พูดจบฉู่เฉินก็พยุงกู้รั่วเสวี่ยไปที่เฮลิคอปเตอร์พร้อมกับถานเฟยและคนอื่นๆหลี่หงถูมองแผ่นหลังของฉู่เฉินและกู้รั่วเสวี่ยที่เดินออกไปไกล เขาก็ส่งเสียงไม่พอใจในลำคอ กัดฟันกรอดพูดขึ้นมาอย่างเบาๆ ว่า “ไอ้คนแซ่ฉู่นั่นไว้ชีวิตฉันงั้นเหรอ? หึ! อีกไม่นานหรอก ฉันจะควักหัวใจของแกออกมาเพื่อเซ่นไหว้ให้ลูกชายที่ตายไปของฉัน!”ปี้คุนก้าวไปข้างหน้า พูดกับหลี่หงถู “เรื่องนี้คงจะไม่ง่ายแบบนั้น อายุยังน้อยแบบนี้ก็เป็นยอดฝีมือที่อยู่ในระดับสร้างรากฐานแล้ว”อะไรนะ?หลี่หงถูมองไปที่ปี้คุนด้วยความตกตะลึงปี้คุนพยักหน้าเล็กน้อย แต่แล้วเขาก็ยิ้มเย็นๆ แล้วพูดว่า “เพียงแต่ว่าเขาพึ่งทะลวงระดับสร้างรากฐาน รอให้เรื่องนี้เงียบลงก่อน เดี๋ยวผมจะไปเด็ดหัวมันกลับมาให้ท่านหลี่เองครับ”“ได้!”หลี่หงถูได้ยินประโยคนั้น ใบหน้าของเขาก็ปรีดีขึ้นมา……อีกด้านหนึ่ง เฮลิคอปเตอร์ก็ค่อยๆ บินขึ้นไปบนอากาศ เหลิ่งหนิงซวงและคนอื่นๆ ก็โบกมือลาถานเฟยและฉู่เฉินหลังจากที่เฮลิคอปเตอร์ได้บินขึ้นไปทางตะวันตกเฉียงเหนือแล้ว ฉู่เฉินขมวดคิ้วแล้วพูดขึ้นมาว่า “หัวหน้าใหญ่ถาน เมื่อกี้คุณบอกว่าท่านหลงโดนลอบสังหาร เกิดเรื่องอะไรขึ้นกันแน่ครับ
ในตอนที่ฉู่เฉินและถานเฟยเดินเข้าไปในห้องฉุกเฉิน ก็มีคนอยู่เต็มไปหมดแม้ว่าคนมากมายกำลังยื้อชีวิตท่านหลงอยู่นั้น แต่ก็ทำได้เพียงแค่ยื้อลมหายใจที่รวยรินมากๆ ของท่านหลงเอาไว้“ทุกคนหลบหน่อย!”ถานเฟยก็พยายามดันฝ่าฝูงชนเข้าไป พร้อมทั้งพาฉู่เฉินมายังตรงหน้าท่านหลงแพทย์เจ้าของไข้เงยหน้าขึ้นมามองฉู่เฉิน พร้อมทั้งสีหน้าที่เต็มไปด้วยความสงสัยอย่างหนัก “ตอนนี้ปัญหาที่หนักที่สุดของท่านหลงก็คือ หัวใจของท่านถูกกระสุนเจาะทะลุแล้ว”“ตอนนี้เขามีชีวิตอยู่ได้เพราะการถ่ายเลือดจำนวนมาก และเนื่องจากมีเลือดคั่งในช่องอกเป็นจำนวนมาก ทางเราจึงไม่สามารถทำการเย็บหัวใจได้”หมอเจ้าของไข้อธิบายอาการไปด้วย พร้อมทั้งสังเกตการเปลี่ยนแปลงสีหน้าท่าทางของฉู่เฉินไปด้วยแต่ฉู่เฉินกลับไม่เหลียวแลหมอเจ้าของไข้เลย เขามาตรงหน้าท่านหลง และทำการตรวจสอบชีพจรของท่านหลงอย่างละเอียดสถานการณ์เป็นเหมือนที่เขาบอกไม่กี่วันก่อนหน้านี้จริงๆ ชีวิตแขวนไว้บนเส้นด้าย!นี่อาจจะเป็นอันตรายต่อชีวิตของท่านหลงเลยก็ได้หลังจากนั้นฉู่เฉินก็เปิดไปตรงกระเป๋าเสื้อของท่านหลง มองไปที่บาดแผล เขาขมวดคิ้วแล้วหยิบเข็มเงินสองเล่มออกมา แบ่งฝังไปที่
ฉู่เฉินมองไปที่กระถางยาในมือของถานเฟย ดวงตาเขาก็เป็นประกายขึ้นมา!กระถางยานี้แม้ว่าจะสนิทเกรอะกรัง ดูเก่าจนหมดสภาพ แต่ในความจริงแล้วกลับเป็นสมบัติล้ำค่า!คราบเกรอะกรังสีเขียวนั่นไม่ใช่สนิม แต่เป็นคราบยา!ฉู่เฉินยื่นมือเข้าไปรับกระถางยาในมือของถานเฟย แล้วถือขึ้นมาใกล้จมูกสูดดมกลิ่นเบาๆข้างในมีกลิ่นหอมของยาจริงๆ ด้วย!เพียงแต่ว่าตัวอักษรรอบๆ กระถางยาได้ถูกสนิมบดบังไปหมดแล้ว ดูไม่ออกว่าเขียนอะไรแต่ฉู่เฉินมั่นใจได้แน่นอนว่า กระถางยาที่ถานเฟยนำมาให้ดีกว่ากระถางยาที่อยู่ในมือเขาเป็นร้อยเท่าอาจจะเห็นผลลัพธ์อย่างเกินคาดเมื่อเห็นว่าฉู่เฉินสักพักมอง สักพักยกขึ้นมาดม ทันใดนั้นถานเฟยก็รู้สึกตื่นเต้นจนหัวใจแทบจะหลุดออกมาจากอก!ในฐานทัพมีแค่สิ่งนี้สิ่งเดียวที่ดูเหมือนกระถางยา ถ้าใช้ไม่ได้ แล้วต้องไปซื้อตอนนี้ก็หาซื้อไม่ได้ “คุณฉู่ครับ ถ้าใช้ไม่ได้จริงๆ คุณใช้ถู ๆ ไถ ๆ ไปก่อนนะครับ กระถางยาอันนี้พวกเราได้มาจากห้องใต้ดินของสำนักว่านเซี๋ย อาจจะเก่าไปบ้าง แต่ในตอนนี้หาซื้อไม่ได้จริงๆ ครับ”ถานเฟยร้อนใจจนแทบจะร้องไห้ออกมาตอนนี้ชีวิตของท่านหลงพร้อมจะจากไปทุกเมื่อ“ไม่เพียงแค่ใช้ได้นะ แต
สามารถพูดได้ว่าหากไม่มีการช่วยเหลือจากกระถางยา ฉู่เฉินคงไม่สามารถหลอมยาสร้างกล้ามเนื้อสำเร็จ ยิ่งไม่ต้องพูดถึงด่านเคราะห์โอสถทองคำดูแล้วกระถางยาใบนี้ต้องเป็นสุดยอดของล้ำค่าแน่นอน!เพียงแต่ว่าร่องรอยตัวอักษรข้างบนนั้นมองเห็นไม่ชัด แม้แต่ฉู่เฉินเองก็ไม่สามารถรู้ความเป็นมาของมันได้ไม่มีเวลามาให้เขาคิดมากมาย ฉู่เฉินก็เก็บกระถางยาอย่างระมัดระวัง พร้อมทั้งนำยาสร้างกล้ามเนื้อทั้งสองเม็ดใส่เข้าไปในขวดเซรามิก นำเม็ดที่เหลือสุดท้ายถือไว้ในมือ รีบเดินไปที่ห้องฉุกเฉินขณะนั้นเองก็เป็นท้องฟ้าก็สว่างไสวถานเฟยยังคงเดินไปมาอยู่ในห้องฉุกเฉิน ข้างๆ เขามีหมอเจ้าของไข้ดูเหมือนกำลังพูดอะไรบางอย่างกับถานเฟยอยู่เมื่อเห็นว่าฉู่เฉินกลับมาแล้ว หมอเจ้าของไข้ก็รีบปิดปากทันที ในตอนที่ฉู่เฉินผลักประตูเข้ามา คิ้วที่ขมวดมุ่นของถานเฟยก็ค่อยๆ คลายออก“คุณฉู่ เป็นยังไงบ้างครับ?”ถานเฟยถามขึ้นมาอย่างรีบเร่ง“นำยาเม็ดทองคำนี่ให้ท่านหลงกินซะ!”ระหว่างที่พูด ฉู่เฉินแบมือออก ยาลูกกลอนสีทองนั้นส่องแสงสว่างสีทองออกมา ถานเฟยเมื่อเห็นเช่นนั้นก็ถึงกับชะงักไปเลยทันที“ครับ!”ถานเฟยขานรับ พร้อมทั้งหยิบยาทองคำนั้นมา
เมื่อพูดถึงตรงนี้ ท่านหลงก็ยิ้มออกมาด้วยท่าทีอึดอัดไม่รอให้ฉู่เฉินปริปากออกมา ท่านหลงก็เปลี่ยนเรื่องทันที “คุณฉู่ ผมว่าถานเฟยน่าจะพูดเรื่องสำนักว่านเซี๋ยให้ฟังหลายครั้งแล้วใช่ไหมครับ”“ก่อนหน้านี้ ทางเราได้ยึดของหลายชิ้นมาจากสำนักว่านเซี๋ย แต่ไม่รู้ว่ามันเอาไปใช้ทำอะไร คุณลองดูสิครับว่าอันไหนที่คุณเอาไปใช้ได้บ้าง?”ระหว่างที่พูด ท่านหลงก็หยิบกระจกแปดทิศออกมาจากกระเป๋าเสื้อแล้วยื่นให้ฉู่เฉินฉู่เฉินมองอย่างตั้งใจ ในตอนที่เขารับกระจกแปดทิศมา กระจกก็ดูเหมือนว่าจะมีแสงสีทองแวบออกมาเพียงแต่ว่าแสงทองนั้นแค่แพล็บเดียวพออยู่ในมือก็เหมือนมีกระแสอุ่นๆ ไหลออกมาจากกระจกแปดทิศเมื่อเห็นว่าฉู่เฉินเพ่งเล็งไปที่กระจกแปดทิศใบนั้น ท่านหลงก็ถามด้วยใบหน้าครุ่นคิดว่า “ในตอนที่พวกเรากำลังเก็บกวาดรังของสำนักว่านเซี๋ย แม้ว่าจะไม่ได้อะไร แต่พวกเรากลับเจอกระจกแปดทิศใบนี้ตรงเหนือหัวของรูปปั้นที่หน้าตาแปลกประหลาด”“ผมก็เคยถามเหล่าผู้บำเพ็ญพรตมาไม่ถ้วนเหมือนกัน แต่ก็ไม่มีใครรู้เลยว่ามันใช้ทำอะไร ไม่ทราบว่าคุณฉู่พอดูออกไหมครับ?”ฉู่เฉินใช้มือถูไถกระจกแปดทิศแล้วถือมันไว้ในมือสังเกตอยู่นาน ก่อนจะพูดอย่างเ
ฉู่เฉินก็เสวนากับท่านหลงอีกสักพักหนึ่ง หลังจากนั้นเขาและกู้รั่วเสวี่ยก็ขอตัวลากลับไปก่อนท่านหลงและถานเฟยก็ไปส่งฉู่เฉินและกู้รั่วเสวี่ยขึ้นเฮลิคอปเตอร์ด้วยตัวเอง หลังจากนั้นก็โบกมือร่ำลาฉู่เฉินเฮลิคอปเตอร์ติดอาวุธพาฉู่เฉินและกู้รั่วเสวี่ยไปส่งจนถึงสำนักงานใหญ่แก๊งมังกรที่เจียงจงเจียงหย่วนที่มองเฮลิคอปเตอร์ค่อยๆ ร่อนลงมา เขาก็ถึงกับตกตะลึงไปเลยนี่มันคือเฮลิคอปเตอร์ของสำนักงานใหญ่แก๊งมังกรนี่!ประเด็นคือช่วงนี้เจียงจงก็ไม่ได้มีปัญหาอะไรนี่ ตัวเขาเองก็ไม่ได้ทำผิดกฎอะไรนี่?”“เร็วเข้า จัดกองทัพ ต้อนรับท่านผู้บังคับบัญชา!”เจียงหย่วนไม่รอช้า เขาเรียกกองทัพทั้งหมดของแก๊งมังกรเจียงจงออกมาแต่เมื่อเขาเห็นว่าเป็นฉู่เฉินและกู้รั่วเสวี่ยกำลังเดินลงมาจากเฮลิคอปเตอร์ เขาก็อึ้งจนชาไปทั้งตัว“คะ... คุณฉู่เหรอครับ?”เจียงหย่วนออกแรงขยี้ตา เขามองไปที่ฉู่เฉินอย่างไม่อยากเชื่อสายตา“เจียงหย่วน? คุณกำลัง...”ฉู่เฉินมองไปที่สมาชิกของแก๊งมังกรที่ยืนสองแถวบริเวณรอบๆ ด้วยใบหน้างุนงง พิธีต้อนรับนี่มันจะยิ่งใหญ่เกินไปหรือเปล่า!“ฮ่าๆ...”เจียงหย่วนหัวเราะอย่างอึดอัด มองไปที่เฮลิคอปเตอร์ของสำนัก
ทางด้านปลายสาย ตู้เสี่ยวเยวี่ยพูดขึ้นมาด้วยน้ำเสียงร้อนรน“มีอะไร?”หลิ่วชิงเหอขมวดคิ้วขึ้นมา ตู้เสี่ยวเยวี่ยไม่ได้กลับเมืองหมอตูไปแล้วเหรอ?คงไม่ใช่ว่าเรื่องครั้งนั้นกับฉู่เฉินถูกตระกูลหลี่รู้เข้าใช่ไหมแต่ว่าคนที่รู้เรื่องนั้นก็มีแค่ไม่กี่คนเองเธอและหลิ่วหรูเยียนไม่มีทางพูดเรื่องแบบนั้นออกไปแน่นอน“เรื่องนั้น... โอ๊ย ช่างมันเถอะ หนูพูดตรงๆ เลยแล้วกัน ฉู่เฉินมันไม่ใช่คนธรรมดาค่ะ คุณป้าอย่าไปทำให้มันโกรธเด็ดขาดนะคะ คนคนนี้ไม่ใช่คนที่คุณป้าและหรูเยียนจะไปยั่วยุเขาได้!” “ส่วนเรื่องรายละเอียดหนูขอไม่เจาะลึกไปมากกว่านี้แล้วนะคะ แต่คุณป้าจำไว้ให้แม่นว่าคนนี้ห้ามไปยั่วยุเขาก็พอแล้วค่ะ”ตู้เสี่ยวเยวี่ยตอนแรกจะเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นในตระกูลหลี่ให้หลิ่วชิงเหอฟังทั้งหมด แต่พอคิดไปคิดมาหลี่โย่วถังพึ่งถูกปลด ตัวเธอเองก็ไปรีบไปซุกหัวอยู่กับหลี่เจี้ยนจวิน เรื่องนี้ใครมันจะกล้าพูดออกไปล่ะดังนั้นเธอจึงไม่ได้เล่าเรื่องทั้งหมดออกไป แต่พูดแบบอย่างสรุปให้หลิ่วชิงเหอฟัง“ฉู่เฉินเหรอ?”หลิ่วชิงเหองุนงงเล็กน้อยตู้เสี่ยวเยวี่ยเป็นบ้าอะไรขึ้นมา พึ่งกลับเมืองหมอตูไป ไม่คิดหาทางรักษาลูก แต่กลับมาส
ช่วงเวลาที่ผ่านมานี้ หลิ่วหรูเยียนอดทนกับฉู่เฉินมามากพอแล้วเธอเฝ้ารอดวงดาวเฝ้ารอพระจันทร์ ในที่สุดก็รอมาจนถึงวันที่การแข่งขันแพทย์แผนจีนจะเริ่มขึ้นแล้วขอเพียงแค่เธอสามารถเปิดโปงหน้ากากจอมปลอมของฉู่เฉินออกได้ ดูสิว่าต่อไปเขาจะรังแกพวกเธอสองแม่ลูกอย่างไรคิดไปคิดมา หลิ่วหรูเยียนก็ต่อสายหาหลี่จวิ้นเฟิงหลี่จวิ้นเฟิงตอนนี้ก็กำลัง ‘เตรียมตัว’ เพื่องานแพทย์แผนจีนขั้นตอนตามกฎของการแข่งขันแพทย์แผนจีน ควรจะเป็นผู้แข่งขันจับฉลากผู้ป่วย รักษาผู้ป่วยต่อหน้า สุดท้ายใช้ผลลัพธ์เป็นตัวตัดสินแต่หลี่จวิ้นเฟิงคิดว่าหากเขาทำตามกฎเดิมของการแข่งขัน เปอร์เซ็นต์ชนะของเขาจะไม่ค่อยสูงเท่าไหร่ไม่รู้ว่าไอ้เจ้าฉู่เฉินมันไปได้สูตรยามาจากไหน ถ้าเกิดมันนำยาบำรุงปราณออกมา อาการป่วยเล็กๆ น้อยๆ ก็รักษาให้หายได้เลยไม่ใช่เหรอ?หากอยากได้รับชัยชนะก็ต้องเพิ่มความยากอีกทั้งทุกๆ รายการต้องเป็นด้านที่เขาถนัดที่สุด แบบนี้ก็เหมือนกับการมีประกันสองชั้น!ในตอนที่หลี่จวิ้นเฟิงกำลังจะใช้เส้นสายผ่านอาจารย์สำนักเพื่อเปลี่ยนกฎนั้น จู่ๆ ก็มีสายจากหลิ่วหรูเยียนโทรเข้ามา“หรูเยียน คุณโทรหาผมเหรอ?”หลี่จวิ้นเฟิงกลืนน้ำลาย
ในขณะที่คนในตระกูลหลินกำลังหัวเราะเยาะอยู่ในใจ ก็อดไม่ได้ที่จะถอนหายใจ คนแซ่ฉู่คนนี้ช่างมีดวงผู้หญิงของผู้หญิงจริงๆ“ผมเอง มีอะไรเหรอครับ?”ฉู่เฉินเหลือบมองหลินฮ่าวและคนอื่นๆ แล้วพยักหน้าเล็กน้อย“เหอะๆ มีอะไรงั้นเหรอ?”หลินฮ่าวหัวเราะอย่างเย็นชาและกล่าวว่า “ฉู่เฉิน แกคงไม่รู้ตัวว่าใกล้ถึงวาระสุดท้ายของแกแล้วสินะ?”ฉู่เฉินขมวดคิ้ว มองสำรวจหลินฮ่าวและคนอื่นๆ พร้อมกับสงสัยว่า “ใกล้ถึงวาระสุดท้าย? ดูเหมือนว่าเราจะไม่เคยมีเรื่องบาดหมางกันนะครับ?”ขณะกล่าว ฉู่เฉินและหลิงเสวี่ยต่างก็มองไปที่สมาชิกตระกูลหลินด้วยความระแวดระวังแม้ว่าคนเหล่านี้จะอยู่ในระดับสร้างรากฐานขั้นหกเท่านั้น แต่ฉู่เฉินกลับรู้สึกได้อย่างชัดเจนว่ายอดฝีมือจำนวนมากกำลังมุ่งหน้ามาทางนี้เมื่อหลินฮ่าวได้ยินเช่นนี้ ก็แค่นเสียงเย็นและกล่าวว่า “คนแซ่ฉู่ แกจะแสร้งทำเป็นไม่รู้เรื่องไปทำไม เจ้าสำนักให้เวลาแกสามวันเพื่อไปรับโทษตายที่สำนักชิงอวิ๋น แกคิดว่าแกซ่อนตัวอยู่ในโลกแห่งการหยั่งรู้แล้วจะไม่มีใครหาแกเจองั้นเหรอ?”“ฉันแนะนำให้แกส่งหยกโลหิตกิเลนมาจะดีที่สุด แล้วทิ้งผู้หญิงข้างๆ แกไว้ ไม่งั้นฉันจะฆ่าแกให้ตายอย่างไม่เหลือซาก
ในความเป็นจริงทั้งเมืองชิงหลง แทบจะอยู่ภายใต้อิทธิพลของสำนักชิงอวิ๋นตระกูลจ้าวและตระกูลสวี่ก็ล้วนเป็นศิษย์ของสำนักชิงอวิ๋นเช่นกันถ้าตระกูลหลินเป็นฝ่ายเริ่มเสนอการสังหารฉู่เฉินพื่อแย่งชิงสมบัติ จากนั้นนำหยกโลหิตกิเลนไปมอบให้กับธรรมมาจารย์สำนักชิงอวิ๋น ดูเหมือนว่าตระกูลหลินของพวกเขาก็คงจะได้ความดีความชอบเป็นอันดับแรกสิ่งที่สำคัญที่สุดก็คือจ้าวเต๋อฉวนเป็นทายาทรุ่นที่สองของตระกูลจ้าวและยังเป็นเจ้าสำนักชิงอวิ๋นอีกด้วยถ้าใจร้อนอยากได้ความดีความชอบโดยปกปิดตระกูลจ้าว ทันทีที่เป็นศัตรูกับตระกูลจ้าว ก็ยากที่จะรับประกันได้ว่าในอนาคตจะไม่ถูกจ้าวเต๋อฉวนกีดกันดังนั้น ข้อเสนอของหลินฮ่าวจึงได้รับการเห็นชอบอย่างเป็นเอกฉันท์จากบรรดาผู้เฒ่าตระกูลหลินอย่างรวดเร็วในไม่ช้า ตระกูลหลินก็เริ่มดำเนินการ โดยส่งยอดฝีมือจำนวนมากติดตามหลินฮ่าวไปดักรอฉู่เฉินนอกเมืองชิงหลงอีกด้านหนึ่ง ยังได้ส่งลูกหลานตระกูลหลินไปจำนวนไม่น้อยไปแจ้งตระกูลจ้าวและตระกูลสวี่แค่ยอดฝีมือระดับสร้างรากฐานขั้นที่หกของตระกูลหลิน ก็มีมากถึงสิบกว่าคนแล้วเมื่อรวมกับตระกูลจ้าวและตระกูลสวี่ ภายใต้การร่วมมือของสามตระกูล ไม่ต้องพูดถึง
แม้ว่าจะไม่มีตึกสูง แต่ที่นี่ก็มีสินค้าอุปโภคบริโภคสมัยใหม่บางชนิดจำหน่ายด้วยเหมือนกันหลังจากฟังคำแนะนำของหลิงเสวี่ย ฉู่เฉินก็พยักหน้าและกล่าวว่า “ได้ งั้นไปที่เมืองชิงหลงกันก่อน”อันที่จริง ในด้านหนึ่งฉู่เฉินต้องการเรียนรู้เกี่ยวกับโลกแห่งการหยั่งรู้ และในอีกด้านหนึ่งก็ต้องการค้นหาวัตถุดิบยาในเมืองชิงหลงด้วยอย่างไรก็ตาม ตอนนี้เจ้าทึ่มก็ถึงคอขวดแล้ว และจำเป็นต้องคิดหาวิธีที่จะเปลี่ยนเขาให้กลายเป็นผีดิบเหินฟ้าโดยเร็วที่สุดไม่อย่างนั้น ฉู่เฉินก็คงจะขาดคู่ซ้อมที่แข็งแกร่งไปคนหนึ่งไม่ใช่เหรอ“คุณจะไปเมืองชิงหลงจริงๆ เหรอ? คุณควรรู้ไว้ว่าตอนนี้คุณในโลกแห่งการหยั่งรู้ก็เหมือนกับเป็นสมบัติที่มีชีวิต ไม่รู้ว่ามีคนจำนวนเท่าไหร่ที่กำลังเล็งคุณอยู่”หลิงเสวี่ยกล่าวพลางขมวดคิ้วแน่นไม่ใช่ว่าเธอเป็นห่วงฉู่เฉินมากขนาดนั้น แต่ถ้าฉู่เฉินตกอยู่ในอันตราย เธอก็จะพลอยเดือดร้อนไปด้วย“เมื่อวานเกิดเรื่องใหญ่ขนาดนั้น ยังมีใครกล้าคิดร้ายกับผมอีกงั้นเหรอ?”ฉู่เฉินถามด้วยความสงสัยชิ!หลิงเสวี่ยกลอกตามองฉู่เฉินและกล่าวด้วยสีหน้าจนใจ “คุณคิดว่าเหตุการณ์เมื่อวานนี้จะสร้างความฮือฮาได้มากขนาดไหน แม้ว่า
เมื่อได้ยินคำพูดนี้ ปรมาจารย์ว่านเจี้ยนอดหน้ามืดไม่ได้ แทบจะเป็นลมคาที่นี่ไม่อาจใช้คำว่ามากเกินไปมาบรรยายฉู่เฉินได้แล้ว ปรมาจารย์ฝืนข่มกลั้นโทสะในใจ เอ่ยด้วยรอยยิ้มฝืน ๆ ว่า “คุณฉู่ คุณไม่คิดว่าข้อเรียกร้องของคุณมันมากเกินไปเลยหรือไง?”“ฆ่าคนก็แค่เอาหัวโขกพื้น คะ...คุณเห็นวังเทียนเจี้ยนของผมรังแกง่ายจริง ๆ เหรอ?” ฉู่เฉินหัวเราะหยัน กวาดตามองปรมารจารย์ว่านเจี้ยนแวบหนึ่งแล้วพูดว่า “รังแกคุณแล้วยังไง? เอาของตามใบรายการนี้มา แล้วผมจะหันกายจากไปโดยไม่พูดอะไรเลย”“ถ้าคุณกล้าพูดคำว่าไม่สักคำละก็ ผมก็มีวิธีทำให้วังเทียนเจี้ยนของคุณหายวับไปกับตา” ข่มขู่ ข่มขู่กันอย่างโจ่งแจ้ง“ไอ้คนแซ่ฉู่ แกเหิมเกริมไปแล้ว...” ไม่รอให้ศิษย์ของวังเทียนเจี้ยนที่อยู่ในห้องโถงใหญ่เอ่ยปาก ปรมารจารย์ว่านเจี้ยนก็รีบยกมือห้ามเอ่ยว่า “หุบปากให้หมด!” หลังจากผ่านเหตุการณ์ทุกอย่างที่เกิดขึ้นเมื่อวาน เวลานี้ปรมารจารย์ว่านเจี้ยรไม่สงสัยความสามารถของฉู่เฉินเลยสักนิดเดียวอย่างแย่ที่สุด ฉู่เฉินก็สามารถลากวังเทียนเจี้ยนให้ตายตกตามกันได้ต้องรีบไล่ตัวซวยคนนี้ออกไปโดยเร็วที่สุดถุงจะถูกเมื่อคิดได้ดังนั้น ปรมาจ
ไม่อย่างนั้น เธอก็คงไม่มีทางกระโดดจากสาวใช้ธรรมดา ๆ กลายเป็นสุดยอดฝีมือระดับสร้างรากฐานชั้นแปดภายในระยะเวลาห้าปีสั้น ๆ หรอก แต่ว่าฉู่เฉินรู้เรื่องพวกนี้ได้อย่างไร?เมื่อเห็นหลิงเสวี่ยตะลึงจนพูดไม่ออก ฉู่เฉินก็แหงนหน้าหัวเราะเสียงดังแล้วพูดว่า “ดูท่าจะตรงตามที่ผมเดาไว้จริง ๆ ปรมาจารย์คนดีของคุณอยากเลี้ยงคุณจนสมบูรณ์แล้วค่อยดูดกลืนคุณจนแห้งไงละ” เมื่อหลิงเสวี่ยได้ยินคำพูดนี้ พลันร้อนใจขึ้น ถลึงตามองฉู่เฉินอย่างเย็นชาและกล่าว “ฉู่เฉิน ห้ามคุณพูดจาเหลวไหลนะ”ถึงแม้ว่าปรมาจารย์ว่านเจี้ยนจะเห็นเธอเป็นของชิ้นหนึ่ง มอบเธอให้ฉู่เฉิน แต่ว่าสำนักเคยมีบุญคุณกับเธอจริง ๆ“พูดจาเหลวไหล? กลัวว่าคุณโดนคนอื่นขายแล้ว ยังช่วยเขานับเงินด้วยละมั้ง?”ฉู่เฉินหัวเราะหยัน จากนั้นก็อธิบายวิชาบำเพ็ญคู่ให้ฟังสั้น ๆ และบอกเรื่องคุณสมบัติร่างกายพิเศษอย่างร่างธาตุสวรรค์บริสุทธิ์ว่ามีประโยชน์มากเท่าไหร่ต่อผู้ฝึกวิชาบำเพ็ญคู่ให้ฟังตามความเป็นจริง หลังจากฟังคำพูดนี้ของฉู่เฉินจบก็ทำลายสามมุมมองของหลิงเสวี่ยอย่างแท้จริง “เป็นไปไม่ได้ ต้องไม่ใช่ความจริงแน่นอน ท่านปรมาจารย์มักจะสอนพวกเราว่าผู้บำเพ็ญเพียนต้องทำ
ถึงแม้ว่าในใจของปรมาจารย์ว่านเจี้ยนจะไม่เต็มใจอย่างยิ่ง แต่ก็ทำได้เพียงปล่อยให้ฉู่เฉินจูงมือหลิงเสวี่ยเดินเข้าไปในเรือนเจ้าสำนักที่เขาอาศัยอยู่ ในตอนที่ฉู่เฉินปิดประตูห้องจนสนิท พวกศิษย์ของวังเทียนเจี้ยนต่างก็เผยสีหน้าเจ็บปวดและไม่ยินยอมออกมาจบแล้ว!เทพธิดาในใจของพวกเขา น้องศิษย์เล็กที่พวกเขาเฝ้าปรารถนา โดนไอ้เดรัจฉานฉู่เฉินย่ำยีแบบนี้แล้วเมื่อผลักประตูเดินเข้าไปในห้องนอนด้านใน ฉู่เฉินก็อดตื่นตาตื่นใจไม่ได้ไอ้แก่ตายยากอย่างปรมาจารย์ว่านเจี้ยนคนนี้เสพสุขเก่งจริง ๆ บนเตียงหยกน้ำแข็งมีอุปกรณ์ของเล่นต่าง ๆ ครบครัน นอกจากนี้ยังมีหมอนรองเอวโดยเฉพาะอีกด้วยไอ้เชี่ยนี่ เฒ่าหัวงูถึงจะเป็นคนตัณหากลับ จริง ๆ เมื่อเห็นเฟอร์นิเจอร์ในห้องปรมาจารย์ว่านเจี้ยน หลิงเสวี่ยก็อดขมวดคิ้วไม่ได้พลางกล่าวว่า “ทำไมในห้องของปรมาจารย์ถึงจะมีหมอนสองใบล่ะ อีกอย่าง ทำไมหมอนใบนี้ดูไปแล้ว ไม่ค่อยเหมือนเลย?” หลิงเสวี่ยพูดพลางเอื้อมมือจะไปหยิบหมอนรองเอวใบนั้นขึ้นมา แต่โดนฉู่เฉินขวางไว้ทันที“อีกเดี๋ยวคุณก็จะรู้เองว่าหมอนใบนี้เอาไว้ใช้ทำอะไร เข้ามาสิ”ระหว่างที่พูด ฉู่เฉินก็ดึงหลิงเสวี่ยให้นั่งลงข้างเตียง
เมื่อได้ยินคำพูดนี้ พวกว่านโซ่วเซียนเวิงก็ถอนหายใจติดต่อกันด้วยสีหน้าเสียดายในตอนนี้เอง แผ่นกระดาษสีขาวที่เขียนตำรับยาสร้างกล้ามเนื้อพลันลอยมาจากในวังเทียนเจี้ยน“ผู้อาวุโสทั้งหลาย ขอบคุณครับ”วินาทีต่อมา เสียงของฉู่เฉินดังออกมาจากห้องโถงใหญ่ของวังเทียนเจี้ยนพวกว่านโซ่วเซียนเวิงรับสูตรยาที่ฉู่เฉินส่งมา ก่อนจะมองไปทางตำหนักหลักของวังเทียนเจี้ยนอย่างลึกซึ้งแวบหนึ่ง“พวกเราไปกันเถอะ”ว่านโซ่วเซียนเวิงคัดลอกสูตรยาไว้หนึ่งชุด แล้วก็พาลูกศิษย์แห่งสำนักว่านเซียนหันกายเดินจากไป“เหอะ ๆ... ไอ้หนูมีน้ำใจแล้ว ถือว่าฉันติดหนี้บุญคุณเธอแล้ว ไว้พบกันใหม่”ผู้เฒ่าเทียนเสวียนก็คว้าสูตรยามาเช่นกันก่อนจะคัดลอกทันที จากนั้นเขาก็หันกายพาหลินเจี้ยนเฟิงลอยจากไปไม่นานนัก ผู้คนที่มามุงดูความคึกคักรอบนอกวังเทียนเจี้ยนก็ทยอยกันแยกย้ายไปหมดฉู่เฉินมองปรมาจารย์ว่านเจี้ยนที่หน้าแดงก่ำดูอับอายอย่างยิ่งยวด ก่อนจะหัวเราะหยันแล้วพูดว่า “เมื่อกี้คุณบอกว่าใครใกล้ตายนะ?”ปรมาจารย์ว่านเจี้ยนมองฉู่เฉินพลางกัดฟันกรอด แม้ว่าตอนนี้ภัยคุกคามของวังเทียนเจี้ยนจะถูกขจัดไปแล้ว แต่ไม่ว่าอย่างไรเขาก็ไม่กล้าแตะต้องฉู่เฉ
เวลานี้เอง ทุกคนในเหตุการณ์ตกใจจนเหงื่อแตกพลั่ก ไม่มีใครคาดคิดว่าลู่ชิงเฟิงจะโกรธจริง ๆนอกจากนี้ ประตูใหญ่ของวังเทียนเจี้ยนโดนทำลาย วันหน้าสถานะของวังเทียนเจี้ยนในหมู่สำนักรอบนอกภูเขาหลางจวีซวีย่อมลดลงไปอีกขั้นอย่างแน่นอแม้ว่าปรมาจารย์ว่านเจี้ยนในตอนนี้จะร้องทุกข์มิรู้วาย แต่ก็ไม่กล้าแสดงสีหน้าไม่พอใจเลยสักนิดเดียวเวลานี้จื่อเยว่ที่อยู่ท่ามกลางฝูงชนก็ต้องชื่นชมความโชคดีของฉู่เฉินเช่นกันถึงแม้ความสามารถของเขาจะไม่ค่อยดีเท่าไหร่ แต่อาศัยสติปัญญาและแผนการเรียกยอดคนอย่างลู่ชิงเฟิงออกมายืนอยู่ฝ่ายเขาได้นับว่าผ่านด่านยากตรงหน้าได้ชั่วคราวแล้วจริง ๆ “ศิษย์พี่หญิง ฉู่เฉินคงไม่ได้มีความเกี่ยวข้องอะไรกับลู่ชิงเฟิงใช่ไหม?”หลิงรั่วกลืนน้ำลายอย่างยากลำบาก ก่อนจะเอ่ยถามเสียงเบา“เกี่ยวข้องกับลู่ชิงเฟิง? ไม่มีทางหรอก!”จื่อเยว่หัวเราะหยันพลางส่ายศีรษะลู่ชิงเฟิงนั้นเป็นบุคคลอันดับหนึ่งของวังเต๋าคุนหลุน ถึงแม้จะไม่ใช่เจ้าสำนัก แต่ในวังเต๋าคุนหลุน นอกจากผู้เฒ่าผู้แก่ที่ปลีกวิเวกไม่ออกมาเหล่านั้นแล้ว เขาก็เป็นตัวแทนพลังรบสูงสุดเลยก็ว่าได้แม้ว่าฉู่เฉินเพียงแค่รู้จักลู่ชิงเฟิงเท่านั้น แ
มันอยู่เหนือระดับที่พวกเขาสามารถประมาณค่าได้ไปแล้ว!นักพรตแห่งน้ำไฟผู้แข็งแกร่งไร้เทียมทานเมื่อกี้ ตอนนี้ก็เหงื่อเย็นแตกพลั่ก ไม่กล้าแม้แต่จะปฏิเสธแม้แต่คำเดียวเมื่อเห็นฉากนี้ สีหน้าของปรมาจารย์ว่านเจี้ยนก็เปลี่ยนไปทันที มองสำรวจฉู่เฉินด้วยรอยยิ้มเยาะและกล่าวว่า “เจ้าหนู ดูเหมือนว่าการคำนวณของมนุษย์จะสู้การคำนวณของสวรรค์ไม่ได้จริงๆ คุณคงไม่เคยคิดถึงเรื่องนี้เลยใช่ไหมล่ะ”“ยังกล้าให้ฉันมอบศิษย์ไปอุ่นเตียงให้แกอีกเหรอ? หึ!”เมื่อกล่าวถึงตรงนี้ ปรมาจารย์ว่านเจี้ยนก็แค่นเสียงเย็นและกล่าวว่า “ฉันแนะนำให้แกรีบส่งหยกโลหิตกิเลนมา แล้วฆ่าตัวตายรชดใช้ความผิดต่อหน้าฉันซะ ไม่งั้น...”เมื่อกล่าวถึงตรงนี้ ในดวงตาของปรมาจารย์ว่านเจี้ยนก็ระเบิดรังสีอำมหิตออกมาสองสายสถานการณ์พลิกผันเร็วเกินไป จนกระทั่งหลิงเสวี่ยยังไม่ได้สติ แต่ปรมาจารย์ว่านเจี้ยนไม่เปลี่ยนสีหน้าเร็วเกินไปหน่อยเหรอ?ฉู่เฉินหรี่ตาลงและกล่าวด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า “คุณแน่ใจเหรอ?”“หึ เจ้าหนู ใกล้ตายแล้ว อย่าดิ้นรนไปให้เปลืองแรงเลย!”ขณะกล่าว ปรมาจารย์ว่านเจี้ยนก็ชักกระบี่ออกมาทันที กลิ่นอายอันน่าสะพรึงกลัวของผู้แข็งแกร่งระดับควบแ