“เจ้าอย่าคิดว่าข้าจะช่วยเจ้าจำกัดสำนักอวี้ซือเลย!”อวี้ลู่หยิบทิชชูเปียกขึ้นมาเช็ดคราบน้ำมันที่ติดตรงมุมปาก เธอหายใจหอบหนักขณะที่แลบลิ้นน้อยๆ ออกมา เห็นได้ชัดว่ารู้สึกเผ็ดร้อนมากแต่แบบนั้นก็ไม่สามารถหยุดยั้งมือน้อยๆ ของเธอที่ไปหยิบบาร์บิคิวด้วยความรวดเร็วยิ่งเผ็ดยิ่งฟิน ยิ่งเผ็ดยิ่งอยากกินตอนนี้เธอตกอยู่ในกับดักของอร่อยที่คนส่วนใหญ่ไม่สามารถหนีได้ และเธอก็ไม่สามารถดึงตัวเองออกมาได้เช่นกัน“พี่สบายใจเถอะครับ ผมไม่มีทางให้พี่เข้าไปเกี่ยวข้องเด็ดขาด พี่ทำแค่มองดูความครึกครื้นจากข้างหลังผมก็พอ ไม่ว่าจะเป็นตระกูลหยาง หรือสำนักอวี้ซือ ผมสามารถจัดการได้ครับ”ฉู่เฉินพูดขึ้นมาด้วยเสียงหัวเราะหืม?อวี้ลู่ได้ยินประโยคนี้ เธอก็อึ้งไปเลย อมลูกชิ้นปลาเอาไว้ในปาก กะพริบตา ทันใดนั้นเธอก็เข้าใจความหมายของฉู่เฉินทันทีมีเธอระดับเทวะมากความสามารถแบบนี้คอยหนุนหลังฉู่เฉินไว้ ใครจะกล้าทำอะไรฉู่เฉินล่ะ?สำนักอวี้ซืองั้นเหรอ?หากพูดในสายตาของทุกคน แม้แต่ผู้บำเพ็ญเต๋าระดับทารกวิญญาณก็ยังไม่มี เมื่อถึงตอนนั้นสำนักอวี้ซือคงจะอยู่ในน้ำมือของเขาคนที่สามารถกำราบสำนักอวี้ซือได้นั่นก็คืออวี้ลู่ แต่ฉู
“นายท่านใหญ่ ไอ้เจ้าฉู่เฉินนี่ผมว่าไม่ใช่คนที่ตระกูลหยางของเราจะเข้าไปยุ่งด้วยได้ ผู้หญิงคนนั้นก่อนที่จะฆ่าผู้อาวุโสต่ง เธอยังประกาศว่าจะจำกัดสำนักอวี้ซือให้สิ้นซาก”หยางเทียนหมิงสีหน้าไร้หนทางมองไปยังหยางติ่งเทียนเมื่อถึงคราวที่ต้องต่อสู้กันระหว่างผู้บำเพ็ญเต๋า พวกเขาไม่สนใจเหตุผลใดๆ ทั้งสิ้น นอกจากนี้ ตระกูลหยางก็ไม่ได้ทำถูกต้องตั้งแต่แรกแล้วสมมุติฝ่ายตรงข้ามบุกเข้ามายังสำนักอวี้ซือ ผลลัพธ์คงไม่อาจคาดเดาแน่ๆ !หยางติ่งเทียนหรี่ตาลง สีหน้าดูวิตกกังวลเล็กน้อย “อย่าพึ่งกังวลไป ให้ฉันคิดก่อน”เมื่อพูดถึงตรงนี้ หยางติ่งเทียนเดินไปเดินมาในห้องโถง“นายท่านใหญ่ ตระกูลหยางของเราจะล่มสลายเพราะหยางเส้าหัวคนเดียวไม่ได้นะครับ!”หยางเทียนฉีที่ก่อนหน้าเอาแต่เรียกร้องให้ฉีกร่างฉู่เฉินออกเป็นชิ้นๆ แต่ตอนนี้กลับยอมแพ้กลัวหัวหดในเมื่อหยางเทียนฉีเป็นแค่สมาชิกคนอื่นๆ ในตระกูลหยางวันนี้แม้ว่าทายาทจะถูกสังหาร แต่ก็ไม่ได้มีผลกระทบมากมายกับตระกูลหยางในเมืองหลงเฉิงแต่ว่าหากไปยั่วยุคนที่ไม่ควรยั่วยุแล้ว ตระกูลหยางก็จะตกอยู่ในความอันตรายหยางเทียนเสียงลุกยืนพร้อมพูดขึ้นมาว่า “นายท่านใหญ่ ในฐานะล
ต้วนหลิงเวยสองพี่น้อง ก็ตามหลังของฉู่เฉินเดินออกไปที่ประตูใหญ่ด้วยกันในตอนที่ถึงหน้าประตูแล้ว ก็อึ้งเกือบทุกคนพวกเขาเห็นชายแก่หัวขาว พาหยางเทียนหลงและชายวัยกลางคนอีกคน และชายหนุ่มอีกยี่สิบกว่าคนคุกเข่าที่หน้าประตูบ้านใหญ่ตระกูลฉู่แม้แต่ฉู่เฉินก็มองไปที่ชายแก่หัวขาวด้วยความสงสัย “ท่านผู้เฒ่า ท่านกำลัง...”“ผมคือหยางติ่งเทียน ตั้งใจมาขอโทษและน้อมรับความผิดกับคุณฉู่ครับ!”ในระหว่างที่พูด หยางติ่งเทียนก็ใช้ไม้เท้าที่อยู่ในมือสะกิดหยางเทียนหลงที่อยู่ข้างๆหยางเทียนหลงก็รับคุกเข่าคลานไปข้างหน้าฉู่เฉิน “คุณฉู่ ขอโทษด้วยครับ ก่อนหน้านี้เป็นเพราะผมมีตาหามีแววไม่ ไม่รู้จักที่ต่ำที่สูง คุณฉู่ได้โปรดเมตรและปล่อยตระกูลหยางของผมด้วยเถอะครับ”พูดจบหยางเทียนหลงก็หมอบลงไปที่พื้น พร้อมทั้งโขกหัวไปที่พื้นเสียงดังลั่นฉู่เฉินใช้สายตามองหยางเทียนหลงและหยางติ่งเทียนทั้งสองคน ผ่านไปสักพักถึงจะหัวเราะอย่างเย็นชา “ทำไมเหรอครับ ส่งคนมาฆ่าผมแต่ไม่สำเร็จ แล้วยังจะอยากใช้ไม้อ่อนจัดการผมอีกเหรอครับ?”ประโยคนี้ออกไป หยางติ่งเทียนและคนอื่นๆ รีบส่ายมือ “ไม่กล้าหรอกครับ ผมไม่กล้าหรอกครับ”“คุณฉู่ ก่อนหน้าน
โดยเฉพาะผิวของเธอที่นุ่มลื่นเหมือนผ้าซาติน แม้ว่าจะเอื้อมมือไปสัมผัสแค่ครู่หนึ่ง ก็ทำเอาฉู่เฉินใจสั่นไปหมด“หลีกไป!”อวี้ลู่ปัดมือของฉู่เฉินออก พร้อมทั้งถลึงตาใส่ฉู่เฉินเจ้าหมอเด็กนี่นับวันยิ่งเหิมเกริมขึ้นทุกวัน กล้าฉวยโอกาสกับเธอหากไม่ใช่เพราะเห็นแก่ของกิน ไม่อย่างนั้นเธอคงสั่งสอนฉู่เฉินไปแล้วล่ะ!หึ!อวี้ลู่ส่งเสียงพึมพำ อวี้ลู่นำมือทั้งสองข้างไพล่ไว้ที่หลัง เดินเข้าไปในห้องเมื่ออวี้ลู่เดินออกไปไกลแล้ว หยางติ่งเทียนจึงเช็ดเหงื่อบนหน้าผาก เขาพูดขึ้นมาอย่างต่อเนื่องว่า “ตระกูลหยางของผมยินดีติดตามคุณฉู่ บุกน้ำลุยไฟไปจนกว่าชีวิตจะหาไม่ครับ!”“หากผิดคำสาบาน พวกเรายินดีให้สายฟ้าผ่าลงมา ให้ลูกศรธนูปักเข้ามายังที่กลางใจของพวกเรา!”หลังจากที่คำพูดของหยางติ่งเทียนจบลง คนอื่นๆ ก็ทำตามฉู่เฉินวาดยันต์ยื่นสัตย์สาบานกลางอากาศ พร้อมทั้งชี้ไปทางคนของตระกูลหยางตู้ม!ทันใดนั้นก็เหมือนมีพลังงานลึกลับบางอย่าง ทะลุเข้ามาภายในร่างกายของคนตระกูลหยางแม้แต่หยางเทียนหมิงที่อยู่ห่างไกลออกไปหลายร้อยไมล์ ก็สามารถสัมผัสถึงร่างกายของเขาถูกพลังงานบางอย่างผูกมัดไว้ “คุณอยู่ตรงนี้ก่อน ส่วนคนอื่นอ
เช้าวันที่สอง หลังจากที่ฉู่เฉินกินข้าวเช้าแล้ว เขาก็ขับรถมายังโรงพยาบาลประชาชนเมื่อถึงหน้าประตูก็ต่อสายหาหลี่จิงจิง เพื่อถามห้องผู้ป่วยของท่านเฉียว หลังจากนั้นเขาถึงเดินเข้ามาในโรงพยาบาลเดินมาถึงห้องพักผู้ป่วยพิเศษที่ชั้นบนสุด รอบๆ ไม่เพียงแต่ตำรวจของเจียงจงคอยเฝ้ายามเอาไว้ อีกทั้งยังมีชายฉกรรจ์ที่สวมหูฟังสื่อสารใส่ชุดสูทสีดำคอยเฝ้าเวรยามอยู่รอบๆ อีกด้วยฉู่เฉินขมวดคิ้วเล็กน้อยคนพวกนี้ไม่เหมือนบอดี้การ์ดธรรมดาทั่วไป บนร่างของพวกเขามีความอำมหิตและโหดร้ายแฝงอยู่กลิ่นอายนั้นเป็นกลิ่นที่คนธรรมดาทั่วไปไม่สามารถมีมันได้ แต่เป็นกลิ่นอายจากคนที่ผ่านศึกมามากมาย อีกทั้งมือยังเคยเปื้อนเลือดมาก่อนหรือจะพูดอีกอย่างหนึ่งว่า คนพวกนั้นคือนักรบ!“หยุดนะ!”ไม่รอช้าให้ฉู่เฉินได้เข้าใกล้ห้องผู้ป่วยของท่านเฉียว เขาก็ถูกชายในชุดสูทสองคนขวางทางเอาไว้“ฉันมาหาท่านเฉียว”ฉู่เฉินพูดขึ้นมาอย่างเรียบเฉย“แสดงบัตรประชาชนของคุณหน่อยครับ!”หนึ่งในนั้นพูดขึ้นมาด้วยใบหน้าไร้อารมณ์ฉู่เฉินหัวเราะเจื่อนๆ แล้วพูดขึ้นมาว่า “ขอโทษด้วยครับ ผมลืมไว้ที่บ้าน แต่ว่าพวกคุณลองไปแจ้งให้ผู้ว่าการเฉียวดูก็ได้นะครับ
“ก็ไม่มีอะไรหรอกครับ เพียงแต่ว่าท่านผู้เฒ่าท่านนี้เหลือเวลาอีกไม่มาก แต่สาเหตุที่ว่าทำไมถึงมีร่องรอยของการเสียชีวิต อันนี้ผมก็ยังไม่ค่อยแน่ใจครับ”ความหมายในคำพูดของฉู่เฉินชัดเจนเป็นอย่างมาก นั่นก็คือท่านหลงไม่ได้มีโรคภัยอะไร แต่จะตายโดยอุบัติเหตุ“บังอาจ!”ใครจะไปคิดว่าหลังจากที่ฉู่เฉินพูดจบ ชายหนุ่มที่ยืนอยู่ด้านขวาของท่านหลงก็ยืนขึ้นมา ถลึงตาดุร้ายราวกับเสือ พร้อมทั้งเดินมาข้างหน้าอย่าดุร้าย!รอบๆ ตัวของเขามีกลิ่นอายของผู้ฝึกปราณชั้นหกคละคลุ้งออกมา!แม้แต่เฉียวเทียนฉี่ที่เป็นบุคคลสูงส่งขนาดนี้ก็ยังรับไม่ไหวกับความน่าเกรงขามของเขาไม่ได้ ถึงกลับต้องถอยไปข้างหลังท่านหลงกลับยิ้มไม่พูดอะไรมองไปที่ฉู่เฉินเมื่อเห็นฉู่เฉินไม่ได้มีความหวาดกลัวแม้แต่อย่างไร ยังคงดื่มชาเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น แม้แต่ท่านหลงเองก็ยังอดไม่ได้ที่จะพยักหน้าเล็กน้อย และเขาก็ชื่นชมในตัวฉู่เฉินมากยิ่งขึ้นอีกด้วยหนักแน่นดั่งเขาไท่ซาน!เด็กหนุ่มแบบนี้ตอนนี้มีไม่มากเท่าไหร่แล้ว“ที่ผมพูดล้วนแต่เป็นความจริง ดังนั้นนายท่านใหญ่ช่วงนี้ให้ระวังตัวเป็นพิเศษหน่อยนะครับ หลีกเลี่ยงเผื่อจะเกิดอุบัติเหตุขึ้นจริงๆ เมื่อถ
ถังจิ้งจือกวาดมองฉู่เฉินอย่างดูถูก เขายิ้มเยาะ “เสียแรงที่เป็นถึงแพทย์แผนจีน ไม่รู้จักแม้กระทั่งฉันได้ยังไง ถังจิ้งจือ หนึ่งในแพทย์จีนหัตถ์เทวดาระดับประเทศ เคยได้ยินหรือเปล่า”ถังจิ้งจือใบหน้าหยิ่งทะนง เขาเม้มปาก ยื่นมือออกไปหมายจะคว้ายาบำรุงปราณในมือของท่านเฉียวเขาเป็นแพทย์ประจำตัวของท่านหลง เดิมทีที่เขาติดตามท่านหลงมาในครั้งนี้ เพียงเพื่อมาเยี่ยมเยือนท่านเฉียวเท่านั้นแต่ทว่า ตั้งแต่สองผู้อาวุโสพบหน้ากัน นายท่านใหญ่เฉียวกลับเอ่ยชมความสามารถด้านการแพทย์ของฉู่เฉินไม่ขาดปากแม้แต่เฉียวเทียนฉี่ยังเรียกฉู่เฉินว่าหมอเทวดาฉู่ทุกคำ นี่ทำให้ถังจิ้งจือที่เป็นหมอรู้สึกเสียหน้าอย่างมากเขาเป็นถึงหมอหัตถ์เทวดาระดับประเทศเชียวนะ แม้จะไร้หนทางรักษาอาการป่วยของนายท่านใหญ่เฉียวก็แล้วไปตอนนี้นายท่านใหญ่ดีขึ้นมากแล้ว แต่เขากลับไม่สามารถจัดการกับปัญหาที่เหลือได้ นี่ไม่เท่ากับโดนตบหน้าตรงๆ เหรอเป็นถึงหมอหัตถ์เทวดาระดับประเทศ หมอประจำตัวของท่านหลง แต่กลับพ่ายแพ้เรื่องความสามารถด้านการแพทย์ให้กับเด็กรุ่นหลังคนหนึ่ง ถังจิ้งจือมีหรือจะยอมจบง่ายๆ?เขาข่มกลั้นความโกรธไว้เต็มอกก่อนที่ฉู่เฉินจะมาอยู่แ
เพียะ!ถังจิ้งจือยังพูดไม่ทันจบ ฉู่เฉินสะบัดฝ่ามือใส่หน้าเขาอย่างแรง ถังจิ้งจือถูกตบจนตัวหมุน แว่นตาบนหน้ากระเด็นออกไปไกลสามเมตร ตกกระแทกพื้นแตกเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย“ใครมอบความกล้าให้คุณ ถึงได้กล้าพูดจาหยาบคายต่อหน้าผม!”พูดจบ ฉู่เฉินลุกขึ้นและหันไปพูดกับท่านเฉียวว่า “ท่านเฉียว กินยาบำรุงปราณแล้วผมจะใช้วิชาฝังเข็มกระตุ้นให้ฤทธิ์ยากระจายไปทั่วร่างกายของคุณเอง”ท่านเฉียวเหลือบมองท่านหลงที่สีหน้าดำทะมึนแวบหนึ่ง แต่ก็ยังทำตามที่ฉู่เฉินบอกท่านเฉียวเพิ่งจะกินยาบำรุงปราณ ฉู่เฉินยกมือขึ้นพร้อมกับเข็มเงินสามเล่มที่ลอยอยู่กลางอากาศ ส่งเสียงดังหึ่งๆ เป็นระยะภาพเหตุการณ์นี้ทำให้แม้แต่ท่านหลงก็ยังต้องลุกขึ้นยืนด้วยความตกตะลึง มองฉู่เฉินและอุทานด้วยความตื่นตาตื่นใจว่า “นะ… นี่มันวิชาฝังเข็มเสวียนเทียนคืนวิญญาณ?!”บอกตามตรง ทั้งชีวิตท่านหลงเคยเห็นแค่ครั้งเดียวนั่นก็คือตอนที่นักพรตพเนจรท่านหนึ่งใช้วิชานี้เพื่อรักษาท่านอาจารย์ที่หอคอยเทียนจื่อในเมืองหลวงตอนนั้น นักพรตพเนจรคนนั้นพูดเองกับปาก บนโลกนี้นอกจากเขาก็ไม่มีใครสามารถใช้วิชาลึกลับนี้ได้อีกพริบตาเดียวก็ผ่านไปแล้วหลายสิบปี แพทย์ชื่อด
ในขณะที่คนในตระกูลหลินกำลังหัวเราะเยาะอยู่ในใจ ก็อดไม่ได้ที่จะถอนหายใจ คนแซ่ฉู่คนนี้ช่างมีดวงผู้หญิงของผู้หญิงจริงๆ“ผมเอง มีอะไรเหรอครับ?”ฉู่เฉินเหลือบมองหลินฮ่าวและคนอื่นๆ แล้วพยักหน้าเล็กน้อย“เหอะๆ มีอะไรงั้นเหรอ?”หลินฮ่าวหัวเราะอย่างเย็นชาและกล่าวว่า “ฉู่เฉิน แกคงไม่รู้ตัวว่าใกล้ถึงวาระสุดท้ายของแกแล้วสินะ?”ฉู่เฉินขมวดคิ้ว มองสำรวจหลินฮ่าวและคนอื่นๆ พร้อมกับสงสัยว่า “ใกล้ถึงวาระสุดท้าย? ดูเหมือนว่าเราจะไม่เคยมีเรื่องบาดหมางกันนะครับ?”ขณะกล่าว ฉู่เฉินและหลิงเสวี่ยต่างก็มองไปที่สมาชิกตระกูลหลินด้วยความระแวดระวังแม้ว่าคนเหล่านี้จะอยู่ในระดับสร้างรากฐานขั้นหกเท่านั้น แต่ฉู่เฉินกลับรู้สึกได้อย่างชัดเจนว่ายอดฝีมือจำนวนมากกำลังมุ่งหน้ามาทางนี้เมื่อหลินฮ่าวได้ยินเช่นนี้ ก็แค่นเสียงเย็นและกล่าวว่า “คนแซ่ฉู่ แกจะแสร้งทำเป็นไม่รู้เรื่องไปทำไม เจ้าสำนักให้เวลาแกสามวันเพื่อไปรับโทษตายที่สำนักชิงอวิ๋น แกคิดว่าแกซ่อนตัวอยู่ในโลกแห่งการหยั่งรู้แล้วจะไม่มีใครหาแกเจองั้นเหรอ?”“ฉันแนะนำให้แกส่งหยกโลหิตกิเลนมาจะดีที่สุด แล้วทิ้งผู้หญิงข้างๆ แกไว้ ไม่งั้นฉันจะฆ่าแกให้ตายอย่างไม่เหลือซาก
ในความเป็นจริงทั้งเมืองชิงหลง แทบจะอยู่ภายใต้อิทธิพลของสำนักชิงอวิ๋นตระกูลจ้าวและตระกูลสวี่ก็ล้วนเป็นศิษย์ของสำนักชิงอวิ๋นเช่นกันถ้าตระกูลหลินเป็นฝ่ายเริ่มเสนอการสังหารฉู่เฉินพื่อแย่งชิงสมบัติ จากนั้นนำหยกโลหิตกิเลนไปมอบให้กับธรรมมาจารย์สำนักชิงอวิ๋น ดูเหมือนว่าตระกูลหลินของพวกเขาก็คงจะได้ความดีความชอบเป็นอันดับแรกสิ่งที่สำคัญที่สุดก็คือจ้าวเต๋อฉวนเป็นทายาทรุ่นที่สองของตระกูลจ้าวและยังเป็นเจ้าสำนักชิงอวิ๋นอีกด้วยถ้าใจร้อนอยากได้ความดีความชอบโดยปกปิดตระกูลจ้าว ทันทีที่เป็นศัตรูกับตระกูลจ้าว ก็ยากที่จะรับประกันได้ว่าในอนาคตจะไม่ถูกจ้าวเต๋อฉวนกีดกันดังนั้น ข้อเสนอของหลินฮ่าวจึงได้รับการเห็นชอบอย่างเป็นเอกฉันท์จากบรรดาผู้เฒ่าตระกูลหลินอย่างรวดเร็วในไม่ช้า ตระกูลหลินก็เริ่มดำเนินการ โดยส่งยอดฝีมือจำนวนมากติดตามหลินฮ่าวไปดักรอฉู่เฉินนอกเมืองชิงหลงอีกด้านหนึ่ง ยังได้ส่งลูกหลานตระกูลหลินไปจำนวนไม่น้อยไปแจ้งตระกูลจ้าวและตระกูลสวี่แค่ยอดฝีมือระดับสร้างรากฐานขั้นที่หกของตระกูลหลิน ก็มีมากถึงสิบกว่าคนแล้วเมื่อรวมกับตระกูลจ้าวและตระกูลสวี่ ภายใต้การร่วมมือของสามตระกูล ไม่ต้องพูดถึง
แม้ว่าจะไม่มีตึกสูง แต่ที่นี่ก็มีสินค้าอุปโภคบริโภคสมัยใหม่บางชนิดจำหน่ายด้วยเหมือนกันหลังจากฟังคำแนะนำของหลิงเสวี่ย ฉู่เฉินก็พยักหน้าและกล่าวว่า “ได้ งั้นไปที่เมืองชิงหลงกันก่อน”อันที่จริง ในด้านหนึ่งฉู่เฉินต้องการเรียนรู้เกี่ยวกับโลกแห่งการหยั่งรู้ และในอีกด้านหนึ่งก็ต้องการค้นหาวัตถุดิบยาในเมืองชิงหลงด้วยอย่างไรก็ตาม ตอนนี้เจ้าทึ่มก็ถึงคอขวดแล้ว และจำเป็นต้องคิดหาวิธีที่จะเปลี่ยนเขาให้กลายเป็นผีดิบเหินฟ้าโดยเร็วที่สุดไม่อย่างนั้น ฉู่เฉินก็คงจะขาดคู่ซ้อมที่แข็งแกร่งไปคนหนึ่งไม่ใช่เหรอ“คุณจะไปเมืองชิงหลงจริงๆ เหรอ? คุณควรรู้ไว้ว่าตอนนี้คุณในโลกแห่งการหยั่งรู้ก็เหมือนกับเป็นสมบัติที่มีชีวิต ไม่รู้ว่ามีคนจำนวนเท่าไหร่ที่กำลังเล็งคุณอยู่”หลิงเสวี่ยกล่าวพลางขมวดคิ้วแน่นไม่ใช่ว่าเธอเป็นห่วงฉู่เฉินมากขนาดนั้น แต่ถ้าฉู่เฉินตกอยู่ในอันตราย เธอก็จะพลอยเดือดร้อนไปด้วย“เมื่อวานเกิดเรื่องใหญ่ขนาดนั้น ยังมีใครกล้าคิดร้ายกับผมอีกงั้นเหรอ?”ฉู่เฉินถามด้วยความสงสัยชิ!หลิงเสวี่ยกลอกตามองฉู่เฉินและกล่าวด้วยสีหน้าจนใจ “คุณคิดว่าเหตุการณ์เมื่อวานนี้จะสร้างความฮือฮาได้มากขนาดไหน แม้ว่า
เมื่อได้ยินคำพูดนี้ ปรมาจารย์ว่านเจี้ยนอดหน้ามืดไม่ได้ แทบจะเป็นลมคาที่นี่ไม่อาจใช้คำว่ามากเกินไปมาบรรยายฉู่เฉินได้แล้ว ปรมาจารย์ฝืนข่มกลั้นโทสะในใจ เอ่ยด้วยรอยยิ้มฝืน ๆ ว่า “คุณฉู่ คุณไม่คิดว่าข้อเรียกร้องของคุณมันมากเกินไปเลยหรือไง?”“ฆ่าคนก็แค่เอาหัวโขกพื้น คะ...คุณเห็นวังเทียนเจี้ยนของผมรังแกง่ายจริง ๆ เหรอ?” ฉู่เฉินหัวเราะหยัน กวาดตามองปรมารจารย์ว่านเจี้ยนแวบหนึ่งแล้วพูดว่า “รังแกคุณแล้วยังไง? เอาของตามใบรายการนี้มา แล้วผมจะหันกายจากไปโดยไม่พูดอะไรเลย”“ถ้าคุณกล้าพูดคำว่าไม่สักคำละก็ ผมก็มีวิธีทำให้วังเทียนเจี้ยนของคุณหายวับไปกับตา” ข่มขู่ ข่มขู่กันอย่างโจ่งแจ้ง“ไอ้คนแซ่ฉู่ แกเหิมเกริมไปแล้ว...” ไม่รอให้ศิษย์ของวังเทียนเจี้ยนที่อยู่ในห้องโถงใหญ่เอ่ยปาก ปรมารจารย์ว่านเจี้ยนก็รีบยกมือห้ามเอ่ยว่า “หุบปากให้หมด!” หลังจากผ่านเหตุการณ์ทุกอย่างที่เกิดขึ้นเมื่อวาน เวลานี้ปรมารจารย์ว่านเจี้ยรไม่สงสัยความสามารถของฉู่เฉินเลยสักนิดเดียวอย่างแย่ที่สุด ฉู่เฉินก็สามารถลากวังเทียนเจี้ยนให้ตายตกตามกันได้ต้องรีบไล่ตัวซวยคนนี้ออกไปโดยเร็วที่สุดถุงจะถูกเมื่อคิดได้ดังนั้น ปรมาจ
ไม่อย่างนั้น เธอก็คงไม่มีทางกระโดดจากสาวใช้ธรรมดา ๆ กลายเป็นสุดยอดฝีมือระดับสร้างรากฐานชั้นแปดภายในระยะเวลาห้าปีสั้น ๆ หรอก แต่ว่าฉู่เฉินรู้เรื่องพวกนี้ได้อย่างไร?เมื่อเห็นหลิงเสวี่ยตะลึงจนพูดไม่ออก ฉู่เฉินก็แหงนหน้าหัวเราะเสียงดังแล้วพูดว่า “ดูท่าจะตรงตามที่ผมเดาไว้จริง ๆ ปรมาจารย์คนดีของคุณอยากเลี้ยงคุณจนสมบูรณ์แล้วค่อยดูดกลืนคุณจนแห้งไงละ” เมื่อหลิงเสวี่ยได้ยินคำพูดนี้ พลันร้อนใจขึ้น ถลึงตามองฉู่เฉินอย่างเย็นชาและกล่าว “ฉู่เฉิน ห้ามคุณพูดจาเหลวไหลนะ”ถึงแม้ว่าปรมาจารย์ว่านเจี้ยนจะเห็นเธอเป็นของชิ้นหนึ่ง มอบเธอให้ฉู่เฉิน แต่ว่าสำนักเคยมีบุญคุณกับเธอจริง ๆ“พูดจาเหลวไหล? กลัวว่าคุณโดนคนอื่นขายแล้ว ยังช่วยเขานับเงินด้วยละมั้ง?”ฉู่เฉินหัวเราะหยัน จากนั้นก็อธิบายวิชาบำเพ็ญคู่ให้ฟังสั้น ๆ และบอกเรื่องคุณสมบัติร่างกายพิเศษอย่างร่างธาตุสวรรค์บริสุทธิ์ว่ามีประโยชน์มากเท่าไหร่ต่อผู้ฝึกวิชาบำเพ็ญคู่ให้ฟังตามความเป็นจริง หลังจากฟังคำพูดนี้ของฉู่เฉินจบก็ทำลายสามมุมมองของหลิงเสวี่ยอย่างแท้จริง “เป็นไปไม่ได้ ต้องไม่ใช่ความจริงแน่นอน ท่านปรมาจารย์มักจะสอนพวกเราว่าผู้บำเพ็ญเพียนต้องทำ
ถึงแม้ว่าในใจของปรมาจารย์ว่านเจี้ยนจะไม่เต็มใจอย่างยิ่ง แต่ก็ทำได้เพียงปล่อยให้ฉู่เฉินจูงมือหลิงเสวี่ยเดินเข้าไปในเรือนเจ้าสำนักที่เขาอาศัยอยู่ ในตอนที่ฉู่เฉินปิดประตูห้องจนสนิท พวกศิษย์ของวังเทียนเจี้ยนต่างก็เผยสีหน้าเจ็บปวดและไม่ยินยอมออกมาจบแล้ว!เทพธิดาในใจของพวกเขา น้องศิษย์เล็กที่พวกเขาเฝ้าปรารถนา โดนไอ้เดรัจฉานฉู่เฉินย่ำยีแบบนี้แล้วเมื่อผลักประตูเดินเข้าไปในห้องนอนด้านใน ฉู่เฉินก็อดตื่นตาตื่นใจไม่ได้ไอ้แก่ตายยากอย่างปรมาจารย์ว่านเจี้ยนคนนี้เสพสุขเก่งจริง ๆ บนเตียงหยกน้ำแข็งมีอุปกรณ์ของเล่นต่าง ๆ ครบครัน นอกจากนี้ยังมีหมอนรองเอวโดยเฉพาะอีกด้วยไอ้เชี่ยนี่ เฒ่าหัวงูถึงจะเป็นคนตัณหากลับ จริง ๆ เมื่อเห็นเฟอร์นิเจอร์ในห้องปรมาจารย์ว่านเจี้ยน หลิงเสวี่ยก็อดขมวดคิ้วไม่ได้พลางกล่าวว่า “ทำไมในห้องของปรมาจารย์ถึงจะมีหมอนสองใบล่ะ อีกอย่าง ทำไมหมอนใบนี้ดูไปแล้ว ไม่ค่อยเหมือนเลย?” หลิงเสวี่ยพูดพลางเอื้อมมือจะไปหยิบหมอนรองเอวใบนั้นขึ้นมา แต่โดนฉู่เฉินขวางไว้ทันที“อีกเดี๋ยวคุณก็จะรู้เองว่าหมอนใบนี้เอาไว้ใช้ทำอะไร เข้ามาสิ”ระหว่างที่พูด ฉู่เฉินก็ดึงหลิงเสวี่ยให้นั่งลงข้างเตียง
เมื่อได้ยินคำพูดนี้ พวกว่านโซ่วเซียนเวิงก็ถอนหายใจติดต่อกันด้วยสีหน้าเสียดายในตอนนี้เอง แผ่นกระดาษสีขาวที่เขียนตำรับยาสร้างกล้ามเนื้อพลันลอยมาจากในวังเทียนเจี้ยน“ผู้อาวุโสทั้งหลาย ขอบคุณครับ”วินาทีต่อมา เสียงของฉู่เฉินดังออกมาจากห้องโถงใหญ่ของวังเทียนเจี้ยนพวกว่านโซ่วเซียนเวิงรับสูตรยาที่ฉู่เฉินส่งมา ก่อนจะมองไปทางตำหนักหลักของวังเทียนเจี้ยนอย่างลึกซึ้งแวบหนึ่ง“พวกเราไปกันเถอะ”ว่านโซ่วเซียนเวิงคัดลอกสูตรยาไว้หนึ่งชุด แล้วก็พาลูกศิษย์แห่งสำนักว่านเซียนหันกายเดินจากไป“เหอะ ๆ... ไอ้หนูมีน้ำใจแล้ว ถือว่าฉันติดหนี้บุญคุณเธอแล้ว ไว้พบกันใหม่”ผู้เฒ่าเทียนเสวียนก็คว้าสูตรยามาเช่นกันก่อนจะคัดลอกทันที จากนั้นเขาก็หันกายพาหลินเจี้ยนเฟิงลอยจากไปไม่นานนัก ผู้คนที่มามุงดูความคึกคักรอบนอกวังเทียนเจี้ยนก็ทยอยกันแยกย้ายไปหมดฉู่เฉินมองปรมาจารย์ว่านเจี้ยนที่หน้าแดงก่ำดูอับอายอย่างยิ่งยวด ก่อนจะหัวเราะหยันแล้วพูดว่า “เมื่อกี้คุณบอกว่าใครใกล้ตายนะ?”ปรมาจารย์ว่านเจี้ยนมองฉู่เฉินพลางกัดฟันกรอด แม้ว่าตอนนี้ภัยคุกคามของวังเทียนเจี้ยนจะถูกขจัดไปแล้ว แต่ไม่ว่าอย่างไรเขาก็ไม่กล้าแตะต้องฉู่เฉ
เวลานี้เอง ทุกคนในเหตุการณ์ตกใจจนเหงื่อแตกพลั่ก ไม่มีใครคาดคิดว่าลู่ชิงเฟิงจะโกรธจริง ๆนอกจากนี้ ประตูใหญ่ของวังเทียนเจี้ยนโดนทำลาย วันหน้าสถานะของวังเทียนเจี้ยนในหมู่สำนักรอบนอกภูเขาหลางจวีซวีย่อมลดลงไปอีกขั้นอย่างแน่นอแม้ว่าปรมาจารย์ว่านเจี้ยนในตอนนี้จะร้องทุกข์มิรู้วาย แต่ก็ไม่กล้าแสดงสีหน้าไม่พอใจเลยสักนิดเดียวเวลานี้จื่อเยว่ที่อยู่ท่ามกลางฝูงชนก็ต้องชื่นชมความโชคดีของฉู่เฉินเช่นกันถึงแม้ความสามารถของเขาจะไม่ค่อยดีเท่าไหร่ แต่อาศัยสติปัญญาและแผนการเรียกยอดคนอย่างลู่ชิงเฟิงออกมายืนอยู่ฝ่ายเขาได้นับว่าผ่านด่านยากตรงหน้าได้ชั่วคราวแล้วจริง ๆ “ศิษย์พี่หญิง ฉู่เฉินคงไม่ได้มีความเกี่ยวข้องอะไรกับลู่ชิงเฟิงใช่ไหม?”หลิงรั่วกลืนน้ำลายอย่างยากลำบาก ก่อนจะเอ่ยถามเสียงเบา“เกี่ยวข้องกับลู่ชิงเฟิง? ไม่มีทางหรอก!”จื่อเยว่หัวเราะหยันพลางส่ายศีรษะลู่ชิงเฟิงนั้นเป็นบุคคลอันดับหนึ่งของวังเต๋าคุนหลุน ถึงแม้จะไม่ใช่เจ้าสำนัก แต่ในวังเต๋าคุนหลุน นอกจากผู้เฒ่าผู้แก่ที่ปลีกวิเวกไม่ออกมาเหล่านั้นแล้ว เขาก็เป็นตัวแทนพลังรบสูงสุดเลยก็ว่าได้แม้ว่าฉู่เฉินเพียงแค่รู้จักลู่ชิงเฟิงเท่านั้น แ
มันอยู่เหนือระดับที่พวกเขาสามารถประมาณค่าได้ไปแล้ว!นักพรตแห่งน้ำไฟผู้แข็งแกร่งไร้เทียมทานเมื่อกี้ ตอนนี้ก็เหงื่อเย็นแตกพลั่ก ไม่กล้าแม้แต่จะปฏิเสธแม้แต่คำเดียวเมื่อเห็นฉากนี้ สีหน้าของปรมาจารย์ว่านเจี้ยนก็เปลี่ยนไปทันที มองสำรวจฉู่เฉินด้วยรอยยิ้มเยาะและกล่าวว่า “เจ้าหนู ดูเหมือนว่าการคำนวณของมนุษย์จะสู้การคำนวณของสวรรค์ไม่ได้จริงๆ คุณคงไม่เคยคิดถึงเรื่องนี้เลยใช่ไหมล่ะ”“ยังกล้าให้ฉันมอบศิษย์ไปอุ่นเตียงให้แกอีกเหรอ? หึ!”เมื่อกล่าวถึงตรงนี้ ปรมาจารย์ว่านเจี้ยนก็แค่นเสียงเย็นและกล่าวว่า “ฉันแนะนำให้แกรีบส่งหยกโลหิตกิเลนมา แล้วฆ่าตัวตายรชดใช้ความผิดต่อหน้าฉันซะ ไม่งั้น...”เมื่อกล่าวถึงตรงนี้ ในดวงตาของปรมาจารย์ว่านเจี้ยนก็ระเบิดรังสีอำมหิตออกมาสองสายสถานการณ์พลิกผันเร็วเกินไป จนกระทั่งหลิงเสวี่ยยังไม่ได้สติ แต่ปรมาจารย์ว่านเจี้ยนไม่เปลี่ยนสีหน้าเร็วเกินไปหน่อยเหรอ?ฉู่เฉินหรี่ตาลงและกล่าวด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า “คุณแน่ใจเหรอ?”“หึ เจ้าหนู ใกล้ตายแล้ว อย่าดิ้นรนไปให้เปลืองแรงเลย!”ขณะกล่าว ปรมาจารย์ว่านเจี้ยนก็ชักกระบี่ออกมาทันที กลิ่นอายอันน่าสะพรึงกลัวของผู้แข็งแกร่งระดับควบแ