้งใจ" ขอบคุณค่ะ "ป๊อบสบตากับภรรยาอย่างลึกซึ้งแล้วค่อยๆโน้มหน้าเข้าไปจูบริมฝีปากเธอเบาๆจูบอย่างนุ่มนวลใจเย็น ในหัวใจของทั้งสองเต็มไปด้วยความรักที่บานฉ่ำ ตอนนี้ความปรารถนาของณัชชาเป็นจริงแล้ว เธอมีสามีที่น่ารัก ที่คอยเทคแคร์เอาอกเอาใจเธอเป็นอย่างดีมีลูกสาวที่น่ารัก มีครอบ
ณัชชาเดินออกมาจากห้องน้ำ เห็นพ่อกับแม่นั่งจ้องเธอตาเขม็งเธอยิ้มแหยๆออกออกมาพอให้เห็นฟันเล็กน้อยแล้วเดินเบี่ยงไปนั่งลงข้างๆลูก โดยไม่กล้าสบตาพ่อกับแม่อีกเธอจ้องมองใบหน้าแบเบาะอันน่ารักน่าชังที่ถูกห่อหุ้มด้วยผ้าอ้อมแล้วเอ่ย" ณชา สาวน้อยของแม่ แม่คิดถึงลูกที่สุดเลย แม่ขอโทษนะที่ไม่ได้อยู่กับลูก ลูกไม่โกรธแม่ใช่มั้ยคะ น้าพิมกับคุณพ่อดูแลหนูดีมากมั้ยคะ "เด็กน้อยทำปากจู๋ แววตาดูใสแป๋วเปล่งประกายแวววาว ขนตาดกดำยาวสวย ส่งให้ดวงตาสวยมีเสน่ห์สมกับคำชมของเคอร์ฟิวน้อยเด็กน้อยยิ้มแป้นออกมาอย่างไร้เดียงสา ทำให้ผู้เป็นคุณแม่มือใหม่ หลงรักหนักเข้าไปอีก เธอจ้องหน้าลูกด้วยรอยยิ้มแล้วเอ่ยต่อว่า" งุ้ยน่ารักน่าชังที่สุดเลย ต่อไปคุณแม่จะไม่ไปไหนแล้วนะคะ คุณแม่จะอยู่กับเบบี๋น้อยทุกวันทุกคืนเลยค่ะ "น้ำเสียงนุ่มนวลของณัชชาทำให้เด็กน้อยสัมผัสได้ถึงไออุ่นรักที่พิเศษกว่าพิมที่เป็นน้ามาก เพราะความเป็นแม่ลูกสามารถสัมผัสได้ผ่านจิตใจและความรู้สึกนั่นเองพ่อของณัชชานั่งยิ้มอ่อนบนโซฟามองลูกสาวด้วยแววตาอบอุ่นส่วนแม่ณัชชาพอเห็นว่าลูกสาวคุยกับลูกนานพอสมควรแล้วเขาจึงเอ่ยขึ้นเสียงแข็งด้วยสีหน้าจริงจัง" ณัชชาลูกท
ช่วงบ่ายพ่อกับแม่ของป๊อบมาที่บ้านณัชชา พวกเขาก็นั่งพูดคุยกันตามประสาคนรู้จักมักคุ้นอย่างสนิทสนมแล้วแม่ของณัชชาก็เอ่ยถามสารทุกข์สุขดิบอย่างมีความนัยแอบแฝง" เป็นยังไงกันบ้างอยู่บ้านโน้นสบายดีกันทุกคนมั้ยคะ "คุณแม่ป๊อบยิ้มแล้วเอ่ยตอบอย่างเข้าใจความหมายแฝง" สบายดีค่ะ ยุงไม่ให้ไต่ไรไม่ให้ตองเลยค่ะ สุขภาพดีขึ้นมาก โรคภัยไข้เจ็บก็ไม่มีแล้วค่ะ "" ดีๆ นับว่าเป็นข่าวดี เป็นสิ่งที่ดีจริงๆ "แม่ณัชชาเอ่ยตอบด้วยรอยยิ้มนานแล้วที่เขาไม่ได้เจอลูกสาวเลยนับตั้งแต่วันคลอด เขาดีใจมากที่ได้ยินแม่ของลูกเขยพูดแบบนั้นคำพูดพวกนี้คนที่ไม่รู้อะไรอย่างป๊อบได้แต่นั่งฟังอยู่ข้างลูกสาวอย่างเงียบๆโดยไม่รู้เลยว่าแม่ตัวเองกับแม่ยายกำลังพูดเรื่องสุขภาพของภรรยาเขาอยู่" อ้อ จริงสิ ที่ฉันมาวันนี้ เพื่อมาบอกว่าตาป๊อบน่ะมีบ้านพักริมทะเลอยู่หลังหนึ่ง บรรยากาศดีมาก "" จริงเหรอคะ "คุณแม่ณัชชาออกอาการตื่นเต้นเมื่อได้ยินแบบนั้น " จริงค่ะ ฉันเพิ่งกลับมาจากที่นั่น ก็มาหาคุณเลย "แม่ของป๊อบกับแม่ณัชชา จากนั้นก็หันไปทางลูกชายแล้วเอ่ย" ป๊อบ พรุ่งนี้ลูกก็พาลูกสาวกับพ่อตาแม่ยายไปเที่ยวพักผ่อนหย่อนใจหน่อยสิ จิตใจทุกคนจะได
เมื่อภารกิจบนเตียงจบลงเตชินก็ก้มลงจูบภรรยาเบาๆแล้วนอนกอดเธอไว้ในอ้อมกอดอย่างแนบแน่นพอสายๆพวกเขาก็ตื่นขึ้นมาไปอาบน้ำ แต่งตัว แล้วออกมาจากห้องพร้อมกันเตชินกอดไหล่ภรรยาอย่างรักใคร่ แล้วเดินลงบันไดพร้อมกันสีหน้าดูสดใสยิ้มแย้ม ป้าใจกำลังจะเข้าไปหาเคอร์ฟิวน้อยในห้องนั่งเล่นก็หันไปเห็นสองสามีภรรยาเดินลงบันไดมา ด้วยสีหน้ายิ้มแย้มไม่บึ้งตึงใส่กันอีก แกรู้สึกดีใจและสบายใจเอามากๆ ที่ครอบครัวกลับมาเป็นครอบครัว[ คุณชายน้อยคงดีใจและมีความสุขมากถ้ารู้ว่าพ่อแม่ดีกันแล้ว ]หลังจากแอบพึมพำจบป้าใจก็ยิ้มขึ้นพร้อมกับเอ่ยถามเตชินว่า" คุณชายจะให้เตรียมอาหารเช้าเลยมั้ยคะ "แกถามเพื่อให้แน่ใจว่าพวกเขากลับมาสู่สถานการณ์ปกติแบบ100%" อื้อ ป้ากับนวลก็ทานด้วยพร้อมกันเลยนะ "" ค่ะ "เอ่ยจบเตชินก็โอบไหล่ภรรยาเดินเข้าไปหาลูกชายที่กำลังนั่งเล่นอยู่ เคอร์ฟิวละสายตาจากของเล่นแล้วเงยหน้ามองพ่อกับแม่ด้วยความสงสัย แต่ไม่กล้าเข้าไปหา " เคอร์ฟิว มาหาพ่อกับแม่สิ "เตชินเอ่ยขึ้นด้วยรอยยิ้มพร้อมกับอ้าแขนรับเคอร์ฟิวแน่ใจแล้วว่าพ่อกับแม่ไม่ได้โกรธกันอีกจึงยิ้มออกมาแล้วลุกขึ้นวิ่งมาหาพ่อกับแม่ด้วยความดีใจพิมกอดลูกชายด
เช้าวันต่อมา คุณแม่กับคุณพ่อของป๊อบเก็บกระเป๋าเตรียมออกเดินทางกลับจากนั้นทั้งสองท่านก็นั่งรถออกจากบ้านพักริมทะเลตั้งแต่เช้าระหว่างทางคุณแม่ป๊อบนั่งนึกถึงเรื่องราวก่อนหน้านี้แกก็แอบอมยิ้มเบาๆก่อนหน้านี้คุณแม่ของณัชชาได้มาขอความร่วมมือจากเขาและเล่าแผนแกล้งตายให้ฟัง แกรู้สึกว่ามันเข้าท่าดี จึงรับปากอย่างไม่ลังเลช่วยลูกสะใภ้เล่นละครหลอกลูกชายตัวร้ายของเขา ที่เอาแต่รักคนที่มีลูกมีสามีแล้วแกเองก็ปวดใจไม่น้อยที่เห็นลูกมูฟออนไม่ได้สักที ทั้งยังสงสารและเห็นใจลูกสะใภ้คนสวยของแกที่สุดพอถึงวันที่ณัชชาไปคลอดแม่ของณัชชาก็โทรมาแจ้งให้เขาทราบพอรู้ว่าลูกสะใภ้คลอดแล้วแกกับสามีก็ตื่นมานั่งรอแต่เช้า รอลูกชายคนเล็กมาบอกข่าวแต่รอวันแล้ววันเล่า เจ้าลูกชายตัวดีก็ไม่โผล่หัวมาสักทีจนเขาเกือบจะโทรไปหาลูกเองแล้วแต่สามีห้ามไว้ สุดท้ายก็อดทนรออีกวัน ถึงจะเห็นลูกชายโผล่หน้ากลับมาด้วยสีหน้าเศร้าหมองแกแอบขำลูกชายเบาๆ พอลูกชายบอกข่าวเรื่องลูกสะใภ้เสียชีวิต แกก็เล่นใหญ่แกล้งทำเป็นตกใจจนช็อกไปแล้วบีบน้ำตาร้องห่มร้องให้ออกมา จากนั้นก็แกล้งหมดสติไปหลังจากนั้นเมื่อลูกสะใภ้ออกจากโรงพยาบาลแกก็มาอยู่เป็นเพื่อนคอ