มีข่าวลือแพร่สะพัดออกมาว่าจวนแม่ทัพมีเสบียงอาหารจำนวนมาก วันนี้ผู้ที่มาต่อแถวรับข้าวต้มยังได้รับแตงโมหวานฉ่ำคนละชิ้นจ้าวโหย่วไฉยิ่งมั่นใจว่าจวนแม่ทัพต้องมีเสบียงอาหารมหาศาล!ก่อนที่กองทัพชนเผ่าหมานจะบุกลงใต้ เว่ยกวงเคยเป็นหัวโจกนักเลงที่มีชื่อเสียงในด่านเจิ้นกวน เขามีพี่น้องที่เคยเสี่ยงชีวิตร่วมกันในหน่วยลาดตระเวนบนถนนในด่านเจิ้นกวน เว่ยกวงถือว่าเป็นคนที่มีอิทธิพลทั้งในด้านมืดและด้านสว่างปกติเวลาไปกินอาหารตามร้านค้าก็ไม่จำเป็นต้องจ่ายเงินร้านค้าที่มีกิจการดี ๆ ยินดีจ่ายค่าคุ้มครองให้โดยสมัครใจ เพื่อป้องกันไม่ให้พวกอันธพาลเข้ามาก่อกวนในร้านเมื่อเว่ยกวงรับเงินไปแล้ว เขาย่อมทำงานแน่นอน หากมีใครมากินอาหารแล้วไม่ยอมจ่ายเงิน เขาจะให้คนของเขาลากตัวออกไปแล้วซ้อมสั่งสอนแม้ว่าเขาจะเป็นนักเลง แต่ก็ยังถือว่ามีคุณธรรมเหตุผลที่จ้าวโหย่วไฉเลือกเว่ยกวงก็เพราะเว่ยกวงเคยถูกทหารประจำด่านเจิ้นกวนออกหมายจับมาก่อนเขารู้เส้นทางลับที่เชื่อมต่อระหว่างด่านเจิ้นกวนและโลกภายนอก ทำให้ไม่เคยถูกจับได้จ้าวโหย่วไฉต้องการส่งข่าวออกไปข้างนอก โดยวางแผนให้เผ่าหมานเข้ามาในด่านเจิ้นกวนผ่านเส้นทางลับ โจมตี
พวกเขาได้รับข่าวเลยรีบวางงานในมือ รุดมายังจวนแม่ทัพโดยทันที!เรื่องที่ด่านเจิ้นกวนมีเสบียงอาหารนั้นไม่อาจปกปิดได้อีกต่อไปพรุ่งนี้หรืออาจจะในกลางดึก กองทัพชนเผ่าหมานอาจบุกชายแดนมาถึงหน้ากำแพงเมืองตอนนี้ถ้ำธรรมชาติที่เป็นทางลับก็เป็นภัยคุกคามอีกจ้านเฉิงอิ้นจึงสั่งให้ทหารหนึ่งร้อยนายเฝ้าทางเข้าถ้ำแต่กองทัพชนเผ่าหมานสามแสนนาย ทหารเพียงหนึ่งร้อยนายย่อมไม่อาจต้านทานได้ก่อนหน้านี้ พวกเขาเพียงแค่ต้องปกป้องประตูเมืองเท่านั้น แต่ตอนนี้กลายเป็นว่าต้องสู้รบทั้งสองด้าน ทหารตระกูลจ้านซึ่งมีกำลังพลน้อยอยู่แล้ว จะต้านทานการโจมตีของชนเผ่าหมานที่มาจากทั้งสองทิศทางได้อย่างไรทุกคนต่างมีสีหน้าตึงเครียดขณะนั้นเอง ทหารเข้ามารายงานข่าวที่หน้าประตูว่า “ท่านแม่ทัพ กองทัพชนเผ่าหมานบุกเข้ามาแล้วขอรับ”“เดิมทีพวกเขาตั้งค่ายห่างจากประตูเมืองสามสิบลี้ ตอนนี้กำลังเคลื่อนทัพเข้าใกล้ประตูเมืองมากขึ้นเรื่อย ๆ”เฉินขุยได้ยินเช่นนั้นก็ยกดาบใหญ่ขึ้นมาพลางตวาดลั่นอย่างโกรธแค้น “ท่านแม่ทัพ ข้าน้อยขอนำทหารออกไปรับศึก!”จ้านเฉิงอิ้นออกคำสั่งว่า “ทหารทุกนายฟังคำสั่ง เตรียมพร้อมรับศึก!”“ขอรับ!”“เฉินอู่ นำทห
ตอนยังมีชีวิตอยู่พ่อของเย่มู่มู่พอจะมีเส้นสายอยู่บ้าง ซึ่งรวมถึงผู้บริหารระดับสูงของบริษัทระเบิดเธอใช้โทรศัพท์เครื่องเก่าของพ่อ และหาหมายเลขของผู้บริหารคนนั้นตอนนี้เป็นเวลาสี่ทุ่มกว่า เธอโทรหาผู้บริหาร ปลายสายรู้สึกประหลาดใจไม่น้อย“มู่มู่...ทำไมถึงมีเวลามาโทรหาอาได้ล่ะ?”“อาเซียวคะ หนูอยากจะซื้อระเบิดจำนวนมาก คุณอาขายให้หนูได้ไหมคะ?”เซียวหัวได้ยินว่าเย่มู่มู่ต้องการซื้อวัตถุระเบิด จึงรู้สึกสงสัย “หนูจะรื้อถอนตึกอะไรล่ะ?”“พวกเราไม่ได้แค่ขายระเบิดเท่านั้น ต้องไปสำรวจและประเมินก่อน ถึงจะกำหนดปริมาณวัตถุระเบิดที่จะใช้ได้”“ระเบิดเป็นของอันตราย ทุกครั้งที่ขายต้องมีบันทึกไว้...”เย่มู่มู่ทนไม่ไหวจึงเอ่ยขัดอีกฝ่าย“คุณอาคะ หนูแค่ต้องการวัตถุระเบิด ต้องใช้เยอะด้วย เป็นชนิดที่เอาไประเบิดภูเขาได้น่ะค่ะ”“ไม่ได้ ยัยเด็กคนนี้จะหาเรื่องทำอะไรล่ะเนี่ย?”“คุณอาคะ หนูซื้อในราคาสามเท่าของตลาด!”เซียวหัวยังคงปฏิเสธ “ไม่ได้ อาไม่ยอมรับปากเรื่องแบบนี้หรอกนะ!”“ห้าเท่าค่ะ!”เสียงของเซียวหัวเริ่มไม่มั่นใจ “มู่มู่ อาไม่สามารถให้หนูซื้อไปทำเรื่องไม่ดีได้หรอกนะ”เย่มู่มู่พูดด้วยความร้อนใจ “
แม้ว่าจะเดินออกจากโกดังมาแล้ว เขาก็ยังไม่วางใจ ขับรถไปจอดในที่มืดและเฝ้ามองเย่มู่มู่ขนระเบิดออกไปเมื่อมีเงินมากขึ้น เขาก็ยิ่งห่วงชีวิตของตัวเอง และต้องปัดความรับผิดชอบให้หมดสิ้น*บนกำแพงเมือง จ้านเฉิงอิ้นยังคงตื่นตะลึงกับวิดีโอที่แสดงถึงพลังอันมหาศาลของระเบิดระเบิดสามารถทำลายตึกสูงเสียดฟ้าได้ตึกที่สูงใหญ่เหล่านั้น ตู้ม ๆ ๆ ระเบิดเป็นวงรอบ ๆ และภายในชั่วพริบตา ตึกก็ถูกทำลายเป็นผุยผงเขาและเหล่าแม่ทัพต่างพากันมุงดูหน้าจอแท็บเล็ต ดวงตาของพวกเขาเบิกกว้างด้วย ตื่นตะลึงกับภาพเหตุการณ์ที่ปรากฏเดิมทีพวกเขาคิดว่าสิ่งของอย่างเหล็กกล้า ดาบม่อเตา ชุดเกราะ และหน้าไม้ราชวงศ์ฉิน...เป็นขีดสุดของอาวุธในโลกเทพเซียนแล้วจนกระทั่งได้เห็นในวิดีโอ อาคารสูงเสียดฟ้าพังทลายลงมา แหลกสลายเป็นผุยผงโลกเทพเซียนมีอาวุธเทพเช่นนี้ อย่าว่าแต่ทำให้ภูเขาราบเลย อาจจะกำราบชนเผ่าหมานจนสิ้นชื่อได้ด้วยซ้ำทันใดนั้น ทุกคนต่างก็ตื่นเต้นขึ้นมา“ท่านแม่ทัพ นี่คืออาวุธเทพ สิ่งนี้สามารถสังหารศัตรูได้นับหมื่นเลยนะขอรับ!”“ถ้าเรามีสิ่งนี้ จะกลัวอะไรกับกองทัพชนเผ่าหมานสามแสนนาย แค่ยิงระเบิดลูกใหญ่ก็ส่งวิญญาณพวกมันออก
กองทัพกว่าหมื่นนายของเผ่าหมานถืออาวุธบุกเข้าไปในปากถ้ำ ในคราแรกพวกเขาถูกหน้าไม้ราชวงศ์ฉินสังหารจนไม่กล้าบุกเข้าไปทว่าหลัวเก๋อสั่งการให้โจมตีเมืองอย่างเต็มกำลังเมื่ออารมณ์คุกรุ่นได้ที่เผ่าหมานก็ต่างบุกเข้าไปในถ้ำอย่างดุดัน สาบานตนว่าจะฟาดฟันสังหารหนูแมลงสกปรกที่หลบซ่อนอยู่ในถ้ำให้จงได้เมื่อพวกเขาเห็นแสงไฟสว่างอยู่ในถ้ำ ก็เริ่มชะลอฝีเท้าลงอย่างระแวดระวังเมื่อเข้าไปใกล้กลับพบว่าบนพื้นมีเพียงกองฟืนกองโต กำลังลุกโชนเผาไหม้ ทว่ารอบข้างกระทั่งเงาผีสักตนยังไม่มีปรากฏให้เห็นพลันรู้ตัวขึ้นมาว่าติดกับเข้าให้แล้ว!นายทหารผู้ซึ่งเป็นผู้นำถึงกับโกรธจัด เท้าเตะเข้ากับกองฟืนที่กำลังโหมไหม้ ถ่านแดงคุร้อนตกลงบนสายชนวนดินระเบิดเข้าพอดิบพอดีตูม...ทุกคนถูกแรงระเบิดกระดอนไปคนละทิศละทาง*จ้านเฉิงอิ้นและพวก ถอยห่างออกไปสิบลี้เฉินอู่ยังคงพยายามโน้มน้าวจ้านเฉิงอิ้น ให้เขาอนุญาตให้ตนเป็นผู้เข้าไปจุดชนวนระเบิดเอง!ทันใดนั้น เสียงระเบิดก็ดังสนั่นหวั่นไหว ฝุ่นควันนับไม่ถ้วนพุ่งทะยานขึ้นสู่ฟ้าจ้านเฉิงอิ้นร้องตะโกนดังออกมาหนึ่งเสียง “หมอบลง!” ทุกคนหมอบลงกับพื้นภูเขาสั่นผืนดินสะเทือน เสียงระเบ
เขาไม่อาจกล้ำกลืนความแค้นที่จ้านเฉิงอิ้นผลาญล้างชีวิตคนหมื่นคนของเขาไปได้เขาจ้องมองที่กุนซืออย่างโกรธเกรี้ยว “เจ้ารู้หรือไม่ว่าในเมืองมีทั้งน้ำและเสบียงอาหาร?”“หากมิอาจยึดด่านเจิ้นกวนได้ กองพลของเราก็มีแต่จะหิวตาย”“ในขณะที่กองพลของจ้านเฉิงอิ้น ได้พักผ่อนฟื้นฟู จนสมบูรณ์แข็งแรง!”"ข้ามิสนว่ามังกรจะพลิกมิพลิกกาย ในสามวันนี้ ข้าจะต้องยึดด่านเจิ้นกวนมาให้จงได้!”กุนซือหลิวหลิงใจเต้นแรงในเมืองด่านเจิ้นกวนมีเสบียงอาหารอยู่อย่างนั้นหรือ?จะเป็นไปได้อย่างไร?ด่านเจิ้นกวนถูกปิดล้อมมากว่าครึ่งปี จนกลายสภาพราวถังเหล็กก็ปาน แม้แต่วิหคสักตัวก็มิอาจบินพ้นผ่านเข้าไปได้ปากคอเขาแห้งผาก เพียงคิดถึงว่าในเมืองด่านเจิ้นกวนมีน้ำ ดวงตาก็ฉายแววหมายมาดในชัยชนะเขาโค้งตัวลงประสานมือคารวะ ท่าทีเปลี่ยนราวคนละคน"ท่านอ๋องน้อย ด้วยเหตุผลที่ว่าในเมืองมีน้ำ เราจึงจำเป็นยิ่งที่ต้องวางแผนอย่างรอบคอบ มิอาจหุนหันพลันแล่นโจมตีเมืองได้"“เสบียงอาหารและน้ำของจ้านเฉิงอิ้นมาจากที่ใด? มีมากเท่าใด จัดเก็บไว้ที่แห่งใด?"“การโจมตีเมืองก็จำต้องมีแผนการ หากบุกจากประตูเมือง กำแพงเมืองก็สูงขึ้นแล้ว คันรถกระทุ้งกำแพง
เฉินอู่หัวเราะลั่น “ดียิ่ง ข้ายังคิดอยู่เลยว่าจะขอดินระเบิดจากท่านเทพอย่างไร ทว่านางกลับเป็นฝ่ายมอบให้พวกเราเสียเองเ!”“ท่านแม่ทัพ อาวุธร้ายแรงเช่นนี้ หากเผ่าหมานกลับมาโจมตีเมืองอีก พวกเราก็จะมีอาวุธชั้นดีไว้ป้องกัน!”“ดินระเบิดระเบิดภูเขาใหญ่ทั้งลูกได้ หากใช้ระเบิดสังหารคนแล้วละก็ อานุภาพจะไม่ยิ่งคร่าชีพได้มากกว่าหรือ!”จ้านเฉิงอิ้นรู้สึกยินดีอย่างยิ่ง เขาสั่งการไปยังซ่งตั๋ว“หากระท่อมว่างหลังเล็ก ๆ จำไว้ รัศมีห้าลี้มิอาจให้มีชาวบ้านผู้บริสุทธิ์ใดอยู่ใกล้เคียง หาทหารรักษาการณ์ที่ไว้ใจได้มาคอยลาดตระเวนโดยรอบ และห้ามมิให้พวกเขาเข้าใกล้เกินไปเช่นกัน”ซ่งตั๋วค้อมตัวประสานมือคารวะ “ข้าน้อยรับบัญชา”เย่มู่มู่ส่งข้อความมาอีกครั้ง นางไปสั่งอาหารมื้อดึกเอาไว้เรียบร้อยแล้วท่านเทพดีต่อเขายิ่งนัก!ชาติปางก่อนเขาคงได้กราบขอพรหน้าพระพักตร์พระพุทธเจ้าอยู่ภพหนึ่ง จึงทำให้ชาตินี้ได้พบท่านเทพเปี่ยมเมตตาเช่นนี้ มาช่วยชีพคนทั้งเมืองเอาไว้ ในยามที่เขาสิ้นไร้ซึ่งหนทางอย่างถึงที่สุด!ชาตินี้แม้จนเขากระดูกแตกแหลกลาญก็ไม่อาจตอบแทนนางได้หมดสิ้น!*เย่มู่มู่จอดรถที่บนถนนสายปิ้งย่างแห่งหนึ่ง รอบข้า
รอบขอบตาเฉินอู่แดงก่ำขึ้นเช่นกัน “ใช่แล้ว ลูกสาวสองคนของข้าหวิดจะสิ้นชีพอยู่แล้ว หากไม่มีข้าวกล่องช่วยไว้ พวกนางคงไม่มีชีวิตมาถึงตอนนี้ ท่านแม่ทัพ ข้าเฉินอู่ขอคารวะท่าน และขออภัยสำหรับความหยาบทรามที่ข้าแสดงเมื่อยามเราได้พบกันคราแรก!”คนอื่น ๆ ดวงตาก็เริ่มชื้นน้ำไปตาม ๆ กัน พวกเขาติดสอยห้อยตามกองทัพตระกูลจ้าน ก้าวขึ้นมาอย่างช้า ๆเช่นซ่งตั๋ว เปี้ยนจื่อผิง หลี่หยวนจง หลินต้าจวิน และเหอหงบ้างก็ถูกส่งตัวมาจากราชสำนัก ในตอนแรกพวกเขาถูกส่งมาเพื่อตรวจสอบกองทัพตระกูลจ้าน และคอยโอกาสแบ่งแย่งอำนาจทางการทหารจากจ้านเฉิงอิ้นอาทิเฉินขุย เฉินอู่ อู๋ซานหลาง มั่วฝาน และเฉินจวิ้นหลินสองพี่น้องเฉินขุยและเฉินอู่ คราแรกที่มาถึงด่านเจิ้นกวน ก็ตรงเข้าไปหาจ้านเฉิงอิ้นเพื่อขอทหาร จ้านเฉิงอิ้นบอกปัดปฏิเสธ สองคนจึงยุยงมั่วฝาน ให้เป็นปฏิปักษ์ต่อจ้านเฉิงอิ้นมั่วฝานสืบสายสกุลบรรดาศักดิ์ขุนนาง เป็นหลานชายแท้ ๆ ของไทเฮาในเมืองหลวงเขามีชื่อในฐานะผู้รากมากดี ทุก ๆ วันหลับนอนเสียจนตะวันโด่งขึ้นสามลำไผ่ ไม่มีวันใดแวะเวียนไปค่ายทหาร วัน ๆ เทียวแต่ดื่มเหล้าเคล้าด้วยนารีครอบครัวกลัวเขาลำบากยากแค้น จึงส่งข้
“ดีขึ้นมากแล้ว อีกสามวันก็เริ่มออกเดินทางได้ ท่านเทพ มั่วฝานกับหลูซีสร้างความวุ่นวายให้กับท่านหรือไม่?”“ถ้าพวกเขาไม่เชื่อฟัง ท่านส่งพวกเขากลับมา!”เย่มู่มู่กล่าว “ไม่เป็นไร!”ทั้งสองคนค่อนข้างเชื่อฟัง อย่างน้อยพวกเขาก็ตั้งใจทำงานในพื้นที่ก่อสร้างมั่วฝานมีอุดมคติอันสูงส่งเป็นของตัวเองอีกครั้งก่อนกลับไปที่ต้าฉี่ อย่างน้อยเขาจะต้องเรียนรู้เกี่ยวกับไฟฟ้าให้ได้และวันนี้หลูซีจับฆาตกรไว้ได้ฆาตกรตัวเป็น ๆ ได้รางวัลเป็นเงินหนึ่งล้านเจ็ดแสนห้าหมื่นบาทก่อนกลับไป เขาจะเอาเงินรางวัลแลกเป็นเสบียงอาหารและเอามาไว้ในมือที่สำคัญกว่านั้นเย่มู่มู่รู้สึกว่าหลูซีมีฝีมือการต่อสู้ที่ดี ประพฤติตัวดีมากและยังเชื่อฟังถ้าไม่ใช่เพราะหลูซี เธอเกือบตายถึงสองครั้งแล้วเธออยากให้หลูซีอยู่ต่อ ไม่ว่าจะเข้าเรียนหรือเป็นผู้พิทักษ์ของเธอเด็กคนนี้มีอุปนิสัยที่ดีปกติไม่ค่อยพูดจา แต่ชอบทำงานและมีสมาธิในการทำงานสูงมากหน้าตาก็ยังน่ารักมากอีกด้วย!เย่มู่มู่นำสิ่งที่เกิดขึ้นในวันนี้บอกเล่าแก่จ้านเฉิงอิ้นมีคนออกคำสั่งให้มาฆ่าเธอถ้าไม่ใช่เพราะหลูซีช่วยเธอไว้ บางทีเธออาจถูกแจกันอันหนึ่งฟาดตายแล้ว!เธอถ
การติดต่อครั้งที่สามคือเมื่อสามวันก่อน ฝ่ายตรงข้ามจ่ายเงินล่วงหน้าไว้ห้าสิบล้านนักฆ่าติดต่อฝ่ายตรงข้ามและกล่าว ไม่สำเร็จ!ต่อจากนั้น มือถือก็ตกอยู่ในมือหลูซีเย่มู่มู่ถามเจ้าหน้าที่ฝ่ายเทคนิค “ตรวจสอบและค้นหาบัญชีที่ชำระเงินได้ไหม?”เธอต้องการรู้ให้ได้ว่าคนที่จะเอาชีวิตเธอคือใครและยังมีบิดามารดาของเธอ คนที่ทำร้ายพวกเขาคือใครกันแน่ถ้าเธอหาเจอ คนที่อยู่เบื้องหลังจะต้องชดใช้ด้วยชีวิต!เย่มู่มู่ถามเจ้าหน้าที่ฝ่ายเทคนิค “ตรวจสอบและค้นหาคนอยู่เบื้องหลังที่จ้างนักฆ่าได้ไหม?”“มีความยากเล็กน้อย เครือข่ายแวนถูกซ้อนอีกชั้นและเปลี่ยนที่อยู่ IP แล้วหลายครั้ง ไม่สามารถติดตามได้ ที่สำคัญ…”“ที่สำคัญอะไร?”“ผมรู้สึกว่าคำสั่งการของฝ่ายตรงข้าม เขาหาคนเฉพาะทางสั่งการอีกที ในเครือข่ายแวนมีคนคอยช่วยทำเรื่องที่ไม่อาจบอกใครได้บางอย่าง พวกเขาไม่ใช่ผู้อยู่เบื้องหลัง แต่เป็นคนกลางที่ส่งต่อมาเป็นทอด ๆ !”“คนกลางที่ส่งออกไปเป็นทอด ๆ อาจมีสองสามชั้นและอาจมีหลายสิบชั้น!”“ผมต้องใช้เวลาตรวจสอบนานมาก?”เย่มู่มู่จนใจกัดฟันพูดกับเจ้าหน้าที่ฝ่ายเทคนิค “ห้าล้านบาท หาคนที่อยู่เบื้องหลังการว่าจ้างนักฆ่ามาฆ
“ผู้หญิงที่หอโคมเขียวนั่นอย่างไร อ้างตนว่าเป็นผู้บริสุทธิ์ ครั้นเจอรัฐทายาทน้อยก็บีบน้ำตาร้องไห้ บอกว่าถูกขุนนางชั้นผู้ใหญ่และเศรษฐีรังแก อยากให้รัฐทายาทน้อยช่วยตัดสินใจแทนพวกนางซ้ำแล้วซ้ำเล่า”“พอรัฐทายาทน้อยไปช่วยออกหน้าแทนพวกนาง และหาเรื่องคนเหล่านั้นจริง ๆ พวกนางกลับร้องไห้ฉุดเขาเอาไว้ บอกว่าเพียงอยู่เป็นเพื่อนแค่คืนเดียว ทำให้คนทั้งเมืองหลวงรู้ว่า พวกนางคือคนของรัฐทายาทน้อย ถึงจะไม่ถูกคนรังแก”“รัฐทายาทน้อยค้างคืนในห้องของพวกนางจริง ๆ วันต่อมานางก็ส่งเขากลับไปด้วยความปลื้มปีติ จากนั้นก็ห้อยป้ายรับแขก ราคาสูงกว่าราคาก่อนหน้านี้เป็นสองเท่า ลูกไม้ที่บอกกับคนนอกคือ ผู้หญิงที่ทำให้รัฐทายาทน้อยอยู่ค้างอ้างแรมจนลืมกลับจวน!”“ขุนนางชั้นสูงและเศรษฐีแห่กันไปชิงอย่างที่คิดไว้จริง ๆ ข้าเคยเห็นมาก่อน คืนก่อนหน้านั้นยังร่ำไห้บ่นกับรัฐทายาทน้อยอยู่เลย คุกเข่าขอร้องให้เขาตัดสินใจรับเป็นหญิงสาวที่ค้างแรมด้วย ขณะเดียวกันวันต่อมาก็รับรองแขกผู้ชายสามคน เรื่องพรรค์นี้เยอะจนนับไม่หวาดไม่ไหว!”“เขาถูกหลอกหลายครั้งมาก ๆ ตระกูลมั่วก็จะช่วยเขาจัดการ!”เย่มู่มู่เห็นมั่วฝานกับคังเจียสยง เรียกพี่เรียกน้อ
ผู้รับเหมาเขี่ยเถ้าบุหรี่ ก่อนจะกล่าวว่า “คุณรู้ดีอยู่แก่ใจก็พอแล้ว หากมีบุคคลที่น่าสงสัย ก็บอกมาเลย ผมจะช่วยหาคนไปจับตามองให้คุณเอง”“ได้ค่ะ!”ผู้รับเหมาดับบุหรี่ แล้วชนเบียร์กับมั่วฝานแก้วหนึ่ง พร้อมถามเย่มู่มู่“หนุ่มหน้าขาวไปหามาจากไหน?”มั่วฝานจีบปากจีบคอแล้วโต้กลับ “ข้าไม่ใช่หนุ่มหน้าขาว!”จากนั้นก็มองที่เย่มู่มู่อย่างไม่เป็นธรรมชาติ เขาไม่กล้าดูแคลนท่านเทพ!“โอเค ๆ ๆ นายไม่ใช่หนุ่มหน้าขาว มื้อนี้ใครเลี้ยง ดูท่าทางนายยังเป็นเด็กนักเรียนอยู่ใช่ไหม นายมีเงินจ่ายไหม?”ครั้นกล่าวถึงเงิน มั่วฝานก็ของขึ้นทันทีจะว่าอะไรเขาก็ได้แต่จะว่าเขาไม่มีเงินไม่ได้ไม่ว่าจะเป็นที่ต้าฉี่ หรือว่าในยุคปัจจุบัน...เขารีบล้วงโทรศัพท์ดอกเบญจมาศรุ่นใหม่ออกมา พร้อมเปิดข้อความยอดเงินคงเหลือในธนาคาร“เห็นหรือยังว่าข้าซื่อจื่อมีเงิน!”ผู้รับเหมายื่นคอออกมาชำเลืองมองทีหนึ่ง นี่ ไม่ดูก็ไม่เป็นไรทว่าเมื่อดูก็เป็นอันต้องตกตะลึง!สี่...สี่ร้อยล้านเชียว!ไม่คิดเลยว่าเจ้าหมอนี่จะเป็นทายาทเศรษฐีดูเหมือนว่าคนโง่แต่มีเงินเยอะ หลอกได้ง่ายสุด ๆ!แม้ผู้รับเหมาจะเป็นคนที่ทำมาหากินไม่ถูกต้อง แต่เขาจะ
ครั้นมั่วฝานได้ยินว่าหลูซีได้รับรางวัล ในใจก็ไม่สบอารมณ์เป็นอย่างยิ่งทว่าก็ไม่ได้เป็นเพราะอิจฉา ในบัตรของเขายังมีสี่ร้อยล้าน ไม่จำเป็นต้องอิจฉาเขาเพียงแต่...เปลี่ยนสิ่งแวดล้อมการดำเนินชีวิตใหม่ ดูสิ หลูซีเพิ่งจะสิบหก ก็จับผู้ต้องการหนีคดีได้ตั้งแต่อายุยังน้อยแล้วหาเลี้ยงตัวเองได้แล้วส่วนเขาได้แต่พึ่งการขายของมีมูลค่าที่ตัวประทังชีวิตเห็นได้ชัดว่าตนไร้ประโยชน์ขนาดนั้น!เฮ้ออารมณ์เสียชะมัด!กลุ้มใจจริง ๆ!เขาหยิบขวดเบียร์ขึ้นมา แล้วกระดกหมดในรวดเดียวในขณะนี้เอง ผู้รับเหมาก็พาเจ้าหน้าที่ฝ่ายเทคนิคมาด้วยกันเจ้าหน้าที่ฝ่ายเทคนิคร่างเล็ก ค่อนข้างผอม สีหน้าซีดเผือดราวกับไม่ได้เจอแสงแดดมานานเขาไม่ได้สวมแว่น สวมเสื้อลายสก็อตธรรมาดา ๆ พร้อมนั่งลงอย่างเหนียมอาย เมื่อเห็นว่าผู้ที่นั่งอยู่โต๊ะนี้ไม่ใช่หนุ่มหล่อทว่าเป็นสาวสวย ก็วางมือลงบนเข่าด้วยความรู้สึกอึดอัดส่วนผู้รับเหมาย้ายเก้าอี้มานั่งข้างเย่มู่มู่อย่างสนิทสนมทั้งที่รู้จักกันได้ไม่นานเขาหยิบเบียร์ขึ้นมาเองขวดหนึ่ง จากนั้นก็รินใส่จนเต็มแก้ว“คุณบอกว่านักฆ่าคนนั้นถูกจับแล้ว?”“ใช่ค่ะ เพิ่งโทรเข้ามา มีคดีฆาตกรรมติด
มั่วฝานและหลูซีต่างตาเบิกโพลง พวกเขาได้ยินอะไรกันตระกูลใหญ่โตตระกูลหนึ่งแย่งสมบัติกัน โดยใช้วิธีให้ยายเฒ่าผู้หนึ่งฆ่าตัวเอง บีบให้ท่านเทพยกเลิกการทวงหนี้ของพวกเขาพวกเขาเคยเห็นผู้ที่ไร้ยางอาย ทว่าไม่เคยเห็นผู้ที่ไร้จิตใจเช่นนี้มาก่อนพายายเฒ่าอายุเจ็ดสิบขึ้นไปยังดาดฟ้าชั้นสามสิบ ไปกระโดดฆ่าตัวตาย?แม้เบื้องล่างจะมีเบาะรองรับการกระโดดปูเอาไว้ ทว่าคนแก่คนชราแค่ล้มก็กระดูกหักได้ ไม่ต้องพูดถึงเรื่องกระโดดลงมาจากตึกสูงเช่นนี้เลยวันนี้หลูซียังนับความสูงของชั้นอย่างตั้งใจอีกด้วยเขารู้ว่าสามสิบชั้นสูงเท่าไรกันแน่ทันใดนั้นเขาก็รู้สึกว่า ในโลกของท่านเทพบ้ากันไปหมดแล้วจริง ๆ!เพื่อเงิน...บ้ากันไปหมดแล้วจริง ๆ!ในต้าฉี่ของพวกเขา แม้เงินจะสำคัญมาก ๆ ทว่าเสบียงอาหารและน้ำสำคัญยิ่งกว่ามีเงินก็ใช่ว่าจะซื้อน้ำและเสบียงอาหารได้...ฉะนั้น พวกเขาจึงไม่ยกให้เงินเป็นอันดับแรก ทว่าเสบียงอาหารและน้ำต่างหากที่เป็นอันดับแรก!มั่วฝานเองก็รู้สึกว่าคนในครอบครัวของท่านเทพ เสียสติไปแล้วเพียงเพราะเงินตอนนี้เขาเพิ่งจะรู้ว่า ที่แท้ท่านเทพเป็นเด็กกำพร้าข้างกายยังมีญาติพี่น้องชั้นหนึ่งอีกกลุ่มหนึ่ง
“เปล่านะครับ เจ้าหน้าที่ฝ่ายเทคนิคคนหนึ่งของทางเรา ได้ติดตั้งโปรแกรมไว้ในโทรศัพท์ของพวกเขา เนื้อหาที่พวกเขาคุยกันคือ จะเอาเงินจากทางฝั่งคุณยังไง วิธีที่คิดขึ้นมาเรียกได้ว่าสกปรกสุด ๆ นอกเหนือจากนี้เหมือนจะไม่มีอย่างอื่นแล้วครับ”“พวกเขาไม่ได้จ้างวานฆ่าฉันจริง ๆ เหรอคะ?”ครั้นผู้รับเหมาได้ยินดังนั้น นี่ถึงขั้นจ้างวานฆ่าแล้วเหรอ?นี่ไม่ใช่เรื่องเล็ก ๆ แล้วนะเย่มู่มู่บอกเรื่องที่เมื่อครู่เธอเกือบถูกจัดฉากให้ตายด้วยอุบัติเหตุและเรื่องที่นักฆ่ามืออาชีพถูกจับให้กับผู้รับเหมาฟังผู้รับเหมารีบก่นด่าขึ้นมา “ผมให้คนฟังเนื้อหาที่พวกเขาคุยกันทุกวัน ต้องไม่กล้าฆ่าคนแน่ ๆ วางใจได้ครับ คุณคือคนให้ที่อยู่ที่กินของเรา ใครกล้าลอบทำร้ายคุณ ก็เท่ากับจงใจหาเรื่องเรา!”“ผมจะให้เจ้าหน้าที่ฝ่ายเทคนิคส่งเนื้อหาที่ตระกูลเย่พูดคุยกันให้คุณนะครับ!”“โอเคค่ะ”เย่มู่มู่ถามขึ้นอีกว่า “ฝีมือของเจ้าหน้าที่ฝ่ายเทคนิคคนนั้นเป็นยังไงบ้างคะ?”“เขาเก่งมากครับ ไม่ได้เรียนอะไรมา แต่เรียนด้วยตัวเองทั้งนั้น เป็นแฮกเกอร์ที่เชื่อถือได้!”“งั้นคุณพาเขามาหน่อยนะคะ ทางฉันมีโทรศัพท์ที่ต้องการให้เขาแฮกเครื่องหนึ่ง ถ้าแฮก
มั่วฝานเห็นสีหน้าเย่มู่มู่ไม่สู้ดี นางเลื่อนดูทุกอย่างในโทรศัพท์ ข้อมูลที่มีประโยชน์อะไรไม่มีเลยหลูซีซ้อมคนไปยกหนึ่ง ได้ระบายความโกรธไปไม่น้อยอาหารอร่อย ๆ เต็มโตะ เขาก็กินอย่างมีความสุขน้ำเสียงที่กล่าวก็เปลี่ยนไปเยอะเช่นกัน!“คนผู้นั้นยังปากแข็ง ข้าอัดเขายกหนึ่ง เขายังหัวเราะร่า บอกว่าถ้าแน่จริงข้าก็อัดเขาให้ตายสิ...”“เขายังบอกอีกว่าข้าไม่กล้าฆ่า เพราะหากฆ่าเขา ต้องคิดถึงผลที่ตามมาด้วย!”“ฮึ เขาหลอกคนโบราณเยี่ยงข้า เมื่อวานที่สถานีตำรวจ พวกพี่สาวบอกเกร็ดความรู้แก่ข้าแล้ว ข้ายังอายุไม่ถึงสิบแปดปีเต็ม หากพลั้งมือฆ่าคนจริง ๆ ปัญหาไม่ใหญ่...”“ข้าบอกกับเขาว่า บนหลังเขาแบกชีวิตคนเอาไว้ ข้ารู้จักคนที่สถานีตำรวจไม่น้อย พี่ชายที่ใส่กุญแจมือให้ข้าเมื่อวาน เอาเบอร์โทรให้ข้าแล้ว ข้าจะโทรให้เขามาจับคน”“ข้าส่งตัวนักฆ่าให้พี่ชายผู้นั้นไปโดยตรง...”เย่มู่มู่ฟังแล้วต้องถอนหายใจ“กระถางนั่นเล่าเจ้าคิดว่าอย่างไร จะตกใส่หัวข้าหรือ?”“องศา นักฆ่าอย่างเราจะฝึกใช้อาวุธลับ มุมและองศาในการออกแรงเรามองออกในพริบตาเดียว เขามุ่งเป้ามาหาท่าน!”“กลิ่นคาวเลือดบนตัวเขาฉุนยิ่งนัก หาคนเช่นนี้บนถนนไม่พบ
“ก่อนหน้านี้เจ้าหมอนี่ชอบไปเที่ยวที่หอโคมเขียวบ่อย ๆ ไม่ใช่หรือ? ทำไมยังหน้าแดงอีกเล่า?”หลูซีมองหญิงสาวที่สวมกระโปรงสั้น เผยให้เห็นต้นขาขาวผ่องออกมา เขากล่าวอย่างกระวนกระวายว่า “ท่านเทพ ที่ต้าฉี่ไม่มีผู้ใดใส่เสื้อผ้าเช่นนี้ แม้จะเป็นขอทานก็ปิดมิดชิดทุกส่วน!”เย่มู่มู่ตอบกลับ “นั่นถือว่ายังมีจรรยาบรรณทางวิชาชีพทีเดียว”“แม้ท่านรัฐทายาทจะเป็นลูกผู้ดีมีเงิน ไปค้างคืนที่หอโคมเขียวบ่อย ๆ แต่เขาก็ไม่เคยค้างคืนกับหญิงสาวที่หอโคมเขียว...”“ฉะนั้น นี่เขายังซิงอยู่หรือ?”หลูซีไม่เข้าใจอะไรที่เรียกว่าซิง เขาเอียงศีรษะน้อย ๆ พลางครุ่นคิดแล่วเอ่ยขึ้นว่า “อืม เขาบอกว่าผู้หญิงที่หอโคมเขียวเองก็ไม่ง่าย หากเขาค้างคืนด้วย แล้วรู้ว่านี่คือคนของเขา ก็จะไม่มีขุนนางชั้นสูงและคนตระกูลชั้นสูงผู้อื่นมาซื้อ และอาจมารังแกพวกนางได้!”เย่มู่มู่อดไม่ได้ที่จะมองรัฐทายาทน้อยตรง ๆ “นับว่าเขาเป็นคนดีทีเดียว!”“แน่นอนอยู่แล้วขอรับ...เขาเองก็ปฏิบัติกับหน่วยกล้าตายไม่เลวเช่นกัน!”ทันใดนั้น หลูซีก็ยืนตัวตรงพร้อมกำดาบเหิงเตาราชวงศ์ถังในมือแน่นสีหน้าเคร่งเครียด เขาแหงนหน้าขึ้นไป สายตาของนัยน์ตาดำขลับมองไปยังที่ที่