ไวจนถึงขั้นที่มนุษย์ไม่อาจแยกแยะได้ด้วยตาเปล่า เขาเคยเห็นคนผู้หนึ่งมีท่าร่างที่น่าสะพรึงกลัวแบบนี้ก่อนหน้าฉู่เฉิน คนผู้นั้นก็คืออาจารย์ผู้มีพระคุณของเขาเอง หรือว่าฉู่เฉินจะเป็นตัวตนที่น่ากลัวเหมือนกับอาจารย์ของเขา? ไม่! เป็นไปไม่ได้!อาจารย์ผู้มีพระคุณของเขาอายุเกินเจ็ดสิบแล้ว แต่ฉู่เฉินเพิ่งจะอายุเท่าไหร่เอง? ไอ้แมงดาที่อายุยี่สิบกว่าจะเป็นไปได้อย่างไร... ปัง! ในชั่วแวบเดียว สีหน้าของซ่งหู่ก็แข็งค้างอยู่ในวินาทีเมื่อกี้เขากระเด็นออกไปไกลเจ็ดแปดเมตรด้วยสีหน้าที่เต็มไปด้วยความไม่อยากจะเชื่อ! ตู้ม! ร่างของซ่งหู่ตกลงไปในแม่น้ำจนเกิดคลื่นกระเซ็นขึ้นสูงหกเจ็ดเมตร ทว่าจนถึงตอนนี้ ผู้คนรอบข้างต่างมองเห็นไม่ชัดเลยว่าฉู่เฉินลงมืออย่างไรกันแน่ ซี้ด ๆ! เสียงสูดลมหายใจยะเยือกดังขึ้นครั้งแล้วครั้งเล่า แม้แต่จินเจิ้นหลงที่มองฉู่เฉินด้วยความโกรธเกรี้ยวก็ตกตะลึงไปโดยสิ้นเชิงนี่...นี่เป็นไปได้อย่างไร?! ซ่งหู่ที่แข็งแกร่งขนาดนั้นกลับโดนฉู่เฉินจัดการในกระบวนท่าเดียว? โจวเทียนเฟิ่งก็มองแผ่นหลังที่ยืนสูงตระหง่านสง่างามของฉู่เฉินด้วยความไม่อยากจะเชื่อนะ...นี่ไม่ใช่แขนอันย
“ชาติหน้าก็เป็นคนดีซะ” เสียงของฉู่เฉินเรียบนิ่ง ไม่มีอารมณ์ความรู้สึกเลยสักนิดเดียว จากนั้นก็เห็นฉู่เฉินชูนิ้วสองนิ้วเป็นกระบี่ จากนั้นไอกระบี่สายหนึ่งก็วาดผ่านลำคอของซ่งหู่ดังฟิ้ว พรวด!เลือดพุ่งทะลักออกมา ศีรษะมนุษย์ลอยขึ้นสูงก่อนจะตกลงไปในแม่น้ำที่เชี่ยวกรากศพไร้หัวของซ่งหู่โงนเงนอยู่ไม่กี่ทีก็หงายตกลงไปในแม่น้ำ เงียบสนิท! รอบข้างมีเพียงเสียงสายน้ำไหลเท่านั้น ทุกคนต่างมองอย่างตะลึงงันไปยังฉู่เฉินที่ค่อย ๆ ก้าวขึ้นมาบนศาลาเจียงซิน แววตาเต็มไปด้วยความเคารพนอบน้อม! “พวกเราไปกันเถอะ ยังมีเรื่องที่อยากพูดกับคุณ”ฉู่เฉินทำเหมือนกับไม่มีเรื่องอะไรแล้วเดินมาอยู่ข้างหน้าโจวเทียนเฟิ่งที่มีแววตาตกตะลึงอยู่เต็มเปี่ยม ก่อนจะเอ่ยอย่างเฉยชา “หา...ดะ...ได้ค่ะ” โจวเทียนเฟิ่งเหมือนกับสะดุ้งตื่นจากฝัน เธอพยักหน้าติดต่อกัน จากนั้นก็ควงแขนของฉู่เฉินแล้วพูดกับจงอาหู่ว่า “เสียวหู่ พวกเราไปเถอะ” จงอาหู่พยักหน้าอย่างมึนงง ผ่านไปครู่ใหญ่ถึงได้สติกลับมา วิ่งตามหลังฉู่เฉินกับโจวเทียนเฟิ่งไปพรวด!จินเจิ้นหลงมองเงาหลังของฉู่เฉินก็กระอักเลือดออกมาคำใหญ่อีกครั้ง“ไอ้คนแซ่ฉู่ กะ...แกรัง
“ใช่แล้ว หมอเทวดาซุน ได้โปรดเมตตาด้วย!”“หมอเทวดาซุน...” ลูกศิษย์หลายสิบคนของสำนักมวยจินเจิ้นหลงพากันล้อมวงเข้ามา จ้องมองซุนเซี่ยวเหรินด้วยแววตาที่เต็มไปด้วยความกระตือรือร้นพลางถามซักไซ้“ตามที่ผมรู้มา เจียงจงยังมีหมอเทวดาคนหนึ่งที่มีฝีมือทางการแพทย์เหนือกว่าผมมาก ถ้าเกิดเขายอมลงมือช่วย ย่อมรักษาเจ้าสำนักจินให้หายได้อย่างแน่นอน คนผู้นี้แซ่ฉู่ ชื่อว่าฉู่เฉิน”ว่าไงนะ?!เมื่อได้ยินคำว่าฉู่เฉิน ทุกคนในที่แห่งนี้ต่างก็ตกตะลึงโดยสิ้นเชิง! โดยเฉพาะจินเจิ้นหลงกับหลี่ก่านยิ่งเบิกตาโต จ้องมองซุนเซี่ยวเหรินด้วยความไม่อยากจะเชื่อและเอ่ยว่า “หมอเทวดาซุน คุณไม่ได้พูดผิดใช่ไหม? แน่ใจหรือว่าหมอเทวดาคนนั้นชื่อฉู่เฉิน?” ซุนเซี่ยวเหรินพยักหน้าหนัก ๆ และเอ่ยว่า “ใช่แล้ว เป็นฉู่เฉิน นอกจากนี้หมอเทวดาฉู่ยังเป็นหนุ่มที่มากความสามารถ อายุแค่ยี่สิบกว่า ทักษะทางการแพทย์ของเขาก็สูงส่งจนผมเทียบไม่ติดเลย”พอพูดถึงตรงนี้ แววตาของซุนเซี่ยวเหรินก็เผยความเคารพนับถือออกมา พรวด! จินเจิ้นหลงฟังซุนเซี่ยวเหรินพูดจบก็กระอักเลือดคำใหญ่ออกมาอีกทันทีเมื่อนึกถึงเหตุการณ์เมื่อครู่นี้ที่ตัวเองดูแคลนฉู่เฉินทุก ๆ
ทุกคนเพิ่งมาถึงหน้าประตู สาวสวยที่ทำผมมวยสวมชุดกี่เพ้าผ่าสูงสีฟ้าลายดอกไม้ก็เดินตรงเข้ามา เนื่องจากฝึกฝนศิลปะการต่อสู้มาตั้งแต่เด็ก เรียวขางามที่ขาวผ่องราวกับหยกคู่นั้นยิ่งกระชับมีรูปทรงดี ต่อให้มีเสื้อผ้าปิดไว้ก็เดาได้ไม่ยากว่ารอยกล้ามตรงท้องน้อยของหญิงสาวกับเอวเพรียวบางเท่ากำมือนั้นดูเย้ายวนใจเพียงใด ภายใต้องคาพยพทั้งห้าที่ประณีตงดงาม ดวงตากลมโตสดใส กลับมีจิตสังหารแอบแฝงอยู่ในดวงหน้า “คุณหนูใหญ่?” หลี่ก่านเห็นแวบเดียวก็จำได้ว่าผู้หญิงคนนี้คือจินหลิงเอ๋อร์ ลูกสาวคนโตของจินเจิ้นหลง “ศิษย์พี่หลี่ พ่อของฉันเป็นอะไรไปคะ?” จินหลิงเอ๋อร์เห็นจินเจิ้นหลงหน้าซีดเซียว แถมยังมีเลือดเปรอะเปื้อนตรงหน้าอก ดวงตางดงามก็หดลงเล็กน้อย ก่อนจะรีบเดินเข้าไปประคองจินเจิ้นหลงแล้วเอ่ยถาม “เฮ้อ” หลี่ก่านเล่าเรื่องทั้งหมดที่เกิดขึ้นในศาลาเจียงซินและคำพูดที่ซุนเซี่ยวเหรินเอ่ยก่อนจะจากไปอีกครั้ง จินหลิงเอ๋อร์ฟังหลี่ก่านพูดจบ ดวงตางามก็หรี่ลง ก่อนจะเอ่ยด้วยสีหน้าวางอำนาจว่า “เฮอะ! ไม่ยอมพูดถึงข้อเท็จจริง ความรับผิดชอบของเรื่องนี้อยู่ที่คนแซ่ฉู่ชัด ๆ”“เขามีสิทธิ์อะไรที่เห็นคนจะตายแล้วไม่ช่วยเหลื
โจวเทียนเฟิ่งตกตะลึงก่อน ชั่วพริบตาที่นิ้วมือของฉู่เฉินสัมผัสกับริมฝีปากแดงของเธออย่างนุ่มนวลนั้น ปากเล็ก ๆ ของโจวเทียนเฟิ่งก็ดูดแรง ๆ ยาเข้าไปในปากขณะเดียวกันก็อมนิ้วข้างหนึ่งของฉู่เฉินไว้เธอเงยหน้ามองฉู่เฉินด้วยใบหน้าเขินอายเล็กน้อย เมื่อสัมผัสได้ถึงความอบอุ่นและความชุ่มชื้นจากปลายนิ้ว ฉู่เฉินก็ยกมุมปากขึ้นเล็กน้อย สายตาค่อย ๆ เบนไปยังลำคอที่ขาวนวลงดงามราวกับหยกของโจวเทียนเฟิ่งภายใต้สายตาสองคู่ที่มองสบกัน บรรยากาศทั่วทั้งห้องพลันดูคลุมเครือเป็นพิเศษอึก! จากนั้นลำคองดงามของโจวเทียนเฟิ่งก็ขยับเบา ๆ ยาบำรุงปราณเข้าไปตามลำคอทันใดนั้นความรู้สึกสดชื่นก็ตรงมาที่ปอดวินาทีถัดมา โจวเทียนเฟิ่งรู้สึกได้ชัดเจนถึงความอบอุ่นเกิดขึ้นตรงท้องน้อย จากนั้นความรู้สึกเหนื่อยล้าทั่วทั้งร่างกายก็หายไป ราวกับว่าเธอเด็กลงสิบปีในชั่วพริบตานี้เซลล์แต่ละตัวในร่างกายรู้สึกกระปรี้กระเปร่ามีชีวิตชีวาขึ้นมา! “อื้อ!” เมื่อรู้สึกได้ถึงการเปลี่ยนแปลงภายในร่างกาย โจวเทียนเฟิ่งที่เอาปากเล็ก ๆ อมนิ้วของฉู่เฉินก็อดเบิกตาโตไม่ได้ มองไปทางฉู่เฉินอย่างไม่อยากจะเชื่อ “เป็นยังไงครับ รู้สึกยังไง?” ฉู่เฉ
พอเห็นฉู่เฉินอึ้งไปเล็กน้อย แววตาของโจวเทียนเฟิ่งก็ส่องประกาย ก่อนจะค่อย ๆ เดินมาทางโต๊ะอาหารด้วยใบหน้าขวยเขินเย้ายวนใจปุบ!ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น กระดุมตรงจุดที่ผ่าออกของกระโปรงกี่เพ้าถึงได้หลุดออกมาแบบนี้เมื่อมองไปตามเรียวขางามที่เรียบเนียนราวกับหยกของโจวเทียนเฟิ่ง ขอบลูกไม้สีดำที่โผล่วับ ๆ แวม ๆ ดูยั่วยวนใจสุดขีดจริง ๆพอเทียบกับความอ่อนต่อโลกและความตรงไปตรงมาของกู้รั่วเสวี่ยแล้ว ผู้หญิงในวัยอย่างโจวเทียนเฟิ่งยิ่งกระตุ้นเพลิงปรารถนาของผู้ชายได้มากกว่าบ่อยครั้งที่ยิ่งเห็นไม่ชัด ยิ่งทำให้ผู้ชายหยุดความต้องการไม่ได้ “ฮึ หนูน้อย ฉันไม่เชื่อว่ายังจะหนีรอดจากเงื้อมมือของเจ๊ไปได้” เมื่อสังเกตเห็นว่าฉู่เฉินหายใจถี่กระชั้นขึ้นเล็กน้อยอย่างเห็นได้ชัด โจวเทียนเฟิ่งก็ยิ่งมีความมั่นใจเต็มเปี่ยมมากขึ้นอย่าเห็นว่าเธออายุเลยสามสิบแล้ว แต่ไม่ว่าจะเป็นรูปร่าง ผิว หรือว่าหน้าตาล้วนไม่ด้อยไปกว่าเด็กสาววัยสิบแปดสิบเก้าเลยแม้แต่น้อย นอกจากนี้ เมื่อเทียบกับเด็กสาวที่อ่อนต่อโลกแล้ว โจวเทียนเฟิ่งมีเสน่ห์ดึงดูดใจมากกว่า กลิ่นอายของผู้หญิงที่โตเป็นผู้ใหญ่แล้วนั้นสามารถสังหารผู้ชายนับไม่ถ้วนจริง
ยิ่งฉู่เฉินทำตัวเฉยเมยมากเท่าไร ก็ยิ่งกระตุ้นจิตวิญญาณแห่งการเอาชนะของโจวเทียนเฟิ่งมากขึ้นเท่านั้น“ปรมาจารย์ฉู่ มาสิคะ ฉันดื่มให้คุณหนึ่งแก้ว”โจวเทียนเฟิ่งพูดพร้อมกับในมือถือโรมาเน กงติไว้ เธอรินไวน์แดงครึ่งแก้วให้กับตัวเองและฉู่เฉินตามลำดับฉู่เฉินยิ้มและหยิบแก้วไวน์ขึ้นมา เขย่าเล็กน้อย พร้อมกับนำแก้วไปชนกับแก้วของโจวเทียนเฟิ่ง ในจังหวะที่เขากำลังจะดื่มให้หมดแก้วนั้น กลับถูกโจวเทียนเฟิ่งยกมือขึ้นมาขวางไว้ก่อน“ปรมาจารย์ฉู่คะ วิธีการดื่มแบบนี้มันออกจะดูห่างไกลไปนะคะ พวกเราคุ้นเคยกันซะขนาดนี้แล้ว ควรเปลี่ยนวิธีหน่อยนะคะ”ในขณะที่พูดร่างกายของโจวเทียนเฟิ่งก็ขยับมาข้างหน้า แนบชิดกับหน้าอกของฉู่เฉินฉู่เฉินสัมผัสได้อย่างชัดเจนว่าข้างในโจวเทียนเฟิ่งโล่งโจ้งความรู้สึกนี้แปลกจนบอกไม่ถูกทันใดนั้น โจวเทียนเฟิ่งก็คล้องแขนสวยของเธอเบาๆ และส่งแก้วไวน์ในมือของเธอไปที่ริมฝีปากของฉู่เฉินควงแขนดื่มเหรอ?ฉู่เฉินยิ้มอย่างเรียบนิ่งและคล้องแขนหยกของโจวเทียนเฟิ่งไว้ เอียงแก้วไวน์เล็กน้อย...ซ่า!ฉู่เฉินยังไม่ทันได้ตั้งตัว มือสั่นของโจวเทียนเฟิ่งทำให้ไวน์ที่อยู่ในมือหกใส่กางเกงของฉู่เฉิน“
ในสภาพแวดล้อมที่เต็มไปด้วยบรรยากาศฤดูใบไม้ผลิและทิวทัศน์ที่สวยงาม เวลาดูเหมือนจะผ่านไปเร็วมากโจวเทียนเฟิ่งล้มตัวนอนลง นำผ้าห่มพันส่วนเอวของเธอไว้แน่นๆ เธอถอยไปถึงขอบเตียงพร้อมส่ายหัวไม่หยุดกับฉู่เฉิน นั่นก็กลายเป็นเวลาพลบค่ำของวันที่สองแล้วหนึ่งคืนบวกหนึ่งวันเหรอแม้จะเป็นโจวเทียนเฟิ่งก็ชักจะรับไม่ไหวฉู่เฉินเห็นท่าทางที่น่าสงสารของโจวเทียนเฟิ่ง สายตาที่เต็มไปด้วยคำร้องขอความเมตตามองมาที่ตัวเขา จึงโอบเธอไว้ในอ้อมแขนของเขาและหายใจเข้าลึกๆ สองสามครั้งด้วยความพึงพอใจพูดตามตรง หลังจากการฝึกฝนอย่างหนักในคืนนี้ ตอนนี้ฉู่เฉินมีแนวโน้มที่จะทะลวงขั้นอีกแล้วแม้แต่ฉู่เฉินยังต้องยอมรับเลยว่าผลลัพธ์ของร่างหงส์หยกเหมันต์นั้นช่างน่ากลัวจริงๆหากเปลี่ยนเป็นช่วงเวลาปกติ แม้ว่าจะใช้ยาบำรุงปราณช่วย ฉู่เฉินก็ไม่สามารถใช้เวลาภายในวันเดียวที่จะทะลวงคอขวดนี้ไปได้แม้ว่าในหนึ่งวันหนึ่งคืนนี้ฉู่เฉินไม่แม้แต่จะหยุดเลย แต่ปราณแท้ในร่างของเขากลับไม่ได้สูญเสียไปแต่อย่างไร กลับเพิ่มขึ้นเสียอีกครั้งนี้เก็บของดีได้จริงๆ แล้วล่ะ!“ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป ฉันสามารถเป็นผู้หญิงที่อยู่ข้างกายคุณได้แล้วใช่ไหม