“คุณชาย คุณอาจจะยังไม่ทราบ ยัยเด็กกู้รั่วเสวี่ยคนนั้นไปเชิญยอดคนมาจากไหนก็ไม่รู้ แค่ลงมือก็ทำให้นักข่าวพวกนั้นตกใจกลัวกันหมด ไม่ว่าพวกเราจะให้เงินมากเท่าไหร่ พวกเขาก็ไม่อยากรายงานข่าวเรื่องนี้อีกเลยครับ”“แถมยายแก่แซ่หลิวคนนั้นถึงขนาดไม่ยอมรับสายของเรา และไม่รู้ว่าไปซ่อนตัวที่ไหนแล้ว ต่อให้พวกเราอยากสร้างกระแสก็ไม่มีใครยอมช่วยเลยครับ” เลขารีบอธิบาย“โอ๊ะ? กู้รั่วเสวี่ยเชิญยอดคนมา? สืบประวัติคนคนนี้หรือยัง?” หลี่โย่วถังพูดพลางหรี่ตาขึ้นมา นี่เกี่ยวพันถึงธุรกิจขนาดใหญ่หลายพันล้าน จะเลินเล่อไม่ได้แม้แต่นิดเดียวไม่ว่าจะเป็นยอดคนแบบไหน หากกล้าขัดขวางหนทางหาเงินของตระกูลหลี่ก็ต้องตายสถานเดียว“สืบมาแล้วครับ ชื่อว่าฉู่เฉิน และเป็นคนที่มาจากเจียงจงด้วยครับ” เมื่อได้ยินคำว่าฉู่เฉิน ตู้เสี่ยวเยวี่ยอดตกตะลึงไม่ได้ ฉู่เฉิน ?! โลกช่างแคบเสียจริง เธอกำลังกลุ้มใจว่าไม่มีโอกาสให้ฉู่เฉินรักษาโรคให้เธออยู่เลย ผลคือใครจะคาดคิดได้ว่าฉู่เฉินจะมาที่เมืองหมอตูแล้ว นอกจากนี้เขายังบังเอิญล่วงเกินตระกูลหลี่ด้วย ไม่แน่ว่าพอถึงเวลานั้นเธออาจจะข่มขู่ฉู่เฉินได้ ขอเพียงเขารับปากว่าจะรักษาอาการม
ตู้เสี่ยวเยวี่ยตอบรับ แล้วเดินลงรถจากรถหรูไปพร้อมกับหลี่โย่วถัง.....ผ่านไปไม่นาน เมื่อลิฟต์จอดที่ชั้นบนสุด หลี่โย่วถังเดินออกมาด้วยสีหน้าเคร่งขรึม ชายวัยกลางคนที่มีใบหน้าเหลืองซีดราวกับกระดาษ สวมชุดโซ่วอีสีดำสำหรับพิธีศพ รีบลุกขึ้นมาจากโซฟา “คุณชายหลี่ คุณกลับมาแล้ว” หลี่โย่วถังขมวดคิ้วมองชายวัยกลางคนแวบหนึ่งแล้วกล่าวว่า “อาจารย์จื่อหยาง เกิดอะไรขึ้นกันแน่ครับ? คุณบอกว่าถ้าฝังอสูรน้ำรูปสลักหินลงไปก็จะทำให้ตระกูลกู้ปั่นป่วนจนอยู่ไม่เป็นสุขได้ไม่ใช่เหรอ?” “แต่ทำไมผมได้ยินมาว่าตระกูลกู้ไม่เพียงไม่เดือดร้อนวุ่นวาย แต่คุณยังทำให้กู้รั่วเสวี่ยหาปรมาจารย์อะไรมาจนโดนแว้งกัดแทน?”เมื่อได้ยินหลี่โย่วถังพูดแบบนี้ ดวงหน้าชราของอาจารย์จื่อหยางก็แดงสลับขาว “คุณชายหลี่ คุณฟังผมนะ อีกฝ่ายอาจจะเป็นยอดฝีมือ นอกจากนี้ค่ายกลปลุกศพของผมไม่มีทางที่จะไม่ก่อปัญหาให้ตระกูลกู้ จากที่ผมรู้มา มีคนตายในไซต์งานก่อสร้างแล้ว”เห็นได้ชัดว่าคำพูดนี้ของอาจารย์จื่อหยางเหมือนตำหนิหลี่โย่วถังเป็นนัย ๆ ว่าจะการไม่ดีเองเกิดเรื่องใหญ่จนถึงแก่ชีวิตคนขนาดนี้ หลี่โย่วถังกลับไม่สามารถใช้ประโยชน์ให้ดีได้ จะโทษว่าเข
ตู้เสี่ยวเยวี่ยฝืนพยักหน้าพูดตามตรง ไม่มีผู้หญิงคนไหนไม่ใส่ใจเรื่องพวกนี้หรอกแต่เธอเป็นเพียงสาวน้อยจากตระกูลเล็ก ๆ ในเจียงจง ไฉนเลยจะไปควบคุมคุณชายใหญ่หลี่โย่วถังจากตระกูลหลี่ที่แสนยิ่งใหญ่ได้? แม้ว่าในใจจะมีความไม่ยินยอมนับร้อย แต่เธอก็ได้แต่ทำตามความคิดของหลี่โย่วถังเท่านั้นเมื่อเห็นตู้เสี่ยวเยวี่ยไม่มีความคิดต่อต้าน อาจารย์จื่อหยางถึงค่อยหยิบตุ๊กตากระดาษสีแดงเล็ก ๆ ออกมาสองตัวแล้วพูดว่า “คุณชายหลี่ พูดง่าย ๆ คือขอเพียงคุณคิดหาวิธีเอาตุ๊กตากระดาษตัวหนึ่งใส่ลงไปในกระเป๋าสะพายข้างของกู้รั่วเสวี่ยก็พอ” “พอถึงเวลานั้น ผมจะทำพิธีอยู่ข้างล่าง ไม่นานกู้รั่วเสวี่ยคนนั้นจะเปลื้องผ้าให้คุณชายหลี่เชยชมได้ตามใจชอบเอง”เมื่อได้ยินคำพูดนี้ หัวใจของหลี่โย่วถังก็เต้นเร็วขึ้นหลายเท่าอาจารย์จื่อหยางไม่ทำให้เขาผิดหวังจริง ๆ ด้วย สิ่งสำคัญที่สุดคืออาจารย์จื่อหยางรู้ว่าในใจของเขาต้องการอะไร“ดี งั้นก็ลำบากอาจารย์จื่อหยางแล้ว” หลี่โย่วถังตาเป็นประกาย ถูมือสองข้าง ก่อนจะรับตุ๊กตากระดาษสีแดงตัวเล็กหนึ่งในนั้นจากในมือของอาจารย์จื่อหยาง“แต่ว่า คุณชายหลี่...จะกินคนเดียวไม่ได้นะครับ ให้ผมด้วยไ
“คุณก็อยู่รอคุณหนูกู้ที่นี่ละกัน”ฉู่เฉินหรี่ตา เอ่ยด้วยเสียงเย็นชาว่า “ถ้าเกิดผมบอกว่าไม่ล่ะ?” หลี่โย่วถังแค่นเสียงเบา ๆ กวาดตามองฉู่เฉินแวบหนึ่งแล้วเอ่ยว่า “คุณไม่ดูตัวเองเลยนะ คุณคิดว่าตัวเองเป็นใคร คุณมีสิทธิพูดจาที่นี่ได้ด้วยเหรอ?!”เมื่อสิ้นเสียงพูด หลี่โย่วถังก็หันหน้าไปมองกู้รั่วเสวี่ยแล้วกล่าวว่า “คุณหนูกู้ เรื่องธุรกิจระหว่างพวกเราสองตระกูลไม่จำเป็นต้องให้บุคคลที่สามมาฟังใช่ไหม? “ถ้าเกิดคุณยืนกรานว่าจะพาคนนอกมาคุยกับผม งั้นก็ขอโทษด้วยครับ เชิญกลับไปเถอะ” หลี่โย่วถังกล่าวจบก็เอามือสองข้างไพล่หลัง เดินไปที่ห้องทำงานของตัวเองนี่...กู้รั่วเสวี่ยเองก็ตัดสินใจไม่ได้อยู่ชั่วขณะอย่างไรก็ตาม ที่นี่มีระยะห่างจากห้องทำงานของหลี่โย่วถังแค่สิบกว่าเมตรเท่านั้น เชื่อว่าน่าจะไม่มีเรื่องอะไรเกิดขึ้นเมื่อคิดเช่นนี้ กู้รั่วเสวี่ยถึงค่อยพูดกับฉู่เฉินว่า “ฉู่เฉิน ถ้าอย่างนั้นพี่ก็รอฉันอยู่ตรงนี้สักพัก ฉันไปแล้วเดี๋ยวก็กลับ”ฉู่เฉินพยักหน้าเล็กน้อยแล้วกล่าวว่า “ก็ได้ แต่คุณต้องระวังคนแซ่หลี่คนนี้นะ ผมรู้สึกอยู่ตลอดว่าเขาไม่หวังดี”กู้รั่วเสวี่ยพยักหน้าอย่างหนักแน่นแล้วกล่าวว่า “
“คุณหนูใหญ่กู้ อันที่จริงเดิมทีการร่วมมือกันระหว่างพวกเราสองตระกูลก็เป็นไปตามหลักการความสมัครใจ เวลานี้หลังจากที่ตระกูลหลี่ของเราได้ประเมินแล้วก็คิดว่าที่ดินผืนนั้นไม่คุ้มค่าพอให้พัฒนา ดังนั้นการถอนการลงทุนก็เป็นเรื่องที่สมเหตุสมผลใช่หรือเปล่าครับ?” หลี่โย่วถังมองกู้รั่วเสวี่ยที่หน้าแดงระเรื่อ ก่อนจะเอ่ยพลางแย้มยิ้มเห็นได้ชัดว่าอาคมของอาจารย์จื่อหยางออกฤทธิ์แล้ว ขอเพียงรออีกสักพัก กู้รั่วเสวี่ยจะต้องเป็นฝ่ายเปลื้องผ้าโผเข้ามาในอ้อมกอดเองกู้รั่วเสวี่ยฝืนข่มกลั้นไฟปรารถนาในก้นบึ้งของจิตใจ แล้วใช้สติที่เหลืออยู่เพียงเล็กน้อยมองไปทางหลี่โย่วถังพลางพูดว่า “คุณชายหลี่ จะพูดแบบนี้ไม่ได้นะคะ ถ้าเกิดไม่ใช่เพราะตอนแรกตระกูลหลี่ร้องขอตระกูลกู้ของเราเพื่อที่จะร่วมมือพัฒนา...”เมื่อเอ่ยถึงตรงนี้ กู้รั่วเสวี่ยก็หอบหายใจแรง ๆ หลายที ไฟปรารถนาในกายคล้ายกับมีแนวโน้มว่าจะควบคุมไม่อยู่แล้ว ถึงขนาดที่เธอเพียงแต่อยากเปลือยกายทำเรื่องน่าอับอายแบบนั้นตอนนี้เลย เป็นแบบนี้ได้อย่างไร?กู้รั่วเสวี่ยลูบหน้าผากเบา ๆ พยายามข่มกลั้นไฟปรารถนาภายในใจที่แทบจะปะทุออกมาภายในใจอย่างเต็มที่“คุณหนูกู้ นี่คุณเป็น
“ฮ่า ๆๆ!”เมื่อได้ยินคำถามของกู้รั่วเสวี่ย หลี่โย่วถังก็แหงนหน้าหัวเราะเสียงดังอย่างลำพองใจ ตระกูลกู้เหรอ?ตระกูลกู้มีอิทธิพลในเมืองหลวงจริง ๆ แต่ที่นี่คือเมืองหมอตูนะ!ต่อให้ตระกูลหลี่ไม่อาจควบคุมทุกสิ่งทุกอย่างในเมืองหมอตูได้ แต่ตระกูลกู้ก็ไม่อาจทำอะไรได้ง่าย ๆ เหมือนกัน“คุณหนูกู้ คุณมองตัวเองสำคัญเกินไป และมองว่าตระกูลกู้สูงส่งเกินไปหรือเปล่า? คุณคิดว่าตระกูลกู้จะทำอะไรตระกูลหลี่ของผมในเมืองหมอตูได้เหรอ?”หลี่โย่วถังหัวเราะหยันพลางส่ายศีรษะกล่าวว่า “นอกจากนี้ คุณหนูกู้คงคิดไม่ถึงอย่างแน่นอนว่าผมได้เตรียมอุปกรณ์บันทึกภาพไว้แล้ว ถ้าไม่เชื่อ คุณก็มองไปทางนั้นสิ” หลี่โย่วถังกล่าวพลางเอามือชี้ไปยังกล้องวิดีโอขนาดเล็กข้างโต๊ะทำงานเลนส์กล้องหันตรงมายังทางกู้รั่วเสวี่ยพอดี และไฟสีแดงที่กะพริบด้านบนในเวลานี้บ่งบอกว่ากล้องตัวนี้ทำงานตั้งแต่ตอนที่กู้รั่วเสวี่ยยังไม่ได้เข้ามาในห้อง “คะ...คุณคิด....คุณคิดจะทำอะไร?!” เวลานี้กู้รั่วเสวี่ยรู้สึกทรมานแทบขาดใจแล้ว แต่ไม่ว่าอย่างไรเธอก็ต้องรักษาขีดจำกัดล่างของตัวเองไว้ให้ได้เธอจะไม่ยอมให้คนต่ำช้าอย่างหลี่โย่วถังสมหวังเป็นอันขาด! “ผม
เวลานี้เอง ภายในห้องรับรองที่อยู่อีกทางด้านหนึ่ง เมื่อเห็นตู้เสี่ยวเยวี่ยผลักประตูเดินเข้ามา ฉู่เฉินก็คร้านที่จะมองเธอสักแวบหนึ่งยัยนี่ทำตัวเรียกร้องมากเกินไปแล้วจริง ๆ ครั้งที่แล้วตอนอยู่ที่บ้านตระกูลหลิ่ว เธอก็ร้องอย่างมีความสุขตั้งหลายครั้งถึงแม้ว่าจะมีวิชาลับบำเพ็ญคู่ แต่ฉู่เฉินก็ไม่ได้ยอมรับใครก็ได้ คนอย่างตู้เสี่ยวเยวี่ย ต่อให้ส่งมาฟรี ๆ ฉู่เฉินก็คร้านจะสนใจ“คุณฉู่คะ คุณนั่งอยู่ที่นี่คนเดียวไม่เบื่อเหรอคะ?” ตู้เสี่ยวเยวี่ยพูดพลางเดินเข้ามานั่งลงตรงที่วางแขนของโซฟาข้าง ๆ ฉู่เฉิน หน้าอกอวบใหญ่โคลงเคลงไปมาตรงหน้าฉู่เฉินในความคิดของเธอ ไม่มีผู้ชายหน้าไหนต้านทานการยั่วยวนอย่างกล้าหาญแบบนี้ของเธอได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับคนอย่างฉู่เฉิน ที่ยังลงมือได้แม้กระทั่งหลิ่วชิงเหอกับลูกสาว แต่ว่าปฏิกิริยาตอบสนองของฉู่เฉินกลับนิ่งเฉยอย่างยิ่งต่อให้หน้าอกอวบอิ่มคู่นั้นของเธอแทบจะแนบชิดใบหน้าของฉู่เฉินแล้ว ฉู่เฉินก็ยังไม่มีการเปลี่ยนแปลงใด ๆ เลย เขายังคงดื่มน้ำชาอย่างไม่สะทกสะท้านเลยสักนิดเดียว ถึงขนาดที่ไม่แม้แต่จะเหลือบมองเธอสักแวบหนึ่ง “คุณฉู่คะ คุณอย่าเข้าใจผิดไปนะคะ ฉันแค่อยากให้
โครม! ฉู่เฉินใช้หมัดเหล็กอิงภูผาต่อยหัวหน้าทีมบอดี้การ์ดคนนั้นจนกระเด็นออกไปทันที“พรวด!” หัวหน้าทีมบอดี้การ์ดคนนั้นยังไม่ทันได้แม้แต่จะส่งเสียงร้องโอดครวญ เขาก็สิ้นลมหายใจไปทันที ฉู่เฉินเร่งฝีเท้าไปข้างหน้า ภายในช่วงเวลาไม่กี่อึดใจก็มาถึงหน้าประตูห้องทำงานของหลี่โย่วถัง เวลานี้กู้รั่วเสวี่ยตาพร่ามัวแล้ว ส่งเสียงหอบหายใจอย่างเย้ายวนออกมาเป็นระยะตอนนี้การควบคุมสติของเธอมาถึงจุดชายขอบที่จะพังทลายแล้ว หากฉู่เฉินมาช้าอีกแค่นาทีเดียว ละครโศกนาฏกรรมอาจจะทำการแสดงแล้วปัง! ขณะที่หลี่โย่วถังเดินเข้าไปหากู้รั่วเสวี่ยพร้อมกับรอยยิ้มชั่วร้าย เสียงดังสนั่นเลือนลั่นก็ดังเข้ามา จากนั้นประตูห้องทำงานของหลี่โย่วถังก็บินเข้ามาหาหลี่โย่วถัง“เฮ้ย? ใครน่ะ!” หลี่โย่วถังตกใจจนหดคอ ประตูห้องที่ทำจากไม้แท้หนักหลายสิบกิโลกรัมบานนั้นพุ่งเฉียดศีรษะเขาออกไปข้างนอกหน้าต่างหลี่โย่วถังตกใจจนวิญญาณแทบหลุดออกจากร่างตรงนั้นเลยจริง ๆ เขาเกือบจะปัสสาวะราดกางเกงแล้ว ถ้าเกิดโดนเข้าละก็ ต่อให้ไม่ตายก็คงหนังลอกเหมือนกัน เมื่อเห็นว่าคนที่พุ่งเข้ามาในห้องทำงานคือฉู่เฉิน หลี่โย่วถังก็อดโกรธจัดไม่ได้ เข
หลินจื้อหงทนไม่ไหวอีกต่อไป เขาตบโต๊ะกล่าวเสียงดังลั่น“ท่านหลิน ผมไม่เห็นด้วยกับคำพูดคุณ!”ถังจิ้งจือเบะปากกล่าว “การแข่งขันแพทย์แผนจีนคราวก่อนก็จับฉลากได้ผู้ป่วยอาการแตกต่างกัน หรือใครจับได้โรคอาการรุนแรงก็ถือว่าคนนั้นชนะเหรอ?”“กฎก็เขียนชัดเจนอยู่แล้วว่าตัดสินจากการรักษา”“ไม่ใช่ความผิดของคุณหลี่ที่หยิบได้ผู้ป่วยที่มีอาการไม่รุนแรง ก็คงกล่าวได้ว่าคุณหลี่มีคุณธรรมสูงส่งโชคเข้าข้างเขาก็เท่านั้น”“ส่วนฉู่เฉินรักษาคนไข้โรคฝีหนองทั้งร่างนั้นหายได้ก็เป็นวาสนาของคนไข้รายนั้น ไม่ใช่ผลงานของฉู่เฉินฝ่ายเดียว ดังนั้นฉันคิดว่าการแข่งขันนี้ต้องตัดสินเสมอกันเท่านั้น”แม่ง!จางเสวี่ยเหยียนเริ่มเกิดความคิดอยากจะตบปากคน!ฮว่าจิ่วหยางสูดลมหายใจลึก ถึงยังไงพวกเขาไม่กี่คนก็ล้วนเป็นกรรมการ หากมีการทะเลาะกันเพราะเรื่องนี้ขึ้นมาระหว่างกรรมการด้วยกันเอง จะทำให้คนอื่นเห็นวงการแพทย์แผนจีนเป็นเรื่องตลกฮว่าจิ่วหยางคิดแล้วก็หันหน้าไปกล่าวกับฉู่เฉิน “คุณฉู่ ไม่ทราบว่าคุณยอมรับคำตัดสินของท่านถังนี้หรือไม่” ฉู่เฉินยิ้มเยาะ มองสำรวจหลี่จวิ้นเฟิงและถังจิ้งจือ แล้วพยักหน้ากล่าว “ก็ได้ ถ้าผมไม่ยอมรับ เจ้าสอ
ยาสร้างกล้ามเนื้อดวงตาคู่งามของอวี้ลู่จดจ้องและจำเม็ดยาสีทองในมือฉู่เฉินได้ในทันทีก็เพราะยาสร้างกล้ามเนื้อในโลกเซียนราคาแพงลิบลิ่ว!ผู้ใดก็ตามที่มียาสร้างกล้ามเนื้อแค่หนึ่งเม็ดก็เท่ากับมีสองชีวิตเชียวและนักหลอมยาที่หลอมยาสร้างกล้ามเนื้อสำเร็จแทบนับนิ้วได้เลยในโลกเซียนด้วยเหตุนี้ยาสร้างกล้ามเนื้อแค่เม็ดเดียวก็สามารถแลกเปลี่ยนเป็นทรัพยากรล้ำค่าในการฝึกบำเพ็ญได้มหาศาลเช่นกันแต่ฉู่เฉินตัวดี กลับนำสิ่งล้ำค่าขนาดนี้ใช้กับหญิงวัยกลางคนเพียงเพื่อรักษาโรคฝีหนองนะหรือ?เสียของดีหมด!ช่างเสียของจริงๆ!ถ้าไม่ใช่เพราะมีคนในนี้เยอะ อวี้ลู่คงคิดจะพุ่งขึ้นไปตบเจ้าฉู่เฉินสักป๊าบ!นี่มันไม่ใช่การสิ้นเปลืองหรอกหรือ?รู้แต่แรกว่าเจ้ารักษาไม่ได้ก็บอกข้าที่เป็นสตรีศักดิ์สิทธิ์สิ แค่ไอเซียนก็ทำให้นางฟื้นตัวเป็นปกติเช่นเดิมแล้ว ไยต้องสิ้นเปลืองยาสร้างกล้ามเนื้อไปหนึ่งเม็ดด้วย?ทุกคนประหลาดใจหญิงวัยกลางคนที่ร่างกายเต็มไปด้วยแผลฝีหนองอยู่ๆ ก็หายดีราวปาฏิหาริย์ในเวลานี้เองผิวของเธอซึ่งก่อนหน้านี้ทั้งดำและหยาบกร้าน กลับเต็มไปด้วยความมีชีวิตชีวาใหม่ในขณะนี้ และแม้แต่ผิวหนังชั้นแรกที่อักเสบเป็นพิ
เช่นเดียวกันที่ถังจิ้งจือหน้าเปลี่ยนสีไปมาบนเก้าอี้กรรมการผู้ป่วยที่รักษายากโดยแท้จริงแล้วมีเพียงแค่หญิงวัยกลางคนคนเดียวเพื่อป้องกันเหตุไม่คาดฝันล่วงหน้าจึงเขียนเลขหนึ่งร้อยสิบแปดในกระดาษฉลากทั้งหมดกล่าวได้อีกว่าไม่ว่าฉู่เฉินจะหยิบใบไหนผลลัพธ์ก็เหมือนเดิม“โกงจริงๆ ด้วย!”“น่าละอายใจจริงๆ คนจากสำนักหมอมีสันดานอย่างนี้เองเรอะ?”ผู้ชมล่างเวทีและชาวเน็ตบนอินเทอร์เน็ตด่าทอหลี่จวิ้นเฟิงกันยกใหญ่ขนาดฟางอวี่เจิ้งก็หันไปมองหลี่จวิ้นเฟิงด้วยสายตาเกลียดชังราวกับมองศัตรูคู่แค้นแม่เอ๊ย ทำเหมือนฉันไม่มีตัวตนสินะ?กล้าเล่นตุกติกต่อหน้าฉัน!ฟางอวี่เจิ้งคิดแล้วก็หยิบโทรศัพท์ออกมาโทรหาเจียงไห่ตงทันทีไม่ว่าผลการแข่งขันวันนี้จะออกมายังไง ไอ้สุนัขเฒ่าถังจิ้งจือและสารเลวหลี่จวิ้นเฟิงอย่าได้คิดหนีเลยส่วนฉู่เฉินที่อยู่บนเวทีกลับไม่ได้สนใจรับฟังทุกสิ่งทุกอย่างที่เกิดขึ้นรอบข้างสักนิด จับชีพจรหญิงวัยกลางคนพลางตกอยู่ในภวังค์ความคิดพูดตามสัตย์จริง การรักษาโรคฝีหนองสำหรับฉู่เฉินไม่ได้ยากเย็นเลยแต่หากรีบรักษาให้หายโดยเร็วคงต้องคิดวิธีที่พิเศษสักหน่อย“ขอน้ำแร่หนึ่งขวดให้ผมได้ไหม?”ฉู่เฉินก
เชรด พลังบุญนี้ได้มาง่ายเกินไปแล้วไหม?ฉู่เฉินกะพริบตาแล้วหันไปแย้มยิ้มกล่าวกับกลุ่มฮว่าจิ่วหยาง “ท่านฮว่าเกรงใจกันเกินไปแล้วครับ สิ่งนี้เป็นสิ่งที่คนเป็นหมอควรกระทำ”หลี่จวิ้นเฟิงที่ยืนอยู่ข้างๆฟังแล้วก็เยาะเย้ยกล่าว “ไอ้คนแซ่ฉู่ แม่งอย่าขี้คุยโวเลยแก ยังไม่ทันรักษา แกไปรู้ได้ไงว่าแกจะสามารถรักษาฝีบนผิวหนังของผู้ป่วยให้หายได้”“เหอะ วันนี้ฉันจะทำให้เอ็งคุกเข่าโขกหัวให้ฉัน!”หลี่จวิ้นเฟิงพูดจบแล้วก็เดินมายังข้างหน้ากล่องกระดาษ นิ่งไปชั่วครู่แล้วหันไปกล่าวกับเจ้าหน้าที่ที่อยู่ด้านข้าง “ต้องขออภัย ผมคิดว่ากล่องใบนี้ไม่มงคล เปลี่ยนกล่องใหม่ได้ไหม”หืม?ทุกคนจ้องมองหลี่จวิ้นเฟิงด้วยความแปลกใจ แต่ที่เขาเรียกร้องมาก็ไม่เหลือบ่ากว่าแรง เปลี่ยนกล่องจับฉลากเท่านั้นเอง ด้วยเหตุนี้ไม่นานก็มีคนยกกล่องจับฉลากอีกอันขึ้นมา“ผู้ป่วยลำดับที่สามสิบเจ็ด”เจียงถิงอ่านเลขลำดับพร้อมขมวดคิ้วมองไปทางกล่องที่ถูกเอาไปไว้ตรงขอบเวที ในนั้นต้องมีอะไรแอบแฝงอยู่แน่นอนเวลาไม่นานก็ได้เห็นผู้ป่วยที่ติดแผ่นแปะบรรเทาหวัดที่หน้าผากหายใจทีไอทีก้าวเดินขึ้นเวทีอย่างรวดเร็ว“นี่มันไม่ยุติธรรมเอาซะเลย! คุณฉู่รักษาโร
โรคที่เธอเป็นอยู่ เธอรู้ดีว่าไม่สามารถรักษาให้หายได้ในเวลา ณ ตอนนี้งั้นก็หมายถึงฉู่เฉินต้องแพ้พนันอย่างแน่นอน แล้วยังต้องคุกเข่าโคกศีรษะให้คนแซ่หลี่อีกคิดได้ดังนั้น หญิงวัยกลางคนรีบเก็บข้อมือกลับมาแล้วลุกขึ้นกล่าว “คุณหมอ น้ำใจของคุณฉันรับด้วยใจได้ แต่...ฉันไม่อยากเป็นให้คุณลำบาก” “อีกทั้งเห็นได้ชัดว่าพวกเขาขุดหลุมดักรอให้คุณกระโดดลงไป คุณอย่าได้รักษาฉันอีกเลย”ได้ยินคำพูดของหญิงวัยกลางคนแล้ว บรรดาผู้ชมนับหมื่นก็พากันพยักหน้าใครว่าไม่ใช่ล่ะ ผู้ป่วยผิวหนังพุพองทั้งร่างจะไปรักษาให้หายทันทีในการแข่งขันนี้ได้ยังไงกันว่าก็ว่าเถอะ ขนาดฟางอวี่เจิ้งยังออกมายืนกรานตั้งข้อสงสัยเลย ขอแค่ฉู่เฉินพยักหน้า แม้จะไม่สามารถเปลี่ยนหัวข้อการแข่งขันก็ยังสามารถเปลี่ยนผู้ป่วยคนใหม่ได้ฉู่เฉินหัวเราะอย่างไม่ยี่หระ กดบ่าของหญิงวัยกลางคนให้เธอนั่งลง และเอามือไพล่หลังข้างเดียว กล่าวเนิบๆว่า “ถ้าเพื่อชัยชนะ ที่จริงผมจะเปลี่ยนคนไข้ก็ได้ หรือเปลี่ยนหัวข้อก็ได้” “แต่คนเป็นหมอต้องมีเมตตา” “ถ้าที่ผมพูดไม่ผิดละก็ คุณได้ฝากความหวังครั้งสุดท้ายกับการแข่งขันแพทย์แผนจีนครั้งนี้แล้ว ถ้าผมปฏิเสธที่จะรักษาคุณเ
ว่ากันตามกฎการแข่งขันรอบสอง ไม่ว่าใครจับฉลากได้ผู้ป่วยแบบไหนก็ต้องรักษาในตอนนั้นและที่นั่นเลยแต่ผิวหนังที่เปื่อยพุพองทั้งร่างแบบนี้ไม่ใช่จะสามารถรักษาให้หายได้ภายในเวลาอันสั้นได้เลย แม้แต่ครึ่งเดือนการที่จะรักษาหญิงวัยกลางคนผู้นี้ให้หายได้คงเป็นเรื่องปาฏิหาริย์“ทำไมถึงมีผู้ป่วยลักษณะนี้ได้”ฮว่าจิ่วหยางมองไปยังพวกจางเสวี่ยเหยียนและเฝิงว่านชางด้วยความสับสนตามกฎการแข่งขันแพทย์แผนจีนก่อนหน้า ผู้ป่วยที่ถูกเลือกมาก็มีเงื่อนไขการเลือกคือต้องป่วยเป็นโรคในลักษณะที่สามารถรักษาให้หายในตอนนั้นได้เลยแต่ผู้ป่วยตรงหน้านี้ผิดกฎอย่างเห็นได้ชัด“เอ่อ...”จางเสวี่ยเหยียนหันหน้าไปมองถังจิ้งจือที่อยู่ด้านข้างพร้อมขมวดคิ้วกล่าว “ท่านถัง ผู้ป่วยลำดับหลังจากร้อยเป็นต้นไป น่าจะเป็นคุณที่ตัดสินใจเองสินะ?”“นี่มันเกิดอะไรขึ้น”ไม่เพียงแต่จางเสวี่ยเหยียนที่ไม่สบอารมณ์ แม้แต่หลินจื้อหงกับเฝิงว่านชางก็ล้วนมีสีหน้าเหยเกสุดๆฟางอวี่เจิ้งก็กำลังเดินมือไพล่หลังจากเก้าอี้กรรมการมุ่งไปกล่าวกับพิธีกร “ขอหยุดการแข่งขันสักครู่”เจียงถิงพยักหน้ารัวๆ แล้วถอยไปยืนข้างฉู่เฉินพร้อมกระซิบพูดคุยกับฉู่เฉินฉากตรงหน
ทันทีที่ฉู่เฉินพูดออกมา ถังจิ้งจือรู้สึกหนักอึ้ง จ้องเขม็งฉู่เฉินด้วยใบหน้าที่อัปลักษณ์สุดขีดฮว่าจิ่วหยางที่ยืนอยู่ด้านข้างจ้องมองไปทางถังจิ้งจือแล้วขมวดคิ้วถ้าบอกว่าเขาถูกท่านหลงขับไล่จากสำนัก งั้นก็หมายความว่าได้สูญสิ้นรัศมีคุ้มครองจากท่านหลง แล้วถังจิ้งจือมีสิทธิ์อะไรได้เป็นกรรมการพิเศษล่ะแต่เรื่องนี้ยังไม่ได้รับการยืนยันจากท่านหลง ฮว่าจิ่วหยางเลยไม่พูดอะไรให้มากความในเวลานี้แต่หลังจากนี้เขาต้องตามสืบเรื่องนี้ต่อไปหากถังจิ้งจือปกปิดขึ้นมาจริง ฮว่าจิ่วหยางย่อมไม่เกรงใจอีกต่อไป จะนำเรื่องนี้ไปรายงานต่อสมาคมแพทย์แผนจีนทันที และยื่นเรื่องปลดและแบนคุณสมบัติสายอาชีพแพทย์ของถังจิ้งจือไม่ให้ผุดให้เกิดเลย“รีบหน่อย ทุกคนรอแกอยู่นะ”ฉู่เฉินกล่าวด้วยใบหน้าเริ่มรำคาญหลี่จวิ้นเฟิงโมโหตาถลนแทบจะพ่นไฟออกมาแต่อยู่ต่อหน้าผู้คนในสนามนับหมื่น และอยู่ต่อหน้าผู้คนในห้องถ่ายทอดสดนับพันนับหมื่นคน เขาจะถอยหนีก็หนีไม่ได้เพราะถึงยังไงเมื่อกี้เขาก็รับปากเอง หลังจากแพ้ฉู่เฉินจะทำเป็นไม่รักษาสัญญาก็ไม่ได้ไหมล่ะ“พวกแกก็เห็นกันแล้ว นี่เป็นคนจากสำนักหมอ พูดจาเหมือนกับผายลม ไม่รู้เลยจริงๆว่าสำนั
จางเสวี่ยเหยียน หลินจื้อหง เฝิงว่านชางพากันอ้าปากค้างเมื่อมองเหตุการณ์ตรงหน้าถังจิ้งจือมองจนสมองทึบไปเลยเทพจริงๆแม้แต่เข็มเงินในมือหลี่จวิ้นเฟิงที่ยังไม่ทันได้ปล่อยออกไปก็ตกลงพื้นจนได้ยินเสียงหลิ่วหรูเยียนถึงกับยืนขึ้นพรวด มองหุ่นทองแดงข้างหน้าฉู่เฉินด้วยสายตาเหลือเชื่อ จากนั้นตะโกนออกมาอย่างลืมตัว “โกง! เขาต้องโกงแน่”สายตานับไม่ถ้วนในสนามกีฬามโหฬารแห่งนี้จ้องไปหลิ่วหรูเยียนราวกับมองคนบ้าหลิ่วชิงเหอรีบดึงหลิ่วหรูเยียนไว้พร้อมกล่าว “หรูเยียน อย่าเหลวไหล รีบนั่งลง”หน้าอกของหลิ่วหรูเยียนกระเพื่อมและสองมือสั่นด้วยความโมโห พูดไม่ออกครู่ใหญ่ สุดท้ายก็นั่งลงที่เดิมอย่างไม่เต็มใจ“ยัยผู้หญิงพวกนี้นี่แม่งโคตรโง่เง่าไหมวะ” “แกก็ลองมาโกงให้ดูดิ” “แม่เอ๊ย คนโง่มีทุกปี ทำไมปีนี้มีเยอะจังวะ”ผู้คนได้สติกลับมาต่างพากันกลอกตาดูแคลนให้หลิ่วหรูเยียนส่วนกู้รั่วเสวี่ยที่อยู่ด้านล่างเวทีก็ช็อกกับกระบวนท่านี้ของฉู่เฉินตอนนี้ไม่ใช่แค่เรื่องแพ้ชนะธรรมดาแล้ว แต่เป็นการบดขยี้หลี่จวิ้นเฟิงให้จมดินเลยทีเดียว“ว้าว นายท่านเท่ระเบิดไปเลย กระบวนท่าเมื่อกี้แหละ โห นับถือสุดๆ...”ต้วนหลิงเวยม
เมื่อพูดถึงตรงนี้ จู่ๆ ฉู่เฉินก็เปลี่ยนประเด็นทันที เขายิ้มขึ้นมาอย่างนิ่งๆ “อีกอย่างทำไมหมาถึงกลายเป็นคำด่าล่ะครับ?”“หมามันซื่อสัตย์กับเจ้าของจะตาย เฝ้าบ้าน อีกทั้งคนก็ชอบ ทำไมถึงกลายเป็นเป็นคำดูถูกได้ล่ะครับ?”“หรือว่าคุณและท่านหลี่ดูถูกหมาอย่างนั้นเหรอครับ?”เมื่อคำพูดนี้ออกไป ถังจิ้งจือและหลี่จวิ้นเฟิงก็โกรธจนหน้าซีดเซียวแต่ต่อหน้าชาวเน็ตหลายแสนคน พวกเขาไม่กล้าตอกกลับฉู่เฉินจริงๆใครจะกล้ารับประกันได้ว่าในนี้จะไม่มีคนรักหมา ถ้าสมมุติตกหลุมพรางของฉู่เฉิน แค่คนรักหมาพวกนั้นก็สามารถทำให้พวกเขาสองคนจมดินได้“ถือว่าแกแน่! เดี๋ยวรอคอยดูกัน!”หลี่จวิ้นเฟิงโกรธจนหน้าบูดเบี้ยวไปหมด เมื่อกลับมายังที่เก้าอี้ ก็ปล่อยลมปู๊ดป๊าดออกมาเสียงดังหลายครั้งติดกัน“รอแม่แกสิ! จะตอบหรือไม่ตอบ รีบบอกมาสิ!”ฉู่เฉินลองบนหลี่จวิ้นเฟิง หลังจากนั้นด่าหลี่จวิ้นเฟิงออกไปหลี่จวิ้นเฟิงสูดหายใจเข้าลึกๆ ตบโต๊ะแล้วพูดขึ้นมาว่า “ตกลง! เริ่มการแข่งขันใหม่ตอนนี้เลย!”โมโหแล้วนะ!เขาโกรธจนควบคุมตัวเองไม่ได้ครั้งแรกที่ถูกด่าอย่างเจ็บแสบแบบนี้ต่อหน้าคนมากมาย แต่กลับตอกกลับไม่ได้ความรู้สึกแบบนี้มันเหมือนก