ในวันรุ่งขึ้น เตชินรู้สึกตัวขึ้นมา เขาค่อยๆลืมตาขึ้นแล้วมองสำรวจตัวเอง
เขาจำได้ว่า คนที่อยู่กับเขาคนสุดท้ายเมื่อคืน คือ พิม เขายังจำได้อีกว่าพยายามจะปลดปล่อยอารมณ์กับเธอ จากนั้นเขาก็จำอะไรไม่ได้อีกเลย [ เมื่อคืนไม่ได้เกิดอะไรเกินเลยขึ้นใช่มั้ย ] เขาพึมพำในใจ แล้วมองหาโทรศัพท์ พอเจอก็รีบส่งข้อความไปให้ผู้ช่วยคังทันที ( ขึ้นมาหาผมหน่อย) สักพักผู้ช่วยคังก็มาเคาะประตู เขาจึงเอ่ยขึ้นเสียงเย็น " เข้ามา " พออ้าปากพูดเท่านั้นแหละ รอยแผลที่ปาก ที่ดูเหมือนจะแห้งแล้วได้ฉีกออกอีกครั้ง เขาถึงกับร้อง " ซี๊ดดด " เขารู้สึกเจ็บ จึงแตะไปที่ปากเบาๆ แล้วภาพ เมื่อคืน ที่เขาพยายามจูบพิม ก็ผุดขึ้นมาในหัว เขาพึมพำออกมาอย่างหงุดหงิด [ นี่เธอเกิดปีหมาหรือไง กัดไม่เลือกที่จริงๆ ] ผู้ช่วยคังเข้ามาเห็นคุณชายตัวเอง ยังอยู่ในสภาพเดิม สภาพไม่เหมือนคนผ่านเรื่องอย่างว่ามา เขาจึงเอ่ยถามขึ้นอย่างระมัดระวัง " เอ่อ คุณชาย แล้ว แล้วคุณพิมล่ะครับ " เตชินมองตาเขียว สีหน้าเคร่งขรึม แล้วเอ่ยขึ้นอย่างเย็นชา " คุณยังกล้ามาถามหาเธอกับผมอีกเหรอ ไปเรียกเธอขึ้นมาพบผมเดี๋ยวนี้ " " ครับ " ผู้ช่วยคังรีบออกจากห้องไปอย่างไว เพราะดูแล้วเจ้านายตัวเองจะอารมณ์ไม่ดีเอามากๆ เตชินปวดท้ายทอยมาก และยังมีแผลที่ปากอีก เขามั่นใจเลยว่าเป็นฝีมือพิม เมื่อพิมเข้ามาในห้อง เธอก็เอ่ยขึ้นอย่างกล้าๆกลัวๆ " คุณชายเรียกพบฉันแต่เช้า มีอะไรจะใช้เหรอคะ " เตชินมองเธอด้วยแววตาเย็นชาแล้วเอ่ย " หึ! ผมยังจะกล้าใช้คุณอีกเหรอ " พิมรีบหลบสายตา เพื่อหาข้อแก้ต่างให้ตัวเอง แต่เตชินกลับเอ่ยถามเสียงเย็น " บอกมา เมื่อคืนเกิดอะไรขึ้น คุณทำอะไรกับผม " ได้ยินดังนั้นพิมรีบยกสองมือขึ้นมาปฏิเสธอย่างไว ดวงตากลมโตเบิกกว้างพร้อมกับเอ่ยและส่ายหน้าทันที " ไม่ ไม่ ไม่มีอะไรเกิดขึ้นทั้งนั้นค่ะ ฉัน ไม่ได้ทำอะไรคุณชายเลย คุณชายถูกวางยาแล้วคลุ้งคลั่ง จากนั้นก็สลบไปเองค่ะ " เตชินหรี่ตามองเธอแล้วเอ่ย " งั้นเหรอ คุณแน่ใจนะ " เธอพยักหน้าอย่างไว ทำตาใสแป๋ว ดูไร้เดียงสา แล้วเอ่ย " แน่ใจค่ะ " เตชินยิ้มอย่างเจ้าเล่ห์ เมื่อเห็นเธอปฏิเสธอย่างใสซื่อ เขาจึงเอ่ยขึ้น " คุณคัง ไปหาหลักฐานจากชุดที่เธอใส่เมื่อคืน " " ครับ " พิมกระวนกระวายใจขึ้นมาทันที มองไปยังผู้ช่วยคังแล้วมองกลับมาที่เตชิน " เอ่อ คุณคัง คุณ... " เธออยากจะห้ามแต่ก็ต้องนิ่งเงียบไว้ เมื่อเตชินเลิกคิ้วขึ้นมองมายังเธอตาไม่กะพริบ เธอเม้มริมฝีปากแน่นแววตาดูเศร้าหมองลง เธอหวังว่าผู้ช่วยคังจะหาชุดที่เธอทิ้งไม่เจอ ผู้ช่วยคังหาจนทั่วก็หาไม่เจอ และคิดว่า [ หากเมื่อคืนเกิดอะไรขึ้น คุณพิมก็ต้องทำลายหลักฐาน แล้วทิ้งในถังขยะ ] ดังนั้นเขาเลยค้นตามถังขยะ สุดท้ายก็เจอชุดที่ขาดรุ่ยในถังขยะ เขาหยิบชุดขึ้นมาดูแล้วรีบนำขึ้นไปบนห้องของเตชินทันที เมื่อพิมเห็นเธอตกใจมาก จนลนลานเก็บอาการไม่อยู่ไม่รู้จะทำยังไงต่อ เตชินหยิบชุดขึ้นมา ยิ้มอย่างเจ้าเล่ห์แล้วเอ่ย " ผมจำได้ว่าชุดนี้คุณใส่เมื่อคืนนี่ ฉีกขาดไปหมดแล้ว หลักฐานชัดเจนขนาดนี้ คุณยังปฏิเสธว่าไม่เกิดอะไรขึ้นอีกเหรอ " ผู้ช่วยคังมองเจ้านายอย่างไม่เข้าใจ สำหรับเขา ไม่เกิดอะไรขึ้นน่ะดีแล้วไม่ใช่เหรอ แต่คุณชายเขาทำเหมือนอยากให้มีอะไรเกิดขึ้น เขาไม่เข้าใจจริงๆว่าคุณชายเขานั้นคิดจะทำอะไรอีก พิมกระอักกระอ่วนใจที่จะเอ่ย สุดท้ายก็ต้องยอมจำนนต่อหลักฐานตรงหน้า แล้วเอ่ยสารภาพอย่างน่าสงสาร " เอ่อ คือ ความจริง ความจริง เมื่อคืน คุณชายจะ จะลวนลามฉัน ฉันก็เลยต้องป้องกันตัว โดยล่วงเกินคุณชาย จนเผลอตีไปที่ท้ายทอยคุณชายอย่างไม่ตั้งใจนิดหนึ่ง แล้วคุณชายก็สลบไปค่ะ " เตชินเห็นเธอดูไร้เดียงสาดูกลัวๆ จึงอยากจะแกล้งเธอเล่น เขาจึงเอ่ยต่อว่า " เหอะ นิดหนึ่งของคุณคือ ตีจนผมสลบถึงเช้าเลยเนี่ยนะ แล้วยังกัดปากผมจนเป็นแผลเนี่ย คุณเจตนาทำร้ายร่างกายผมชัดๆ คุณคังแจ้งความข้อหาพยายามทำร้ายร่างกาย " " ครับ " ได้ยินดังนั้นพิมตกใจเบิกตากว้างอ้าปากค้าง กะพริบตาอย่างไม่อยากจะเชื่อหูตัวเอง ทั้งที่ควรจะเป็นเธอมากกว่า ที่ควรจะแจ้งความที่เจ้านายพยายามขืนใจ แต่เขากลับคิดจะแจ้งความจับเธอในข้อหาทำร้ายร่างกาย เธอชักสีหน้าอย่างหมดอารมณ์แล้วด่าออกมาอย่างไม่พอใจ " หยุดเลยอยู่ตรงนั้นเลยนะคุณคัง คุณเตชิน เป็นฉันที่ควรจะแจ้งความจับคุณ ในข้อหาที่พยายามขืนใจมากกว่า ที่ปากคุณแตกนั่นเพราะคุณบังคับจูบฉัน จนฉันไม่มีทางเลือก แถมยังล่วงเกินฉัน จนทำให้เสื้อผ้าฉันฉีกขาด ที่ฉันตีคุณจนสลบไปน่ะ สมเหตุสมผลแล้ว เพราะฉันก็ต้องป้องกันตัว ไม่งั้นฉันคงตกเป็นเมียน้อยของคุณไปแล้ว แม้คุณจะเป็นเจ้านาย ก็ใช่ว่าคุณจะทำอะไรกับลูกจ้างก็ได้ ฉันขอคิดค่าทำขวัญ ค่าล่วงเกิน ค่าจ้างนอกเหนือจากงานในหน้าที่ เป็นเงิน สี่หมื่นบาท แล้วเราจบกันฉันจะไม่เอาเรื่องคุณ ไม่ทำให้คุณเสียชื่อเสียงและจะลาออกไปทันที " ผู้ช่วยคังได้ยินก็ตกใจมาก ไม่คิดว่าพิมจะคิดคำนวณทุกอย่างไว้เรียบร้อย เตชินหรี่ตามองพิมแล้วยกมุมปากขึ้น ยิ้มอย่างชั่วร้าย ยั่วให้พิมโมโห " ถ้าผมไม่ให้ล่ะ " พิมมองเขาด้วยแววตาแน่วแน่เอ่ยอย่างหนักแน่น " งั้นคุณก็เตรียมเสียชื่อเสียงทั้งตระกูลได้เลย ภรรยาของคุณชายเตชินรวมหัวกันกับแม่สามีวางยาปลุกกำหนัดสามี หวังจะได้ร่วมหลับนอนกับสามี แต่คุณชายเตชินกลับหนี แล้วมาลวนลามสาวใช้แทน คุณเตชินคิดว่าแบบนี้ ควรจ่ายค่าทำขวัญหรือไม่คะ " ได้ยินดังนั้น เตชินกลับยิ้มขึ้นพร้อมกับตบมือ อย่างไม่รู้สึกรู้สาอะไร แล้วเอ่ย " อืม เยี่ยมๆ แต่ผมคิดว่าคนที่พร้อมจ่ายค่าปิดปากนี้ไม่ใช่ผม แต่เป็นคนต้นเรื่องมากกว่า ภายในวันนี้พวกเขาจะจ่ายสี่หมื่นให้คุณแน่นอน " พูดจบเขาก็ยกโทรศัพท์ขึ้นมา แล้วกดส่งข้อความเสียงออกไปให้ณัชชากับแม่ของเขาทันที พิมเพิ่งรู้ตัว ว่าตัวเองหลงกลเตชินเข้าแล้ว เธอมองเขาตาไม่กะพริบ เธอรู้สึกว่าเขาน่ากลัวกว่าที่เธอคิดไว้ และเป็นคนเจ้าเล่ห์ ที่ไม่ยอมเสียผลประโยชน์และไม่ยอมเสียเปรียบให้ใครจริงๆ เตชินมองเธอแล้วเอ่ยต่อว่า " ไม่มีอะไรแล้ว พวกคุณออกไปได้ " พิมมองตาเขียวใส่เขาอย่างโกรธเคือง เธอรู้สึกเสียหน้ามาก และไม่พอใจที่ถูกหลอกใช้เป็นเครื่องมือโดยที่ไม่เต็มใจและไม่รู้ตัวเลยสักนิด เมื่อคุณหญิงจารวีและณัชชาเปิดฟังข้อความเสียงที่เตชินส่งมา คุณหญิงจารวีที่อยู่บ้านก็อยู่ไม่สุขนั่งไม่ติดอีกต่อไป ส่วนณัชชานั่งอยู่บนเก้าอี้ในห้องของรองประธานบริษัท ด้วยแววตานิ่ง แข็งกร้าว เธอกำมือแน่นด้วยความโกรธ แต่เธอก็โล่งใจที่รู้ว่าพิมเป็นแค่สาวใช้คนหนึ่ง แต่ด้วยหน้าตาที่สะสวยและหุ่นที่ดูดีของพิม ก็ทำให้เธอแอบหึงไม่พอใจ กลัวเตชินที่ใกล้ชิด จะหลงเสน่ห์ หวั่นไหวให้กับสาวใช้อย่างพิม ตอนบ่าย คุณหญิงจารวีให้ลูกน้องมาหาพิมที่บ้านเตชิน เสียงกริ่งดังขึ้น พิมจึงเดินออกไปดูที่หน้าบ้านแล้วเอ่ยถามด้วยความสงสัย " คุณมาหาใครคะ " ลูกน้องคุณหญิงจารวีก็เอ่ยขึ้น " ผมมาหาคุณพิมครับ พอดีคุณผู้หญิงวานให้ผมเอาเงินมาให้คุณและฝากมาบอกว่า ให้คุณเงียบปากไว้ให้สนิท อย่าได้คิดที่จะปล่อยข่าวออกไปเด็ดขาด นี่ครับเงินของคุณ " พิมรับมาอย่างงงๆ ความจริงเธอแค่ขู่เล่นๆ ไม่คิดว่าแม่ของเตชินจะกลัวขนาดนี้ ถึงขั้นส่งลูกน้องให้เอาเงินมาให้เพื่อจ่ายค่าปิดปาก รับมาเสร็จเธอก็หมุนตัวเดินกลับเข้าไปในบ้าน แต่เธอยังไม่ทันก้าวขึ้นบันได เสียงกริ่งก็ดังขึ้นอีกครั้ง เธอรู้ทันทีเลยว่าต้องเป็นคนของภรรยาเตชินแน่นอน เธอจึงหมุนตัวไปเผชิญหน้ากับแขกที่ไม่ยินดีต้อนรับอีกครั้ง " สวัสดีค่ะ ไม่ทราบว่าต้องการมาพบใครคะ " เธอลองถามหยั่งเชิงดู เพราะอยากรู้ว่าคนนี้จะมาแบบไหน " สวัสดีค่ะ ฉันเป็นผู้ช่วยของคุณณัชชา ภรรยาของท่านประธานเตชิน ฉันยังมีธุระไม่สามารถเสียเวลานานได้ เข้าประเด็นเลยนะคะ คุณณัชชา เธอไม่อยากให้มีข่าวอื้อฉาวทำให้คุณเตชินและบริษัทเสียหาย ดังนั้น จึงส่งฉันมาคุยกับคุณ ฉันว่าเรื่องบางเรื่องของเจ้านายคนใช้ไม่ควรเข้าไปยุ่งนะคะ ทุกครอบครัวมีปัญหาที่แตกต่างกันออกไป ดังนั้นฉันขอให้คุณรู้ว่าอะไรควรพูดอะไรควรทำนะคะ " แล้วหล่อนก็หยิบซองออกมายื่นให้พิมพร้อมกับเอ่ยว่า " นี่เป็นเงินสี่หมื่นบาท ค่าจ้างของคุณค่ะ " พิมยิ้มรับเงินมาแล้วเอ่ย " ขอบคุณค่ะ เงินมา ปากเงียบ " พิมทำท่ารูดซิปปาก ปั้นหน้ายิ้ม แล้วผู้ช่วยของณัชชาก็เดินออกจากบ้านไปพิมเดินเข้าไปในบ้านพร้อมกับเงินในมือ พอเธอกลับเข้าไปในห้องของตัวเองก็แกะซอง นั่งนับเงินอย่างมีความสุข เธอยิ้มแล้วเอ่ยขึ้น" ไม่คิดว่าจะได้เงินมาง่ายดายขนาดนี้ คนรวยนี่มีห่วงเยอะจังเลยแฮะ "แล้วเธอก็จูบไปที่เงินแป็ดหมื่นอย่างชื่นใจ เอาเงินเก็บใส่กระเป๋าแล้วเอ่ย" เรื่องไม่ดีผ่านพ้นไป ก็มีเรื่องให้ยิ้มได้ผ่านเข้ามา โบราณว่า ในความโชคร้าย ก็ยังมีความโชคดีอยู่ ดูแล้วน่าจะจริง "เธอยิ้มอย่างอารมณ์ดี จากนั้นก็เดินออกจากห้อง ไปรีดเสื้อผ้าให้เตชินต่อที่บริษัท ณัชชาเธอแทบจะไม่กล้าสู้หน้าเตชินแล้วแม้เธอได้สถานะภรรยา แต่เธอรู้ตัวเองดีที่สุด ว่าเป็นได้แค่ภรรยาในนามที่ไม่สามารถเปิดเผยให้คนภายนอกรู้ได้ เป็นเพียงภรรยาลับๆที่รอวันหย่าขาดเมื่อถึงเวลาเท่านั้นการประชุมในตอนเช้าเตชินไม่แม้แต่จะมองหน้าณัชชาเลยพอออกจากห้องประชุม ณัชชาจึงเดินตามเขาออกมาเมื่อเห็นว่าไม่มีคนอยู่ณัชชาจึงเอ่ยขึ้น" คุณเตชิน ฉันขอโทษ สำหรับเรื่องเมื่อคืน "เตชินหยุดเดินพร้อมกับเอ่ยขึ้นอย่างเย็นชาโดยไม่ไม่เหลียวมองเธอเลยแม้แต่น้อย" คนที่คุณควรขอโทษ คือพิม ไม่ใช่ผม "ได้ยินดังนั้น ณัชชากำมือแน่นด้วยความโกรธและไม่พอใจ ที่เต
ในครั้งนี้ ทำให้นักลงทุนหลายรายในบริษัทเริ่มทยอยถอนข่าวตัวออกเพราะไม่กล้าเสี่ยงซื้อหุ้นของบริษัทเตชิน หุ้นของบริษัทเตชินดิ่งลงทุกวันจนเตชินเริ่มเครียดณัชชาพยายามเดินสายคุยเจรจากับนักลงทุนให้มาร่วมลงทุนซื้อหุ้นของบริษัทแต่กลับไม่เป็นผล บริษัทเริ่มเข้าขั้นวิกฤติ ในแต่ละวันเตชินเรียกประชุมผู้บริหารและผู้ร่วมลงทุนที่เหลือ เพื่อสร้างความเชื่อมั่นช่วงนี้เตชินไม่ค่อยได้กลับบ้าน และณัชชาก็เคียงข้างร่วมเผชิญหน้ากับปัญหาที่เข้ามาจนเขารู้สึกว่าไม่ควรให้ณัชชามาเสียเวลากับเขา เขารู้ดีว่าณัชชาชอบเขามาตลอดแต่เขาไม่สามารถรับรักเธอได้ และไม่อยากให้ณัชชามาลำบากด้วยเขาคิดว่าณัชชาควรตัดใจจากเขาและเปิดใจให้คนอื่นได้เข้ามาดูแลหัวใจเขานั่งมองณัชชาที่นั่งช่วยงานเขาจนเผลอหลับไปอย่างเงียบๆเขาทำทุกวิธีทั้งพูดไม่ดี ทำร้ายจิตใจ แต่ณัชชากลับไม่เคยยอมแพ้เพราะนิสัยเธอดื้อรั้นมาตลอดเขารู้ดีเขาถอนหายใจออกมาอย่างเหนื่อยใจ แล้วหยิบเสื้อคลุมมาห่มให้ณัชชา จากนั้นก็เดินออกจากห้องเตชินหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาโทรหาผู้ช่วยของณัชชาแล้วเอ่ย" คุณมาอยู่เป็นเพื่อนคุณณัชชาที่บริษัทหน่อย "ปลายสายเอ่ยตอบว่า" ค่ะ "เตชินขับ
ในตอนเช้า พิมกำลังฝันหวาน เธอฝันว่าอาจารย์ได้ไปเดทกับอาจารย์ป๊อบ โดยอาจารย์ป๊อบพูดกับเธอว่า" พิม คบกับผมนะ ผมชอบคุณตั้งแต่ครั้งแรกที่เจอเลย ผมเฝ้ามองคุณมานานหลายปี รอวันที่คุณเรียนจบ เพื่อขอคุณเป็นแฟน ตอนนี้คุณไม่ใช่นักเรียนของผมแล้ว เราเป็นแฟนกันนะ "เธอยิ้มและรู้สึกมีความสุขที่สุดที่ความฝันของเธอเป็นจริง จึงเอ่ยตอบไปว่า" ค่ะ ฉันก็ชอบอาจารย์เหมือนกัน "แล้วอาจารย์ป๊อบก็ดึงเธอเข้ามากอดไว้ในอ้อมกอด จากนั้นก็ก้มลงจะจูบเธอแต่ยังไม่ทันได้ประกบปาก เสียงโทรศัพท์เจ้ากรรมดันดังขึ้นมาขัดจังหวะเธอ ปลุกให้เธอตื่นจากฝันเธอตื่นขึ้นมาอย่างเสียดายและเสียใจที่อดจูบกับคนที่เธอชอบเธอมองไปยังเบอร์แปลกที่โทรเข้ามาขัดจังหวะด้วยความหงุดหงิดใจกดรับสายแล้วเอ่ย" สวัสดีค่ะ "ปลายสายเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงทุ้มต่ำว่า" แค่วันแรกคุณก็คิดจะอู้งานแล้วเหรอ คุณลืมไปแล้วเหรอว่าคุณต้องทำอะไร "เมื่อได้ยินเสียงปลายสายเธอก็สะดุ้งลุกขึ้นมานั่งทันทีแล้วเอ่ย" คุณเตชิน! "ปลายสายจึงเอ่ยต่อว่า" เมื่อไหร่คุณจะมาส่งอาหารเช้า "[ ตายละ ลืมสนิทเลย ]เธอพึมพำในใจ นั่งนิ่ง ใช้ความคิดสักพัก จึงเอ่ยขึ้น" ค่ะ จะไปเดี๋ยวนี้ อ
หลังจากทานข้าวเสร็จ พิมเลือกที่จะไม่ใช้ลิฟท์แต่เดินออกไปทางบันได เพราะไม่อยากให้ผู้คนรู้ว่าเธอมาหาเตชิน พอเธอเดินลงบันไดไปเธอก็ได้ยินเสียงผู้หญิงคุยโทรศัพท์ ท่าทางน่าสงสัยเธอจึงเดินเข้าไปใกล้แล้วหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาถ่ายวีดีโอ เธอได้ยินเสียงผู้หญิงคนนั้นพูดว่า" ตอนนี้ข่าวที่ท่านประธานมีภรรยาสองคนถูกเผยแพร่บนโลกโซเชียลแล้วท่านประโกรธจนหย่ากับคุณณัชชา ตอนนี้ข้างกายท่านประธานไม่มีใครแล้วค่ะทุกอย่างเป็นไปตามแผนที่วางไว้ ตอนนี้เหลือแค่รอดูคุณณัชชาลาออกเท่านั้นค่ะ "ประโยคสุดท้ายพิมตกใจจนดวงตาเบิกกว้าง เธอไม่คิดว่าเรื่องราววุ่นวายที่เกิดขึ้นในบริษัทของเตชินจะมีผู้อยู่เบื้องหลังคอยกวนน้ำให้ขุ่น เธออยากจะเห็นโฉมหน้าของผู้หญิงคนนั้นแต่ผู้หญิงคนนั้นกลับไม่หันมาทางเธอเลย แล้วอยู่ๆเสียงโทรศัพท์เธอก็ดังขึ้นทำให้ผู้หญิงคนนั้นรู้ตัวรีบเอาผ้ามาปิดหน้าแล้ววิ่งหนีไปพิมเองก็กลัวถูกจับได้เธอรีบวิ่งลงบันได้ไป แทบจะกลิ้งเป็นลูกบอลอยู่แล้วทางฝั่งผู้หญิงคนนั้น ปลายสายของเขาเอ่ยถาม เขาจึงตอบไปว่า" มีคนมาเห็น โชคดีที่คลุมหน้าไว้ คุณอย่ากังวลไปเลย ตรงบันได้หนีไฟปกติไม่มีใครใช้ คงจะเป็นแค่พวกพนักงาน
เธอรู้สึกผิดต่อเตชินมาก ที่เลี้ยงงูเห่าไว้ข้างกาย จนกลับมาฉกพวกเขาเองแบบนี้เธอเดินไปที่ห้องของเตชิน ยกมือเคาะประตูเบาๆแล้วเดินเข้าไปในห้องเตชินมองเธอด้วยสีหน้าเคร่งขรึม แววตาเย็นชา ทำให้เธอรู้สึกเย็นไปถึงขั้วหัวใจแต่ก็ฝืนเอ่ยขึ้นอย่างระมัดระวังด้วยความรู้สึกผิด" ฉันขอโทษค่ะ ที่ไม่ระวังคนรอบข้างให้ดี ไว้ใจคนง่ายเกินไป จนทำให้บริษัทเกิดปัญหาใหญ่ แต่คุณไม่ต้องห่วงนะคะ ฉันจะทำทุกวิถีทาง สร้างความเชื่อมั่นให้นักลงทุนให้กลับมาร่วมลงทุน ซื้อหุ้นของบริษัทเราอีกครั้งให้ได้ค่ะ "เตชินจึงเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงหนักแน่นชัดถ้อยชัดคำว่า" พรุ่งนี้ผมจะจัดแถลงข่าว ผมจะให้โอกาสคุณได้แก้ตัวสักครั้ง ต่อไปจะรับใครเข้ามาทำงานคงรู้นะว่าไม่ควรใช้ความรู้สึกส่วนตัวมาเกี่ยวข้อง "" ค่ะ ฉันเข้าใจแล้ว "เตชินรู้ว่าณัชชาเป็นคนใจอ่อน ขี้สงสาร จึงเป็นจุดอ่อนที่ทำให้ผู้ไม่หวังดีใช้เป็นเครื่องมือได้ง่าย แม้เธอจะเก่ง มองผิวเผินแลดูเพรียบพร้อม แต่แท้จริงแล้วณัชชาขาดความเป็นผู้นำหลายจุดมองคนไม่ทะลุปรุโปร่ง ใจอ่อน ขี้สงสาร ชอบใช้ความรู้สึกส่วนตัว และไม่มีความเด็ดขาดจากนั้นเตชินก็เอ่ยต่ออย่างเหนื่อยหน่ายว่า" คุณอ
พิมทำหน้าที่ส่งอาหารเช้าให้เตชินตามปกติ และร่วมทานมื้อเที่ยงตามข้อตกลงในสัญญาเธอเข้าออกบริษัทบ่อยจนพนักงงานต้อนรับเริ่มจำเธอได้และต้อนรับเธออย่างดีแต่ก็ไม่วายที่จะหลุดรอดจากคำซุบซิบนินทาของพนักงานในบริษัทพนักงานจับกลุ่มซุบซิบกัน" นี่ๆ นึกไม่ถึงเลยว่าท่านประธานจะเปลี่ยนรสนิยมหันมาควงสาวน้อยหน้าใสแล้ว "อีกคนก็เอ่ยขึ้นบ้าง" ฉันได้ยินทางฝ่ายต้อนรับเขาเม้าท์กันว่า เธอมาส่งข้าวเช้าให้ท่านประธานทุกวันเลย บางวันก็มาทานมื้อเที่ยงด้วยกัน "อีกคนดูตื่นเต้นกับสิ่งที่ได้ยินแล้วเอ่ย" จริงเหรอ แสดงว่าคนนี้ต้องเป็นคนโปรดของท่านประธานที่ท่านประธานปลื้มมากแน่ๆเลย "อีกคนก็อยากร่วมสนทนาด้วยจึงเอ่ย" ฉันได้ข่าวมาว่า หลายวันก่อนที่เธอไม่มาทานข้าวด้วย ท่านประธานถึงกับต้องออกไปง้อเลย "พนักงานสาวอีกคนก็เอ่ย" แล้วแบบนี้ถ้ารองประธานรู้ จะรู้สึกยังไง พูดก็พูดเถอะ ในฐานะผู้หญิงด้วยกันไม่ใช่ว่าฉันจะมองไม่ออกนะว่า รองประธานดูมีความรู้สึกพิเศษต่อท่านประธาน "อีกคนก็เอ่ยเสริมว่า" นั่นสิ รองประธานอยู่เคียงข้างท่านมาธานมาตลอดแต่เสียดายที่ท่านประธานกลับไม่เห็นเธอเป็นผู้หญิงทั่วไป "พนักงานสาวอีกคนจึงพูด
พิมเอาข้าวไปให้เตชินเสร็จเธอก็เอ่ยว่า" ฉันเอาข้าวมาส่งคุณแล้ว วันนี้ฉันมีธุระต้องออกไปข้างนอก ขอลางานหนึ่งวันนะคะ "เตชินเงยหน้าขึ้นมามองเธอแล้วเอ่ย" คุณจะไปไหน ให้ผู้ช่วยคังไปส่งสิ "ได้ยินดังนั้นเธอก็รีบเอ่ยปฏิเสธทันที" ไม่เป็นไรค่ะ ฉันเรียกรถเองได้ ฉันมีนัดกับเพื่อนที่ทำงานสายนี้ด้วยกัน วันนี้เป็นวันหยุดเขาพอดี เลยนัดเจอกันค่ะ "สำหรับเธอแล้ว เธอจะให้คนอื่นมารู้เรื่องส่วนตัวของเธอไม่ได้ และยิ่งไม่ชอบให้คนอื่นมาละลาบละล้วงเรื่องของเธอแม้แต่นิดเดียวเตชินทำท่าเข้าใจแล้วเอ่ย" ผมจะให้คุณลาแค่วันเดียวนะ เย็นนี้กลับมาแล้วมารายงานตัวกับผมด้วย "ได้ยินดังนั้นเธอรู้สึกอารมณ์ไม่ดีขึ้นมา[ นี่มันแม่บ้านประเภทไหนกัน ต้องรายงานเวลาเข้าเวลาออก นี่มันทหารองครักษ์ชัดๆ ]เธอพึมพำในใจแล้วเอ่ยตอบว่า" ค่ะ เมื่อไม่มีอะไรแล้ว ฉันขอตัวค่ะ "เอ่ยจบเธอก็เดินออกไปจากห้องของเตชิน รถแท็กซี่ที่เธอเรียกก็มารอที่หน้าบริษัทเมื่อลงไปถึงหน้าบริษัท เธอก็ขึ้นรถไป เธอยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ด้วยความดีใจสีหน้าเต็มไปด้วยความสุข ที่เมื่อคืน อาจารย์ป๊อบทักแชทมาหาเธอว่า( พิม พรุ่งนี้คุณว่างมั้ย ผมเพิ่งกลับมาจากต่างประเท
ป๊อบมองตามหลังของพิมด้วยแววตาผิดหวัง เขาไม่อยากให้เธอทำงานนี้เลยเตชินเห็นพิมเปิดประตูลงมาจากรถหรู เขาถึงกับหรี่ตาลง เพ่งมองไปที่รถคันนั้น พิมรีบวิ่งเข้ามาให้ทันเวลาห้านาที เพราะไม่รู้ว่าถ้าเลยห้านาที เตชินจะสรรหาคำใดมาตำหนิเธออีก เธอเป็นคนวิ่งเร็วไม่ถึงห้านาที ก็ถึงหน้าห้องแล้ว เลยยกมือเคาะประตูห้องเขาทันทีเตชินที่อยู่ด้านในเอ่ยเสียงเย็นออกมา" ประตูไม่ได้ล็อค "เธอจึงเปิดประตูเข้าไป เดินไปยืนต่อหน้าเขาแล้วเอ่ยด้วยน้ำเสียงราบเรียบด้วยสีหน้านิ่งเฉย" ฉันมารายงานตัวตามที่คุณบอกแล้ว ขอตัวค่ะ "พูดจบเธอก็หันหลังเดินออกไป แต่ก้าวขายังไม่ถึงสามข้าว เตชินก็หาเรื่องพูดกับเธอเอ่ยถามขึ้นอย่างเย็นชาด้วยสีหน้าเคร่งขรึม" ใครมาส่งคุณ "" เพื่อนค่ะ "เธอเอ่ยตอบอย่างไวแบบไม่ต้องคิดเตชินเผยอปากแล้วเอ่ยพร้อมกับเลิกคิ้วขึ้นเดินเข้ามาหาเธอ" อ้อ เพื่อนคุณเป็นแม่บ้านทีรวยใช้ได้เลยนี่ ขับรถหรูมาส่งซะด้วย "พิมตกใจ ไม่คิดว่าเขาจะแอบดูอยู่ และไม่รู้ว่ารถของอาจารย์ป๊อบเป็นรถหรูเธอรู้สึกพลาดมากที่พูดออกไปแบบนั้นเธอนิ่งเงียบไป เตชินเห็นดังนั้นจึงเอ่ยต่อว่า" กำลังคิดหาวิธีแก้คำพูดของตัวเองอยู่ล่ะ
" ก็สั่งสอนแบบนี้ไง "เคอร์ฟิวจับณชาขึ้นมานั่งบนตักแล้วจูบเธอทันที ณชาตกใจจนดวงตาเบิกกว้างป้าใจเดินเข้ามาส่งพิซซ่าในห้องเจอเข้ากับฉากนี้พอดี แกจึงหมุนตัวหันหลังจะเดินออกไปแบบเงียบๆเคอร์ฟิวถอนริมฝีปากออกจากริมฝีปากณชาแล้วเอ่ย" ป้าไม่ต้องออกไปหรอก คุณณชาเธอหิวจนจะกลืนกินผมอยู่แล้ว "" พี่พูดอะไรน่ะ "เธอเอ่ยอย่างหน้านิ่วคิ้วขมวดพร้อมกับทุบตีอกของเขาหนึ่งทีป้าใจยิ้มเจื่อนแล้วหมุนตัวเดินเข้ามาวางพิซซ่าลงบนโต๊ะจากนั้นก็หมุนตัวเดินออกไป ปล่อยให้ทั้งสองได้อยู่ด้วยกันตามลำพังเคอร์ฟิววางณชาลงนั่งข้างๆแล้วเปิดกล่องพิซซ่าออกมาหยิบพิซซ่าขึ้นมาหนึ่งชิ้นแล้วเอ่ยกับณชาที่นั่งแข็งทื่ออย่างทำอะไรไม่ถูก" หิวไม่ใช่เหรอ อ้าปากสิ "ณชาเหลือบมองเขาอย่างหน้านิ่วแล้วเอ่ยเสียงขุ่น" ฉันทานเองได้ "เธอขยับมือจะหยิบพิซซ่ามาทานเอง แต่เคอร์ฟิวกลับจับมือเธอไว้แล้วเอ่ย" พี่อยากป้อน อ้าปาก ถ้าไม่อ้าปากพี่จะใช้ปากป้อนแล้วนะ "ณชาได้แต่มองแรงใส่เขาแล้วยอมอ้าปากให้เขาป้อน เขายิ้มแล้วเอ่ย" เชื่อฟังแบบนี้ค่อยน่ารักหน่อย "เคอร์ฟิวป้อนไปยิ้มไปอย่างพอใจ ณชาทานจนอิ่มลืมความโมโหและความไม่พอใจไปหมดสิ้น แล้วเปลี่ยนม
เช้าวันรุ่งขึ้น ป๊อบกับณัชชาลากกระเป๋าเดินทางออกมาจากห้อง แล้วไปเคาะประตูห้องลูกสาวณชาที่ยังหลับอยู่บนเตียง พอได้ยินเสียงเคาะประตูเธอก็ค่อยๆลืมตาขึ้นมาแล้วลุกมานั่งหาว จากนั้นก็ลงจากเตียงเดินไปเปิดประตูให้พ่อกับแม่ด้วยท่าทางงัวเงียเธอหาวออกมาอีกครั้ง แล้วยื่นมือไปเปิดประตู เมื่อเห็นว่าพ่อกับแม่กำลังจะออกเดินทางแล้วเธอจึงเอ่ยขึ้น" คุณพ่อคุณแม่จะไปแล้วเหรอคะ ทำไมไปเช้าจัง "ณัชชายิ้มอ่อนแล้วเอ่ย" ต้องไปไกล ลงจากเครื่องเสร็จก็ต้องนั่งรถไปต่ออีกแล้วต่อด้วยนั่งเรือไปเกาะก็ต้องไปให้ทันเวลา พ่อกับแม่แค่จะมาบอกให้ลูกรู้ว่าจะออกไปแล้ว อีกเรื่องนะ เวลาไปเข้าค่ายเตรียมยาที่จำเป็นไว้ให้พร้อมด้วย เแล้วก็อาหมวกแก๊ปกับเสื้อแขนยาวไปด้วยนะ "" ค่ะ คุณพ่อกับคุณแม่ไปเที่ยวให้สนุกนะคะ "ณัชชากับป๊อบพยักหน้าเบาๆ จากนั้นป๊อบก็เอ่ยกำชับลูกสาวอีกครั้งด้วยความเป็นห่วงว่า" เวลาอยู่ในค่ายน่ะ ดูแลตัวเองให้ดีๆนะ อย่าไปนั่งใกล้ผู้ชายคนอื่น ยกเว้นพี่เคอร์ฟิวของลูก เข้าใจมั้ย "เขาเป็นพ่อที่ค่อนข้างหวงลูกสาวมากคนหนึ่ง ถึงแม้ลูกสาวเขาจะห้าวๆแต่มันก็ไม่ได้ทำให้พ่ออย่างเขาหวงลูกสาวน้อยลงเลยณชารู้และเข้าใจดีว่
ทุกคนเริ่มจับอุปกรณ์ ทานข้าวกันอย่างเงียบๆ ระหว่างทานข้าวพิมมองหน้าลูกชายแล้วเอ่ยถามขึ้น" เคอร์ฟิว เปิดเทอมแล้วเป็นยังไงบ้าง อยู่โรงเรียนได้เจอกับน้องณชาบ้างมั้ย "เคอร์ฟิวได้ยินดังนั้นจึงยิ้มอ่อนออกมาแล้วเอ่ยตอบแม่ว่า" ก็ดีครับ อยู่โรงเรียนผมกับน้องอยู่คนละชั้น เรียนกันคนละตึกเลยไม่ค่อยได้เจอกันครับ "เตชินหันมามองลูกชายที่มีใบหน้าหล่อกระชากลากใจราวกับออกมาจากแม่พิมพ์เดียวกันกับเขาแล้วเอ่ยเสียงเรียบ" ยังไงน้องก็เป็นคู่หมั้นลูก ลูกก็ดูแลน้องให้ดีๆอย่าเปิดโอกาสให้หนุ่มคนอื่นมาสร้างความสัมพันธ์ใกล้ชิดสนิทสนม จนทำให้น้องหวั่นไหวนะลูก ลูกผู้ชายต้องกล้าแสดงตัวหน่อย เข้าใจมั้ย "เคอร์ฟิวเอ่บตอบรับคำด้วยสีหน้าเรียบเฉยเพียงสั้นๆว่า" ครับ "" นี่ คุณสอนอะไรลูกน่ะ หนูณชายังเด็กก็ต้องมีเพื่อนทั้งผู้หญิงและผู้ชายเป็นธรรมดา การหมั้นหมายเป็นการตกลงกันของพวกเรา หากลูกหรือหนูณชาไม่ได้ชอบพอกันก็ต้องยกเลิกไป มันไม่สามารถบังคับกันได้ค่ะ "พิมเอ่ยออกมาตรงๆโดยที่ไม่รู้เลยว่าเจ้าลูกชายของเธอนั้นเริ่มแอบณชาเข้าแล้วและจริงจังกับการเป็นคู่หมั้นนี้มากเตชินจึงโต้ตอบกับพิมว่า" ลูกชายเราหล่อแถมยังเป็นปร
พอออกมาจากสนามกอล์ฟ ทั้งสองครอบครัวก็ไปทานข้าวด้วยกัน ในร้านอาหารชื่อดังสุดหรูที่ตั้งอยู่ใจกลางเมืองที่เป็นแหล่งร้านอาหารสำหรับคนรวยซึ่งตัวอาคารติดด้วยกระจกสะท้อนความร้อน ทำให้คนข้างในสามารถมองเห็นวิวบ้านเมืองและตึกสูงข้างนอกได้อย่างสวยงามในขณะทานข้าวทั้งสองครอบครัวนั่งทานข้าวกันอย่างมีความสุข ณชากับเคอร์ฟิวก็นั่งทานข้าวบนเก้าอี้อย่างเรียบร้อยโดยที่ไม่รบกวนหรือเล่นซนเลย10 ปี ต่อมา.......ณ โรงเรียนนานาชาติชื่อดังแห่งหนึ่งของประเทศ เป็นแหล่งรวมการเรียนรู้ของเด็กนักเรียนอินเตอร์จำนวนมากมีหลากหลายภาษา หลากหลายวัฒนธรรมและหลากหลายชนชาติมาเรียนร่วมกันเมื่อถึงเวลาเลิกเรียนเด็กนักเรียนต่างทยอยกันเดินออกมาจากอาคารเรียน รอผู้ปกครองมารับบางคนบางกลุ่มที่บ้านใกล้โรงเรียนก็ออกจากโรงเรียนเดินเท้ากลับตามทางฟุตบาทเคอร์ฟิวกับกลุ่มเพื่อนๆกำลังเดินออกมาจากห้องเรียนลงไปยังใต้อาคาร ชุดนักเรียนชายโรงเรียนนี้ ประกอบไปด้วยเสื้อเชิ้ตแขนสั้นสีขาว เสื้อสูทสีดำ มีตราสัญลักษณ์โรงเรียนปัก มีเน็กไทและกางเกงขายาวลายสก๊อตสีดำส่วนณชาที่เป็นรุ่นน้องของเคอร์ฟิวก็กำลังเดินลงจากอาคารเรียนเช่นกันแต่อยู่คนละตึกในต
ยามเย็นณัชชากับป๊อบลงมาเดินเล่นที่ชายหาด ส่วนลูกสาวก็อยู่กับตายาบนบ้านทั้งสองนั่งดูพระอาทิตย์ตกขอบทะเลด้วยกันอย่างโรแมนติก นั่งยาวไปจนถึงช่วงเวลาโพล้เพล้เธอนั่งเอาหัวพิงไหล่ป๊อบแล้วเอ่ย" ฉันมีความสุขจังเลยค่ะ เมื่อก่อนฉันรู้สึกอิจฉาคุณพิมมากที่สามีรักสามีหลงจนยอมตามใจทุกอย่าง "ป๊อบยิ้มอ่อนแล้วเอ่ย" ต่อไปนี้คุณไม่ต้องไปอิจฉาพิมแล้ว เพราะถ้าไม่มีคุณผมก็อยู่ไม่ได้ การลองใจของคุณที่ผ่านมามันทำให้ผมรู้ว่า ผมก็เป็นสามีที่รักและหลงภรรยามากเช่นกัน ตอนที่คิดว่าคุณไม่อยู่แล้วคุณผมแทบจะเป็นบ้าจนเกือบจะเสียสติไปแล้วรู้มั้ย "" ฉันขอโทษนะ "เธอเอ่ยเสียงอ่อน" ไม่เป็นไรหรอก แค่คุณไม่จากผมไปไหน อยู่กับผม ให้ผมสัมผัส และจับต้องคุณได้แบบนี้ทุกวัน ก็พอแล้ว "ณัชชายิ้มแล้วยื่นหน้าไปหอมแก้มเขาเบาๆสบตากับเขาพร้อมกับเอ่ยอย่างซึ้งใจ" ขอบคุณค่ะ "ป๊อบสบตากับภรรยาอย่างลึกซึ้งแล้วค่อยๆโน้มหน้าเข้าไปจูบริมฝีปากเธอเบาๆจูบอย่างนุ่มนวลใจเย็น ในหัวใจของทั้งสองเต็มไปด้วยความรักที่บานฉ่ำ ตอนนี้ความปรารถนาของณัชชาเป็นจริงแล้ว เธอมีสามีที่น่ารัก ที่คอยเทคแคร์เอาอกเอาใจเธอเป็นอย่างดีมีลูกสาวที่น่ารัก มีครอบ
ณัชชาเดินออกมาจากห้องน้ำ เห็นพ่อกับแม่นั่งจ้องเธอตาเขม็งเธอยิ้มแหยๆออกออกมาพอให้เห็นฟันเล็กน้อยแล้วเดินเบี่ยงไปนั่งลงข้างๆลูก โดยไม่กล้าสบตาพ่อกับแม่อีกเธอจ้องมองใบหน้าแบเบาะอันน่ารักน่าชังที่ถูกห่อหุ้มด้วยผ้าอ้อมแล้วเอ่ย" ณชา สาวน้อยของแม่ แม่คิดถึงลูกที่สุดเลย แม่ขอโทษนะที่ไม่ได้อยู่กับลูก ลูกไม่โกรธแม่ใช่มั้ยคะ น้าพิมกับคุณพ่อดูแลหนูดีมากมั้ยคะ "เด็กน้อยทำปากจู๋ แววตาดูใสแป๋วเปล่งประกายแวววาว ขนตาดกดำยาวสวย ส่งให้ดวงตาสวยมีเสน่ห์สมกับคำชมของเคอร์ฟิวน้อยเด็กน้อยยิ้มแป้นออกมาอย่างไร้เดียงสา ทำให้ผู้เป็นคุณแม่มือใหม่ หลงรักหนักเข้าไปอีก เธอจ้องหน้าลูกด้วยรอยยิ้มแล้วเอ่ยต่อว่า" งุ้ยน่ารักน่าชังที่สุดเลย ต่อไปคุณแม่จะไม่ไปไหนแล้วนะคะ คุณแม่จะอยู่กับเบบี๋น้อยทุกวันทุกคืนเลยค่ะ "น้ำเสียงนุ่มนวลของณัชชาทำให้เด็กน้อยสัมผัสได้ถึงไออุ่นรักที่พิเศษกว่าพิมที่เป็นน้ามาก เพราะความเป็นแม่ลูกสามารถสัมผัสได้ผ่านจิตใจและความรู้สึกนั่นเองพ่อของณัชชานั่งยิ้มอ่อนบนโซฟามองลูกสาวด้วยแววตาอบอุ่นส่วนแม่ณัชชาพอเห็นว่าลูกสาวคุยกับลูกนานพอสมควรแล้วเขาจึงเอ่ยขึ้นเสียงแข็งด้วยสีหน้าจริงจัง" ณัชชาลูกท
ช่วงบ่ายพ่อกับแม่ของป๊อบมาที่บ้านณัชชา พวกเขาก็นั่งพูดคุยกันตามประสาคนรู้จักมักคุ้นอย่างสนิทสนมแล้วแม่ของณัชชาก็เอ่ยถามสารทุกข์สุขดิบอย่างมีความนัยแอบแฝง" เป็นยังไงกันบ้างอยู่บ้านโน้นสบายดีกันทุกคนมั้ยคะ "คุณแม่ป๊อบยิ้มแล้วเอ่ยตอบอย่างเข้าใจความหมายแฝง" สบายดีค่ะ ยุงไม่ให้ไต่ไรไม่ให้ตองเลยค่ะ สุขภาพดีขึ้นมาก โรคภัยไข้เจ็บก็ไม่มีแล้วค่ะ "" ดีๆ นับว่าเป็นข่าวดี เป็นสิ่งที่ดีจริงๆ "แม่ณัชชาเอ่ยตอบด้วยรอยยิ้มนานแล้วที่เขาไม่ได้เจอลูกสาวเลยนับตั้งแต่วันคลอด เขาดีใจมากที่ได้ยินแม่ของลูกเขยพูดแบบนั้นคำพูดพวกนี้คนที่ไม่รู้อะไรอย่างป๊อบได้แต่นั่งฟังอยู่ข้างลูกสาวอย่างเงียบๆโดยไม่รู้เลยว่าแม่ตัวเองกับแม่ยายกำลังพูดเรื่องสุขภาพของภรรยาเขาอยู่" อ้อ จริงสิ ที่ฉันมาวันนี้ เพื่อมาบอกว่าตาป๊อบน่ะมีบ้านพักริมทะเลอยู่หลังหนึ่ง บรรยากาศดีมาก "" จริงเหรอคะ "คุณแม่ณัชชาออกอาการตื่นเต้นเมื่อได้ยินแบบนั้น " จริงค่ะ ฉันเพิ่งกลับมาจากที่นั่น ก็มาหาคุณเลย "แม่ของป๊อบกับแม่ณัชชา จากนั้นก็หันไปทางลูกชายแล้วเอ่ย" ป๊อบ พรุ่งนี้ลูกก็พาลูกสาวกับพ่อตาแม่ยายไปเที่ยวพักผ่อนหย่อนใจหน่อยสิ จิตใจทุกคนจะได
เมื่อภารกิจบนเตียงจบลงเตชินก็ก้มลงจูบภรรยาเบาๆแล้วนอนกอดเธอไว้ในอ้อมกอดอย่างแนบแน่นพอสายๆพวกเขาก็ตื่นขึ้นมาไปอาบน้ำ แต่งตัว แล้วออกมาจากห้องพร้อมกันเตชินกอดไหล่ภรรยาอย่างรักใคร่ แล้วเดินลงบันไดพร้อมกันสีหน้าดูสดใสยิ้มแย้ม ป้าใจกำลังจะเข้าไปหาเคอร์ฟิวน้อยในห้องนั่งเล่นก็หันไปเห็นสองสามีภรรยาเดินลงบันไดมา ด้วยสีหน้ายิ้มแย้มไม่บึ้งตึงใส่กันอีก แกรู้สึกดีใจและสบายใจเอามากๆ ที่ครอบครัวกลับมาเป็นครอบครัว[ คุณชายน้อยคงดีใจและมีความสุขมากถ้ารู้ว่าพ่อแม่ดีกันแล้ว ]หลังจากแอบพึมพำจบป้าใจก็ยิ้มขึ้นพร้อมกับเอ่ยถามเตชินว่า" คุณชายจะให้เตรียมอาหารเช้าเลยมั้ยคะ "แกถามเพื่อให้แน่ใจว่าพวกเขากลับมาสู่สถานการณ์ปกติแบบ100%" อื้อ ป้ากับนวลก็ทานด้วยพร้อมกันเลยนะ "" ค่ะ "เอ่ยจบเตชินก็โอบไหล่ภรรยาเดินเข้าไปหาลูกชายที่กำลังนั่งเล่นอยู่ เคอร์ฟิวละสายตาจากของเล่นแล้วเงยหน้ามองพ่อกับแม่ด้วยความสงสัย แต่ไม่กล้าเข้าไปหา " เคอร์ฟิว มาหาพ่อกับแม่สิ "เตชินเอ่ยขึ้นด้วยรอยยิ้มพร้อมกับอ้าแขนรับเคอร์ฟิวแน่ใจแล้วว่าพ่อกับแม่ไม่ได้โกรธกันอีกจึงยิ้มออกมาแล้วลุกขึ้นวิ่งมาหาพ่อกับแม่ด้วยความดีใจพิมกอดลูกชายด
เช้าวันต่อมา คุณแม่กับคุณพ่อของป๊อบเก็บกระเป๋าเตรียมออกเดินทางกลับจากนั้นทั้งสองท่านก็นั่งรถออกจากบ้านพักริมทะเลตั้งแต่เช้าระหว่างทางคุณแม่ป๊อบนั่งนึกถึงเรื่องราวก่อนหน้านี้แกก็แอบอมยิ้มเบาๆก่อนหน้านี้คุณแม่ของณัชชาได้มาขอความร่วมมือจากเขาและเล่าแผนแกล้งตายให้ฟัง แกรู้สึกว่ามันเข้าท่าดี จึงรับปากอย่างไม่ลังเลช่วยลูกสะใภ้เล่นละครหลอกลูกชายตัวร้ายของเขา ที่เอาแต่รักคนที่มีลูกมีสามีแล้วแกเองก็ปวดใจไม่น้อยที่เห็นลูกมูฟออนไม่ได้สักที ทั้งยังสงสารและเห็นใจลูกสะใภ้คนสวยของแกที่สุดพอถึงวันที่ณัชชาไปคลอดแม่ของณัชชาก็โทรมาแจ้งให้เขาทราบพอรู้ว่าลูกสะใภ้คลอดแล้วแกกับสามีก็ตื่นมานั่งรอแต่เช้า รอลูกชายคนเล็กมาบอกข่าวแต่รอวันแล้ววันเล่า เจ้าลูกชายตัวดีก็ไม่โผล่หัวมาสักทีจนเขาเกือบจะโทรไปหาลูกเองแล้วแต่สามีห้ามไว้ สุดท้ายก็อดทนรออีกวัน ถึงจะเห็นลูกชายโผล่หน้ากลับมาด้วยสีหน้าเศร้าหมองแกแอบขำลูกชายเบาๆ พอลูกชายบอกข่าวเรื่องลูกสะใภ้เสียชีวิต แกก็เล่นใหญ่แกล้งทำเป็นตกใจจนช็อกไปแล้วบีบน้ำตาร้องห่มร้องให้ออกมา จากนั้นก็แกล้งหมดสติไปหลังจากนั้นเมื่อลูกสะใภ้ออกจากโรงพยาบาลแกก็มาอยู่เป็นเพื่อนคอ