“คุณชาย คุณอาจจะยังไม่ทราบ ยัยเด็กกู้รั่วเสวี่ยคนนั้นไปเชิญยอดคนมาจากไหนก็ไม่รู้ แค่ลงมือก็ทำให้นักข่าวพวกนั้นตกใจกลัวกันหมด ไม่ว่าพวกเราจะให้เงินมากเท่าไหร่ พวกเขาก็ไม่อยากรายงานข่าวเรื่องนี้อีกเลยครับ”“แถมยายแก่แซ่หลิวคนนั้นถึงขนาดไม่ยอมรับสายของเรา และไม่รู้ว่าไปซ่อนตัวที่ไหนแล้ว ต่อให้พวกเราอยากสร้างกระแสก็ไม่มีใครยอมช่วยเลยครับ” เลขารีบอธิบาย“โอ๊ะ? กู้รั่วเสวี่ยเชิญยอดคนมา? สืบประวัติคนคนนี้หรือยัง?” หลี่โย่วถังพูดพลางหรี่ตาขึ้นมา นี่เกี่ยวพันถึงธุรกิจขนาดใหญ่หลายพันล้าน จะเลินเล่อไม่ได้แม้แต่นิดเดียวไม่ว่าจะเป็นยอดคนแบบไหน หากกล้าขัดขวางหนทางหาเงินของตระกูลหลี่ก็ต้องตายสถานเดียว“สืบมาแล้วครับ ชื่อว่าฉู่เฉิน และเป็นคนที่มาจากเจียงจงด้วยครับ” เมื่อได้ยินคำว่าฉู่เฉิน ตู้เสี่ยวเยวี่ยอดตกตะลึงไม่ได้ ฉู่เฉิน ?! โลกช่างแคบเสียจริง เธอกำลังกลุ้มใจว่าไม่มีโอกาสให้ฉู่เฉินรักษาโรคให้เธออยู่เลย ผลคือใครจะคาดคิดได้ว่าฉู่เฉินจะมาที่เมืองหมอตูแล้ว นอกจากนี้เขายังบังเอิญล่วงเกินตระกูลหลี่ด้วย ไม่แน่ว่าพอถึงเวลานั้นเธออาจจะข่มขู่ฉู่เฉินได้ ขอเพียงเขารับปากว่าจะรักษาอาการม
ตู้เสี่ยวเยวี่ยตอบรับ แล้วเดินลงรถจากรถหรูไปพร้อมกับหลี่โย่วถัง.....ผ่านไปไม่นาน เมื่อลิฟต์จอดที่ชั้นบนสุด หลี่โย่วถังเดินออกมาด้วยสีหน้าเคร่งขรึม ชายวัยกลางคนที่มีใบหน้าเหลืองซีดราวกับกระดาษ สวมชุดโซ่วอีสีดำสำหรับพิธีศพ รีบลุกขึ้นมาจากโซฟา “คุณชายหลี่ คุณกลับมาแล้ว” หลี่โย่วถังขมวดคิ้วมองชายวัยกลางคนแวบหนึ่งแล้วกล่าวว่า “อาจารย์จื่อหยาง เกิดอะไรขึ้นกันแน่ครับ? คุณบอกว่าถ้าฝังอสูรน้ำรูปสลักหินลงไปก็จะทำให้ตระกูลกู้ปั่นป่วนจนอยู่ไม่เป็นสุขได้ไม่ใช่เหรอ?” “แต่ทำไมผมได้ยินมาว่าตระกูลกู้ไม่เพียงไม่เดือดร้อนวุ่นวาย แต่คุณยังทำให้กู้รั่วเสวี่ยหาปรมาจารย์อะไรมาจนโดนแว้งกัดแทน?”เมื่อได้ยินหลี่โย่วถังพูดแบบนี้ ดวงหน้าชราของอาจารย์จื่อหยางก็แดงสลับขาว “คุณชายหลี่ คุณฟังผมนะ อีกฝ่ายอาจจะเป็นยอดฝีมือ นอกจากนี้ค่ายกลปลุกศพของผมไม่มีทางที่จะไม่ก่อปัญหาให้ตระกูลกู้ จากที่ผมรู้มา มีคนตายในไซต์งานก่อสร้างแล้ว”เห็นได้ชัดว่าคำพูดนี้ของอาจารย์จื่อหยางเหมือนตำหนิหลี่โย่วถังเป็นนัย ๆ ว่าจะการไม่ดีเองเกิดเรื่องใหญ่จนถึงแก่ชีวิตคนขนาดนี้ หลี่โย่วถังกลับไม่สามารถใช้ประโยชน์ให้ดีได้ จะโทษว่าเข
ตู้เสี่ยวเยวี่ยฝืนพยักหน้าพูดตามตรง ไม่มีผู้หญิงคนไหนไม่ใส่ใจเรื่องพวกนี้หรอกแต่เธอเป็นเพียงสาวน้อยจากตระกูลเล็ก ๆ ในเจียงจง ไฉนเลยจะไปควบคุมคุณชายใหญ่หลี่โย่วถังจากตระกูลหลี่ที่แสนยิ่งใหญ่ได้? แม้ว่าในใจจะมีความไม่ยินยอมนับร้อย แต่เธอก็ได้แต่ทำตามความคิดของหลี่โย่วถังเท่านั้นเมื่อเห็นตู้เสี่ยวเยวี่ยไม่มีความคิดต่อต้าน อาจารย์จื่อหยางถึงค่อยหยิบตุ๊กตากระดาษสีแดงเล็ก ๆ ออกมาสองตัวแล้วพูดว่า “คุณชายหลี่ พูดง่าย ๆ คือขอเพียงคุณคิดหาวิธีเอาตุ๊กตากระดาษตัวหนึ่งใส่ลงไปในกระเป๋าสะพายข้างของกู้รั่วเสวี่ยก็พอ” “พอถึงเวลานั้น ผมจะทำพิธีอยู่ข้างล่าง ไม่นานกู้รั่วเสวี่ยคนนั้นจะเปลื้องผ้าให้คุณชายหลี่เชยชมได้ตามใจชอบเอง”เมื่อได้ยินคำพูดนี้ หัวใจของหลี่โย่วถังก็เต้นเร็วขึ้นหลายเท่าอาจารย์จื่อหยางไม่ทำให้เขาผิดหวังจริง ๆ ด้วย สิ่งสำคัญที่สุดคืออาจารย์จื่อหยางรู้ว่าในใจของเขาต้องการอะไร“ดี งั้นก็ลำบากอาจารย์จื่อหยางแล้ว” หลี่โย่วถังตาเป็นประกาย ถูมือสองข้าง ก่อนจะรับตุ๊กตากระดาษสีแดงตัวเล็กหนึ่งในนั้นจากในมือของอาจารย์จื่อหยาง“แต่ว่า คุณชายหลี่...จะกินคนเดียวไม่ได้นะครับ ให้ผมด้วยไ
“คุณก็อยู่รอคุณหนูกู้ที่นี่ละกัน”ฉู่เฉินหรี่ตา เอ่ยด้วยเสียงเย็นชาว่า “ถ้าเกิดผมบอกว่าไม่ล่ะ?” หลี่โย่วถังแค่นเสียงเบา ๆ กวาดตามองฉู่เฉินแวบหนึ่งแล้วเอ่ยว่า “คุณไม่ดูตัวเองเลยนะ คุณคิดว่าตัวเองเป็นใคร คุณมีสิทธิพูดจาที่นี่ได้ด้วยเหรอ?!”เมื่อสิ้นเสียงพูด หลี่โย่วถังก็หันหน้าไปมองกู้รั่วเสวี่ยแล้วกล่าวว่า “คุณหนูกู้ เรื่องธุรกิจระหว่างพวกเราสองตระกูลไม่จำเป็นต้องให้บุคคลที่สามมาฟังใช่ไหม? “ถ้าเกิดคุณยืนกรานว่าจะพาคนนอกมาคุยกับผม งั้นก็ขอโทษด้วยครับ เชิญกลับไปเถอะ” หลี่โย่วถังกล่าวจบก็เอามือสองข้างไพล่หลัง เดินไปที่ห้องทำงานของตัวเองนี่...กู้รั่วเสวี่ยเองก็ตัดสินใจไม่ได้อยู่ชั่วขณะอย่างไรก็ตาม ที่นี่มีระยะห่างจากห้องทำงานของหลี่โย่วถังแค่สิบกว่าเมตรเท่านั้น เชื่อว่าน่าจะไม่มีเรื่องอะไรเกิดขึ้นเมื่อคิดเช่นนี้ กู้รั่วเสวี่ยถึงค่อยพูดกับฉู่เฉินว่า “ฉู่เฉิน ถ้าอย่างนั้นพี่ก็รอฉันอยู่ตรงนี้สักพัก ฉันไปแล้วเดี๋ยวก็กลับ”ฉู่เฉินพยักหน้าเล็กน้อยแล้วกล่าวว่า “ก็ได้ แต่คุณต้องระวังคนแซ่หลี่คนนี้นะ ผมรู้สึกอยู่ตลอดว่าเขาไม่หวังดี”กู้รั่วเสวี่ยพยักหน้าอย่างหนักแน่นแล้วกล่าวว่า “
“คุณหนูใหญ่กู้ อันที่จริงเดิมทีการร่วมมือกันระหว่างพวกเราสองตระกูลก็เป็นไปตามหลักการความสมัครใจ เวลานี้หลังจากที่ตระกูลหลี่ของเราได้ประเมินแล้วก็คิดว่าที่ดินผืนนั้นไม่คุ้มค่าพอให้พัฒนา ดังนั้นการถอนการลงทุนก็เป็นเรื่องที่สมเหตุสมผลใช่หรือเปล่าครับ?” หลี่โย่วถังมองกู้รั่วเสวี่ยที่หน้าแดงระเรื่อ ก่อนจะเอ่ยพลางแย้มยิ้มเห็นได้ชัดว่าอาคมของอาจารย์จื่อหยางออกฤทธิ์แล้ว ขอเพียงรออีกสักพัก กู้รั่วเสวี่ยจะต้องเป็นฝ่ายเปลื้องผ้าโผเข้ามาในอ้อมกอดเองกู้รั่วเสวี่ยฝืนข่มกลั้นไฟปรารถนาในก้นบึ้งของจิตใจ แล้วใช้สติที่เหลืออยู่เพียงเล็กน้อยมองไปทางหลี่โย่วถังพลางพูดว่า “คุณชายหลี่ จะพูดแบบนี้ไม่ได้นะคะ ถ้าเกิดไม่ใช่เพราะตอนแรกตระกูลหลี่ร้องขอตระกูลกู้ของเราเพื่อที่จะร่วมมือพัฒนา...”เมื่อเอ่ยถึงตรงนี้ กู้รั่วเสวี่ยก็หอบหายใจแรง ๆ หลายที ไฟปรารถนาในกายคล้ายกับมีแนวโน้มว่าจะควบคุมไม่อยู่แล้ว ถึงขนาดที่เธอเพียงแต่อยากเปลือยกายทำเรื่องน่าอับอายแบบนั้นตอนนี้เลย เป็นแบบนี้ได้อย่างไร?กู้รั่วเสวี่ยลูบหน้าผากเบา ๆ พยายามข่มกลั้นไฟปรารถนาภายในใจที่แทบจะปะทุออกมาภายในใจอย่างเต็มที่“คุณหนูกู้ นี่คุณเป็น
“ฮ่า ๆๆ!”เมื่อได้ยินคำถามของกู้รั่วเสวี่ย หลี่โย่วถังก็แหงนหน้าหัวเราะเสียงดังอย่างลำพองใจ ตระกูลกู้เหรอ?ตระกูลกู้มีอิทธิพลในเมืองหลวงจริง ๆ แต่ที่นี่คือเมืองหมอตูนะ!ต่อให้ตระกูลหลี่ไม่อาจควบคุมทุกสิ่งทุกอย่างในเมืองหมอตูได้ แต่ตระกูลกู้ก็ไม่อาจทำอะไรได้ง่าย ๆ เหมือนกัน“คุณหนูกู้ คุณมองตัวเองสำคัญเกินไป และมองว่าตระกูลกู้สูงส่งเกินไปหรือเปล่า? คุณคิดว่าตระกูลกู้จะทำอะไรตระกูลหลี่ของผมในเมืองหมอตูได้เหรอ?”หลี่โย่วถังหัวเราะหยันพลางส่ายศีรษะกล่าวว่า “นอกจากนี้ คุณหนูกู้คงคิดไม่ถึงอย่างแน่นอนว่าผมได้เตรียมอุปกรณ์บันทึกภาพไว้แล้ว ถ้าไม่เชื่อ คุณก็มองไปทางนั้นสิ” หลี่โย่วถังกล่าวพลางเอามือชี้ไปยังกล้องวิดีโอขนาดเล็กข้างโต๊ะทำงานเลนส์กล้องหันตรงมายังทางกู้รั่วเสวี่ยพอดี และไฟสีแดงที่กะพริบด้านบนในเวลานี้บ่งบอกว่ากล้องตัวนี้ทำงานตั้งแต่ตอนที่กู้รั่วเสวี่ยยังไม่ได้เข้ามาในห้อง “คะ...คุณคิด....คุณคิดจะทำอะไร?!” เวลานี้กู้รั่วเสวี่ยรู้สึกทรมานแทบขาดใจแล้ว แต่ไม่ว่าอย่างไรเธอก็ต้องรักษาขีดจำกัดล่างของตัวเองไว้ให้ได้เธอจะไม่ยอมให้คนต่ำช้าอย่างหลี่โย่วถังสมหวังเป็นอันขาด! “ผม
เวลานี้เอง ภายในห้องรับรองที่อยู่อีกทางด้านหนึ่ง เมื่อเห็นตู้เสี่ยวเยวี่ยผลักประตูเดินเข้ามา ฉู่เฉินก็คร้านที่จะมองเธอสักแวบหนึ่งยัยนี่ทำตัวเรียกร้องมากเกินไปแล้วจริง ๆ ครั้งที่แล้วตอนอยู่ที่บ้านตระกูลหลิ่ว เธอก็ร้องอย่างมีความสุขตั้งหลายครั้งถึงแม้ว่าจะมีวิชาลับบำเพ็ญคู่ แต่ฉู่เฉินก็ไม่ได้ยอมรับใครก็ได้ คนอย่างตู้เสี่ยวเยวี่ย ต่อให้ส่งมาฟรี ๆ ฉู่เฉินก็คร้านจะสนใจ“คุณฉู่คะ คุณนั่งอยู่ที่นี่คนเดียวไม่เบื่อเหรอคะ?” ตู้เสี่ยวเยวี่ยพูดพลางเดินเข้ามานั่งลงตรงที่วางแขนของโซฟาข้าง ๆ ฉู่เฉิน หน้าอกอวบใหญ่โคลงเคลงไปมาตรงหน้าฉู่เฉินในความคิดของเธอ ไม่มีผู้ชายหน้าไหนต้านทานการยั่วยวนอย่างกล้าหาญแบบนี้ของเธอได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับคนอย่างฉู่เฉิน ที่ยังลงมือได้แม้กระทั่งหลิ่วชิงเหอกับลูกสาว แต่ว่าปฏิกิริยาตอบสนองของฉู่เฉินกลับนิ่งเฉยอย่างยิ่งต่อให้หน้าอกอวบอิ่มคู่นั้นของเธอแทบจะแนบชิดใบหน้าของฉู่เฉินแล้ว ฉู่เฉินก็ยังไม่มีการเปลี่ยนแปลงใด ๆ เลย เขายังคงดื่มน้ำชาอย่างไม่สะทกสะท้านเลยสักนิดเดียว ถึงขนาดที่ไม่แม้แต่จะเหลือบมองเธอสักแวบหนึ่ง “คุณฉู่คะ คุณอย่าเข้าใจผิดไปนะคะ ฉันแค่อยากให้
โครม! ฉู่เฉินใช้หมัดเหล็กอิงภูผาต่อยหัวหน้าทีมบอดี้การ์ดคนนั้นจนกระเด็นออกไปทันที“พรวด!” หัวหน้าทีมบอดี้การ์ดคนนั้นยังไม่ทันได้แม้แต่จะส่งเสียงร้องโอดครวญ เขาก็สิ้นลมหายใจไปทันที ฉู่เฉินเร่งฝีเท้าไปข้างหน้า ภายในช่วงเวลาไม่กี่อึดใจก็มาถึงหน้าประตูห้องทำงานของหลี่โย่วถัง เวลานี้กู้รั่วเสวี่ยตาพร่ามัวแล้ว ส่งเสียงหอบหายใจอย่างเย้ายวนออกมาเป็นระยะตอนนี้การควบคุมสติของเธอมาถึงจุดชายขอบที่จะพังทลายแล้ว หากฉู่เฉินมาช้าอีกแค่นาทีเดียว ละครโศกนาฏกรรมอาจจะทำการแสดงแล้วปัง! ขณะที่หลี่โย่วถังเดินเข้าไปหากู้รั่วเสวี่ยพร้อมกับรอยยิ้มชั่วร้าย เสียงดังสนั่นเลือนลั่นก็ดังเข้ามา จากนั้นประตูห้องทำงานของหลี่โย่วถังก็บินเข้ามาหาหลี่โย่วถัง“เฮ้ย? ใครน่ะ!” หลี่โย่วถังตกใจจนหดคอ ประตูห้องที่ทำจากไม้แท้หนักหลายสิบกิโลกรัมบานนั้นพุ่งเฉียดศีรษะเขาออกไปข้างนอกหน้าต่างหลี่โย่วถังตกใจจนวิญญาณแทบหลุดออกจากร่างตรงนั้นเลยจริง ๆ เขาเกือบจะปัสสาวะราดกางเกงแล้ว ถ้าเกิดโดนเข้าละก็ ต่อให้ไม่ตายก็คงหนังลอกเหมือนกัน เมื่อเห็นว่าคนที่พุ่งเข้ามาในห้องทำงานคือฉู่เฉิน หลี่โย่วถังก็อดโกรธจัดไม่ได้ เข
“เหลืออีกไม่ถึงสามเดือนก็จะถึงวันที่สิบยอดขุนพลดินแดนมังกรแย่งชิงตำแหน่งสี่ขุนพลเทพพิทักษ์ชาติ ถ้าศิษย์น้องไม่ได้ยาโลหิตวิญญาณเพิ่มระดับพลังแล้วละก็ ทันทีที่ตกรอบ แผนที่ท่านอาจารย์ผู้เฒ่าวางไว้คงจะแพ้หมดรูปแน่”คิ้วสวยน่ามองของจื่อเยว่ขมวดเล็กน้อย มองไปยังหลิ่วชิงเหอที่กำลังตกใจจนตัวสั่น “เธอมีวิธีทำให้คนที่ฉู่เฉินคนนั้นมอบเลือดบริสุทธิ์มาให้สักหน่อยไหม?”อะไรนะ?หลิ่วชิงเหอได้ยินแล้วก็ส่ายหน้าอย่างแรงราวกับกลองคลื่น พร้อมกล่าววิงวอน “ท่านประมุข ขอร้องคุณอย่าได้บังคับฉันเลย คุณไม่ทราบช่วงเวลาก่อนหน้านี้พวกเราสองแม่ลูกต้องประสบกับการล้างแค้นยังไงจากฉู่เฉิน”“ฉันยอมรับว่าสามปีมานี้ฉันผิดต่อเขา แต่…แต่เขาไม่ควรปู้ยี่ปู้ยำพวกเราสองแม่ลูกอย่างนั้น”“ท่านประมุข อย่าว่าแต่ให้เขามอบเลือดบริสุทธิ์ให้เลย แค่เขามีปัญหาเล็กน้อยก็จะทำกับพวกเราสองแม่ลูก…”หลิ่วชิงเหอพูดแค่นี้แล้วก็ยังบีบน้ำตาออกมาสองหยด“เหอะ!”หลิงรั่วทำเสียงฮึดฮัดและกล่าวกับจื่อเยว่ “ศิษย์พี่ใหญ่ ฉันจะลงเขาไปคุยกับคนแซ่ฉู่นั่นเอง ถ้าเขาหัวแข็ง ฉันจะใช้ยันต์โลหิตวิญญาณทำให้เขาอ้อนวอนขอตายก็ตายไม่ได้เอง!”“ดูสิว่าเขาจะกล้าไ
หญิงสาวยื่นมือแกะผ้าปิดตาหลิ่วชิงเหอ และกล่าวอย่างเย็นชา “ท่านประมุขรอคุณอยู่ที่ตำหนักใหญ่”กล่าวเสร็จก็ใช้นิ้วไปยังตำหนักมโหฬารที่อยู่เหนือขั้นบันไดหลายร้อยขั้น“ค่ะ ฉันจะไปพบท่านประมุขเดี๋ยวนี้ค่ะ”หลิ่วชิงเหอในเวลานี้ จะไปมีท่าทางสูงส่งเหมือนช่วงปกติได้ที่ไหนล่ะ?แม้ว่าวังจื่อเซียวจะมีลูกศิษย์ไม่ถึงร้อยคน แต่ขนาดเกาเซิ่งอี้ที่อยู่เบื้องหลังหอการค้ากิเลนยังหวั่นเกรงด้วยเหตุนี้จึงเดาไม่ยากเลยว่าวังจื่อเซียวนั้นน่าสะพรึงแค่ไหน!หลิ่วชิงเหอใช้เวลาเกือบหนึ่งชั่วโมงในการเดินขึ้นบันไดหลายร้อยขั้นนี้ได้ ปาดเหงื่อแล้วเดินเข้าไปในตำหนักใหญ่ของวังจื่อเซียว ขณะนี้บนตำแหน่งหลักบนสุดของห้องโถงในตำหนักนี้มีหญิงสาวที่งดงามมีผิวราวกับน้ำแข็งและมีใบหน้าที่เย็นชาเมื่อพิจารณาจากอายุแล้วประมาณยี่สิบห้ายี่สิบหกเท่านั้น ใบหน้างามนั้นราวกับนางฟ้านางสวรรค์ในดินแดนเทพเซียนผมสีดำยาวสลวยของเธอห้อยลงมาถึงเอวราวกับน้ำตก ดวงตาของเธอลึกล้ำและกระจ่างราวกับดวงดาวในท้องฟ้ายามค่ำคืน และรูปลักษณ์ใบหน้าของเธอแลดูน่าเกรงขามชุดกระโปรงสีขาวราวหิมะ เผยให้เห็นผิวเนียนบริสุทธิ์ผุดผ่องนั้นท่านประมุขวังจื่อเซีย
“วางใจได้ค่ะ หนูคิดว่าฉู่เฉินไม่ได้สนใจหอการค้าตะวันออกใหญ่เลยสักนิด หนูเดาว่า เป็นไปได้สูงว่าเขาคงจะทำการยุบหอการค้าตะวันออกใหญ่ไปตั้งแต่แรกแล้วถ้าไม่ใช่เพราะผู้หญิงแซ่เจียงคนนั้นละก็นะ”หลิ่วหรูเยียนนึกย้อนถึงฉากที่เกิดขึ้นตอนกลางวัน และกล่าวตามสิ่งที่คิดไว้หลิ่วชิงเหอได้ยินแล้วก็เงียบไปก็จริง มียาบำรุงปราณและยาบำรุงสวรรค์ในมือ ฉู่เฉินยังต้องการหอการค้าตะวันออกใหญ่ไปทำไม?ไม่จำเป็นเลยสักนิด“ก็ได้ เรื่องอะไรก็ตามลูกก็ระมัดระวังหน่อยแล้วกัน ใช่แล้ว ลูกวางแผนจะย้ายเข้าเฉียนหลงวิลล่าเมื่อไหร่? ฉู่เฉินมีท่าทีอะไรไหม?”หลิ่วชิงเหอถามต่อ“เขาไม่สนใจเฉียนหลงวิลล่าหรอกค่ะ มอบเฉียนหลงวิลล่าให้พวกเราทันทีแบบไม่คิดด้วยซ้ำ พรุ่งนี้เช้าหนูจะย้ายเข้าไป คฤหาสน์ตระกูลฉู่เล็กเกินไปจริง ๆ ”หลิ่วหรูเยียนขยับเล็บที่เพิ่งไปทำมาใหม่เล่น และเปลี่ยนเรื่องถามไถ่ “ทางนั้นเป็นยังไงบ้างคะแม่ ยังราบรื่นไหม?”“เฮ้อ”หลิ่วชิงเหอถอนหายใจเบา ๆ และกล่าวอย่างกังวลใจ “ยังรอเข้าพบอยู่เลยจ้ะ พรุ่งนี้ละมั้ง อาจจะได้ผลลัพธ์ ถึงตอนนั้นแม่ค่อยโทรหาลูกนะ”กล่าวจบหลิ่วชิงเหอก็วางสายไป……ในเมืองเล็ก ๆ ที่อยู่ห
ที่จริงแล้วดินแดนลึกลับก็คือคนในโลกแห่งการบำเพ็ญเซียน วิชาที่ใช้โดยทั่วไปก็คือวิชาพรางตาป้องกันคนภายนอกสอดแนมโดยทั่วไปถ้ามองจากภายนอกอาจจะเห็นเป็นเนินเล็ก ๆ แต่ถ้าเข้าไปข้างในนั้นได้ก็จะพบว่าภายในมีจักรวาลฟ้าดินอีกแห่ง พื้นที่กว้างใหญ่ ยอดภูเขาตั้งซ้อนสลับกันแต่ตามที่เซียวถิงฮั่นกล่าวมา นั่นก็เท่ากับสิ่งที่เรียกว่าสี่ยอดขุนเขาศักดิ์สิทธิ์อะไรนั่นก็ใช้วิธีพรางตาแบบเดียวกันมีแต่จะใช้คาถาหรือวิชาลับพิเศษจึงจะสามารถเข้าไปในสี่ยอดขุนเขาศักดิ์สิทธิ์ที่แท้จริงได้คนธรรมดา ต่อให้ใช้เทคโนโลยีทางวิทยาศาสตร์ที่ล้ำสมัยที่สุดก็ไม่มีทางหาทางเจอฉู่เฉินพูดคุยถามสารทุกข์สุกดิบกับเซียวถิงฮั่นไม่กี่ประโยคแล้ว สองพ่อลูกเซียวถิงฮั่นก็ลุกขึ้นขอตัวลา……อีกทางด้านหนึ่ง จุดที่ลึกสุดของภูเขาหลางจวีซวี บนยอดเขาสูงตระหง่านมีวิหารมากมายในขณะนี้เอง ชายชราคนหนึ่งนั่งอยู่ในวิหารหลักของวังเทียนเจียน ซึ่งกำลังมองแผ่นหยกที่แตกหักในมือของเขาด้วยสีหน้าเศร้าหมองอย่างยิ่ง จิตสังหารพลุ่งพล่านอยู่ในดวงตาของเขา“ท่านปรมาจารย์ เกาเซิ่งอี้เสียชีวิตแล้ว ต้องรีบส่งคนไปตระกูลฉู่ที่เมืองเจียงจงเพื่อตามหาหยกโลหิตกิเ
เซียวถิงฮั่นกล่าวพร้อมประสานมือคารวะฉู่เฉินจากนั้นเซียวจี้เซียนรีบนำโสมแก่ร้อยปีสามต้นยื่นให้ตรงหน้าฉู่เฉินเห็นโสมสามต้นแล้วฉู่เฉินก็ฉีกยิ้มบาง ๆ กล่าว “ผู้อาวุโสเซียว เป็นไปตามที่คุณพูด ผมกับตระกูลเซียวคุณไม่ได้มีความแค้นอะไร ดังนั้นเรื่องของเซียวจี้กวางก็ถือจบกันไปแล้วกัน”“แต่ว่า ผมมีหนึ่งเรื่องอยากจะถามคุณหน่อย”ได้ยินแล้วเซียวถิงฮั่นก็รีบกล่าวพร้อมมือประสาน “คุณฉู่ มีคำถามอะไรถามมาได้เลยครับ ถ้าผมรู้ผมจะตอบทุกอย่างเลยครับ”ฉู่เฉินครุ่นคิดอยู่สักพักแล้วขมวดคิ้วเอ่ยถาม “ผู้อาวุโสเซียว ในปีนั้นตกลงแล้วเกาเซิ่งอี้ได้รับคำสั่งมาจากใครให้ไปลักพาตัวพ่อแม่ของผมกันแน่?”เซียวถิงฮั่นได้ยินแล้วก็ส่ายหน้าขมวดคิ้วแน่นพร้อมตอบ “คุณฉู่ ขอบอกตามตรงโดยไม่ปกปิดนะ ตระกูลเซียวของเราเป็นเพียงตระกูลเล็ก ๆ ไม่ค่อยได้ติดต่อคนจากโลกแห่งการหยั่งรู้สักเท่าไหร่”“ผมก็รู้แค่ว่าเรื่องในปีนั้นเกาเซิ่งอี้ได้รับคำสั่งจากสำนักใหญ่สำนักหนึ่งที่อยู่ภูเขาหลางจวีซวี แต่เป็นใครนั้นผมก็ไม่สามารถล้วงลึกได้ และไม่กล้าสืบต่อ”พูดถึงตรงนี้แล้วเซียวถิงฮั่นก็หยุดไป จากนั้นพูดต่อ “ผมมีคำพูดจะเตือน ในเมื่อเรื่องในปีนั
เซียวเฟิงกล่าวด้วยสีหน้าเหยเกเช่นกัน “ปู่ พ่อ พวกเราจำเป็นต้องไปประจบฉู่เฉินด้วยหรือ?”“ตระกูลเซียวของพวกเรา ต่อให้ออกจากหอการค้าตะวันออกใหญ่ไปก็ไม่ถึงขั้นที่สิ้นไร้ไม้ตอกนี่?”เซียวจี้เซียนถอนหายใจหนักใจตอบ “เฮ้อ พวกลูกยังเด็กเกินไป ตระกูลเซียวมาถึงทุกวันนี้ได้ด้วยอะไร?”“อย่าคิดว่าตอนนี้พวกลูกคนหนึ่งอยู่แก๊งมังกร ส่วนอีกคนอยู่ในกองทัพทหารหน้าที่การงานรุ่งโรจน์ แต่ทันทีที่ไม่มีสิ่งเหล่านี้ หรือถูกกีดกันจากตระกูลใหญ่ตระกูลอื่น ๆ พวกลูกไม่เพียงไม่ก้าวหน้าขึ้น แม้แต่กิจการของตระกูลเซียวยังจะถูกคนอื่นกลืนกินจนหมดแน่”“เมื่อถึงตอนนั้นค่อยไปประจบเอาใจ ทุกอย่างก็สายไปเสียแล้ว”ได้ยินคำว่าประจบเอาใจแล้ว ความโมโหที่สะสมมานานของเซียวเสวี่ยอิ๋งก็พุ่งปรี๊ดอาศัยอะไรสั่งให้เธอไปประจบเอาใจฉู่เฉิน?!“ถึงยังไงหนูก็ไม่สน ใครอยากไปประจบฉู่เฉิน มันก็ไม่เกี่ยวกับหนู แต่อย่าคิดจะให้หนูไปเยือนถึงประตูบ้านเขาเลย” เซียวเสวี่ยอิ๋งหน้าแดงก่ำและกล่าวอย่างไม่ยินยอม“พี่ พี่จะพูดแบบนี้ก็ไม่ถูกนะ เราแค่คลี่คลายบุญคุณความแค้น ไม่ใช่ไปประจบหรือเอาใจ”เซียวจี้หงรีบลุกขึ้นมาทำเรื่องให้จบแต่ห้องโถงยังคงมีบ
ไม่นาน รถก็แล่นมาจอดที่หน้าทางเข้าโรงแรมที่มีชื่อว่าลั่งซาเลิฟโฮเต็ลตาของฉู่เฉินเปล่งประกายขึ้นมาทันทีที่เดินเข้าไปในห้องชุดชั้นในเซ็กซี่หลากหลายสไตล์ถูกจัดเรียงไว้อย่างดี ตรงปลายไม้แขวนเสื้อมีเชือกยาวประมาณสามเมตรเส้นหนึ่งห้อยอยู่นี่มันอะไรกัน?ฉู่เฉินยกเชือกที่หยาบและเล็กเท่านิ้วมือนั้นขึ้นมามองด้วยความสงสัยหลิ่วหรูเยียนเม้มปากหัวเราะและกล่าว “ไม่เคยเล่นสินะ? นายรอฉันแป๊บหนึ่งก่อน”ขณะพูดหลิ่วหรูเยียนก็รับเชือกเส้นนั้นมาแล้วรีบวิ่งเหยาะเข้าไปยังห้องอาบน้ำห้องอาบน้ำของโรงแรมแห่งนี้สร้างด้วยกระจก ทั้งยังเป็นกระจกที่สามารถมองเห็นได้แบบเบลอ ๆ แม้จะอยู่ไกลก็ยังเห็นร่างอรชรขาวเนียนของหลิ่วหรูเยียนได้อย่างชัดเจนเมื่อเห็นว่าหลิ่วหรูเยียนเอาเชือกเส้นนั้นพันรอบร่างกายบอบบางที่ไร้อาภรณ์ผ่านไปแค่เวลาสั้น ๆ เมื่อหลิ่วหรูเยียนมาปรากฏตัวตรงหน้าฉู่เฉินอีกครั้ง ฉู่เฉินก็เข้าใจวิธีใช้อันมหัศจรรย์ของเชือกเส้นนั้นได้ในทันทีฉู่เฉินลุกขึ้นดึงปลายเชือกแล้วกดหลิ่วหรูเยียนไว้ที่โซฟา ชื่นชมบั้นท้ายอวบอิ่มและแผ่นหลังที่สวยงามของเธอ ปราณมังกรพลังหยางก็พุ่งถึงจุดสูงสุดภายในห้องก็มีเสียงร้อ
หลิ่วหรูเยียนหน้าแดงและกัดริมฝีปากพร้อมกล่าว “ใครให้พิชิตใจฉันได้ล่ะ เดี๋ยวนี้ทุกคืนพอหลับตาลงก็จะนึกถึงความทรงพลังของนาย”ในขณะพูดหลิ่วหรูเยียนหนีบขาและเสียดสีไปมา ฉากนี้ทำเอาเจ้าใหญ่นายโตต่างกลืนน้ำลายดังเฮือกทว่าผู้หญิงของฉู่เฉิน พวกเขาทำได้แค่มองและไม่กล้าคิดเกินเลย“หวังว่าเธอคงไม่ได้ดีแต่ปากนะ”ฉู่เฉินกล่าวอย่างราบเรียบ“ขอแค่นายชอบ ดีแต่ปากก็ฝึกจนชำนาญได้”หลิ่วหรูเยียนพูดพร้อมใช้ลิ้นเลียริมฝีปากอย่างว่องไว“เอาละ พวกคุณกลับไปเถอะ”ฉู่เฉินบีบบั้นท้ายเด้งของหลิ่วหรูเยียน และกล่าวพร้อมยกมือให้คนที่คุกเข่าอยู่ที่พื้น“ขอบพระคุณคุณฉู่”ทุกคนต่างพากันลุกขึ้นเพิ่งเดินได้ไม่กี่ก้าวหลิ่วหรูเยียนก็กล่าวขึ้นด้วยน้ำเสียงค่อนข้างเย็นชาอย่างกะทันหัน “รอเดี๋ยว!”บรรดาคนที่เดินออกไปต่างรีบหยุดแล้วหันมามองหลิ่วหรูเยียนด้วยสีหน้าและสายตาประจบประแจง“ภายในสามวัน แจ้งชื่อบริษัทและรายงานคอนเซ็ปต์ธุรกิจของพวกคุณทุกคนตามความเป็นจริง ฉันจะรอข่าวคราวของพวกคุณอยู่ที่ห้องทำงานประธานฉู่ซื่อกรุ๊ป”สิ้นเสียงหลิ่วหรูเยียนก็เอามือกอดอกหรี่ตาคมกริบและกล่าว “ที่ฉันมีคลิปในวันนี้อยู่นะ ถ้าหลังจากสา
“เหอะ ๆ...นะ....นี่เป็นฟ้า...ลิขิต...”ฉีอวี่ไท่พูดจบก็คอเอียง และสิ้นลมหายใจคาที่จนกระทั่งทุกอย่างกลับคืนสู่ความสงบ บรรดาผู้ทรงอิทธิพลที่มาร่วมงานเลี้ยงถึงค่อยยืนตรงตัวสั่นระริก มองฉู่เฉินด้วยดวงตาเต็มไปด้วยความตกใจกลัว“คุณฉู่ พะ...พวกเราเป็นแค่นักธุรกิจธรรมดาของหอการค้าตะวันออกใหญ่เท่านั้นนะ บุญคุณความแค้นระหว่างพวกคุณไม่เกี่ยวอะไรกับพวกเราเลยนะครับ!”ชายวัยกลางคนที่เยาะหยันฉู่เฉินก่อนหน้านี้ ขาอ่อนยวบก่อนจะคุกเข่าลงกับพื้นเมื่อเห็นเขาคุกเข่า ทุกคนที่อยู่รอบ ๆ แทบจะคุกเข่าลงไปตาม ๆ กันถึงแม้เฉียนหลงวิลล่าจะสร้างขึ้นมาอย่างใหญ่โตโอ่อ่า แต่ปัญหาคือที่นี่อยู่ห่างจากตัวเมืองมากเกินไป ต่อให้ฉู่เฉินฆ่าพวกเขาไปด้วยแล้วป้อนให้ผีดิบเลือดคลั่งกินจนหมด ก็คงไม่มีใครรู้เลยนอกจากนี้ ต่อให้สืบได้ว่าพวกเขาโดนผีดิบเลือดคลั่งกลืนกินทั้งเป็นแล้วจะทำอย่างไรได้?ใครจะต่อกรกับเจ้านั่นได้?ว่ากันว่าใต้เข่าของลูกผู้ชายมีทองคำ เพียงแต่ยังไม่ถึงช่วงเวลาความเป็นความตาย เมื่อเทียบกับชีวิตแล้ว คุกเข่าโขกหัวจะนับเป็นอะไรได้?“คุณฉู่ พวกเราไม่รู้อะไรเลยจริง ๆ นะครับ นอกจากนี้ ถึงแม้ว่าเกาเซิ่งอี้จ