ฉู่เฉินดื่มน้ำชาหนึ่งอึกแล้วเอ่ยอย่างเฉยชาว่า “ขอโทษด้วยนะครับ คุณยังไม่คู่ควรพอที่จะรู้ชื่อของท่านอาจารย์”นี่ไม่ใช่ว่าฉู่เฉินตั้งใจดูหมิ่นจินเจิ้นหลง แต่ว่าปรมาจารย์ตัวเล็ก ๆ อย่างเขายังไม่มีคุณสมบัติพอที่จะรู้นามอันยิ่งใหญ่ของราชันมังกรแห่งแดนเหนือจริง ๆ เพียงแต่ว่าคนรอบข้างกลับไม่คิดเช่นนี้ ในความคิดของพวกเขา ฉู่เฉินรนหาที่ตายเสียแล้วถึงแม้ว่าจินเจิ้นหลงเรียกนายว่าปรมาจารย์ แต่นายคิดว่าตัวเองเป็นปรมาจารย์ระดับเดียวกับเขาจริง ๆ เหรอ? หากนี่ไม่ใช่การรนหาที่ตายแล้วเป็นอะไร? จินเจิ้นหลงหรี่ตา เขากัดฟันมองฉู่เฉินอย่างละเอียดแล้วกล่าวว่า “เหอะ ถึงแม้คนหนุ่มสาวต้องการแสดงความสามารถ แต่บางครั้งแสดงออกมากเกินกลับทำให้อายุสั้นลงได้นะ”อู๋กังก็แค่นเสียงเย็นเช่นกันแล้วเอ่ยกับฉู่เฉินด้วยสีหน้าดูแคลนว่า “คนแซ่ฉู่ นายรู้ไหมว่าคนที่อยู่ตรงหน้านายคือใคร? เขาคือยอดฝีมือระดับปรมาจารย์ของเจียงจงเรานะ!” “ถ้าเกิดไม่ใช่เพราะเจ้าสำนักจินไม่อยากลดตัวมาคิดเล็กคิดน้อยกับคนไร้ชื่อเสียงเรียงนามอย่างนาย ตอนนี้หญ้าบนหลุมฝังศพของนายคงสูงสองฟุตไปแล้ว!”“ยังไม่รีบขอโทษเจ้าสำนักจินอีก!” ลูกศิษย์สองค
เมื่อเห็นจางคุนจ้องมองตนด้วยสายตาไม่เป็นมิตร ฉู่เฉินก็เอ่ยปากอย่างเฉยชาว่า “ในเมื่อเขากล้าบุกมาอย่างเปิดเผยก็ต้องมีการเตรียมการไว้นานแล้ว ไม่ว่าเรื่องอะไรก็ตาม ทางที่ดีอย่าพูดให้แน่นอนเกินไป”“ไม่อย่างนั้น หมัดเท้าไม่มีตา ดาบกระบี่ไม่มีความปรานีหรอกนะครับ” “นายว่าไงนะ!” จางคุนโกรธหน้าดำหน้าแดง ถ้าเกิดบอกว่าเมื่อกี้เป็นเพียงความบังเอิญ เช่นนั้นตอนนี้ยืนยันแล้วว่าเมื่อกี้ฉู่เฉินกำลังเย้ยหยันเขา “คุณจาง ช่างเถอะค่ะ คุณฉู่ก็พูดด้วยความหวังดี” โจวเทียนเฟิ่งรีบลุกขึ้นมาไกล่เกลี่ย และส่งสัญญาณให้ฉู่เฉินว่าอย่าทำลายมิตรภาพเป็นอันขาด ฉู่เฉินส่ายหน้าอย่างจนใจ ขี้เกียจจะเข้าไปยุ่งเกี่ยวมากกว่านี้แล้วพูดตามตรง ตั้งแต่ที่พวกจินเจิ้นหลงเข้ามา ฉู่เฉินก็ทำการสังเกตพวกเขาแล้วอันที่จริงถึงแม้จางคุนผู้นี้จะมีความแข็งแกร่งอยู่ในระดับกำลังภายใน แต่รากฐานไม่แข็งแรง ขอเพียงเจอยอดฝีมือย่อมเสียเปรียบอย่างมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งคนอย่างซ่งหู่ที่มาเพื่อแก้แค้นยิ่งไม่มีทางออมมือให้ เมื่อถึงเวลานั้นมีความเป็นไปได้สูงว่าจะจบลงอย่างน่าเศร้าถ้าไม่ตายก็ต้องบาดเจ็บสาหัส ในเมื่อคนเขาไม่รับน้ำใจ ฉู่เฉินก็
เมื่อเดินมาถึงบริเวณที่ใกล้กับศาลาเจียงซิน ฉู่เฉินก็กวาดตามองไปรอบ ๆ ในพุ่มไม้ริมแม่น้ำ สามารถมองเห็นลูกน้องสำนักเทียนเฟิ่งที่สวมชุดดำถือมีดหลายสิบคนได้ราง ๆ ส่วนสองข้างทางของถนนที่อยู่ใกล้เคียงก็แทบไม่มีคนเดินผ่านเลย มีพ่อค้าเร่อยู่ไม่กี่คน พวกเขาก็เหมือนกับรู้ข่าวอะไรบางอย่าง รีบเข็นรถขายอาหารวิ่งหนีไปไกล ๆ “เจ้าสำนักโจว คุณเป็นคนจัดเตรียมคนพวกนี้เหรอครับ?” ฉู่เฉินเอ่ยถามอย่างเฉยชา โจวเทียนเฟิ่งพยักหน้าอย่างหนักแน่นและเอ่ยว่า “อื้อ” “หลายปีก่อนปล่อยให้ซ่งหู่ฉวยโอกาสตอนที่วุ่นวายหนีออกไปจากเจียงจงถึงได้ฝังรากเหง้าของเภทภัยเอาไว้ ครั้งนี้ไม่ว่ายังไงก็จะปล่อยให้เขาหนีไปไม่ได้อีกแล้ว” ฉู่เฉินยิ้มเจื่อนพลางส่ายหน้ากล่าวว่า “เจ้าสำนักโจว คุณคิดว่าการเตรียมการพวกนี้จะมีประโยชน์เหรอ?” “ในฐานะที่เป็นผู้ฝึกยุทธ์ระดับที่มีกำลังภายใน เขาจะมีความรู้สึกไวสุดขีดต่อจิตสังหารรอบ ๆ คนพวกนี้นอกจากจะทำให้เขาเพิ่มความระมัดระวังตัวแล้วก็ไม่มีประโยชน์เลยสักนิดเดียว” “นอกจากนี้ถ้าเกิดซ่งหู่ได้รับชัยชนะ อย่างมากสุดคนพวกนี้ก็เป็นแค่ตัวรับกระสุนเท่านั้น ถ้าเกิดซ่งหู่แพ้ คุณคิดว่าเขาจะมีโอ
พวกจินเจิ้นหลงเองก็สัมผัสได้ถึงจิตสังหารอย่างรุนแรงพุ่งเข้ามาเช่นกัน พวกเขาพากันมองไปยังเงาดำนั้น “เป็นซ่งหู่!” อู๋กังมองแวบเดียวก็จำคนที่เดินบนน้ำได้ ก่อนจะเอ่ยด้วยความเหลือเชื่อนิดหน่อย ตามหลักแล้วผู้ฝึกยุทธ์ที่อยู่ระดับกำลังภายในไม่มีทางเดินบนน้ำเหมือนซ่งหู่ได้เลย หรือว่าเขาจะเป็นปรมาจารย์?ไม่เพียงแต่อู๋กังที่ตกตะลึงเล็กน้อย แม้กระทั่งนัยน์ตางดงามของโจวเทียนเฟิ่งก็มีร่องรอยความหวาดกลัวพาดผ่าน “เขามาแล้ว” โจวเทียนเฟิ่งกล่าวพลางลุกขึ้นมาอย่างช้า ๆ จ้องมองซ่งหู่ที่ทะยานข้ามกลางแม่น้ำ ฉู่เฉินก็มองร่างที่อยู่ตรงข้ามเช่นกัน เขาอดไม่ได้ที่จะขมวดคิ้วและกล่าวว่า “เกรงว่าเจ้าสำนักจินจะไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเขานะ” “นายว่าไงนะ!” จางคุนได้ยินคำกล่าวก็หันหน้ามาฉับพลันแล้วจ้องฉู่เฉินด้วยความโกรธ จินเจิ้นหลงก็ขมวดคิ้วเช่นกันก่อนจะเบนสายตาเล็กน้อย ถลึงตาใส่ฉู่เฉินด้วยความไม่พอใจสุดขีด ไอ้คนปากเสียคนนี้คอยสาปแช่งเขามาตลอดตั้งแต่ที่เจอหน้ากันอีกเดี๋ยวจัดการซ่งหู่แล้ว ไม่ว่าอย่างไรก็ต้องสั่งสอนบทเรียนให้เขาสักหน่อย! ให้เขาเข้าใจว่าอะไรที่เรียกว่าไม่อาจหมิ่นเกียรติปรมาจารย์ เมื่อดู
“ฮ่า ๆๆ!” ซ่งหู่เห็นจางคุนพุ่งมาหาเขาก็แหงนหน้าหัวเราะอย่างบ้าคลั่งหลายครั้ง ก่อนจะกัดฟันกล่าวว่า “ไอ้คนรนหาที่ตาย ตายซะเถอะ!”เมื่อสิ้นเสียงพูด ซ่งหู่ก็เหวี่ยงแขนข้างหนึ่ง หมัดหนัก ๆ สังหารตรงเข้าใส่หน้าอกของจางคุน โครม! หลังจากที่เขาต่อยหมัดนี้ออกไปก็มีเสียงแหวกอากาศระเบิดขึ้นรอบ ๆ บริเวณทันที ทุกคนมองเห็นชัดเจนว่าอากาศรอบตัวซ่งหู่เกิดระลอกคลื่นซี้ด!พลังปราณน่ากลัวมาก!แม้แต่อู๋กังก็อดสูดลมหายใจเย็นยะเยือกไม่ได้ ต่อให้ความสามารถของเขาอยู่ในขั้นกำลังภายในระดับสูงสุดก็ไม่สามารถต่อยแหวกอากาศเหมือนซ่งหู่ได้ ฉู่เฉินขมวดคิ้วเล็กน้อยก่อนจะถอนหายใจเบา ๆ แล้วกล่าวว่า “บอกตั้งนานแล้วว่าเขาไม่ใช่คู่ต่อสู้ของอีกฝ่าย จะไปตายให้ได้” เมื่อได้ยินคำพูดนี้ จินเจิ้นหลงก็อดทำหน้าบึ้งตึงด้วยความโกรธไม่ได้! แต่ยังไม่ทันที่เขาจะเอ่ยปากสั่งสอนฉู่เฉินก็ได้ยินเสียงที่ดังเข้ามาอย่างชัดเจนมากต่อจากนั้น ร่างหนึ่งที่มีเลือดติดอยู่ก็ลอยออกไปเจ็ดแปดเมตร ตูม! ร่างของจางคุนกระแทกลงกับพื้นอย่างหนักหน่วงราวกับกระสุนปืนใหญ่ แม้แต่พื้นหินอ่อนก็โดนกระแทกจนเกิดรอยร้าวราวกับใยแมงมุม“พรวด!”
เมื่อสิ้นเสียงพูด จินเจิ้นหลงก็ยกฝ่ามือขึ้นมาปัดแขนของฉู่เฉินออก ก่อนจะก้าวออกมาแล้วพุ่งตรงไปหาซ่งหู่“ปรมาจารย์ฉู่ เจ้าสำนักจินไม่ใช่คู่ต่อสู้ของซ่งหู่จริง ๆ เหรอ?” โจวเทียนเฟิ่งเอ่ยถามด้วยความกังวลอยู่บ้าง ฉู่เฉินพยักหน้าเล็กน้อยแล้วกล่าวว่า “พวกเขาห่างชั้นกันมากเกินไป ไม่ได้อยู่ในระดับเดียวกันเลยครับ” เมื่อได้ยินคำพูดนี้ อู๋กังก็หันหน้าไปถลึงตาใส่ฉู่เฉินและเอ่ยว่า “พูดบ้าอะไร!” “เจ้าสำนักจินเป็นถึงท่านปรมาจารย์เชียวนะ!” “แกแม่งเข้าใจหรือเปล่าว่าระดับปรมาจารย์กับระดับกำลังภายในต่างกันมากแค่ไหน?”ไม่รู้จริง ๆ ว่าฉู่เฉินคนนี้ไปได้ความไว้วางใจจากโจวเทียนเฟิ่งมาได้อย่างไร ขอเพียงเป็นคนที่มีสามัญสำนึกสักหน่อย ไม่มีใครไม่รู้ว่าระดับกำลังภายในสิบคนรวมกันก็ไม่อาจสู้ระดับปรมาจารย์ได้แม้เพียงกระบวนท่าเดียว ไอ้ไก่อ่อนแซ่ฉู่คนนี้กลับคุยโวว่าปรมาจารย์จินเจิ้นหลงผู้ยิ่งใหญ่ไม่ใช่คู่ต่อสู้ของซ่งหู่ นี่เป็นเรื่องน่าขำที่สุดในโลกจริง ๆ “ข้อเท็จจริงเหนือกว่าคำพูด ภายในสามกระบวนท่า ต่อให้จินเจิ้นหลงไม่ตายก็ต้องบาดเจ็บสาหัสแน่นอน” ทันทีที่ฉู่เฉินกล่าวออกมา จินเจิ้นหลงที่กำลังพุ่งไปหาซ่
“นี่ก็คือหมัดพิฆาตของตระกูลจินเหรอ?”ซ่งหู่เชยตามองไปยังแขนที่จินเจิ้นหลงยกขึ้นมา ใบหน้าเผยรอยยิ้มที่แฝงไปด้วยการครุ่นคิดฉู่เฉินก็สังเกตเห็นรัศมีแสงสีขาวที่ฝ่ามือของจินเจิ้นหลงเช่นกัน เมื่อเทียบกับหมัดพิฆาตของจินอ้าวเทียน ไม่รู้ว่าจะแข็งแกร่งกว่ากี่ขั้นแต่ก็แค่นี้เท่านั้น บางทีสำหรับคนอื่น ๆ หมัดพิฆาตของตระกูลจินอาจจะรับมือยากจริง ๆ ทว่าฉู่เฉินสัมผัสได้ถึงกลิ่นอายคุ้นเคยบนตัวของซ่งหู่มาตั้งแต่แรกแล้ว ถ้าพูดให้ตรง ซ่งหู่ไม่ใช่นักสู้ระดับกำลังภายในขั้นสูง แต่เป็นผู้บำเพ็ญเพียรระดับฝึกปราณชั้นสามสำหรับผู้บำเพ็ญเพียรมาตลอดแล้ว แค่วรยุทธ์วิชาหมัดไม่มีค่าพอให้เอ่ยถึงเลย “กล้าสังหารศิษย์เอกของฉัน วันนี้แกก็อย่าหวังว่าจะรอดชีวิตออกไปจากที่นี่ได้เลย!” จินเจิ้นหลงเพิ่มแรงตรงฝ่ามือที่ฟาดใส่หน้าอกของซ่งหู่ขึ้นอีกสองส่วนขอเพียงฝ่ามือนี้ฟาดโดน ซ่งหู่ไม่ตายก็ต้องพิการ ฮ่า ๆๆ!ซ่งหู่แหงนหน้าหัวเราะเสียงดัง ก่อนจะเอ่ยอย่างเรื่อยเฉื่อยว่า “อาศัยแค่หมัดพิฆาตของแก ยังทำร้ายฉันไม่ได้หรอก” “ถ้ารู้จักเอาตัวรอด มาจากไหนก็ไสหัวกลับไปที่นั่นซะ ท่านหู่อย่างฉันจะพิจารณาไว้ชีวิตสุนัขอย่างแก ไม
ทั่วทั้งบริเวณเงียบกริบไปชั่วขณะหนึ่งทุกคนมองฉากตรงหน้าด้วยความไม่อยากจะเชื่อคิดไม่ถึงว่าจินเจิ้นหลง เจ้าสำนักจินที่มีชื่อเสียงเกรียงไกรในเจียงเฉิงจะพ่ายแพ้แล้ว“หมัดพิฆาต? ฮ่า ๆๆ...” ซ่งหู่เอามือข้างหนึ่งไพล่หลัง ยืนอย่างเย่อหยิ่ง กวาดมองจินเจิ้นหลงที่นอนบาดเจ็บสาหัสอยู่บนพื้นด้วยสายตาดูแคลนแวบหนึ่งแล้วแหงนหน้าหัวเราะเสียงดัง“อาจารย์!” ลูกศิษย์อีกคนของจินเจิ้นหลงพุ่งปราดออกมา ก่อนจะรีบประคองจินเจิ้นหลงไว้“อาจารย์ อาจารย์ไม่เป็นไรใช่ไหมครับ?” จินเจิ้นหลงเช็ดเลือดที่มุมปาก เขายกแขนขึ้นอย่างยากลำบาก ชี้ไปยังซ่งหู่ที่มีท่าทางทะนงองอาจแล้วเอ่ยปากอย่างยากลำบากว่า “แก...” “แกเป็น...แกเป็นผู้บำเพ็ญเพียร...” ว่าไงนะ? เมื่อได้ยินคำพูดนี้ ทุกคนในที่แห่งนี้ต่างก็ตกตะลึงโดยสิ้นเชิงผู้บำเพ็ญเพียร? ซ่งหู่คือผู้บำเพ็ญเพียรในตำนานเหรอ? นักสู้ในโลกนี้ก็หายากแล้ว แต่ผู้บำเพ็ญเพียรเป็นตัวตนที่มีบันทึกไว้แค่ในตำราเท่านั้นเวลานี้แม้แต่อู๋กังก็ตกใจกลัวจนหน้าซีดเผือด ไม่แปลกใจเลยที่ซ่งหู่มีความมั่นใจสูงจนไม่รู้สึกกลัว ต่อให้เผชิญหน้ากับปรมาจารย์ก็กล้าต่อสู้อย่างเต็มที่ ตอนนี
นี่มันเป็นไปได้ยังไงกัน?หรือว่าฉู่เฉินจะหลอมยาเป็นจริง ๆ?เมื่อคิดถึงการกระทำของเธอมีความเป็นไปได้สูงยิ่งว่าจะทำให้ฉู่ซื่อกรุ๊ปเดือดร้อน ถึงขนาดที่ยังโดนสังคมประณาม หลิ่วหรูเยียนก็รีบผลักเจียงถิงออกแล้วหันตัวกำลังจะคิดหนีไป แต่เสียงเย็นชาของฉู่เฉินดังมาจากข้างหลังว่า “ผู้จัดการใหญ่หลิ่ว รบกวนหยุดก่อน!”หลิ่วหรูเยียนตัวสั่นเล็กน้อย เผลอหยุดฝีเท้าตามจิตใต้สำนึก ก่อนจะหันตัวกลับมาฉับพลันแล้วพูดว่า “ฉู่เฉิน กะ...แกยังจะเอายังไงอีก?” “มะ...เมื่อกี้ฉันแค่สงสัยแก ละ...และก็เพื่อความรอบคอบทางการแพทย์ มันผิดตรงไหนเหรอ?” ฉู่เฉินหัวเราะหยันสองครั้ง มองหลิ่วหรูเยียนอย่างพินิจพิเคราะห์แล้วเอ่ยว่า “เธอว่านั่นเรียกว่าความรอบคอบเหรอ? ดูเหมือนยังมีอีกคำนะ เรียกว่าการใส่ร้ายต่อหน้าผู้คนใช่ไหม”“ถ้าเกิดฉันจำไม่ผิด เมื่อหนึ่งเดือนก่อน เธอเคยพูดกับปากเองต่อหน้าแฟนคลับนับล้านว่าถ้าเกิดฉันชนะการแข่งขันในการแข่งขันแพทย์แผนจีน เธอก็จะคุกเข่าโขกหัวขอโทษ”“ไม่รู้ว่าตอนนี้นับว่าฉันชนะแล้วหรือยัง?” เมื่อสิ้นเสียงพูด ฉู่เฉินก็ค่อย ๆ เงยหน้าขึ้นมองไปทางฮว่าจิ่วหยาง “คุณฉู่พูดล้อเล่นแล้ว วิชาแพทย์ของคุณ
“หรูเยียน ลูกพูดเหลวไหลอะไร! รีบนั่งลงเร็วเข้า!”ไม่ว่าอย่างไรหลิ่วชิงเหอก็คิดไม่ถึงว่าหลิ่วหรูเยียนจะสูญเสียการควบคุมอารมณ์ในเวลานี้ เลยรีบดึงแขนของหลิ่วหรูเยียนไว้“หนูไม่ได้พูดเหลวไหลเลยนะ!” หลิ่วหรูเยียนสะบัดมือของหลิ่วชิงเหอออก ก่อนจะเดินลงจากที่นั่งแขกกิตติมศักดิ์ อย่างรวดเร็ว เจียงถิงมองหลิ่วหรูเยียนที่พุ่งขึ้นมาบนเวที แล้วขมวดคิ้วเอ่ยด้วยสีหน้าไม่เป็นมิตรนิดหน่อยว่า “คุณผู้หญิงท่านนี้ ฉันหวังว่าคุณจะรับผิดชอบต่อคำพูดเมื่อกี้ของคุณได้นะคะ” “การใส่ร้ายคนอื่นต่อหน้าผู้คนเป็นความผิดทางกฎหมายนะคะ!” หลิ่วหรูเยียนแค่นเสียงเย็น แย่งไมโครโฟนมาแล้วเอานิ้วชี้ไปที่ฉู่เฉิน ก่อนจะพูดกับผู้ชมกว่าหมื่นคนด้านล่างเวทีว่า “ฉันพิสูจน์ได้ว่าฉู่เฉินคนนี้เป็นแค่นักต้มตุ๋นที่ไม่มีความรู้ความสามารถ!”“พวกคุณอย่าโดนรูปลักษณ์ภายนอกปลอม ๆ ของเขาหลอกลวงเด็ดขาดนะคะ!”“เขาไม่เพียงไม่มีวิชาแพทย์อะไรทั้งนั้น แม้แต่สามีภรรยาเมื่อครู่นี้จะต้องเป็นหน้าม้าที่เขาจ่ายเงินจ้างมาแน่นอน!”หลังจากที่สิ้นเสียงตะโกนของเธอ ทุกคนก็หันไปมองสามีภรรยาหนุ่มสาวที่กำลังอุ้มลูกเมื่อครู่นี้อีกครั้ง“พวกเราไม่รู้จักคุณ
“ตึกตัก! ตึกตัก!”ฮว่าจิ่วหยางรู้สึกว่าหัวใจของตัวเองใกล้จะกระโดดมาถึงลำคอแล้ว ถ้าเกิดเด็กชายตัวน้อยเอ่ยปากพูดจริง ๆ เช่นนั้นยาบำรุงสวรรค์ตัวนี้ก็จะโด่งดังไปทั่วอินเทอร์เน็ตในพริบตาฉู่เฉินก็จะกลายเป็นดาวเด่นของทั้งวงการแพทย์นี่ไม่ใช่การสร้างปาฏิหาริย์แล้ว แต่เป็นการท้าทายชะตากรรมชะตากรรมของผู้พิการทางการได้ยินและการพูดย่อมแตกต่างจากคนปกติโดยสิ้นเชิง ในขณะที่ทุกคนกลั้นหายใจเพ่งสมาธิ เด็กชายตัวน้อยค่อย ๆ อ้าปากเล็ก ร้องเรียกเบา ๆว่า “บอ” “ระ...เรียกพ่อ”เมื่อชายหนุ่มได้ยินเสียงที่ไม่ได้มาตรฐานนั้นก็ตื่นเต้นจนน้ำตาร้อน ๆ เอ่อคลอดวงตา แม้แต่ร่างกายก็สั่นเทิ้มไม่หยุด ส่วนบรรยากาศในงานก็ตื่นเต้นถึงที่สุด เสียงที่ไม่ได้มาตรฐานนั้นไม่อาจถือได้ว่าฉู่เฉินประสบความสำเร็จแล้ว อย่างมากก็เป็นเพียงการพูดอ้อแอ้ หรือว่าเสียงจากการครางเท่านั้น“เรียกสิ เรียกพ่อ!” ภายใต้การกระตุ้นครั้งแล้วครั้งเล่าของชายหนุ่ม เด็กชายตัวน้อยอ้าปากเล็ก ๆ อีกครั้งก่อนจะพูดว่า “พะ...อา พอ...พ่อ”เสียงที่ชัดเจนดังออกมาเป็นรอบที่สอง ทั่วทั้งงานและแพลตฟอร์มต่าง ๆ ทั่วทั้งอินเทอร์เน็ตแทบจะเดือดพล่านพร้อมกั
เชี่ย!ฮว่าเทียนอวี่ที่นั่งข้างหลังฮว่าจิ่วหยางอดสบถคำหยาบไม่ได้จากนั้นก็เห็นเพียงเตาหลอมโอสถในมือฉู่เฉินพลันเปล่งแสงสีแดงฉานออกมา ก่อนที่กลิ่นหอมของยาที่สดชื่นผ่อนคลายจะอบอวลไปทั่วทั้งสนามกีฬาระดับสวรรค์!ถึงแม้พวกฮว่าจิ่วหยางไม่เชี่ยวชาญด้านการหลอมยา แต่ว่ายังคงแยกแยะระดับได้ชัดเจนมาก แม้ว่าตัวยาเม็ดนี้หลอมขึ้นจากสูตรยาระดับล่างเท่านั้น แต่เมื่อมันไปถึงระดับสวรรค์ขึ้นไปก็ล้ำค่าจนประเมินค่าไม่ได้เช่นเดียวกัน! อย่างไรเสียสูตรยาเป็นตัวกำหนดคุณสมบัติและทิศทางการรักษาของยา แต่ความสามารถของนักหลอมโอสถเป็นตัวกำหนดระดับของตัวยา แม้ว่าจะเป็นสูตรยาระดับดิน ถ้าเกิดออกมาเป็นยาวิเศษระดับสวรรค์ได้ นั่นก็น่ากลัวมากนี่ก็เปรียบเหมือนกับว่าหากใช้สูตรยาหกตำรับบำรุงไตหลอมเป็นยาวิเศษระดับสวรรค์ ยาหกตำรับบำรุงไตหนึ่งเม็ดนี้สามารถขายได้ถึงหลายพันล้าน และยาในมือฉู่เฉินเม็ดนี้ คุณสมบัติกับการรักษาหลักยังไม่ชัดเจน หรือพูดอีกอย่างก็คือมีความเป็นไปได้สูงว่านี่เป็นยาระดับสวรรค์ที่ประเมินค่าไม่ได้ รวย!รวยเละแล้ว!พวกฮว่าจิ่วหยางรู้สึกอิจฉาฉู่เฉินไม่หยุด ไม่แน่ว่าฉู่เฉินอาศัยยาวิเศษระดับสวร
“พวกนายรีบดูสิ นั่นมันอะไรน่ะ?”“เชี่ย นั่นเหมือน...เหมือนก้อนเมฆเลย?” “นี่แม่งไม่สมเหตุสมผลเลย ขะ...เขาจะมีก้อนเมฆอยู่ในมือได้ยังไง?” แม้แต่เจียงถิง เวลานี้ก็สังเกตเห็นแล้วเหมือนกันว่ามีก้อนเมฆขนาดเท่าฝ่ามือค่อย ๆ ก่อตัวขึ้นเหนือเตาหลอมโอสถของฉู่เฉินนอกจากนี้ด้านในยังมีสายฟ้าที่มองเห็นได้ด้วยตาเปล่า!ซี้ด!พวกฮว่าจิ่วหยางที่อยู่บนที่นั่งกรรมการก็มองไปทางฉู่เฉินอย่างไม่อยากจะเชื่อหรือว่านั่นก็คือเคราะห์โอสถในตำนาน?เล่ากันว่า มีเพียงโอสถที่ไปถึงระดับท้าทายสวรรค์ถึงจะเกิดเคราะห์โอสถขึ้นมาในขณะกำลังหลอมยาเสร็จแม้แต่หลี่จวิ้นเฟิงก็มองฉู่เฉินอย่างไม่อยากจะเชื่อเล็กน้อย นั่นมันเคราะห์โอสถเชียวนะ! เพียงแต่ว่าแม้กระทั่งผู้อาวุโสของสำนักหมอก็หลอมโอสถชั้นเลิศที่สามารถผ่านเคราะห์โอสถออกมาไม่ได้เลย ฉู่เฉินเขาทำได้อย่างไร? เป็นไปไม่ได้!จะต้องประสาทหลอนแน่ ๆ! “เลิกหลอกลวงอยู่ตรงนั้นได้แล้ว!”หลี่จวิ้นเฟิงกลืนน้ำลายหนัก ๆ ตะคอกเสียงดังลั่นขึ้นมาฉับพลัน ก่อนจะยกเท้าข้างหนึ่งเตะไปที่เตาหลอมโอสถในมือฉู่เฉินไม่ว่าจะเป็นจริงหรือไม่ เขาต้องหยุดยั้งไม่ให้ฉู่เฉินหลอมยาได้สำเร็จ!แ
“ติ๊ง!”เวลานี้เอง ภายในสนามกีฬาเจียงจง หลี่จวิ้นเฟิงที่กำลังหลับตาพักผ่อนพลันได้ยินเสียงใสกังวานดังขึ้นข้างหูสำเร็จแล้ว!หลี่จวิ้นเฟิงลืมตาขึ้นฉับพลัน ท่าทางดูล้ำลึกจนยากจะคาดเดา เขายกเตาหลอมโอสถบนพื้นขึ้นมาด้วยมือข้างเดียว แล้วเอ่ยปากพูดอย่างภาคภูมิใจว่า “ยาเทวดาสำเร็จแล้ว สามารถทดสอบผลลัพธ์ได้ทันที!”เมื่อสิ้นเสียงพูด หลี่จวิ้นเฟิงก็เปิดฝาเตาหลอมโอสถ ยาสีดำสามเม็ดกลิ้งจากเตาหลอมโอสถมาที่มือของหลี่จวิ้นเฟิงไม่นาน เจ้าหน้าที่ก็เลือกผู้โชคดีสามคนจากที่นั่งผู้ชมด้านล่างเวที ทั้งสามคนล้วนเป็นผู้สูงวัยอายุเกิดหกสิบปี นอกจากนี้ยังมีคนหนึ่งถือผลตรวจสุขภาพจากโรงพยาบาล ป่วยเป็นโรคระบบหัวใจหลอดเลือดอย่างรุนแรง ใส่ขดลวดหัวใจไว้ในร่างกายสามอันแล้วหลี่จวิ้นเฟิงส่งยาในมือให้คนผู้นั้นหนึ่งเม็ดทันที แล้วยื่นน้ำแร่ไปให้อีกหนึ่งขวดผู้สูงอายุทั้งสามคนกินยาของหลี่จวิ้นเฟิงลงไปแล้ว อาการป่วยก็ดีขึ้นมากจริง ๆ ถึงขนาดที่ผู้ป่วยอาการหนักที่สุดคนนั้น จากเดิมที่ถูกลูกชายลูกสาวประคองขึ้นเวที แต่หลังจากกินยาเข้าไปก็ยืดตัวตรง เดินลงจากเวทีด้วยตัวเอง เมื่อเห็นฉากนี้ หลายคนที่ก่อนหน้านี้วิพากษ์วิ
แต่ยาลูกกลอนที่กระถางยาของเขาหลอมออกมาได้ก็สาเหตุมาจากยันต์อักขระเหล่านั้น ราวกับผลิตออกมาจากสายการผลิตไม่ว่าจะเป็นคุณสมบัติหรือคุณภาพของยาที่หลอมสำเสร็จ เทียบไม่ได้กับกระถางยาทองคำม่วงที่อยู่ในมือของฉู่เฉินแม้แต่น้อยหลี่จวิ้นเฟิงอดหัวเราะขำขันออกมาไม่ได้หลังจากเห็นกระถางยาที่ขึ้นสนิมในมือฉู่เฉิน จึงชี้ไปยังกระถางยาทองคำม่วงในมือฉู่เฉินพร้อมกล่าวขึ้น “คนแซ่ฉู่ ไม่ใช่ว่ากะอีแค่กระถางยาที่ดีกว่านี้หน่อยยังซื้อไม่ไหวหรอกนะ”“นี่เก็บสินค้าแผงลอยจากตลาดขยะที่ไหนมา ยังกล้าเอามาหลอมโอสถอีก ไม่กลัวคนกินแล้วตายหรือไง”ฉู่เฉินคร้านจะสนใจเขาเลยหยิบวัตถุดิบยาสองสามชนิดออกมาจากในกองสมุนไพร แล้วใช้มือเดียวบี้บดจนวัตถุดิบเหล่านั้นเป็นผง จากนั้นจึงโยนผงยาที่ใช้ประโยชน์ไม่ได้ทิ้งไปขณะที่ผงสมุนไพรเข้าสู่กระถางยาทองคำม่วง ฉู่เฉินก็ถ่ายพลังวิญญาณมายังกลางฝ่ามือต่อจากนั้นเปลวไฟสีน้ำเงินเข้มก็ปรากฏขึ้นกลางฝ่ามือของฉู่เฉินราวกับเล่นกลหลี่จวิ้นเฟิงไม่กล่าววาจาใดอีก คว้าวัตถุดิบยาแล้วก็นำวัตถุดิบยาทั้งหมดใส่เข้าไปในกระถางยาเป็นไปตามที่อวี้ลู่คาดการณ์ไว้เลย ในกระบวนการหลอมโอสถทั้งหมด หลี่จวิ้นเฟิง
“หรูเยียน ที่ลูกพูดมาเป็นเรื่องจริงเหรอ”หลิ่วชิงเหอได้ยินแล้วก็เริ่มรู้สึกมีความหวังขึ้นมาบ้างถ้าเป็นอย่างที่หลิ่วหรูเยียนพูดมาจริง ถ้ามีโอกาสครั้งหน้าก็หลอกล่อเอาสูตรยาบำรุงปราณมาจากฉู่เฉินในช่วงที่ขึ้นสวรรค์ชั้นเจ็ด ฉู่ซื่อกรุ๊ปก็จะได้มียาบำรุงปราณขายด้วยเช่นกันแล้วนี่?คิดเรื่องพวกนี้แล้วหลิ่วชิงเหอก็กลับมานั่งลงที่เดิม จากที่ตอนแรกกะจะลุกขึ้นเตรียมออกจากสนามแข่งขันนี้ไป“จริงแท้แน่นอน หลี่จวิ้นเฟิงบอกกับหนูเองเลยนะ อีกอย่าง ถ้าเขาไม่มั่นใจก็คงไม่เลือกการแข่งขันหลอมโอสถหรอกค่ะ”หลิ่วหรูเยียนพูดพลางยิ้มชั่วร้ายแม้ฉู่เฉินชนะไปรอบหนึ่งแล้ว ยังไงการแข่งขันรอบสองก็ถือว่าเสมอกันขอแค่หลี่จวิ้นเฟิงชนะการแข่งขันรอบที่สาม ผลก็จะออกมาเสมอกันทุกคนฉู่ซื่อกรุ๊ปก็จะไม่ขายหน้า และในทางตรงกันข้ามก็ยังได้รับความนิยมและประโยชน์โดยอาศัยการแข่งขันรอบที่สามนี้ด้วย ……อีกด้านหนึ่ง ถังจิ้งจือที่นั่งอยู่ตำแหน่งกรรมการก็ไม่เสแสร้งอีกต่อไป เยาะเย้ยกล่าว “ใช่แล้วยังไงล่ะ หรือว่าการแข่งขันรอบสามนี้ไม่ยอดเยี่ยมน่าชมหรอกเหรอ”“พวกคุณอย่าลืมซะล่ะ สามารถจัดการแข่งขันแพทย์แผนจีนตลอดทั้งปีนี้ได้ก็เพร
หลินจื้อหงทนไม่ไหวอีกต่อไป เขาตบโต๊ะกล่าวเสียงดังลั่น“ท่านหลิน ผมไม่เห็นด้วยกับคำพูดคุณ!”ถังจิ้งจือเบะปากกล่าว “การแข่งขันแพทย์แผนจีนคราวก่อนก็จับฉลากได้ผู้ป่วยอาการแตกต่างกัน หรือใครจับได้โรคอาการรุนแรงก็ถือว่าคนนั้นชนะเหรอ?”“กฎก็เขียนชัดเจนอยู่แล้วว่าตัดสินจากการรักษา”“ไม่ใช่ความผิดของคุณหลี่ที่หยิบได้ผู้ป่วยที่มีอาการไม่รุนแรง ก็คงกล่าวได้ว่าคุณหลี่มีคุณธรรมสูงส่งโชคเข้าข้างเขาก็เท่านั้น”“ส่วนฉู่เฉินรักษาคนไข้โรคฝีหนองทั้งร่างนั้นหายได้ก็เป็นวาสนาของคนไข้รายนั้น ไม่ใช่ผลงานของฉู่เฉินฝ่ายเดียว ดังนั้นฉันคิดว่าการแข่งขันนี้ต้องตัดสินเสมอกันเท่านั้น”แม่ง!จางเสวี่ยเหยียนเริ่มเกิดความคิดอยากจะตบปากคน!ฮว่าจิ่วหยางสูดลมหายใจลึก ถึงยังไงพวกเขาไม่กี่คนก็ล้วนเป็นกรรมการ หากมีการทะเลาะกันเพราะเรื่องนี้ขึ้นมาระหว่างกรรมการด้วยกันเอง จะทำให้คนอื่นเห็นวงการแพทย์แผนจีนเป็นเรื่องตลกฮว่าจิ่วหยางคิดแล้วก็หันหน้าไปกล่าวกับฉู่เฉิน “คุณฉู่ ไม่ทราบว่าคุณยอมรับคำตัดสินของท่านถังนี้หรือไม่” ฉู่เฉินยิ้มเยาะ มองสำรวจหลี่จวิ้นเฟิงและถังจิ้งจือ แล้วพยักหน้ากล่าว “ก็ได้ ถ้าผมไม่ยอมรับ เจ้าสอ