ฉู่เฉินแหงนหน้าหัวเราะ “ก็แค่มายากลอย่างหนึ่งเท่านั้น ศพกระตุกอะไรกัน”ขณะพูด ฉู่เฉินใช้นิ้วชี้ไปที่เสื่อผืนหนึ่งที่อยู่อีกด้าน เขาตะโกนเสียงเบา “ขึ้น”ภายใต้สายตาเหลือเชื่อของทุกคน เสื่อผืนนั้นกลับตั้งขึ้นเชี่ย!เสื่อมีชีวิตขึ้นมาแล้วเหรอ?!พอเห็นเหตุการณ์นั้น ดวงหน้าที่ซีดเผือดเพราะความตกใจของกู้รั่วเสวี่ยพลันมีสีเลือดขึ้นมาหลายส่วนฉู่เฉินหัวเราะเบาๆ “ถ้าคุณเป็นนักสู้ คุณก็จะทำได้เหมือนกัน ก็แค่ปล่อยปราณแท้ออกมา แล้วประคองมันขึ้นมาเท่านั้นเอง”ได้ยินอย่างนั้น ผู้จัดการสวีกับพวกหัวหน้าเฉินต่างก็ถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอกเหตุการณ์เมื่อกี้น่าตกใจมากจริงๆ แต่ก็ได้ผลมากด้วย ไม่ใช่แค่หญิงวัยกลางคนที่ก่อความวุ่นวายที่สงบเสงี่ยม แม้แต่นักข่าวพวกนั้นก็หนีกระเจิงไปคนละทิศคนละทางพริบตาเดียว ทั่วทั้งไซต์งานเงียบสงบขึ้นไม่น้อย“ฉู่เฉิน งั้นก็หมายความว่า ตอนนี้ไม่มีเรื่องอะไรแล้วสินะ”กู้รั่วเสวี่ยเดินมาหยุดยืนต่อหน้าฉู่เฉิน ถามเขาด้วยเสียงอันแผ่วเบาฉู่เฉินส่ายหน้า เมื่อกี้เป็นแค่มายากล แต่ไม่ได้หมายความว่าที่ดินผืนนี้ไม่มีปัญหาอะไรไม่อย่างนั้น สมองและอวัยวะภายในของสวี่เอ้อร์โก่วค
มองดูท้องฟ้าเปิดโล่งที่เต็มไปด้วยดวงดาวพร่างพราว กู้รั่วเสวี่ยจึงเพิ่งนึกถึงเรื่องงานขึ้นมาได้ เธอหันไปพูดกับฉู่เฉินว่า “ฟ้าก็มืดแล้ว ต้องเตรียมตัวอะไรหน่อยไหม”ถึงเธอจะไม่เคยเห็นการจับผีที่แท้จริง แต่ก็เคยดูหนังที่คล้ายๆ กันอยู่ในหนังต้องใช้เลือดไก่ตัวผู้ หรือกระบี่เหรียญทองแดงอะไรทำนองนั้นด้วยไม่ใช่เหรอ“ยังเร็วไปอยู่ ผ่านยามจื่อไป ถึงจะเผยเงื่อนงำออกมาให้เห็น พวกเรามาต่อกันเถอะ”พูดจบ ฉู่เฉินคว้าผ้าห่มขึ้นมาคลุมโปง พร้อมกับโถมตัวเข้าใส่ร่างอรชรของกู้รั่วเสวี่ย……เมื่อเวลาล่วงเลยสู่กลางดึก ทั่วทั้งไซต์งานเงียบสงัดเหมือนเป่าสากฉู่เฉินใส่เสื้อผ้าเรียบร้อยแล้ว สาวเดินออกจากห้องพักในโรงงานแสงจันทร์นวลผ่องสาดกระทบลงมา ส่องสว่างพื้นที่โดยรอบ มีเพียงทิศตะวันตกเฉียงเหนือที่ยังคงมืดมิดไปทั้งผืน ราวกับที่ตรงนั้นตัดขาดจากโลกภายนอกก็ไม่ปานฉู่เฉินขมวดคิ้วเล็กน้อย หมายจะสาวเท้าเดินไปทางนั้น ทว่าทันใดนั้น!ทางทิศตะวันตกเฉียงเหนือราวกับมีบางสิ่งกำลังมุดขึ้นมาจากพื้นดิน หน้าดินสั่นสะเทือนไม่หยุด ผ่านไปไม่นานพื้นดินตรงนั้นก็กลายเป็นเนินดินลูกหนึ่งจากนั้น ก็มีเสียงน้ำดังมาจากเนินดินกอง
ทุกสรรพสิ่งล้วนมีจิตวิญญาณของมัน และเมื่อมนุษย์บรรลุมหาธรรมวิถีก็จะกลายเป็นเซียนหากสายพันธุ์อื่นบรรลุมหาธรรมวิถีก็อาจจะกลายเป็นจิตวิญญาณแห่งขุนเขาหรือภูตพรายอย่างไรก็ตาม อสูรน้ำตนนี้ไม่มีทางปรากฏตัวขึ้นที่นี่โดยไร้ที่มาที่ไปเป็นอันขาด จะต้องเกิดจากการที่มีใครบางคนเล่นตุกติกอย่างแน่นอนแต่หัวหน้าเฉินเข้าใจเรื่องพวกนี้ที่ไหนกัน เมื่อได้ยินฉู่เฉินบอกให้เขาขุดกองดินที่สัตว์ประหลาดตัวนั้นโผล่ออกมา เขาก็ปัสสาวะราดตรงนั้นเลย“ปะ...ปรมาจารย์ฉู่ เจ้านี่ตายไปแล้ว ยังต้องขะ...ขุดอีกเหรอครับ?”ฉู่เฉินกลอกตาใส่หัวหน้าเฉินแล้วกล่าวว่า “ไม่ต้องกลัวครับ อสูรน้ำตายไปแล้ว ถ้าเกิดมีอะไรฝังอยู่ข้างใต้แล้วออกมาทำร้ายคนอีกละก็ ผมไม่สนใจแล้วนะ” เมื่อได้ยินคำพูดนี้ หัวหน้าเฉินก็รีบพยักหน้ากล่าวว่า “ได้ครับ! ผะ...ผมจะให้คนมาขุดกองดินนั่นพรุ่งนี้เช้า!”แม้ว่าในใจยังคงหวาดกลัวมาก แต่ฉู่เฉินพูดชัดเจนแล้วว่าหากไม่ขุดแล้วเกิดเรื่องอะไรขึ้นมาอีก ก็จะไม่เกี่ยวข้องกับฉู่เฉินแล้วหัวหน้าเฉินไม่อยากให้มีเรื่องแปลกประหลาดอะไรเกิดขึ้นอีกหลังจากที่ฉู่เฉินจากไปแล้ว คิดไปคิดมา ทำตามที่ฉู่เฉินบอกจะดีกว่า ทั้งคื
“จากที่คุณพูดเมื่อกี้ น่าจะเป็นตระกูลเหยียนร่วมมือกับตระกูลหลี่จงใจวางแผนนี้ขึ้นมา”ฉู่เฉินพยักหน้าเล็กน้อย ถ้าเป็นแบบนี้ก็น่าจะถูกต้องแล้ว“งั้นตระกูลเหยียนก็มีเส้นสายกับวงการบำเพ็ญเพียรด้วยใช่ไหม?” ฉู่เฉินเอ่ยถามกู้รั่วเสวี่ยพยักหน้าแรง ๆ แล้วพูดว่า “ใช่ค่ะ เหยียนหรูซง คุณชายรองตระกูลเหยียนได้ร่ำเรียนวิชาในสำนักบำเพ็ญเพียร เพียงแต่ว่าเขาออกจากตระกูลเหยียนไปเกือบยี่สิบปีแล้ว”“หรือว่าเป็นฝีมือของเหยียนหรูซง?” กู้รั่วเสวี่ยเอ่ยถามโดยที่ดวงหน้าเล็กเคร่งเครียด ฉู่เฉินส่ายหน้าเล็กน้อยกล่าวว่า “ตอนนี้ยังพูดยาก แต่หลี่โย่วถังย่าจะมีคำตอบ”เมื่อได้ยินคำพูดนี้ กู้รั่วเสวี่ยก็พยักหน้าเล็กน้อยแล้วพูดว่า “อืม คุณปู่บอกว่าเรื่องของตระกูลหลี่ ให้พวกเราจัดการกันเอง ส่วนทางฝั่งตระกูลเหยียน เขาจะไปเจรจาเองค่ะ” “นอกจากนี้ ฉันบอกกับคุณปู่แล้วว่าพี่ตัดสินใจลงทุนโครงการนี้แทนตระกูลหลี่ คุณปู่ก็เห็นด้วยแล้วค่ะ” “แต่ว่าเงินที่ตระกูลหลี่ควรออกจะขาดไปไม่ได้แม้แต่แดงเดียว เรื่องที่ควรรับผิดชอบก็ต้องรับผิดชอบด้วย” กู้รั่วเสวี่ยเอ่ยด้วยสีหน้าเด็ดเดี่ยวฉู่เฉินพยักหน้ากล่าวว่า “งั้นก็ดี พวกเราไป
“คุณชาย คุณอาจจะยังไม่ทราบ ยัยเด็กกู้รั่วเสวี่ยคนนั้นไปเชิญยอดคนมาจากไหนก็ไม่รู้ แค่ลงมือก็ทำให้นักข่าวพวกนั้นตกใจกลัวกันหมด ไม่ว่าพวกเราจะให้เงินมากเท่าไหร่ พวกเขาก็ไม่อยากรายงานข่าวเรื่องนี้อีกเลยครับ”“แถมยายแก่แซ่หลิวคนนั้นถึงขนาดไม่ยอมรับสายของเรา และไม่รู้ว่าไปซ่อนตัวที่ไหนแล้ว ต่อให้พวกเราอยากสร้างกระแสก็ไม่มีใครยอมช่วยเลยครับ” เลขารีบอธิบาย“โอ๊ะ? กู้รั่วเสวี่ยเชิญยอดคนมา? สืบประวัติคนคนนี้หรือยัง?” หลี่โย่วถังพูดพลางหรี่ตาขึ้นมา นี่เกี่ยวพันถึงธุรกิจขนาดใหญ่หลายพันล้าน จะเลินเล่อไม่ได้แม้แต่นิดเดียวไม่ว่าจะเป็นยอดคนแบบไหน หากกล้าขัดขวางหนทางหาเงินของตระกูลหลี่ก็ต้องตายสถานเดียว“สืบมาแล้วครับ ชื่อว่าฉู่เฉิน และเป็นคนที่มาจากเจียงจงด้วยครับ” เมื่อได้ยินคำว่าฉู่เฉิน ตู้เสี่ยวเยวี่ยอดตกตะลึงไม่ได้ ฉู่เฉิน ?! โลกช่างแคบเสียจริง เธอกำลังกลุ้มใจว่าไม่มีโอกาสให้ฉู่เฉินรักษาโรคให้เธออยู่เลย ผลคือใครจะคาดคิดได้ว่าฉู่เฉินจะมาที่เมืองหมอตูแล้ว นอกจากนี้เขายังบังเอิญล่วงเกินตระกูลหลี่ด้วย ไม่แน่ว่าพอถึงเวลานั้นเธออาจจะข่มขู่ฉู่เฉินได้ ขอเพียงเขารับปากว่าจะรักษาอาการม
ตู้เสี่ยวเยวี่ยตอบรับ แล้วเดินลงรถจากรถหรูไปพร้อมกับหลี่โย่วถัง.....ผ่านไปไม่นาน เมื่อลิฟต์จอดที่ชั้นบนสุด หลี่โย่วถังเดินออกมาด้วยสีหน้าเคร่งขรึม ชายวัยกลางคนที่มีใบหน้าเหลืองซีดราวกับกระดาษ สวมชุดโซ่วอีสีดำสำหรับพิธีศพ รีบลุกขึ้นมาจากโซฟา “คุณชายหลี่ คุณกลับมาแล้ว” หลี่โย่วถังขมวดคิ้วมองชายวัยกลางคนแวบหนึ่งแล้วกล่าวว่า “อาจารย์จื่อหยาง เกิดอะไรขึ้นกันแน่ครับ? คุณบอกว่าถ้าฝังอสูรน้ำรูปสลักหินลงไปก็จะทำให้ตระกูลกู้ปั่นป่วนจนอยู่ไม่เป็นสุขได้ไม่ใช่เหรอ?” “แต่ทำไมผมได้ยินมาว่าตระกูลกู้ไม่เพียงไม่เดือดร้อนวุ่นวาย แต่คุณยังทำให้กู้รั่วเสวี่ยหาปรมาจารย์อะไรมาจนโดนแว้งกัดแทน?”เมื่อได้ยินหลี่โย่วถังพูดแบบนี้ ดวงหน้าชราของอาจารย์จื่อหยางก็แดงสลับขาว “คุณชายหลี่ คุณฟังผมนะ อีกฝ่ายอาจจะเป็นยอดฝีมือ นอกจากนี้ค่ายกลปลุกศพของผมไม่มีทางที่จะไม่ก่อปัญหาให้ตระกูลกู้ จากที่ผมรู้มา มีคนตายในไซต์งานก่อสร้างแล้ว”เห็นได้ชัดว่าคำพูดนี้ของอาจารย์จื่อหยางเหมือนตำหนิหลี่โย่วถังเป็นนัย ๆ ว่าจะการไม่ดีเองเกิดเรื่องใหญ่จนถึงแก่ชีวิตคนขนาดนี้ หลี่โย่วถังกลับไม่สามารถใช้ประโยชน์ให้ดีได้ จะโทษว่าเข
ตู้เสี่ยวเยวี่ยฝืนพยักหน้าพูดตามตรง ไม่มีผู้หญิงคนไหนไม่ใส่ใจเรื่องพวกนี้หรอกแต่เธอเป็นเพียงสาวน้อยจากตระกูลเล็ก ๆ ในเจียงจง ไฉนเลยจะไปควบคุมคุณชายใหญ่หลี่โย่วถังจากตระกูลหลี่ที่แสนยิ่งใหญ่ได้? แม้ว่าในใจจะมีความไม่ยินยอมนับร้อย แต่เธอก็ได้แต่ทำตามความคิดของหลี่โย่วถังเท่านั้นเมื่อเห็นตู้เสี่ยวเยวี่ยไม่มีความคิดต่อต้าน อาจารย์จื่อหยางถึงค่อยหยิบตุ๊กตากระดาษสีแดงเล็ก ๆ ออกมาสองตัวแล้วพูดว่า “คุณชายหลี่ พูดง่าย ๆ คือขอเพียงคุณคิดหาวิธีเอาตุ๊กตากระดาษตัวหนึ่งใส่ลงไปในกระเป๋าสะพายข้างของกู้รั่วเสวี่ยก็พอ” “พอถึงเวลานั้น ผมจะทำพิธีอยู่ข้างล่าง ไม่นานกู้รั่วเสวี่ยคนนั้นจะเปลื้องผ้าให้คุณชายหลี่เชยชมได้ตามใจชอบเอง”เมื่อได้ยินคำพูดนี้ หัวใจของหลี่โย่วถังก็เต้นเร็วขึ้นหลายเท่าอาจารย์จื่อหยางไม่ทำให้เขาผิดหวังจริง ๆ ด้วย สิ่งสำคัญที่สุดคืออาจารย์จื่อหยางรู้ว่าในใจของเขาต้องการอะไร“ดี งั้นก็ลำบากอาจารย์จื่อหยางแล้ว” หลี่โย่วถังตาเป็นประกาย ถูมือสองข้าง ก่อนจะรับตุ๊กตากระดาษสีแดงตัวเล็กหนึ่งในนั้นจากในมือของอาจารย์จื่อหยาง“แต่ว่า คุณชายหลี่...จะกินคนเดียวไม่ได้นะครับ ให้ผมด้วยไ
“คุณก็อยู่รอคุณหนูกู้ที่นี่ละกัน”ฉู่เฉินหรี่ตา เอ่ยด้วยเสียงเย็นชาว่า “ถ้าเกิดผมบอกว่าไม่ล่ะ?” หลี่โย่วถังแค่นเสียงเบา ๆ กวาดตามองฉู่เฉินแวบหนึ่งแล้วเอ่ยว่า “คุณไม่ดูตัวเองเลยนะ คุณคิดว่าตัวเองเป็นใคร คุณมีสิทธิพูดจาที่นี่ได้ด้วยเหรอ?!”เมื่อสิ้นเสียงพูด หลี่โย่วถังก็หันหน้าไปมองกู้รั่วเสวี่ยแล้วกล่าวว่า “คุณหนูกู้ เรื่องธุรกิจระหว่างพวกเราสองตระกูลไม่จำเป็นต้องให้บุคคลที่สามมาฟังใช่ไหม? “ถ้าเกิดคุณยืนกรานว่าจะพาคนนอกมาคุยกับผม งั้นก็ขอโทษด้วยครับ เชิญกลับไปเถอะ” หลี่โย่วถังกล่าวจบก็เอามือสองข้างไพล่หลัง เดินไปที่ห้องทำงานของตัวเองนี่...กู้รั่วเสวี่ยเองก็ตัดสินใจไม่ได้อยู่ชั่วขณะอย่างไรก็ตาม ที่นี่มีระยะห่างจากห้องทำงานของหลี่โย่วถังแค่สิบกว่าเมตรเท่านั้น เชื่อว่าน่าจะไม่มีเรื่องอะไรเกิดขึ้นเมื่อคิดเช่นนี้ กู้รั่วเสวี่ยถึงค่อยพูดกับฉู่เฉินว่า “ฉู่เฉิน ถ้าอย่างนั้นพี่ก็รอฉันอยู่ตรงนี้สักพัก ฉันไปแล้วเดี๋ยวก็กลับ”ฉู่เฉินพยักหน้าเล็กน้อยแล้วกล่าวว่า “ก็ได้ แต่คุณต้องระวังคนแซ่หลี่คนนี้นะ ผมรู้สึกอยู่ตลอดว่าเขาไม่หวังดี”กู้รั่วเสวี่ยพยักหน้าอย่างหนักแน่นแล้วกล่าวว่า “
สิ้นเสียง คนในตระกูลหลินต่างก้าวเท้าไปข้างหน้าและล้อมจ้าวเต๋อฉวนไว้ดูเหมือนว่าถ้าพูดไม่ถูกใจก็จะลงมือทันทีจ้าวเต๋อฉวนโกรธจนหัวเราะกับคนตระกูลหลิน มองสำรวจหลินเจิ้งไท่และกล่าวอย่างเย็นชา “ให้คำอธิบายกับคุณน่ะเหรอ? ผมจะอธิบายอะไรให้คุณล่ะ”หลินเจิ้งไท่สีหน้ามืดมน กัดฟันกล่าวว่า “พวกเราดักฆ่าฉู่เฉินที่นี่แล้วผิดอะไร? เจ้าสำนักก็เคยกล่าวไว้ ถ้าได้หยกโลหิตกิเลนมาก็เป็นประโยชน์ต่อสำนักชิงอวิ๋นของเราอย่างยิ่ง หัวหน้าจ้าวไม่รู้เหรอครับ?”“หึ ดักฆ่าฉู่เฉิน?”จ้าวเต๋อฉวนกัดฟันกรอดจนฟันแทบแตก มองหลินเจิ้งไท่อย่างเย็นชาและกล่าวว่า “พวกคุณคิดว่ามีแค่พวกคุณที่ได้รับข่าวว่าฉู่เฉินนำหยกโลหิตกิเลนเข้าสู่โลกแห่งการหยั่งรู้งั้นเหรอ?”“จนถึงตอนนี้ ฉู่เฉินยังคงปลอดภัยดี พวกคุณไม่คิดบ้างเหรอว่าทำไม?”หมายความว่ายังไง?เมื่อได้ยินเช่นนี้ หลินเจิ้งไท่ก็มองไปที่จ้าวเต๋อฉวนด้วยความไม่เข้าใจ“ไม่แปลกใจเลยที่เจ้าสำนักดูถูกพวกคุณตระกูลหลิน พวกคุณสร้างปัญหาให้เจ้าสำนักเก่งจริงๆ”ตอนนี้จ้าวเต๋อฉวนโกรธจนอยากจะด่าคน ไม่เคยเจอใครโง่งมขนาดนี้มาก่อน“หัวหน้าจ้าว หวังว่าคุณจะอธิบายให้ชัดเจนครับ”หลินเจิ้งไท่
ในขณะนี้ หลิงเสวี่ยก็รู้สึกตื่นตระหนกเล็กน้อยเช่นกันเพราะไม่ใช่แค่หลินเจิ้งไท่เท่านั้น รวมถึงยอดฝีมือของตระกูลหลินทั้งสามที่อยู่เบื้องหลังเขาต่างก็ก้าวมาข้างหน้าหนึ่งก้าวแม้ว่าตอนนี้หลิงเสวี่ยจะอยู่ระดับสร้างรากฐานขั้นแปด แต่ก็ไม่ใช่คู่ต่อสู้ของหลินเจิ้งไท่อย่างแน่นอนยิ่งกว่านั้น เหล่าคนที่อยู่เบื้องหลังหลินเจิ้งไท่ก็ล้วนมีพลังระดับสร้างรากฐานขั้นสูงสุด ถ้าลงมือขึ้นมาจริงๆ เธอและฉู่เฉินก็ไม่มีโอกาสชนะเลยแม้แต่น้อย“ฉู่เฉิน ฉันบอกคุณนานแล้วว่าอย่าอยู่ในโลกแห่งการหยั่งรู้นานเกินไป คุณก็ไม่ฟัง”หลิงเสวี่ยกระซิบตำหนิฉู่เฉินไปพลาง มองไปรอบๆ อย่างกระวนกระวายไปพลางเมื่อเห็นว่าหลิงเสวี่ยเริ่มลนลานแล้ว หลินฮ่าวที่กำลังเอามือกุมหน้าก็ปาดเลือดที่มุมปากออก ก้าวไปข้างหน้าและมองสำรวจฉู่เฉินด้วยความดูถูกพลางกล่าวว่า “ไอ้คนแซ่ฉู่ ตอนนี้รู้แล้วหรือยังล่ะ?”ขณะกล่าว ก็กวาดตามองไปยังเหล่ายอดฝีมือของตระกูลหลินและกล่าวอย่างเย็นชา “ตอนนี้ จงส่งหยกโลหิตกิเลนมาซะ และทิ้งผู้หญิงข้างๆ แกไว้ ไม่งั้น ตาย!”ทันทีที่คำว่าตายหลุดออกมา คนในตระกูลหลินแทบจะก้าวเท้าไปข้างหน้าพร้อมกันแรงกดดันอันน่าสะพรึงกลัว
ในขณะที่คนในตระกูลหลินกำลังหัวเราะเยาะอยู่ในใจ ก็อดไม่ได้ที่จะถอนหายใจ คนแซ่ฉู่คนนี้ช่างมีดวงผู้หญิงของผู้หญิงจริงๆ“ผมเอง มีอะไรเหรอครับ?”ฉู่เฉินเหลือบมองหลินฮ่าวและคนอื่นๆ แล้วพยักหน้าเล็กน้อย“เหอะๆ มีอะไรงั้นเหรอ?”หลินฮ่าวหัวเราะอย่างเย็นชาและกล่าวว่า “ฉู่เฉิน แกคงไม่รู้ตัวว่าใกล้ถึงวาระสุดท้ายของแกแล้วสินะ?”ฉู่เฉินขมวดคิ้ว มองสำรวจหลินฮ่าวและคนอื่นๆ พร้อมกับสงสัยว่า “ใกล้ถึงวาระสุดท้าย? ดูเหมือนว่าเราจะไม่เคยมีเรื่องบาดหมางกันนะครับ?”ขณะกล่าว ฉู่เฉินและหลิงเสวี่ยต่างก็มองไปที่สมาชิกตระกูลหลินด้วยความระแวดระวังแม้ว่าคนเหล่านี้จะอยู่ในระดับสร้างรากฐานขั้นหกเท่านั้น แต่ฉู่เฉินกลับรู้สึกได้อย่างชัดเจนว่ายอดฝีมือจำนวนมากกำลังมุ่งหน้ามาทางนี้เมื่อหลินฮ่าวได้ยินเช่นนี้ ก็แค่นเสียงเย็นและกล่าวว่า “คนแซ่ฉู่ แกจะแสร้งทำเป็นไม่รู้เรื่องไปทำไม เจ้าสำนักให้เวลาแกสามวันเพื่อไปรับโทษตายที่สำนักชิงอวิ๋น แกคิดว่าแกซ่อนตัวอยู่ในโลกแห่งการหยั่งรู้แล้วจะไม่มีใครหาแกเจองั้นเหรอ?”“ฉันแนะนำให้แกส่งหยกโลหิตกิเลนมาจะดีที่สุด แล้วทิ้งผู้หญิงข้างๆ แกไว้ ไม่งั้นฉันจะฆ่าแกให้ตายอย่างไม่เหลือซาก
ในความเป็นจริงทั้งเมืองชิงหลง แทบจะอยู่ภายใต้อิทธิพลของสำนักชิงอวิ๋นตระกูลจ้าวและตระกูลสวี่ก็ล้วนเป็นศิษย์ของสำนักชิงอวิ๋นเช่นกันถ้าตระกูลหลินเป็นฝ่ายเริ่มเสนอการสังหารฉู่เฉินพื่อแย่งชิงสมบัติ จากนั้นนำหยกโลหิตกิเลนไปมอบให้กับธรรมมาจารย์สำนักชิงอวิ๋น ดูเหมือนว่าตระกูลหลินของพวกเขาก็คงจะได้ความดีความชอบเป็นอันดับแรกสิ่งที่สำคัญที่สุดก็คือจ้าวเต๋อฉวนเป็นทายาทรุ่นที่สองของตระกูลจ้าวและยังเป็นเจ้าสำนักชิงอวิ๋นอีกด้วยถ้าใจร้อนอยากได้ความดีความชอบโดยปกปิดตระกูลจ้าว ทันทีที่เป็นศัตรูกับตระกูลจ้าว ก็ยากที่จะรับประกันได้ว่าในอนาคตจะไม่ถูกจ้าวเต๋อฉวนกีดกันดังนั้น ข้อเสนอของหลินฮ่าวจึงได้รับการเห็นชอบอย่างเป็นเอกฉันท์จากบรรดาผู้เฒ่าตระกูลหลินอย่างรวดเร็วในไม่ช้า ตระกูลหลินก็เริ่มดำเนินการ โดยส่งยอดฝีมือจำนวนมากติดตามหลินฮ่าวไปดักรอฉู่เฉินนอกเมืองชิงหลงอีกด้านหนึ่ง ยังได้ส่งลูกหลานตระกูลหลินไปจำนวนไม่น้อยไปแจ้งตระกูลจ้าวและตระกูลสวี่แค่ยอดฝีมือระดับสร้างรากฐานขั้นที่หกของตระกูลหลิน ก็มีมากถึงสิบกว่าคนแล้วเมื่อรวมกับตระกูลจ้าวและตระกูลสวี่ ภายใต้การร่วมมือของสามตระกูล ไม่ต้องพูดถึง
แม้ว่าจะไม่มีตึกสูง แต่ที่นี่ก็มีสินค้าอุปโภคบริโภคสมัยใหม่บางชนิดจำหน่ายด้วยเหมือนกันหลังจากฟังคำแนะนำของหลิงเสวี่ย ฉู่เฉินก็พยักหน้าและกล่าวว่า “ได้ งั้นไปที่เมืองชิงหลงกันก่อน”อันที่จริง ในด้านหนึ่งฉู่เฉินต้องการเรียนรู้เกี่ยวกับโลกแห่งการหยั่งรู้ และในอีกด้านหนึ่งก็ต้องการค้นหาวัตถุดิบยาในเมืองชิงหลงด้วยอย่างไรก็ตาม ตอนนี้เจ้าทึ่มก็ถึงคอขวดแล้ว และจำเป็นต้องคิดหาวิธีที่จะเปลี่ยนเขาให้กลายเป็นผีดิบเหินฟ้าโดยเร็วที่สุดไม่อย่างนั้น ฉู่เฉินก็คงจะขาดคู่ซ้อมที่แข็งแกร่งไปคนหนึ่งไม่ใช่เหรอ“คุณจะไปเมืองชิงหลงจริงๆ เหรอ? คุณควรรู้ไว้ว่าตอนนี้คุณในโลกแห่งการหยั่งรู้ก็เหมือนกับเป็นสมบัติที่มีชีวิต ไม่รู้ว่ามีคนจำนวนเท่าไหร่ที่กำลังเล็งคุณอยู่”หลิงเสวี่ยกล่าวพลางขมวดคิ้วแน่นไม่ใช่ว่าเธอเป็นห่วงฉู่เฉินมากขนาดนั้น แต่ถ้าฉู่เฉินตกอยู่ในอันตราย เธอก็จะพลอยเดือดร้อนไปด้วย“เมื่อวานเกิดเรื่องใหญ่ขนาดนั้น ยังมีใครกล้าคิดร้ายกับผมอีกงั้นเหรอ?”ฉู่เฉินถามด้วยความสงสัยชิ!หลิงเสวี่ยกลอกตามองฉู่เฉินและกล่าวด้วยสีหน้าจนใจ “คุณคิดว่าเหตุการณ์เมื่อวานนี้จะสร้างความฮือฮาได้มากขนาดไหน แม้ว่า
เมื่อได้ยินคำพูดนี้ ปรมาจารย์ว่านเจี้ยนอดหน้ามืดไม่ได้ แทบจะเป็นลมคาที่นี่ไม่อาจใช้คำว่ามากเกินไปมาบรรยายฉู่เฉินได้แล้ว ปรมาจารย์ฝืนข่มกลั้นโทสะในใจ เอ่ยด้วยรอยยิ้มฝืน ๆ ว่า “คุณฉู่ คุณไม่คิดว่าข้อเรียกร้องของคุณมันมากเกินไปเลยหรือไง?”“ฆ่าคนก็แค่เอาหัวโขกพื้น คะ...คุณเห็นวังเทียนเจี้ยนของผมรังแกง่ายจริง ๆ เหรอ?” ฉู่เฉินหัวเราะหยัน กวาดตามองปรมารจารย์ว่านเจี้ยนแวบหนึ่งแล้วพูดว่า “รังแกคุณแล้วยังไง? เอาของตามใบรายการนี้มา แล้วผมจะหันกายจากไปโดยไม่พูดอะไรเลย”“ถ้าคุณกล้าพูดคำว่าไม่สักคำละก็ ผมก็มีวิธีทำให้วังเทียนเจี้ยนของคุณหายวับไปกับตา” ข่มขู่ ข่มขู่กันอย่างโจ่งแจ้ง“ไอ้คนแซ่ฉู่ แกเหิมเกริมไปแล้ว...” ไม่รอให้ศิษย์ของวังเทียนเจี้ยนที่อยู่ในห้องโถงใหญ่เอ่ยปาก ปรมารจารย์ว่านเจี้ยนก็รีบยกมือห้ามเอ่ยว่า “หุบปากให้หมด!” หลังจากผ่านเหตุการณ์ทุกอย่างที่เกิดขึ้นเมื่อวาน เวลานี้ปรมารจารย์ว่านเจี้ยรไม่สงสัยความสามารถของฉู่เฉินเลยสักนิดเดียวอย่างแย่ที่สุด ฉู่เฉินก็สามารถลากวังเทียนเจี้ยนให้ตายตกตามกันได้ต้องรีบไล่ตัวซวยคนนี้ออกไปโดยเร็วที่สุดถุงจะถูกเมื่อคิดได้ดังนั้น ปรมาจ
ไม่อย่างนั้น เธอก็คงไม่มีทางกระโดดจากสาวใช้ธรรมดา ๆ กลายเป็นสุดยอดฝีมือระดับสร้างรากฐานชั้นแปดภายในระยะเวลาห้าปีสั้น ๆ หรอก แต่ว่าฉู่เฉินรู้เรื่องพวกนี้ได้อย่างไร?เมื่อเห็นหลิงเสวี่ยตะลึงจนพูดไม่ออก ฉู่เฉินก็แหงนหน้าหัวเราะเสียงดังแล้วพูดว่า “ดูท่าจะตรงตามที่ผมเดาไว้จริง ๆ ปรมาจารย์คนดีของคุณอยากเลี้ยงคุณจนสมบูรณ์แล้วค่อยดูดกลืนคุณจนแห้งไงละ” เมื่อหลิงเสวี่ยได้ยินคำพูดนี้ พลันร้อนใจขึ้น ถลึงตามองฉู่เฉินอย่างเย็นชาและกล่าว “ฉู่เฉิน ห้ามคุณพูดจาเหลวไหลนะ”ถึงแม้ว่าปรมาจารย์ว่านเจี้ยนจะเห็นเธอเป็นของชิ้นหนึ่ง มอบเธอให้ฉู่เฉิน แต่ว่าสำนักเคยมีบุญคุณกับเธอจริง ๆ“พูดจาเหลวไหล? กลัวว่าคุณโดนคนอื่นขายแล้ว ยังช่วยเขานับเงินด้วยละมั้ง?”ฉู่เฉินหัวเราะหยัน จากนั้นก็อธิบายวิชาบำเพ็ญคู่ให้ฟังสั้น ๆ และบอกเรื่องคุณสมบัติร่างกายพิเศษอย่างร่างธาตุสวรรค์บริสุทธิ์ว่ามีประโยชน์มากเท่าไหร่ต่อผู้ฝึกวิชาบำเพ็ญคู่ให้ฟังตามความเป็นจริง หลังจากฟังคำพูดนี้ของฉู่เฉินจบก็ทำลายสามมุมมองของหลิงเสวี่ยอย่างแท้จริง “เป็นไปไม่ได้ ต้องไม่ใช่ความจริงแน่นอน ท่านปรมาจารย์มักจะสอนพวกเราว่าผู้บำเพ็ญเพียนต้องทำ
ถึงแม้ว่าในใจของปรมาจารย์ว่านเจี้ยนจะไม่เต็มใจอย่างยิ่ง แต่ก็ทำได้เพียงปล่อยให้ฉู่เฉินจูงมือหลิงเสวี่ยเดินเข้าไปในเรือนเจ้าสำนักที่เขาอาศัยอยู่ ในตอนที่ฉู่เฉินปิดประตูห้องจนสนิท พวกศิษย์ของวังเทียนเจี้ยนต่างก็เผยสีหน้าเจ็บปวดและไม่ยินยอมออกมาจบแล้ว!เทพธิดาในใจของพวกเขา น้องศิษย์เล็กที่พวกเขาเฝ้าปรารถนา โดนไอ้เดรัจฉานฉู่เฉินย่ำยีแบบนี้แล้วเมื่อผลักประตูเดินเข้าไปในห้องนอนด้านใน ฉู่เฉินก็อดตื่นตาตื่นใจไม่ได้ไอ้แก่ตายยากอย่างปรมาจารย์ว่านเจี้ยนคนนี้เสพสุขเก่งจริง ๆ บนเตียงหยกน้ำแข็งมีอุปกรณ์ของเล่นต่าง ๆ ครบครัน นอกจากนี้ยังมีหมอนรองเอวโดยเฉพาะอีกด้วยไอ้เชี่ยนี่ เฒ่าหัวงูถึงจะเป็นคนตัณหากลับ จริง ๆ เมื่อเห็นเฟอร์นิเจอร์ในห้องปรมาจารย์ว่านเจี้ยน หลิงเสวี่ยก็อดขมวดคิ้วไม่ได้พลางกล่าวว่า “ทำไมในห้องของปรมาจารย์ถึงจะมีหมอนสองใบล่ะ อีกอย่าง ทำไมหมอนใบนี้ดูไปแล้ว ไม่ค่อยเหมือนเลย?” หลิงเสวี่ยพูดพลางเอื้อมมือจะไปหยิบหมอนรองเอวใบนั้นขึ้นมา แต่โดนฉู่เฉินขวางไว้ทันที“อีกเดี๋ยวคุณก็จะรู้เองว่าหมอนใบนี้เอาไว้ใช้ทำอะไร เข้ามาสิ”ระหว่างที่พูด ฉู่เฉินก็ดึงหลิงเสวี่ยให้นั่งลงข้างเตียง
เมื่อได้ยินคำพูดนี้ พวกว่านโซ่วเซียนเวิงก็ถอนหายใจติดต่อกันด้วยสีหน้าเสียดายในตอนนี้เอง แผ่นกระดาษสีขาวที่เขียนตำรับยาสร้างกล้ามเนื้อพลันลอยมาจากในวังเทียนเจี้ยน“ผู้อาวุโสทั้งหลาย ขอบคุณครับ”วินาทีต่อมา เสียงของฉู่เฉินดังออกมาจากห้องโถงใหญ่ของวังเทียนเจี้ยนพวกว่านโซ่วเซียนเวิงรับสูตรยาที่ฉู่เฉินส่งมา ก่อนจะมองไปทางตำหนักหลักของวังเทียนเจี้ยนอย่างลึกซึ้งแวบหนึ่ง“พวกเราไปกันเถอะ”ว่านโซ่วเซียนเวิงคัดลอกสูตรยาไว้หนึ่งชุด แล้วก็พาลูกศิษย์แห่งสำนักว่านเซียนหันกายเดินจากไป“เหอะ ๆ... ไอ้หนูมีน้ำใจแล้ว ถือว่าฉันติดหนี้บุญคุณเธอแล้ว ไว้พบกันใหม่”ผู้เฒ่าเทียนเสวียนก็คว้าสูตรยามาเช่นกันก่อนจะคัดลอกทันที จากนั้นเขาก็หันกายพาหลินเจี้ยนเฟิงลอยจากไปไม่นานนัก ผู้คนที่มามุงดูความคึกคักรอบนอกวังเทียนเจี้ยนก็ทยอยกันแยกย้ายไปหมดฉู่เฉินมองปรมาจารย์ว่านเจี้ยนที่หน้าแดงก่ำดูอับอายอย่างยิ่งยวด ก่อนจะหัวเราะหยันแล้วพูดว่า “เมื่อกี้คุณบอกว่าใครใกล้ตายนะ?”ปรมาจารย์ว่านเจี้ยนมองฉู่เฉินพลางกัดฟันกรอด แม้ว่าตอนนี้ภัยคุกคามของวังเทียนเจี้ยนจะถูกขจัดไปแล้ว แต่ไม่ว่าอย่างไรเขาก็ไม่กล้าแตะต้องฉู่เฉ