โดยเฉพาะผิวของเธอที่นุ่มลื่นเหมือนผ้าซาติน แม้ว่าจะเอื้อมมือไปสัมผัสแค่ครู่หนึ่ง ก็ทำเอาฉู่เฉินใจสั่นไปหมด“หลีกไป!”อวี้ลู่ปัดมือของฉู่เฉินออก พร้อมทั้งถลึงตาใส่ฉู่เฉินเจ้าหมอเด็กนี่นับวันยิ่งเหิมเกริมขึ้นทุกวัน กล้าฉวยโอกาสกับเธอหากไม่ใช่เพราะเห็นแก่ของกิน ไม่อย่างนั้นเธอคงสั่งสอนฉู่เฉินไปแล้วล่ะ!หึ!อวี้ลู่ส่งเสียงพึมพำ อวี้ลู่นำมือทั้งสองข้างไพล่ไว้ที่หลัง เดินเข้าไปในห้องเมื่ออวี้ลู่เดินออกไปไกลแล้ว หยางติ่งเทียนจึงเช็ดเหงื่อบนหน้าผาก เขาพูดขึ้นมาอย่างต่อเนื่องว่า “ตระกูลหยางของผมยินดีติดตามคุณฉู่ บุกน้ำลุยไฟไปจนกว่าชีวิตจะหาไม่ครับ!”“หากผิดคำสาบาน พวกเรายินดีให้สายฟ้าผ่าลงมา ให้ลูกศรธนูปักเข้ามายังที่กลางใจของพวกเรา!”หลังจากที่คำพูดของหยางติ่งเทียนจบลง คนอื่นๆ ก็ทำตามฉู่เฉินวาดยันต์ยื่นสัตย์สาบานกลางอากาศ พร้อมทั้งชี้ไปทางคนของตระกูลหยางตู้ม!ทันใดนั้นก็เหมือนมีพลังงานลึกลับบางอย่าง ทะลุเข้ามาภายในร่างกายของคนตระกูลหยางแม้แต่หยางเทียนหมิงที่อยู่ห่างไกลออกไปหลายร้อยไมล์ ก็สามารถสัมผัสถึงร่างกายของเขาถูกพลังงานบางอย่างผูกมัดไว้ “คุณอยู่ตรงนี้ก่อน ส่วนคนอื่นอ
เช้าวันที่สอง หลังจากที่ฉู่เฉินกินข้าวเช้าแล้ว เขาก็ขับรถมายังโรงพยาบาลประชาชนเมื่อถึงหน้าประตูก็ต่อสายหาหลี่จิงจิง เพื่อถามห้องผู้ป่วยของท่านเฉียว หลังจากนั้นเขาถึงเดินเข้ามาในโรงพยาบาลเดินมาถึงห้องพักผู้ป่วยพิเศษที่ชั้นบนสุด รอบๆ ไม่เพียงแต่ตำรวจของเจียงจงคอยเฝ้ายามเอาไว้ อีกทั้งยังมีชายฉกรรจ์ที่สวมหูฟังสื่อสารใส่ชุดสูทสีดำคอยเฝ้าเวรยามอยู่รอบๆ อีกด้วยฉู่เฉินขมวดคิ้วเล็กน้อยคนพวกนี้ไม่เหมือนบอดี้การ์ดธรรมดาทั่วไป บนร่างของพวกเขามีความอำมหิตและโหดร้ายแฝงอยู่กลิ่นอายนั้นเป็นกลิ่นที่คนธรรมดาทั่วไปไม่สามารถมีมันได้ แต่เป็นกลิ่นอายจากคนที่ผ่านศึกมามากมาย อีกทั้งมือยังเคยเปื้อนเลือดมาก่อนหรือจะพูดอีกอย่างหนึ่งว่า คนพวกนั้นคือนักรบ!“หยุดนะ!”ไม่รอช้าให้ฉู่เฉินได้เข้าใกล้ห้องผู้ป่วยของท่านเฉียว เขาก็ถูกชายในชุดสูทสองคนขวางทางเอาไว้“ฉันมาหาท่านเฉียว”ฉู่เฉินพูดขึ้นมาอย่างเรียบเฉย“แสดงบัตรประชาชนของคุณหน่อยครับ!”หนึ่งในนั้นพูดขึ้นมาด้วยใบหน้าไร้อารมณ์ฉู่เฉินหัวเราะเจื่อนๆ แล้วพูดขึ้นมาว่า “ขอโทษด้วยครับ ผมลืมไว้ที่บ้าน แต่ว่าพวกคุณลองไปแจ้งให้ผู้ว่าการเฉียวดูก็ได้นะครับ
“ก็ไม่มีอะไรหรอกครับ เพียงแต่ว่าท่านผู้เฒ่าท่านนี้เหลือเวลาอีกไม่มาก แต่สาเหตุที่ว่าทำไมถึงมีร่องรอยของการเสียชีวิต อันนี้ผมก็ยังไม่ค่อยแน่ใจครับ”ความหมายในคำพูดของฉู่เฉินชัดเจนเป็นอย่างมาก นั่นก็คือท่านหลงไม่ได้มีโรคภัยอะไร แต่จะตายโดยอุบัติเหตุ“บังอาจ!”ใครจะไปคิดว่าหลังจากที่ฉู่เฉินพูดจบ ชายหนุ่มที่ยืนอยู่ด้านขวาของท่านหลงก็ยืนขึ้นมา ถลึงตาดุร้ายราวกับเสือ พร้อมทั้งเดินมาข้างหน้าอย่าดุร้าย!รอบๆ ตัวของเขามีกลิ่นอายของผู้ฝึกปราณชั้นหกคละคลุ้งออกมา!แม้แต่เฉียวเทียนฉี่ที่เป็นบุคคลสูงส่งขนาดนี้ก็ยังรับไม่ไหวกับความน่าเกรงขามของเขาไม่ได้ ถึงกลับต้องถอยไปข้างหลังท่านหลงกลับยิ้มไม่พูดอะไรมองไปที่ฉู่เฉินเมื่อเห็นฉู่เฉินไม่ได้มีความหวาดกลัวแม้แต่อย่างไร ยังคงดื่มชาเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น แม้แต่ท่านหลงเองก็ยังอดไม่ได้ที่จะพยักหน้าเล็กน้อย และเขาก็ชื่นชมในตัวฉู่เฉินมากยิ่งขึ้นอีกด้วยหนักแน่นดั่งเขาไท่ซาน!เด็กหนุ่มแบบนี้ตอนนี้มีไม่มากเท่าไหร่แล้ว“ที่ผมพูดล้วนแต่เป็นความจริง ดังนั้นนายท่านใหญ่ช่วงนี้ให้ระวังตัวเป็นพิเศษหน่อยนะครับ หลีกเลี่ยงเผื่อจะเกิดอุบัติเหตุขึ้นจริงๆ เมื่อถ
ถังจิ้งจือกวาดมองฉู่เฉินอย่างดูถูก เขายิ้มเยาะ “เสียแรงที่เป็นถึงแพทย์แผนจีน ไม่รู้จักแม้กระทั่งฉันได้ยังไง ถังจิ้งจือ หนึ่งในแพทย์จีนหัตถ์เทวดาระดับประเทศ เคยได้ยินหรือเปล่า”ถังจิ้งจือใบหน้าหยิ่งทะนง เขาเม้มปาก ยื่นมือออกไปหมายจะคว้ายาบำรุงปราณในมือของท่านเฉียวเขาเป็นแพทย์ประจำตัวของท่านหลง เดิมทีที่เขาติดตามท่านหลงมาในครั้งนี้ เพียงเพื่อมาเยี่ยมเยือนท่านเฉียวเท่านั้นแต่ทว่า ตั้งแต่สองผู้อาวุโสพบหน้ากัน นายท่านใหญ่เฉียวกลับเอ่ยชมความสามารถด้านการแพทย์ของฉู่เฉินไม่ขาดปากแม้แต่เฉียวเทียนฉี่ยังเรียกฉู่เฉินว่าหมอเทวดาฉู่ทุกคำ นี่ทำให้ถังจิ้งจือที่เป็นหมอรู้สึกเสียหน้าอย่างมากเขาเป็นถึงหมอหัตถ์เทวดาระดับประเทศเชียวนะ แม้จะไร้หนทางรักษาอาการป่วยของนายท่านใหญ่เฉียวก็แล้วไปตอนนี้นายท่านใหญ่ดีขึ้นมากแล้ว แต่เขากลับไม่สามารถจัดการกับปัญหาที่เหลือได้ นี่ไม่เท่ากับโดนตบหน้าตรงๆ เหรอเป็นถึงหมอหัตถ์เทวดาระดับประเทศ หมอประจำตัวของท่านหลง แต่กลับพ่ายแพ้เรื่องความสามารถด้านการแพทย์ให้กับเด็กรุ่นหลังคนหนึ่ง ถังจิ้งจือมีหรือจะยอมจบง่ายๆ?เขาข่มกลั้นความโกรธไว้เต็มอกก่อนที่ฉู่เฉินจะมาอยู่แ
เพียะ!ถังจิ้งจือยังพูดไม่ทันจบ ฉู่เฉินสะบัดฝ่ามือใส่หน้าเขาอย่างแรง ถังจิ้งจือถูกตบจนตัวหมุน แว่นตาบนหน้ากระเด็นออกไปไกลสามเมตร ตกกระแทกพื้นแตกเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย“ใครมอบความกล้าให้คุณ ถึงได้กล้าพูดจาหยาบคายต่อหน้าผม!”พูดจบ ฉู่เฉินลุกขึ้นและหันไปพูดกับท่านเฉียวว่า “ท่านเฉียว กินยาบำรุงปราณแล้วผมจะใช้วิชาฝังเข็มกระตุ้นให้ฤทธิ์ยากระจายไปทั่วร่างกายของคุณเอง”ท่านเฉียวเหลือบมองท่านหลงที่สีหน้าดำทะมึนแวบหนึ่ง แต่ก็ยังทำตามที่ฉู่เฉินบอกท่านเฉียวเพิ่งจะกินยาบำรุงปราณ ฉู่เฉินยกมือขึ้นพร้อมกับเข็มเงินสามเล่มที่ลอยอยู่กลางอากาศ ส่งเสียงดังหึ่งๆ เป็นระยะภาพเหตุการณ์นี้ทำให้แม้แต่ท่านหลงก็ยังต้องลุกขึ้นยืนด้วยความตกตะลึง มองฉู่เฉินและอุทานด้วยความตื่นตาตื่นใจว่า “นะ… นี่มันวิชาฝังเข็มเสวียนเทียนคืนวิญญาณ?!”บอกตามตรง ทั้งชีวิตท่านหลงเคยเห็นแค่ครั้งเดียวนั่นก็คือตอนที่นักพรตพเนจรท่านหนึ่งใช้วิชานี้เพื่อรักษาท่านอาจารย์ที่หอคอยเทียนจื่อในเมืองหลวงตอนนั้น นักพรตพเนจรคนนั้นพูดเองกับปาก บนโลกนี้นอกจากเขาก็ไม่มีใครสามารถใช้วิชาลึกลับนี้ได้อีกพริบตาเดียวก็ผ่านไปแล้วหลายสิบปี แพทย์ชื่อด
“ท่านหลง… ผม…”ท่านหลงเอามือไพล่หลัง เอ่ยเสียงเย็นว่า “ทักษะการแพทย์ไม่ได้เรื่องยังเรียนเพิ่มได้ แต่จิตใจไร้คุณธรรมนั้นไม่เหมือนกัน อาวุโสถัง รักษาตัวด้วยก็แล้วกัน!”“ผม…”ถังจิ้งจือยังคิดจะแก้ตัวต่อ แต่ถานเฟยไม่เปิดโอกาสให้เขา เดินเข้าไปกระชากคอเสื้อของถังจิ้งจือและโยนเขาออกจากห้องผู้ป่วย ราวกับเขาเป็นเพียงขยะชิ้นหนึ่งเท่านั้นท่านหลงจ้องแผ่นหลังของเฉียวเทียนฉี่และฉู่เฉิน ก่อนจะหันไปบุ้ยปากสั่งถานเฟยนว่า “ไป ขอช่องทางติดต่อคุณฉู่มา”“ครับ!”ถานเฟยรับคำ จากนั้นก็รีบวิ่งตามไปท่านเฉียวมองถานเฟยที่เดินห่างออกไป หันมาพูดกับท่านหลงว่า “หัวหน้า คุณไม่จำเป็นต้องทำอย่างนี้เลย เทียนฉี่มีเบอร์โทรของคุณฉู่อยู่แล้ว ผมให้เขาส่งให้คุณก็ได้นี่”ท่านหลงโบกมือยิ้มๆ “ไม่ได้ครับ! จะขอร้องยอดฝีมือ ก็ต้องแสดงท่าทีอ้อนวอนให้เขาเห็น ถ้าหากเสียวฉู่ยอมคบเพื่อนอย่างผมคนนี้ เขาย่อมให้ช่องทางติดต่อกลับมา ถ้าหากเขาไม่อยากเป็นเพื่อนกับผม ถึงผมจะโทรหาเขาเอง จะมีประโยชน์อะไรล่ะ”ถึงแม้จะรู้จักกันแค่ช่วงเวลาสั้นๆ แต่ท่านหลงกลับดูออกว่าฉู่เฉินไม่ใช่คนที่จะสามารถใช้อำนาจกำราบได้ไม่อย่างนั้น เมื่อกี้เขาไม่มีท
ถังจิ้งจือกัดฟันชี้หน้าฉู่เฉิน ข่มขู่ด้วยน้ำเสียงเยือกเย็นถึงไม่มีท่านหลงหนุนหลังแล้ว เขาก็มั่นใจว่าสามารถใช้เส้นสายและวิธีการต่างๆ บีบแพทย์แผนจีนตัวเล็กๆ ในเมืองเจียงจงคนนี้ให้ตายคามือได้อย่างแน่นอนในสายตาของเขา การจะฆ่าฉู่เฉินเป็นเรื่องที่ง่ายเหมือนบี้มดตัวหนึ่งเท่านั้น!ฉู่เฉินหัวเราะเบาๆ ขณะจ้องพิจารณาถังจิ้งจือด้วยสายตาดูถูก “งั้นเรารอดูกันต่อไปก็แล้วกัน แต่คุณอย่าทำอะไรเกินตัว จนเอาชีวิตแก่ๆ เข้าไปเสี่ยงด้วยก็แล้วกัน”“แก…”ฉู่เฉินไม่อยากฟังถังจิ้งจือเห่าหอน เขาเปิดประตูรถเข้าไปนั่งทันทีถังจิ้งจือจ้องไฟท้ายรถของฉู่เฉินที่ขับห่างออกไปแล้ว โกรธจนแทบจะคลั่ง แต่กลับทำอะไรฉู่เฉินไม่ได้เลย“ไอ้แซ่ฉู่ แกคอยดูไว้เถอะ!”ถังจิ้งจือคำรามเสียงลั่น กระชากชุดกราวน์บนตัวปาทิ้งบนพื้นแรงๆเห็นถังจิ้งจือที่โกรธหัวฟันหัวเหวี่ยงผ่านกระจกมองหลัง ฉู่เฉินแสยะยิ้มเยาะ จากนั้นก็หักเลี้ยวพวงมาลัยไปทางซินฉู่ฟาร์มาซูติคอลได้ยินว่าฉู่เฉินมาตรวจตรางาน กวนเหล่ยเปลี่ยนไปใส่กระโปรงสั้นลายเสือดาวดูยั่วยวน แล้วยังจงใจดึงคอเสื้อลงข้างล่างอีก เธอยืนรอฉู่เฉินอยู่หน้าลิฟต์นานแล้วเมื่อประตูลิฟต์เปิดออกก
หลังจากขึ้นเครื่องบินที่จะมุ่งหน้าสู่เมืองหมอตู ฉู่เฉินถึงเพิ่งรู้จากกู้รั่วเสวี่ย ว่าตระกูลหลี่และตระกูลกู้ได้ร่วมมือกันบุกเบิกพื้นที่ใหม่ที่อยู่ใกล้เคียงกับเมืองหมอตูแต่ตระกูลกู้เพิ่งควักทุนก้อนโต เพิ่งได้รับพื้นที่ผืนนั้นมา จู่ๆ ตระกูลหลี่ก็ถอนทุนคืนกลางคันเมื่อเป็นอย่างนั้น ตระกูลกู้จึงกลืนไม่เข้าคายไม่ออกถึงจะได้ที่ดินมาแล้ว แต่กลับไม่มีทุนสร้างตึก ถ้าหากไม่ส่งต่อในราคาต่ำ ก็ทำได้เพียงปล่อยว่างไว้อย่างนั้น ไม่อย่างนั้นทุนนับหมื่นล้านก็ต้องจมอยู่กับที่ดินผืนนั้นหากปล่อยไว้นาน ตระกูลกู้อาจเสี่ยงเจอสภาวะหมุนเงินทุนไม่ทันฟังกู้รั่วเสวี่ยเล่าจบ ฉู่เฉินขมวดคิ้วบอกว่า “ต้องใช้เงินทุนเท่าไรในการก่อสร้างบนที่ดินผืนนั้น”กู้รั่วเสวี่ยเท้าคางครุ่นคิดครู่หนึ่ง “อย่างน้อยก็หนึ่งหมื่นล้านบาท”“อีกอย่าง นี่ยังเป็นแค่ค่าใช้จ่ายช่วงแรก ถ้าหากสร้างเสร็จทั้งหมดยังต้องลงทุนต่ออีกห้าหมื่นล้านบาท”ฉู่เฉินพยักหัว “นั่นก็หมายความว่า ทั้งหมดต้องใช้เงินแค่หกหมื่นล้านบาท? ที่ดินผืนนั้นตระกูลกู้วางแผนไว้ยังไงล่ะ จะสร้างเป็นสถานบันเทิง หรือว่า…”“วางแผนไว้ว่าจะสร้างศูนย์รวมที่พัก เที่ยว และร้า
สิ้นเสียง คนในตระกูลหลินต่างก้าวเท้าไปข้างหน้าและล้อมจ้าวเต๋อฉวนไว้ดูเหมือนว่าถ้าพูดไม่ถูกใจก็จะลงมือทันทีจ้าวเต๋อฉวนโกรธจนหัวเราะกับคนตระกูลหลิน มองสำรวจหลินเจิ้งไท่และกล่าวอย่างเย็นชา “ให้คำอธิบายกับคุณน่ะเหรอ? ผมจะอธิบายอะไรให้คุณล่ะ”หลินเจิ้งไท่สีหน้ามืดมน กัดฟันกล่าวว่า “พวกเราดักฆ่าฉู่เฉินที่นี่แล้วผิดอะไร? เจ้าสำนักก็เคยกล่าวไว้ ถ้าได้หยกโลหิตกิเลนมาก็เป็นประโยชน์ต่อสำนักชิงอวิ๋นของเราอย่างยิ่ง หัวหน้าจ้าวไม่รู้เหรอครับ?”“หึ ดักฆ่าฉู่เฉิน?”จ้าวเต๋อฉวนกัดฟันกรอดจนฟันแทบแตก มองหลินเจิ้งไท่อย่างเย็นชาและกล่าวว่า “พวกคุณคิดว่ามีแค่พวกคุณที่ได้รับข่าวว่าฉู่เฉินนำหยกโลหิตกิเลนเข้าสู่โลกแห่งการหยั่งรู้งั้นเหรอ?”“จนถึงตอนนี้ ฉู่เฉินยังคงปลอดภัยดี พวกคุณไม่คิดบ้างเหรอว่าทำไม?”หมายความว่ายังไง?เมื่อได้ยินเช่นนี้ หลินเจิ้งไท่ก็มองไปที่จ้าวเต๋อฉวนด้วยความไม่เข้าใจ“ไม่แปลกใจเลยที่เจ้าสำนักดูถูกพวกคุณตระกูลหลิน พวกคุณสร้างปัญหาให้เจ้าสำนักเก่งจริงๆ”ตอนนี้จ้าวเต๋อฉวนโกรธจนอยากจะด่าคน ไม่เคยเจอใครโง่งมขนาดนี้มาก่อน“หัวหน้าจ้าว หวังว่าคุณจะอธิบายให้ชัดเจนครับ”หลินเจิ้งไท่
ในขณะนี้ หลิงเสวี่ยก็รู้สึกตื่นตระหนกเล็กน้อยเช่นกันเพราะไม่ใช่แค่หลินเจิ้งไท่เท่านั้น รวมถึงยอดฝีมือของตระกูลหลินทั้งสามที่อยู่เบื้องหลังเขาต่างก็ก้าวมาข้างหน้าหนึ่งก้าวแม้ว่าตอนนี้หลิงเสวี่ยจะอยู่ระดับสร้างรากฐานขั้นแปด แต่ก็ไม่ใช่คู่ต่อสู้ของหลินเจิ้งไท่อย่างแน่นอนยิ่งกว่านั้น เหล่าคนที่อยู่เบื้องหลังหลินเจิ้งไท่ก็ล้วนมีพลังระดับสร้างรากฐานขั้นสูงสุด ถ้าลงมือขึ้นมาจริงๆ เธอและฉู่เฉินก็ไม่มีโอกาสชนะเลยแม้แต่น้อย“ฉู่เฉิน ฉันบอกคุณนานแล้วว่าอย่าอยู่ในโลกแห่งการหยั่งรู้นานเกินไป คุณก็ไม่ฟัง”หลิงเสวี่ยกระซิบตำหนิฉู่เฉินไปพลาง มองไปรอบๆ อย่างกระวนกระวายไปพลางเมื่อเห็นว่าหลิงเสวี่ยเริ่มลนลานแล้ว หลินฮ่าวที่กำลังเอามือกุมหน้าก็ปาดเลือดที่มุมปากออก ก้าวไปข้างหน้าและมองสำรวจฉู่เฉินด้วยความดูถูกพลางกล่าวว่า “ไอ้คนแซ่ฉู่ ตอนนี้รู้แล้วหรือยังล่ะ?”ขณะกล่าว ก็กวาดตามองไปยังเหล่ายอดฝีมือของตระกูลหลินและกล่าวอย่างเย็นชา “ตอนนี้ จงส่งหยกโลหิตกิเลนมาซะ และทิ้งผู้หญิงข้างๆ แกไว้ ไม่งั้น ตาย!”ทันทีที่คำว่าตายหลุดออกมา คนในตระกูลหลินแทบจะก้าวเท้าไปข้างหน้าพร้อมกันแรงกดดันอันน่าสะพรึงกลัว
ในขณะที่คนในตระกูลหลินกำลังหัวเราะเยาะอยู่ในใจ ก็อดไม่ได้ที่จะถอนหายใจ คนแซ่ฉู่คนนี้ช่างมีดวงผู้หญิงของผู้หญิงจริงๆ“ผมเอง มีอะไรเหรอครับ?”ฉู่เฉินเหลือบมองหลินฮ่าวและคนอื่นๆ แล้วพยักหน้าเล็กน้อย“เหอะๆ มีอะไรงั้นเหรอ?”หลินฮ่าวหัวเราะอย่างเย็นชาและกล่าวว่า “ฉู่เฉิน แกคงไม่รู้ตัวว่าใกล้ถึงวาระสุดท้ายของแกแล้วสินะ?”ฉู่เฉินขมวดคิ้ว มองสำรวจหลินฮ่าวและคนอื่นๆ พร้อมกับสงสัยว่า “ใกล้ถึงวาระสุดท้าย? ดูเหมือนว่าเราจะไม่เคยมีเรื่องบาดหมางกันนะครับ?”ขณะกล่าว ฉู่เฉินและหลิงเสวี่ยต่างก็มองไปที่สมาชิกตระกูลหลินด้วยความระแวดระวังแม้ว่าคนเหล่านี้จะอยู่ในระดับสร้างรากฐานขั้นหกเท่านั้น แต่ฉู่เฉินกลับรู้สึกได้อย่างชัดเจนว่ายอดฝีมือจำนวนมากกำลังมุ่งหน้ามาทางนี้เมื่อหลินฮ่าวได้ยินเช่นนี้ ก็แค่นเสียงเย็นและกล่าวว่า “คนแซ่ฉู่ แกจะแสร้งทำเป็นไม่รู้เรื่องไปทำไม เจ้าสำนักให้เวลาแกสามวันเพื่อไปรับโทษตายที่สำนักชิงอวิ๋น แกคิดว่าแกซ่อนตัวอยู่ในโลกแห่งการหยั่งรู้แล้วจะไม่มีใครหาแกเจองั้นเหรอ?”“ฉันแนะนำให้แกส่งหยกโลหิตกิเลนมาจะดีที่สุด แล้วทิ้งผู้หญิงข้างๆ แกไว้ ไม่งั้นฉันจะฆ่าแกให้ตายอย่างไม่เหลือซาก
ในความเป็นจริงทั้งเมืองชิงหลง แทบจะอยู่ภายใต้อิทธิพลของสำนักชิงอวิ๋นตระกูลจ้าวและตระกูลสวี่ก็ล้วนเป็นศิษย์ของสำนักชิงอวิ๋นเช่นกันถ้าตระกูลหลินเป็นฝ่ายเริ่มเสนอการสังหารฉู่เฉินพื่อแย่งชิงสมบัติ จากนั้นนำหยกโลหิตกิเลนไปมอบให้กับธรรมมาจารย์สำนักชิงอวิ๋น ดูเหมือนว่าตระกูลหลินของพวกเขาก็คงจะได้ความดีความชอบเป็นอันดับแรกสิ่งที่สำคัญที่สุดก็คือจ้าวเต๋อฉวนเป็นทายาทรุ่นที่สองของตระกูลจ้าวและยังเป็นเจ้าสำนักชิงอวิ๋นอีกด้วยถ้าใจร้อนอยากได้ความดีความชอบโดยปกปิดตระกูลจ้าว ทันทีที่เป็นศัตรูกับตระกูลจ้าว ก็ยากที่จะรับประกันได้ว่าในอนาคตจะไม่ถูกจ้าวเต๋อฉวนกีดกันดังนั้น ข้อเสนอของหลินฮ่าวจึงได้รับการเห็นชอบอย่างเป็นเอกฉันท์จากบรรดาผู้เฒ่าตระกูลหลินอย่างรวดเร็วในไม่ช้า ตระกูลหลินก็เริ่มดำเนินการ โดยส่งยอดฝีมือจำนวนมากติดตามหลินฮ่าวไปดักรอฉู่เฉินนอกเมืองชิงหลงอีกด้านหนึ่ง ยังได้ส่งลูกหลานตระกูลหลินไปจำนวนไม่น้อยไปแจ้งตระกูลจ้าวและตระกูลสวี่แค่ยอดฝีมือระดับสร้างรากฐานขั้นที่หกของตระกูลหลิน ก็มีมากถึงสิบกว่าคนแล้วเมื่อรวมกับตระกูลจ้าวและตระกูลสวี่ ภายใต้การร่วมมือของสามตระกูล ไม่ต้องพูดถึง
แม้ว่าจะไม่มีตึกสูง แต่ที่นี่ก็มีสินค้าอุปโภคบริโภคสมัยใหม่บางชนิดจำหน่ายด้วยเหมือนกันหลังจากฟังคำแนะนำของหลิงเสวี่ย ฉู่เฉินก็พยักหน้าและกล่าวว่า “ได้ งั้นไปที่เมืองชิงหลงกันก่อน”อันที่จริง ในด้านหนึ่งฉู่เฉินต้องการเรียนรู้เกี่ยวกับโลกแห่งการหยั่งรู้ และในอีกด้านหนึ่งก็ต้องการค้นหาวัตถุดิบยาในเมืองชิงหลงด้วยอย่างไรก็ตาม ตอนนี้เจ้าทึ่มก็ถึงคอขวดแล้ว และจำเป็นต้องคิดหาวิธีที่จะเปลี่ยนเขาให้กลายเป็นผีดิบเหินฟ้าโดยเร็วที่สุดไม่อย่างนั้น ฉู่เฉินก็คงจะขาดคู่ซ้อมที่แข็งแกร่งไปคนหนึ่งไม่ใช่เหรอ“คุณจะไปเมืองชิงหลงจริงๆ เหรอ? คุณควรรู้ไว้ว่าตอนนี้คุณในโลกแห่งการหยั่งรู้ก็เหมือนกับเป็นสมบัติที่มีชีวิต ไม่รู้ว่ามีคนจำนวนเท่าไหร่ที่กำลังเล็งคุณอยู่”หลิงเสวี่ยกล่าวพลางขมวดคิ้วแน่นไม่ใช่ว่าเธอเป็นห่วงฉู่เฉินมากขนาดนั้น แต่ถ้าฉู่เฉินตกอยู่ในอันตราย เธอก็จะพลอยเดือดร้อนไปด้วย“เมื่อวานเกิดเรื่องใหญ่ขนาดนั้น ยังมีใครกล้าคิดร้ายกับผมอีกงั้นเหรอ?”ฉู่เฉินถามด้วยความสงสัยชิ!หลิงเสวี่ยกลอกตามองฉู่เฉินและกล่าวด้วยสีหน้าจนใจ “คุณคิดว่าเหตุการณ์เมื่อวานนี้จะสร้างความฮือฮาได้มากขนาดไหน แม้ว่า
เมื่อได้ยินคำพูดนี้ ปรมาจารย์ว่านเจี้ยนอดหน้ามืดไม่ได้ แทบจะเป็นลมคาที่นี่ไม่อาจใช้คำว่ามากเกินไปมาบรรยายฉู่เฉินได้แล้ว ปรมาจารย์ฝืนข่มกลั้นโทสะในใจ เอ่ยด้วยรอยยิ้มฝืน ๆ ว่า “คุณฉู่ คุณไม่คิดว่าข้อเรียกร้องของคุณมันมากเกินไปเลยหรือไง?”“ฆ่าคนก็แค่เอาหัวโขกพื้น คะ...คุณเห็นวังเทียนเจี้ยนของผมรังแกง่ายจริง ๆ เหรอ?” ฉู่เฉินหัวเราะหยัน กวาดตามองปรมารจารย์ว่านเจี้ยนแวบหนึ่งแล้วพูดว่า “รังแกคุณแล้วยังไง? เอาของตามใบรายการนี้มา แล้วผมจะหันกายจากไปโดยไม่พูดอะไรเลย”“ถ้าคุณกล้าพูดคำว่าไม่สักคำละก็ ผมก็มีวิธีทำให้วังเทียนเจี้ยนของคุณหายวับไปกับตา” ข่มขู่ ข่มขู่กันอย่างโจ่งแจ้ง“ไอ้คนแซ่ฉู่ แกเหิมเกริมไปแล้ว...” ไม่รอให้ศิษย์ของวังเทียนเจี้ยนที่อยู่ในห้องโถงใหญ่เอ่ยปาก ปรมารจารย์ว่านเจี้ยนก็รีบยกมือห้ามเอ่ยว่า “หุบปากให้หมด!” หลังจากผ่านเหตุการณ์ทุกอย่างที่เกิดขึ้นเมื่อวาน เวลานี้ปรมารจารย์ว่านเจี้ยรไม่สงสัยความสามารถของฉู่เฉินเลยสักนิดเดียวอย่างแย่ที่สุด ฉู่เฉินก็สามารถลากวังเทียนเจี้ยนให้ตายตกตามกันได้ต้องรีบไล่ตัวซวยคนนี้ออกไปโดยเร็วที่สุดถุงจะถูกเมื่อคิดได้ดังนั้น ปรมาจ
ไม่อย่างนั้น เธอก็คงไม่มีทางกระโดดจากสาวใช้ธรรมดา ๆ กลายเป็นสุดยอดฝีมือระดับสร้างรากฐานชั้นแปดภายในระยะเวลาห้าปีสั้น ๆ หรอก แต่ว่าฉู่เฉินรู้เรื่องพวกนี้ได้อย่างไร?เมื่อเห็นหลิงเสวี่ยตะลึงจนพูดไม่ออก ฉู่เฉินก็แหงนหน้าหัวเราะเสียงดังแล้วพูดว่า “ดูท่าจะตรงตามที่ผมเดาไว้จริง ๆ ปรมาจารย์คนดีของคุณอยากเลี้ยงคุณจนสมบูรณ์แล้วค่อยดูดกลืนคุณจนแห้งไงละ” เมื่อหลิงเสวี่ยได้ยินคำพูดนี้ พลันร้อนใจขึ้น ถลึงตามองฉู่เฉินอย่างเย็นชาและกล่าว “ฉู่เฉิน ห้ามคุณพูดจาเหลวไหลนะ”ถึงแม้ว่าปรมาจารย์ว่านเจี้ยนจะเห็นเธอเป็นของชิ้นหนึ่ง มอบเธอให้ฉู่เฉิน แต่ว่าสำนักเคยมีบุญคุณกับเธอจริง ๆ“พูดจาเหลวไหล? กลัวว่าคุณโดนคนอื่นขายแล้ว ยังช่วยเขานับเงินด้วยละมั้ง?”ฉู่เฉินหัวเราะหยัน จากนั้นก็อธิบายวิชาบำเพ็ญคู่ให้ฟังสั้น ๆ และบอกเรื่องคุณสมบัติร่างกายพิเศษอย่างร่างธาตุสวรรค์บริสุทธิ์ว่ามีประโยชน์มากเท่าไหร่ต่อผู้ฝึกวิชาบำเพ็ญคู่ให้ฟังตามความเป็นจริง หลังจากฟังคำพูดนี้ของฉู่เฉินจบก็ทำลายสามมุมมองของหลิงเสวี่ยอย่างแท้จริง “เป็นไปไม่ได้ ต้องไม่ใช่ความจริงแน่นอน ท่านปรมาจารย์มักจะสอนพวกเราว่าผู้บำเพ็ญเพียนต้องทำ
ถึงแม้ว่าในใจของปรมาจารย์ว่านเจี้ยนจะไม่เต็มใจอย่างยิ่ง แต่ก็ทำได้เพียงปล่อยให้ฉู่เฉินจูงมือหลิงเสวี่ยเดินเข้าไปในเรือนเจ้าสำนักที่เขาอาศัยอยู่ ในตอนที่ฉู่เฉินปิดประตูห้องจนสนิท พวกศิษย์ของวังเทียนเจี้ยนต่างก็เผยสีหน้าเจ็บปวดและไม่ยินยอมออกมาจบแล้ว!เทพธิดาในใจของพวกเขา น้องศิษย์เล็กที่พวกเขาเฝ้าปรารถนา โดนไอ้เดรัจฉานฉู่เฉินย่ำยีแบบนี้แล้วเมื่อผลักประตูเดินเข้าไปในห้องนอนด้านใน ฉู่เฉินก็อดตื่นตาตื่นใจไม่ได้ไอ้แก่ตายยากอย่างปรมาจารย์ว่านเจี้ยนคนนี้เสพสุขเก่งจริง ๆ บนเตียงหยกน้ำแข็งมีอุปกรณ์ของเล่นต่าง ๆ ครบครัน นอกจากนี้ยังมีหมอนรองเอวโดยเฉพาะอีกด้วยไอ้เชี่ยนี่ เฒ่าหัวงูถึงจะเป็นคนตัณหากลับ จริง ๆ เมื่อเห็นเฟอร์นิเจอร์ในห้องปรมาจารย์ว่านเจี้ยน หลิงเสวี่ยก็อดขมวดคิ้วไม่ได้พลางกล่าวว่า “ทำไมในห้องของปรมาจารย์ถึงจะมีหมอนสองใบล่ะ อีกอย่าง ทำไมหมอนใบนี้ดูไปแล้ว ไม่ค่อยเหมือนเลย?” หลิงเสวี่ยพูดพลางเอื้อมมือจะไปหยิบหมอนรองเอวใบนั้นขึ้นมา แต่โดนฉู่เฉินขวางไว้ทันที“อีกเดี๋ยวคุณก็จะรู้เองว่าหมอนใบนี้เอาไว้ใช้ทำอะไร เข้ามาสิ”ระหว่างที่พูด ฉู่เฉินก็ดึงหลิงเสวี่ยให้นั่งลงข้างเตียง
เมื่อได้ยินคำพูดนี้ พวกว่านโซ่วเซียนเวิงก็ถอนหายใจติดต่อกันด้วยสีหน้าเสียดายในตอนนี้เอง แผ่นกระดาษสีขาวที่เขียนตำรับยาสร้างกล้ามเนื้อพลันลอยมาจากในวังเทียนเจี้ยน“ผู้อาวุโสทั้งหลาย ขอบคุณครับ”วินาทีต่อมา เสียงของฉู่เฉินดังออกมาจากห้องโถงใหญ่ของวังเทียนเจี้ยนพวกว่านโซ่วเซียนเวิงรับสูตรยาที่ฉู่เฉินส่งมา ก่อนจะมองไปทางตำหนักหลักของวังเทียนเจี้ยนอย่างลึกซึ้งแวบหนึ่ง“พวกเราไปกันเถอะ”ว่านโซ่วเซียนเวิงคัดลอกสูตรยาไว้หนึ่งชุด แล้วก็พาลูกศิษย์แห่งสำนักว่านเซียนหันกายเดินจากไป“เหอะ ๆ... ไอ้หนูมีน้ำใจแล้ว ถือว่าฉันติดหนี้บุญคุณเธอแล้ว ไว้พบกันใหม่”ผู้เฒ่าเทียนเสวียนก็คว้าสูตรยามาเช่นกันก่อนจะคัดลอกทันที จากนั้นเขาก็หันกายพาหลินเจี้ยนเฟิงลอยจากไปไม่นานนัก ผู้คนที่มามุงดูความคึกคักรอบนอกวังเทียนเจี้ยนก็ทยอยกันแยกย้ายไปหมดฉู่เฉินมองปรมาจารย์ว่านเจี้ยนที่หน้าแดงก่ำดูอับอายอย่างยิ่งยวด ก่อนจะหัวเราะหยันแล้วพูดว่า “เมื่อกี้คุณบอกว่าใครใกล้ตายนะ?”ปรมาจารย์ว่านเจี้ยนมองฉู่เฉินพลางกัดฟันกรอด แม้ว่าตอนนี้ภัยคุกคามของวังเทียนเจี้ยนจะถูกขจัดไปแล้ว แต่ไม่ว่าอย่างไรเขาก็ไม่กล้าแตะต้องฉู่เฉ