อีกทางด้านหนึ่ง ทันทีที่กู้รั่วเสวี่ยออกจากตึกเถิงหลง เธอก็โทรศัพท์หานายท่านใหญ่กู้ทันที หลังจากที่เล่าทุกสิ่งทุกอย่างที่เกิดขึ้นในเมืองหมอตูออกมาตามความเป็นจริง กู้รั่วเสวี่ยถึงค่อยเอ่ยด้วยความร้อนใจว่า “คุณปู่คะ ฉู่เฉินถูกคนของแก๊งมังกรพาตัวไปเพราะช่วยหนูไว้ ไม่ว่ายังไงก็ต้องช่วยเขาออกมาให้ได้นะคะ”ปลายสายโทรศัพท์มีเสียงถอนหายใจของชายชราดังเข้ามาก่อนจะเอ่ยว่า “ถ้าเกิดอยู่ที่เมืองหลวง ทุกอย่างคงจัดการได้ง่าย แต่ว่าเมืองหมอตูเป็นเขตอิทธิพลของตระกูลหลี่ อยากช่วยเหลือคนไม่ใช่เรื่องง่ายขนาดนั้น”“แต่ในเมื่อเขาทำเพื่อช่วยเหลือตระกูลกู้ของพวกเรา ปู่จะยอมเสียหน้าแก่ ๆ นี้ลองขอร้องหลาย ๆ คนดูละกัน”นายท่านใหญ่กู้กล่าวจบก็วางสายโทรศัพท์ หลังจากวางสายโทรศัพท์ กู้รั่วเสวี่ยโทรศัพท์ติดต่อกันอีกหลายสาย เดิมทีอยากจะขอความช่วยเหลือจากพวกเพื่อน ๆ ทางฝั่งเมืองหมอตู แต่เมื่ออีกฝ่ายได้ยินว่าล่วงเกินตระกูลหลี่ พวกเขาก็วางสายโทรศัพท์ทันทีเกือบทุกคนเลย ตระกูลหลี่! นั่นเป็นหนึ่งในสองตระกูลใหญ่ของเมืองหมอตูเลยนะอย่าว่าแต่คนตัวเล็ก ๆ อย่างพวกเขาเลย ต่อให้เป็นตระกูลใหญ่บางตระกูลในเมืองหลวงก็ไม่ห
“โดยเฉพาะคุณหนูใหญ่กู้ ทำให้ผมต้องมองใหม่แล้วจริง ๆ” เมื่อได้ยินคำพูดที่แฝงไปด้วยการทิ่มแทงของหลี่เจี้ยนกั๋ว นายท่านใหญ่กู้ก็เอ่ยขอโทษติดต่อกันว่า “ประธานหลี่ ความจริงเรื่องนี้เกิดจากความเข้าใจผิดทั้งนั้น ขอเพียงประธานหลี่ให้ทางแก๊งมังกรของเมืองหมอตูปล่อยตัวคนได้ ตระกูลกู้ของผมยินดี...” “ปล่อยตัวคน? ฮ่า ๆๆ!”จิตสังหารพลุ่งพล่านในดวงตาสองข้างของหลี่เจี้ยนกั๋ว ก่อนที่เขาจะกัดฟันกล่าวว่า “กู้ฉางเหอ ตาแก่ใกล้ลงโลงอย่างคุณให้คนมาทำร้ายลูกชายผมจนใช้การไม่ได้ คุณแม่งยังจะให้ผมปล่อยตัวคนอีกเหรอ?!” “ตระกูลกู้ของพวกคุณรอจัดงานศพให้ไอ้เด็กนั่นเถอะ!” “อีกอย่าง หลานสาวของคุณก็อย่าหวังว่าจะรอดออกจากเมืองหมอตูไปได้เลย!”หลังจากที่ตวาดด้วยความโกรธเกรี้ยว หลี่เจี้ยนกั๋วก็วางสายโทรศัพท์ทันทีแล้วตะโกนไปทางด้านนอกประตูว่า “ใครก็ได้มานี่!”“ครับ!” ชายสวมชุดดำปราดเปรียวที่ดูเฉลียวฉลาดมากความสามารถผลักประตูเดินเข้ามาในห้องผู้ป่วย ก่อนจะเอ่ยอย่างนอบน้อมว่า “คุณหลี่!” “ให้เวลาพวกนายแค่หนึ่งชั่วโมง จับตัวยัยเด็กแซ่กู้คนนั้นไปที่วิลล่าอวิ๋นเชวี่ย!” หลี่เจี้ยนกั๋วกัดฟันตวาดอย่างเกรี้ยวกราด ใบหน้
บ้าไปแล้ว!ไอ้หมอนี่บ้าไปแล้วใช่ไหม?! สมาชิกชายสองคนของแก๊งมังกรที่อยู่ทางด้านข้างได้ยินคำพูดนี้ของฉู่เฉินก็พากันกลืนน้ำลายหนัก ๆ พวกเขาเห็นคนร้ายบ้าคลั่งที่ชั่วช้าเลวทรามมามากมาย แต่ยังไม่เคยเห็นใครกล้ายั่วยุเหลิ่งหนิงซวงในสถานการณ์แบบนี้เลย อย่าเห็นว่ารูปลักษณ์ภายนอกของเธอดูเซ็กซี่น่าหลงใหล แต่พอยัยนี่ลงมือขึ้นมากลับโหดเหี้ยมมากเลยนะ!ไม่นานมานี้ อาชญากรข้ามชาติคนหนึ่งก็ไม่เห็นเหลิ่งหนิงซวงอยู่ในสายตาเหมือนกับฉู่เฉิน ผลคือไม่ถึงสิบนาที เขาถึงขนาดร้องเรียกแม่คุณทูนหัวอ้อนวอนขอชีวิตแล้ว ต่อมา อาชญากรรมข้ามชาติคนนั้นก็ถูกหามขึ้นเปลออกไป ทั่วทั้งร่างแทบจะหากระดูกที่ครบสมบูรณ์ไม่เจอเลยสักชิ้น“คุณพูดว่าอะไรนะ?” เหลิ่งหนิงซวงหรี่ตาสวย ๆ เล็กน้อย จ้องมองฉู่เฉินอย่างคล้ายยิ้มคล้ายไม่ยิ้ม เดินอยู่บนรองเท้าส้นสูง ก้าวเรียวขายาวที่ขาวนวลดุจหิมะเดินไปหาฉู่เฉินอย่างช้า ๆ “คนสวย ขาคู่นี้ของคุณอย่างน้อยก็มีค่าห้าร้อยล้านเลยนะ”ฉู่เฉินมองเรียวขางามสุดขีดคู่นั้นของเหลิ่งหนิงซวงแล้วเอ่ยประเมินค่าด้วยความจริงใจ “จริงเหรอ?” รอยยิ้มของเหลิ่งหนิงซวงพลันแข็งทื่อ วินาทีต่อมา เธอก็ฟาดขาล
แส้หนังเส้นนี้ย่อมเป็นของวิเศษ เพียงแต่ฉู่เฉินยังมองระดับของมันไม่ออกอยู่ชั่วขณะ ถ้าเกิดโจมตีมาอีกครั้ง ฉู่เฉินไม่มีอะไรป้องกันได้แล้วหากโดนฟาดเข้าไปเต็ม ๆ นั่นก็คงได้ไม่คุ้มเสียแล้ว“อาชญากรฆ่าคนแย่งชิงทรัพย์อย่างคุณ ใกล้จะตายอยู่แล้วยังกล้าปากแข็งอีก!” เหลิ่งหนิงซวงกัดฟันกรอด ตะโกนด่าทอด้วยเสียงเย็นชา“คนสวย พูดจาต้องมีหลักฐานด้วยนะครับ ผมยังบอกได้เลยว่าคุณยั่วยวนผม แล้วคุณจะอธิบายว่ายังไง?”ฉู่เฉินมองเหลิ่งหนิงซวงอย่างเย็นชา เบ้ปากกล่าว “บังอาจ!” เหลิ่งหนิงซวงโกรธจนเจ็บหน้าอก จ้องมองฉู่เฉินอย่างเย็นชาพลางกล่าวว่า “กลางวันแสก ๆ ยังฆ่าคนมากมายในตึกเถิงหลง แถมทำร้ายคุณชายใหญ่ตระกูลหลี่อีก นี่ถ้าคุณไม่ได้ฆ่าคนแย่งชิงทรัพย์แล้วจะเป็นอะไร!”เมื่อได้ยินคำพูดนี้ ฉู่เฉินก็หัวเราะเบา ๆ แล้วกล่าวว่า “งั้นคุณไม่ถามหน่อยเหรอว่าผมทำร้ายเขาทำไม? มีคนนับสิบล้านอยู่เต็มท้องถนน ทำไมผมต้องทำร้ายเขาจนพิการด้วย?” “ถ้าเกิดเป็นเพราะว่าตระกูลหลี่ร่ำรวย เขาทำอะไรก็ถูกหมด งั้นผมก็ไม่มีอะไรจะพูดแล้ว แต่ผมขอเตือนคุณไว้เลยนะ ถ้ากล้าลงมืออีก ผมจะไม่ออมมือเด็ดขาด!” เมื่อสิ้นเสียงพูด ฉู่เฉินก็ไม่ได
ปัง! ประตูห้องทำงานปิดลงอย่างหนักหน่วงทำให้เสิ่นเหว่ยตกใจจนสะดุ้งโหยง ผ่านไปหลายวินาที เขาถึงค่อยชี้ไปที่เหลิ่งหนิงซวงแล้วเอ่ยว่า “เหลิ่งหนิงซวง หยุดเดี๋ยวนี้นะ!”“นี่คุณขัดคำสั่งเหรอ ผมให้เวลาคุณหนึ่งนาที รีบกลับมาเดี๋ยวนี้...”เหลิ่งหนิงซวงแค่นเสียงเบาแล้วเอ่ยด้วยเสียงเย็นชาว่า “หัวหน้าเสิ่น ถ้าอยากสอบสวนคุณก็ไปสอบสวนเองเถอะค่ะ”คำพูดต่อต้านประโยคเดียวทำให้เสิ่นเหว่ยถึงกับอึ้งไปแต่ว่าหัวหน้าอย่างเขาล่วงเกินเหลิ่งหนิงซวงไม่ได้จริง ๆ ตระกูลเหลิ่งเป็นตระกูลชั้นสูงในวงการต่อสู้ของเมืองหมอตู อีกทั้งยังมีเส้นสายกับสำนักบำเพ็ญเพียรอีกด้วยคนแบบนี้ไม่ใช่คนที่เขาสามารถจัดการได้ตามใจชอบเรื่องสำคัญที่สุดคือ สิ่งที่เหลิ่งหนิงซวงพูดมาเป็นความจริงทั้งหมดความแค้นระหว่างฉู่เฉินกับตระกูลหลี่ มีคนรายงานให้เขาทราบอย่างละเอียดตั้งแต่แรกแล้ว หากเรื่องนี้บานปลายยกใหญ่ถึงที่สุดละก็ ต่อให้เขาถูกปลดออกจากงานและโดนสอบสวนลงโทษยังถือว่าเบาไปสำหรับเขาเสิ่นเหว่ยสูดลมหายใจลึก ก่อนจะเดินไปมาในห้องทำงานคนอย่างฉู่เฉินไม่ใช่คนที่ส่งคนไปตามใจชอบก็สามารถสอบสวนจนได้ผลลัพธ์ออกมาหากไม่ระวังจนเกิดเรื่องถ
เมื่อกลับไปถึงห้องทำงาน เหลิ่งหนิงซวงรีบค้นหาหมายเลขโทรศัพท์ของกู้รั่วเสวี่ยผ่านเครือข่ายข้อมูลของแก๊งมังกร ก่อนจะโทรไปหากู้รั่วเสวี่ยทันทีทางฝั่งนี้เอง กู้รั่วเสวี่ยเพิ่งกลับมาถึงออฟฟิศของบริษัท เฝ้ารอสายโทรศัพท์จากนายท่านใหญ่กู้ด้วยความกังวลใจอย่างมากเมื่อได้ยินเสียงริงโทนของโทรศัพท์ดังขึ้นมาถี่ ๆ กู้รั่วเสวี่ยก็รีบรับสายแล้วพูดกับปลายสายว่า “คุณปู่คะ สถานการณ์เป็นอย่างไรบ้างคะ?”แต่ปลายสายเงียบไปหลายวินาที ก่อนจะมีเสียงของผู้หญิงที่เหมือนกับกระดิ่งเงินดังขึ้นมาว่า “ขอโทษด้วยนะคะ คุณกู้ ฉันไม่ใช่ผู้อาวุโสกู้ค่ะ ฉันคือหัวหน้าทีมปฏิบัติการของแก๊งมังกรเมืองหมอตู ฉันชื่อว่าเหลิ่งหนิงซวงค่ะ”“หา?”กู้รั่วเสวี่ยอึ้งไปชั่วขณะ แล้วพูดอย่างกระอักกระอ่วนว่า “ขะ ขอโทษด้วยค่ะ ไม่ทราบว่ามีธุระอะไรกับฉันเหรอคะ?”“คุณไม่ต้องกังวลนะคะ ฉันได้รับการไหว้วานจากคุณฉู่ให้มาดูแลความปลอดภัยของคุณ คุณฉู่เป็นห่วงว่าคนของตระกูลหลี่จะคิดร้ายกับคุณ ตอนนี้คุณอยู่ที่ไหนคะ ฉันจะไปหาคุณเดี๋ยวนี้เลย”กู้รั่วเสวี่ยฟังถึงตรงนี้ก็มึนงงเล็กน้อยคนของแก๊งมังกร?คนของแก๊งมังกรควรช่วยพูดแทนตระกูลหลี่ไม่ใช่เหรอ? ท
เมื่อม่านราตรีคืบคลานลงมา ภายในวิลล่าอวิ๋นเชวี่ยที่อยู่ย่านชานเมืองตะวันตกของเมืองหมอตูก็สว่างไสวไปด้วยแสงไฟภายในห้องโถงใหญ่ นอกจากหลี่เจี้ยนกั๋วแล้ว ยังมีชายวัยกลางคนที่สวมชุดสูทโอต์กูตูร์อีกสองคนทำหน้าเคร่งขรึมมองกู้รั่วเสวี่ยและเหลิ่งหนิงซวงที่ถูกเชือกผูกรอบคอมัดมือไพล่หลังคนที่นั่งอยู่ตรงข้ามหลี่เจี้ยนกั๋วก็คือหลี่เจี้ยนเย่ นายท่านรองของตระกูลหลี่ส่วนชายวัยกลางคนที่อยู่ข้างเขาก็คือหลี่เจี้ยนจวิน บุคคลผู้ทรงอิทธิพลรุ่นที่สองของตระกูลหลี่เมื่อได้ยินว่าหลี่เจี้ยนกั๋วลักพาตัวกู้รั่วเสวี่ยและเหลิ่งหนิงซวงมา สองพี่น้องถึงได้รีบรุดมาตระกูลกู้เป็นตระกูลใหญ่ของเมืองหลวง แม้ว่าอิทธิพลในเมืองหมอตูจะสู้ตระกูลหลี่ไม่ได้ แต่ก็ไม่อาจล่วงเกินได้ง่าย ๆ เหมือนกันส่วนตระกูลเหลิ่งก็เป็นตระกูลที่อยู่ในวงการต่อสู้ท้องถิ่นของเมืองหมอตู เดิมทีเรื่องนี้ไม่เกี่ยวข้องกับเหลิ่งหนิงซวงเลย ถ้าแม้แต่เธอก็เกิดเรื่องไม่คาดฝันอะไรขึ้นมาด้วย ก็เท่ากับว่าตระกูลหลี่ล่วงเกินสองตระกูลใหญ่ในคราเดียว นี่ยังได้อีกเหรอ? “พี่ใหญ่ คนที่ทำร้ายหลานชายไม่ใช่คุณหนูตระกูลกู้ อีกอย่างเหลิ่งหนิงซวงคนนั้นก็เป็นคนของตระก
เมื่อได้ยินคำพูดนี้ หลี่เจี้ยนกั๋วก็ได้แต่กัดฟันพยักหน้ากล่าวว่า “พ่อครับ ในเมื่อพูดแบบนี้ งั้นก็เอาตามพ่อ แต่ว่า...”"ไม่มีคำว่าแต่ กฎก็คือกฎ เข้าใจหรือเปล่า?"หลี่หงถูสูดลมหายใจลึก เอ่ยโดยที่ใบหน้าเย็นชาราวกับน้ำค้างแข็งว่า “ต่อให้จะแก้แค้นให้โย่วถัง แต่เธอก็ตายอยู่ที่ตระกูลหลี่ของเราไม่ได้ ยิ่งตายอยู่ในเมืองหมอตูไม่ได้ด้วย”"แกเข้าใจหรือเปล่า?"อ้อ!หลี่เจี้ยนกั๋วถึงค่อยตระหนักได้ ก่อนจะตบหน้าผากแล้วพูดว่า “ทั้งหมดเป็นเพราะผมถูกความโกรธครอบงำจนขาดสติ ผมวู่วามเกินไป เดี๋ยวผมจะติดต่อคนของตระกูลเหลิ่ง ปล่อยตัวคนทันที”พอได้ยินคำพูดนี้ หลี่หงถูถึงค่อยพยักหน้าด้วยความพอใจแล้วเอ่ยว่า “นี่สิถูกต้อง ทุกเรื่องต้องรู้จักค่อย ๆ ดำเนินการ ความวู่วามจะทำให้แกเป็นฝ่ายเสียเปรียบมากขึ้นเท่านั้น”“เอาละ เรื่องต่อจากนี้ พวกแกพี่น้องก็จัดการกันตามสมควรเถอะ พ่ออยู่ที่นี่นานไปก็ไม่เหมาะสม”หลี่หงถูกล่าวจบก็กำชับอีกสองสามประโยค จากนั้นถึงค่อยพาบอดี้การ์ดที่อยู่ด้านหลังออกไปจากวิลล่าอวิ๋นเชวี่ยคืนนั้นเอง เหลิ่งหนิงซวงก็ถูกพาตัวกลับไปยังตระกูลเหลิ่ง แม้ว่าเธอจะพยายามโต้แย้งด้วยเหตุผล แต่ก็ถูกผู
......อีกด้านหนึ่ง ภายในห้องทำงานของผู้อำนวยการหลี่จิงจิงย้ายเครื่องออกกำลังกายที่ตนจัดเตรียมไว้อย่างดีออกมา ขณะเดียวกันก็หยิบรองเท้าบาเลนเซียกาคู่ใหม่สองคู่จากลิ้นชักเหลือบมองนาฬิกาข้อมือ นี่ก็ผ่านไปเกือบครึ่งชั่วโมงแล้ว ทำไมฉู่เฉินยังไม่มาสักที?เธอร้อนใจมากจริงๆเวลาเป็นเงินเป็นทอง เวลาคือชีวิตสิ่งสำคัญก็คือบ่ายวันนี้สามีของเธอจะมารับเธอไปร่วมงานเลี้ยงของตระกูลอีกด้วยรอไปอีกเกือบครึ่งชั่วโมง หลี่จิงจิงรีบร้อนจนรอไม่ไหว สุดท้ายจึงหยิบโทรศัพท์ออกมาโทรไปหาฉู่เฉินผ่านไปเกือบครึ่งนาที ฉู่เฉินถึงจะรับสาย แต่ในวินาทีถัดมา หลี่จิงจิงก็ได้ยินเสียงหอบหายใจคุ้นเคย และเสียงการปะทะที่รุนแรงคงไม่ใช่มั้ง?ร่างของหลี่จิงจิงแทบจะกลายเป็นหิน เพื่อการพบกันครั้งนี้ เธออุตส่าห์ตั้งใจเตรียมตัวอย่างดีมาแล้วหลายวัน แต่กลับถูกลีน่าชิงตัดหน้าไปก่อน?“รอผมอยู่ในออฟฟิศ อีกเดี๋ยวก็ถึง”ฉู่เฉินพูดจบ โดยไม่รอให้หลี่จิงจิงเอ่ยปาก ก็ตัดสายโทรศัพท์ไปขณะที่หลี่จิงจิงรออย่างกระวนกระวายใจ ทันใดนั้นประตูห้องทำงานก็ถูกผลักเปิดออก และฉู่เฉินก็ผลักประตูก้าวเข้ามา“คุณก็กล้าเกินไปแล้ว ในห้องผู้ป่วยก็..
ฉึก!ขณะที่ลีน่ากำลังส่ายก้นอวบอิ่มและโพสท่าเย้ายวน ทันใดนั้นฉู่เฉินก็ดึงเข็มเงินออกมา แทงเข้าที่ภายในจุดฝังเข็มกลางยอดศีรษะของแรนด์แรนด์เพียงรู้สึกว่าเลือดลมทั้งหมดในร่างกาย ราวกับจะพุ่งไปที่ยอดศีรษะพร้อมๆ กันในทันที และสมองที่มึนงงก็เปลี่ยนเป็นตื่นตัวขึ้นไม่น้อยบางทีอาจเป็นเพราะเลือดลมสูบฉีด แรนด์เพียงรู้สึกว่าปากและลิ้นแห้งผาก ภายในปากราวกับว่ามีไฟลุกโชนอยู่“ลีน่า…”เดิมที แรนด์คิดจะขอให้ลีน่าช่วยเทน้ำให้เขาสักแก้ว แต่เมื่อหันศีรษะไป กลับเห็นก้นกลมกลึงและอวบอิ่มของลีน่า ทันใดนั้นก็สับสนไปหมด“โอ้ พระเจ้า คุณ...คุณกำลังทำอะไรอยู่!”ในวินาทีถัดมา ดวงตาของแรนด์ก็แดงก่ำเขาเกือบจะพิการแล้ว ลีน่าหญิงโสมมนี่ ถึงกับถกชายกระโปรงขึ้นและส่ายก้นงั้นเหรอ?อ๊าย?!เมื่อได้ยินเสียงของแรนด์ ลีน่าก็ตกใจเหมือนกันไม่ใช่ว่าเพิ่งวางยาชาทั้งตัวมางั้นเหรอ?ทำไมถึงฟื้นตัวเร็วขนาดนี้ล่ะ?ไม่มีเวลาคิดมาก ลีน่ารีบร้อนดึงชายกระโปรงลง หันกลับมาแล้วกล่าวกับแรนด์ว่า “เอ่อ... ฉัน... ฉันรู้สึกร้อนนิดหน่อย จึงคลายร้อนสักหน่อยน่ะ”เมื่อเห็นเข็มเงินแทงลงบนไปที่จุดไป่ฮุ่ยบนยอดศีรษะของแรนด์ ลีน่าจึงเหล
เมื่อถูกสองก้อนเนื้ออ่อนนุ่มถูไปไถมาบนแขน ฉู่เฉินก็อดไม่ได้ที่จะตีสะโพกอวบของหลี่จิงจิงหนึ่งครั้ง“แหมๆ ชั่วร้ายจังเลย ไปดูคนไข้ก่อนเถอะค่ะ อีกเดี๋ยวฉันจะไปรอคุณอยู่ที่ออฟฟิศนะ”พูดถึงตอนนี้ หลี่จิงจิงจึงกัดริมฝีปากสีแดงโดยไม่รู้ตัวอย่างอดใจไม่ไหว ดวงตาคู่สวยเป็นประกาย ยิ่งเต็มไปด้วยสีสันแห่งฤดูใบไม้ผลิ“ไปเถอะ ไปดูคนไข้กัน”ฉู่เฉินโอบรอบเอวของหลี่จิงจิง แล้วเดินไปยังตึกผู้ป่วยในเมื่อมาถึงหน้าห้องผู้ป่วยพิเศษชั้นห้า พบว่าหน้าประตูรายล้อมไปด้วยแพทย์และพยาบาลของโรงพยาบาลประชาชน“ทุกคนหลีกทางหน่อยค่ะ”ทันทีที่เสียงของหลี่จิงจิงดังขึ้น เหล่าแพทย์พยาบาลต่างพากันถอยออกไปด้านหนึ่งมีเพียงผู้เชี่ยวชาญอาวุโสสวมแว่นกรอบดำวัยประมาณห้าสิบกว่าปี เขาใช้คีมคีบส่วนนั้นที่เฉาใกล้ตายของแรนด์ ก่อนจะถอนหายใจและกล่าวว่า “จากประสบการณ์ทางการแพทย์กว่าสามสิบปีของผม ทางที่ดีที่สุดคือการตัดออกครับ”“ไม่งั้น เนื้อเยื่อที่ตายแล้วอาจลุกลามไปทั่ว ซึ่งอาจเป็นอันตรายถึงชีวิตได้”แรนด์ที่นอนอยู่บนเตียงผู้ป่วย เมื่อได้ยินคำพูดนี้ถึงกับหมดอาลัยตายอยากแม้แต่ตัวเขาเองก็รู้สึกสับสน ตอนกินข้าวกับฉู่เฉินยังดีๆ อ
ฉู่เฉินฝืนใจกล่าวว่า “ก็ได้ ก็ถือว่าให้เกียรติผู้ว่าการเฉียวแล้วกัน”“เฮ้อ น้องฉู่ เกรงใจกันเกินไปแล้ว เรียกพี่ใหญ่สิ บอกนายกี่ครั้งแล้วว่าให้เรียกพี่!”เฉียวเทียนฉี่วางสายด้วยความโล่งอกฉู่เฉินเพิ่งเดินกลับมาที่ห้องโถงหน้า โทรศัพท์ก็ดังขึ้นมาอีกครั้งเมื่อเห็นว่าหลี่จิงจิงโทรมา ฉู่เฉินก็ขมวดคิ้วโดยไม่รู้ตัว ขุนพลเทียนเฟิ่งท่านนี้ นี่คือสืบลำดับวงศ์ตระกูลของตนมาจนหมดแล้วสินะ?แม้แต่ความสัมพันธ์ของหลี่จิงจิงล้วนงัดมาใช้แล้ว!“ผมตอบรับคำเชิญผู้ว่าการเฉียวแล้ว คืนนี้จะไปร่วมงานเลี้ยง”ฉู่เฉินรับสายด้วยน้ำเสียงหงุดหงิดหลี่จิงจิงที่ปลายสายเงียบไปถึงสามวินาที ก่อนจะเอ่ยขึ้นด้วยความสงสัย “คุณฉู่ คุณพูดเรื่องอะไรคะ? ฉันไม่เข้าใจเลย?”ฉู่เฉินก็กล่าวด้วยความสับสน “คุณไม่ได้โทรมาเชิญผมไปเข้าร่วมงานเลี้ยงต้อนรับอะไรนั่นเหรอ?”“ไม่ใช่นะคะ! ฉันตั้งใจโทรมาขอความช่วยเหลือจากคุณต่างหาก”หลี่จิงจิงกล่าวด้วยน้ำเสียงร้อนรน“เกิดอะไรขึ้น? พูดเถอะครับ”ฉู่เฉินกล่าวไปพลาง ดื่มชาหนึ่งอึกไปพลาง“คุณฉู่ เราเพิ่งรับคนไข้เข้ามา อาการวิกฤตอย่างมาก ด้วยระดับการแพทย์ของโรงพยาบาลเรา เกรงว่า… เกรงว่าจะท
งานเลี้ยง?ฉู่เฉินขมวดคิ้วแล้วกล่าวว่า “คงไม่ใช่งานเลี้ยงของหอการค้ากิเลนอีกใช่ไหม? ถ้าใช่ล่ะก็ งั้นก็ช่างเถอะ”ในเมื่อทุกคนเปิดไพ่แล้ว ก็ไม่มีความจำเป็นต้องมาพูดจาเกรงใจกันให้มากความอีก ใช้พลังพูดแทนก็พอ“หอการค้ากิเลน? ไม่ใช่หรอก ฉู่เฉิน แกเข้าใจผิดแล้ว เป็น... งานเลี้ยงต้อนรับของขุนพลเทียนเฟิ่ง เมื่อถึงเวลา ผู้มีชื่อเสียงมากมายในเจียงจง แม้กระทั่งเจ้าเมืองต่างจะมาร่วมงานเหมือนกัน”“ฉันคิดว่า… ถ้าสามารถผูกมิตรกับขุนพลเทียนเฟิ่งได้ ก็น่าจะเป็นการข่มขวัญหอการค้ากิเลนได้ด้วย แกคิดว่าอย่างไร?”ฉู่เฉินหัวเราะเสียงเย็นแล้วกล่าวว่า “ถ้าจะแกร่งก็ต้องแกร่งให้ได้ด้วยตัวเอง การผูกมิตรกับเธอจะให้อะไรฉันได้บ้าง? โทษทีนะ ฉันไม่สนใจ”พูดจบ ฉู่เฉินก็ตัดสายโทรศัพท์ทันที......ขณะนั้น บนทางด่วนข้ามมณฑล หลิ่วชิงเหอมองโทรศัพท์ที่สายไม่ว่าง มองไปซ่งหนิงซวงด้วยสีหน้าไม่เป็นธรรมชาติอย่างยิ่ง แล้วกล่าวว่า “ท่านขุนพลคะ ฉู่เฉินเขา...”ซ่งหนิงซวงแค่นเสียงเบาหนึงเสียง ฉู่เฉินคนนี้ช่างบ้าบิ่นไร้ขอบเขตจริงๆเมื่อกี้บทสนทนาระหว่างหลิ่วชิงเหอกับฉู่เฉิน เธอได้ยินอย่างชัดเจนทั้งหมดถ้าเป็นคนอื่น ป่านนี้คง
การหลอมยาวิญญาณเซียนนั้น ไม่ใช่ว่ามีสูตรยาและวัตถุดิบยาแล้วจะทำได้ นั่นต้องอาศัยนักหลอมยาชั้นยอดเท่านั้นแม้แต่ในเก้าสวรรค์สิบพิภพ คนที่สามารถหลอมยาพลังวิญญาณนี้ออกมาได้มีน้อยจนนับนิ้วได้ ไม่อย่างนั้นยาวิญญาณเซียนก็คงไม่เป็นที่ต้องการมากขนาดนั้น“เจ้าพูดจริงหรือ?”อวี้ลู่มีสีหน้าจริงจัง กล่าวย้ำถามกับฉู่เฉินอีกครั้งเพื่อความแน่ใจฉู่เฉินพยักหน้าหนักแน่นก่อนตอบว่า “แน่นอน ก็แค่ยาวิญญาณเซียนเม็ดเล็กๆ เท่านั้นเอง เป็นเรื่องเล็กน้อย”เมื่อเห็นฉู่เฉินเต็มเปี่ยมไปด้วยความมั่นใจ อวี้ลู่ก็อดจ้องเขาด้วยความสงสัยไม่ได้เมื่อเห็นว่าสายตาของอวี้ลู่ราวกับจะมองทะลุตัวเอง ฉู่เฉินจึงกล่าวด้วยความสงสัย “พี่มองผมด้วยสายตาแบบนั้นทำไม?”ดวงตาคู่สวยของอวี้ลู่หรี่ตาลงเล็กน้อย ก่อนเอ่ยขึ้น “ยามนี้ข้าสงสัยมากขึ้นเรื่อยๆ แล้วว่าเจ้าเป็นคนธรรมดาจากโลกมนุษย์จริงหรือไม่? เท่าที่ข้ารู้มา ในโลกมนุษย์ไม่มีบันทึกของยาวิญญาณเซียน แล้วเจ้ารู้สูตรยาได้อย่างไร?”“อีกอย่าง เจ้าคงไม่เคยหลอมยาวิญญาณเซียนมาก่อน แล้วเหตุใดจึงมั่นใจนักว่าจะสามารถหลอมยาได้สำเร็จ?”“หรือว่า ภายในร่างกายของเจ้ายังมีอีกดวงวิญญาณหนึ่งอาศัย
“ข้า…”อวี้ลู่ยกมือเล็กขึ้นเล็กน้อย แต่เมื่อคิดถึงการตบครั้งก่อนที่เกือบทำให้ตนต้องจบชีวิตไป ในที่สุดก็ยอมแพ้แล้วฉู่เฉินใช้วิธีเดิมที่ทำเมื่อกี้นี้ หลังจากทำซ้ำหลายครั้ง มังกรคำรามหดตัวลงจนเหลือขนาดแค่หนึ่งนิ้วจากนั้นฉู่เฉินก็เรียนรู้วิธีของอวี้ลู่เพื่อให้มังกรคำรามกลับมาเป็นเหมือนเดิมหลังจากผ่านไปหลายครั้ง ในที่สุดฉู่เฉินก็สามารถควบคุมได้อย่างอิสระแล้วอินซู่ซู่ที่อยู่ข้างๆ มองตาค้าง ที่แท้แล้วนายท่านก็เก่งขนาดนี้เลยเหรอ?“นาย... นายท่าน ฉันก็อยากได้ของวิเศษแบบนี้บ้างค่ะ”อินซู่ซู่อดไม่ได้ที่จะพูดออกไปฉู่เฉินยังไม่ทันจะพูดอะไร อวี้ลู่ก็หัวเราะเบาๆ แล้วกล่าวว่า “เจ้าเห็นเขาดูร่ำรวยถึงเพียงนั้นเลยหรือ? ทั้งตัวเขาก็มีแค่ของวิเศษระดับต่ำที่สุดเพียงชิ้นเดียว”ในฐานะที่เป็นสตรีศักดิ์สิทธิ์เหยาฉือ ของวิเศษระดับเหลืองนั้นไม่เข้าตาอวี้ลู่เลยแม้แต่น้อย ถ้าโยนลงไปบนพื้น อวี้ลู่ก็คร้านจะก้มลงไปเก็บฉู่เฉินเหลือบมองอวี้ลู่ ก่อนจะมุ่ยปากกล่าวว่า “ถ้าพี่รวยมากนัก ก็เอาของมาแบ่งให้ทุกคนบ้างสิ?”อวี้ลู่ขมวดคิ้ว มองฉู่เฉินอยู่นาน ก่อนจะเอ่ยถามด้วยความสงสัย “เจ้าฝึกวิชาของสำนักใดมา? คงไม่
ในห้องหลอมอาวุธของวิลล่าเฟิ่งหมิง ฉู่เฉินกำลังตั้งใจหลอมกระบี่วิญญาณชิงหลงเมื่อกระบี่วิญญาณชิงหลงถูกหลอมรวม ในที่สุดกระบี่เล่มนั้นในมือของฉู่เฉินก็พัฒนาไปเป็นของวิเศษระดับเหลือง“ตูม!”มังกรตัวเล็กหนึ่งตัวเลื้อยอยู่บนตัวกระบี่สีครามฉู่เฉินถ่ายพลังวิญญาณเข้าตัวกระบี่ ทันใดนั้นปราณมังกรเพลิงก็ระเบิดออกไปไกลถึงสิบเมตรไม่เพียงเท่านี้ ของวิเศษระดับเหลืองนี้ยังเชื่อมโยงกับจิตวิญญาณกับฉู่เฉิน ไม่ว่าจะเป็นคมกระบี่หรือการใช้ ล้วนคล่องแคล่วขึ้นกว่าเมื่อก่อนมากแม้แค่การฟันธรรมดาๆ เพียงครั้งเดียว ก็สามารถเพิ่มผลลัพธ์ได้มากกว่าสิบเท่าฉู่เฉินประเมินกระบี่ยาวในมือแล้วพยักหน้าอย่างพอใจ ก่อนจะเดินออกจากห้องหลอมอาวุธมายังพื้นที่โล่งกว้างหลังภูเขา จากนั้นฉู่เฉินจึงฟันกระบี่ออกไปอย่างรุนแรงตูม!ในพริบตาเดียวพื้นดินก็แยกออกเป็นร่องยาวขนาดยี่สิบกว่าเมตรและลึกลงไปมากกว่าหนึ่งเมตรและในขณะที่ฉู่เฉินฟันกระบี่นั้น ราวกับมีมังกรคำรามดังสะเทือนทั่วทุกทิศทาง“มังกรคำราม?”แม้แต่ฉู่เฉินก็ยังรู้สึกตกใจเล็กน้อย!สามารถกล่าวได้ว่าเมื่อกี้ฉู่เฉินใช้พลังเพียงหนึ่งส่วนเท่านั้น นึกไม่ถึงว่าจะได้ผลลัพธ์ท
กล่าวเสร็จหานอวี้ก็หันกายเดินไปทางหลังจวน เพิ่งจะถึงประตูก็หยุดฝีเท้าอย่างกะทันหัน แล้วหันกลับมากล่าวกับซ่งหนิงซวงว่า “ใช่แล้ว ศิษย์น้องเจ็ด ใบรับรองอะไรนั้นรีบส่งมาให้ฉันได้แล้ว ไม่อย่างนั้นการเข้า ๆ ออก ๆ จะสะดุดตาเกินไป”ซ่งหนิงซวงได้ยินแล้วก็ยิ้มยิงฟัน และเอาเล่มเล็ก ๆ สีฟ้าออกมายื่นให้หานอวี้พร้อมกล่าว “นี่เป็นใบรับรองแพทย์ส่วนตัวของฉัน รับไปสิ ศิษย์พี่ไม่เพียงเข้าออกจวนขุนพลได้อย่างสะดวก สถาบันทางการแพทย์ใหญ่ ๆ แต่ละแห่งก็สามารถเข้าออกได้อย่างอิสระเช่นกัน”“ไม่เลวเลยทีเดียว”หานอวี้รับเอกสารมา และกล่าวพร้อมโบกมือให้ซ่งหนิงซวง “เดินทางระวังด้วยล่ะ ฉันได้ยินว่าตอนนี้คนจากวังเทียนเจี้ยนก็อยู่ที่มณฑลเจียงเช่นกัน ไม่มีเรื่องได้ก็อย่ามีเรื่องจะดีที่สุด”กล่าวเสร็จหานอวี้ก็รีบเดินไปยังด้านในที่พักซ่งหนิงซวงมองแผ่นหลังของหานอวี้อย่างเนิ่นนานแล้วจึงกวักมือเรียกทหารหญิงคนหนึ่งมาและกล่าว “ให้หลิ่วชิงเหอรีบมาถึงและรอที่ห้องโถงรับรองจวนขุนพล บ่ายวันนี้ร่วมเดินทางกลับไปยังเจียงจงพร้อมกับฉัน”“รับทราบค่ะ!”ทหารหญิงขานรับแล้วรีบวิ่งออกไปจากจวนขุนพลซ่งหนิงซวงก็กลับเข้าห้องของตัวเอง เปลี