“ไอ้หนู นายยังกล้าใช้ความรุนแรงขัดขืนอีกเหรอ?”ชายวัยกลางคนที่โดนเลือดสาดเต็มตัวถือโอกาสล้วงเอกสารรับรองออกมาโบกต่อหน้าฉู่เฉิน ชี้ไปที่คำว่าแก๊งมังกรด้านบนพลางกล่าวว่า “นายกล้าทำร้ายใครสักคน นายก็จะเป็นศัตรูกับทั้งประเทศ!”“ไม่ใช่แค่วงการต่อสู้เท่านั้น ยังมีวงการบำเพ็ญเพียรอีกด้วย ไม่ว่าใครก็มีสิทธิ์ฆ่านายได้!”เมื่อคำพูดนี้ออกมา กู้รั่วเสวี่ยก็รีบดึงแขนของฉู่เฉินไว้แล้วพูดว่า “ฉู่เฉิน อย่าวู่วามเด็ดขาดนะคะ พวกเขาเป็นคนของแก๊งมังกร!” “เรื่องนี้จะต้องได้รับการคลี่คลายแน่นอนค่ะ ตระกูลกู้ของพวกเราก็จะไม่นิ่งดูดายเหมือนกัน พี่อย่า...”กู้รั่วเสวี่ยตกใจกลัวจนหน้าซีดเผือดไปหมดแล้ว ขอเพียงฉู่เฉินฟันกระบี่ออกไป สมาชิกแก๊งมังกรสี่คนตรงหน้านี้ไม่พอให้เขาฆ่าเลยแต่ถ้าเป็นแบบนั้น ฉู่เฉินก็จะก่อหายนะครั้งใหญ่ขึ้นมาแล้วจริง ๆ นับตั้งแต่ก่อตั้งแก๊งมังกร ไม่ว่าจะเป็นวงการต่อสู้หรือว่าวงการบำเพ็ญเพียรล้วนยอมรับการปกครองของแก๊งมังกรโดยปริยาย แม้ว่าจะเป็นสำนักบำเพ็ญเพียรที่ยอดเยี่ยมอีกแค่ไหนก็ต้องให้ความเคารพต่อแก๊งมังกรไม่ว่าอย่างไรกู้รั่วเสวี่ยก็ไม่อยากให้ฉู่เฉินก่อปัญหาใหญ่โตแบบนี้เพร
สมาชิกแก๊งมังกรหลายคนถึงขนาดไม่มองฉู่เฉินอีกเลย ก่อนจะหันกายเดินออกจากห้องสอบสวน ฉู่เฉินลองขยับมือและเท้าหลังจากที่พวกเขาเดินจากไป แต่ว่าตอนนี้เองฉู่เฉินถึงค่อยพบว่าเก้าอี้สอบสวนของแก๊งมังกรเมืองหมอตูเป็นเก้าอี้ที่สร้างขึ้นมาเป็นพิเศษทั้งนั้นเลย นอกจากนี้ยังเป็นรุ่นพิเศษที่สร้างขึ้นเพื่อนักสู้และผู้บำเพ็ญเพียรโดยเฉพาะ ยิ่งเขาขยับมือและเท้า ตัวล็อกบนเก้าอี้ก็จะล็อกแน่นขึ้นยิ่งไปกว่านั้น ห่วงเหล็กยังถูกเคลือบด้วยวัสดุพิเศษหนึ่งชั้น ต่อให้เป็นฉู่เฉินก็ไม่สามารถฝืนหักมันได้เลย ซี้ด!ฉู่เฉินขมวดคิ้วเล็กน้อย ก้มหน้ามองใต้เท้าแวบหนึ่งแม้ว่าเก้าอี้ตัวนี้จะไม่ได้ยึดไว้อย่างแน่นหนามาก แต่ว่าตราบใดที่ฉู่เฉินไม่สามารถสลัดหลุดออกจากพันธนาการของเก้าอี้ตัวนี้ได้ ต่อให้เขาดึงเก้าอี้ทั้งตัวออกมาจากพื้นซีเมนต์ก็ไม่มีประโยชน์.....เวลานี้เอง ด้านนอกห้องสอบสวน ชายวัยกลางคนที่พาฉู่เฉินกลับมาเมื่อครู่นี้เช็ดคราบเลือดบนใบหน้าพลางเอ่ยว่า “หัวหน้าเสิ่นครับ ไอ้หมอนี่รับมือไม่ง่ายเลย”“เมื่อกี้ตอนที่พวกเราเพิ่งเข้าไปในห้องก็เห็นกับตาว่าเขาเอากระบี่ฟันอาจารย์จื่อหยาง คุณชายหลี่ก็บาดเจ็บไม่น้อยด้ว
อีกทางด้านหนึ่ง ทันทีที่กู้รั่วเสวี่ยออกจากตึกเถิงหลง เธอก็โทรศัพท์หานายท่านใหญ่กู้ทันที หลังจากที่เล่าทุกสิ่งทุกอย่างที่เกิดขึ้นในเมืองหมอตูออกมาตามความเป็นจริง กู้รั่วเสวี่ยถึงค่อยเอ่ยด้วยความร้อนใจว่า “คุณปู่คะ ฉู่เฉินถูกคนของแก๊งมังกรพาตัวไปเพราะช่วยหนูไว้ ไม่ว่ายังไงก็ต้องช่วยเขาออกมาให้ได้นะคะ”ปลายสายโทรศัพท์มีเสียงถอนหายใจของชายชราดังเข้ามาก่อนจะเอ่ยว่า “ถ้าเกิดอยู่ที่เมืองหลวง ทุกอย่างคงจัดการได้ง่าย แต่ว่าเมืองหมอตูเป็นเขตอิทธิพลของตระกูลหลี่ อยากช่วยเหลือคนไม่ใช่เรื่องง่ายขนาดนั้น”“แต่ในเมื่อเขาทำเพื่อช่วยเหลือตระกูลกู้ของพวกเรา ปู่จะยอมเสียหน้าแก่ ๆ นี้ลองขอร้องหลาย ๆ คนดูละกัน”นายท่านใหญ่กู้กล่าวจบก็วางสายโทรศัพท์ หลังจากวางสายโทรศัพท์ กู้รั่วเสวี่ยโทรศัพท์ติดต่อกันอีกหลายสาย เดิมทีอยากจะขอความช่วยเหลือจากพวกเพื่อน ๆ ทางฝั่งเมืองหมอตู แต่เมื่ออีกฝ่ายได้ยินว่าล่วงเกินตระกูลหลี่ พวกเขาก็วางสายโทรศัพท์ทันทีเกือบทุกคนเลย ตระกูลหลี่! นั่นเป็นหนึ่งในสองตระกูลใหญ่ของเมืองหมอตูเลยนะอย่าว่าแต่คนตัวเล็ก ๆ อย่างพวกเขาเลย ต่อให้เป็นตระกูลใหญ่บางตระกูลในเมืองหลวงก็ไม่ห
“โดยเฉพาะคุณหนูใหญ่กู้ ทำให้ผมต้องมองใหม่แล้วจริง ๆ” เมื่อได้ยินคำพูดที่แฝงไปด้วยการทิ่มแทงของหลี่เจี้ยนกั๋ว นายท่านใหญ่กู้ก็เอ่ยขอโทษติดต่อกันว่า “ประธานหลี่ ความจริงเรื่องนี้เกิดจากความเข้าใจผิดทั้งนั้น ขอเพียงประธานหลี่ให้ทางแก๊งมังกรของเมืองหมอตูปล่อยตัวคนได้ ตระกูลกู้ของผมยินดี...” “ปล่อยตัวคน? ฮ่า ๆๆ!”จิตสังหารพลุ่งพล่านในดวงตาสองข้างของหลี่เจี้ยนกั๋ว ก่อนที่เขาจะกัดฟันกล่าวว่า “กู้ฉางเหอ ตาแก่ใกล้ลงโลงอย่างคุณให้คนมาทำร้ายลูกชายผมจนใช้การไม่ได้ คุณแม่งยังจะให้ผมปล่อยตัวคนอีกเหรอ?!” “ตระกูลกู้ของพวกคุณรอจัดงานศพให้ไอ้เด็กนั่นเถอะ!” “อีกอย่าง หลานสาวของคุณก็อย่าหวังว่าจะรอดออกจากเมืองหมอตูไปได้เลย!”หลังจากที่ตวาดด้วยความโกรธเกรี้ยว หลี่เจี้ยนกั๋วก็วางสายโทรศัพท์ทันทีแล้วตะโกนไปทางด้านนอกประตูว่า “ใครก็ได้มานี่!”“ครับ!” ชายสวมชุดดำปราดเปรียวที่ดูเฉลียวฉลาดมากความสามารถผลักประตูเดินเข้ามาในห้องผู้ป่วย ก่อนจะเอ่ยอย่างนอบน้อมว่า “คุณหลี่!” “ให้เวลาพวกนายแค่หนึ่งชั่วโมง จับตัวยัยเด็กแซ่กู้คนนั้นไปที่วิลล่าอวิ๋นเชวี่ย!” หลี่เจี้ยนกั๋วกัดฟันตวาดอย่างเกรี้ยวกราด ใบหน้
บ้าไปแล้ว!ไอ้หมอนี่บ้าไปแล้วใช่ไหม?! สมาชิกชายสองคนของแก๊งมังกรที่อยู่ทางด้านข้างได้ยินคำพูดนี้ของฉู่เฉินก็พากันกลืนน้ำลายหนัก ๆ พวกเขาเห็นคนร้ายบ้าคลั่งที่ชั่วช้าเลวทรามมามากมาย แต่ยังไม่เคยเห็นใครกล้ายั่วยุเหลิ่งหนิงซวงในสถานการณ์แบบนี้เลย อย่าเห็นว่ารูปลักษณ์ภายนอกของเธอดูเซ็กซี่น่าหลงใหล แต่พอยัยนี่ลงมือขึ้นมากลับโหดเหี้ยมมากเลยนะ!ไม่นานมานี้ อาชญากรข้ามชาติคนหนึ่งก็ไม่เห็นเหลิ่งหนิงซวงอยู่ในสายตาเหมือนกับฉู่เฉิน ผลคือไม่ถึงสิบนาที เขาถึงขนาดร้องเรียกแม่คุณทูนหัวอ้อนวอนขอชีวิตแล้ว ต่อมา อาชญากรรมข้ามชาติคนนั้นก็ถูกหามขึ้นเปลออกไป ทั่วทั้งร่างแทบจะหากระดูกที่ครบสมบูรณ์ไม่เจอเลยสักชิ้น“คุณพูดว่าอะไรนะ?” เหลิ่งหนิงซวงหรี่ตาสวย ๆ เล็กน้อย จ้องมองฉู่เฉินอย่างคล้ายยิ้มคล้ายไม่ยิ้ม เดินอยู่บนรองเท้าส้นสูง ก้าวเรียวขายาวที่ขาวนวลดุจหิมะเดินไปหาฉู่เฉินอย่างช้า ๆ “คนสวย ขาคู่นี้ของคุณอย่างน้อยก็มีค่าห้าร้อยล้านเลยนะ”ฉู่เฉินมองเรียวขางามสุดขีดคู่นั้นของเหลิ่งหนิงซวงแล้วเอ่ยประเมินค่าด้วยความจริงใจ “จริงเหรอ?” รอยยิ้มของเหลิ่งหนิงซวงพลันแข็งทื่อ วินาทีต่อมา เธอก็ฟาดขาล
แส้หนังเส้นนี้ย่อมเป็นของวิเศษ เพียงแต่ฉู่เฉินยังมองระดับของมันไม่ออกอยู่ชั่วขณะ ถ้าเกิดโจมตีมาอีกครั้ง ฉู่เฉินไม่มีอะไรป้องกันได้แล้วหากโดนฟาดเข้าไปเต็ม ๆ นั่นก็คงได้ไม่คุ้มเสียแล้ว“อาชญากรฆ่าคนแย่งชิงทรัพย์อย่างคุณ ใกล้จะตายอยู่แล้วยังกล้าปากแข็งอีก!” เหลิ่งหนิงซวงกัดฟันกรอด ตะโกนด่าทอด้วยเสียงเย็นชา“คนสวย พูดจาต้องมีหลักฐานด้วยนะครับ ผมยังบอกได้เลยว่าคุณยั่วยวนผม แล้วคุณจะอธิบายว่ายังไง?”ฉู่เฉินมองเหลิ่งหนิงซวงอย่างเย็นชา เบ้ปากกล่าว “บังอาจ!” เหลิ่งหนิงซวงโกรธจนเจ็บหน้าอก จ้องมองฉู่เฉินอย่างเย็นชาพลางกล่าวว่า “กลางวันแสก ๆ ยังฆ่าคนมากมายในตึกเถิงหลง แถมทำร้ายคุณชายใหญ่ตระกูลหลี่อีก นี่ถ้าคุณไม่ได้ฆ่าคนแย่งชิงทรัพย์แล้วจะเป็นอะไร!”เมื่อได้ยินคำพูดนี้ ฉู่เฉินก็หัวเราะเบา ๆ แล้วกล่าวว่า “งั้นคุณไม่ถามหน่อยเหรอว่าผมทำร้ายเขาทำไม? มีคนนับสิบล้านอยู่เต็มท้องถนน ทำไมผมต้องทำร้ายเขาจนพิการด้วย?” “ถ้าเกิดเป็นเพราะว่าตระกูลหลี่ร่ำรวย เขาทำอะไรก็ถูกหมด งั้นผมก็ไม่มีอะไรจะพูดแล้ว แต่ผมขอเตือนคุณไว้เลยนะ ถ้ากล้าลงมืออีก ผมจะไม่ออมมือเด็ดขาด!” เมื่อสิ้นเสียงพูด ฉู่เฉินก็ไม่ได
ปัง! ประตูห้องทำงานปิดลงอย่างหนักหน่วงทำให้เสิ่นเหว่ยตกใจจนสะดุ้งโหยง ผ่านไปหลายวินาที เขาถึงค่อยชี้ไปที่เหลิ่งหนิงซวงแล้วเอ่ยว่า “เหลิ่งหนิงซวง หยุดเดี๋ยวนี้นะ!”“นี่คุณขัดคำสั่งเหรอ ผมให้เวลาคุณหนึ่งนาที รีบกลับมาเดี๋ยวนี้...”เหลิ่งหนิงซวงแค่นเสียงเบาแล้วเอ่ยด้วยเสียงเย็นชาว่า “หัวหน้าเสิ่น ถ้าอยากสอบสวนคุณก็ไปสอบสวนเองเถอะค่ะ”คำพูดต่อต้านประโยคเดียวทำให้เสิ่นเหว่ยถึงกับอึ้งไปแต่ว่าหัวหน้าอย่างเขาล่วงเกินเหลิ่งหนิงซวงไม่ได้จริง ๆ ตระกูลเหลิ่งเป็นตระกูลชั้นสูงในวงการต่อสู้ของเมืองหมอตู อีกทั้งยังมีเส้นสายกับสำนักบำเพ็ญเพียรอีกด้วยคนแบบนี้ไม่ใช่คนที่เขาสามารถจัดการได้ตามใจชอบเรื่องสำคัญที่สุดคือ สิ่งที่เหลิ่งหนิงซวงพูดมาเป็นความจริงทั้งหมดความแค้นระหว่างฉู่เฉินกับตระกูลหลี่ มีคนรายงานให้เขาทราบอย่างละเอียดตั้งแต่แรกแล้ว หากเรื่องนี้บานปลายยกใหญ่ถึงที่สุดละก็ ต่อให้เขาถูกปลดออกจากงานและโดนสอบสวนลงโทษยังถือว่าเบาไปสำหรับเขาเสิ่นเหว่ยสูดลมหายใจลึก ก่อนจะเดินไปมาในห้องทำงานคนอย่างฉู่เฉินไม่ใช่คนที่ส่งคนไปตามใจชอบก็สามารถสอบสวนจนได้ผลลัพธ์ออกมาหากไม่ระวังจนเกิดเรื่องถ
เมื่อกลับไปถึงห้องทำงาน เหลิ่งหนิงซวงรีบค้นหาหมายเลขโทรศัพท์ของกู้รั่วเสวี่ยผ่านเครือข่ายข้อมูลของแก๊งมังกร ก่อนจะโทรไปหากู้รั่วเสวี่ยทันทีทางฝั่งนี้เอง กู้รั่วเสวี่ยเพิ่งกลับมาถึงออฟฟิศของบริษัท เฝ้ารอสายโทรศัพท์จากนายท่านใหญ่กู้ด้วยความกังวลใจอย่างมากเมื่อได้ยินเสียงริงโทนของโทรศัพท์ดังขึ้นมาถี่ ๆ กู้รั่วเสวี่ยก็รีบรับสายแล้วพูดกับปลายสายว่า “คุณปู่คะ สถานการณ์เป็นอย่างไรบ้างคะ?”แต่ปลายสายเงียบไปหลายวินาที ก่อนจะมีเสียงของผู้หญิงที่เหมือนกับกระดิ่งเงินดังขึ้นมาว่า “ขอโทษด้วยนะคะ คุณกู้ ฉันไม่ใช่ผู้อาวุโสกู้ค่ะ ฉันคือหัวหน้าทีมปฏิบัติการของแก๊งมังกรเมืองหมอตู ฉันชื่อว่าเหลิ่งหนิงซวงค่ะ”“หา?”กู้รั่วเสวี่ยอึ้งไปชั่วขณะ แล้วพูดอย่างกระอักกระอ่วนว่า “ขะ ขอโทษด้วยค่ะ ไม่ทราบว่ามีธุระอะไรกับฉันเหรอคะ?”“คุณไม่ต้องกังวลนะคะ ฉันได้รับการไหว้วานจากคุณฉู่ให้มาดูแลความปลอดภัยของคุณ คุณฉู่เป็นห่วงว่าคนของตระกูลหลี่จะคิดร้ายกับคุณ ตอนนี้คุณอยู่ที่ไหนคะ ฉันจะไปหาคุณเดี๋ยวนี้เลย”กู้รั่วเสวี่ยฟังถึงตรงนี้ก็มึนงงเล็กน้อยคนของแก๊งมังกร?คนของแก๊งมังกรควรช่วยพูดแทนตระกูลหลี่ไม่ใช่เหรอ? ท
“พวกนายรีบดูสิ นั่นมันอะไรน่ะ?”“เชี่ย นั่นเหมือน...เหมือนก้อนเมฆเลย?” “นี่แม่งไม่สมเหตุสมผลเลย ขะ...เขาจะมีก้อนเมฆอยู่ในมือได้ยังไง?” แม้แต่เจียงถิง เวลานี้ก็สังเกตเห็นแล้วเหมือนกันว่ามีก้อนเมฆขนาดเท่าฝ่ามือค่อย ๆ ก่อตัวขึ้นเหนือเตาหลอมโอสถของฉู่เฉินนอกจากนี้ด้านในยังมีสายฟ้าที่มองเห็นได้ด้วยตาเปล่า!ซี้ด!พวกฮว่าจิ่วหยางที่อยู่บนที่นั่งกรรมการก็มองไปทางฉู่เฉินอย่างไม่อยากจะเชื่อหรือว่านั่นก็คือเคราะห์โอสถในตำนาน?เล่ากันว่า มีเพียงโอสถที่ไปถึงระดับท้าทายสวรรค์ถึงจะเกิดเคราะห์โอสถขึ้นมาในขณะกำลังหลอมยาเสร็จแม้แต่หลี่จวิ้นเฟิงก็มองฉู่เฉินอย่างไม่อยากจะเชื่อเล็กน้อย นั่นมันเคราะห์โอสถเชียวนะ! เพียงแต่ว่าแม้กระทั่งผู้อาวุโสของสำนักหมอก็หลอมโอสถชั้นเลิศที่สามารถผ่านเคราะห์โอสถออกมาไม่ได้เลย ฉู่เฉินเขาทำได้อย่างไร? เป็นไปไม่ได้!จะต้องประสาทหลอนแน่ ๆ! “เลิกหลอกลวงอยู่ตรงนั้นได้แล้ว!”หลี่จวิ้นเฟิงกลืนน้ำลายหนัก ๆ ตะคอกเสียงดังลั่นขึ้นมาฉับพลัน ก่อนจะยกเท้าข้างหนึ่งเตะไปที่เตาหลอมโอสถในมือฉู่เฉินไม่ว่าจะเป็นจริงหรือไม่ เขาต้องหยุดยั้งไม่ให้ฉู่เฉินหลอมยาได้สำเร็จ!แ
“ติ๊ง!”เวลานี้เอง ภายในสนามกีฬาเจียงจง หลี่จวิ้นเฟิงที่กำลังหลับตาพักผ่อนพลันได้ยินเสียงใสกังวานดังขึ้นข้างหูสำเร็จแล้ว!หลี่จวิ้นเฟิงลืมตาขึ้นฉับพลัน ท่าทางดูล้ำลึกจนยากจะคาดเดา เขายกเตาหลอมโอสถบนพื้นขึ้นมาด้วยมือข้างเดียว แล้วเอ่ยปากพูดอย่างภาคภูมิใจว่า “ยาเทวดาสำเร็จแล้ว สามารถทดสอบผลลัพธ์ได้ทันที!”เมื่อสิ้นเสียงพูด หลี่จวิ้นเฟิงก็เปิดฝาเตาหลอมโอสถ ยาสีดำสามเม็ดกลิ้งจากเตาหลอมโอสถมาที่มือของหลี่จวิ้นเฟิงไม่นาน เจ้าหน้าที่ก็เลือกผู้โชคดีสามคนจากที่นั่งผู้ชมด้านล่างเวที ทั้งสามคนล้วนเป็นผู้สูงวัยอายุเกิดหกสิบปี นอกจากนี้ยังมีคนหนึ่งถือผลตรวจสุขภาพจากโรงพยาบาล ป่วยเป็นโรคระบบหัวใจหลอดเลือดอย่างรุนแรง ใส่ขดลวดหัวใจไว้ในร่างกายสามอันแล้วหลี่จวิ้นเฟิงส่งยาในมือให้คนผู้นั้นหนึ่งเม็ดทันที แล้วยื่นน้ำแร่ไปให้อีกหนึ่งขวดผู้สูงอายุทั้งสามคนกินยาของหลี่จวิ้นเฟิงลงไปแล้ว อาการป่วยก็ดีขึ้นมากจริง ๆ ถึงขนาดที่ผู้ป่วยอาการหนักที่สุดคนนั้น จากเดิมที่ถูกลูกชายลูกสาวประคองขึ้นเวที แต่หลังจากกินยาเข้าไปก็ยืดตัวตรง เดินลงจากเวทีด้วยตัวเอง เมื่อเห็นฉากนี้ หลายคนที่ก่อนหน้านี้วิพากษ์วิ
แต่ยาลูกกลอนที่กระถางยาของเขาหลอมออกมาได้ก็สาเหตุมาจากยันต์อักขระเหล่านั้น ราวกับผลิตออกมาจากสายการผลิตไม่ว่าจะเป็นคุณสมบัติหรือคุณภาพของยาที่หลอมสำเสร็จ เทียบไม่ได้กับกระถางยาทองคำม่วงที่อยู่ในมือของฉู่เฉินแม้แต่น้อยหลี่จวิ้นเฟิงอดหัวเราะขำขันออกมาไม่ได้หลังจากเห็นกระถางยาที่ขึ้นสนิมในมือฉู่เฉิน จึงชี้ไปยังกระถางยาทองคำม่วงในมือฉู่เฉินพร้อมกล่าวขึ้น “คนแซ่ฉู่ ไม่ใช่ว่ากะอีแค่กระถางยาที่ดีกว่านี้หน่อยยังซื้อไม่ไหวหรอกนะ”“นี่เก็บสินค้าแผงลอยจากตลาดขยะที่ไหนมา ยังกล้าเอามาหลอมโอสถอีก ไม่กลัวคนกินแล้วตายหรือไง”ฉู่เฉินคร้านจะสนใจเขาเลยหยิบวัตถุดิบยาสองสามชนิดออกมาจากในกองสมุนไพร แล้วใช้มือเดียวบี้บดจนวัตถุดิบเหล่านั้นเป็นผง จากนั้นจึงโยนผงยาที่ใช้ประโยชน์ไม่ได้ทิ้งไปขณะที่ผงสมุนไพรเข้าสู่กระถางยาทองคำม่วง ฉู่เฉินก็ถ่ายพลังวิญญาณมายังกลางฝ่ามือต่อจากนั้นเปลวไฟสีน้ำเงินเข้มก็ปรากฏขึ้นกลางฝ่ามือของฉู่เฉินราวกับเล่นกลหลี่จวิ้นเฟิงไม่กล่าววาจาใดอีก คว้าวัตถุดิบยาแล้วก็นำวัตถุดิบยาทั้งหมดใส่เข้าไปในกระถางยาเป็นไปตามที่อวี้ลู่คาดการณ์ไว้เลย ในกระบวนการหลอมโอสถทั้งหมด หลี่จวิ้นเฟิง
“หรูเยียน ที่ลูกพูดมาเป็นเรื่องจริงเหรอ”หลิ่วชิงเหอได้ยินแล้วก็เริ่มรู้สึกมีความหวังขึ้นมาบ้างถ้าเป็นอย่างที่หลิ่วหรูเยียนพูดมาจริง ถ้ามีโอกาสครั้งหน้าก็หลอกล่อเอาสูตรยาบำรุงปราณมาจากฉู่เฉินในช่วงที่ขึ้นสวรรค์ชั้นเจ็ด ฉู่ซื่อกรุ๊ปก็จะได้มียาบำรุงปราณขายด้วยเช่นกันแล้วนี่?คิดเรื่องพวกนี้แล้วหลิ่วชิงเหอก็กลับมานั่งลงที่เดิม จากที่ตอนแรกกะจะลุกขึ้นเตรียมออกจากสนามแข่งขันนี้ไป“จริงแท้แน่นอน หลี่จวิ้นเฟิงบอกกับหนูเองเลยนะ อีกอย่าง ถ้าเขาไม่มั่นใจก็คงไม่เลือกการแข่งขันหลอมโอสถหรอกค่ะ”หลิ่วหรูเยียนพูดพลางยิ้มชั่วร้ายแม้ฉู่เฉินชนะไปรอบหนึ่งแล้ว ยังไงการแข่งขันรอบสองก็ถือว่าเสมอกันขอแค่หลี่จวิ้นเฟิงชนะการแข่งขันรอบที่สาม ผลก็จะออกมาเสมอกันทุกคนฉู่ซื่อกรุ๊ปก็จะไม่ขายหน้า และในทางตรงกันข้ามก็ยังได้รับความนิยมและประโยชน์โดยอาศัยการแข่งขันรอบที่สามนี้ด้วย ……อีกด้านหนึ่ง ถังจิ้งจือที่นั่งอยู่ตำแหน่งกรรมการก็ไม่เสแสร้งอีกต่อไป เยาะเย้ยกล่าว “ใช่แล้วยังไงล่ะ หรือว่าการแข่งขันรอบสามนี้ไม่ยอดเยี่ยมน่าชมหรอกเหรอ”“พวกคุณอย่าลืมซะล่ะ สามารถจัดการแข่งขันแพทย์แผนจีนตลอดทั้งปีนี้ได้ก็เพร
หลินจื้อหงทนไม่ไหวอีกต่อไป เขาตบโต๊ะกล่าวเสียงดังลั่น“ท่านหลิน ผมไม่เห็นด้วยกับคำพูดคุณ!”ถังจิ้งจือเบะปากกล่าว “การแข่งขันแพทย์แผนจีนคราวก่อนก็จับฉลากได้ผู้ป่วยอาการแตกต่างกัน หรือใครจับได้โรคอาการรุนแรงก็ถือว่าคนนั้นชนะเหรอ?”“กฎก็เขียนชัดเจนอยู่แล้วว่าตัดสินจากการรักษา”“ไม่ใช่ความผิดของคุณหลี่ที่หยิบได้ผู้ป่วยที่มีอาการไม่รุนแรง ก็คงกล่าวได้ว่าคุณหลี่มีคุณธรรมสูงส่งโชคเข้าข้างเขาก็เท่านั้น”“ส่วนฉู่เฉินรักษาคนไข้โรคฝีหนองทั้งร่างนั้นหายได้ก็เป็นวาสนาของคนไข้รายนั้น ไม่ใช่ผลงานของฉู่เฉินฝ่ายเดียว ดังนั้นฉันคิดว่าการแข่งขันนี้ต้องตัดสินเสมอกันเท่านั้น”แม่ง!จางเสวี่ยเหยียนเริ่มเกิดความคิดอยากจะตบปากคน!ฮว่าจิ่วหยางสูดลมหายใจลึก ถึงยังไงพวกเขาไม่กี่คนก็ล้วนเป็นกรรมการ หากมีการทะเลาะกันเพราะเรื่องนี้ขึ้นมาระหว่างกรรมการด้วยกันเอง จะทำให้คนอื่นเห็นวงการแพทย์แผนจีนเป็นเรื่องตลกฮว่าจิ่วหยางคิดแล้วก็หันหน้าไปกล่าวกับฉู่เฉิน “คุณฉู่ ไม่ทราบว่าคุณยอมรับคำตัดสินของท่านถังนี้หรือไม่” ฉู่เฉินยิ้มเยาะ มองสำรวจหลี่จวิ้นเฟิงและถังจิ้งจือ แล้วพยักหน้ากล่าว “ก็ได้ ถ้าผมไม่ยอมรับ เจ้าสอ
ยาสร้างกล้ามเนื้อดวงตาคู่งามของอวี้ลู่จดจ้องและจำเม็ดยาสีทองในมือฉู่เฉินได้ในทันทีก็เพราะยาสร้างกล้ามเนื้อในโลกเซียนราคาแพงลิบลิ่ว!ผู้ใดก็ตามที่มียาสร้างกล้ามเนื้อแค่หนึ่งเม็ดก็เท่ากับมีสองชีวิตเชียวและนักหลอมยาที่หลอมยาสร้างกล้ามเนื้อสำเร็จแทบนับนิ้วได้เลยในโลกเซียนด้วยเหตุนี้ยาสร้างกล้ามเนื้อแค่เม็ดเดียวก็สามารถแลกเปลี่ยนเป็นทรัพยากรล้ำค่าในการฝึกบำเพ็ญได้มหาศาลเช่นกันแต่ฉู่เฉินตัวดี กลับนำสิ่งล้ำค่าขนาดนี้ใช้กับหญิงวัยกลางคนเพียงเพื่อรักษาโรคฝีหนองนะหรือ?เสียของดีหมด!ช่างเสียของจริงๆ!ถ้าไม่ใช่เพราะมีคนในนี้เยอะ อวี้ลู่คงคิดจะพุ่งขึ้นไปตบเจ้าฉู่เฉินสักป๊าบ!นี่มันไม่ใช่การสิ้นเปลืองหรอกหรือ?รู้แต่แรกว่าเจ้ารักษาไม่ได้ก็บอกข้าที่เป็นสตรีศักดิ์สิทธิ์สิ แค่ไอเซียนก็ทำให้นางฟื้นตัวเป็นปกติเช่นเดิมแล้ว ไยต้องสิ้นเปลืองยาสร้างกล้ามเนื้อไปหนึ่งเม็ดด้วย?ทุกคนประหลาดใจหญิงวัยกลางคนที่ร่างกายเต็มไปด้วยแผลฝีหนองอยู่ๆ ก็หายดีราวปาฏิหาริย์ในเวลานี้เองผิวของเธอซึ่งก่อนหน้านี้ทั้งดำและหยาบกร้าน กลับเต็มไปด้วยความมีชีวิตชีวาใหม่ในขณะนี้ และแม้แต่ผิวหนังชั้นแรกที่อักเสบเป็นพิ
เช่นเดียวกันที่ถังจิ้งจือหน้าเปลี่ยนสีไปมาบนเก้าอี้กรรมการผู้ป่วยที่รักษายากโดยแท้จริงแล้วมีเพียงแค่หญิงวัยกลางคนคนเดียวเพื่อป้องกันเหตุไม่คาดฝันล่วงหน้าจึงเขียนเลขหนึ่งร้อยสิบแปดในกระดาษฉลากทั้งหมดกล่าวได้อีกว่าไม่ว่าฉู่เฉินจะหยิบใบไหนผลลัพธ์ก็เหมือนเดิม“โกงจริงๆ ด้วย!”“น่าละอายใจจริงๆ คนจากสำนักหมอมีสันดานอย่างนี้เองเรอะ?”ผู้ชมล่างเวทีและชาวเน็ตบนอินเทอร์เน็ตด่าทอหลี่จวิ้นเฟิงกันยกใหญ่ขนาดฟางอวี่เจิ้งก็หันไปมองหลี่จวิ้นเฟิงด้วยสายตาเกลียดชังราวกับมองศัตรูคู่แค้นแม่เอ๊ย ทำเหมือนฉันไม่มีตัวตนสินะ?กล้าเล่นตุกติกต่อหน้าฉัน!ฟางอวี่เจิ้งคิดแล้วก็หยิบโทรศัพท์ออกมาโทรหาเจียงไห่ตงทันทีไม่ว่าผลการแข่งขันวันนี้จะออกมายังไง ไอ้สุนัขเฒ่าถังจิ้งจือและสารเลวหลี่จวิ้นเฟิงอย่าได้คิดหนีเลยส่วนฉู่เฉินที่อยู่บนเวทีกลับไม่ได้สนใจรับฟังทุกสิ่งทุกอย่างที่เกิดขึ้นรอบข้างสักนิด จับชีพจรหญิงวัยกลางคนพลางตกอยู่ในภวังค์ความคิดพูดตามสัตย์จริง การรักษาโรคฝีหนองสำหรับฉู่เฉินไม่ได้ยากเย็นเลยแต่หากรีบรักษาให้หายโดยเร็วคงต้องคิดวิธีที่พิเศษสักหน่อย“ขอน้ำแร่หนึ่งขวดให้ผมได้ไหม?”ฉู่เฉินก
เชรด พลังบุญนี้ได้มาง่ายเกินไปแล้วไหม?ฉู่เฉินกะพริบตาแล้วหันไปแย้มยิ้มกล่าวกับกลุ่มฮว่าจิ่วหยาง “ท่านฮว่าเกรงใจกันเกินไปแล้วครับ สิ่งนี้เป็นสิ่งที่คนเป็นหมอควรกระทำ”หลี่จวิ้นเฟิงที่ยืนอยู่ข้างๆฟังแล้วก็เยาะเย้ยกล่าว “ไอ้คนแซ่ฉู่ แม่งอย่าขี้คุยโวเลยแก ยังไม่ทันรักษา แกไปรู้ได้ไงว่าแกจะสามารถรักษาฝีบนผิวหนังของผู้ป่วยให้หายได้”“เหอะ วันนี้ฉันจะทำให้เอ็งคุกเข่าโขกหัวให้ฉัน!”หลี่จวิ้นเฟิงพูดจบแล้วก็เดินมายังข้างหน้ากล่องกระดาษ นิ่งไปชั่วครู่แล้วหันไปกล่าวกับเจ้าหน้าที่ที่อยู่ด้านข้าง “ต้องขออภัย ผมคิดว่ากล่องใบนี้ไม่มงคล เปลี่ยนกล่องใหม่ได้ไหม”หืม?ทุกคนจ้องมองหลี่จวิ้นเฟิงด้วยความแปลกใจ แต่ที่เขาเรียกร้องมาก็ไม่เหลือบ่ากว่าแรง เปลี่ยนกล่องจับฉลากเท่านั้นเอง ด้วยเหตุนี้ไม่นานก็มีคนยกกล่องจับฉลากอีกอันขึ้นมา“ผู้ป่วยลำดับที่สามสิบเจ็ด”เจียงถิงอ่านเลขลำดับพร้อมขมวดคิ้วมองไปทางกล่องที่ถูกเอาไปไว้ตรงขอบเวที ในนั้นต้องมีอะไรแอบแฝงอยู่แน่นอนเวลาไม่นานก็ได้เห็นผู้ป่วยที่ติดแผ่นแปะบรรเทาหวัดที่หน้าผากหายใจทีไอทีก้าวเดินขึ้นเวทีอย่างรวดเร็ว“นี่มันไม่ยุติธรรมเอาซะเลย! คุณฉู่รักษาโร
โรคที่เธอเป็นอยู่ เธอรู้ดีว่าไม่สามารถรักษาให้หายได้ในเวลา ณ ตอนนี้งั้นก็หมายถึงฉู่เฉินต้องแพ้พนันอย่างแน่นอน แล้วยังต้องคุกเข่าโคกศีรษะให้คนแซ่หลี่อีกคิดได้ดังนั้น หญิงวัยกลางคนรีบเก็บข้อมือกลับมาแล้วลุกขึ้นกล่าว “คุณหมอ น้ำใจของคุณฉันรับด้วยใจได้ แต่...ฉันไม่อยากเป็นให้คุณลำบาก” “อีกทั้งเห็นได้ชัดว่าพวกเขาขุดหลุมดักรอให้คุณกระโดดลงไป คุณอย่าได้รักษาฉันอีกเลย”ได้ยินคำพูดของหญิงวัยกลางคนแล้ว บรรดาผู้ชมนับหมื่นก็พากันพยักหน้าใครว่าไม่ใช่ล่ะ ผู้ป่วยผิวหนังพุพองทั้งร่างจะไปรักษาให้หายทันทีในการแข่งขันนี้ได้ยังไงกันว่าก็ว่าเถอะ ขนาดฟางอวี่เจิ้งยังออกมายืนกรานตั้งข้อสงสัยเลย ขอแค่ฉู่เฉินพยักหน้า แม้จะไม่สามารถเปลี่ยนหัวข้อการแข่งขันก็ยังสามารถเปลี่ยนผู้ป่วยคนใหม่ได้ฉู่เฉินหัวเราะอย่างไม่ยี่หระ กดบ่าของหญิงวัยกลางคนให้เธอนั่งลง และเอามือไพล่หลังข้างเดียว กล่าวเนิบๆว่า “ถ้าเพื่อชัยชนะ ที่จริงผมจะเปลี่ยนคนไข้ก็ได้ หรือเปลี่ยนหัวข้อก็ได้” “แต่คนเป็นหมอต้องมีเมตตา” “ถ้าที่ผมพูดไม่ผิดละก็ คุณได้ฝากความหวังครั้งสุดท้ายกับการแข่งขันแพทย์แผนจีนครั้งนี้แล้ว ถ้าผมปฏิเสธที่จะรักษาคุณเ