“คุณก็อยู่รอคุณหนูกู้ที่นี่ละกัน”ฉู่เฉินหรี่ตา เอ่ยด้วยเสียงเย็นชาว่า “ถ้าเกิดผมบอกว่าไม่ล่ะ?” หลี่โย่วถังแค่นเสียงเบา ๆ กวาดตามองฉู่เฉินแวบหนึ่งแล้วเอ่ยว่า “คุณไม่ดูตัวเองเลยนะ คุณคิดว่าตัวเองเป็นใคร คุณมีสิทธิพูดจาที่นี่ได้ด้วยเหรอ?!”เมื่อสิ้นเสียงพูด หลี่โย่วถังก็หันหน้าไปมองกู้รั่วเสวี่ยแล้วกล่าวว่า “คุณหนูกู้ เรื่องธุรกิจระหว่างพวกเราสองตระกูลไม่จำเป็นต้องให้บุคคลที่สามมาฟังใช่ไหม? “ถ้าเกิดคุณยืนกรานว่าจะพาคนนอกมาคุยกับผม งั้นก็ขอโทษด้วยครับ เชิญกลับไปเถอะ” หลี่โย่วถังกล่าวจบก็เอามือสองข้างไพล่หลัง เดินไปที่ห้องทำงานของตัวเองนี่...กู้รั่วเสวี่ยเองก็ตัดสินใจไม่ได้อยู่ชั่วขณะอย่างไรก็ตาม ที่นี่มีระยะห่างจากห้องทำงานของหลี่โย่วถังแค่สิบกว่าเมตรเท่านั้น เชื่อว่าน่าจะไม่มีเรื่องอะไรเกิดขึ้นเมื่อคิดเช่นนี้ กู้รั่วเสวี่ยถึงค่อยพูดกับฉู่เฉินว่า “ฉู่เฉิน ถ้าอย่างนั้นพี่ก็รอฉันอยู่ตรงนี้สักพัก ฉันไปแล้วเดี๋ยวก็กลับ”ฉู่เฉินพยักหน้าเล็กน้อยแล้วกล่าวว่า “ก็ได้ แต่คุณต้องระวังคนแซ่หลี่คนนี้นะ ผมรู้สึกอยู่ตลอดว่าเขาไม่หวังดี”กู้รั่วเสวี่ยพยักหน้าอย่างหนักแน่นแล้วกล่าวว่า “
“คุณหนูใหญ่กู้ อันที่จริงเดิมทีการร่วมมือกันระหว่างพวกเราสองตระกูลก็เป็นไปตามหลักการความสมัครใจ เวลานี้หลังจากที่ตระกูลหลี่ของเราได้ประเมินแล้วก็คิดว่าที่ดินผืนนั้นไม่คุ้มค่าพอให้พัฒนา ดังนั้นการถอนการลงทุนก็เป็นเรื่องที่สมเหตุสมผลใช่หรือเปล่าครับ?” หลี่โย่วถังมองกู้รั่วเสวี่ยที่หน้าแดงระเรื่อ ก่อนจะเอ่ยพลางแย้มยิ้มเห็นได้ชัดว่าอาคมของอาจารย์จื่อหยางออกฤทธิ์แล้ว ขอเพียงรออีกสักพัก กู้รั่วเสวี่ยจะต้องเป็นฝ่ายเปลื้องผ้าโผเข้ามาในอ้อมกอดเองกู้รั่วเสวี่ยฝืนข่มกลั้นไฟปรารถนาในก้นบึ้งของจิตใจ แล้วใช้สติที่เหลืออยู่เพียงเล็กน้อยมองไปทางหลี่โย่วถังพลางพูดว่า “คุณชายหลี่ จะพูดแบบนี้ไม่ได้นะคะ ถ้าเกิดไม่ใช่เพราะตอนแรกตระกูลหลี่ร้องขอตระกูลกู้ของเราเพื่อที่จะร่วมมือพัฒนา...”เมื่อเอ่ยถึงตรงนี้ กู้รั่วเสวี่ยก็หอบหายใจแรง ๆ หลายที ไฟปรารถนาในกายคล้ายกับมีแนวโน้มว่าจะควบคุมไม่อยู่แล้ว ถึงขนาดที่เธอเพียงแต่อยากเปลือยกายทำเรื่องน่าอับอายแบบนั้นตอนนี้เลย เป็นแบบนี้ได้อย่างไร?กู้รั่วเสวี่ยลูบหน้าผากเบา ๆ พยายามข่มกลั้นไฟปรารถนาภายในใจที่แทบจะปะทุออกมาภายในใจอย่างเต็มที่“คุณหนูกู้ นี่คุณเป็น
“ฮ่า ๆๆ!”เมื่อได้ยินคำถามของกู้รั่วเสวี่ย หลี่โย่วถังก็แหงนหน้าหัวเราะเสียงดังอย่างลำพองใจ ตระกูลกู้เหรอ?ตระกูลกู้มีอิทธิพลในเมืองหลวงจริง ๆ แต่ที่นี่คือเมืองหมอตูนะ!ต่อให้ตระกูลหลี่ไม่อาจควบคุมทุกสิ่งทุกอย่างในเมืองหมอตูได้ แต่ตระกูลกู้ก็ไม่อาจทำอะไรได้ง่าย ๆ เหมือนกัน“คุณหนูกู้ คุณมองตัวเองสำคัญเกินไป และมองว่าตระกูลกู้สูงส่งเกินไปหรือเปล่า? คุณคิดว่าตระกูลกู้จะทำอะไรตระกูลหลี่ของผมในเมืองหมอตูได้เหรอ?”หลี่โย่วถังหัวเราะหยันพลางส่ายศีรษะกล่าวว่า “นอกจากนี้ คุณหนูกู้คงคิดไม่ถึงอย่างแน่นอนว่าผมได้เตรียมอุปกรณ์บันทึกภาพไว้แล้ว ถ้าไม่เชื่อ คุณก็มองไปทางนั้นสิ” หลี่โย่วถังกล่าวพลางเอามือชี้ไปยังกล้องวิดีโอขนาดเล็กข้างโต๊ะทำงานเลนส์กล้องหันตรงมายังทางกู้รั่วเสวี่ยพอดี และไฟสีแดงที่กะพริบด้านบนในเวลานี้บ่งบอกว่ากล้องตัวนี้ทำงานตั้งแต่ตอนที่กู้รั่วเสวี่ยยังไม่ได้เข้ามาในห้อง “คะ...คุณคิด....คุณคิดจะทำอะไร?!” เวลานี้กู้รั่วเสวี่ยรู้สึกทรมานแทบขาดใจแล้ว แต่ไม่ว่าอย่างไรเธอก็ต้องรักษาขีดจำกัดล่างของตัวเองไว้ให้ได้เธอจะไม่ยอมให้คนต่ำช้าอย่างหลี่โย่วถังสมหวังเป็นอันขาด! “ผม
เวลานี้เอง ภายในห้องรับรองที่อยู่อีกทางด้านหนึ่ง เมื่อเห็นตู้เสี่ยวเยวี่ยผลักประตูเดินเข้ามา ฉู่เฉินก็คร้านที่จะมองเธอสักแวบหนึ่งยัยนี่ทำตัวเรียกร้องมากเกินไปแล้วจริง ๆ ครั้งที่แล้วตอนอยู่ที่บ้านตระกูลหลิ่ว เธอก็ร้องอย่างมีความสุขตั้งหลายครั้งถึงแม้ว่าจะมีวิชาลับบำเพ็ญคู่ แต่ฉู่เฉินก็ไม่ได้ยอมรับใครก็ได้ คนอย่างตู้เสี่ยวเยวี่ย ต่อให้ส่งมาฟรี ๆ ฉู่เฉินก็คร้านจะสนใจ“คุณฉู่คะ คุณนั่งอยู่ที่นี่คนเดียวไม่เบื่อเหรอคะ?” ตู้เสี่ยวเยวี่ยพูดพลางเดินเข้ามานั่งลงตรงที่วางแขนของโซฟาข้าง ๆ ฉู่เฉิน หน้าอกอวบใหญ่โคลงเคลงไปมาตรงหน้าฉู่เฉินในความคิดของเธอ ไม่มีผู้ชายหน้าไหนต้านทานการยั่วยวนอย่างกล้าหาญแบบนี้ของเธอได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับคนอย่างฉู่เฉิน ที่ยังลงมือได้แม้กระทั่งหลิ่วชิงเหอกับลูกสาว แต่ว่าปฏิกิริยาตอบสนองของฉู่เฉินกลับนิ่งเฉยอย่างยิ่งต่อให้หน้าอกอวบอิ่มคู่นั้นของเธอแทบจะแนบชิดใบหน้าของฉู่เฉินแล้ว ฉู่เฉินก็ยังไม่มีการเปลี่ยนแปลงใด ๆ เลย เขายังคงดื่มน้ำชาอย่างไม่สะทกสะท้านเลยสักนิดเดียว ถึงขนาดที่ไม่แม้แต่จะเหลือบมองเธอสักแวบหนึ่ง “คุณฉู่คะ คุณอย่าเข้าใจผิดไปนะคะ ฉันแค่อยากให้
โครม! ฉู่เฉินใช้หมัดเหล็กอิงภูผาต่อยหัวหน้าทีมบอดี้การ์ดคนนั้นจนกระเด็นออกไปทันที“พรวด!” หัวหน้าทีมบอดี้การ์ดคนนั้นยังไม่ทันได้แม้แต่จะส่งเสียงร้องโอดครวญ เขาก็สิ้นลมหายใจไปทันที ฉู่เฉินเร่งฝีเท้าไปข้างหน้า ภายในช่วงเวลาไม่กี่อึดใจก็มาถึงหน้าประตูห้องทำงานของหลี่โย่วถัง เวลานี้กู้รั่วเสวี่ยตาพร่ามัวแล้ว ส่งเสียงหอบหายใจอย่างเย้ายวนออกมาเป็นระยะตอนนี้การควบคุมสติของเธอมาถึงจุดชายขอบที่จะพังทลายแล้ว หากฉู่เฉินมาช้าอีกแค่นาทีเดียว ละครโศกนาฏกรรมอาจจะทำการแสดงแล้วปัง! ขณะที่หลี่โย่วถังเดินเข้าไปหากู้รั่วเสวี่ยพร้อมกับรอยยิ้มชั่วร้าย เสียงดังสนั่นเลือนลั่นก็ดังเข้ามา จากนั้นประตูห้องทำงานของหลี่โย่วถังก็บินเข้ามาหาหลี่โย่วถัง“เฮ้ย? ใครน่ะ!” หลี่โย่วถังตกใจจนหดคอ ประตูห้องที่ทำจากไม้แท้หนักหลายสิบกิโลกรัมบานนั้นพุ่งเฉียดศีรษะเขาออกไปข้างนอกหน้าต่างหลี่โย่วถังตกใจจนวิญญาณแทบหลุดออกจากร่างตรงนั้นเลยจริง ๆ เขาเกือบจะปัสสาวะราดกางเกงแล้ว ถ้าเกิดโดนเข้าละก็ ต่อให้ไม่ตายก็คงหนังลอกเหมือนกัน เมื่อเห็นว่าคนที่พุ่งเข้ามาในห้องทำงานคือฉู่เฉิน หลี่โย่วถังก็อดโกรธจัดไม่ได้ เข
เลขาตัวน้อยเห็นฉู่เฉินที่ทำสีหน้าดุดันเดินตรงไปหาหลี่โย่วถัง เธอก็ตกใจกลัวจนหันหน้าวิ่งหนีไป เธอวิ่งหนีพลางล้วงโทรศัพท์ออกมาโทรไปหาหัวหน้าครอบครัวรุ่นสองของตระกูลหลี่ หรือก็คือหลี่เจี้ยนกั๋วผู้เป็นพ่อของหลี่โย่วถังนั่นเองฉู่เฉินเพียงแต่เบนศีรษะเล็กน้อย กวาดตามองแผ่นหลังของเลขาตัวน้อยคนนั้น คร้านจะสนใจเธอ จากนั้นเขาก็เดินเข้าไปใกล้หลี่โย่วถังก่อนจะยกมือข้างหนึ่งขึ้นมาบีบคอของหลี่โย่วถังไว้ “โครม!” หลี่โย่วถังถูกฉู่เฉินบีบคอจนลอยขึ้นจากพื้นทันใดนั้นเอง ความรู้สึกหายใจไม่ออกถาโถมเข้ามาหลี่โย่วถังหน้าเปลี่ยนเป็นสีเขียวม่วง มือเท้าดิ้นรนแต่ก็ทำอะไรไม่ได้ การดิ้นรนขัดขืนทั้งหมดของเขาไร้ประโยชน์เลยเมื่ออยู่ต่อหน้าฉู่เฉิน“ปะ...ปล่อยนะ...”หลี่โย่วถังดิ้นรนอีกหลายครั้งก่อนจะเลิกล้มการขัดขืนโดยสิ้นเชิง เพราะว่ายิ่งเขาดิ้นรนขัดขืนหนักขึ้น ความรู้สึกหายใจลำบากก็ยิ่งรุนแรงมากขึ้น มือใหญ่ของฉู่เฉินเหมือนกับคีมเหล็ก บีบจนเขาใกล้จะหายใจไม่ออกแล้ว“ปัง!” วินาทีต่อมา ฉู่เฉินพลันคลายมือออก ในชั่วพริบตาที่ร่างของหลี่โย่วถังจะร่วงลงถึงพื้น ฉู่เฉินก็คว้าเส้นผมของเขาไว้แล้วจับกระแทกลงไปกั
แต่คิดไม่ถึงว่าฉู่เฉินจะเป็นยอดฝีมือระดับสร้างรากฐาน “นะ...นายเป็นยอดฝีมือระดับสร้างรากฐานเหรอ? ไอ้หนู ต่อให้นายอยู่ระดับสร้างรากฐานแล้วยังไง? สำนักอวี้ซือของฉันก็มีผู้อาวุโสระดับสร้างรากฐานอยู่สามคน!”“ถ้าเกิดนายกล้าแตะต้องฉันแม้เพียงเส้นผม สำนักอวี้ซือของฉันจะสู้กับนายให้ตายไปข้างหนึ่งแน่นอน!”เวลานี้อาจารย์จื่อหยางก็ตื่นตระหนกนิดหน่อยเช่นกันถึงอย่างไรเขาเป็นเพียงคนที่อยู่ระดับฝึกปราณขั้นแปดตัวเล็ก ๆ เท่านั้น เมื่อเผชิญหน้ากับผู้แข็งแกร่งระดับสร้างรากฐาน เขาย่อมต้องตายอย่างแน่นอนตอนนี้ทำได้เพียงอ้างสำนักของตัวเองมากดดันฉู่เฉินเท่านั้น โชคดีที่ฉู่เฉินรู้ถึงการมีอยู่ของสำนักอวี้ซือ เช่นนั้นน่าจะทราบดีว่าสำนักอวี้ซือก็มียอดฝีมือระดับสร้างรากฐานคอยรักษาการณ์อยู่สามคนหนึ่งต่อสาม ต่อให้ฉู่เฉินแข็งแกร่งอีกแค่ไหนก็ต้องตายสถานเดียว ตราบใดที่ฉู่เฉินไม่อยากตาย ก็ทำได้เพียงปล่อยเขาให้รอดไปได้ครบสามสิบสอง“ขอบอกข่าวร้ายอย่างยิ่งให้คุณฟังสักเรื่อง ต่อให้ไม่ฆ่าคุณ ผมก็มีความแค้นกับสำนักอวี้ซือของพวกคุณอยู่ดี”ฉู่เฉินหัวเราะหยัน ค่อย ๆ ชักกระบี่อ่อนออกมาจากเอวแล้วเอ่ยอย่างเรียบนิ่งว
“ไอ้หนู นายยังกล้าใช้ความรุนแรงขัดขืนอีกเหรอ?”ชายวัยกลางคนที่โดนเลือดสาดเต็มตัวถือโอกาสล้วงเอกสารรับรองออกมาโบกต่อหน้าฉู่เฉิน ชี้ไปที่คำว่าแก๊งมังกรด้านบนพลางกล่าวว่า “นายกล้าทำร้ายใครสักคน นายก็จะเป็นศัตรูกับทั้งประเทศ!”“ไม่ใช่แค่วงการต่อสู้เท่านั้น ยังมีวงการบำเพ็ญเพียรอีกด้วย ไม่ว่าใครก็มีสิทธิ์ฆ่านายได้!”เมื่อคำพูดนี้ออกมา กู้รั่วเสวี่ยก็รีบดึงแขนของฉู่เฉินไว้แล้วพูดว่า “ฉู่เฉิน อย่าวู่วามเด็ดขาดนะคะ พวกเขาเป็นคนของแก๊งมังกร!” “เรื่องนี้จะต้องได้รับการคลี่คลายแน่นอนค่ะ ตระกูลกู้ของพวกเราก็จะไม่นิ่งดูดายเหมือนกัน พี่อย่า...”กู้รั่วเสวี่ยตกใจกลัวจนหน้าซีดเผือดไปหมดแล้ว ขอเพียงฉู่เฉินฟันกระบี่ออกไป สมาชิกแก๊งมังกรสี่คนตรงหน้านี้ไม่พอให้เขาฆ่าเลยแต่ถ้าเป็นแบบนั้น ฉู่เฉินก็จะก่อหายนะครั้งใหญ่ขึ้นมาแล้วจริง ๆ นับตั้งแต่ก่อตั้งแก๊งมังกร ไม่ว่าจะเป็นวงการต่อสู้หรือว่าวงการบำเพ็ญเพียรล้วนยอมรับการปกครองของแก๊งมังกรโดยปริยาย แม้ว่าจะเป็นสำนักบำเพ็ญเพียรที่ยอดเยี่ยมอีกแค่ไหนก็ต้องให้ความเคารพต่อแก๊งมังกรไม่ว่าอย่างไรกู้รั่วเสวี่ยก็ไม่อยากให้ฉู่เฉินก่อปัญหาใหญ่โตแบบนี้เพร
ในขณะที่คนในตระกูลหลินกำลังหัวเราะเยาะอยู่ในใจ ก็อดไม่ได้ที่จะถอนหายใจ คนแซ่ฉู่คนนี้ช่างมีดวงผู้หญิงของผู้หญิงจริงๆ“ผมเอง มีอะไรเหรอครับ?”ฉู่เฉินเหลือบมองหลินฮ่าวและคนอื่นๆ แล้วพยักหน้าเล็กน้อย“เหอะๆ มีอะไรงั้นเหรอ?”หลินฮ่าวหัวเราะอย่างเย็นชาและกล่าวว่า “ฉู่เฉิน แกคงไม่รู้ตัวว่าใกล้ถึงวาระสุดท้ายของแกแล้วสินะ?”ฉู่เฉินขมวดคิ้ว มองสำรวจหลินฮ่าวและคนอื่นๆ พร้อมกับสงสัยว่า “ใกล้ถึงวาระสุดท้าย? ดูเหมือนว่าเราจะไม่เคยมีเรื่องบาดหมางกันนะครับ?”ขณะกล่าว ฉู่เฉินและหลิงเสวี่ยต่างก็มองไปที่สมาชิกตระกูลหลินด้วยความระแวดระวังแม้ว่าคนเหล่านี้จะอยู่ในระดับสร้างรากฐานขั้นหกเท่านั้น แต่ฉู่เฉินกลับรู้สึกได้อย่างชัดเจนว่ายอดฝีมือจำนวนมากกำลังมุ่งหน้ามาทางนี้เมื่อหลินฮ่าวได้ยินเช่นนี้ ก็แค่นเสียงเย็นและกล่าวว่า “คนแซ่ฉู่ แกจะแสร้งทำเป็นไม่รู้เรื่องไปทำไม เจ้าสำนักให้เวลาแกสามวันเพื่อไปรับโทษตายที่สำนักชิงอวิ๋น แกคิดว่าแกซ่อนตัวอยู่ในโลกแห่งการหยั่งรู้แล้วจะไม่มีใครหาแกเจองั้นเหรอ?”“ฉันแนะนำให้แกส่งหยกโลหิตกิเลนมาจะดีที่สุด แล้วทิ้งผู้หญิงข้างๆ แกไว้ ไม่งั้นฉันจะฆ่าแกให้ตายอย่างไม่เหลือซาก
ในความเป็นจริงทั้งเมืองชิงหลง แทบจะอยู่ภายใต้อิทธิพลของสำนักชิงอวิ๋นตระกูลจ้าวและตระกูลสวี่ก็ล้วนเป็นศิษย์ของสำนักชิงอวิ๋นเช่นกันถ้าตระกูลหลินเป็นฝ่ายเริ่มเสนอการสังหารฉู่เฉินพื่อแย่งชิงสมบัติ จากนั้นนำหยกโลหิตกิเลนไปมอบให้กับธรรมมาจารย์สำนักชิงอวิ๋น ดูเหมือนว่าตระกูลหลินของพวกเขาก็คงจะได้ความดีความชอบเป็นอันดับแรกสิ่งที่สำคัญที่สุดก็คือจ้าวเต๋อฉวนเป็นทายาทรุ่นที่สองของตระกูลจ้าวและยังเป็นเจ้าสำนักชิงอวิ๋นอีกด้วยถ้าใจร้อนอยากได้ความดีความชอบโดยปกปิดตระกูลจ้าว ทันทีที่เป็นศัตรูกับตระกูลจ้าว ก็ยากที่จะรับประกันได้ว่าในอนาคตจะไม่ถูกจ้าวเต๋อฉวนกีดกันดังนั้น ข้อเสนอของหลินฮ่าวจึงได้รับการเห็นชอบอย่างเป็นเอกฉันท์จากบรรดาผู้เฒ่าตระกูลหลินอย่างรวดเร็วในไม่ช้า ตระกูลหลินก็เริ่มดำเนินการ โดยส่งยอดฝีมือจำนวนมากติดตามหลินฮ่าวไปดักรอฉู่เฉินนอกเมืองชิงหลงอีกด้านหนึ่ง ยังได้ส่งลูกหลานตระกูลหลินไปจำนวนไม่น้อยไปแจ้งตระกูลจ้าวและตระกูลสวี่แค่ยอดฝีมือระดับสร้างรากฐานขั้นที่หกของตระกูลหลิน ก็มีมากถึงสิบกว่าคนแล้วเมื่อรวมกับตระกูลจ้าวและตระกูลสวี่ ภายใต้การร่วมมือของสามตระกูล ไม่ต้องพูดถึง
แม้ว่าจะไม่มีตึกสูง แต่ที่นี่ก็มีสินค้าอุปโภคบริโภคสมัยใหม่บางชนิดจำหน่ายด้วยเหมือนกันหลังจากฟังคำแนะนำของหลิงเสวี่ย ฉู่เฉินก็พยักหน้าและกล่าวว่า “ได้ งั้นไปที่เมืองชิงหลงกันก่อน”อันที่จริง ในด้านหนึ่งฉู่เฉินต้องการเรียนรู้เกี่ยวกับโลกแห่งการหยั่งรู้ และในอีกด้านหนึ่งก็ต้องการค้นหาวัตถุดิบยาในเมืองชิงหลงด้วยอย่างไรก็ตาม ตอนนี้เจ้าทึ่มก็ถึงคอขวดแล้ว และจำเป็นต้องคิดหาวิธีที่จะเปลี่ยนเขาให้กลายเป็นผีดิบเหินฟ้าโดยเร็วที่สุดไม่อย่างนั้น ฉู่เฉินก็คงจะขาดคู่ซ้อมที่แข็งแกร่งไปคนหนึ่งไม่ใช่เหรอ“คุณจะไปเมืองชิงหลงจริงๆ เหรอ? คุณควรรู้ไว้ว่าตอนนี้คุณในโลกแห่งการหยั่งรู้ก็เหมือนกับเป็นสมบัติที่มีชีวิต ไม่รู้ว่ามีคนจำนวนเท่าไหร่ที่กำลังเล็งคุณอยู่”หลิงเสวี่ยกล่าวพลางขมวดคิ้วแน่นไม่ใช่ว่าเธอเป็นห่วงฉู่เฉินมากขนาดนั้น แต่ถ้าฉู่เฉินตกอยู่ในอันตราย เธอก็จะพลอยเดือดร้อนไปด้วย“เมื่อวานเกิดเรื่องใหญ่ขนาดนั้น ยังมีใครกล้าคิดร้ายกับผมอีกงั้นเหรอ?”ฉู่เฉินถามด้วยความสงสัยชิ!หลิงเสวี่ยกลอกตามองฉู่เฉินและกล่าวด้วยสีหน้าจนใจ “คุณคิดว่าเหตุการณ์เมื่อวานนี้จะสร้างความฮือฮาได้มากขนาดไหน แม้ว่า
เมื่อได้ยินคำพูดนี้ ปรมาจารย์ว่านเจี้ยนอดหน้ามืดไม่ได้ แทบจะเป็นลมคาที่นี่ไม่อาจใช้คำว่ามากเกินไปมาบรรยายฉู่เฉินได้แล้ว ปรมาจารย์ฝืนข่มกลั้นโทสะในใจ เอ่ยด้วยรอยยิ้มฝืน ๆ ว่า “คุณฉู่ คุณไม่คิดว่าข้อเรียกร้องของคุณมันมากเกินไปเลยหรือไง?”“ฆ่าคนก็แค่เอาหัวโขกพื้น คะ...คุณเห็นวังเทียนเจี้ยนของผมรังแกง่ายจริง ๆ เหรอ?” ฉู่เฉินหัวเราะหยัน กวาดตามองปรมารจารย์ว่านเจี้ยนแวบหนึ่งแล้วพูดว่า “รังแกคุณแล้วยังไง? เอาของตามใบรายการนี้มา แล้วผมจะหันกายจากไปโดยไม่พูดอะไรเลย”“ถ้าคุณกล้าพูดคำว่าไม่สักคำละก็ ผมก็มีวิธีทำให้วังเทียนเจี้ยนของคุณหายวับไปกับตา” ข่มขู่ ข่มขู่กันอย่างโจ่งแจ้ง“ไอ้คนแซ่ฉู่ แกเหิมเกริมไปแล้ว...” ไม่รอให้ศิษย์ของวังเทียนเจี้ยนที่อยู่ในห้องโถงใหญ่เอ่ยปาก ปรมารจารย์ว่านเจี้ยนก็รีบยกมือห้ามเอ่ยว่า “หุบปากให้หมด!” หลังจากผ่านเหตุการณ์ทุกอย่างที่เกิดขึ้นเมื่อวาน เวลานี้ปรมารจารย์ว่านเจี้ยรไม่สงสัยความสามารถของฉู่เฉินเลยสักนิดเดียวอย่างแย่ที่สุด ฉู่เฉินก็สามารถลากวังเทียนเจี้ยนให้ตายตกตามกันได้ต้องรีบไล่ตัวซวยคนนี้ออกไปโดยเร็วที่สุดถุงจะถูกเมื่อคิดได้ดังนั้น ปรมาจ
ไม่อย่างนั้น เธอก็คงไม่มีทางกระโดดจากสาวใช้ธรรมดา ๆ กลายเป็นสุดยอดฝีมือระดับสร้างรากฐานชั้นแปดภายในระยะเวลาห้าปีสั้น ๆ หรอก แต่ว่าฉู่เฉินรู้เรื่องพวกนี้ได้อย่างไร?เมื่อเห็นหลิงเสวี่ยตะลึงจนพูดไม่ออก ฉู่เฉินก็แหงนหน้าหัวเราะเสียงดังแล้วพูดว่า “ดูท่าจะตรงตามที่ผมเดาไว้จริง ๆ ปรมาจารย์คนดีของคุณอยากเลี้ยงคุณจนสมบูรณ์แล้วค่อยดูดกลืนคุณจนแห้งไงละ” เมื่อหลิงเสวี่ยได้ยินคำพูดนี้ พลันร้อนใจขึ้น ถลึงตามองฉู่เฉินอย่างเย็นชาและกล่าว “ฉู่เฉิน ห้ามคุณพูดจาเหลวไหลนะ”ถึงแม้ว่าปรมาจารย์ว่านเจี้ยนจะเห็นเธอเป็นของชิ้นหนึ่ง มอบเธอให้ฉู่เฉิน แต่ว่าสำนักเคยมีบุญคุณกับเธอจริง ๆ“พูดจาเหลวไหล? กลัวว่าคุณโดนคนอื่นขายแล้ว ยังช่วยเขานับเงินด้วยละมั้ง?”ฉู่เฉินหัวเราะหยัน จากนั้นก็อธิบายวิชาบำเพ็ญคู่ให้ฟังสั้น ๆ และบอกเรื่องคุณสมบัติร่างกายพิเศษอย่างร่างธาตุสวรรค์บริสุทธิ์ว่ามีประโยชน์มากเท่าไหร่ต่อผู้ฝึกวิชาบำเพ็ญคู่ให้ฟังตามความเป็นจริง หลังจากฟังคำพูดนี้ของฉู่เฉินจบก็ทำลายสามมุมมองของหลิงเสวี่ยอย่างแท้จริง “เป็นไปไม่ได้ ต้องไม่ใช่ความจริงแน่นอน ท่านปรมาจารย์มักจะสอนพวกเราว่าผู้บำเพ็ญเพียนต้องทำ
ถึงแม้ว่าในใจของปรมาจารย์ว่านเจี้ยนจะไม่เต็มใจอย่างยิ่ง แต่ก็ทำได้เพียงปล่อยให้ฉู่เฉินจูงมือหลิงเสวี่ยเดินเข้าไปในเรือนเจ้าสำนักที่เขาอาศัยอยู่ ในตอนที่ฉู่เฉินปิดประตูห้องจนสนิท พวกศิษย์ของวังเทียนเจี้ยนต่างก็เผยสีหน้าเจ็บปวดและไม่ยินยอมออกมาจบแล้ว!เทพธิดาในใจของพวกเขา น้องศิษย์เล็กที่พวกเขาเฝ้าปรารถนา โดนไอ้เดรัจฉานฉู่เฉินย่ำยีแบบนี้แล้วเมื่อผลักประตูเดินเข้าไปในห้องนอนด้านใน ฉู่เฉินก็อดตื่นตาตื่นใจไม่ได้ไอ้แก่ตายยากอย่างปรมาจารย์ว่านเจี้ยนคนนี้เสพสุขเก่งจริง ๆ บนเตียงหยกน้ำแข็งมีอุปกรณ์ของเล่นต่าง ๆ ครบครัน นอกจากนี้ยังมีหมอนรองเอวโดยเฉพาะอีกด้วยไอ้เชี่ยนี่ เฒ่าหัวงูถึงจะเป็นคนตัณหากลับ จริง ๆ เมื่อเห็นเฟอร์นิเจอร์ในห้องปรมาจารย์ว่านเจี้ยน หลิงเสวี่ยก็อดขมวดคิ้วไม่ได้พลางกล่าวว่า “ทำไมในห้องของปรมาจารย์ถึงจะมีหมอนสองใบล่ะ อีกอย่าง ทำไมหมอนใบนี้ดูไปแล้ว ไม่ค่อยเหมือนเลย?” หลิงเสวี่ยพูดพลางเอื้อมมือจะไปหยิบหมอนรองเอวใบนั้นขึ้นมา แต่โดนฉู่เฉินขวางไว้ทันที“อีกเดี๋ยวคุณก็จะรู้เองว่าหมอนใบนี้เอาไว้ใช้ทำอะไร เข้ามาสิ”ระหว่างที่พูด ฉู่เฉินก็ดึงหลิงเสวี่ยให้นั่งลงข้างเตียง
เมื่อได้ยินคำพูดนี้ พวกว่านโซ่วเซียนเวิงก็ถอนหายใจติดต่อกันด้วยสีหน้าเสียดายในตอนนี้เอง แผ่นกระดาษสีขาวที่เขียนตำรับยาสร้างกล้ามเนื้อพลันลอยมาจากในวังเทียนเจี้ยน“ผู้อาวุโสทั้งหลาย ขอบคุณครับ”วินาทีต่อมา เสียงของฉู่เฉินดังออกมาจากห้องโถงใหญ่ของวังเทียนเจี้ยนพวกว่านโซ่วเซียนเวิงรับสูตรยาที่ฉู่เฉินส่งมา ก่อนจะมองไปทางตำหนักหลักของวังเทียนเจี้ยนอย่างลึกซึ้งแวบหนึ่ง“พวกเราไปกันเถอะ”ว่านโซ่วเซียนเวิงคัดลอกสูตรยาไว้หนึ่งชุด แล้วก็พาลูกศิษย์แห่งสำนักว่านเซียนหันกายเดินจากไป“เหอะ ๆ... ไอ้หนูมีน้ำใจแล้ว ถือว่าฉันติดหนี้บุญคุณเธอแล้ว ไว้พบกันใหม่”ผู้เฒ่าเทียนเสวียนก็คว้าสูตรยามาเช่นกันก่อนจะคัดลอกทันที จากนั้นเขาก็หันกายพาหลินเจี้ยนเฟิงลอยจากไปไม่นานนัก ผู้คนที่มามุงดูความคึกคักรอบนอกวังเทียนเจี้ยนก็ทยอยกันแยกย้ายไปหมดฉู่เฉินมองปรมาจารย์ว่านเจี้ยนที่หน้าแดงก่ำดูอับอายอย่างยิ่งยวด ก่อนจะหัวเราะหยันแล้วพูดว่า “เมื่อกี้คุณบอกว่าใครใกล้ตายนะ?”ปรมาจารย์ว่านเจี้ยนมองฉู่เฉินพลางกัดฟันกรอด แม้ว่าตอนนี้ภัยคุกคามของวังเทียนเจี้ยนจะถูกขจัดไปแล้ว แต่ไม่ว่าอย่างไรเขาก็ไม่กล้าแตะต้องฉู่เฉ
เวลานี้เอง ทุกคนในเหตุการณ์ตกใจจนเหงื่อแตกพลั่ก ไม่มีใครคาดคิดว่าลู่ชิงเฟิงจะโกรธจริง ๆนอกจากนี้ ประตูใหญ่ของวังเทียนเจี้ยนโดนทำลาย วันหน้าสถานะของวังเทียนเจี้ยนในหมู่สำนักรอบนอกภูเขาหลางจวีซวีย่อมลดลงไปอีกขั้นอย่างแน่นอแม้ว่าปรมาจารย์ว่านเจี้ยนในตอนนี้จะร้องทุกข์มิรู้วาย แต่ก็ไม่กล้าแสดงสีหน้าไม่พอใจเลยสักนิดเดียวเวลานี้จื่อเยว่ที่อยู่ท่ามกลางฝูงชนก็ต้องชื่นชมความโชคดีของฉู่เฉินเช่นกันถึงแม้ความสามารถของเขาจะไม่ค่อยดีเท่าไหร่ แต่อาศัยสติปัญญาและแผนการเรียกยอดคนอย่างลู่ชิงเฟิงออกมายืนอยู่ฝ่ายเขาได้นับว่าผ่านด่านยากตรงหน้าได้ชั่วคราวแล้วจริง ๆ “ศิษย์พี่หญิง ฉู่เฉินคงไม่ได้มีความเกี่ยวข้องอะไรกับลู่ชิงเฟิงใช่ไหม?”หลิงรั่วกลืนน้ำลายอย่างยากลำบาก ก่อนจะเอ่ยถามเสียงเบา“เกี่ยวข้องกับลู่ชิงเฟิง? ไม่มีทางหรอก!”จื่อเยว่หัวเราะหยันพลางส่ายศีรษะลู่ชิงเฟิงนั้นเป็นบุคคลอันดับหนึ่งของวังเต๋าคุนหลุน ถึงแม้จะไม่ใช่เจ้าสำนัก แต่ในวังเต๋าคุนหลุน นอกจากผู้เฒ่าผู้แก่ที่ปลีกวิเวกไม่ออกมาเหล่านั้นแล้ว เขาก็เป็นตัวแทนพลังรบสูงสุดเลยก็ว่าได้แม้ว่าฉู่เฉินเพียงแค่รู้จักลู่ชิงเฟิงเท่านั้น แ
มันอยู่เหนือระดับที่พวกเขาสามารถประมาณค่าได้ไปแล้ว!นักพรตแห่งน้ำไฟผู้แข็งแกร่งไร้เทียมทานเมื่อกี้ ตอนนี้ก็เหงื่อเย็นแตกพลั่ก ไม่กล้าแม้แต่จะปฏิเสธแม้แต่คำเดียวเมื่อเห็นฉากนี้ สีหน้าของปรมาจารย์ว่านเจี้ยนก็เปลี่ยนไปทันที มองสำรวจฉู่เฉินด้วยรอยยิ้มเยาะและกล่าวว่า “เจ้าหนู ดูเหมือนว่าการคำนวณของมนุษย์จะสู้การคำนวณของสวรรค์ไม่ได้จริงๆ คุณคงไม่เคยคิดถึงเรื่องนี้เลยใช่ไหมล่ะ”“ยังกล้าให้ฉันมอบศิษย์ไปอุ่นเตียงให้แกอีกเหรอ? หึ!”เมื่อกล่าวถึงตรงนี้ ปรมาจารย์ว่านเจี้ยนก็แค่นเสียงเย็นและกล่าวว่า “ฉันแนะนำให้แกรีบส่งหยกโลหิตกิเลนมา แล้วฆ่าตัวตายรชดใช้ความผิดต่อหน้าฉันซะ ไม่งั้น...”เมื่อกล่าวถึงตรงนี้ ในดวงตาของปรมาจารย์ว่านเจี้ยนก็ระเบิดรังสีอำมหิตออกมาสองสายสถานการณ์พลิกผันเร็วเกินไป จนกระทั่งหลิงเสวี่ยยังไม่ได้สติ แต่ปรมาจารย์ว่านเจี้ยนไม่เปลี่ยนสีหน้าเร็วเกินไปหน่อยเหรอ?ฉู่เฉินหรี่ตาลงและกล่าวด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า “คุณแน่ใจเหรอ?”“หึ เจ้าหนู ใกล้ตายแล้ว อย่าดิ้นรนไปให้เปลืองแรงเลย!”ขณะกล่าว ปรมาจารย์ว่านเจี้ยนก็ชักกระบี่ออกมาทันที กลิ่นอายอันน่าสะพรึงกลัวของผู้แข็งแกร่งระดับควบแ