ฉู่เฉินแหงนหน้าหัวเราะ “ก็แค่มายากลอย่างหนึ่งเท่านั้น ศพกระตุกอะไรกัน”ขณะพูด ฉู่เฉินใช้นิ้วชี้ไปที่เสื่อผืนหนึ่งที่อยู่อีกด้าน เขาตะโกนเสียงเบา “ขึ้น”ภายใต้สายตาเหลือเชื่อของทุกคน เสื่อผืนนั้นกลับตั้งขึ้นเชี่ย!เสื่อมีชีวิตขึ้นมาแล้วเหรอ?!พอเห็นเหตุการณ์นั้น ดวงหน้าที่ซีดเผือดเพราะความตกใจของกู้รั่วเสวี่ยพลันมีสีเลือดขึ้นมาหลายส่วนฉู่เฉินหัวเราะเบาๆ “ถ้าคุณเป็นนักสู้ คุณก็จะทำได้เหมือนกัน ก็แค่ปล่อยปราณแท้ออกมา แล้วประคองมันขึ้นมาเท่านั้นเอง”ได้ยินอย่างนั้น ผู้จัดการสวีกับพวกหัวหน้าเฉินต่างก็ถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอกเหตุการณ์เมื่อกี้น่าตกใจมากจริงๆ แต่ก็ได้ผลมากด้วย ไม่ใช่แค่หญิงวัยกลางคนที่ก่อความวุ่นวายที่สงบเสงี่ยม แม้แต่นักข่าวพวกนั้นก็หนีกระเจิงไปคนละทิศคนละทางพริบตาเดียว ทั่วทั้งไซต์งานเงียบสงบขึ้นไม่น้อย“ฉู่เฉิน งั้นก็หมายความว่า ตอนนี้ไม่มีเรื่องอะไรแล้วสินะ”กู้รั่วเสวี่ยเดินมาหยุดยืนต่อหน้าฉู่เฉิน ถามเขาด้วยเสียงอันแผ่วเบาฉู่เฉินส่ายหน้า เมื่อกี้เป็นแค่มายากล แต่ไม่ได้หมายความว่าที่ดินผืนนี้ไม่มีปัญหาอะไรไม่อย่างนั้น สมองและอวัยวะภายในของสวี่เอ้อร์โก่วค
มองดูท้องฟ้าเปิดโล่งที่เต็มไปด้วยดวงดาวพร่างพราว กู้รั่วเสวี่ยจึงเพิ่งนึกถึงเรื่องงานขึ้นมาได้ เธอหันไปพูดกับฉู่เฉินว่า “ฟ้าก็มืดแล้ว ต้องเตรียมตัวอะไรหน่อยไหม”ถึงเธอจะไม่เคยเห็นการจับผีที่แท้จริง แต่ก็เคยดูหนังที่คล้ายๆ กันอยู่ในหนังต้องใช้เลือดไก่ตัวผู้ หรือกระบี่เหรียญทองแดงอะไรทำนองนั้นด้วยไม่ใช่เหรอ“ยังเร็วไปอยู่ ผ่านยามจื่อไป ถึงจะเผยเงื่อนงำออกมาให้เห็น พวกเรามาต่อกันเถอะ”พูดจบ ฉู่เฉินคว้าผ้าห่มขึ้นมาคลุมโปง พร้อมกับโถมตัวเข้าใส่ร่างอรชรของกู้รั่วเสวี่ย……เมื่อเวลาล่วงเลยสู่กลางดึก ทั่วทั้งไซต์งานเงียบสงัดเหมือนเป่าสากฉู่เฉินใส่เสื้อผ้าเรียบร้อยแล้ว สาวเดินออกจากห้องพักในโรงงานแสงจันทร์นวลผ่องสาดกระทบลงมา ส่องสว่างพื้นที่โดยรอบ มีเพียงทิศตะวันตกเฉียงเหนือที่ยังคงมืดมิดไปทั้งผืน ราวกับที่ตรงนั้นตัดขาดจากโลกภายนอกก็ไม่ปานฉู่เฉินขมวดคิ้วเล็กน้อย หมายจะสาวเท้าเดินไปทางนั้น ทว่าทันใดนั้น!ทางทิศตะวันตกเฉียงเหนือราวกับมีบางสิ่งกำลังมุดขึ้นมาจากพื้นดิน หน้าดินสั่นสะเทือนไม่หยุด ผ่านไปไม่นานพื้นดินตรงนั้นก็กลายเป็นเนินดินลูกหนึ่งจากนั้น ก็มีเสียงน้ำดังมาจากเนินดินกอง
ทุกสรรพสิ่งล้วนมีจิตวิญญาณของมัน และเมื่อมนุษย์บรรลุมหาธรรมวิถีก็จะกลายเป็นเซียนหากสายพันธุ์อื่นบรรลุมหาธรรมวิถีก็อาจจะกลายเป็นจิตวิญญาณแห่งขุนเขาหรือภูตพรายอย่างไรก็ตาม อสูรน้ำตนนี้ไม่มีทางปรากฏตัวขึ้นที่นี่โดยไร้ที่มาที่ไปเป็นอันขาด จะต้องเกิดจากการที่มีใครบางคนเล่นตุกติกอย่างแน่นอนแต่หัวหน้าเฉินเข้าใจเรื่องพวกนี้ที่ไหนกัน เมื่อได้ยินฉู่เฉินบอกให้เขาขุดกองดินที่สัตว์ประหลาดตัวนั้นโผล่ออกมา เขาก็ปัสสาวะราดตรงนั้นเลย“ปะ...ปรมาจารย์ฉู่ เจ้านี่ตายไปแล้ว ยังต้องขะ...ขุดอีกเหรอครับ?”ฉู่เฉินกลอกตาใส่หัวหน้าเฉินแล้วกล่าวว่า “ไม่ต้องกลัวครับ อสูรน้ำตายไปแล้ว ถ้าเกิดมีอะไรฝังอยู่ข้างใต้แล้วออกมาทำร้ายคนอีกละก็ ผมไม่สนใจแล้วนะ” เมื่อได้ยินคำพูดนี้ หัวหน้าเฉินก็รีบพยักหน้ากล่าวว่า “ได้ครับ! ผะ...ผมจะให้คนมาขุดกองดินนั่นพรุ่งนี้เช้า!”แม้ว่าในใจยังคงหวาดกลัวมาก แต่ฉู่เฉินพูดชัดเจนแล้วว่าหากไม่ขุดแล้วเกิดเรื่องอะไรขึ้นมาอีก ก็จะไม่เกี่ยวข้องกับฉู่เฉินแล้วหัวหน้าเฉินไม่อยากให้มีเรื่องแปลกประหลาดอะไรเกิดขึ้นอีกหลังจากที่ฉู่เฉินจากไปแล้ว คิดไปคิดมา ทำตามที่ฉู่เฉินบอกจะดีกว่า ทั้งคื
“จากที่คุณพูดเมื่อกี้ น่าจะเป็นตระกูลเหยียนร่วมมือกับตระกูลหลี่จงใจวางแผนนี้ขึ้นมา”ฉู่เฉินพยักหน้าเล็กน้อย ถ้าเป็นแบบนี้ก็น่าจะถูกต้องแล้ว“งั้นตระกูลเหยียนก็มีเส้นสายกับวงการบำเพ็ญเพียรด้วยใช่ไหม?” ฉู่เฉินเอ่ยถามกู้รั่วเสวี่ยพยักหน้าแรง ๆ แล้วพูดว่า “ใช่ค่ะ เหยียนหรูซง คุณชายรองตระกูลเหยียนได้ร่ำเรียนวิชาในสำนักบำเพ็ญเพียร เพียงแต่ว่าเขาออกจากตระกูลเหยียนไปเกือบยี่สิบปีแล้ว”“หรือว่าเป็นฝีมือของเหยียนหรูซง?” กู้รั่วเสวี่ยเอ่ยถามโดยที่ดวงหน้าเล็กเคร่งเครียด ฉู่เฉินส่ายหน้าเล็กน้อยกล่าวว่า “ตอนนี้ยังพูดยาก แต่หลี่โย่วถังย่าจะมีคำตอบ”เมื่อได้ยินคำพูดนี้ กู้รั่วเสวี่ยก็พยักหน้าเล็กน้อยแล้วพูดว่า “อืม คุณปู่บอกว่าเรื่องของตระกูลหลี่ ให้พวกเราจัดการกันเอง ส่วนทางฝั่งตระกูลเหยียน เขาจะไปเจรจาเองค่ะ” “นอกจากนี้ ฉันบอกกับคุณปู่แล้วว่าพี่ตัดสินใจลงทุนโครงการนี้แทนตระกูลหลี่ คุณปู่ก็เห็นด้วยแล้วค่ะ” “แต่ว่าเงินที่ตระกูลหลี่ควรออกจะขาดไปไม่ได้แม้แต่แดงเดียว เรื่องที่ควรรับผิดชอบก็ต้องรับผิดชอบด้วย” กู้รั่วเสวี่ยเอ่ยด้วยสีหน้าเด็ดเดี่ยวฉู่เฉินพยักหน้ากล่าวว่า “งั้นก็ดี พวกเราไป
“คุณชาย คุณอาจจะยังไม่ทราบ ยัยเด็กกู้รั่วเสวี่ยคนนั้นไปเชิญยอดคนมาจากไหนก็ไม่รู้ แค่ลงมือก็ทำให้นักข่าวพวกนั้นตกใจกลัวกันหมด ไม่ว่าพวกเราจะให้เงินมากเท่าไหร่ พวกเขาก็ไม่อยากรายงานข่าวเรื่องนี้อีกเลยครับ”“แถมยายแก่แซ่หลิวคนนั้นถึงขนาดไม่ยอมรับสายของเรา และไม่รู้ว่าไปซ่อนตัวที่ไหนแล้ว ต่อให้พวกเราอยากสร้างกระแสก็ไม่มีใครยอมช่วยเลยครับ” เลขารีบอธิบาย“โอ๊ะ? กู้รั่วเสวี่ยเชิญยอดคนมา? สืบประวัติคนคนนี้หรือยัง?” หลี่โย่วถังพูดพลางหรี่ตาขึ้นมา นี่เกี่ยวพันถึงธุรกิจขนาดใหญ่หลายพันล้าน จะเลินเล่อไม่ได้แม้แต่นิดเดียวไม่ว่าจะเป็นยอดคนแบบไหน หากกล้าขัดขวางหนทางหาเงินของตระกูลหลี่ก็ต้องตายสถานเดียว“สืบมาแล้วครับ ชื่อว่าฉู่เฉิน และเป็นคนที่มาจากเจียงจงด้วยครับ” เมื่อได้ยินคำว่าฉู่เฉิน ตู้เสี่ยวเยวี่ยอดตกตะลึงไม่ได้ ฉู่เฉิน ?! โลกช่างแคบเสียจริง เธอกำลังกลุ้มใจว่าไม่มีโอกาสให้ฉู่เฉินรักษาโรคให้เธออยู่เลย ผลคือใครจะคาดคิดได้ว่าฉู่เฉินจะมาที่เมืองหมอตูแล้ว นอกจากนี้เขายังบังเอิญล่วงเกินตระกูลหลี่ด้วย ไม่แน่ว่าพอถึงเวลานั้นเธออาจจะข่มขู่ฉู่เฉินได้ ขอเพียงเขารับปากว่าจะรักษาอาการม
ตู้เสี่ยวเยวี่ยตอบรับ แล้วเดินลงรถจากรถหรูไปพร้อมกับหลี่โย่วถัง.....ผ่านไปไม่นาน เมื่อลิฟต์จอดที่ชั้นบนสุด หลี่โย่วถังเดินออกมาด้วยสีหน้าเคร่งขรึม ชายวัยกลางคนที่มีใบหน้าเหลืองซีดราวกับกระดาษ สวมชุดโซ่วอีสีดำสำหรับพิธีศพ รีบลุกขึ้นมาจากโซฟา “คุณชายหลี่ คุณกลับมาแล้ว” หลี่โย่วถังขมวดคิ้วมองชายวัยกลางคนแวบหนึ่งแล้วกล่าวว่า “อาจารย์จื่อหยาง เกิดอะไรขึ้นกันแน่ครับ? คุณบอกว่าถ้าฝังอสูรน้ำรูปสลักหินลงไปก็จะทำให้ตระกูลกู้ปั่นป่วนจนอยู่ไม่เป็นสุขได้ไม่ใช่เหรอ?” “แต่ทำไมผมได้ยินมาว่าตระกูลกู้ไม่เพียงไม่เดือดร้อนวุ่นวาย แต่คุณยังทำให้กู้รั่วเสวี่ยหาปรมาจารย์อะไรมาจนโดนแว้งกัดแทน?”เมื่อได้ยินหลี่โย่วถังพูดแบบนี้ ดวงหน้าชราของอาจารย์จื่อหยางก็แดงสลับขาว “คุณชายหลี่ คุณฟังผมนะ อีกฝ่ายอาจจะเป็นยอดฝีมือ นอกจากนี้ค่ายกลปลุกศพของผมไม่มีทางที่จะไม่ก่อปัญหาให้ตระกูลกู้ จากที่ผมรู้มา มีคนตายในไซต์งานก่อสร้างแล้ว”เห็นได้ชัดว่าคำพูดนี้ของอาจารย์จื่อหยางเหมือนตำหนิหลี่โย่วถังเป็นนัย ๆ ว่าจะการไม่ดีเองเกิดเรื่องใหญ่จนถึงแก่ชีวิตคนขนาดนี้ หลี่โย่วถังกลับไม่สามารถใช้ประโยชน์ให้ดีได้ จะโทษว่าเข
ตู้เสี่ยวเยวี่ยฝืนพยักหน้าพูดตามตรง ไม่มีผู้หญิงคนไหนไม่ใส่ใจเรื่องพวกนี้หรอกแต่เธอเป็นเพียงสาวน้อยจากตระกูลเล็ก ๆ ในเจียงจง ไฉนเลยจะไปควบคุมคุณชายใหญ่หลี่โย่วถังจากตระกูลหลี่ที่แสนยิ่งใหญ่ได้? แม้ว่าในใจจะมีความไม่ยินยอมนับร้อย แต่เธอก็ได้แต่ทำตามความคิดของหลี่โย่วถังเท่านั้นเมื่อเห็นตู้เสี่ยวเยวี่ยไม่มีความคิดต่อต้าน อาจารย์จื่อหยางถึงค่อยหยิบตุ๊กตากระดาษสีแดงเล็ก ๆ ออกมาสองตัวแล้วพูดว่า “คุณชายหลี่ พูดง่าย ๆ คือขอเพียงคุณคิดหาวิธีเอาตุ๊กตากระดาษตัวหนึ่งใส่ลงไปในกระเป๋าสะพายข้างของกู้รั่วเสวี่ยก็พอ” “พอถึงเวลานั้น ผมจะทำพิธีอยู่ข้างล่าง ไม่นานกู้รั่วเสวี่ยคนนั้นจะเปลื้องผ้าให้คุณชายหลี่เชยชมได้ตามใจชอบเอง”เมื่อได้ยินคำพูดนี้ หัวใจของหลี่โย่วถังก็เต้นเร็วขึ้นหลายเท่าอาจารย์จื่อหยางไม่ทำให้เขาผิดหวังจริง ๆ ด้วย สิ่งสำคัญที่สุดคืออาจารย์จื่อหยางรู้ว่าในใจของเขาต้องการอะไร“ดี งั้นก็ลำบากอาจารย์จื่อหยางแล้ว” หลี่โย่วถังตาเป็นประกาย ถูมือสองข้าง ก่อนจะรับตุ๊กตากระดาษสีแดงตัวเล็กหนึ่งในนั้นจากในมือของอาจารย์จื่อหยาง“แต่ว่า คุณชายหลี่...จะกินคนเดียวไม่ได้นะครับ ให้ผมด้วยไ
“คุณก็อยู่รอคุณหนูกู้ที่นี่ละกัน”ฉู่เฉินหรี่ตา เอ่ยด้วยเสียงเย็นชาว่า “ถ้าเกิดผมบอกว่าไม่ล่ะ?” หลี่โย่วถังแค่นเสียงเบา ๆ กวาดตามองฉู่เฉินแวบหนึ่งแล้วเอ่ยว่า “คุณไม่ดูตัวเองเลยนะ คุณคิดว่าตัวเองเป็นใคร คุณมีสิทธิพูดจาที่นี่ได้ด้วยเหรอ?!”เมื่อสิ้นเสียงพูด หลี่โย่วถังก็หันหน้าไปมองกู้รั่วเสวี่ยแล้วกล่าวว่า “คุณหนูกู้ เรื่องธุรกิจระหว่างพวกเราสองตระกูลไม่จำเป็นต้องให้บุคคลที่สามมาฟังใช่ไหม? “ถ้าเกิดคุณยืนกรานว่าจะพาคนนอกมาคุยกับผม งั้นก็ขอโทษด้วยครับ เชิญกลับไปเถอะ” หลี่โย่วถังกล่าวจบก็เอามือสองข้างไพล่หลัง เดินไปที่ห้องทำงานของตัวเองนี่...กู้รั่วเสวี่ยเองก็ตัดสินใจไม่ได้อยู่ชั่วขณะอย่างไรก็ตาม ที่นี่มีระยะห่างจากห้องทำงานของหลี่โย่วถังแค่สิบกว่าเมตรเท่านั้น เชื่อว่าน่าจะไม่มีเรื่องอะไรเกิดขึ้นเมื่อคิดเช่นนี้ กู้รั่วเสวี่ยถึงค่อยพูดกับฉู่เฉินว่า “ฉู่เฉิน ถ้าอย่างนั้นพี่ก็รอฉันอยู่ตรงนี้สักพัก ฉันไปแล้วเดี๋ยวก็กลับ”ฉู่เฉินพยักหน้าเล็กน้อยแล้วกล่าวว่า “ก็ได้ แต่คุณต้องระวังคนแซ่หลี่คนนี้นะ ผมรู้สึกอยู่ตลอดว่าเขาไม่หวังดี”กู้รั่วเสวี่ยพยักหน้าอย่างหนักแน่นแล้วกล่าวว่า “
นี่มันเป็นไปได้ยังไงกัน?หรือว่าฉู่เฉินจะหลอมยาเป็นจริง ๆ?เมื่อคิดถึงการกระทำของเธอมีความเป็นไปได้สูงยิ่งว่าจะทำให้ฉู่ซื่อกรุ๊ปเดือดร้อน ถึงขนาดที่ยังโดนสังคมประณาม หลิ่วหรูเยียนก็รีบผลักเจียงถิงออกแล้วหันตัวกำลังจะคิดหนีไป แต่เสียงเย็นชาของฉู่เฉินดังมาจากข้างหลังว่า “ผู้จัดการใหญ่หลิ่ว รบกวนหยุดก่อน!”หลิ่วหรูเยียนตัวสั่นเล็กน้อย เผลอหยุดฝีเท้าตามจิตใต้สำนึก ก่อนจะหันตัวกลับมาฉับพลันแล้วพูดว่า “ฉู่เฉิน กะ...แกยังจะเอายังไงอีก?” “มะ...เมื่อกี้ฉันแค่สงสัยแก ละ...และก็เพื่อความรอบคอบทางการแพทย์ มันผิดตรงไหนเหรอ?” ฉู่เฉินหัวเราะหยันสองครั้ง มองหลิ่วหรูเยียนอย่างพินิจพิเคราะห์แล้วเอ่ยว่า “เธอว่านั่นเรียกว่าความรอบคอบเหรอ? ดูเหมือนยังมีอีกคำนะ เรียกว่าการใส่ร้ายต่อหน้าผู้คนใช่ไหม”“ถ้าเกิดฉันจำไม่ผิด เมื่อหนึ่งเดือนก่อน เธอเคยพูดกับปากเองต่อหน้าแฟนคลับนับล้านว่าถ้าเกิดฉันชนะการแข่งขันในการแข่งขันแพทย์แผนจีน เธอก็จะคุกเข่าโขกหัวขอโทษ”“ไม่รู้ว่าตอนนี้นับว่าฉันชนะแล้วหรือยัง?” เมื่อสิ้นเสียงพูด ฉู่เฉินก็ค่อย ๆ เงยหน้าขึ้นมองไปทางฮว่าจิ่วหยาง “คุณฉู่พูดล้อเล่นแล้ว วิชาแพทย์ของคุณ
“หรูเยียน ลูกพูดเหลวไหลอะไร! รีบนั่งลงเร็วเข้า!”ไม่ว่าอย่างไรหลิ่วชิงเหอก็คิดไม่ถึงว่าหลิ่วหรูเยียนจะสูญเสียการควบคุมอารมณ์ในเวลานี้ เลยรีบดึงแขนของหลิ่วหรูเยียนไว้“หนูไม่ได้พูดเหลวไหลเลยนะ!” หลิ่วหรูเยียนสะบัดมือของหลิ่วชิงเหอออก ก่อนจะเดินลงจากที่นั่งแขกกิตติมศักดิ์ อย่างรวดเร็ว เจียงถิงมองหลิ่วหรูเยียนที่พุ่งขึ้นมาบนเวที แล้วขมวดคิ้วเอ่ยด้วยสีหน้าไม่เป็นมิตรนิดหน่อยว่า “คุณผู้หญิงท่านนี้ ฉันหวังว่าคุณจะรับผิดชอบต่อคำพูดเมื่อกี้ของคุณได้นะคะ” “การใส่ร้ายคนอื่นต่อหน้าผู้คนเป็นความผิดทางกฎหมายนะคะ!” หลิ่วหรูเยียนแค่นเสียงเย็น แย่งไมโครโฟนมาแล้วเอานิ้วชี้ไปที่ฉู่เฉิน ก่อนจะพูดกับผู้ชมกว่าหมื่นคนด้านล่างเวทีว่า “ฉันพิสูจน์ได้ว่าฉู่เฉินคนนี้เป็นแค่นักต้มตุ๋นที่ไม่มีความรู้ความสามารถ!”“พวกคุณอย่าโดนรูปลักษณ์ภายนอกปลอม ๆ ของเขาหลอกลวงเด็ดขาดนะคะ!”“เขาไม่เพียงไม่มีวิชาแพทย์อะไรทั้งนั้น แม้แต่สามีภรรยาเมื่อครู่นี้จะต้องเป็นหน้าม้าที่เขาจ่ายเงินจ้างมาแน่นอน!”หลังจากที่สิ้นเสียงตะโกนของเธอ ทุกคนก็หันไปมองสามีภรรยาหนุ่มสาวที่กำลังอุ้มลูกเมื่อครู่นี้อีกครั้ง“พวกเราไม่รู้จักคุณ
“ตึกตัก! ตึกตัก!”ฮว่าจิ่วหยางรู้สึกว่าหัวใจของตัวเองใกล้จะกระโดดมาถึงลำคอแล้ว ถ้าเกิดเด็กชายตัวน้อยเอ่ยปากพูดจริง ๆ เช่นนั้นยาบำรุงสวรรค์ตัวนี้ก็จะโด่งดังไปทั่วอินเทอร์เน็ตในพริบตาฉู่เฉินก็จะกลายเป็นดาวเด่นของทั้งวงการแพทย์นี่ไม่ใช่การสร้างปาฏิหาริย์แล้ว แต่เป็นการท้าทายชะตากรรมชะตากรรมของผู้พิการทางการได้ยินและการพูดย่อมแตกต่างจากคนปกติโดยสิ้นเชิง ในขณะที่ทุกคนกลั้นหายใจเพ่งสมาธิ เด็กชายตัวน้อยค่อย ๆ อ้าปากเล็ก ร้องเรียกเบา ๆว่า “บอ” “ระ...เรียกพ่อ”เมื่อชายหนุ่มได้ยินเสียงที่ไม่ได้มาตรฐานนั้นก็ตื่นเต้นจนน้ำตาร้อน ๆ เอ่อคลอดวงตา แม้แต่ร่างกายก็สั่นเทิ้มไม่หยุด ส่วนบรรยากาศในงานก็ตื่นเต้นถึงที่สุด เสียงที่ไม่ได้มาตรฐานนั้นไม่อาจถือได้ว่าฉู่เฉินประสบความสำเร็จแล้ว อย่างมากก็เป็นเพียงการพูดอ้อแอ้ หรือว่าเสียงจากการครางเท่านั้น“เรียกสิ เรียกพ่อ!” ภายใต้การกระตุ้นครั้งแล้วครั้งเล่าของชายหนุ่ม เด็กชายตัวน้อยอ้าปากเล็ก ๆ อีกครั้งก่อนจะพูดว่า “พะ...อา พอ...พ่อ”เสียงที่ชัดเจนดังออกมาเป็นรอบที่สอง ทั่วทั้งงานและแพลตฟอร์มต่าง ๆ ทั่วทั้งอินเทอร์เน็ตแทบจะเดือดพล่านพร้อมกั
เชี่ย!ฮว่าเทียนอวี่ที่นั่งข้างหลังฮว่าจิ่วหยางอดสบถคำหยาบไม่ได้จากนั้นก็เห็นเพียงเตาหลอมโอสถในมือฉู่เฉินพลันเปล่งแสงสีแดงฉานออกมา ก่อนที่กลิ่นหอมของยาที่สดชื่นผ่อนคลายจะอบอวลไปทั่วทั้งสนามกีฬาระดับสวรรค์!ถึงแม้พวกฮว่าจิ่วหยางไม่เชี่ยวชาญด้านการหลอมยา แต่ว่ายังคงแยกแยะระดับได้ชัดเจนมาก แม้ว่าตัวยาเม็ดนี้หลอมขึ้นจากสูตรยาระดับล่างเท่านั้น แต่เมื่อมันไปถึงระดับสวรรค์ขึ้นไปก็ล้ำค่าจนประเมินค่าไม่ได้เช่นเดียวกัน! อย่างไรเสียสูตรยาเป็นตัวกำหนดคุณสมบัติและทิศทางการรักษาของยา แต่ความสามารถของนักหลอมโอสถเป็นตัวกำหนดระดับของตัวยา แม้ว่าจะเป็นสูตรยาระดับดิน ถ้าเกิดออกมาเป็นยาวิเศษระดับสวรรค์ได้ นั่นก็น่ากลัวมากนี่ก็เปรียบเหมือนกับว่าหากใช้สูตรยาหกตำรับบำรุงไตหลอมเป็นยาวิเศษระดับสวรรค์ ยาหกตำรับบำรุงไตหนึ่งเม็ดนี้สามารถขายได้ถึงหลายพันล้าน และยาในมือฉู่เฉินเม็ดนี้ คุณสมบัติกับการรักษาหลักยังไม่ชัดเจน หรือพูดอีกอย่างก็คือมีความเป็นไปได้สูงว่านี่เป็นยาระดับสวรรค์ที่ประเมินค่าไม่ได้ รวย!รวยเละแล้ว!พวกฮว่าจิ่วหยางรู้สึกอิจฉาฉู่เฉินไม่หยุด ไม่แน่ว่าฉู่เฉินอาศัยยาวิเศษระดับสวร
“พวกนายรีบดูสิ นั่นมันอะไรน่ะ?”“เชี่ย นั่นเหมือน...เหมือนก้อนเมฆเลย?” “นี่แม่งไม่สมเหตุสมผลเลย ขะ...เขาจะมีก้อนเมฆอยู่ในมือได้ยังไง?” แม้แต่เจียงถิง เวลานี้ก็สังเกตเห็นแล้วเหมือนกันว่ามีก้อนเมฆขนาดเท่าฝ่ามือค่อย ๆ ก่อตัวขึ้นเหนือเตาหลอมโอสถของฉู่เฉินนอกจากนี้ด้านในยังมีสายฟ้าที่มองเห็นได้ด้วยตาเปล่า!ซี้ด!พวกฮว่าจิ่วหยางที่อยู่บนที่นั่งกรรมการก็มองไปทางฉู่เฉินอย่างไม่อยากจะเชื่อหรือว่านั่นก็คือเคราะห์โอสถในตำนาน?เล่ากันว่า มีเพียงโอสถที่ไปถึงระดับท้าทายสวรรค์ถึงจะเกิดเคราะห์โอสถขึ้นมาในขณะกำลังหลอมยาเสร็จแม้แต่หลี่จวิ้นเฟิงก็มองฉู่เฉินอย่างไม่อยากจะเชื่อเล็กน้อย นั่นมันเคราะห์โอสถเชียวนะ! เพียงแต่ว่าแม้กระทั่งผู้อาวุโสของสำนักหมอก็หลอมโอสถชั้นเลิศที่สามารถผ่านเคราะห์โอสถออกมาไม่ได้เลย ฉู่เฉินเขาทำได้อย่างไร? เป็นไปไม่ได้!จะต้องประสาทหลอนแน่ ๆ! “เลิกหลอกลวงอยู่ตรงนั้นได้แล้ว!”หลี่จวิ้นเฟิงกลืนน้ำลายหนัก ๆ ตะคอกเสียงดังลั่นขึ้นมาฉับพลัน ก่อนจะยกเท้าข้างหนึ่งเตะไปที่เตาหลอมโอสถในมือฉู่เฉินไม่ว่าจะเป็นจริงหรือไม่ เขาต้องหยุดยั้งไม่ให้ฉู่เฉินหลอมยาได้สำเร็จ!แ
“ติ๊ง!”เวลานี้เอง ภายในสนามกีฬาเจียงจง หลี่จวิ้นเฟิงที่กำลังหลับตาพักผ่อนพลันได้ยินเสียงใสกังวานดังขึ้นข้างหูสำเร็จแล้ว!หลี่จวิ้นเฟิงลืมตาขึ้นฉับพลัน ท่าทางดูล้ำลึกจนยากจะคาดเดา เขายกเตาหลอมโอสถบนพื้นขึ้นมาด้วยมือข้างเดียว แล้วเอ่ยปากพูดอย่างภาคภูมิใจว่า “ยาเทวดาสำเร็จแล้ว สามารถทดสอบผลลัพธ์ได้ทันที!”เมื่อสิ้นเสียงพูด หลี่จวิ้นเฟิงก็เปิดฝาเตาหลอมโอสถ ยาสีดำสามเม็ดกลิ้งจากเตาหลอมโอสถมาที่มือของหลี่จวิ้นเฟิงไม่นาน เจ้าหน้าที่ก็เลือกผู้โชคดีสามคนจากที่นั่งผู้ชมด้านล่างเวที ทั้งสามคนล้วนเป็นผู้สูงวัยอายุเกิดหกสิบปี นอกจากนี้ยังมีคนหนึ่งถือผลตรวจสุขภาพจากโรงพยาบาล ป่วยเป็นโรคระบบหัวใจหลอดเลือดอย่างรุนแรง ใส่ขดลวดหัวใจไว้ในร่างกายสามอันแล้วหลี่จวิ้นเฟิงส่งยาในมือให้คนผู้นั้นหนึ่งเม็ดทันที แล้วยื่นน้ำแร่ไปให้อีกหนึ่งขวดผู้สูงอายุทั้งสามคนกินยาของหลี่จวิ้นเฟิงลงไปแล้ว อาการป่วยก็ดีขึ้นมากจริง ๆ ถึงขนาดที่ผู้ป่วยอาการหนักที่สุดคนนั้น จากเดิมที่ถูกลูกชายลูกสาวประคองขึ้นเวที แต่หลังจากกินยาเข้าไปก็ยืดตัวตรง เดินลงจากเวทีด้วยตัวเอง เมื่อเห็นฉากนี้ หลายคนที่ก่อนหน้านี้วิพากษ์วิ
แต่ยาลูกกลอนที่กระถางยาของเขาหลอมออกมาได้ก็สาเหตุมาจากยันต์อักขระเหล่านั้น ราวกับผลิตออกมาจากสายการผลิตไม่ว่าจะเป็นคุณสมบัติหรือคุณภาพของยาที่หลอมสำเสร็จ เทียบไม่ได้กับกระถางยาทองคำม่วงที่อยู่ในมือของฉู่เฉินแม้แต่น้อยหลี่จวิ้นเฟิงอดหัวเราะขำขันออกมาไม่ได้หลังจากเห็นกระถางยาที่ขึ้นสนิมในมือฉู่เฉิน จึงชี้ไปยังกระถางยาทองคำม่วงในมือฉู่เฉินพร้อมกล่าวขึ้น “คนแซ่ฉู่ ไม่ใช่ว่ากะอีแค่กระถางยาที่ดีกว่านี้หน่อยยังซื้อไม่ไหวหรอกนะ”“นี่เก็บสินค้าแผงลอยจากตลาดขยะที่ไหนมา ยังกล้าเอามาหลอมโอสถอีก ไม่กลัวคนกินแล้วตายหรือไง”ฉู่เฉินคร้านจะสนใจเขาเลยหยิบวัตถุดิบยาสองสามชนิดออกมาจากในกองสมุนไพร แล้วใช้มือเดียวบี้บดจนวัตถุดิบเหล่านั้นเป็นผง จากนั้นจึงโยนผงยาที่ใช้ประโยชน์ไม่ได้ทิ้งไปขณะที่ผงสมุนไพรเข้าสู่กระถางยาทองคำม่วง ฉู่เฉินก็ถ่ายพลังวิญญาณมายังกลางฝ่ามือต่อจากนั้นเปลวไฟสีน้ำเงินเข้มก็ปรากฏขึ้นกลางฝ่ามือของฉู่เฉินราวกับเล่นกลหลี่จวิ้นเฟิงไม่กล่าววาจาใดอีก คว้าวัตถุดิบยาแล้วก็นำวัตถุดิบยาทั้งหมดใส่เข้าไปในกระถางยาเป็นไปตามที่อวี้ลู่คาดการณ์ไว้เลย ในกระบวนการหลอมโอสถทั้งหมด หลี่จวิ้นเฟิง
“หรูเยียน ที่ลูกพูดมาเป็นเรื่องจริงเหรอ”หลิ่วชิงเหอได้ยินแล้วก็เริ่มรู้สึกมีความหวังขึ้นมาบ้างถ้าเป็นอย่างที่หลิ่วหรูเยียนพูดมาจริง ถ้ามีโอกาสครั้งหน้าก็หลอกล่อเอาสูตรยาบำรุงปราณมาจากฉู่เฉินในช่วงที่ขึ้นสวรรค์ชั้นเจ็ด ฉู่ซื่อกรุ๊ปก็จะได้มียาบำรุงปราณขายด้วยเช่นกันแล้วนี่?คิดเรื่องพวกนี้แล้วหลิ่วชิงเหอก็กลับมานั่งลงที่เดิม จากที่ตอนแรกกะจะลุกขึ้นเตรียมออกจากสนามแข่งขันนี้ไป“จริงแท้แน่นอน หลี่จวิ้นเฟิงบอกกับหนูเองเลยนะ อีกอย่าง ถ้าเขาไม่มั่นใจก็คงไม่เลือกการแข่งขันหลอมโอสถหรอกค่ะ”หลิ่วหรูเยียนพูดพลางยิ้มชั่วร้ายแม้ฉู่เฉินชนะไปรอบหนึ่งแล้ว ยังไงการแข่งขันรอบสองก็ถือว่าเสมอกันขอแค่หลี่จวิ้นเฟิงชนะการแข่งขันรอบที่สาม ผลก็จะออกมาเสมอกันทุกคนฉู่ซื่อกรุ๊ปก็จะไม่ขายหน้า และในทางตรงกันข้ามก็ยังได้รับความนิยมและประโยชน์โดยอาศัยการแข่งขันรอบที่สามนี้ด้วย ……อีกด้านหนึ่ง ถังจิ้งจือที่นั่งอยู่ตำแหน่งกรรมการก็ไม่เสแสร้งอีกต่อไป เยาะเย้ยกล่าว “ใช่แล้วยังไงล่ะ หรือว่าการแข่งขันรอบสามนี้ไม่ยอดเยี่ยมน่าชมหรอกเหรอ”“พวกคุณอย่าลืมซะล่ะ สามารถจัดการแข่งขันแพทย์แผนจีนตลอดทั้งปีนี้ได้ก็เพร
หลินจื้อหงทนไม่ไหวอีกต่อไป เขาตบโต๊ะกล่าวเสียงดังลั่น“ท่านหลิน ผมไม่เห็นด้วยกับคำพูดคุณ!”ถังจิ้งจือเบะปากกล่าว “การแข่งขันแพทย์แผนจีนคราวก่อนก็จับฉลากได้ผู้ป่วยอาการแตกต่างกัน หรือใครจับได้โรคอาการรุนแรงก็ถือว่าคนนั้นชนะเหรอ?”“กฎก็เขียนชัดเจนอยู่แล้วว่าตัดสินจากการรักษา”“ไม่ใช่ความผิดของคุณหลี่ที่หยิบได้ผู้ป่วยที่มีอาการไม่รุนแรง ก็คงกล่าวได้ว่าคุณหลี่มีคุณธรรมสูงส่งโชคเข้าข้างเขาก็เท่านั้น”“ส่วนฉู่เฉินรักษาคนไข้โรคฝีหนองทั้งร่างนั้นหายได้ก็เป็นวาสนาของคนไข้รายนั้น ไม่ใช่ผลงานของฉู่เฉินฝ่ายเดียว ดังนั้นฉันคิดว่าการแข่งขันนี้ต้องตัดสินเสมอกันเท่านั้น”แม่ง!จางเสวี่ยเหยียนเริ่มเกิดความคิดอยากจะตบปากคน!ฮว่าจิ่วหยางสูดลมหายใจลึก ถึงยังไงพวกเขาไม่กี่คนก็ล้วนเป็นกรรมการ หากมีการทะเลาะกันเพราะเรื่องนี้ขึ้นมาระหว่างกรรมการด้วยกันเอง จะทำให้คนอื่นเห็นวงการแพทย์แผนจีนเป็นเรื่องตลกฮว่าจิ่วหยางคิดแล้วก็หันหน้าไปกล่าวกับฉู่เฉิน “คุณฉู่ ไม่ทราบว่าคุณยอมรับคำตัดสินของท่านถังนี้หรือไม่” ฉู่เฉินยิ้มเยาะ มองสำรวจหลี่จวิ้นเฟิงและถังจิ้งจือ แล้วพยักหน้ากล่าว “ก็ได้ ถ้าผมไม่ยอมรับ เจ้าสอ