หากเป็นเช่นนั้นจริง ๆ หลี่หงถูมั่นใจว่าจะใช้ความสัมพันธ์ระหว่างผู้นำระดับสูงในแก๊งมังกรของเขา เพื่อให้ถานเฟยยอมจํานนแต่โดยดีอย่าคิดว่าตระกูลหลี่มีขอบเขตอิทธิพลของอยู่แต่ในเมืองหมอตู ทว่าในช่วงหลายปีที่ผ่านมา หลี่หงถูได้ซื้อตัวหัวหน้าระดับสูงของแก๊งมังกรจํานวนมาก เพื่อช่วยสำนักว่านเซี๋ยในการหลีกเลี่ยงการตามล่าจากแก๊งมังกรนี่คือเหตุผลที่ทำไมเครือข่ายข่าวสารของแก๊งมังกรทั่วแดนมังกรถึงคว้าน้ำเหลวหลายครั้ง ไม่สามารถกําจัดสำนักว่านเซี๋ยสำนักว่านเซี๋ยได้สักที“หัวหน้าใหญ่แก๊งมังกร ถานเฟย!”ทันทีที่คําพูดนี้ออกมา หลี่หงถูก็ตกตะลึงอยู่กับเดิมหัวหน้าใหญ่แก๊งมังกรเป็นบุคคลที่ใหญ่เป็นอันดับสองรองจากท่านหลงผู้บัญชาการสูงสุด แม้แต่หัวหน้าระดับสูงที่มีมิตรภาพกับตระกูลหลี่ล้วนเป็นลูกน้องของถานเฟยไม่ต้องพูดถึงบังคับให้ถานเฟยยอมจํานนเลย ถ้าถานเฟยรู้ว่าใครเกี่ยวข้องกับตระกูลหลี่บ้าง ก็อาจจะติดร่างแหไปด้วย อีกทั้งสายที่ตระกูลหลี่เลี้ยงไว้ในแก๊งมังกรตลอดหลายปีที่ผ่านมาก็จะถูกถอนรากถอนโคนจนหมดไปด้วย“ท่านหลี่...”ปี้คุนเผยใบหน้าอาฆาต ก้าวไปข้างหน้าและกระซิบข้างหูหลี่หงถูครู่หนึ่ง“ไม่!”หลี่หง
ตอนนี้เอง กู้รั่วเสวี่ยที่อยู่ภายในถ้ำก็ค่อยๆ ลืมตาขึ้นมา สายตาพร่ามัวมองทางฉู่เฉินแล้วพูดขึ้นมาว่า “ทำไมเมื่อกี้ฉันถึงรู้สึกว่าร่างกายร้อนรุ่ม หลังจากนั้นจู่ๆ ก็รู้สึกเย็นขึ้นมาทันทีล่ะคะ?”ฉู่เฉินคลี่ยิ้มบางๆ อุ้มกู้รั่วเสวี่ยขึ้นมา “ก็ผมช่วยคุณถอนพิษยังไงล่ะครับ”อะไรนะ?กู้รั่วเสวี่ยมองไปที่ฉู่เฉินด้วยความไม่อยากเชื่อสายตา “ใคร... ใครถอนพิษให้คนอื่นแบบนี้กันเล่า?”วิธีถอนพิษของฉู่เฉินมันจะพิเศษไปแล้วมั้งอีกอย่างทำเรื่องอย่างว่าสามารถถอนพิษได้จริงๆ เหรอ?ในระหว่างที่สับสนอยู่นั้น กู้รั่วเสวี่ยก็เหลือบมองไปที่แผลบนร่างกายของเธออย่างอดไม่ได้จริงด้วย รอยที่โดนแส้หนังฟาดเมื่อกี้ก็แทบจะไม่เห็นแล้วอีกทั้งผิวกายทั่วทั้งร่างของเธอก็กระจ่างใสขึ้นมาถึงขนาดที่ว่าจุดสำคัญๆ ก็อ่อนนุ่มราวกับเด็กแรกเกิด“นะ... นี่มันเป็นไปได้ยังไงคะ พี่... พี่ทำได้อย่างไรคะ?”กู้รั่วเสวี่ยไม่อยากจะเชื่อสายตาของตัวเองตอนที่หลี่เจี้ยนกั๋วใช้แส้หนังตีเธอ เขาบอกเธอว่าน้ำเย็นที่แช่อยู่ในแส้มีสารหนูซึ่งเป็นพิษร้ายแรง ซึ่งจะถึงแก่ชีวิตได้หากโดนบาดแผลของเธอกระทั่งที่ว่าตอนที่เธอได้เจอฉู่เฉินอีกครั้ง กู้
พูดจบฉู่เฉินก็พยุงกู้รั่วเสวี่ยไปที่เฮลิคอปเตอร์พร้อมกับถานเฟยและคนอื่นๆหลี่หงถูมองแผ่นหลังของฉู่เฉินและกู้รั่วเสวี่ยที่เดินออกไปไกล เขาก็ส่งเสียงไม่พอใจในลำคอ กัดฟันกรอดพูดขึ้นมาอย่างเบาๆ ว่า “ไอ้คนแซ่ฉู่นั่นไว้ชีวิตฉันงั้นเหรอ? หึ! อีกไม่นานหรอก ฉันจะควักหัวใจของแกออกมาเพื่อเซ่นไหว้ให้ลูกชายที่ตายไปของฉัน!”ปี้คุนก้าวไปข้างหน้า พูดกับหลี่หงถู “เรื่องนี้คงจะไม่ง่ายแบบนั้น อายุยังน้อยแบบนี้ก็เป็นยอดฝีมือที่อยู่ในระดับสร้างรากฐานแล้ว”อะไรนะ?หลี่หงถูมองไปที่ปี้คุนด้วยความตกตะลึงปี้คุนพยักหน้าเล็กน้อย แต่แล้วเขาก็ยิ้มเย็นๆ แล้วพูดว่า “เพียงแต่ว่าเขาพึ่งทะลวงระดับสร้างรากฐาน รอให้เรื่องนี้เงียบลงก่อน เดี๋ยวผมจะไปเด็ดหัวมันกลับมาให้ท่านหลี่เองครับ”“ได้!”หลี่หงถูได้ยินประโยคนั้น ใบหน้าของเขาก็ปรีดีขึ้นมา……อีกด้านหนึ่ง เฮลิคอปเตอร์ก็ค่อยๆ บินขึ้นไปบนอากาศ เหลิ่งหนิงซวงและคนอื่นๆ ก็โบกมือลาถานเฟยและฉู่เฉินหลังจากที่เฮลิคอปเตอร์ได้บินขึ้นไปทางตะวันตกเฉียงเหนือแล้ว ฉู่เฉินขมวดคิ้วแล้วพูดขึ้นมาว่า “หัวหน้าใหญ่ถาน เมื่อกี้คุณบอกว่าท่านหลงโดนลอบสังหาร เกิดเรื่องอะไรขึ้นกันแน่ครับ
ในตอนที่ฉู่เฉินและถานเฟยเดินเข้าไปในห้องฉุกเฉิน ก็มีคนอยู่เต็มไปหมดแม้ว่าคนมากมายกำลังยื้อชีวิตท่านหลงอยู่นั้น แต่ก็ทำได้เพียงแค่ยื้อลมหายใจที่รวยรินมากๆ ของท่านหลงเอาไว้“ทุกคนหลบหน่อย!”ถานเฟยก็พยายามดันฝ่าฝูงชนเข้าไป พร้อมทั้งพาฉู่เฉินมายังตรงหน้าท่านหลงแพทย์เจ้าของไข้เงยหน้าขึ้นมามองฉู่เฉิน พร้อมทั้งสีหน้าที่เต็มไปด้วยความสงสัยอย่างหนัก “ตอนนี้ปัญหาที่หนักที่สุดของท่านหลงก็คือ หัวใจของท่านถูกกระสุนเจาะทะลุแล้ว”“ตอนนี้เขามีชีวิตอยู่ได้เพราะการถ่ายเลือดจำนวนมาก และเนื่องจากมีเลือดคั่งในช่องอกเป็นจำนวนมาก ทางเราจึงไม่สามารถทำการเย็บหัวใจได้”หมอเจ้าของไข้อธิบายอาการไปด้วย พร้อมทั้งสังเกตการเปลี่ยนแปลงสีหน้าท่าทางของฉู่เฉินไปด้วยแต่ฉู่เฉินกลับไม่เหลียวแลหมอเจ้าของไข้เลย เขามาตรงหน้าท่านหลง และทำการตรวจสอบชีพจรของท่านหลงอย่างละเอียดสถานการณ์เป็นเหมือนที่เขาบอกไม่กี่วันก่อนหน้านี้จริงๆ ชีวิตแขวนไว้บนเส้นด้าย!นี่อาจจะเป็นอันตรายต่อชีวิตของท่านหลงเลยก็ได้หลังจากนั้นฉู่เฉินก็เปิดไปตรงกระเป๋าเสื้อของท่านหลง มองไปที่บาดแผล เขาขมวดคิ้วแล้วหยิบเข็มเงินสองเล่มออกมา แบ่งฝังไปที่
ฉู่เฉินมองไปที่กระถางยาในมือของถานเฟย ดวงตาเขาก็เป็นประกายขึ้นมา!กระถางยานี้แม้ว่าจะสนิทเกรอะกรัง ดูเก่าจนหมดสภาพ แต่ในความจริงแล้วกลับเป็นสมบัติล้ำค่า!คราบเกรอะกรังสีเขียวนั่นไม่ใช่สนิม แต่เป็นคราบยา!ฉู่เฉินยื่นมือเข้าไปรับกระถางยาในมือของถานเฟย แล้วถือขึ้นมาใกล้จมูกสูดดมกลิ่นเบาๆข้างในมีกลิ่นหอมของยาจริงๆ ด้วย!เพียงแต่ว่าตัวอักษรรอบๆ กระถางยาได้ถูกสนิมบดบังไปหมดแล้ว ดูไม่ออกว่าเขียนอะไรแต่ฉู่เฉินมั่นใจได้แน่นอนว่า กระถางยาที่ถานเฟยนำมาให้ดีกว่ากระถางยาที่อยู่ในมือเขาเป็นร้อยเท่าอาจจะเห็นผลลัพธ์อย่างเกินคาดเมื่อเห็นว่าฉู่เฉินสักพักมอง สักพักยกขึ้นมาดม ทันใดนั้นถานเฟยก็รู้สึกตื่นเต้นจนหัวใจแทบจะหลุดออกมาจากอก!ในฐานทัพมีแค่สิ่งนี้สิ่งเดียวที่ดูเหมือนกระถางยา ถ้าใช้ไม่ได้ แล้วต้องไปซื้อตอนนี้ก็หาซื้อไม่ได้ “คุณฉู่ครับ ถ้าใช้ไม่ได้จริงๆ คุณใช้ถู ๆ ไถ ๆ ไปก่อนนะครับ กระถางยาอันนี้พวกเราได้มาจากห้องใต้ดินของสำนักว่านเซี๋ย อาจจะเก่าไปบ้าง แต่ในตอนนี้หาซื้อไม่ได้จริงๆ ครับ”ถานเฟยร้อนใจจนแทบจะร้องไห้ออกมาตอนนี้ชีวิตของท่านหลงพร้อมจะจากไปทุกเมื่อ“ไม่เพียงแค่ใช้ได้นะ แต
สามารถพูดได้ว่าหากไม่มีการช่วยเหลือจากกระถางยา ฉู่เฉินคงไม่สามารถหลอมยาสร้างกล้ามเนื้อสำเร็จ ยิ่งไม่ต้องพูดถึงด่านเคราะห์โอสถทองคำดูแล้วกระถางยาใบนี้ต้องเป็นสุดยอดของล้ำค่าแน่นอน!เพียงแต่ว่าร่องรอยตัวอักษรข้างบนนั้นมองเห็นไม่ชัด แม้แต่ฉู่เฉินเองก็ไม่สามารถรู้ความเป็นมาของมันได้ไม่มีเวลามาให้เขาคิดมากมาย ฉู่เฉินก็เก็บกระถางยาอย่างระมัดระวัง พร้อมทั้งนำยาสร้างกล้ามเนื้อทั้งสองเม็ดใส่เข้าไปในขวดเซรามิก นำเม็ดที่เหลือสุดท้ายถือไว้ในมือ รีบเดินไปที่ห้องฉุกเฉินขณะนั้นเองก็เป็นท้องฟ้าก็สว่างไสวถานเฟยยังคงเดินไปมาอยู่ในห้องฉุกเฉิน ข้างๆ เขามีหมอเจ้าของไข้ดูเหมือนกำลังพูดอะไรบางอย่างกับถานเฟยอยู่เมื่อเห็นว่าฉู่เฉินกลับมาแล้ว หมอเจ้าของไข้ก็รีบปิดปากทันที ในตอนที่ฉู่เฉินผลักประตูเข้ามา คิ้วที่ขมวดมุ่นของถานเฟยก็ค่อยๆ คลายออก“คุณฉู่ เป็นยังไงบ้างครับ?”ถานเฟยถามขึ้นมาอย่างรีบเร่ง“นำยาเม็ดทองคำนี่ให้ท่านหลงกินซะ!”ระหว่างที่พูด ฉู่เฉินแบมือออก ยาลูกกลอนสีทองนั้นส่องแสงสว่างสีทองออกมา ถานเฟยเมื่อเห็นเช่นนั้นก็ถึงกับชะงักไปเลยทันที“ครับ!”ถานเฟยขานรับ พร้อมทั้งหยิบยาทองคำนั้นมา
เมื่อพูดถึงตรงนี้ ท่านหลงก็ยิ้มออกมาด้วยท่าทีอึดอัดไม่รอให้ฉู่เฉินปริปากออกมา ท่านหลงก็เปลี่ยนเรื่องทันที “คุณฉู่ ผมว่าถานเฟยน่าจะพูดเรื่องสำนักว่านเซี๋ยให้ฟังหลายครั้งแล้วใช่ไหมครับ”“ก่อนหน้านี้ ทางเราได้ยึดของหลายชิ้นมาจากสำนักว่านเซี๋ย แต่ไม่รู้ว่ามันเอาไปใช้ทำอะไร คุณลองดูสิครับว่าอันไหนที่คุณเอาไปใช้ได้บ้าง?”ระหว่างที่พูด ท่านหลงก็หยิบกระจกแปดทิศออกมาจากกระเป๋าเสื้อแล้วยื่นให้ฉู่เฉินฉู่เฉินมองอย่างตั้งใจ ในตอนที่เขารับกระจกแปดทิศมา กระจกก็ดูเหมือนว่าจะมีแสงสีทองแวบออกมาเพียงแต่ว่าแสงทองนั้นแค่แพล็บเดียวพออยู่ในมือก็เหมือนมีกระแสอุ่นๆ ไหลออกมาจากกระจกแปดทิศเมื่อเห็นว่าฉู่เฉินเพ่งเล็งไปที่กระจกแปดทิศใบนั้น ท่านหลงก็ถามด้วยใบหน้าครุ่นคิดว่า “ในตอนที่พวกเรากำลังเก็บกวาดรังของสำนักว่านเซี๋ย แม้ว่าจะไม่ได้อะไร แต่พวกเรากลับเจอกระจกแปดทิศใบนี้ตรงเหนือหัวของรูปปั้นที่หน้าตาแปลกประหลาด”“ผมก็เคยถามเหล่าผู้บำเพ็ญพรตมาไม่ถ้วนเหมือนกัน แต่ก็ไม่มีใครรู้เลยว่ามันใช้ทำอะไร ไม่ทราบว่าคุณฉู่พอดูออกไหมครับ?”ฉู่เฉินใช้มือถูไถกระจกแปดทิศแล้วถือมันไว้ในมือสังเกตอยู่นาน ก่อนจะพูดอย่างเ
ฉู่เฉินก็เสวนากับท่านหลงอีกสักพักหนึ่ง หลังจากนั้นเขาและกู้รั่วเสวี่ยก็ขอตัวลากลับไปก่อนท่านหลงและถานเฟยก็ไปส่งฉู่เฉินและกู้รั่วเสวี่ยขึ้นเฮลิคอปเตอร์ด้วยตัวเอง หลังจากนั้นก็โบกมือร่ำลาฉู่เฉินเฮลิคอปเตอร์ติดอาวุธพาฉู่เฉินและกู้รั่วเสวี่ยไปส่งจนถึงสำนักงานใหญ่แก๊งมังกรที่เจียงจงเจียงหย่วนที่มองเฮลิคอปเตอร์ค่อยๆ ร่อนลงมา เขาก็ถึงกับตกตะลึงไปเลยนี่มันคือเฮลิคอปเตอร์ของสำนักงานใหญ่แก๊งมังกรนี่!ประเด็นคือช่วงนี้เจียงจงก็ไม่ได้มีปัญหาอะไรนี่ ตัวเขาเองก็ไม่ได้ทำผิดกฎอะไรนี่?”“เร็วเข้า จัดกองทัพ ต้อนรับท่านผู้บังคับบัญชา!”เจียงหย่วนไม่รอช้า เขาเรียกกองทัพทั้งหมดของแก๊งมังกรเจียงจงออกมาแต่เมื่อเขาเห็นว่าเป็นฉู่เฉินและกู้รั่วเสวี่ยกำลังเดินลงมาจากเฮลิคอปเตอร์ เขาก็อึ้งจนชาไปทั้งตัว“คะ... คุณฉู่เหรอครับ?”เจียงหย่วนออกแรงขยี้ตา เขามองไปที่ฉู่เฉินอย่างไม่อยากเชื่อสายตา“เจียงหย่วน? คุณกำลัง...”ฉู่เฉินมองไปที่สมาชิกของแก๊งมังกรที่ยืนสองแถวบริเวณรอบๆ ด้วยใบหน้างุนงง พิธีต้อนรับนี่มันจะยิ่งใหญ่เกินไปหรือเปล่า!“ฮ่าๆ...”เจียงหย่วนหัวเราะอย่างอึดอัด มองไปที่เฮลิคอปเตอร์ของสำนัก
สิ้นเสียง คนในตระกูลหลินต่างก้าวเท้าไปข้างหน้าและล้อมจ้าวเต๋อฉวนไว้ดูเหมือนว่าถ้าพูดไม่ถูกใจก็จะลงมือทันทีจ้าวเต๋อฉวนโกรธจนหัวเราะกับคนตระกูลหลิน มองสำรวจหลินเจิ้งไท่และกล่าวอย่างเย็นชา “ให้คำอธิบายกับคุณน่ะเหรอ? ผมจะอธิบายอะไรให้คุณล่ะ”หลินเจิ้งไท่สีหน้ามืดมน กัดฟันกล่าวว่า “พวกเราดักฆ่าฉู่เฉินที่นี่แล้วผิดอะไร? เจ้าสำนักก็เคยกล่าวไว้ ถ้าได้หยกโลหิตกิเลนมาก็เป็นประโยชน์ต่อสำนักชิงอวิ๋นของเราอย่างยิ่ง หัวหน้าจ้าวไม่รู้เหรอครับ?”“หึ ดักฆ่าฉู่เฉิน?”จ้าวเต๋อฉวนกัดฟันกรอดจนฟันแทบแตก มองหลินเจิ้งไท่อย่างเย็นชาและกล่าวว่า “พวกคุณคิดว่ามีแค่พวกคุณที่ได้รับข่าวว่าฉู่เฉินนำหยกโลหิตกิเลนเข้าสู่โลกแห่งการหยั่งรู้งั้นเหรอ?”“จนถึงตอนนี้ ฉู่เฉินยังคงปลอดภัยดี พวกคุณไม่คิดบ้างเหรอว่าทำไม?”หมายความว่ายังไง?เมื่อได้ยินเช่นนี้ หลินเจิ้งไท่ก็มองไปที่จ้าวเต๋อฉวนด้วยความไม่เข้าใจ“ไม่แปลกใจเลยที่เจ้าสำนักดูถูกพวกคุณตระกูลหลิน พวกคุณสร้างปัญหาให้เจ้าสำนักเก่งจริงๆ”ตอนนี้จ้าวเต๋อฉวนโกรธจนอยากจะด่าคน ไม่เคยเจอใครโง่งมขนาดนี้มาก่อน“หัวหน้าจ้าว หวังว่าคุณจะอธิบายให้ชัดเจนครับ”หลินเจิ้งไท่
ในขณะนี้ หลิงเสวี่ยก็รู้สึกตื่นตระหนกเล็กน้อยเช่นกันเพราะไม่ใช่แค่หลินเจิ้งไท่เท่านั้น รวมถึงยอดฝีมือของตระกูลหลินทั้งสามที่อยู่เบื้องหลังเขาต่างก็ก้าวมาข้างหน้าหนึ่งก้าวแม้ว่าตอนนี้หลิงเสวี่ยจะอยู่ระดับสร้างรากฐานขั้นแปด แต่ก็ไม่ใช่คู่ต่อสู้ของหลินเจิ้งไท่อย่างแน่นอนยิ่งกว่านั้น เหล่าคนที่อยู่เบื้องหลังหลินเจิ้งไท่ก็ล้วนมีพลังระดับสร้างรากฐานขั้นสูงสุด ถ้าลงมือขึ้นมาจริงๆ เธอและฉู่เฉินก็ไม่มีโอกาสชนะเลยแม้แต่น้อย“ฉู่เฉิน ฉันบอกคุณนานแล้วว่าอย่าอยู่ในโลกแห่งการหยั่งรู้นานเกินไป คุณก็ไม่ฟัง”หลิงเสวี่ยกระซิบตำหนิฉู่เฉินไปพลาง มองไปรอบๆ อย่างกระวนกระวายไปพลางเมื่อเห็นว่าหลิงเสวี่ยเริ่มลนลานแล้ว หลินฮ่าวที่กำลังเอามือกุมหน้าก็ปาดเลือดที่มุมปากออก ก้าวไปข้างหน้าและมองสำรวจฉู่เฉินด้วยความดูถูกพลางกล่าวว่า “ไอ้คนแซ่ฉู่ ตอนนี้รู้แล้วหรือยังล่ะ?”ขณะกล่าว ก็กวาดตามองไปยังเหล่ายอดฝีมือของตระกูลหลินและกล่าวอย่างเย็นชา “ตอนนี้ จงส่งหยกโลหิตกิเลนมาซะ และทิ้งผู้หญิงข้างๆ แกไว้ ไม่งั้น ตาย!”ทันทีที่คำว่าตายหลุดออกมา คนในตระกูลหลินแทบจะก้าวเท้าไปข้างหน้าพร้อมกันแรงกดดันอันน่าสะพรึงกลัว
ในขณะที่คนในตระกูลหลินกำลังหัวเราะเยาะอยู่ในใจ ก็อดไม่ได้ที่จะถอนหายใจ คนแซ่ฉู่คนนี้ช่างมีดวงผู้หญิงของผู้หญิงจริงๆ“ผมเอง มีอะไรเหรอครับ?”ฉู่เฉินเหลือบมองหลินฮ่าวและคนอื่นๆ แล้วพยักหน้าเล็กน้อย“เหอะๆ มีอะไรงั้นเหรอ?”หลินฮ่าวหัวเราะอย่างเย็นชาและกล่าวว่า “ฉู่เฉิน แกคงไม่รู้ตัวว่าใกล้ถึงวาระสุดท้ายของแกแล้วสินะ?”ฉู่เฉินขมวดคิ้ว มองสำรวจหลินฮ่าวและคนอื่นๆ พร้อมกับสงสัยว่า “ใกล้ถึงวาระสุดท้าย? ดูเหมือนว่าเราจะไม่เคยมีเรื่องบาดหมางกันนะครับ?”ขณะกล่าว ฉู่เฉินและหลิงเสวี่ยต่างก็มองไปที่สมาชิกตระกูลหลินด้วยความระแวดระวังแม้ว่าคนเหล่านี้จะอยู่ในระดับสร้างรากฐานขั้นหกเท่านั้น แต่ฉู่เฉินกลับรู้สึกได้อย่างชัดเจนว่ายอดฝีมือจำนวนมากกำลังมุ่งหน้ามาทางนี้เมื่อหลินฮ่าวได้ยินเช่นนี้ ก็แค่นเสียงเย็นและกล่าวว่า “คนแซ่ฉู่ แกจะแสร้งทำเป็นไม่รู้เรื่องไปทำไม เจ้าสำนักให้เวลาแกสามวันเพื่อไปรับโทษตายที่สำนักชิงอวิ๋น แกคิดว่าแกซ่อนตัวอยู่ในโลกแห่งการหยั่งรู้แล้วจะไม่มีใครหาแกเจองั้นเหรอ?”“ฉันแนะนำให้แกส่งหยกโลหิตกิเลนมาจะดีที่สุด แล้วทิ้งผู้หญิงข้างๆ แกไว้ ไม่งั้นฉันจะฆ่าแกให้ตายอย่างไม่เหลือซาก
ในความเป็นจริงทั้งเมืองชิงหลง แทบจะอยู่ภายใต้อิทธิพลของสำนักชิงอวิ๋นตระกูลจ้าวและตระกูลสวี่ก็ล้วนเป็นศิษย์ของสำนักชิงอวิ๋นเช่นกันถ้าตระกูลหลินเป็นฝ่ายเริ่มเสนอการสังหารฉู่เฉินพื่อแย่งชิงสมบัติ จากนั้นนำหยกโลหิตกิเลนไปมอบให้กับธรรมมาจารย์สำนักชิงอวิ๋น ดูเหมือนว่าตระกูลหลินของพวกเขาก็คงจะได้ความดีความชอบเป็นอันดับแรกสิ่งที่สำคัญที่สุดก็คือจ้าวเต๋อฉวนเป็นทายาทรุ่นที่สองของตระกูลจ้าวและยังเป็นเจ้าสำนักชิงอวิ๋นอีกด้วยถ้าใจร้อนอยากได้ความดีความชอบโดยปกปิดตระกูลจ้าว ทันทีที่เป็นศัตรูกับตระกูลจ้าว ก็ยากที่จะรับประกันได้ว่าในอนาคตจะไม่ถูกจ้าวเต๋อฉวนกีดกันดังนั้น ข้อเสนอของหลินฮ่าวจึงได้รับการเห็นชอบอย่างเป็นเอกฉันท์จากบรรดาผู้เฒ่าตระกูลหลินอย่างรวดเร็วในไม่ช้า ตระกูลหลินก็เริ่มดำเนินการ โดยส่งยอดฝีมือจำนวนมากติดตามหลินฮ่าวไปดักรอฉู่เฉินนอกเมืองชิงหลงอีกด้านหนึ่ง ยังได้ส่งลูกหลานตระกูลหลินไปจำนวนไม่น้อยไปแจ้งตระกูลจ้าวและตระกูลสวี่แค่ยอดฝีมือระดับสร้างรากฐานขั้นที่หกของตระกูลหลิน ก็มีมากถึงสิบกว่าคนแล้วเมื่อรวมกับตระกูลจ้าวและตระกูลสวี่ ภายใต้การร่วมมือของสามตระกูล ไม่ต้องพูดถึง
แม้ว่าจะไม่มีตึกสูง แต่ที่นี่ก็มีสินค้าอุปโภคบริโภคสมัยใหม่บางชนิดจำหน่ายด้วยเหมือนกันหลังจากฟังคำแนะนำของหลิงเสวี่ย ฉู่เฉินก็พยักหน้าและกล่าวว่า “ได้ งั้นไปที่เมืองชิงหลงกันก่อน”อันที่จริง ในด้านหนึ่งฉู่เฉินต้องการเรียนรู้เกี่ยวกับโลกแห่งการหยั่งรู้ และในอีกด้านหนึ่งก็ต้องการค้นหาวัตถุดิบยาในเมืองชิงหลงด้วยอย่างไรก็ตาม ตอนนี้เจ้าทึ่มก็ถึงคอขวดแล้ว และจำเป็นต้องคิดหาวิธีที่จะเปลี่ยนเขาให้กลายเป็นผีดิบเหินฟ้าโดยเร็วที่สุดไม่อย่างนั้น ฉู่เฉินก็คงจะขาดคู่ซ้อมที่แข็งแกร่งไปคนหนึ่งไม่ใช่เหรอ“คุณจะไปเมืองชิงหลงจริงๆ เหรอ? คุณควรรู้ไว้ว่าตอนนี้คุณในโลกแห่งการหยั่งรู้ก็เหมือนกับเป็นสมบัติที่มีชีวิต ไม่รู้ว่ามีคนจำนวนเท่าไหร่ที่กำลังเล็งคุณอยู่”หลิงเสวี่ยกล่าวพลางขมวดคิ้วแน่นไม่ใช่ว่าเธอเป็นห่วงฉู่เฉินมากขนาดนั้น แต่ถ้าฉู่เฉินตกอยู่ในอันตราย เธอก็จะพลอยเดือดร้อนไปด้วย“เมื่อวานเกิดเรื่องใหญ่ขนาดนั้น ยังมีใครกล้าคิดร้ายกับผมอีกงั้นเหรอ?”ฉู่เฉินถามด้วยความสงสัยชิ!หลิงเสวี่ยกลอกตามองฉู่เฉินและกล่าวด้วยสีหน้าจนใจ “คุณคิดว่าเหตุการณ์เมื่อวานนี้จะสร้างความฮือฮาได้มากขนาดไหน แม้ว่า
เมื่อได้ยินคำพูดนี้ ปรมาจารย์ว่านเจี้ยนอดหน้ามืดไม่ได้ แทบจะเป็นลมคาที่นี่ไม่อาจใช้คำว่ามากเกินไปมาบรรยายฉู่เฉินได้แล้ว ปรมาจารย์ฝืนข่มกลั้นโทสะในใจ เอ่ยด้วยรอยยิ้มฝืน ๆ ว่า “คุณฉู่ คุณไม่คิดว่าข้อเรียกร้องของคุณมันมากเกินไปเลยหรือไง?”“ฆ่าคนก็แค่เอาหัวโขกพื้น คะ...คุณเห็นวังเทียนเจี้ยนของผมรังแกง่ายจริง ๆ เหรอ?” ฉู่เฉินหัวเราะหยัน กวาดตามองปรมารจารย์ว่านเจี้ยนแวบหนึ่งแล้วพูดว่า “รังแกคุณแล้วยังไง? เอาของตามใบรายการนี้มา แล้วผมจะหันกายจากไปโดยไม่พูดอะไรเลย”“ถ้าคุณกล้าพูดคำว่าไม่สักคำละก็ ผมก็มีวิธีทำให้วังเทียนเจี้ยนของคุณหายวับไปกับตา” ข่มขู่ ข่มขู่กันอย่างโจ่งแจ้ง“ไอ้คนแซ่ฉู่ แกเหิมเกริมไปแล้ว...” ไม่รอให้ศิษย์ของวังเทียนเจี้ยนที่อยู่ในห้องโถงใหญ่เอ่ยปาก ปรมารจารย์ว่านเจี้ยนก็รีบยกมือห้ามเอ่ยว่า “หุบปากให้หมด!” หลังจากผ่านเหตุการณ์ทุกอย่างที่เกิดขึ้นเมื่อวาน เวลานี้ปรมารจารย์ว่านเจี้ยรไม่สงสัยความสามารถของฉู่เฉินเลยสักนิดเดียวอย่างแย่ที่สุด ฉู่เฉินก็สามารถลากวังเทียนเจี้ยนให้ตายตกตามกันได้ต้องรีบไล่ตัวซวยคนนี้ออกไปโดยเร็วที่สุดถุงจะถูกเมื่อคิดได้ดังนั้น ปรมาจ
ไม่อย่างนั้น เธอก็คงไม่มีทางกระโดดจากสาวใช้ธรรมดา ๆ กลายเป็นสุดยอดฝีมือระดับสร้างรากฐานชั้นแปดภายในระยะเวลาห้าปีสั้น ๆ หรอก แต่ว่าฉู่เฉินรู้เรื่องพวกนี้ได้อย่างไร?เมื่อเห็นหลิงเสวี่ยตะลึงจนพูดไม่ออก ฉู่เฉินก็แหงนหน้าหัวเราะเสียงดังแล้วพูดว่า “ดูท่าจะตรงตามที่ผมเดาไว้จริง ๆ ปรมาจารย์คนดีของคุณอยากเลี้ยงคุณจนสมบูรณ์แล้วค่อยดูดกลืนคุณจนแห้งไงละ” เมื่อหลิงเสวี่ยได้ยินคำพูดนี้ พลันร้อนใจขึ้น ถลึงตามองฉู่เฉินอย่างเย็นชาและกล่าว “ฉู่เฉิน ห้ามคุณพูดจาเหลวไหลนะ”ถึงแม้ว่าปรมาจารย์ว่านเจี้ยนจะเห็นเธอเป็นของชิ้นหนึ่ง มอบเธอให้ฉู่เฉิน แต่ว่าสำนักเคยมีบุญคุณกับเธอจริง ๆ“พูดจาเหลวไหล? กลัวว่าคุณโดนคนอื่นขายแล้ว ยังช่วยเขานับเงินด้วยละมั้ง?”ฉู่เฉินหัวเราะหยัน จากนั้นก็อธิบายวิชาบำเพ็ญคู่ให้ฟังสั้น ๆ และบอกเรื่องคุณสมบัติร่างกายพิเศษอย่างร่างธาตุสวรรค์บริสุทธิ์ว่ามีประโยชน์มากเท่าไหร่ต่อผู้ฝึกวิชาบำเพ็ญคู่ให้ฟังตามความเป็นจริง หลังจากฟังคำพูดนี้ของฉู่เฉินจบก็ทำลายสามมุมมองของหลิงเสวี่ยอย่างแท้จริง “เป็นไปไม่ได้ ต้องไม่ใช่ความจริงแน่นอน ท่านปรมาจารย์มักจะสอนพวกเราว่าผู้บำเพ็ญเพียนต้องทำ
ถึงแม้ว่าในใจของปรมาจารย์ว่านเจี้ยนจะไม่เต็มใจอย่างยิ่ง แต่ก็ทำได้เพียงปล่อยให้ฉู่เฉินจูงมือหลิงเสวี่ยเดินเข้าไปในเรือนเจ้าสำนักที่เขาอาศัยอยู่ ในตอนที่ฉู่เฉินปิดประตูห้องจนสนิท พวกศิษย์ของวังเทียนเจี้ยนต่างก็เผยสีหน้าเจ็บปวดและไม่ยินยอมออกมาจบแล้ว!เทพธิดาในใจของพวกเขา น้องศิษย์เล็กที่พวกเขาเฝ้าปรารถนา โดนไอ้เดรัจฉานฉู่เฉินย่ำยีแบบนี้แล้วเมื่อผลักประตูเดินเข้าไปในห้องนอนด้านใน ฉู่เฉินก็อดตื่นตาตื่นใจไม่ได้ไอ้แก่ตายยากอย่างปรมาจารย์ว่านเจี้ยนคนนี้เสพสุขเก่งจริง ๆ บนเตียงหยกน้ำแข็งมีอุปกรณ์ของเล่นต่าง ๆ ครบครัน นอกจากนี้ยังมีหมอนรองเอวโดยเฉพาะอีกด้วยไอ้เชี่ยนี่ เฒ่าหัวงูถึงจะเป็นคนตัณหากลับ จริง ๆ เมื่อเห็นเฟอร์นิเจอร์ในห้องปรมาจารย์ว่านเจี้ยน หลิงเสวี่ยก็อดขมวดคิ้วไม่ได้พลางกล่าวว่า “ทำไมในห้องของปรมาจารย์ถึงจะมีหมอนสองใบล่ะ อีกอย่าง ทำไมหมอนใบนี้ดูไปแล้ว ไม่ค่อยเหมือนเลย?” หลิงเสวี่ยพูดพลางเอื้อมมือจะไปหยิบหมอนรองเอวใบนั้นขึ้นมา แต่โดนฉู่เฉินขวางไว้ทันที“อีกเดี๋ยวคุณก็จะรู้เองว่าหมอนใบนี้เอาไว้ใช้ทำอะไร เข้ามาสิ”ระหว่างที่พูด ฉู่เฉินก็ดึงหลิงเสวี่ยให้นั่งลงข้างเตียง
เมื่อได้ยินคำพูดนี้ พวกว่านโซ่วเซียนเวิงก็ถอนหายใจติดต่อกันด้วยสีหน้าเสียดายในตอนนี้เอง แผ่นกระดาษสีขาวที่เขียนตำรับยาสร้างกล้ามเนื้อพลันลอยมาจากในวังเทียนเจี้ยน“ผู้อาวุโสทั้งหลาย ขอบคุณครับ”วินาทีต่อมา เสียงของฉู่เฉินดังออกมาจากห้องโถงใหญ่ของวังเทียนเจี้ยนพวกว่านโซ่วเซียนเวิงรับสูตรยาที่ฉู่เฉินส่งมา ก่อนจะมองไปทางตำหนักหลักของวังเทียนเจี้ยนอย่างลึกซึ้งแวบหนึ่ง“พวกเราไปกันเถอะ”ว่านโซ่วเซียนเวิงคัดลอกสูตรยาไว้หนึ่งชุด แล้วก็พาลูกศิษย์แห่งสำนักว่านเซียนหันกายเดินจากไป“เหอะ ๆ... ไอ้หนูมีน้ำใจแล้ว ถือว่าฉันติดหนี้บุญคุณเธอแล้ว ไว้พบกันใหม่”ผู้เฒ่าเทียนเสวียนก็คว้าสูตรยามาเช่นกันก่อนจะคัดลอกทันที จากนั้นเขาก็หันกายพาหลินเจี้ยนเฟิงลอยจากไปไม่นานนัก ผู้คนที่มามุงดูความคึกคักรอบนอกวังเทียนเจี้ยนก็ทยอยกันแยกย้ายไปหมดฉู่เฉินมองปรมาจารย์ว่านเจี้ยนที่หน้าแดงก่ำดูอับอายอย่างยิ่งยวด ก่อนจะหัวเราะหยันแล้วพูดว่า “เมื่อกี้คุณบอกว่าใครใกล้ตายนะ?”ปรมาจารย์ว่านเจี้ยนมองฉู่เฉินพลางกัดฟันกรอด แม้ว่าตอนนี้ภัยคุกคามของวังเทียนเจี้ยนจะถูกขจัดไปแล้ว แต่ไม่ว่าอย่างไรเขาก็ไม่กล้าแตะต้องฉู่เฉ