เมื่อเห็นจางคุนจ้องมองตนด้วยสายตาไม่เป็นมิตร ฉู่เฉินก็เอ่ยปากอย่างเฉยชาว่า “ในเมื่อเขากล้าบุกมาอย่างเปิดเผยก็ต้องมีการเตรียมการไว้นานแล้ว ไม่ว่าเรื่องอะไรก็ตาม ทางที่ดีอย่าพูดให้แน่นอนเกินไป”“ไม่อย่างนั้น หมัดเท้าไม่มีตา ดาบกระบี่ไม่มีความปรานีหรอกนะครับ” “นายว่าไงนะ!” จางคุนโกรธหน้าดำหน้าแดง ถ้าเกิดบอกว่าเมื่อกี้เป็นเพียงความบังเอิญ เช่นนั้นตอนนี้ยืนยันแล้วว่าเมื่อกี้ฉู่เฉินกำลังเย้ยหยันเขา “คุณจาง ช่างเถอะค่ะ คุณฉู่ก็พูดด้วยความหวังดี” โจวเทียนเฟิ่งรีบลุกขึ้นมาไกล่เกลี่ย และส่งสัญญาณให้ฉู่เฉินว่าอย่าทำลายมิตรภาพเป็นอันขาด ฉู่เฉินส่ายหน้าอย่างจนใจ ขี้เกียจจะเข้าไปยุ่งเกี่ยวมากกว่านี้แล้วพูดตามตรง ตั้งแต่ที่พวกจินเจิ้นหลงเข้ามา ฉู่เฉินก็ทำการสังเกตพวกเขาแล้วอันที่จริงถึงแม้จางคุนผู้นี้จะมีความแข็งแกร่งอยู่ในระดับกำลังภายใน แต่รากฐานไม่แข็งแรง ขอเพียงเจอยอดฝีมือย่อมเสียเปรียบอย่างมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งคนอย่างซ่งหู่ที่มาเพื่อแก้แค้นยิ่งไม่มีทางออมมือให้ เมื่อถึงเวลานั้นมีความเป็นไปได้สูงว่าจะจบลงอย่างน่าเศร้าถ้าไม่ตายก็ต้องบาดเจ็บสาหัส ในเมื่อคนเขาไม่รับน้ำใจ ฉู่เฉินก็
เมื่อเดินมาถึงบริเวณที่ใกล้กับศาลาเจียงซิน ฉู่เฉินก็กวาดตามองไปรอบ ๆ ในพุ่มไม้ริมแม่น้ำ สามารถมองเห็นลูกน้องสำนักเทียนเฟิ่งที่สวมชุดดำถือมีดหลายสิบคนได้ราง ๆ ส่วนสองข้างทางของถนนที่อยู่ใกล้เคียงก็แทบไม่มีคนเดินผ่านเลย มีพ่อค้าเร่อยู่ไม่กี่คน พวกเขาก็เหมือนกับรู้ข่าวอะไรบางอย่าง รีบเข็นรถขายอาหารวิ่งหนีไปไกล ๆ “เจ้าสำนักโจว คุณเป็นคนจัดเตรียมคนพวกนี้เหรอครับ?” ฉู่เฉินเอ่ยถามอย่างเฉยชา โจวเทียนเฟิ่งพยักหน้าอย่างหนักแน่นและเอ่ยว่า “อื้อ” “หลายปีก่อนปล่อยให้ซ่งหู่ฉวยโอกาสตอนที่วุ่นวายหนีออกไปจากเจียงจงถึงได้ฝังรากเหง้าของเภทภัยเอาไว้ ครั้งนี้ไม่ว่ายังไงก็จะปล่อยให้เขาหนีไปไม่ได้อีกแล้ว” ฉู่เฉินยิ้มเจื่อนพลางส่ายหน้ากล่าวว่า “เจ้าสำนักโจว คุณคิดว่าการเตรียมการพวกนี้จะมีประโยชน์เหรอ?” “ในฐานะที่เป็นผู้ฝึกยุทธ์ระดับที่มีกำลังภายใน เขาจะมีความรู้สึกไวสุดขีดต่อจิตสังหารรอบ ๆ คนพวกนี้นอกจากจะทำให้เขาเพิ่มความระมัดระวังตัวแล้วก็ไม่มีประโยชน์เลยสักนิดเดียว” “นอกจากนี้ถ้าเกิดซ่งหู่ได้รับชัยชนะ อย่างมากสุดคนพวกนี้ก็เป็นแค่ตัวรับกระสุนเท่านั้น ถ้าเกิดซ่งหู่แพ้ คุณคิดว่าเขาจะมีโอ
พวกจินเจิ้นหลงเองก็สัมผัสได้ถึงจิตสังหารอย่างรุนแรงพุ่งเข้ามาเช่นกัน พวกเขาพากันมองไปยังเงาดำนั้น “เป็นซ่งหู่!” อู๋กังมองแวบเดียวก็จำคนที่เดินบนน้ำได้ ก่อนจะเอ่ยด้วยความเหลือเชื่อนิดหน่อย ตามหลักแล้วผู้ฝึกยุทธ์ที่อยู่ระดับกำลังภายในไม่มีทางเดินบนน้ำเหมือนซ่งหู่ได้เลย หรือว่าเขาจะเป็นปรมาจารย์?ไม่เพียงแต่อู๋กังที่ตกตะลึงเล็กน้อย แม้กระทั่งนัยน์ตางดงามของโจวเทียนเฟิ่งก็มีร่องรอยความหวาดกลัวพาดผ่าน “เขามาแล้ว” โจวเทียนเฟิ่งกล่าวพลางลุกขึ้นมาอย่างช้า ๆ จ้องมองซ่งหู่ที่ทะยานข้ามกลางแม่น้ำ ฉู่เฉินก็มองร่างที่อยู่ตรงข้ามเช่นกัน เขาอดไม่ได้ที่จะขมวดคิ้วและกล่าวว่า “เกรงว่าเจ้าสำนักจินจะไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเขานะ” “นายว่าไงนะ!” จางคุนได้ยินคำกล่าวก็หันหน้ามาฉับพลันแล้วจ้องฉู่เฉินด้วยความโกรธ จินเจิ้นหลงก็ขมวดคิ้วเช่นกันก่อนจะเบนสายตาเล็กน้อย ถลึงตาใส่ฉู่เฉินด้วยความไม่พอใจสุดขีด ไอ้คนปากเสียคนนี้คอยสาปแช่งเขามาตลอดตั้งแต่ที่เจอหน้ากันอีกเดี๋ยวจัดการซ่งหู่แล้ว ไม่ว่าอย่างไรก็ต้องสั่งสอนบทเรียนให้เขาสักหน่อย! ให้เขาเข้าใจว่าอะไรที่เรียกว่าไม่อาจหมิ่นเกียรติปรมาจารย์ เมื่อดู
“ฮ่า ๆๆ!” ซ่งหู่เห็นจางคุนพุ่งมาหาเขาก็แหงนหน้าหัวเราะอย่างบ้าคลั่งหลายครั้ง ก่อนจะกัดฟันกล่าวว่า “ไอ้คนรนหาที่ตาย ตายซะเถอะ!”เมื่อสิ้นเสียงพูด ซ่งหู่ก็เหวี่ยงแขนข้างหนึ่ง หมัดหนัก ๆ สังหารตรงเข้าใส่หน้าอกของจางคุน โครม! หลังจากที่เขาต่อยหมัดนี้ออกไปก็มีเสียงแหวกอากาศระเบิดขึ้นรอบ ๆ บริเวณทันที ทุกคนมองเห็นชัดเจนว่าอากาศรอบตัวซ่งหู่เกิดระลอกคลื่นซี้ด!พลังปราณน่ากลัวมาก!แม้แต่อู๋กังก็อดสูดลมหายใจเย็นยะเยือกไม่ได้ ต่อให้ความสามารถของเขาอยู่ในขั้นกำลังภายในระดับสูงสุดก็ไม่สามารถต่อยแหวกอากาศเหมือนซ่งหู่ได้ ฉู่เฉินขมวดคิ้วเล็กน้อยก่อนจะถอนหายใจเบา ๆ แล้วกล่าวว่า “บอกตั้งนานแล้วว่าเขาไม่ใช่คู่ต่อสู้ของอีกฝ่าย จะไปตายให้ได้” เมื่อได้ยินคำพูดนี้ จินเจิ้นหลงก็อดทำหน้าบึ้งตึงด้วยความโกรธไม่ได้! แต่ยังไม่ทันที่เขาจะเอ่ยปากสั่งสอนฉู่เฉินก็ได้ยินเสียงที่ดังเข้ามาอย่างชัดเจนมากต่อจากนั้น ร่างหนึ่งที่มีเลือดติดอยู่ก็ลอยออกไปเจ็ดแปดเมตร ตูม! ร่างของจางคุนกระแทกลงกับพื้นอย่างหนักหน่วงราวกับกระสุนปืนใหญ่ แม้แต่พื้นหินอ่อนก็โดนกระแทกจนเกิดรอยร้าวราวกับใยแมงมุม“พรวด!”
เมื่อสิ้นเสียงพูด จินเจิ้นหลงก็ยกฝ่ามือขึ้นมาปัดแขนของฉู่เฉินออก ก่อนจะก้าวออกมาแล้วพุ่งตรงไปหาซ่งหู่“ปรมาจารย์ฉู่ เจ้าสำนักจินไม่ใช่คู่ต่อสู้ของซ่งหู่จริง ๆ เหรอ?” โจวเทียนเฟิ่งเอ่ยถามด้วยความกังวลอยู่บ้าง ฉู่เฉินพยักหน้าเล็กน้อยแล้วกล่าวว่า “พวกเขาห่างชั้นกันมากเกินไป ไม่ได้อยู่ในระดับเดียวกันเลยครับ” เมื่อได้ยินคำพูดนี้ อู๋กังก็หันหน้าไปถลึงตาใส่ฉู่เฉินและเอ่ยว่า “พูดบ้าอะไร!” “เจ้าสำนักจินเป็นถึงท่านปรมาจารย์เชียวนะ!” “แกแม่งเข้าใจหรือเปล่าว่าระดับปรมาจารย์กับระดับกำลังภายในต่างกันมากแค่ไหน?”ไม่รู้จริง ๆ ว่าฉู่เฉินคนนี้ไปได้ความไว้วางใจจากโจวเทียนเฟิ่งมาได้อย่างไร ขอเพียงเป็นคนที่มีสามัญสำนึกสักหน่อย ไม่มีใครไม่รู้ว่าระดับกำลังภายในสิบคนรวมกันก็ไม่อาจสู้ระดับปรมาจารย์ได้แม้เพียงกระบวนท่าเดียว ไอ้ไก่อ่อนแซ่ฉู่คนนี้กลับคุยโวว่าปรมาจารย์จินเจิ้นหลงผู้ยิ่งใหญ่ไม่ใช่คู่ต่อสู้ของซ่งหู่ นี่เป็นเรื่องน่าขำที่สุดในโลกจริง ๆ “ข้อเท็จจริงเหนือกว่าคำพูด ภายในสามกระบวนท่า ต่อให้จินเจิ้นหลงไม่ตายก็ต้องบาดเจ็บสาหัสแน่นอน” ทันทีที่ฉู่เฉินกล่าวออกมา จินเจิ้นหลงที่กำลังพุ่งไปหาซ่
“นี่ก็คือหมัดพิฆาตของตระกูลจินเหรอ?”ซ่งหู่เชยตามองไปยังแขนที่จินเจิ้นหลงยกขึ้นมา ใบหน้าเผยรอยยิ้มที่แฝงไปด้วยการครุ่นคิดฉู่เฉินก็สังเกตเห็นรัศมีแสงสีขาวที่ฝ่ามือของจินเจิ้นหลงเช่นกัน เมื่อเทียบกับหมัดพิฆาตของจินอ้าวเทียน ไม่รู้ว่าจะแข็งแกร่งกว่ากี่ขั้นแต่ก็แค่นี้เท่านั้น บางทีสำหรับคนอื่น ๆ หมัดพิฆาตของตระกูลจินอาจจะรับมือยากจริง ๆ ทว่าฉู่เฉินสัมผัสได้ถึงกลิ่นอายคุ้นเคยบนตัวของซ่งหู่มาตั้งแต่แรกแล้ว ถ้าพูดให้ตรง ซ่งหู่ไม่ใช่นักสู้ระดับกำลังภายในขั้นสูง แต่เป็นผู้บำเพ็ญเพียรระดับฝึกปราณชั้นสามสำหรับผู้บำเพ็ญเพียรมาตลอดแล้ว แค่วรยุทธ์วิชาหมัดไม่มีค่าพอให้เอ่ยถึงเลย “กล้าสังหารศิษย์เอกของฉัน วันนี้แกก็อย่าหวังว่าจะรอดชีวิตออกไปจากที่นี่ได้เลย!” จินเจิ้นหลงเพิ่มแรงตรงฝ่ามือที่ฟาดใส่หน้าอกของซ่งหู่ขึ้นอีกสองส่วนขอเพียงฝ่ามือนี้ฟาดโดน ซ่งหู่ไม่ตายก็ต้องพิการ ฮ่า ๆๆ!ซ่งหู่แหงนหน้าหัวเราะเสียงดัง ก่อนจะเอ่ยอย่างเรื่อยเฉื่อยว่า “อาศัยแค่หมัดพิฆาตของแก ยังทำร้ายฉันไม่ได้หรอก” “ถ้ารู้จักเอาตัวรอด มาจากไหนก็ไสหัวกลับไปที่นั่นซะ ท่านหู่อย่างฉันจะพิจารณาไว้ชีวิตสุนัขอย่างแก ไม
ทั่วทั้งบริเวณเงียบกริบไปชั่วขณะหนึ่งทุกคนมองฉากตรงหน้าด้วยความไม่อยากจะเชื่อคิดไม่ถึงว่าจินเจิ้นหลง เจ้าสำนักจินที่มีชื่อเสียงเกรียงไกรในเจียงเฉิงจะพ่ายแพ้แล้ว“หมัดพิฆาต? ฮ่า ๆๆ...” ซ่งหู่เอามือข้างหนึ่งไพล่หลัง ยืนอย่างเย่อหยิ่ง กวาดมองจินเจิ้นหลงที่นอนบาดเจ็บสาหัสอยู่บนพื้นด้วยสายตาดูแคลนแวบหนึ่งแล้วแหงนหน้าหัวเราะเสียงดัง“อาจารย์!” ลูกศิษย์อีกคนของจินเจิ้นหลงพุ่งปราดออกมา ก่อนจะรีบประคองจินเจิ้นหลงไว้“อาจารย์ อาจารย์ไม่เป็นไรใช่ไหมครับ?” จินเจิ้นหลงเช็ดเลือดที่มุมปาก เขายกแขนขึ้นอย่างยากลำบาก ชี้ไปยังซ่งหู่ที่มีท่าทางทะนงองอาจแล้วเอ่ยปากอย่างยากลำบากว่า “แก...” “แกเป็น...แกเป็นผู้บำเพ็ญเพียร...” ว่าไงนะ? เมื่อได้ยินคำพูดนี้ ทุกคนในที่แห่งนี้ต่างก็ตกตะลึงโดยสิ้นเชิงผู้บำเพ็ญเพียร? ซ่งหู่คือผู้บำเพ็ญเพียรในตำนานเหรอ? นักสู้ในโลกนี้ก็หายากแล้ว แต่ผู้บำเพ็ญเพียรเป็นตัวตนที่มีบันทึกไว้แค่ในตำราเท่านั้นเวลานี้แม้แต่อู๋กังก็ตกใจกลัวจนหน้าซีดเผือด ไม่แปลกใจเลยที่ซ่งหู่มีความมั่นใจสูงจนไม่รู้สึกกลัว ต่อให้เผชิญหน้ากับปรมาจารย์ก็กล้าต่อสู้อย่างเต็มที่ ตอนนี
“เสียวหู่...”ไม่ว่าอย่างไรโจวเทียนเฟิ่งก็คิดไม่ถึงว่าจงอาหู่ที่ปกติดูอ่อนน้อมว่าง่ายจะกล้าออกมายืดอกสู้ในเวลานี้ “อาเจ๊ เจ๊กับปรมาจารย์ฉู่ระ...รีบหนีไปเร็วเข้า! ผะ...ผมยะ...ยังขวางเขาได้อีกสักพัก” ขณะที่จงอาหู่พูด เสื้อเชิ้ตสีขาวบนตัวก็เปียกชุ่มไปด้วยเหงื่อเย็น ๆ แล้วเขาเป็นแค่คนธรรมดา ถึงขนาดที่ไม่ว่าลูกน้องคนไหนในหอเทียนเฟิ่งก็สามารถซ้อมเขาจนหน้าบวมช้ำได้หมด แต่หลายปีที่ผ่านมา อาเจ๊ปฏิบัติต่อเขาเป็นอย่างดีต่อให้หอเทียนเฟิ่งไม่อาจกลับมายิ่งใหญ่ได้อีก โจวเทียนเฟิ่งต้องออกไปอยู่ต่างถิ่น แต่ว่าเขายังคงเข้าใจหลักการบุญคุณเท่าหยดน้ำต้องตอบแทนดุจสายธาร วันนี้ถึงต้องตาย เขาก็จะปล่อยให้ซ่งหู่ก้าวออกมาข้างหน้าอีกก้าวไม่ได้เป็นอันขาดนอกเสียจากว่าซ่งหู่จะก้าวข้ามศพของเขาไปแทน! เมื่อเห็นจงอาหู่ตกใจกลัวจนตัวสั่นอย่างชัดเจน ทว่าแววตากลับดูเด็ดเดี่ยวมุ่งมั่นอย่างผิดปกติ ซ่งหู่ก็อดเผยรอยยิ้มครุ่นคิดออกมาไม่ได้ เขาค่อย ๆ เบนสายตามองไปทางโจวเทียนเฟิ่งกับฉู่เฉินแล้วหัวเราะเสียงเหี้ยมก่อนเอ่ยว่า “โจวเทียนเฟิ่ง มอบสำนักเฟิ่งมาแล้วฆ่าตัวตายต่อหน้าหลุมศพของลูกเมียฉัน ฉันจะให้แกมีสภาพศ